ของขวัญวาเลนไทน์นี้ต้องไม่พลาดช่อกุหลาบโคนไอศกรีม เนื้อในเป็นเค้กเรดเวลเวตกับครีมชีส รสครีมมี่และเปรี้ยวนิดๆ มีครีมดอกกุหลาบสีสันสวยงามปักอยู่เป็นช่อ   ส่วนผสมเค้กเรดเวลเวต แป้งเค้ก 350 กรัม | ผงฟู 1 ช้อนชา | ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ | เกลือ 1/2 ช้อนชา | เนยจืด 120 กรัม | น้ำตาลทราย 320 กรัม | ไข่แดง 4 ฟอง | น้ำมันคาโนล่า 230 กรัม | กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา | สีผสมอาหารสีแดงสด 2 ช้อนชา | บัตเตอร์มิลก์ 240 กรัม | ไข่ขาว 4 ฟอง | น้ำตาลทราย 80 กรัม (สำหรับตีไข่ขาว)   วิธีทำ ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู ผงโกโก้ และเกลือ เตรียมไว้ ตีเนยจืดกับน้ำตาลทรายให้เนื้อฟูเล็กน้อย ใส่ไข่แดง น้ำมันคาโนล่า กลิ่นวานิลลา สีผสมอาหาร และบัตเตอร์มิลก์ ตีผสมต่อจนเนื้อเนียนละเอียด ค่อยๆ ใส่แป้งที่เตรียมไว้จนหมด ตีให้เข้ากัน ในชามผสมอีกใบตีไข่ขาวกับน้ำตาลทรายจนขึ้นฟูและตั้งยอดแข็ง ตักใส่ส่วนผสมแป้งแล้วค่อยๆ ตะล่อมให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน เทใส่ถาดที่รองด้วยกระดาษไขทาเนยเล็กน้อย เกลี่ยให้ทั่วถาด นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นาน 12-15 นาที หรือจนเค้กสุก พักเค้กให้หายร้อนบนตะแกรง กดเค้กด้วยพิมพ์วงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3 นิ้ว เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำครีมชีส ครีมชีส 420 กรัม | เนยจืด (อุณหภูมิห้อง) 170 กรัม | น้ำตาลทราย 500 กรัม | กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา | เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา | น้ำตาลไอซิง 100 กรัม    ตีส่วนผสมให้เข้ากันด้วยหัวตีตะกร้อจนเนื้อฟูและเนียนละเอียด ตักใส่ถุงบีบ เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีประกอบขนม โคนไอศกรีมวัฟเฟิล 2 โคน | เนื้อเค้กเรดเวลเวต 4-6 ชิ้น | ครีมชีส | วิปครีมผสมสีต่างๆ ตามชอบสำหรับบีบเป็นรูปดอกกุหลาบ | ใบไม้สำหรับตกแต่ง ใส่เนื้อเค้กลงในโคนไอศกรีม บีบครีมชีส แล้วนำเค้กอีกชิ้นวาง จากนั้นบีบครีมให้เป็นช่อดอกกุหลาบและตกแต่งด้วยใบไม้ให้สวยงาม

เจลลีกุหลาบสีโอลด์โรสสวยหวาน ซ่อนดอกกุหลาบออร์แกนิกที่เห็นกลีบดอกซ้อนกันสวยงาม ทั้งชวนมองและชวนชิม   ส่วนผสม (สำหรับ 8 ชิ้น) ผงวุ้น 1 ช้อนโต๊ะ แผ่นเจลาติน (แช่ในน้ำเย็น) 5 แผ่น กลิ่นกุหลาบ (Rose Water) 1 ช้อนโต๊ะ น้ำชากุหลาบ 1 ลิตร น้ำตาลทราย 1 ถ้วย กลีบกุหลาบแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ สีผสมอาหารสีส้มและสีชมพูตามชอบ ดอกกุหลาบออร์แกนิกเลือกตามชอบ วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อใบเล็ก (ยกเว้นเจลาตินและดอกกุหลาบ) คนให้ละลายเข้ากัน พักไว้ประมาณ 15 นาที นำขึ้นตั้งไฟ ต้มให้พอเดือดประมาณ 5-10 นาที คนให้ผงวุ้นละลาย ใส่เจลาติน คนต่อและต้มให้เดือดสักครู่ ปิดไฟ พักไว้ให้หายร้อน ตักส่วนผสมใส่ลงในพิมพ์ซิลิโคนครึ่งวงกลมประมาณ 3/4 ของพิมพ์ ใส่ดอกกุหลาบแล้วค่อยๆ กดให้อยู่ตรงกลางพิมพ์ พักให้อยู่ตัวสักครู่ เติมวุ้นให้เต็มพิมพ์แล้วนำเข้าแช่ตู้เย็นจนเซ็ตตัว นำออกจากตู้เย็นแล้วค่อยๆ แกะออกจากพิมพ์ เสิร์ฟทันที

ส่วนผสมแป้ง แป้งข้าวเหนียว 1 1/2 ถ้วย แป้งเท้ายายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย น้ำร้อน 1/2 ถ้วย น้ำเย็นประมาณ 1/2 ถ้วย สีผสมอาหารสีชมพูเล็กน้อย                         น้ำเต้าหู้ เครื่องเคียง เช่น แปะก๊วย เม็ดบัวเชื่อม และเห็ดหูหนูขาว ส่วนผสมและวิธีทำน้ำเชื่อมขิง ขิงแก่บุบ 3-4 ชิ้น | น้ำตาลทราย  2  ถ้วย | น้ำเปล่า 2 ถ้วย | ใบเตยมัด 2-3 ใบ ต้มน้ำเปล่ากับน้ำตาลทรายจนเดือดและน้ำตาลละลายหมด ใส่ขิงและใบเตย ต้มให้เดือดสักครู่ กลิ่นหอม ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น วิธีทำบัวลอย ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งเท้ายายม่อม และแป้งข้าวเจ้าเข้าด้วยกัน  ใส่น้ำร้อน คนผสมด้วยช้อนไม้ แป้งจะจับตัวเป็นเม็ดหยาบๆ ค่อยๆ ใส่น้ำเย็นทีละน้อย ค่อยๆ นวดให้เข้ากันจนเป็นก้อน ใส่สีผสมอาหาร 1-2 หยด นวดให้เข้ากันจนได้สีตามชอบ ปิดด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาดๆ ไว้ประมาณ 20 นาที ปั้นแป้งเป็นลูกเล็กๆ ใส่ลงต้มในน้ำเดือด เมื่อสุกแป้งจะลอย ตักขึ้นแล้วใส่ในน้ำเย็น พักไว้ อุ่นน้ำเต้าหู้ใส่น้ำเชื่อมขิง ตักบัวลอยใส่ ใส่เครื่องเคียงตามชอบ

