เอาใจคนแพ้กลูเตนในแป้งสาลี หรือใครที่อยากกินของหวานแบบลดแป้ง เมนูนี้ตอบโจทย์ อีกทั้งยังได้ประโยชน์จาก อัลมอนด์ ถั่วที่มีคุณค่าทางสารอาหาร หลายประการ สูตรนี้ หอมมัน หวานกำลังดีเลยล่ะ   ส่วนผสมเค้ก ไข่ขาว 5 ฟอง น้ำตาลทราย 100 กรัม เกลือ 1/4 ช้อนชา อัลมอนด์บด 160  กรัม ส่วนผสมครีมปาดเค้ก ไข่แดง 5  ฟอง น้ำตาลทราย 90 กรัม เกลือ 1/4 ช้อนชา กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา เนยสดเค็ม 120 กรัม เจลาตินละลาย 2 ช้อนโต๊ะ วิปปิงครีม 3/4 ถ้วย น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 30 กรัม อัลมอนด์สไลซ์อบ 50  กรัม วิธีทำ ทำเค้กโดยตีไข่ขาวกับน้ำตาลและเกลือจนขึ้นฟูตั้งยอด   ใส่อัลมอนด์บด คนให้เข้ากันทั่ว แบ่งเป็น 2 ส่วน ใส่พิมพ์เค้กขนาด 7 นิ้ว 2 พิมพ์ นำไปอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 20 นาทีจนสุก พักไว้ให้เย็น ทำครีมปาดเค้กโดยตีไข่แดงกับน้ำตาล และเกลือเข้าด้วยกันจนเป็นครีมข้น ใส่กลิ่นวานิลลา ตีต่อให้เข้ากัน นำไปตุ๋นบนน้ำร้อน คนจนไข่สุกเนียน ใส่เนยสด คนให้เข้ากัน พักไว้ให้เย็น ตีวิปปิงครีมกับน้ำตาลทรายเม็ดละเอียดเข้าด้วยกันให้ขึ้นฟู ใส่ส่วนผสมไข่แดงที่ทำไว้ ตีต่อให้เข้ากันจนเป็นครีม ใส่เจลาตินละลาย ตีต่อให้เข้ากัน วางเค้ก 1 ชิ้น ใส่จาน ใส่ครีมที่ตีไว้ปาดให้ทั่ว แล้ววางเค้กอีกชิ้น ปาดครีมให้ทั่วทั้งชิ้น โรยอัลมอนด์สไลซ์อบให้ทั่ว แช่เย็นก่อนเสิร์ฟ ตัดเป็นชิ้นตักใส่จานเสิร์ฟ

  ครัวซองต์เนยสดสูตรคลาสสิก ชั้นของครัวซองต์ผ่านการรีดและพับทบกันหลายชั้นจนได้ชั้นบางสวย เปลือกนอกกรอบ เนื้อในนุ่ม เคี้ยวอร่อย หอมกลิ่นเนย   ส่วนผสม แป้งขนมปัง 253 กรัม แป้งขนมอบ (Pastry Flour)  84  กรัม นมผง  12 กรัม ยีสต์สด (Fresh Yeast) 22 กรัม น้ำตาลทราย  42 กรัม เกลือป่น  7  กรัม เนยจืด 12 กรัม น้ำ 85 กรัม นมสด 85 กรัม ดรายบัตเตอร์ (Dry Butter) 167 กรัม วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดยกเว้นดรายบัตเตอร์ลงในเครื่องตี (Planetary Mixer) ใช้หัวตีตะขอเกลียว เปิดเครื่องตีผสมที่ความเร็วต่ำนาน 6 นาที จนเนื้อโดเริ่มมีกำลังอุ้มก๊าซไว้ได้ พักแป้งโดไว้ที่อุณหภูมิห้องให้แป้งฟูเป็นเวลา 15 นาที ห่อแป้งโดด้วยพลาสติกแร็ป แช่ตู้เย็นไว้ 12 ชั่วโมง (เป็นวิธีการหมักแบบช้า Slow Fermentation) วันต่อมานำแป้งโดมารีดเป็นแผ่น วางดรายบัตเตอร์ที่รีดเป็นแผ่นไว้แล้วตรงกลางแป้งโด พับแป้งด้านข้างมาทับบนดรายบัตเตอร์ให้แป้งโดห่อดรายบัตเตอร์ไว้เหมือนเป็นซอง จากนั้นรีดให้ดรายบัตเตอร์แผ่กระจายไปทั่วแผ่นแป้งโด รีดแป้งและพับแบบดับเบิลเทิร์น (Double Turn) พักไว้ 30 นาที แล้วจึงรีดแป้งและพับแบบซิงเกิลเทิร์น (Single Turn) พักแป้งโดไว้ ก่อนจะนำมารีดขั้นสุดท้าย รีดแป้งโดเป็นแผ่นหนา 3 มิลลิเมตร ตัดเป็นชิ้นรูปทรงสามเหลี่ยมขนาด 24x10 เซนติเมตร ม้วนแป้งจากฐานของสามเหลี่ยมขึ้นไปยังยอดของสามเหลี่ยมเป็นทรงครัวซองต์ วางเรียงบนถาดอบ พักแป้งในตู้ Proofer Oven ที่ 27 องศาเซลเซียสนาน 2 ชั่วโมง ทาไข่ไก่ (Egg Wash) บนครัวซองต์ให้ทั่ว เข้าอบในเตาอบลมร้อน (Convection Oven) ที่อุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 18-20 นาที นำออกมาพักให้เย็นบนตะแกรง

  ทาร์ตทรงสี่เหลี่ยมแปลกตา ไส้รสเลมอนยูซุสีเหลืองสดใสรสเปรี้ยวอมหวานกำลังดี ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยเมอแรงก์สไตล์ฝรั่งเศส   ส่วนผสมและวิธีทำแป้งทาร์ต เนยจืด 180 กรัม น้ำตาลไอซิง 135 กรัม เกลือป่น 3 กรัม วานิลลา 5 กรัม อัลมอนด์ป่น 45 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ (1) 90 กรัม ไข่ไก่ 75 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ (2) 265 กรัม ผสมเนยกับน้ำตาลไอซิงให้เป็นเนื้อครีม ใส่อัลมอนด์ป่น เกลือป่น และวานิลลา ตามด้วยแป้งสาลี (1) จากนั้นใส่ไข่ และใส่แป้งสาลี (2) ผสมให้เข้ากัน พักให้แป้งโดเย็นและรีดให้มีความหนา 2 มิลลิเมตร กรุแป้งโดลงในพิมพ์ทาร์ตสี่เหลี่ยม นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียสประมาณ 12-15 นาที พักไว้ให้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำมาร์ซิพานรสเลมอน มาร์ซิพานเพสต์ (Marzipan Paste) 240 กรัม ผิวเลมอนขูด 1 ผล ผิวมะนาวขูด 1 ผล น้ำเลมอน 20 กรัม เลมอนเชื่อม 90 กรัม เกลือทะเล 2 กรัม นำส่วนผสมทั้งหมดลงปั่นในโถปั่นจนได้เป็นเนื้อเพสต์ นำมาบีบลงบนฐานแป้งทาร์ต ส่วนผสมและวิธีทำเคิร์ดเลมอนยูซุ นมข้นหวาน 320 กรัม ไข่แดง 105 กรัม น้ำเลมอน 65 กรัม น้ำส้มยูซุ 65 กรัม เกลือทะเล 4 กรัม นำส่วนผสมทั้งหมดปั่นด้วยเครื่องปั่นมือถือ ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เมื่อส่วนผสมเนียนดีแล้วนำมาราดบนมาร์ซิพานที่เตรียมไว้ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 140 องศาเซลเซียสประมาณ 15-20 นาที ส่วนผสมและวิธีทำเมอแรงก์ฝรั่งเศส ไข่ขาว 60 กรัม น้ำตาลทรายป่น 60 กรัม น้ำตาลไอซิง 60 กรัม เกลือป่น 2 กรัม ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทรายป่นและเกลือป่น จากนั้นตะล่อมรวมกับน้ำตาลไอซิง ตักใส่ถุงบีบ บีบเป็นเส้นยาวบนกระดาษรองอบ นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 85 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2 ชั่วโมง นำเมอแรงก์ไปตกแต่งบนทาร์ตให้สวยงาม

