สันในไก่เนื้อนุ่มให้โปรตีนสูง ไขมันต่ำ เหมาะกับสาวๆ ที่รักหุ่นสวย สูตรนี้นำมานาบกระทะกับน้ำมันมะกอกแล้วต้มพร้อมมะเขือเทศและเลมอน ได้เมนูอร่อยรสธรรมชาติ สุขภาพดีสไตล์เมดิเตอร์เรเนียน   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ สันในไก่ 500 กรัม มะเขือเทศเชอร์รี 2 ถ้วย มะกอกเขียวและมะกอกดำรวมกัน 1/4 ถ้วย กระเทียมฝาน 4-5 กลีบ เลมอนหั่นแว่น 1/2 ผล  ใบเบย์ 2 ใบ  ไทม์สด 2 กิ่ง ไวน์ขาว 1/2 ถ้วย  วิธีทำ ตั้งกระทะแบน ใส่น้ำมันมะกอก นำสันในไก่ลงนาบกระทะจนเหลือง ตักขึ้น พักไว้ ใส่กระเทียมลงในกระทะ ผัดพอมีกลิ่นหอม ใส่มะเขือเทศเชอร์รี ผัดสักครู่ เปลี่ยนใส่กระทะอีกใบ ใส่สันในไก่ มะกอกเขียวและมะกอกดำ เลมอน ใบเบย์ และไทม์สด  ใส่ไวน์ขาว ปิดฝาไว้ 20 นาทีจนสุกทั่ว ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ชิมรส เสิร์ฟทั้งกระทะ

  ไก่ย่างสไตล์ญี่ปุ่นหมักกับซอสที่ทำจากโชยุและดาชิให้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ เสียบไก่สลับกับต้นหอมญี่ปุ่น เมื่อย่างแล้วเนื้อไก่จะสุกนุ่มหอมอร่อย   ส่วนผสม (สำหรับ 4-6 ที่) เนื้อสะโพกไก่ติดหนังหั่นสี่เหลี่ยมใหญ่พอดีคำ 500 กรัม ต้นหอมญี่ปุ่นหั่นท่อนยาวประมาณ 2 นิ้ว 2 ต้น เห็ดแชมปิญองผ่าครึ่ง 10 ดอก งาขาวสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย ส่วนผสมซอส ผงดาชิ 1 ซองเล็ก (5 กรัม) น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย   โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ มิริน 2 ช้อนโต๊ะ สาเก 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา น้ำมันงา 1 ช้อนชา ขิงขูด 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมขูด 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ผสมส่วนผสมซอสให้เข้ากัน ใส่ไก่ลงหมักไว้ 1 ชั่วโมง เสียบไก่สลับกับต้นหอมญี่ปุ่น เสียบเห็ดแชมปิญอง ย่างบนเตาถ่านด้วยไฟแรงปานกลางจนสุก จัดใส่จาน โรยงาขาว

  เมนูที่กินเมื่อไรก็อุ่นใจอย่างผัดกะเพรานอกจากใช้หมูสับหรือเนื้อไก่อย่างที่คุ้นเคยแล้ว ลองใช้เป็ดย่างเนื้อนุ่มกลิ่นหอมมาผัดกะเพราก็อร่อยไม่แพ้กัน สูตรนี้ใส่พริกแห้งเพิ่มรสเผ็ดร้อน เสิร์ฟพร้อมไข่เป็ดดาวกรอบๆ อร่อยเข้ากัน   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เป็ดย่างหั่นชิ้นพอดีคำ 200 กรัม กระเทียมไทยบุบ 4-6 กลีบ พริกแห้งแช่น้ำหั่นตามยาว 2-4 เม็ด น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ ใบกะเพราสดและใบกะเพราทอดกรอบตามชอบ ไข่เป็ดดาวกรอบๆ 2 ฟอง น้ำมันพืชสำหรับผัดเล็กน้อย ข้าวสำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันและกระเทียมลงผัด พอหอมใส่พริกแห้งและเนื้อเป็ดย่าง ผัดสักครู่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาล (เติมน้ำเล็กน้อย) ใส่ใบกะเพราสด ผัดเร็วๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรยใบกะเพราทอด เสิร์ฟพร้อมข้าวและไข่เป็ดดาว

