ขึ้นปีใหม่ทั้งที มาดูกันดีกว่าว่าแวดวงอาหารการกิน ร้านอาหาร การท่องเที่ยวของเมืองไทยจะไปในทิศทางไหน อันที่จริงแล้วก็คาดเดากันได้ไม่ยาก เพราะหลายๆ กระแสความนิยมเริ่มฉายแววกันมานิดๆ หน่อยๆ แล้วในปีก่อน และก็จะเริ่มเห็นการเติบโตอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในปี ค.ศ. 2024 นี้นี่แหละ!

Food for Health and Wellness
ยุคสมัยใหม่ที่กำลังมาถึงนี้ ผู้คนเริ่มกินอาหารเป็นยาเพื่อหลีกเลี่ยงการกินยาเพื่อรักษาโรค จากรายงานของ USDA Foreign Agricultural Service ในปี ค.ศ. 2023 ได้ระบุไว้ว่า แวดวงของคนทำอาหารในเมืองไทยได้หันมาให้ความสำคัญกับการใส่วัตถุดิบที่มีคุณประโยชน์ลงไปในจานอาหารมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเสริมสุขภาพสำไส้ด้วยโพรไบโอติกส์หรือพรีไบโอติกส์ ไปจนถึงอาหารสร้างภูมิคุ้มกัน

นอกจากเรื่องของสุขภาพกายแล้ว การกินเพื่อสุขภาพจิตก็จะได้รับความนิยมมากขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของกาเฟอีน แมกนีเซียม วิตามินบี สังกะสี กรดไขมันโอเมกา EPA และ DHA ซึ่งมีส่วนช่วยทำให้อารมณ์คงที่และมีสมาธิมากขึ้น แน่นอนว่ากระแสของการกินอาหารเพื่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอนในปีนี้

We Eat Consciously
เราเริ่มได้ยินคำว่า “ความยั่งยืน” หรือ “Sustainability” กันมากขึ้นในช่วงหลังๆ มานี้ การกินอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ นั่นก็คือเริ่มตั้งแต่กระบวนการผลิตอาหาร การทำฟาร์มอย่างยั่งยืน การเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นให้มากที่สุดเพื่อลดคาร์บอนฟุตพรินต์ ซึ่งเชฟหลายๆ คนอย่างเชฟไอซ์-ศุภักษร จงศิริ แห่งร้านศรณ์ และเชฟตาม-ชุดารี เทพาคํา จากร้านบ้านเทพา ซึ่งล้วนเป็นร้านอาหารระดับติดดาวก็หันมาใช้วัตถุดิบในประเทศมากขึ้นด้วย

ภารกิจแห่งความยั่งยืนนี้ยังรวมไปถึงการลดขยะอาหาร การเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมในระยะยาวหรือสามารถรีไซเคิลได้ และที่สำคัญคือวัตถุดิบต่างๆ สามารถตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) ไปจนถึงแหล่งผลิตได้ เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจว่าตนเองกินอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจริงๆ เพื่อลดผลกระทบต่อโลกให้เหลือน้อยที่สุด

The Upcoming of Luxury Hospitality
การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเมืองไทยหลังพ้นวิกฤติโรคระบาด แสดงให้เห็นแล้วว่าบ้านเราเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่มีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก จากรายงานของ TOPHOTELPROJECTS Construction Database ได้ระบุไว้ว่าจะมีโรงแรมจากเครือต่างๆ ในระดับ First Class และระดับ Luxury ทยอยเปิดตัวในช่วงปี ค.ศ. 2022-2026 จำนวน 64 โครงการและ 56 โครงการ ตามลำดับ โดยกระจายอยู่ตามเมืองท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และชลบุรี ที่สำคัญกลุ่มนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นั้นเป็นคนใน Gen Y และ Gen X วัยทำงานที่มองหาการพักผ่อนที่สะดวกสบาย พร้อมด้วยประสบการณ์แปลกใหม่ จึงนิยมเข้าพักในโรงแรมขนาดใหญ่มากกว่า

นอกจากนี้บรรดาผู้จัดลิสต์ต่างๆ ทั้ง Michelin Guide ก็เพิ่งเปิดตัว Michelin Key เพื่อเฟ้นหาสุดยอดโรงแรมในเมืองต่างๆ เช่นเดียวกับการมอบดาวมิชลินให้กับร้านอาหารอร่อย ในขณะที่อีกมุมหนึ่งอย่าง 50 Best นั้นก็เพิ่งเปิดตัว The World's 50 Best Hotels ด้วยเช่นกัน โดยมี 4 โรงแรมจากกรุงเทพมหานคร ได้แก่ โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ และโรงแรมเดอะสยาม ติดใน 50 รายชื่อด้วยตั้งแต่ครั้งแรก

The Rise of Culinary Scene
แวดวงอาหารในเมืองไทยกำลังอยู่ในช่วงน่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก จากจำนวนร้านอาหารไฟน์ไดนิงหน้าใหม่ในปีที่ผ่านมา รวมถึงผลงานของเชฟไทยบนเวทีโลกอย่างร้าน Le Du ของเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ที่ไปคว้าอันดับ 1 จาก Asia's 50 Best Restaurants 2023 มาครอบครองได้สำเร็จ บ่งบอกได้เลยว่าปีนี้ร้านอาหารไฟน์ไดนิงของบ้านเราจะต้องเข้มข้นและน่าติดตามมากขึ้นอย่างแน่นอน

การเติบโตของร้านอาหารทำให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจการเรียนทำอาหารมากขึ้นตามไปด้วย อย่างที่เห็นได้เลยว่าตอนนี้บ้านเรามีโรงเรียนสอนทำอาหารชั้นนำจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาเปิดตัวแล้วหลายต่อหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น École Ducasse-Nai Lert Bangkok Studio (เอกอล ดูคาส-นายเลิศ กรุงเทพ สตูดิโอ) ที่คิดค้นหลักสูตรโดยเชฟมิชลิน เชฟอลัง ดูคาส โรงเรียน Lenôtre School Thailand (โรงเรียนสอนประกอบอาหาร เลอโนท ประเทศไทย) ชื่อดังจากฝรั่งเศส และ The Food School ที่รวบรวมเอาตำนานจากอิตาลีอย่าง ALMA และจากญี่ปุ่น Tsuji มารวมไว้ในที่เดียว ซึ่งแต่ละโรงเรียนก็เปิดโอกาสให้คนไทยได้เรียนทำอาหารหลากหลายมากกว่าที่เคยเป็นมา

2024 จะเป็นปีที่น่าตื่นเต้นอย่างแน่นอน!

Tag: Nice To Know, อาหาร, อุตสาหกรรมอาหาร, เทรนด์อาหาร