  เยอรมันเรียก Butterkuchen (บุตเตอร์คูเคิน) ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Butter Cake (บัตเตอร์เค้ก) แปลเป็นไทยว่า เค้กเนย แต่คนไทยเรียก “ขนมปังเนยสด” ซะงั้น! เอ๊ะ...ยังไง?   บุตเตอร์คูเคินหรือเค้กเนยสไตล์เยอรมันที่คนไทยเรียกขนมปังมีเหตุมาจากเค้กนี้ใช้ยีสต์เป็นตัวทำให้ขึ้นฟูค่ะ บรรดาขนมอบทั้งหลายที่ใช้ยีสต์คนไทยเรียกเหมารวมไปหมดว่า...ขนมปัง!   เค้กเนยสไตล์เยอรมันไม่เหมือนเค้กเนยที่คนไทยรู้จักนะคะ ของเรานิยมอบด้วยพิมพ์ขนมปัง Loaf Pan) และไม่แต่งหน้า แต่ของเยอรมันเป็นเค้กถาด (Sheet Cake) รูปร่างจึงออกแนวแผ่นแบนและแต่งหน้าได้หลากหลายด้วยผลไม้ต่างๆ ทั้งแบบสด เชื่อม กระป๋อง หรือถั่วเปลือกแข็งต่างๆ โดยมีอัลมอนด์ยืนหนึ่ง มาเลย ใครเคยไปเยอรมนีรับรองเห็นละลานตาในทุกร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ต    ป้าเจี๊ยบทำบุตเตอร์คูเคินและขนมอบหลายรายการ เมื่อคราวหนีโควิดกทม. ไปอยู่บ้านของคุณพ่อน้องแพรบนดอยสูงที่เชียงใหม่ วางแผนทำวันละอย่าง โดยกะให้มีปริมาณที่สมาชิก 3 คนคือคุณพ่อคุณแม่ของน้องแพรและป้าเจี๊ยบสามารถกินหมดได้ในวันเดียวเพื่อที่ป้าเจี๊ยบจะได้ทำอย่างอื่นในวันรุ่งขึ้น เตาอบบ้านนี้ขนาดเล็กประมาณ 20 ลิตรเหมือนของป้าเจี๊ยบที่บ้านกรุงเทพฯ ทุกอย่างจึงราบรื่นมาก ไม่มีรายการซ้ำกันเลยตลอด 2 อาทิตย์ และป้าเจี๊ยบได้สมญาใหม่ว่า “ป้าเจี๊ยบแป้งถ้วยเดียว”…ฮา!   เมื่อทำอะไรเสร็จป้าเจี๊ยบก็จะถ่ายรูปส่งเข้าไลน์ครอบครัวรายงานชาวกรุงฯ เป็นเชิงอวดว่า ถึงจะอยู่บนดอยก็มิได้ขัดสน เปิดครัวทำขนมแบบที่เคยทำได้ หุหุ   และแล้วก็มีวันหนึ่งที่น้องแพรส่งข้อความเข้ามาทันทีว่า “อยากกินอันนี้” นั่นคือ บุตเตอร์คูเคิน ซึ่งป้าเจี๊ยบไม่เคยทำให้สมาชิกครอบครัวกินมาก่อน   กลับถึงกรุงเทพฯ มารับสมญาเดิม “ป้าเจี๊ยบนายกสมาคมหลงหลาน”  รีบจัดการทำให้น้องแพรทันที   เริ่มด้วยการเตรียมชามแห้งมีแป้งอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวง ยีสต์แห้งแบบ Instant 1/2 ช้อนชา ใช้ตะกร้อมือคนๆ ให้ส่วนผสมทั้ง 2 อย่างเข้ากันดี พักไว้   ต่อด้วยชามเปียกมีไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟอง  นมกล่องยูเอชทีรสจืด 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เนยสดรสเค็มละลาย 3 ช้อนโต๊ะ วานิลลา 1/2 ช้อนชา ใช้ช้อนคนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน น้ำตาลละลายหมด   จากนั้นป้าเจี๊ยบทำบ่อตรงกลางชามแป้ง เทชามเปียกลงไปแล้วใช้ช้อนไม้ค่อยๆ คนแบบดึงแป้งรอบๆ เข้ามาทีละน้อยๆ จนกระทั่งไม่เห็นฝุ่นแป้ง ส่วนผสมทั้งหมดกลายเป็นก้อนโดที่เนื้อนุ่มๆ ป้าเจี๊ยบใช้หมวกอาบน้ำพลาสติกซึ่งเก็บมาไว้เยอะจากโรงแรมต่างๆ ที่ไปพักมาใช้ครอบชาม อิอิ วางชามไว้ในเตาติ๊ง 15 นาทีเพื่อพักโด   ระหว่างรอป้าเจี๊ยบปูถาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 8 X 6 x 1.5 นิ้วด้วยกระดาษรองอบเตรียมไว้ค่ะ   หั่นเนยสดรสเค็มเป็นลูกเต๋าขนาด 1 เซนติเมตร จำนวน 20 ลูก แช่ไว้ในตู้เย็น และเตรียมส่วนผสมอื่นที่จะใช้ใส่ถ้วยวางไว้บนโต๊ะ มีน้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะผสมผงอบเชย 1/8 ช้อนชา นมกล่องยูเอชทีรสจืด 3 ช้อนโต๊ะ และอัลมอนด์แผ่นอบ 1/4 ถ้วยตวง สำหรับอัลมอนด์แผ่นนี้ป้าเจี๊ยบซื้อมาอย่างที่ยังไม่ได้อบนะคะ ตอนทำบนดอยก็ใช้แบบดิบๆเลย  แต่ตอนกินพบว่าบางชิ้นมีกลิ่นเหม็นหืนเลยรีบจัดการอบอัลมอนด์ที่เหลือแล้วเก็บใส่กล่องไว้ วิธีอบก็ทำง่ายๆ โดยใช้ไฟบน-ล่าง ความร้อน 175 องศาเซลเซียส หรือ 350 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 5-7 นาที และคอยเขย่าถาดให้สุกทั่วกันค่ะ   ป้าเจี๊ยบโรยแป้งนวลบนเคาน์เตอร์ เอาโดที่พักไว้ออกมาวาง โรยแป้งนวลบนโดอีกนิดแล้วใช้ลูกกลิ้งรีดเป็นแผ่นขนาด 8 x 6 นิ้ว นำไปใส่ในถาดที่เตรียมไว้ จัดโดให้แผ่อย่างสม่ำเสมอกัน เอาผ้าคลุมไว้แล้วพักต่ออีก 15 นาที  ไม่ลืมอุ่นเตาอบรอไว้โดยเปิดปุ่มไฟบน-ล่าง ปุ่มความร้อน 190 องศาเซลเซียส หรือ375 องศาฟาเรนไฮต์ ปุ่มเวลา 30 นาที    เมื่อครบ 15 นาทีป้าเจี๊ยบใช้นิ้วชี้แตะแป้งนิดหน่อย เจาะโดเป็นรูๆ เรียงแถวกัน ด้านยาว 5 รู ด้านกว้าง 4 รู หยิบลูกเต๋าเนยมากดลงในแต่ละรู ใช้แปรงซิลิโคนจุ่มนมทาผิวหน้าบางๆ จนทั่ว เก็บนมที่เหลือไว้ใช้อีกครั้งตอนอบเสร็จ โรยหน้าด้วยน้ำตาลอบเชย นำเข้าเตาอบ ปรับปุ่มเวลาเป็น 20 นาที ตอนที่ทำบนดอยป้าเจี๊ยบโรยแผ่นอัลมอนด์ดิบทับน้ำตาลไปเลยในขั้นตอนนี้ค่ะ   ทันทีที่ได้ยินเสียงติ๊ง! ป้าเจี๊ยบเปิดเตาอบดึงถาดออกมา ใช้แปรงซิลิโคนจุ่มนมชุ่มๆ  ทาหน้าเค้กร้อนๆ อย่างเร็วจนหมดนมที่เตรียมไว้แล้วโรยอัลมอนด์จนทั่ว  เก็บคืนเข้าเตาอบต่อโดยไม่เปิดไฟอีกประมาณ 10 นาทีก็พร้อม!   โทรตามน้องแพรมารับบุตเตอร์คูเคินได้แล้ว!  