  แกงเป็ดหม้อนี้คนจะทักผิดคิดว่าเป็นแกงเนื้อ มีเทคนิคการทำเนื้อเป็ดให้อร่อยค่ะ เครื่องปรุง เนื้อสะโพกเป็ดไม่มีกระดูก 1 กิโลกรัม   ส่วนผสมเครื่องแกงเขียวหวาน เนื้อสะโพกเป็ดไม่มีกระดูก 1 กิโลกรัม กะทิประมาณ 750 มิลลิลิตร น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลปี๊บประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือและน้ำปลาสำหรับปรุงรส มะเขือพวง ใบมะกรูด พริกเหลืองหั่นแฉลบ ใบโหระพา ถ้าชอบกระชายหั่นใส่ลงไปด้วย ส่วนผสมเครื่องปรุงน้ำพริกแกงเขียวหวาน พริกขี้หนูสวน 10 กรัม (ถ้าไม่กินเผ็ดอย่าใส่) พริกขี้หนูเขียว 20 กรัม เกลือ 5 กรัม ข่าหนุ่ม 20 กรัม ตะไคร้ 20 กรัม กะปิ 20 กรัม ผิวมะกรูด 10 กรัม กระเทียม 70 กรัม หอมแดง 60 กรัม ลูกผักชี 1 ช้อนชา ยี่หร่า 1/2 ช้อนชา เมล็ดพริกไทย 1/2 ช้อนชา รากผักชี 1 ราก วิธีทำ ตำเมล็ดพริกไทยก่อน ตามด้วยข่า ตะไคร้ รากผักชี และเกลือ ตำให้ละเอียด แล้วจึงค่อยใส่ส่วนผสมที่เหลือ ตำต่อให้ละเอียด หมักเนื้อเป็ดกับน้ำปลาและน้ำมันหอยอย่างละเล็กน้อย พริกไทยป่นนิดหนึ่งด้วย หมักประมาณ 30 นาที วางด้านหนังเป็ดลงจี่ไฟอ่อนรวยรินจนหนังเป็ดมีรอยไหม้นิดๆ น้ำมันเป็ดใต้หนังถูกความร้อนรีดออกมาหมด หั่นเป็ดเป็นชิ้นพอดีคำค่อนข้างหนา เอาน้ำมันทอดเป็ดเล็กน้อยผสมหัวกะทิแค่พอผัดเครื่องแกง ใส่เครื่องแกง ผัดไปเรื่อยๆ เติมกะทิได้ ผัดจนคนผัดจาม ตอนใกล้เสร็จเครื่องแกงจะค่อนข้างแห้ง กะทิจะเริ่มแตกมัน ตอนนี้มีกลิ่นหอมมากค่ะ แบ่งเครื่องแกงออกมาครึ่งหนึ่ง เอาเนื้อเป็ดที่หั่นไว้ใส่ลงไป ปรุงรสเค็มหวานนิดหน่อย เนื้อเป็ดจะต้องรสชาติอร่อยตั้งแต่ตอนผัดนี้แล้ว ค่อยๆ เติมหางกะทิระหว่างผัด เติมเครื่องแกงที่เหลือลงไปตามชอบ ถ้าชอบแบบเข้มข้นก็ใส่ลงไปทั้งหมด เติมน้ำสต๊อกหรือหางกะทิจนท่วมเนื้อเป็ด แค่พอท่วมนะคะ อย่าใส่มาก ตุ๋นไฟอ่อนๆ ไปเรื่อยๆ จนเนื้อเป็ดนุ่มแต่ไม่เปื่อย พอเป็ดได้ที่เติมหางกะทิ เร่งไฟให้เดือด ปรุงรสเค็มนำ หวานแอบๆ (ไม่ชอบกินแกงหวานแบบเสนอหน้า) ใส่มะเขือพวง ใบมะกรูด และพริกเหลืองลงไปในแกงเดือดๆ ถ้าชอบกระชายก็ใส่ลงไปด้วย ต้มจนมะเขือสุกจะได้ไม่ดำ ใส่หัวกะทิและใบโหระพา คนให้เข้ากัน รอจนเดือดพล่านก็ปิดไฟได้เลย อร่อยแบบกินเพลิน เนื้อเป็ดที่ว่านี้ซื้อจากแมคโครค่ะ