ส่วนผสมมาร์ซิแพน (สำหรับ 6-8 ลูก) อัลมอนด์ป่น 2 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 2 ถ้วย กลิ่นอัลมอนด์ 1 ช้อนชา กลิ่นส้ม 2 ช้อนชา ไข่ขาวพาสเจอไรซ์ 1 ฟอง สีผสมอาหารสีเหลือง 1 ช้อนชา วิธีทำ ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันและเนื้อเนียน ตักใส่กระดาษไขแล้วนวดต่อเล็กน้อย คลุมด้วยพลาสติกแร็ปแล้วพักในตู้เย็นไว้ประมาณ 30-45 นาที ก่อนนำมาปั้น ส่วนผสมและวิธีทำไส้ขนม ดาร์กช็อกโกแลตละลาย 120 กรัม | เนื้อส้มเชื่อมตากแห้งหั่นเต๋าเล็ก 3/4 ถ้วย | ถั่วอัลมอนด์สับหยาบ 3/4 ถ้วย | วอลนัตสับหยาบ 3/4 ถ้วย | ไพน์นัต 1/4 ถ้วย คลุกส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนเล็กๆ พักไว้ในตู้เย็นให้เซ็ตตัว วิธีปั้นผลส้ม แบ่งมาร์ซิแพนให้ได้น้ำหนักก้อนละประมาณ 30 กรัม ใช้มือกดให้เป็นหลุมตรงกลาง ใส่ไส้ช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ ปั้นให้เป็นลูกกลม ใช้มือกดเบาๆ ให้กลมแบนนิดๆ คล้ายผลส้ม แล้วใช้ไม้จิ้มให้ผิวขรุขระคล้ายกับผิวส้ม ทาสีผสมอาหารสีส้มกับสีเหลือง ตกแต่งด้วยใบส้มให้เหมือนจริงและสวยงาม

ส่วนผสมแป้ง (สำหรับ 8-12 ชิ้น) แป้งข้าวเหนียว 2 ถ้วย แป้งมันสำปะหลัง 1/4 ถ้วย น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วย      สีผสมอาหารสีแดง 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 1/4 ถ้วย ส่วนผสมและวิธีทำไส้ถั่ว ถั่วเหลืองซีกนึ่งสุก 2 ถ้วย | กะทิ 2 ถ้วย | น้ำตาลทรายขาว 1 1/2 ถ้วย ปั่นส่วนผสมทั้งหมดจนเนื้อเนียน เทใส่กระทะ กวนด้วยไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนจนเนื้อเนียนและเป็นก้อน เทใส่ถาดพักให้หายร้อนสักครู่ ปั้นเป็นก้อนละ 20 กรัม เตรียมไว้ วิธีทำ ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งมันสำปะหลัง และน้ำตาลทรายให้เข้ากัน ค่อยๆ เติมน้ำเปล่าแล้วนวดให้เป็นก้อน ใส่สีผสมอาหารและน้ำมันพืช นวดต่อให้เข้ากันจนเนื้อเนียน คลุมด้วยพลาสติกแร็ปพักไว้ประมาณ 25-30 นาที แบ่งแป้งให้ได้ก้อนละ 30-35 กรัม แผ่แป้งออกใส่ไส้ถั่วแล้วห่อให้มิด โรยแป้งเล็กน้อยที่พิมพ์รูปเต่าแล้วเคาะออก กดแป้งใส่พิมพ์ให้เป็นลายเต่า เคาะพิมพ์กับโต๊ะเบาๆ ให้แป้งหลุดออก วางลงบนใบตอง นำไปนึ่งด้วยไฟปานกลางนาน 10-15 นาที หรือจนแป้งสุก ปิดไฟ ทาด้วยน้ำมันพืชบางๆ จัดเสิร์ฟ

เคยกินแต่เป็ดไก่หัวหมูที่เป็นของคาว ถึงคราวลองกินเป็นของหวานดูบ้าง ชุดไหว้เจ้าจากวุ้นกะทิมะพร้าวอ่อน ที่นอกจากความอร่อยยังได้ความน่ารักเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร   ส่วนผสม เนื้อมะพร้าวอ่อน  3/4 ถ้วย น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วย ผงวุ้น 2 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย กะทิ 1 ถ้วย น้ำกาแฟเข้มข้น 1 ช้อนโต๊ะ ผงโกโก้ละลายน้ำร้อนเข้มข้น 1 1/2 ช้อนโต๊ะ พิมพ์รูปเป็ดพะโล้ ไก่ต้ม หัวหมู และลูกท้อ สีผสมอาหารสีเหลือง และสีชมพู วิธีทำ ปั่นเนื้อมะพร้าวอ่อนกับน้ำมะพร้าวอ่อนให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน เทส่วนผสมใส่หม้อ ใส่ผงวุ้น พักไว้ 10 นาที  เปิดไฟต้มส่วนผสมให้เดือดจนผงวุ้นละลายหมด ใส่กะทิ และน้ำตาลทราย คนให้น้ำตาลละลาย แบ่งส่วนผสมเป็น 4 ส่วน ส่วนที่ 1 ผสมกับน้ำโกโก้ คนให้เข้ากัน หยอดใส่พิมพ์รูปเป็ดพะโล้ ส่วนที่ 2 ผสมกับสีเหลืองอ่อน คนให้เข้ากัน หยอดใส่พิมพ์รูปไก่ต้ม ส่วนที่ 3 ผสมกับน้ำกาแฟ คนให้เข้ากัน หยอดใส่พิมพ์รูปหัวหมู ส่วนที่ 4 ผสมกับสีชมพู คนให้เข้ากัน หยอดใส่พิมพ์รูปลูกท้อ พักไว้ให้วุ้นแข็งตัวดี แกะวุ้นออกจากพิมพ์ จัดใส่ภาชนะให้สวยงาม  

เซาปิ่ง หรือซาลาเปาทอด เนื้อแป้งนุ่มๆ ใส่ไส้มันเทศสีส้มนึ่งสุกบด แล้วทอดจนสุกฟูหอมน่ากิน   ส่วนผสม มันเทศไข่หั่นชิ้นเล็ก 400 กรัม น้ำตาลทราย (1) 80 กรัม แป้งขนมปัง 200 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 130 กรัม ยีสต์แห้ง 2 1/2 ช้อนชา ไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟอง นมสดรสจืด 3/4 ถ้วย น้ำตาลทราย (2) 75 กรัม เกลือป่น 1/2 ช้อนชา น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ นึ่งมันเทศให้สุก นำไปบดกับน้ำตาลทราย (1) ให้เข้ากัน พักไว้ แบ่งมันเป็นก้อนละ 35 กรัม พักไว้ ผสมแป้งขนมปัง แป้งสาลี ยีสต์ น้ำตาลทราย (2) และเกลือให้เข้ากัน ใส่นมสด ไข่ ผสมพอให้แป้งเกาะกัน ใส่น้ำมันพืช นวดให้เข้ากันประมาณ 10 นาที พักแป้งไว้ 30 นาที แบ่งมันเป็นก้อนละ 35 กรัม เตรียมไว้ ตัดแป้งเป็นก้อนละ 55 กรัม คลึงเป็นก้อนกลม พักไว้ 10 นาที แผ่แป้งออก ใส่ไส้มัน หุ้มให้มิด คลึงเป็นก้อนกลม กดให้แบนเล็กน้อย แล้วนำไปกดลงบนงาขาว-งาดำ ตั้งกระทะพอร้อน ใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่แป้งลงทอดให้สุกเหลืองทั้ง 2 ด้าน   