  Canelé (Cannelé) “กาเนอเล” ขนมลือชื่อของเมืองบอร์โด (Bordeaux) ขนมนี้แม่ชีเป็นผู้ทำมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เริ่มจากนำแป้งบางๆ มาพันไม้เท้าและจุ่มลงทอดในน้ำมันหมู ต่อมาเมื่อคอนแวนต์ปิดไป กาเนอเลก็ปรับปรุงมาเป็นขนมอบในพิมพ์ทองเหลืองมีลาย ก่อนอบต้องทาด้วยขี้ผึ้งผสมเนย อบโดยใช้ไฟแรง จึงทำให้ผิวนอกเป็นสีน้ำตาลคาราเมล กรอบ แต่เนื้อในนุ่ม ความหอมอร่อยของขนมนี้อยู่ที่การอบให้ได้ตามนี้   แต่เดิมกาเนอเลอบในพิมพ์ทองเหลืองมีลายซึ่งมีทั้งขนาดใหญ่และเล็ก ปัจจุบันเปลี่ยนมาอบในพิมพ์ซิลิโคนแทนเพราะดูแลรักษาง่ายกว่า ร้านขายขนมนี้จะมีเตาอบเฉพาะที่ทำให้ผิวออกมาสีสวย   ส่วนผสมของกาเนอเลมีเพียงไม่กี่อย่างเช่น ไข่ นม เนย น้ำตาล และเหล้ารัมเพื่อให้มีกลิ่นหอม เมื่อผสมแป้งเสร็จแล้วต้องแช่ตู้เย็นค้างคืนไว้เพื่อให้เนื้อขนมมีรสละมุนขึ้น จึงจะนำมาหยอดใส่พิมพ์ อบไฟแรงจัดก่อนและลดไฟลง เป็นขนมที่อบนานประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้นผิวของขนมจึงเป็นคาราเมล   ขนมนี้ทำไม่ยากแต่ต้องใจเย็นสักหน่อยเพราะใช้เวลาอบนาน   Canelés (กาเนอเลส์) ส่วนผสม เนยละลาย 40 กรัม ไข่เบอร์2 1 ฟอง ไข่แดง 3 ฟอง น้ำตาลทราย 220 กรัม นม  2 ถ้วย แป้งขนมปัง 150 กรัม วานิลลาฝัก 1  ฝัก (ใช้ชนิดอื่นได้) เหล้ารัม 1/4  ถ้วย วิธีทำ ใส่เนย นม และวานิลลาในหม้อ ต้มพอเดือด ในอ่างผสมใส่ไข่ ไข่แดง และน้ำตาล คนด้วยตะกร้อมือให้พอเข้ากันดี (อย่าตีให้ขึ้นฟอง) เทส่วนผสมนมเดือด 1/2 ถ้วยลงในส่วนผสมไข่ คนให้เข้ากัน ใส่แป้งขนมปังลงไปคนให้เข้ากัน ใส่นมที่เหลือ ตามด้วยเหล้ารัม คนให้ส่วนผสมเนียน ปิดด้วยแร็ป พักไว้ให้เย็นแล้วนำไปแช่เย็นค้างคืนไว้ ก่อนอบนำออกจากตู้เย็นพักให้ได้อุณหภูมิห้อง หยอดใส่พิมพ์อย่าให้เต็ม นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียสนาน 15 นาที จากนั้นลดอุณหภูมิลงที่ 200 องศาเซลเซียส อบต่อประมาณ 35-45 นาที (แล้วแต่ขนาดของพิมพ์) ระหว่างอบขนมจะขึ้นเกินพิมพ์และจะยุบลง สังเกตดูว่าถ้าขนมขึ้นจนล้นพิมพ์ให้เปิดเตาอบประมาณ 30 วินาทีเพื่อคลายความร้อนลง จากนั้นจึงอบต่อไป เมื่ออบจนครบเวลาสังเกตดูว่าหน้าขนมจะมีสีคาราเมลเข้ม นำออกจากเตาอบแล้วคว่ำลงบนตะแกรง ขนมจะหลุดจากพิมพ์ได้ง่าย

  'คเยรันปัง' ขนมปังหน้าไข่และชีสที่ถูกยกให้เป็นอีกหนึ่งสตรีทฟู้ดยอดฮิตของประเทศเกาหลี ขนมปังนุ่มๆหอมเนยกินพร้อมไข่ด้านบนที่สามารถเลือกโรยท็อปปิ้งได้ตามความชอบ อร่อยอิ่มสบายท้อง   ส่วนผสม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย ผงฟู  1 ช้อนชา ไข่ไก่เบอร์ 1 ผสมกับเนื้อเค้ก 1 ฟอง น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย นมสด 1/4 ถ้วย เนยสดเค็มละลาย 1/4 ถ้วย ไข่ไก่เบอร์ 3 4 ฟอง แฮมหั่นชิ้นเล็ก 1/3 ถ้วย ชีสมอซซาเรลลาหั่นชิ้นเล็ก 1/3  ถ้วย ต้นหอมซอย  1 ต้น วิธีทำ ทำแป้งขนมปังโดยตีไข่กับน้ำตาลให้เข้ากัน ค่อยๆ ใส่นมสดตีต่อให้เข้ากัน ใส่แป้งสาลี ผงฟูคนให้เข้ากันดี ใส่เนยละลายคนให้เข้ากันทั่วจนแป้งเนียน ตักส่วนผสมแป้งใส่พิมพ์ที่ทาเนยไว้ ตอกไข่ใส่ โรยหน้าด้วยแฮม ชีสมอซซาเรลลา โรยต้นหอมซอย นำไปอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เวลา 15-20 นาที จนสุก พักไว้ให้เย็น นำขนมปังออกจากพิมพ์ เสิร์ฟกับซอสตามชอบ

  “เจี๊ยบ...ติ๋งอยากได้เค้กที่ตัวเองทำ แบบที่ลูกติ๋งชอบน่ะ เรียกชื่อไม่ถูกอะ เอามาเลี้ยงเพื่อนๆ ที่จะช่วยเตรียมงานวันเปิดปฐมฤกษ์ช่วงเช้า” ติ๋ง- นลินรัตน์ เกรียงธีรศร เพื่อนจุฬาฯ โทรมา ป้าเจี๊ยบตอบว่า “เค้กช็อกโกแลตบับกา... ไม่ทำหรอก ขั้นตอนเยอะ จะทำเค้กกล้วยหอมให้ 80 ชิ้น” พอดีสายตาเหลือบไปเห็นกล้วยหอมทองหวีใหญ่ที่น้องชายเอามาฝาก...หุหุ   ป้าเจี๊ยบเป็นน้องใหม่จุฬาฯ เมื่อปี 2514 ค่ะ ปีนี้ก็ครบรอบ 50 ปี พวกเรานิสิตเก่าทุกคณะรวมตัวรวมใจกันจัดกิจกรรมเพื่อสังคมตามคำขวัญของรุ่นที่ตั้งไว้ว่า “รักษ์น้ำ ฟื้นป่า ทดแทนคุณจุฬาฯ พัฒนาคน”  ทำกันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ก่อนจะถึงวันเปิดปฐมฤกษ์ในเดือนมีนาคม พวกเราบริจาคเงินไปแล้วรวมกันไม่ต่ำกว่า 12 ล้านบาท และยังจะทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ให้ยั่งยืนค่ะ   ป้าเจี๊ยบเป็นกรรมการอยู่หลายคณะทำงาน กลุ่มที่ติ๋งเป็นประธานคืองานประชาสัมพันธ์ งานหลักของป้าเจี๊ยบคือออกแบบสื่อโปสเตอร์ให้ทุกกิจกรรมของรุ่น ส่วนเรื่องทำขนมนี้เพื่อนขอมาก็จัดให้สิคะ   จากจำนวนที่บอกว่าจะทำไปเลี้ยง ป้าเจี๊ยบอกเค้ก 4 ถาด โดยทำหน้าช็อกโกแลตและหน้าคาราเมลเค็มอย่างละครึ่ง ปรากฏว่าแบบคาราเมลเค็มถูกปากเพื่อนๆ มากมาย จนถึงกับมีหลายคนแวะเวียนมาถามว่าจะสั่งซื้ออย่างไร  คำตอบคือ “ไม่ได้ทำขายค่ะ ทำแจกอย่างเดียว”  อิอิ   คาราเมลเค็มที่ป้าเจี๊ยบใช้เป็นคาราเมลที่ทำติดตู้เย็นไว้ เพราะเคยซื้อแบบสำเร็จรูปมาแล้วไม่ถูกใจ  จึงทำเองด้วยวิธีง่ายๆ คือเอาน้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวงและน้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวงใส่ในหม้อเคลือบ ยกขึ้นตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน คนด้วยพายไม้จนน้ำตาลละลาย แล้วใส่เนยแท้รสเค็ม 1/4 ถ้วยตวงลงไป  คนจนเนยละลายเข้ากันดี   จากนั้นเปิดไฟเพิ่มเป็นไฟกลาง ปล่อยให้เดือดโดยไม่คนจนส่วนผสมเป็นสีน้ำตาลอ่อนประมาณ 10-15 นาที แล้วยกออกจากเตามาค่อยๆ โรยวิปครีม 1/2 ถ้วยตวงลงไป ขณะที่ใช้พายไม้คนอย่างเร็วจนส่วนผสมเข้ากันเติมเกลือ 1/2 ช้อนชาและวานิลลา 1/2 ช้อนชา  คนจนเข้ากันดีอีกครั้งก็ได้ซอสคาราเมลเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งตอนแรกจะดูเหลวๆ แต่พอเย็นตัวลงจะข้นขึ้นค่ะ   ป้าเจี๊ยบทำเค้กทีละถาดนะคะ เพราะมีเตาอบติ๊งติ๊งขนาดเล็กอยู่เตาเดียว  ฮา!   ตัวเค้กแต่ละถาดป้าเจี๊ยบใช้ถาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 11 x 7 นิ้ว ปูกระดาษรองอบไว้ แล้วเตรียมชามกล้วยโดยยีกล้วยด้วยส้อมให้ได้เนื้อกล้วยหอมยีละเอียด 1/2 ถ้วยตวง ใส่เกลือป่น 1/2 ช้อนชาลงไป คนให้เข้ากัน  จากนั้นผสมนมสดรสจืด 1/3 ถ้วยตวงกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน  นำไปเทลงในชามกล้วย คนให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง พักไว้   เตรียมชามแห้งโดยมีแป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/4  ถ้วยตวง ผงฟู 1 ช้อนชา โซดาไบคาร์บอเนต 1/2 ช้อนชา  ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน  พักไว้   ลงมือทำชามเปียกด้วยการตีไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟองกับน้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวงด้วยตะกร้อไฟฟ้าความเร็วปานกลางจนน้ำตาลละลาย  ค่อยๆ รินน้ำมันคาโนลา 1/3 ถ้วยตวงลงไปทีละนิดในขณะที่ตีจนส่วนผสมมีลักษณะเป็นเนื้อครีม   นำชามกล้วยและชามแห้งมาเทลงในชามเปียก เปลี่ยนความเร็วของตะกร้อไฟฟ้าเป็นระดับต่ำ ตีส่วนผสมให้เข้ากันประมาณ 1 นาที เทลงในถาดที่เตรียมไว้ เกลี่ยให้เรียบเสมอกัน ยกถาดเคาะกับเคาน์เตอร์เพื่อไล่ฟองอากาศ 2-3 ครั้ง  จากนั้นตักซอสคาราเมลเค็ม 3 ช้อนโต๊ะใส่ถุงพลาสติก ตัดปลายก้นถุงด้านหนึ่ง บีบซอสโรยหน้าลงไปเป็นเส้นๆ จนทั่ว แล้วใช้ไม้จิ้มฟันวาดเส้นวนไปมาจนเป็นลวดลายคล้ายหินอ่อน    ยกเข้าเตาอบที่ตั้งปุ่มความร้อนไว้ที่  165 องศาเซลเซียส หรือ 330 องศาฟาเรนไฮต์ ปุ่มไฟบน-ล่าง ปุ่มเวลา 30 นาที พอได้ยินเสียงติ๊งก็ยกออกมาวางพักไว้ประมาณ 10 นาที  ก่อนนำตัวเค้กออกมาผึ่งบนตะแกรง รอให้เย็นสนิท ป้าเจี๊ยบตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีคำประมาณ 3.5 x 1 นิ้ว     ครั้งนี้พาน้องออกงานจึงขอตัดขอบออกเพื่อความสวยงามค่ะ ขอบเค้กที่ตัดออกป้าอี๊ดและน้องแพรช่วยนำไปทำลายอย่างรวดเร็ว... ฮา!!  