  เบอร์รีผลไม้สีสันสดใส ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องริ้วรอยไม่ให้แก่ก่อนวัย นอกจากใช้ทำขนมแล้วยังทำเป็นซอสรสเปรี้ยวไว้กินกับเนื้อสัตว์ได้ ซอสนี้เพิ่มกลิ่นหอมและรสหวานด้วยพอร์ตไวน์สีแดงเข้มข้น ราดบนอกเป็ดเนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบด เสริมประโยชน์ด้วยควินัว  เป็นจานที่เต็มอิ่มลงตัว   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) อกเป็ด 2 ชิ้น มันฝรั่งต้มบด 1 ถ้วย ควินัวต้มสุก 1  ถ้วย เนยจืดเล็กน้อย เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรส ถั่วแขกลวกและเบบี้แครอตลวกสำหรับเสิร์ฟ ส่วนผสมซอสเบอร์รีพอร์ตไวน์ พอร์ตไวน์ 1 ถ้วย มิกซ์เบอร์รีแช่แข็ง 1 ถ้วย โรสแมรี่แห้ง 1 ช้อนชา เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรส วิธีทำ บั้งหนังเป็ด 4-5 ริ้ว หมักเกลือและพริกไทย พักไว้ 30 นาที ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่หนังเป็ดลงย่างก่อน (ใส่น้ำมันเล็กน้อย เพราะน้ำมันจากหนังเป็ดจะออกมา) ใช้ไฟแรงปานกลาง ย่างจนสุกทั้ง 2 ด้าน ยกลง พักไว้ (ถ้าน้ำมันจากหนังเป็ดออกมากให้เทออกบ้าง) ใช้กระทะใบเดิม เทน้ำมันออกให้เหลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ใส่พอร์ตไวน์ ต้มให้เดือดและงวดลงครึ่งหนึ่ง ใส่มิกซ์เบอร์รีและโรสแมรี่ ต้มจนเบอร์รีนุ่มและซอสเริ่มงวด (หมั่นคน) ชิมและปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย อุ่นมันฝรั่งบดให้ร้อน ใส่ควินัวและเนยจืด ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย คนให้เข้ากันและชิมรส สไลซ์อกเป็ดเป็นชิ้น ราดซอสเบอร์รี เสิร์ฟพร้อมมันบดควินัว ถั่วแขก และแครอตลวก

  เมนูนี้เป็นอาหารเหนือที่อร่อยมาก เรียกกันว่า “แกงคั่วไก่ใส่ใบจั๋น” ได้ไปดูการสาธิตที่บ้านสวนพรพนา แต่เนื่องจากเรามาปรับสูตรให้ผัดได้มากขึ้นก็ขอจัดปริมาณเครื่องใหม่ แต่เทคนิคการผัดและการเติมเครื่องสมุนไพรสดได้มาจากบ้านสวนพรพนาที่ลำพูนทั้งสิ้น เป็นเมนูที่กินข้าวแล้วอยากกินซ้ำเพราะหอมกรุ่นทุกคำ น่ากินมากค่ะ   ส่วนผสม ไก่ไทย (สับทั้งกระดูก) 1/2  ตัว น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลาประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลประมาณ 2-2 1/2 ช้อนชา น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่าเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำพริก ข่าสดหั่นบาง 10 แว่น ตะไคร้ซอย 2 ต้น หอมแดง 3-4 หัว (20 กรัม) กระเทียมไทยประมาณ 20 กลีบ (20 กรัม) ลูกผักชีคั่ว 1 ช้อนชาพูน พริกหอม (ซวงเจี่ย) คั่ว 1 ช้อนชา พริกขี้หนูแห้ง 15 เม็ด ดอกเกลือ 1/4 ช้อนชา เครื่องโปรย ตะไคร้ซอย 1-2 ต้น ข่าอ่อนซอย  5 แว่น หอมแดงซอย 2 หัว ใบมะกรูดฉีก 2-3 ใบ ผักชีฝรั่งซอยหยาบ 3 ใบ ใบยี่หร่าตามชอบ วิธีทำ ตำน้ำพริกก่อน ล้างพริกแห้ง ผ่าเอาเมล็ดพริกออกบ้าง ตำลูกผักชีคั่วกับพริกหอมให้ละเอียด ใส่พริกแห้งกับเกลือ ตำต่อให้ละเอียด ตามด้วยตะไคร้ ข่า กระเทียม ตำให้ละเอียดก่อนแลัวค่อยใส่หอมแดง สรุปว่าตำเครื่องแห้งก่อนแล้วค่อยใส่เครื่องสด ตำพอละเอียด เอาน้ำมันแค่ 2 ช้อนโต๊ะใส่กระทะ ใส่น้ำพริกลงไปผัดให้หอม ผัดจนสุกหอม จนกองเชียร์จาม 3 ครั้ง ใส่ไก่ลงไปผัด ระหว่างผัดเติมน้ำได้เล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา และน้ำตาล ผัดนานพอสมควรจนไก่ไทยรัดตัว รับกลิ่นและรสอย่างทั่วถึง ใส่เครื่องโปรยประเภทตะไคร้ ข่า และใบมะกรูดก่อน ผัดไปมาสองสามครั้ง โปรยด้วยใบยี่หร่า หอมแดงซอย ผักชีฝรั่ง ผัดไฟแรงๆ พอใบยี่หร่าสุกก็ใช้ได้ ใบไม้พวกนี้สุกเร็วแต่ต้องระวังเพราะถ้าผัดไม่สุกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลตอนเย็นตัว ผัดสุกเกินไปก็สีไม่สวย เป็นเมนูที่อร่อยมากค่ะเพราะความเข้มข้นของรสชาติและความหอมของสมุนไพร ตักคำต่อไปไม่รู้ตัวเลย

  ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) อกไก่แล่บาง 2 อก เกลือป่นและพริกไทยป่นอย่างละเล็กน้อย แป้งสาลีอเนกประสงค์ ไข่ไก่ และเกล็ดขนมปังป่นสำหรับชุบทอด น้ำมันพืชสำหรับทอด ส่วนผสมแอปเปิลชัตเนย์ แอปเปิลเขียวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 3  ผล หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ถ้วย ขิงขูด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มคั้น 1/2 ถ้วย อบเชย 1  แท่ง พริกป่น 1/4 ช้อนชา เกลือ 1/2 ช้อนชา ลูกเกดและแครนเบอร์รีแห้งรวมกัน 1/2 ถ้วย วิธีทำ ทำชัตเนย์โดยผสมทุกอย่างใส่หม้อ ยกเว้นลูกเกดและแครนเบอร์รีแห้ง ตั้งไฟปานกลางต้มให้เดือด จากนั้นลดไฟอ่อน ปิดฝาไว้ประมาณ 45 นาที ชิมรส (คนเป็นระยะ) ยกลง ใส่ลูกเกดและแครนเบอร์รี พักไว้ให้เย็น ปรุงรสอกไก่ด้วยเกลือและพริกไทย ตบแป้งบางๆ ชุบไข่ไก่ตีพอแตก คลุกเกล็ดขนมปังป่นให้ทั่ว ทอดในน้ำมันร้อนใช้ไฟปานกลางจนเหลืองกรอบ ตักขึ้น พักไว้ เสิร์ฟไก่ชนิตเซลพร้อมชัตเนย์แอปเปิลและผักตามชอบ