ส่วนผสมแป้งทาร์ต แป้งสาลีอเนกประสงค์ 170 กรัม | อัลมอนด์ป่น 20 กรัม | น้ำตาลไอซิง 60 กรัม | เกลือ 1/4 ช้อนชา | เนยจืดหั่นเต๋า 90 กรัม | ไข่ไก่ 40 กรัม   วิธีทำ ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันในเครื่องผสม ใช้หัวตีใบไม้ตีประมาณ 2-3 นาทีจนพอเข้ากันดี ตักใส่พลาสติกแร็ป กดให้เป็นสี่เหลี่ยม พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 1-2 ชั่วโมงจนเซ็ตตัว รีดแป้งให้เป็นแผ่นบางประมาณ 3-5 มิลลิเมตร กรุลงพิมพ์ทาร์ตขนาด 8 นิ้ว ตัดแต่งขอบให้สวยงาม ใช้ส้อมจิ้มแป้งทาร์ตให้ทั่วเพื่อไม่ให้แป้งพองตัวขณะอบ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 165-170 องศาเซลเซียส นาน 15-20 นาที หรือจนแป้งทาร์ตสุกเหลืองสวย ทาแป้งทาร์ตด้วยไข่ขาวแล้วนำเข้าเตาอบต่อประมาณ 5 นาที พักไว้ให้เย็น (เพื่อไม่ให้แป้งชื้นเมื่อใส่ครีมลงไปในทาร์ต) ส่วนผสมเพสตรีครีม ไข่แดง 3 ฟอง | นมจืด 250 มิลลิลิตร | น้ำตาลทราย 35 กรัม | แป้งข้าวโพด 18 กรัม | ฝักวานิลลา 1 ฝัก | เจลาติน (ละลาย) 2 แผ่น | ครีมชีส 1 ก้อน (ประมาณ 250 กรัม) | น้ำตาลไอซิง 80 กรัม | วิปปิงครีม 250 มิลลิลิตร   วิธีทำ เตรียมเพสตรีครีมโดยผสมไข่แดง น้ำตาลทราย และแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน อุ่นนมกับฝักวานิลลาให้ร้อนเล็กน้อย ค่อยๆ รินใส่ส่วนผสมไข่ที่ตีไว้ คนผสมตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ไข่สุก เทกลับใส่หม้อต้มต่อให้ส่วนผสมข้นขึ้น ปิดไฟ แล้วกรองออกใส่ถ้วย ใส่เจลาติน แล้วคนต่อสักครู่ เทใส่ถาดคลุมด้วยแร็ปให้แนบหน้า พักไว้ในตู้เย็น ตีครีมชีสกับน้ำตาลไอซิงให้เนื้อเนียนและฟูขึ้นเล็กน้อย ใส่เพสตรีครีมแล้วตีต่อให้ส่วนผสมเข้ากัน ใส่วิปปิงครีม ตีต่อให้ส่วนผสมขึ้นฟูตั้งยอดปานกลาง เตรียมไว้   ของตกแต่ง สตรอว์เบอร์รีสดหั่น | บลูเบอร์รีสด | แบล็กเบอร์รี | เชอร์รีดองในน้ำเชื่อม | คุกกี้คริสต์มาส   วิธีตกแต่ง ตักครีมที่เตรียมไว้ใส่ให้เต็มทาร์ต ตกแต่งด้วยเบอร์รีและคุกกี้ให้สวยงาม พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้เซ็ตตัวก่อนเสิร์ฟ

ส่วนผสมเมอแรงก์ (สำหรับ 8-10 ลูก) ไข่ขาว 130 กรัม | น้ำตาลทราย 125 กรัม | น้ำตาลไอซิง 130 กรัม | สตรอว์เบอร์รีฟรีซดราย ราสป์เบอร์รีสด และน้ำตาลไอซิงสำหรับตกแต่งเล็กน้อย   วิธีทำ ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทรายด้วยหัวตีตะกร้อในเครื่องผสมโดยใช้ความเร็วสูงสุดจนตั้งยอดแข็ง ใส่น้ำตาลไอซิงแล้วตะล่อมด้วยพายยางให้เข้ากันจนส่วนผสมเป็นเนื้อเนียน ตักใส่ถุงบีบพร้อมหัวบีบ บีบใส่พิมพ์ซิลิโคนครึ่งวงกลม นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 80-100 องศาเซลเซียส นาน 1.30-2 ชั่วโมง จนเมอแรงก์แห้งและเซ็ตตัว นำออกมาพักให้หายร้อนเล็กน้อยแล้วค่อยๆ แกะออกจากพิมพ์ ส่วนผสมมูสช็อกโกแลต ดาร์กช็อกโกแลต 70% 200 กรัม | มิลก์ช็อกโกแลต 180 กรัม | วิปปิงครีม 500 กรัม | เหล้าส้ม 1 ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ ผสมดาร์กช็อกโกแลตและมิลก์ช็อกโกแลตในชามผสมให้เข้ากัน อุ่นวิปปิงครีมด้วยไมโครเวฟให้พออุ่น เทใส่ชามช็อกโกแลต คนให้เข้ากัน ใส่เหล้าส้มแล้วคนต่อเล็กน้อย คลุมด้วยแร็ปให้แนบหน้า นำเข้าตู้เย็นให้เซ็ตตัวประมาณ 2 ชั่วโมง ตักมูสช็อกโกแลตใส่เครื่องตีผสม ตีด้วยหัวตะกร้อประมาณ 2-3 นาทีจนส่วนผสมขึ้นฟูเล็กน้อย ตักใส่ถุงบีบเตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำแยมราสป์เบอร์รี เนื้อราสป์เบอร์รีแช่แข็ง 250 กรัม | น้ำตาลไอซิง 80 กรัม | น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ | ผิวเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมรส ปิดไฟ พักให้เย็น วิธีประกอบขนม บีบมูสช็อกโกแลตใส่ฝาเมอแรงก์ บีบแยมราสป์เบอร์รีตรงกลางให้เป็นไส้ ใส่เนื้อราสป์เบอร์รีสดเล็กน้อย ประกบฝาเมอแรงก์อีกด้านให้เป็นลูกบอล ตกแต่งด้วยราสป์เบอร์รีสด สตรอว์เบอร์รีฟรีซดราย และน้ำตาลไอซิงให้สวยงาม