  ขนมอบยอดฮิต แป้งครัวซองต์สามารถทำล่วงหน้าและเก็บไว้ในช่องแช่แข็งได้ เมื่อจะรับประทานนำแป้งออกมาพักให้หายแข็งแล้วรีดให้เป็นแผ่น ตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยมแล้วม้วน นำไปอบจนสุกแป้งฟูกรอบ    ส่วนผสม แป้งขนมปัง 350 กรัม     นมผง 70 กรัม น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ผงยีสต์ 7 กรัม เกลือป่น 1 ช้อนชา น้ำเย็น 200 กรัม เนยเพสตรี 2 กรัม วิธีทำ ผสมแป้งขนมปัง นมผง น้ำตาล เกลือ และผงยีสต์ คนให้เข้ากัน ใส่น้ำเย็น นวดให้เข้ากันจนแป้งจับกันเป็นก้อนโดแต่ไม่เนียนเหมือนทำขนมปัง นำแป้งมารีดให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ห่อด้วยพลาสติกใส แช่ตู้เย็นไว้ 2 ชั่วโมง นำแป้งโดมารีดอีกครั้งให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งคร่าวๆ เป็น 3 ส่วน วางเนยเพสตรีตรงกลาง  พับแป้งด้านใดด้านหนึ่งปิดเนยครึ่งหนึ่ง แล้วพับแป้งอีกด้าน เก็บริมแป้งให้สนิท รีดแป้งอีกครั้งตามแนวพับให้เป็นทางยาว กะประมาณให้เป็น 3 ส่วน พับเป็น 3 ทบ ห่อด้วยพลาสติกใส นำไปแช่ตู้เย็น 30 นาที พักแป้งจนครบเวลาแล้วให้นำออกมารีดเป็นแนวยาว กะให้มีขนาดที่จะพับเป็น 3 ส่วน พับแป้งเป็น 3 ทบ ห่อด้วยพลาสติกใส นำไปแช่ตู้เย็นอีก 2-3 ชั่วโมง หรือจนข้ามคืน นำแป้งออกมารีดให้เป็นแผ่นบาง ตัดเป็นชิ้นกว้าง 3 นิ้ว สูงประมาณ 6 นิ้ว แล้วตัดอีกครั้งเป็นเส้นทแยงมุมจะได้แป้งสามเหลี่ยม นำแป้งแต่ละแผ่นตัดตรงกลางฐานเล็กน้อย ม้วนไปหาปลายแหลม วางทับด้านปลายไว้ เรียงใส่ถาดอบ ทาไข่แดงให้ทั่ว อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสประมาณ 20 นาที หรือจนแป้งฟูเหลืองกรอบ ยกออกจากเตา พักไว้ให้เย็น 

  บอกต่อสูตร เมนูขนมหวานยอดฮิต เนื้อสัมผัสแน่น หนึบหนับเข้มข้น กินแล้วได้รสช็อกโกแลตเต็มคำ จะทำกินเองหรือทำขายก็ดีไม่แพ้กัน   ส่วนผสม แป้งอเนกประสงค์ 3/4 ถ้วย น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 3/4 ถ้วย ดาร์คช็อกโกแลตละลาย 3/4 ถ้วย ผงโกโก้ 1/4 ถ้วย เนยสดเค็มละลาย  1/2  ถ้วย ไข่(เบอร์ 1) 2 ฟอง ถั่วต่างๆ (อัลมอนด์หั่นแท่ง อัลมอนด์สไลด์ พีแคน วอลนัต แมกคาเดเมีย)   วิธีทำ ผสมเนยละลายกับน้ำตาลคนให้เข้ากัน ใส่ไข่คนให้เข้ากัน เทช็อกโกแลตละลายใส่ คนต่อจนส่วนผสมเข้ากัน ใส่แป้งสาลี ผงโกโก้ คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย โรยถั่ว นำไปอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 12 นาที หรือพอสุก พักไว้ให้เย็น  