  เมนูอร่อยจากโครงการเพื่อสังคม “เจริญอาหาร” ที่ได้สามเชฟจากร้าน "ครก" มาช่วยกันทำ พร้อมเปิดเผยสูตรความอร่อยให้เราได้เอาไปทำตามค่ะ   ส่วนผสมน้ำพริกแกงคั่ว (สำหรับ 2-4 ที่) ตะไคร้ 50 กรัม กระเทียม 40 กรัม  พริกแห้งจินดา 20 กรัม พริกชี้ฟ้าแห้ง 20 กรัม ข่า 20 กรัม  ขมิ้น20 กรัม ผิวมะกรูด 1 ผล เกลือ 10 กรัม พริกไทยดำ 15 กรัม กะปิ 20 กรัม ส่วนผสมน้ำมันแกงคั่ว น้ำพริกแกงคั่ว 25 กรัม น้ำมันรำข้าว 250 กรัม ส่วนผสมไก่หมักพริกแกง น้ำพริกแกงคั่ว 30 กรัม น้ำตาลมะพร้าว 20 กรัม น้ำปลา 30 มิลลิลิตร น้ำเปล่า 20 มิลลิลิตร น้ำมันรำข้าว 30 มิลลิลิตร ส่วนผสมสำหรับประกอบจาน ไก่ตัวเล็ก (ไก่เบบี้อายุ 21-25 วัน) 500 กรัม ฟักทอง 500 กรัม ฟักทองอ่อน (Green Pumpkin) | 100 กรัม น้ำสต๊อกไก่ 500 มิลลิลิตร น้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าวสำหรับปรุงรส ใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้าซอยสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ทำน้ำพริกแกงคั่วโดยแช่พริกแห้งในน้ำจนนุ่ม ตำข่าและตะไคร้ให้แหลก ตามด้วยส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด รวมทั้งพริกแห้ง ตำจนเข้ากันดีและละเอียดเนียน ทำน้ำมันแกงคั่วโดยผสมน้ำพริกแกงคั่วกับน้ำมันรำข้าว ตั้งไฟอ่อนนาน 30 นาทีแล้วกรอง หมักไก่โดยผสมน้ำพริกแกงคั่ว น้ำตาลมะพร้าว น้ำปลา และน้ำ ใส่ไก่ลงหมัก 30 นาที เตรียมฟักทองโดยหั่นฟักทองเป็นชิ้นเล็ก นำฟักทองครึ่งหนึ่งไปนึ่งนาน 30 นาทีแล้วปั่นจนเนื้อเนียนหรือบดให้ละเอียด แล้วนำฟักทองที่เหลือไปต้มไฟอ่อนในน้ำมันแกงคั่ว 20 นาที (ใช้ไม้ปลายแหลมจิ้มฟักทอง ถ้าจิ้มเนื้อฟักทองได้ง่ายแปลว่าใช้ได้แล้ว) ส่วนฟักทองอ่อนลูกเล็กหั่นทั้งเปลือกเป็นเสี้ยวเล็ก ย่างในกระทะด้วยน้ำมันแกงคั่วจนสุกนุ่ม พักไว้ ตั้งหม้อซอส ใส่น้ำมันและน้ำพริกแกงคั่ว 30 กรัม ผัดนาน 5 นาทีจนมีกลิ่นหอม ใส่น้ำสต๊อกไก่ ต้มต่อให้งวดประมาณ 15 นาที ใส่เนื้อฟักทองบดเพื่อให้ซอสข้น ชิมและปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว รูดเครื่องหมักและพริกแกงออกจากไก่ ตั้งกระทะบนเตาโดยใช้ไฟแรง เมื่อกระทะร้อนใส่น้ำมันพริกแกงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ วางไก่ด้านหนังลงก่อน ย่างโดยใช้ไฟแรงปานกลางค่อนข้างอ่อนให้ไก่สุกเป็นสีเหลืองสวยทั้ง 2 ด้าน ตักซอสฟักทองแกงคั่วใส่จาน หั่นไก่เป็นชิ้นวางตรงกลาง สลับกับฟักทองต้มในน้ำมันและฟักทองอ่อนย่าง ตกแต่งด้วยใบมะกรูดและพริกชี้ฟ้า

  แกงไก่ใส่หน่อไม้ดอง แกงเผ็ดรสเข้มข้น เนื้อไก่นุ่ม หอมทั้งเครื่องแกงเผ็ดและกลิ่นเฉพาะของหน่อไม้ดอง อร่อยแบบยกหม้อ   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อไก่หั่นชิ้นพอดีคำ 200 กรัม หน่อไม้ดอง 1 ถ้วย น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ ใบโหระพา 1/2 ถ้วย พริกชี้ฟ้าแดงเหลืองหั่นแฉลบ 4 เม็ด กะทิ 1 ถ้วย น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ผัดน้ำพริกแกงเผ็ดกับน้ำมันให้หอมๆ ใส่กะทิ 1/2 ถ้วย ผัดให้น้ำพริกแกงละลาย ใส่เนื้อไก่ ผัดจนเนื้อไก่สุก ตักใส่หม้อ เติมน้ำ ต้มให้เดือด ใส่หน่อไม้ดอง ต้มไฟกลางจนนุ่มๆ เติมกะทิที่เหลือ เดือดอีกครั้งปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ คนให้ละลาย (ชิมรส ถ้าอ่อนเค็มปรุงรสด้วยน้ำปลา) เดือดอีกครั้งใส่พริกชี้ฟ้า ใบโหระพา กดผักให้จมน้ำแกง เดือดอีกครั้งยกลง ตักใส่ชาม เสิร์ฟกับข้าวร้อนๆ  