ขนมหวานสีสันสดใสต้อนรับช่วงเฟสทีฟ หอมหวานทำกินง่าย อร่อยได้ทุกวัย   ส่วนผสมพุดดิงนมสด นมสดรสจืด 1 1/4 ถ้วย ผงเจลาติน 1 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมเจลลีลูกแก้ว ผงวุ้น 2 ช้อนชา น้ำหวานสีฟ้า 1/4 ถ้วย น้ำหวานสีแดง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำสับปะรด 1 ถ้วย น้ำส้ม 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1 3/4 ถ้วย วิธีทำ เตรียมเจลลีลูกแก้วโดยใส่น้ำหวานสีแดงลงในหม้อน้ำ 1 ถ้วย ใส่ผงวุ้น 1/2 ช้อนชา คนให้เข้ากัน ตั้งไฟให้เดือดจนผงวุ้นละลายหมด เทใส่พิมพ์ลูกแก้ว ปิดฝาและนำไปแช่เย็นจนอยู่ตัว ทำเจลลีสีฟ้าโดยใส่น้ำหวานสีฟ้าลงในหม้อน้ำ 3/4 ถ้วย ใส่ผงวุ้น 1/2 ช้อนชา ตั้งไฟให้เดือดจนผงวุ้นละลาย เทใส่พิมพ์ แช่เย็นจนอยู่ตัว ทำเจลลีสีส้ม (น้ำส้ม) และเจลลีสีเหลือง (น้ำสับปะรด) โดยใส่ผงวุ้นอย่างละ 1/2 ช้อนชา และน้ำตาลทรายอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟให้เดือดจนผงวุ้นละลาย เทใส่พิมพ์ แช่เย็นจนอยู่ตัว ทำพุดดิงนมสดโดยใส่ผงเจลาตินลงในนมสด ใส่น้ำตาลทราย ตั้งไฟอ่อนคนจนเจลาตินละลายหมด ตักใส่พิมพ์ แช่เย็นไว้จนอยู่ตัว เวลารับประทาน ใส่นมสดเล็กน้อยลงในพุดดิง ใส่เจลลีลูกแก้ว เสิร์ฟเย็นๆ

ฟักทองแกะสลักหน้าตางดงามลอยอยู่ในน้ำเชื่อมรสหวานกำลังดี สูตรนี้ต้องใช้ความตั้งใจและความปราณีตพอสมควรเลย   ส่วนผสม (สำหรับ 4-5 เสิร์ฟ) เนื้อฟักทอง (ชิ้นใหญ่) 4-5 ชิ้น น้ำตาลทราย 1300 กรัม น้ำเปล่า 1000 กรัม ใบเตย 2-3 ใบ น้ำปูนใส 300 มิลลิลิตร น้ำเปล่าสำหรับผสมกับน้ำปูน 200 มิลลิลิตร           วิธีทำ วิธีแกะสลักฟักทอง ค่อยๆใช้มีดเล็กเกลาให้เนื้อฟักทองเป็นรูปทรงโดม เตรียมไว้ ใช้มีดแกะสลักคว้านเนื้อฟักทองให้เป็นวงกลมใหญ่ แล้วค่อยๆใช้มีดตัดแนวเฉียงให้เนื้อออก จากนั้นคว้านให้เป็นรูปโค้งคล้ายกลีบดอกไม้ ให้ซ้อนกัน เอียงมีดเป็นแนวนอนเพื่อตัดให้แต่ละกลีบเห็นแยกออกจากกันสวยงาม ค่อยๆ ทำทีละชั้นให้แต่ละชั้นขนาดแตกต่างกัน ให้แต่ละกลีบซ้อนกัน สุดท้ายตัดส่วนฐานด้านล่างออกให้เหลือเพียงแค่ส่วนดอก นำไปแช่ในน้ำปูนใสผสมกับน้ำเปล่า ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำเปล่าเล็กน้อยก่อนนำมาเชื่อม วิธีทำน้ำเชื่อม ผสมน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน ต้มให้พอเดือด จากนั้นใส่ใบเตย (สังเกตุว่าน้ำเชื่อมได้ที่เมื่อใบเตยขึ้นเงา) ลดให้เหลือไฟอ่อน นำเนื้อฟักทองลงเชื่อมประมาณ 20-25 นาที จนเนื้อสุกใส นำลงแช่ในน้ำเชื่อมเย็น พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนนำมาเสิร์ฟ