  ปีนี้ป้าแจงอายุ 69! ช่วงโควิดพี่สาวของป้าเจี๊ยบจะอยู่กลางดง ไม่ค่อยเข้ากรุงเทพฯ นอกจากจะมีธุระจำเป็น เพราะลุงโจ้พี่ชายใหญ่บัญชาว่า “ให้งดรายการกินกันวันเสาร์ไปก่อน จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น!”   ป้าเจี๊ยบฟังคำสั่งพี่ชายนะคะ แต่ฟังครึ่งเดียว คือเปลี่ยนเป็นงดบางเสาร์  แบบว่าใครมาได้ก็มาแหม! จัดมาร่วม 20 ปี ถ้าไม่ทำเลยมันรู้สึกแปลกๆ หุหุ   วันเสาร์ปีนี้มีวันที่ตรงกับวันเกิดป้าแจงพอดี ป้าแจงประกาศระดมพลล่วงหน้า ให้ทุกคนมาโดยพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับสั่งป้าเจี๊ยบว่า “ขอมีตโลฟกับมันบด ไม่ได้กินนานแล้ว” ส่วนป้าแจงลงมือทำสลัดฮ่องเต้ และสั่งปลาแซลมอนดิบกับยำสาหร่ายญี่ปุ่นมาเลี้ยงแบบไม่อั้น   สำหรับเค้กวันเกิดนั้นป้าแจงบอกอย่างนี้ค่ะ “ขอเค้กเนย เนื้อแน่นๆ ฉ่ำๆ ที่ข้างนอกสีเหลืองแต่ซ่อนสีเขียวไว้ข้างในนะ กินกับไอศกรีมวานิลลาด้วย”   โจทย์นี้ป้าเจี๊ยบเคยคิดว่าง่าย แต่ทำเค้กเนยทีไรไม่ถูกใจป้าแจงสักที ตอนที่น้องแพรขอเค้กวันเกิดเป็นเค้กเนยแบบโบราณที่แสนจะธรรมดาสุดๆ ถูกใจน้องแพรมาก แต่ป้าแจง “ไม่มีความเห็น!”   ค่ะ...เค้กเนยก็เค้กเนย คราวนี้ไม่ใช้สูตรโบราณแล้วล่ะ แต่จะใช้สูตรยุคหินเลย ฮา!   ยุคหินย่อมไม่มีผงฟู ไม่มีผงโซดาไบคาร์บอเนต ที่จะช่วยให้เค้กเนื้อเบาฟู น่าจะได้เนื้อแน่นฉ่ำแบบที่ป้าแจงต้องการ ป้าเจี๊ยบลงมือทำวันศุกร์เพื่อให้เค้กมีเวลาพักบ่มกลิ่นบ่มรส เวลากินจะได้อร่อยกว่าเค้กเนยที่ทำเสร็จใหม่ๆ   ป้าเจี๊ยบหยิบพิมพ์บันด์ (Bundt Pan) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 นิ้วออกมา ใช้แปรงทาเนยด้านในจนแน่ใจว่าทั่วถึงทุกซอกทุกมุม แล้วตักแป้งสาลีอเนกประสงค์โรยลงไปจนทั่ว จับพิมพ์หมุนให้แป้งเกาะติดกับเนยจนเห็นแต่แป้งขาวๆ จากนั้นคว่ำพิมพ์ลงเคาะเบาๆ เอาแป้งส่วนเกินออกไป วางพิมพ์พักไว้   เตรียมวัตถุดิบออกมาวางไว้ให้อยู่ที่ “อุณหภูมิห้อง” มีเนยรสเค็ม (Salted Butter) 1 ก้อน ขนาด 227 กรัม เนยแท้ (Pure Butter) เท่านั้นนะคะ ไม่ใช้เนยผสม (Blended Butter) เด็ดขาด และไข่ไก่เบอร์สอง 5 ฟอง    จัดการร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ แล้วตวงแป้งไว้  2 ถ้วยตวง ขูดผิวส้มนาเวล (Navel) 1 ผลอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ขูดโดนผิวสีขาวๆ ชั้นใน ใส่ผิวส้มขูดไว้ในถ้วย พักไว้   ก่อนลงมือทำป้าเจี๊ยบเปิดเตาติ๊งที่ปุ่มไฟบน-ล่าง ปุ่มอุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 175 องศาเซลเซียส ปุ่มเวลา 60 นาที แล้วจึงลงมือใช้ตะกร้อไฟฟ้าตีเนยด้วยความเร็วปานกลางจนเนื้อเนียน จากนั้นใส่น้ำตาลทรายละเอียด 1 1/4  ถ้วยตวง ตีจนน้ำตาลละลายหมด แล้วทยอยใส่ไข่ลงไปทีละฟอง ตีให้ส่วนผสมเข้ากันทุกครั้งก่อนใส่ไข่ฟองต่อไปจนครบทั้ง 5 ฟอง    เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีป้าเจี๊ยบปรับตะกร้อไฟฟ้าเป็นความเร็วต่ำ ใส่ผิวส้มขูดและแป้งสาลีอเนกประสงค์ลงไป ตีต่ออีกประมาณ 2 นาทีจนเข้ากันดี ตักส่วนผสมประมาณ 4 ช้อนโต๊ะออกมาใส่ถุงพลาสติก หยดสีผสมอาหารสีเขียวลงไป 3-4 หยด แล้วใช้มือขยี้ให้สีเข้ากันกับส่วนผสม มัดปากถุง พักไว้   ป้าเจี๊ยบตักส่วนผสมประมาณครึ่งหนึ่งใส่ลงไปในพิมพ์ ตัดมุมถุงพลาสติก บีบส่วนผสมสีเขียวทับลงไปตรงกลางจนรอบวงพิมพ์ ต่อด้วยการตักส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดปิดทับลงไป เคาะพิมพ์ 2-3 ครั้งกับเคาน์เตอร์เพื่อไล่ฟองอากาศ นำไปเข้าเตาอบ ตั้งปุ่มเวลาอีกครั้งไว้ที่ 60 นาที   ก่อนครบเวลาประมาณ 5-10 นาที ป้าเจี๊ยบตรวจดูเค้กในเตาอบโดยใช้ไม้เสียบลูกชิ้นจิ้มลงไปในเนื้อเค้ก ถ้าออกมาแห้งก็เอาออกมาเลย เพราะถ้าอบนานเกินไปเนื้อเค้กจะแห้ง ไม่ฉ่ำอย่างที่ป้าแจงต้องการ พักเค้กไว้ในพิมพ์ประมาณ 30 นาทีจึงคว่ำออกจากพิมพ์ค่ะ ใส่กล่องปิดฝาสนิท แล้วพาไปบ่มไว้ในตู้เย็น   ก่อนเริ่มงานวันเกิดป้าแจง ป้าเจี๊ยบถามว่าจะราดหน้าเค้กด้วยซอสมะนาวไหม ป้าแจงบอกว่ามีเลมอนสดเหลือจากทำน้ำสลัดให้เอาไปใช้   ป้าเจี๊ยบขูดผิวเลมอน 1 ผล คั้นน้ำเลมอน 2 1/2  ช้อนโต๊ะ นำไปผสมกับน้ำตาลไอซิง 1 1/2 ถ้วยตวง คนให้เข้ากันก็ได้ซอสเลมอนอย่างรวดเร็ว หยิบกล่องเค้กออกจากตู้เย็น ราดน้ำซอสเลมอนจนทั่ว โรยเกล็ดน้ำตาลสีนิดหน่อย เอาใจสมาชิกเด็ก และปักเทียนเตรียมไว้   พอถึงเวลาเป่าเทียน คนที่เป่าไม่ใช่ป้าแจง แต่เป็นเด็กที่นั่งบนตักป้าแจง หุหุ      เค้กเนยสูตรยุคหินนี้เนื้อแน่นและฉ่ำ ตรงตามสเปคป้าแจงค่ะ สมาชิกทุกคนก็ชอบด้วย โดยเฉพาะลุงหน่อย...หวานใจป้าแจง ไชโย!!!  

  Financier เป็นขนมฝรั่งเศส จัดอยู่ในประเภทของทานเล่นที่เรียกกันว่า Les Petits Moelleux ขนมชิ้นเล็กๆ รสนุ่มนวลเช่นเดียวกับมาเดอแลน (Madeleine) ที่ทำไปในฉบับที่แล้ว   ฟินองเซียมีอีกชื่อเรียกว่า Visitandine เพราะขนมนี้พวกแม่ชีในคอนแวนต์ของพวกชี Visitandine Order ทำขึ้นเมื่อศตวรรษที่ 17 และเริ่มเป็นที่นิยมในศตวรรษที่ 19 ส่วนชื่อ Financier เข้าใจว่ามาจากรูปร่างเหมือนทองแท่งชิ้นเล็กๆ (Gold Bar) และเป็นที่นิยมในปารีสแถวตลาดหุ้น ขนมนี้พกพาสะดวกและไม่แตกหัก   ส่วนผสมของฟินองเซียที่สำคัญมีอัลมอนด์ป่น น้ำตาลไอซิง ไข่ขาว เนยที่นำไปตั้งไฟจนตกตะกอนเป็นสีน้ำตาลอ่อนใส กลิ่นคล้ายถั่วเปลือกแข็งหรือนัต ที่เรียกว่า Brown Butter เนื้อขนมที่ดีต้องเบา เนื้อฉ่ำ และริมขอบขนมต้องกรอบ มีขนาดชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าพอคำหรือถือในมือได้ ดั้งเดิมเป็นรสวานิลลา ปัจจุบันมีทุกรสที่จะคิดค้นได้ ใส่พิมพ์ได้ทุกรูปแบบ   พิมพ์ที่ใส่ควรเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีทั้งเล็กและใหญ่   ส่วนผสม เนย 180 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 125 กรัม น้ำตาลไอซิง 340 กรัม อัลมอนด์ป่น 120 กรัม ผงฟู 3 กรัม ไข่ขาว 335 กรัม ผงวานิลลา 1 ช้อนชา วิธีทำ ละลายเนยโดยใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนจนเป็นสีน้ำตาลอ่อน มีกลิ่นหอม (Brown Butter) พักไว้ให้อุ่น ร่อนแป้งสาลี น้ำตาล อัลมอนด์ป่น และผงฟูเข้าด้วยกัน ตีไข่ขาวจนตั้งยอด ใส่ลงในส่วนผสมแป้ง ใส่ผงวานิลลา คนให้เข้ากัน เติมเนยอุ่น คนให้เข้ากันดี บีบใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 230 องศาเซลเซียสจนสุกประมาณ 9 นาที (พิมพ์ใหญ่) สังเกตดูว่าถ้าหน้าขนมเป็นสีน้ำตาลใช้ได้แล้ว