  เมนูนี้ใช้น่องไก่เล็กหรือโคนปีกไก่ที่นอกจากจะทอดและอบแล้ว ยังนำมาต้มทำเป็นแกงต่างๆ ได้หลายเมนู อย่างต้มยำที่ปรุงรสได้ตามชอบ เพิ่มวุ้นเส้นให้น่ากินแทนการใส่บะหมี่   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) โคนปีกไก่ 6 ชิ้น วุ้นเส้นแช่น้ำ ตัดสั้น 1 ถ้วย เห็ดฟางผ่าครึ่ง 5-6 ดอก ตะไคร้หั่นแฉลบ 1 ต้น ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ ข่าหั่นแว่น 3-4 แว่น พริกขี้หนูเขียวแดง 8 เม็ด       น้ำพริกเผา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า  3 ถ้วย ใบผักชีสำหรับโรยหน้า วิธีทำ ต้มน้ำกับโคนปีกไก่ให้สุกนุ่ม ใส่ตะไคร้ ใบมะกรูด และข่า ต้มจนเดือดมีกลิ่นหอม ใส่เห็ดฟาง ปรุงรสด้วยน้ำพริกเผา น้ำปลา พริกขี้หนูตำ และนมข้นจืด เดือดอีกครั้งใส่วุ้นเส้นและน้ำมะนาว รอจนเดือดและวุ้นเส้นสุกใส ยกลง ตักใส่ชาม โรยผักชี

  แกงอีสานมักจะปรุงรสจัดๆ เติมน้ำปลาร้า กินกับข้าวเหนียว ลองมาทำแกงวุ้นเส้นอีสานแบบชาวกรุงกัน รสจัดพอดีๆ กินได้อร่อย   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อไก่หั่นชิ้นใหญ่ 150 กรัม วุ้นเส้นแช่น้ำ ตัดสั้น 1 ถ้วย ต้นหอมหั่นท่อน 2 ต้น พริกขี้หนูเขียวแดง 8 เม็ด       หอมแดง 3 หัว ตะไคร้หั่นท่อนทุบ  1 ต้น ใบมะกรูดฉีก 3 ใบ น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา น้ำเปล่า 3 ถ้วย วิธีทำ ตำพริกขี้หนูกับหอมแดงเข้าด้วยกัน ใส่ลงต้มกับน้ำให้เดือด ใส่เนื้อไก่ ใบมะกรูด และตะไคร้ ต้มให้สุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ เดือดอีกครั้งใส่วุ้นเส้น ต้มจนวุ้นเส้นสุกใส ใส่ต้นหอม คนให้เข้ากัน ยกลง ตักใส่ชาม เสิร์ฟร้อนๆ

  สะโพกไก่ชิ้นใหญ่เนื้อนุ่มหมักกับน้ำส้มบัลซามิกและโรสแมรี่ให้กลิ่นหอมสไตล์อิตาเลียน กินกับสลัดเบอร์รีหลายชนิด วิตามินซีจากเบอร์รีช่วยสังเคราะห์คอลลาเจนทำให้หลอดเลือดแข็งแรง   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) สะโพกไก่ติดน่อง 2 ชิ้น น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มบัลซามิก 1 ช้อนโต๊ะ โรสแมรี่ 2 กิ่ง กระเทียมบุบ 4 กลีบ เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรส ส่วนผสมสลัด เคปกูสเบอร์รี 4-6 ผล ลูกหม่อน 1/4 ถ้วย มะเขือเทศเชอร์รี 4-6 ผล ผักสลัดตามชอบ น้ำมันมะกอกและน้ำส้มบัลซามิกอย่างละเล็กน้อย วิธีทำ หมักไก่กับน้ำส้มบัลซามิก น้ำมันมะกอก โรสแมรี่ กระเทียม เกลือ และพริกไทยดำนาน 3 ชั่วโมงหรือ 1 คืน วางไก่บนถาดอบ อบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียสนาน 30 นาทีจนไก่สุก หนังสีน้ำตาลสวย ยกออกจากเตา เสิร์ฟไก่กับสลัดตามชอบ