สับปะรดภูแล ลูกกระจิ๋ว!   ไร้ความพยายามในการปอกเองค่ะ แต่ป้าเจี๊ยบมีแบบปอกแล้วเต็มกล่อง เพราะเพื่อนวัฒนาวิทยาลัย ต้อย-สริยา จันทร์เพ็ญ เอามาเลี้ยงเพื่อนๆ ซึ่งนัดกินข้าวบ้านป้าเจี๊ยบทุกเดือนเว้นเดือน   เพื่อนๆ กินทั้งของคาวของหวานที่จัดให้จนอิ่มจุกๆ มะม่วงน้ำปลาหวานและสับปะรดภูแลของต้อยจึงเหลือเต็มกล่อง พองานเลี้ยงเลิกรา ไม่มีใครสนใจจะเอากลับไปกินที่บ้าน...เฮ้อ!   ป้าเจี๊ยบจัดการทำลอยแก้วมะม่วงแสนเปรี้ยวใส่กล่องไว้ให้ลุงหน่อย หวานใจป้าแจง ซึ่งชอบลอยแก้วมะม่วงที่ป้าเจี๊ยบเคยนำเสนอให้ทดลองชิม ส่วนสับปะรดเก็บเข้าตู้เย็นไว้กินสดๆ   ผ่านไป 2 วัน สับปะรดไม่พร่องเลยค่ะ ป้าเจี๊ยบตัดสินใจเอาออกมาหั่น ปั่น แล้วลงกระทะกวนแบบล้วนๆ ไม่เสริมน้ำตาลหรืออื่นใด แม้กระทั่งเกลือ เพราะสับปะรดมีความเค็มอยู่ด้วยเนื่องจากต้อยซื้อมาแล้วก็ล้างด้วยน้ำเกลือก่อนพามาให้เพื่อนกิน อิอิ ป้าเจี๊ยบได้สับปะรดกวนเกือบ 300 กรัม รสชาติดี หวานๆ เปรี้ยวๆ ลงตัว ที่สำคัญคือไม่เหนียวติดฟันเหมือนที่ทำขายกัน เพราะไม่ใส่แบะแซ...หุหุ   หมดยุคโควิด วันครอบครัวไม่ได้จัดทุกเสาร์เหมือนเดิม นัดกันเฉพาะเลี้ยงวันเกิดของสมาชิก ป้าเจี๊ยบปรับกิจกรรมใหม่เป็นวันครอบครัวสัญจร พากันออกไปสังสรรค์นอกบ้าน โดยครั้งแรกป้าเจี๊ยบจัดไปแสมสาร ดำน้ำ ดูปะการัง ทุกคนติดใจเลยมีครั้งต่อๆ ไป ซึ่งป้าเจี๊ยบมอบหมายให้ไม้ไผ่ หลานหมายเลข 1 เป็นผู้จัด ส่วนป้าเจี๊ยบสบายๆ ทำหน้าที่นายทุนจัดงบประมาณให้อย่างเดียว...ฮา!   วันครอบครัวสัญจรจอมเทียน ป้าเจี๊ยบอดไม่ได้ที่จะต้องมีขนมติดไปด้วย สับปะรดกวนควรต้องใช้ซะที ทำทาร์ตแบบเป็นชิ้นๆ กินสะดวกๆ เหมาะที่สุด   ป้าเจี๊ยบปั้นสับปะรดกวน 260 กรัม เป็นลูกกลมขนาด 10 กรัม จำนวน 26 ลูก วางพักไว้ แล้วลงมือทำแป้งทาร์ต เตรียมชามแห้งโดยร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม แป้งข้าวโพด 45 กรัม นมผง 20 กรัม น้ำตาลไอซิง 90 กรัม ผงมะนาว 1 ช้อนชา และเกลือป่น 1/8 ช้อนชา ส่วนผสมอันไหนที่ยังจับเป็นก้อนก็ใช้มือบี้ให้แตกกระจายจนหมด แล้วใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมอีกครั้งให้กลมกลืนกันดี   จากนั้นใส่เนยเค็ม (อุณหภูมิห้อง) 150 กรัม และไข่แดง 1 ฟอง (15 กรัม) ลงในชามแห้ง ใส่ถุงมือแล้วใช้มือขยำเบาๆ พอให้ส่วนผสมเข้ากัน ขนาดแค่พอปั้นได้ ไม่ต้องถึงกับเนื้อเนียน  ปั้นแป้งทาร์ตเป็นลูกกลมขนาด 20 กรัม จำนวน 26 ลูก    ต่อไปป้าเจี๊ยบนำแป้งทาร์ตแต่ละลูกมาแผ่เป็นวงกลม บรรจุไส้สับปะรดกวน หุ้มให้มิด คลึงเป็นลูกกลมๆ จนครบ 26 ลูก ป้าเจี๊ยบใช้พิมพ์กดอันเดิมที่ใช้ทำขนมไหว้พระจันทร์ค่ะ เรียงทาร์ตบนถาดที่ปูกระดาษรองอบ  นำเข้าเตาอบซึ่งตั้งปุ่มความร้อนไว้ 160 องศาเซลเซียส หรือ 325 องศาฟาเรนไฮต์ ปุ่มไฟบน-ล่าง ปุ่มเวลา 30 นาที พอครบเวลาก็ยกถาดออกมา คีบทาร์ตวางผึ่งบนตะแกรง เมื่อเย็นสนิทจึงเก็บลงกล่อง QC ไป 1 ชิ้น ผ่านฉลุย!   วันครอบครัวสัญจรป้าเจี๊ยบส่งทาร์ตสับปะรดให้น้องแพรชิม หมดไปครึ่งชิ้น สีหน้าฟินจัด เข้ามากอดป้าเจี๊ยบและพูดว่า “คนอะไร ทำอะไรก็อร่อย!”...จุ๊บจุ๊บ!

อร่อยคูณสองกันไปเลยเมื่อนำขนมไข่นกระทามาสอดไส้ครีมไข่เค็ม มันนัวกินเพลินๆ   ส่วนผสม มันเทศเนื้อสีส้มนึ่งสุก 350 กรัม แป้งมัน 3/4 ถ้วย แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/3 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย เกลือป่น 1/8 ช้อนชา ผงฟู 2 ช้อนชา กะทิ 1/4 ถ้วย น้ำมันสำหรับทอด ส่วนผสมซอสไข่เค็ม ไข่แดงเค็มนึ่งสุก 6 ฟอง วิปปิงครีม 1 1/4 ถ้วย เกลือป่น 1/2 ช้อนชา พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา วิธีทำ บดมันนึ่งให้เป็นเนื้อเดียวกัน ใส่แป้งมัน แป้งสาลี เกลือ ผงฟู และน้ำตาลทราย ผสมให้เข้ากัน ใส่กะทิ นวดต่อให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลม ตั้งหม้อใส่น้ำมันรอจนร้อน ใส่มันปั้นลงทอดให้สุกเหลืองและพองตัว ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน ทำซอสไข่แดงเค็มโดยใส่ไข่แดงเค็มนึ่งลงในเครื่องบด เติมวิปปิงครีม 1/2 ถ้วย ใส่เกลือ และพริกไทย ปั่นให้ละเอียด ตีวิปปิงครีมที่เหลือให้เป็นวิปครีม นำไปผสมกับไข่แดงที่ปั่นไว้ให้เข้ากัน บีบซอสไข่เค็มใส่ในขนมไข่นกกระทา จัดใส่จานเสิร์ฟ

บราวนี่ช็อกโกแลตเข้มข้นในขนาดพอดีคำสองคำ เหมาะกับช่วงเวลาน้ำชายามบ่าย   ส่วนผสม ดาร์กช็อกโกแลต 60% 240 กรัม เนยจืด 75 กรัม ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำตาลทราย 120 กรัม น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม เกลือ 1/4 ช้อนชา กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 70 กรัม ผงโกโก้ 12 กรัม ช็อกโกแลตชิป 70 กรัม วิธีทำ ตั้งเตาอบอุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส โปรแกรมไฟล่าง-ไฟบน เตรียมถาดอบกับพิมพ์คัปเค้กขนาดเล็กจำนวน 18 พิมพ์ ละลายช็อกโกแลตกับเนย โดยนำไปตุ๋นบนหม้อน้ำร้อน คนเป็นระยะจนละลายดี พักไว้ ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทราย เกลือ และวานิลลาด้วยหัวตีตะกร้อไฟฟ้า 5 นาทีให้ฟูดี ใส่ส่วนผสมช็อกโกแลตลงไป คนเบาๆ ให้เข้ากัน ร่อนแป้งและผงโกโก้ตามลงไป ตะล่อมให้เข้ากัน ใส่ช็อกโกแลตชิป คนให้ละลายดี ตวงส่วนผสมใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้พิมพ์ละ 40 กรัม นำเข้าเตาอบนาน 16 นาที พักให้เย็นลง พร้อมรับประทาน