  เค้กเนื้อนุ่มฉ่ำที่โดดเด่นด้วยรสของเคปกูสเบอร์รี หรือผลโทงเทงฝรั่ง ผลไม้ที่นอกจากมีสีสวย หน้าตาสวยงาม มีกลีบพลิ้วหุ้มผล กลิ่นหอม รสเปรี้ยวแล้ว ยังมีวิตามินซีสูงมาก นำเคปกูสเบอร์รีมาทำแยมแล้วใส่ในเนื้อเค้ก ทาหน้าเค้ก แล้วนำผลมาตกแต่งให้สวยงาม   ส่วนผสม เนย 45 กรัม น้ำตาลทราย 50 กรัม ไข่ไก่ 1 ฟอง ผิวเลมอน 1/2 ช้อนชา แป้งเค้ก 65 กรัม ผงฟู 1/2 ช้อนชา เคปกูสเบอร์รี 180 กรัม + สำหรับตกแต่ง น้ำมะนาวเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 120 กรัม วิธีทำ ทำแยมเคปกูสเบอร์รีโดยหั่นครึ่งผลเคปกูสเบอร์รี นำใส่หม้อพร้อมน้ำตาล 120 กรัมและน้ำมะนาวเลมอน เคี่ยวจนข้นหนึบ ตักออกมา 100 กรัม พักไว้ให้เย็น เตรียมพิมพ์ขนาด 6 x 30 เซนติเมตร รองด้วยกระดาษไข ตั้งเตาอบที่ 170 องศาเซลเซียส โปรแกรมพัดลม ตีเนยกับน้ำตาลและผิวมะนาวเลมอนให้เข้ากันดี ใส่ไข่ ตีต่อให้เข้ากันดี ร่อนแป้งและผงฟูใส่ตามลงไป คนให้เข้ากันดี นำส่วนผสมครึ่งหนึ่งลงพิมพ์ ตามด้วยแยมเคปกูสเบอร์รี 100 กรัมและส่วนผสมที่เหลือ นำเข้าเตาอบเป็นเวลา 45 นาที พักไว้ให้เย็นลง นำแยมเคปกูสเบอร์รีส่วนที่เหลือใส่หม้อตั้งไฟให้ข้นขึ้น ระหว่างที่แยมยังร้อนใช้แปรงทาลงบนเค้กให้ทั่วดี ตกแต่งด้วยผลเคปกูสเบอร์รีสดอีกเล็กน้อย พักไว้ให้เย็นลง พร้อมรับประทาน

  ผลไม้ยอดฮิตสำหรับหน้าร้อนนี้คงหนีไม่พ้น มะยงชิด กินแล้วได้ความสดชื่น ยิ่งนำมาทำเป็นเค้กครีมสด ยิ่งเพิ่มความอร่อยเป็นอีกเท่าตัว   ส่วนผสมเค้ก แป้งเค้ก 180 กรัม ผงฟู 2 ช้อนชา เนยสดเค็ม 225 กรัม น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 3/4 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ไข่ไก่เบอร์ 1 3 ฟอง กลิ่นวานิลลา  2 ช้อนชา นมสด 1/2 ถ้วย ส่วนผสมครีมสด วิปปิงครีม1 1/2 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 1/3 ถ้วย มะยงชิดหั่นเนื้อเป็นชิ้น 300 กรัม วิธีทำ ตีเนยสดกับน้ำตาลและเกลือเข้าด้วยกันจนฟูเป็นครีมขาว ใส่ไข่ทีละฟอง ตีให้เข้ากันจนหมดไข่ ใส่กลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากันทั่ว ใส่แป้งเค้กและผงฟูสลับกับนมสด ตีต่อให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์เค้กขนาด 2 ปอนด์ อบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 40-45 นาที หรือจนสุก ยกออกจากเตา พักไว้ให้เย็น ตีวิปปิงครีมกับน้ำตาลไอซิงให้เข้ากันจนขึ้นฟูอยู่ตัว แช่เย็นไว้ ประกอบเค้กโดยนำเค้กมาปาดหน้าออกและตัดตามขวางแบ่งเป็น 2 ชิ้น ปาดวิปครีมบนเค้กชิ้นที่ 1 ให้หนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร เรียงเนื้อมะยงชิด ใส่วิปครีมอีกครั้ง ปาดให้เรียบ  วางเค้กชิ้นที่ 2 ใส่วิปครีมแล้วปาดให้ทั่วทั้งชิ้น แต่งหน้าด้วยเนื้อมะยงชิดอีกครั้ง แช่เย็นไว้ก่อนเสิร์ฟ

  “ปังชาร์โคล???” เพื่อนทักกันทันทีเมื่อเห็นภาพที่ป้าเจี๊ยบส่งไปในไลน์ของกลุ่ม   สีแบบนี้ใครเห็นก็ต้องเข้าใจว่าเป็นขนมปังถ่านค่ะ เพราะขนมปังงาที่ทำกันไม่เคยมีใครใส่มากจนเป็นสีดำปื๋ออย่างป้าเจี๊ยบ อิอิ!   งาดำเป็นของป้าอี๊ด-พวงพยอม ณ ลำปาง ค่ะ เธอคั่วงาดำใส่โหลไว้กินทุกวันมานานหลายปี ป้าเจี๊ยบเห็นเธอกินเป็นประจำแต่ก็ไม่ได้สนใจจะกินตาม มาสนใจเอาตอนเริ่มทำขนมปังกินเอง จากสาเหตุขนมปังที่ซื้อมาทิ้งไว้นานก็ไม่มีราขึ้น?!? หุหุ!   ป้าเจี๊ยบขอแบ่งงาคั่ว 75 กรัมมาป่นด้วยเครื่องบดไฟฟ้าจนละเอียดเกือบจะเป็นผง งาป่นส่งกลิ่นหอมมากกกกก   ตักงาป่นใส่ชามแห้งที่มีแป้งขนมปัง 250 กรัม นมผง 40 กรัม เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ใช้ตะกร้อมือคนๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน ทำเป็นบ่อไว้ตรงกลางชาม พักไว้   ต่อไปก็ทำชามเปียกค่ะ ตวงน้ำอุ่น 1/3 ถ้วยตวง นมจืด 1/3 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ช้อนคนจนน้ำตาลละลาย แล้วตักยีสต์ผงสำเร็จรูป 1 ช้อนชาใส่ลงไป ตอกไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟองตามลงไป ใช้ช้อนไม้คนให้เข้ากัน      เทชามเปียกลงในบ่อของชามแห้ง ใช้ช้อนไม้ค่อยๆ คนให้ของแห้งมารวมกับของเปียกทีละน้อยๆ  จนรวมได้ประมาณครึ่งหนึ่งแล้วก็ใส่น้ำมันคาโนลา 3 ช้อนโต๊ะ คนต่อไปจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ไม่มีผงแป้งติดตามขอบชาม   เอาแป้งโดออกมานวดด้วยมือบนเคาน์เตอร์ที่โรยแป้งนวลนิดหน่อยจนแป้งโดเนียนไม่ติดมือ ป้าเจี๊ยบใช้เวลาประมาณ 5 นาที แล้วรวบเป็นก้อนกลม วางในชามทาน้ำมันคาโนลานิดหน่อย ปิดฝาสนิทประมาณ 1 ชั่วโมงจนแป้งโดฟูขึ้น 2 เท่า   นำชามแป้งโดมาคว่ำลงบนเคาน์เตอร์ นวดไล่ลมเพื่อไม่ให้มีกลิ่นยีสต์ แบ่งแป้งโดเป็น 6 ส่วนเท่าๆ กัน ปั้นเป็นก้อนกลมๆ คลุมด้วยผ้าแห้ง พักไว้ 10 นาที   ป้าเจี๊ยบขึ้นรูปแบบง่ายๆ ค่ะ ใช้มือกดแป้งก้อนกลมให้แผ่เป็นวงรี พับส่วนล่าง 2 ข้างเข้าหากัน แล้วม้วนแป้งด้านล่างทับลงไป ม้วนต่อจนชนขอบแป้ง ใช้มือบีบขอบแป้งให้ติดกัน แล้วกลิ้งไปมาเบาๆ จากด้านข้างๆ จนได้เป็นรูปลูกรักบี้   วางด้านที่มีตะเข็บลงบนกระดาษรองอบที่อยู่ในถาดอบ คลุมด้วยผ้าแห้ง รอขึ้นฟูอีกครั้งประมาณ 30-45 นาที   เมื่อเห็นว่าแป้งโดขึ้นฟูประมาณ 2 เท่าก็ใช้ใบมีดโกนกรีดเป็นเส้นยาวบนผิวแป้งโด ใช้แปรงซิลิโคนจุ่มนมสดทาผิวจนทั่ว นำเข้าเตาติ๊งที่เปิดไฟเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้า 10 นาทีที่ปุ่มความร้อน 170 องศาเซลเซียส ปุ่มไฟบน-ล่าง ตั้งปุ่มเวลาใหม่ไว้ที่ 25 นาที   ติ๊ง!!! หอมกลิ่นงาออกมาจากเตาก่อนจะได้ยินเสียงติ๊งซะอีก อิอิ!  ป้าอี๊ดช่วยปลูกต้นไม้อยู่ในสวน ตามกลิ่นมาขอชิมตอนสดใหม่ออกจากเตาเลยค่ะ   ปังงาด๊ำดำของป้าเจี๊ยบกินเปล่าๆ ก็ฟินนนน  