  นอกจากอาหารทั่วๆ ไปแล้ว เรายังดัดแปลงเมนูเป็นอาหารเกาหลีโดยใช้น้ำพริกเผาทำเป็นซอส ปรุงรสให้มีรสเผ็ด หวาน เค็มหน่อยๆ คลุกกับไก่ทอด จะกินเล่นหรือกินกับข้าวก็อร่อย   ส่วนผสม(สำหรับ 3 ที่) ปีกไก่ 6 ชิ้น เกลือป่น 1 ช้อนชา พริกไทยป่น 1 ช้อนชา แป้งทอดกรอบ 1/2 ถ้วย น้ำพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย      งาขาวคั่วและต้นหอมซอยเล็กน้อย น้ำมันพืชสำหรับทอด วิธีทำ หั่นเอาโคนปีกไก่ออก ใส่ชามผสม ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย คลุกให้ทั่ว ใส่แป้งทอดกรอบ คลุกให้เข้ากัน ตั้งกระทะน้ำมันโดยใช้ไฟกลางให้ร้อน ใส่ปีกไก่ลงทอดให้สุกเหลืองกรอบ ตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เทน้ำมันออกให้เหลือประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำพริกเผา น้ำตาล พริกป่นและน้ำ ผัดให้เข้ากันจนข้น ใส่ปีกไก่ทอด คลุกให้ทั่วจนน้ำพริกเคลือบปีกไก่ ตักใส่จาน โรยงาขาวและต้นหอมซอย

  อกเป็ดลอกหนังนำมาบดสับอย่างง่ายๆ ในเครื่องบดสับพร้อมกับเครื่องกะเพรา รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ และไข่ดาว ให้เป็นทางเลือกที่แตกต่างสำหรับคนรักผัดกะเพรา     ส่วนผสม อกเป็ดลอกหนัง 200 กรัม กระเทียม 4 กลีบ พริกจินดา 6 เม็ด ใบกะเพรา 25 กรัม ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนชา น้ำพริกเผา  1/2 ช้อนชา ซีอิ๊วดำ 1/2 อนชา พริกชี้ฟ้าซอย 1 เม็ด น้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ ใบกะเพราทอดสำหรับเสิร์ฟ ไข่ดาวสำหรับเสิร์ฟ ข้าวสำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ บดกระเทียม พริกจินดา และใบกะเพราหยาบๆ ตักออกมาแยกไว้ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ใส่อกเป็ดลงไปปั่นต่อกับส่วนผสมกะเพราที่เหลือ ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม น้ำปลา ซีอิ๊ว และน้ำพริกเผา ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันรำข้าว พอร้อนดีใส่ส่วนผสมกะเพราที่แยกไว้ลงผัดให้พอหอมดี ตามด้วยเป็ดบด เติมน้ำสะอาดประมาณ 4 ช้อนโต๊ะ ผัดให้สุกดี ใส่พริกชี้ฟ้าซอย ยกออกจากเตา ตักเสิร์ฟพร้อมกับข้าว ตกแต่งด้วยใบกะเพราทอด รับประทานกับไข่ดาว

  ไก่บ้านเนื้อนุ่มแน่นอร่อย นำมาผัดกับเครื่องแกงที่ใส่พริกหอมจนมีกลิ่นหอมชวนกิน ใส่สมุนไพรอย่างใบยี่หร่า ตะไคร้ ข่า และใบมะกรูด ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมให้กับจานนี้   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ไก่บ้านสับเป็นชิ้นทั้งกระดูก 1/2 ตัว น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา น้ำมันพืชสำหรับผัด น้ำเปล่าเล็กน้อย ส่วนผสมเครื่องตำน้ำพริก ข่าสดหั่นบาง 10 แว่น ตะไคร้ซอย 2 ต้น หอมแดงซอย 3-4 หัว กระเทียมไทยประมาณ 20 กลีบ ลูกผักชีคั่ว 1 ช้อนชา พริกหอม (ชวงเจีย) คั่ว 1/2 ช้อนชา พริกขี้หนูแห้ง 10 เม็ด ดอกเกลือ 1/4 ช้อนชา ส่วนผสมเครื่องโปรย ใบยี่หร่าตามชอบ ตะไคร้ซอย 1-2 ต้น ข่าอ่อนซอย 5 แว่น หอมแดงซอย 2 หัว ใบมะกรูดฉีก 2-3 ใบ วิธีทำ ตำน้ำพริกโดยตำลูกผักชีและพริกหอมให้ละเอียด ตักขึ้น ล้างพริกขี้หนูแห้ง กรีดเอาเมล็ดพริกออกบางส่วน ตำพริกแห้งกับเกลือให้ละเอียด ตามด้วยตะไคร้ ข่า และกระเทียม ตำให้ละเอียด ใส่หอมแดง ลูกผักชี และพริกหอม ตำจนส่วนผสมละเอียดและเข้ากัน ผัดน้ำพริกแกงกับน้ำมันให้มีกลิ่นหอม ใส่เนื้อไก่ลงผัดจนเริ่มรัดตัว ค่อยๆ เติมน้ำให้ขลุกขลิก ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า น้ำปลา และน้ำตาล ผัดจนเนื้อไก่สุกนุ่ม ใส่เครื่องโปรย ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ลงผัดให้มีกลิ่นหอม เร่งไฟแรง ใส่ใบยี่หร่าและหอมแดง ให้ใบยี่หร่าสุก ปิดไฟ ตักขึ้นทันที