เมนูพัฟแอปเปิลตาแต็งที่เปลี่ยนจากแป้งทาร์ตเป็นแป้งพัฟ ได้เนื้อสัมผัสกรอบและนุ่มจากเนื้อแอปเปิลที่เคี่ยวจนหอมคาราเมลและอบเชย เพิ่มรสด้วยครีมบาวาเรียน (Bavarian Cream) เนื้อนุ่มหอมวานิลลา   ส่วนผสมแอปเปิล (สำหรับ 5-10 ชิ้น) แอปเปิลเขียว 3-4 ผล น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม เนยจืด 85 กรัม ผงอบเชย 1 ช้อนชา วานิลลา 1 ฝัก เจลาติน (แช่ในน้ำเย็น) 2 แผ่น เกลือทะเลเล็กน้อย แป้งพัฟสำเร็จรูปสี่เหลี่ยม (แช่แข็ง) 5-10 แผ่น วิธีทำ ปอกเปลือกและหั่นเนื้อแอปเปิลเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเต๋าเล็ก แช่น้ำเตรียมไว้ ผสมเนื้อแอปเปิล น้ำตาลทรายแดง ผงอบเชย ฝักวานิลลา และเกลือทะเลเล็กน้อย คลุกให้พอเข้ากัน ตั้งหม้อใส่เนยและแอปเปิลที่เตรียมไว้ เคี่ยวให้น้ำตาลละลายจนเป็นคาราเมล ตุ๋นด้วยไฟอ่อนประมาณ 10-15 นาที เทใส่ถาดแล้วคลุมด้วยฟอยล์ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 15-20 นาทีจนเนื้อสุกใส เอาฝักวานิลลาออก เก็บน้ำเชื่อมที่ออกมาไว้เล็กน้อย ตักเนื้อแอปเปิลใส่ถ้วย ใส่เจลาตินผสมให้เข้ากัน ตักแอปเปิลใส่พิมพ์ครึ่งวงกลม พักให้เซ็ตตัวประมาณ 30 นาที แกะออกจากพิมพ์ (โดยนำพิมพ์แช่ในน้ำอุ่นเล็กน้อย) เคลือบน้ำเชื่อมที่เหลือจากการตุ๋นเล็กน้อยเพื่อให้ขนมเงาสวย วิธีทำฐาน พักแป้งพัฟไว้ให้นิ่มเล็กน้อย รีดให้บาง กดใส่พิมพ์รูปทรงที่ต้องการ เจาะรูแล้วตัดตกแต่งขอบให้สวยงาม นำพิมพ์อีกอันทับไว้แล้วคว่ำหน้าลงบนถาดอบ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส นาน 15-18 นาทีจนสีเหลืองสวย พักให้เย็นแล้วแกะออกจากพิมพ์ ส่วนผสมเพสตรีครีม ไข่แดง 3 ฟอง | นมจืด 250 มิลลิลิตร | น้ำตาลทราย 35 กรัม | แป้งข้าวโพด 18 กรัม | วานิลลา 1 ฝัก   ส่วนผสมครีมบาวาเรียน วิปปิงครีม 450 มิลลิลิตร | เพสตรีครีม   วิธีทำ เตรียมเพสตรีครีมโดยผสมไข่แดง น้ำตาลทราย และแป้งข้าวโพดให้เข้ากัน อุ่นนมกับฝักวานิลลาให้ร้อนเล็กน้อย จากนั้นค่อยๆ รินลงในส่วนผสมไข่ คอยคนผสมอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้ไข่สุก เทกลับลงในหม้อ ต้มต่อให้ส่วนผสมข้นขึ้น ปิดไฟ แล้วกรองออกใส่ถ้วย คลุมด้วยแร็ปให้แนบหน้า พักไว้ในตู้เย็น ทำครีมบาวาเรียนโดยตีวิปปิงครีมให้พอตั้งยอดอ่อน ใส่เพสตรีครีมแล้วตีต่อให้ส่วนผสมตั้งยอดสักครู่ ตักใส่ถุงบีบ วิธีประกอบขนม วางแป้งพัฟ บีบครีมบาวาเรียนให้เต็ม วางแอปเปิล ตกแต่งด้วยแผ่นทองและดอกไม้กินได้ให้สวยงาม

มูสเลมอนชีสเค้กเนื้อเนียนรสเปรี้ยวกลมกล่อม สดชื่น และหอมกลิ่นเลมอน เสิร์ฟมาในถ้วยให้ตักกินได้แบบฟินๆ   ส่วนผสมครัสต์ (Crust) (สำหรับ 12-15 ที่) แครกเกอร์ 2 ถ้วย เนยเค็มละลาย 1/2 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำครัสต์ (Crust) (สำหรับ 12-15 ที่) บดแครกเกอร์ให้ละเอียด ใส่เนยละลาย และน้ำตาลไอซิง คลุกให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ แช่เย็นไว้ ส่วนผสมและวิธีทำเลมอนเคิร์ด ไข่แดง 3 ฟอง | น้ำตาลทราย 150 กรัม | ผิวเลมอน 1 ผล | น้ำเลมอน 130 กรัม | เนยจืด 120 กรัม ตีผสมไข่แดง น้ำตาลทราย ผิวเลมอน และน้ำเลมอนให้เข้ากัน จากนั้นนำขึ้นตีบนหม้อน้ำร้อนจนส่วนผสมข้นขึ้นและเนื้อเนียน ยกลงใส่เนยแล้วคนต่อให้เข้ากันดี เทใส่ถ้วยปิดด้วยแร็ปให้แนบหน้า พักไว้ให้เย็น ส่วนผสมมูสชีสเค้ก น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ เจลาตินละลาย 2 แผ่น ครีมชีสพักไว้ให้นุ่ม 1 ก้อน วิปปิงครีม 1 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 2/3 ถ้วย เลมอนเคิร์ด 1/2 ถ้วย สีผสมอาหารสีเหลืองเล็กน้อย วิปครีม บลูเบอร์รี และเนื้อเลมอนหั่นชิ้นเล็กสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ผสมน้ำเลมอน น้ำเปล่า และเจลาตินครึ่งหนึ่งให้เข้ากัน เตรียมไว้ ตีวิปปิงครีม ใส่น้ำตาลไอซิงครึ่งหนึ่ง ใส่น้ำเลมอนที่เตรียมไว้ ตีจนตั้งยอดอ่อน ใส่สีผสมอาหารให้ได้สีตามชอบ พักไว้ ตีครีมชีสจนเนื้อนุ่ม ใส่เลมอนเคิร์ด น้ำตาลไอซิงที่เหลือ ตีผสมให้เข้ากัน นำวิปครีมที่ตีไว้ผสมกับครีมชีสและเจลาตินที่เหลือ คนผสมให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ชิมรส (ถ้าชอบเปรี้ยวเพิ่มน้ำเลมอนได้) ตักใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ นำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง ตกแต่งด้วยวิปครีม บลูเบอร์รี และเนื้อเลมอนให้สวยงาม