  Madeleine (มาเดอแลน) ขนมชิ้นเล็กรูปทรงเปลือกหอยที่มีลวดลายหยัก ขนมนี้คงไม่มีใครในประเทศฝรั่งเศสที่ไม่รู้จัก มาเดอแลนทำกันมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าผู้หญิงที่ให้ชื่อแก่ขนมนี้เป็นใครแน่   ถึงแม้มาเดอแลนจะทำมานานแล้ว แต่ผู้ที่ทำให้ขนมนี้มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคือมาร์แซล พรุสต์ (Marcel Proust 1871-1922) นักเขียนลือชื่อของฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อทานขนมนี้เข้าไปแล้วความทรงจำในอดีตได้ไหลเข้ามา ทำให้เขาเริ่มเขียนหนังสือชื่อ Remembrance of Things Past หรือ “ในการค้นหาเวลาที่หายไป” เป็นหนังสือที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก   ตามประวัติของขนมนี้เชื่อกันว่าคนครัวของพระเจ้า Stanislas 1 แห่งโปแลนด์ซึ่งเป็นพ่อตาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 เป็นผู้นำมาเดอแลนเข้าไปทำในพระราชวังแวร์ซาย ในสมัยนโปเลียนก็ว่ากันว่ามีผู้หญิงชื่อมาเดอแลนทำขนมนี้ขายในตอนเช้าอยู่แถววัง Palais-Royal ในกรุงปารีส   ต่อมามีผู้ตามรอยพรุสต์ไปค้นคว้าที่เมือง Llliers พบว่าที่นั่นมีคนทำมาเดอแลนมาตั้งแต่ยุคกลาง ซึ่งทำมาในรูปทรงเปลือกหอยตามสัญลักษณ์บนหมวกของพวกแสวงบุญที่ไปเมือง Saint-Jacques-de-Compostelle   ปัจจุบันมาเดอแลนมีขายทั่วไปตั้งแต่ร้านขนมจนถึงร้านขายของฝากทั่วฝรั่งเศส ดั้งเดิมจะเป็นรสมะนาวเลมอนและผิวส้ม แต่ปัจจุบันมีทุกรสที่ผู้ทำจะคิดได้ มีทั้งเคลือบหน้าและใส่ไส้ อย่างไรก็ตาม มาเดอแลนที่ดีเมื่ออบแล้วตรงกลางชิ้นจะต้องนูนสูงขึ้นเหมือนหลังอูฐ (hump)   มาเดอแลนที่ทำในฉบับนี้เป็นรสชาติดั้งเดิมที่ใส่ผิวเลมอน จะใช้พิมพ์เหล็กหรือพิมพ์ซิลิโคนก็ได้   ส่วนผสม (ได้ประมาณ 20-24 ชิ้น ) เนยจืดละลาย  80 กรัม ไข่ 140 กรัม น้ำตาลเบเกอรี่ 110 กรัม ผิวเลมอน  1 ผล น้ำเลมอน 1 1/2  ช้อนโต๊ะ นม 30 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 155 กรัม ผงฟู  6 กรัม เตาอบ : เปิดเตาอบเตรียมไว้ที่อุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียส   วิธีทำ ตีไข่กับน้ำตาลจนเป็นสีขาว ใส่ผิวเลมอนและน้ำเลมอน คนให้เข้ากัน เติมนม 15 กรัม ผสมแป้งสาลีและผงฟู ใส่ลงในส่วนผสมไข่ เติมเนยละลาย (ที่เย็นแล้ว) คนด้วยพาย ใส่นมที่เหลือ 15 กรัม นำส่วนผสมแช่ช่องแช่แข็งหรือฟรีซเซอร์นาน 15 นาที หรือแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา 24 ชั่วโมง เนื้อจะดีที่สุด หรืออย่างน้อย 12 ชั่วโมง บีบส่วนผสมลงบนพิมพ์ นำเข้าเตาอบที่ลดไฟลงเหลือ 200 องศาเซลเซียส อบนาน 10-12 นาที

เป็นอีกหนึ่งเชฟรุ่นใหม่ที่ฝากฝีมือไว้ในรายการท็อปเชฟไทยแลนด์ ขนมหวาน ฤดูกาลที่ 1 “เชฟกวง-คณิน บุญตันบุตร” แม้จะเป็นผู้เข้าแข่งขันที่อายุน้อยที่สุด แต่ก็ฝ่าฟันไปจนถึงอันดับที่ 4 ของรายการ   เชฟหนุ่มตี๋ร่างสูงคนนี้เรียนทำอาหารจากวิทยาลัยดุสิตธานี เขาได้คลุกคลีช่วยคุณแม่ทำขนมตั้งแต่เด็ก ในระหว่างที่เรียนนั้นเชฟกวงก็ได้เริ่มแข่งขันทำอาหารตั้งแต่เรียนปี 2 โดยเริ่มจากการแข่งภายในของวิทยาลัย ไล่ไปจนถึงการแข่ง World Skill แข่งในรายการ THAIFEX แข่งรายการต่างประเทศอย่าง Global Pastry คัดเลือกตัวแทนเชฟจากเอเชีย ฯลฯ เรียกได้ว่าผ่านมาแล้วทุกสนาม     หลังจากฝึกงานที่ประเทศสหรัฐอเมริกา 1 ปีและที่ประเทศเกาหลีใต้อีก 1 เดือน เชฟสายแข่งแบบเขาจึงถูกทาบทามให้เข้าไปแข่งในรายการท็อปเชฟไทยแลนด์ ขนมหวาน ที่มีทั้งเชฟมืออาชีพจากโรงแรมและร้านขนมชื่อดังต่างๆ มาร่วมแข่งขัน   แต่ละสัปดาห์เชฟกวงอาศัยประสบการณ์จากการแข่งขันต่างๆ พิชิตมาได้เรื่อยๆ โดยมีโจทย์ที่เชฟจดจำได้ดีคือ Blackbox ที่สุ่มเลือกกล่องออกมาเป็น “ซีอิ๊วดำ” ส่วนผสมที่ไม่น่าจะไปอยู่ในขนมหวานได้ เชฟงัดไอเดียทำเป็น Dessert Plate คอนเซ็ปต์ “พะโล้” เสิร์ฟช็อกโกแลตมูสที่ใส่ซีอิ๊วดำ กับสตรอว์เบอร์รีคอมโพตกับซีอิ๊วดำ เติมกลิ่นหอมด้วยนัตเมกและซาเบล่อบเชย ออกมากลิ่นเหมือนเครื่องพะโล้ เป็นการผสมที่ลงตัวของรสหวานและรสเค็ม จนได้รับคำชื่นชมจากคณะกรรมการ   เชฟกวงบอกว่าเขาชอบการแข่งขันเพราะท้าทายความสามารถของตัวเอง ได้อัปเดตเทรนด์ของขนมทั่วโลก การได้แข่งกับคนที่เก่งกว่าเป็นการได้เรียนรู้และได้พัฒนาฝีมือตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เพราะก่อนจะลงแข่งเชฟต้องตีโจทย์ ฝึกซ้อมซ้ำๆ จนออกมาสมบูรณ์แบบไม่มีข้อผิดพลาด และอยู่ในเวลาที่กำหนด   บอกได้เลยว่าเชฟเป็นคนที่ใส่ใจในรายละเอียดมาก ดูได้จากมูสเค้กก้อนสวยเมนูพิเศษประจำฉบับนี้ เชฟอยากให้เราได้ชิมผลงานที่ทำได้ดีในรายการ จึงทำเป็นช็อกโกแลตมูสเค้กสีน้ำตาลอ่อน ถ้าไม่ได้ชิมคงไม่รู้ว่าเชฟผสมกับซีอิ๊วดำ ทำให้มูสนี้มีรสหวานปนเค็มนิดๆ กินแล้วไม่เลี่ยน สอดไส้ด้วยสตรอว์เบอร์รีคอมโพตรสเปรี้ยวอมหวาน ได้รสชาติแปลกใหม่จริงๆ   ตอนนี้เชฟกวงเตรียมตัวแข่งขัน รับทำเชฟเทเบิล และยังเปิดร้านขนมเล็กๆ กับเพื่อนที่ชื่อว่า Laliu.bkk ใครอยากให้กำลังใจเชฟรุ่นใหม่คนนี้อย่าลืมตามไปอุดหนุน     Dark Soy Sauce Chocolate Mousse Cake with Strawberry Compote ส่วนผสมและวิธีทำ Black Soy Sauce Glaze  ซีอิ๊วดำ 100 กรัม น้ำเปล่า 400 กรัม กลูโคส 100 กรัม น้ำตาลทราย 100 กรัม Gelatin Mix 100 กรัม NH Pectin 25 กรัม ต้มส่วนผสมทั้งหมดรวมกัน (ยกเว้นเจลาติน) จนได้อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ใส่เจลาติน ปั่นผสมให้เข้ากัน พักไว้ (นำมาราดเค้กที่อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส) ส่วนผสมและวิธีทำ Chocolate Dark Soy Sauce Mousse  ดาร์กช็อกโกแลต 150 กรัม ครีมสด (1) 365 กรัม Gelatin Mix 40 กรัม ซีอิ๊วดำ 40 กรัม ครีมสด (2) 300 กรัม ต้มครีมสด (1) และซีอิ๊วดำให้ได้อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส เทลงไปปั่นกับดาร์กช็อกโกแลตเเละ Gelatin Mix ตีครีมสด (2) ให้ขึ้นฟูตั้งยอดปานกลาง นำส่วนผสมช็อกโกแลตมาผสมให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์ตามต้องการ ส่วนผสมและวิธีทำ Nutmeg Dark Soy Sauce Sponge Cake  ไข่ไก่ 280 กรัม น้ำตาลทราย 200 กรัม ซีอิ๊วดำ 20 กรัม นัตเมก 5 กรัม แป้งเค้ก 180 กรัม เนยละลาย 50 กรัม นมสด 80 กรัม ผสมไข่ น้ำตาล และซีอิ๊วดำใส่อ่างผสม ตั้งบนหม้อน้ำร้อนให้ได้อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส นำไปตีให้ขึ้นฟู  ร่อนแป้งเค้กเเละนัตเมกให้เข้ากัน พักไว้ เมื่อส่วนผสมไข่ขึ้นฟูแล้วใส่ส่วนผสมเเป้ง คนผสมให้เข้ากัน  ผสมนมสดเเละเนยละลายให้เข้ากัน แบ่งส่วนผสมไข่ 1 ส่วนมาผสมกับนมสดเเละเนยละลายที่เตรียมไว้ จากนั้นเทกลับลงไปผสมในอ่างผสม คนให้เข้ากัน เทใส่ถาดอบ อบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสนาน 8 นาที ส่วนผสมและวิธีทำ Strawberry Compote  น้ำตาลทราย 50 กรัม น้ำเปล่า 20 กรัม สตรอว์เบอร์รี 100 กรัม Vanilla Paste 3 กรัม ต้มส่วนผสมทั้งหมดรวมกันในหม้อขนาดเล็กจนน้ำตาลละลายเเละเดือดเล็กน้อย เทใส่พิมพ์ นำไปแช่ช่องเเข็งจนอยู่ตัว ส่วนผสมและวิธีทำ Cinnamon Sable  เนยสด 135 กรัม อบเชยป่น 5 กรัม อัลมอนด์ป่น 55 กรัม เกลือป่น 1 กรัม น้ำตาลไอซิง 135 กรัม แป้งเค้ก 285 กรัม นมสด 55 กรัม ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในโถปั่นเเห้ง (ยกเว้นนมสด) ปั่นจนไม่มีก้อนเนยเหลืออยู่ ใส่นมสด ปั่นต่อจนส่วนผสมรวมตัวกันเป็นก้อนเดียว นำมารีดให้มีความหนา 2-3 มิลลิเมตร เเช่เเข็งเเล้วตัดตามขนาดที่ต้องการ นำไปอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียสนาน 15-20 นาที วิธีประกอบเค้ก เทมูสลงในพิมพ์ วางสตรอว์เบอร์รีคอมโพตและสปันจ์เค้ก ราดทับด้วยมูสจนเต็มพิมพ์ ปิดด้วยซาเบล่ นำไปแช่เย็นไว้จนอยู่ตัว ราดด้วยเกลซ