สคอนของว่างขึ้นชื่อของอังกฤษ เสิร์ฟทั้งแบบคาวอย่างสคอนเบคอน เนื้อแป้งแน่นแต่ร่วนนิดๆ ได้รสเค็มอ่อนๆ หอมกลิ่นน้ำมันเบคอน และสคอนหวานรสชาตินุ่มนวลหอมกลิ่นครีมชีสและราสป์เบอร์รี   ส่วนผสมสคอนเบคอน (สำหรับ 10-12 ที่) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ เนยสดรสจืด 70 กรัม วิปปิงครีม 1 ถ้วย เบคอนหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม (ผัดในกระทะให้น้ำมันออกเล็กน้อยและกลิ่นหอมขึ้น) วิธีทำ ใส่แป้งสาลี น้ำตาลทราย เกลือ ผงฟูในชามผสม ใช้หวี (Pastry Cutter) ผสมให้พอเข้ากัน ใส่เนยหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ผสมให้เข้ากัน ค่อยๆ ใส่วิปปิงครีม ใช้พายยางตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากัน ใส่วิปปิงครีมจนหมด ตะล่อมให้เข้ากันดี นำออกมานวดประมาณ​ 4-5 ครั้ง (อย่านวดนานเนื้อจะแข็ง) ใส่เบคอนแล้วนวดเข้าด้วยกัน โรยแป้งนวลเล็กน้อย ใช้ไม้คลึงแป้งกดให้หนาประมาณ​ 1 นิ้ว กดด้วยพิมพ์วงกลมขนาดเล็กพอดีคำให้เป็นชิ้น วางบนถาดอบที่รองด้วยกระดาษไข ทาหน้าด้วยวิปปิงครีมผสมกับน้ำเล็กน้อย นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส นาน 12-15 นาที จนสุกสีเหลืองสวย ส่วนผสมสคอนครีมชีสราสป์เบอร์รี แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ เนยสดจืด 70 กรัม วิปปิงครีม 1 ถ้วย ครีมชีสประมาณ 120 กรัม (ครึ่งก้อน) ราสป์เบอร์รีสด 3/4 ถ้วย วิธีทำ ผสมแป้งวิธีเดียวกับสคอนเบคอน ใส่ครีมชีส และราสป์เบอร์รีแทนเบคอน ผสมให้เข้ากัน ใช้พิมพ์วงกลมกดเป็นชิ้น นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส นาน 12-15 นาที วิธีรับประทาน ผ่าครึ่งหรือฉีกสคอน ใส่คลอตเต็ดครีมและแยมสตรอว์เบอร์รีชนิดที่มีเนื้อผลไม้ 80% ขึ้นไป วิธีทำคลอตเต็ดครีม (Clotted Cream) ตีวิปปิงครีมจนส่วนไขมันรวมตัวกันเป็นก้อนเล็กๆ (ใช้เวลาตีนานกว่าวิปครีม) ถ้าตีต่อไปไขมันจะแยกออกจากน้ำ ซึ่งคือเนยสด ส่วนน้ำคือบัตเตอร์มิลก์

ส่วนผสม คุกกี้สีชมพู 1 1/2 ถ้วย เนยละลาย 1/3 ถ้วย สตรอว์เบอร์รีแช่แข็งบดละเอียด 300 กรัม น้ำตาลทราย 9 ช้อนโต๊ะ ไลต์ครีม (Light Cream) 1 1/4 ถ้วย โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 330 กรัม ผงเจลาตินแช่น้ำ 7 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ บดคุกกี้ให้ละเอียดผสมกับเนยละลายให้เข้ากัน กรุลงพิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 6×6 นิ้ว กดให้แน่น แช่เย็นไว้ เป็นฐานคุกกี้ ทำมูสสตรอว์เบอร์รีโดยผสมสตรอว์เบอร์รีบด 165 กรัม กับน้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ ไลต์ครีม 1 ถ้วย และผงเจลาตินแช่น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟให้เจลาตินละลาย คนให้คลายความร้อน เทมูสสตรอว์เบอร์รีลงในฐานคุกกี้แล้วแช่เย็นไว้จนอยู่ตัว ทำมูสโยเกิร์ตโดยผสมไลต์ครีม 1/4 ถ้วย และน้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟพอร้อน ใส่เจลาตินแช่น้ำ 3 ช้อนโต๊ะ คนให้ละลายแล้วเทใส่โยเกิร์ต คนให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์มูสสตรอว์เบอร์รี แช่เย็นให้อยู่ตัว ทำสตรอว์เบอร์รีเคิร์ดโดยผสมสตรอว์เบอร์รีบด 135 กรัม น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ และผงเจลาตินแช่น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟอ่อนให้เจลาตินละลาย เทใส่ครีมมูสแล้วแช่เย็นไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง นำขนมออกจากพิมพ์ ตัดเป็นชิ้นเสิร์ฟ 

โรงเรียนสอนทำอาหารแห่งใหม่ The Food School Bangkok ที่เน้นภาพของโรงเรียนในสไตล์มินิมอล ตั้งอยู่ในคอมมูนิตีที่ออกแบบอาคารคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ ดีไซน์สมัยใหม่กลางชุมชนสามย่าน และที่นี่เองที่ผนึกกำลังการสอนจากสถาบันชื่อดังของอิตาลี ญี่ปุ่น และไทยรวมไว้ในที่เดียว ในวาระที่โรงเรียนฯ ครอบรอบ 1 ปี จึงได้นำเสนอหลักสูตรใหม่ International Bread & Bakery Certificated Course ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียนรู้พื้นฐานการทำเบเกอรี่ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมกว่า 31 สัญชาติ สอนโดย Chef Cyril Dubrous เชฟหนุ่มชาวฝรั่งเศส หน้าตายิ้มแย้มและอารมณ์ดีจากเมืองบอร์โด (Bordeaux) ด้วยประสบการณ์การทำงานมากว่า 10 ปี และเคยทำงานในโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ดูไบ ในตำแหน่งหัวหน้าเบเกอรี่ (Head Baker) และอดีตอาจารย์สอนเบเกอรี่และขนมอบจากโรงเรียนสอนการประกอบอาหารเลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต (Le Cordon Bleu Dusit)   เชฟบอกว่าทุกคนที่เข้าเรียนในคอร์สนี้จะได้เรียนความรู้พื้นฐานของขนมอบจากทั่วโลกและเทคนิคต่างๆ พร้อมประวัติศาสตร์ของขนมแต่ละชนิดอย่างสนุกสนาน ที่สำคัญยังได้ลงมือทำขนมอบจากทั่วโลกกว่า 100 เมนู ในระยะเวลา 3 เดือน หรือประมาณ 256 ชั่วโมง ซึ่งนำมารวบรวมอยู่ในหลักสูตรนี้ เชฟยกตัวอย่างขนมอบที่กำลังเป็นที่นิยมและเชฟก็ชื่นชอบ ทั้งมาจากบ้านเกิดของเชฟที่บอร์โด และยังเป็นขนมลือชื่อของเมืองนี้ด้วยคือ Cannelés ขนมที่เชฟเล่าว่าแม่ชีในคอนแวนต์เป็นผู้ริเริ่มทำมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เมื่อคอนแวนต์ปิดไปขนมนี้ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนมาอบในพิมพ์ทองเหลืองมีลาย เชฟเล่าถึงความชื่นชอบของตนเองต่อขนมนี้ว่า   “ส่วนตัวเป็นเมนูที่ผมชอบ ซึ่งเป็นขนมที่ผสมผสานวัตถุดิบหลายอย่าง เช่น นม เนย วานิลลา และรัม เนื้อสัมผัสผิวนอกจะกรอบเล็กน้อย ส่วนเนื้อในหนึบและฉ่ำ มีโพรงอากาศเล็กๆ และจะต้องหอมกลิ่นน้ำตาลไหม้ที่เป็นคาราเมลบางๆ ผิวนอกจะต้องเงาสวย และส่วนบนของขนมยังเป็นสีขาวนิดๆ เพื่อให้มีความแตกต่างและคนไทยชอบ”   เชฟย้ำว่าเป็นเมนูที่ทำง่าย และถ้ามีเทคนิคดีๆ ก็จะทำให้ขนมนี้มีความพิเศษมากยิ่งขึ้น เรียกว่าถ้าจะให้อร่อยแบบดั้งเดิมหรือล้ำยุคก็ต้องไม่พลาดการเรียนกับ Chef Cyril Dubrous ผู้นี้ Cannelés de Bordeaux ส่วนผสม (สำหรับ 6-8 ชิ้น) นมสดรสจืด 1,000 มิลลิลิตร เนยจืด 50 กรัม ฝักวานิลลา 1 ฝัก แป้งสาลีอเนกประสงค์ T55 180 กรัม น้ำตาลทราย 500 กรัม ไข่แดง 100 กรัม ไข่ไก่ 100 กรัม เหล้ารัม 50 กรัม ส่วนผสมและวิธีทำขี้ผึ้งทาพิมพ์ เนยจืด 200 กรัม | ขี้ผึ้ง 100 กรัม ละลายเนยกับขี้ผึ้ง ให้เข้ากัน เตรียมไว้ วิธีทำ ใช้สันมีดขูดเนื้อฝักวานิลลาใส่ลงต้มกับนม เนย และฝักวานิลลาให้พอเดือด พักให้อุ่น เตรียมไว้ ผสมแป้ง ไข่ไก่ ไข่แดง น้ำตาลทราย และเหล้ารัมให้เข้ากัน ค่อยๆ เติมนมอุ่น คนผสมตลอดเวลาจนส่วนผสมเนียนเข้ากันดี พักไว้ในตู้เย็นอุณหภูมิ 3 องศาเซลเซียส ประมาณ 12-24 ชั่วโมง หรือข้ามคืน ทาพิมพ์กาเนอเลทองเหลืองด้วยเนยผสมกับขี้ผึ้ง เทส่วนผสมแป้งใส่พิมพ์ให้เหลือขอบประมาณ 5 มิลลิเมตร นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 185 องศาเซลเซียส นาน 45 นาทีจนสุก พักขนมไว้ในพิมพ์จนเย็น แกะออกแล้วพักไว้บนตะแกรง