  อร่อยไปกับคุกกี้เนื้อหนึบหนับ ด้านนอกกรอบ ด้านในนุ่ม รสชาติหวานปนขมหน่อยๆ ถูกใจคนรักช็อกโกแลตน่นอน   ส่วนผสม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม เบกกิงโซดา  1 ช้อนชา เนยสดละลาย 120 กรัม น้ำตาลทรายแดงธรรมชาติ 70 กรัม น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 30 กรัม ไข่ไก่ 1 ฟอง กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา ช็อกโกแลตสับ 150 กรัม วิธีทำ ผสมเนยละลายกับน้ำตาลทั้ง 2 ชนิด คนให้เข้ากัน ใส่ไข่ คนให้เข้ากัน ใส่กลิ่นวานิลลา คนจนเข้ากันทั้งหมด ผสมแป้งสาลีกับเบกกิงโซดา คนให้เข้ากัน เทใส่ส่วนผสมเนย คนพอเข้ากัน ใส่ช็อกโกแลตสับ คนจนเข้ากัน ปั้นเป็นก้อน เรียงใส่ถาดอบ อบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 15 นาทีพอสุก ยกออกจากเตา พักไว้ให้เย็น

  คุกกี้เนื้อกรอบร่วน ท็อปด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ได้รสชาติเค็มปนหวาน ยิ่งเพิ่มธัญพืชอย่างงาดำเข้าไป ยิ่งหอมละมุน กินเพลิน   ส่วนผสม   แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม อัลมอนด์ป่น 30 กรัม งาดำ 2 ช้อนชา ผงฟู 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 80 กรัม เกลือป่น 1/2 ช้อนชา เนยสดเค็ม 100 กรัม น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ผสมแป้งสาลี อัลมอนด์ป่น งาดำ ผงฟู น้ำตาล และเกลือ คนให้เข้ากัน ใส่เนยสด ใช้ส้อมคนแป้งให้จับกับเนยเป็นเม็ดๆ ใส่น้ำมันพืช คนให้เข้ากันและจับกันเป็นก้อน นำแป้งมารีดให้เป็นแผ่นหนา 0.5 เซนติเมตร กดด้วยพิมพ์กดคุกกี้ให้เป็นชิ้นๆ เรียงใส่ถาดอบ ผสมไข่แดง 1 ฟอง เกลือ 1/8 ช้อนชา สีผสมอาหารสีส้ม 3 หยด น้ำเปล่า 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน ทาหน้าคุกกี้ให้ทั่ว อบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 15-18 นาทีจนสุก เรียงคุกกี้ใส่ภาชนะที่มีฝาปิด ใส่เทียนอบ อบควันเทียน 10 นาทีจนคุกกี้หอม  

  คนรักช็อกโกแลตถูกใจสิ่งนี้ คุกกี้มาร์ชเมลโล ที่ได้ความเข้มข้นจากช็อกโกแลตแล้วยังได้ความหนึบหนับจากมาร์ชเมลโลอีกด้วย วิธีการทำง่ายไม่ซับซ้อน เป็นขนมหวานที่กำลังมาแรงเลยล่ะ   ส่วนผสม ช็อกโกแลต70%  235 กรัม เนยสดเค็ม 120 กรัม ไข่ไก่(เบอร์1) 3 ฟอง น้ำตาลทราย 100 กรัม น้ำตาลทรายแดง 60 กรัม กลิ่นวนิลลา 1 ช้อนชา ผงฟู 1/2 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม ผงโกโก้ 20 กรัม ช็อกโกแลตชิพ 120 กรัม มาชเมลโล่ วิธีทำ ละลายช็อกโกแลตกับเนยสด คนให้เข้ากันพักไว้ ตีไข่ น้ำตาลทั้งสองชนิด กลิ่นวานิลลา เข้าด้วยกันจนส่วนผสมฟู ใส่ช็อกโกแลตที่ละลายไว้ ตีต่อให้เข้ากัน ใส่แป้ง ผงโกโก้ ผงฟู ตีต่อให้เข้ากัน ใส่ช็อกโกแลตชิพ ตีให้เข้ากัน นำไปแช่เย็น 30 นาที – 1 ชั่วโมง ตักแป้งคุกกี้ แผ่ออก ใส่มาชเมลโล หุ้มให้มิด เรียงใส่ถาด นำไปอบ ที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส  15-20 นาที พักไว้ให้เย็น

  ขนมเค้กนุ่มฟูที่กำลังฮอตฮิตในตอนนี้ ด้วยความอร่อยจากตัวเนื้อเค้กรสชาติไม่หวานมาก มาผสมผสานกับตัวซอสเลมอนหอมหวานเข้ากันได้อย่างลงตัว   ส่วนผสม เนยสดเค็ม 75 กรัม แป้งเค้ก 80 กรัม ผงฟู 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 50 กรัม ไข่ไก่  2 ฟอง น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ ผิวเลมอนขูดฝอย 2 ช้อนชา เกลือป่น  1/4 ช้อนชา ส่วนผสมหน้าไอซิงเลมอน น้ำตาลไอซิง 1 ถ้วย น้ำเลมอน 1 1/2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ละลายเนยเค็มด้วยไมโครเวฟประมาณ 1 นาที ใส่น้ำตาล คนให้เข้ากัน จนข้นเล็กน้อย ใส่ไข่ ใช้ตะกร้อมมือคนให้เข้ากัน ใส่แป้งเค้ก ผงฟู และเกลือคนอีกครั้งให้เข้ากัน ใส่น้ำเลมอน ผิวเลมอน คนให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์รูปเลมอน อบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียสประมาณ 15-20 นาที หรือจนสุกเหลือง ยกออกจากเตา พักไว้ให้เย็น ทำหน้าไอซิงเลมอนโดยผสมน้ำตาลไอซิงกับน้ำเลมอน คนให้เข้ากันจนเป็นครีมขาว เรียงขนมเค้กบนตะแกรง ราดด้วยไอซิงเลมอนให้ทั่ว พักไว้ ตกแต่งด้วยชิ้นเลมอนและกิ่งโรสแมรี่