ส่วนผสมไอศกรีมพิสตาชิโอ (สำหรับ 6 ที่) ถั่วพิสตาชิโอ 50 กรัม | นมสดรสจืด 310 กรัม | ครีม 80 กรัม | เวย์โปรตีน 10 กรัม | เกลือ 1 กรัม | น้ำตาลทราย 65 กรัม | น้ำตาลเดกซ์โทรส (Dextrose) 20 กรัม | สารให้ความคงตัว (Stabilizer) 1.5 กรัม   วิธีทำ อบถั่วพิสตาชิโอที่อุณหภูมิ 110 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที แล้วพักให้เย็น ต้มนมและครีมให้พอเดือด จากนั้นใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด คนให้เข้ากันแล้วพักให้เย็นลง ประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วนำส่วนผสมไปแช่ในช่องแช่แข็งนาน 1 คืนจนเซ็ตตัว ปั่นส่วนผสมด้วยเครื่องปั่นความเร็วสูง (Pacojet) จนเนื้อเนียน พักไว้ในช่องแช่แข็ง เตรียมไว้ ส่วนผสมเค้กโรล ไข่ไก่ 150 กรัม | ผงอัลมอนด์ป่น 53 กรัม | ถั่วพิสตาชิโอป่น 53 กรัม | น้ำตาลทราย (1) 75 กรัม | ไข่ขาว 95 กรัม | น้ำตาลทราย (2) 56 กรัม | ถั่วพิสตาชิโอบด (Pistachio Paste) 30 กรัม | ครีม 25 กรัม | แป้งสาลีอเนกประสงค์ 35 กรัม   วิธีทำ ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทราย (1) ให้ขึ้นเป็นโฟม (ส่วนผสมที่ 1) ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทราย (2) จนตั้งยอดฟูปานกลาง (ส่วนผสมที่ 2) ผสมครีมและถั่วพิสตาชิโอบดเข้าด้วยกัน ตักไข่ขาวที่ตีขึ้นฟูใส่เล็กน้อย เตรียมไว้ นำส่วนผสมที่ 1 และ 2 คนเข้าด้วยกัน จากนั้นใส่อัลมอนด์ป่น ถั่วพิสตาชิโอป่น และแป้งสาลี คนผสมให้เข้ากัน ใส่ครีมพิสตาชิโอที่เตรียมไว้ คนต่อสักครู่ เทใส่ถาดอบ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 185 องศาเซลเซียส นาน 8-12 นาที ส่วนผสมและวิธีทำครัมเบิล เนยจืด 100 กรัม | แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม | ผงอัลมอนด์ป่น 100 กรัม | น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม | เกลือ 1 กรัม ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนเป็นเม็ดทรายหยาบๆ เทใส่ถาดอบที่รองด้วยกระดาษไข นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส จนเป็นสีเหลืองทองสวยงาม ส่วนผสมและวิธีทำเลมอนเจลลี น้ำเลมอน 300 กรัม | น้ำตาลทราย 100 กรัม | ผงเจลาติน 10 กรัม | น้ำเปล่า (เย็น) 50 กรัม ละลายเจลาตินในน้ำเย็น 10 นาที พักไว้ ผสมน้ำตาลทรายและน้ำเลมอนในหม้อใบเล็ก อุ่นให้พอร้อน ใส่เจลาตินที่เตรียมไว้ คนให้ละลายเข้ากัน เทใส่พิมพ์แล้วแช่ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว ส่วนผสมและวิธีทำไซรัปเลมอน น้ำเลมอน 100 กรัม | น้ำตาลทราย 50 กรัม ละลายน้ำตาลทรายและน้ำเลมอน คนให้เข้ากัน เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำทูวีน (Tuile) น้ำเปล่า 80 กรัม | น้ำมัน 30 กรัม | แป้งสาลีอเนกประสงค์ 10 กรัม | เกลือ 0.5 กรัม ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ตักใส่กระทะ ทอดด้วยไฟอ่อนจนแป้งสุก ตักขึ้น พักไว้ ซับด้วยกระดาษทิชชูสำหรับทำอาหาร วิธีจัดจาน วางเค้กโรลตรงกลางจาน ทาด้วยไซรัปเลมอนบนหน้าเค้กเล็กน้อย โรยครัมเบิลและเลมอนเจลลีรอบๆ แล้วตักไอศกรีมวางบนเค้กโรล ตกแต่งด้วยทูวีนและดอกไม้กินได้ให้สวยงามตามชอบ