  อกไก่เป็นเนื้อส่วนที่มีไขมันน้อย หมักด้วยไทม์จนมีกลิ่นหอม ย่างกระทะให้พอสีสวยแล้วตุ๋นต่อในน้ำมะเขือเทศจนนุ่ม เติมรสหวานด้วยเห็ดและเมล็ดถั่วลันเตา   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) อกไก่ 2 ชิ้น น้ำมันมะกอก เกลือทะเล พริกไทยดำบดหยาบ และไทม์สำหรับหมัก มะเขือเทศเนื้อหั่นแว่น 3 ผล  เห็ดแชมปิญองหั่นแว่น 10 ดอก  เมล็ดถั่วลันเตา 1/4 ถ้วย น้ำมะเขือเทศ 1/2-3/4  ถ้วย น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล 1 ช้อนโต๊ะ  น้ำตาลทรายไม่ฟอก 1 ช้อนโต๊ะ  วิธีทำ สไลซ์ครึ่งอกไก่ให้บาง ได้ 2 ชิ้น หมักกับน้ำมันมะกอก เกลือ พริกไทย และไทม์ 1-2 ชั่วโมง นำมาย่างบนกระทะให้มีสีเหลืองสวย ย่างมะเขือเทศและเห็ดต่อในกระทะใบเดิมให้พอสีสวย ใส่น้ำมะเขือเทศ ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล น้ำตาล ใส่ไทม์และมะเขือเทศ ต้มไฟอ่อนนาน 20-30 นาที ใส่เห็ดแชมปิญองและเมล็ดถั่วลันเตา ต้มจนน้ำเริ่มงวด ไก่สุก ยกลง

  เป็ดพะโล้ที่ไหว้เสร็จแล้วมักจะนำมาคั่วเกลือใส่กระเทียมเจียวกรอบๆ แต่เมนูนี้นำเป็ดมาผัดกับต้นกระเทียมกลายเป็นเมนูใหม่เพื่อไม่ให้จำเจ   ส่วนผสม ต้นกระเทียมจีนหั่นท่อน 1/2 ถ้วย พริกหวานแดงหั่นเส้น 1/2 ถ้วย ขิงแก่ซอย 1/4 ถ้วย กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ เนื้ออกเป็ดพะโล้หั่นชิ้น 2 อก น้ำซุปไก่ 1/4 ถ้วย ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี 1 ช้อนชา ซอสพริก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันจนร้อนจัด ใส่ต้นกระเทียม พริกหวาน ขิง และกระเทียม ผัดเร็วๆ ให้น้ำมันคลุกทั่ว ใส่เนื้อเป็ดลงผัด ตามด้วยน้ำซุป ซีอิ๊วขาว น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย และซอสพริก ผัด 2-3 นาทีจนเนื้อเป็ดร้อนทั่ว ตักใส่จาน

เราอาจจะคุ้นหน้ากับ “กันน์-สรวิศ แสงวณิช” หนึ่งในผู้เข้าร่วมแข่งขันรายการ The Face Men Thailand ค้นหาสุดยอดนายแบบเมื่อหลายปีก่อน หนุ่มนายแบบหุ่นดีขาวตี๋ตามพิมพ์นิยม แต่ที่จริงแล้วเขากลับหลงใหลในการทำอาหาร แม้อายุยังน้อยแต่มีประสบการณ์ทำงานในร้านอาหารชื่อดัง และยังเป็นหนึ่งในผู้แข่งขันรายการ Top Chef Thailand รายการค้นหาสุดยอดเชฟที่ดุเดือดและเชือดเฉือนที่สุดของประเทศไทยอีกด้วย     เชฟกันน์เริ่มทำงานในร้านอาหารที่ได้รางวัลมิชลินสตาร์มาตั้งแต่อายุ 15 ปี โดยไปขอฝึกงานแบบไม่รับเงิน จากนั้นได้ทำงานในร้านอาหารดังๆ ที่นิวยอร์ก บาร์เซโลนา และแคลิฟอร์เนีย โดยที่เขาไม่เคยเข้าเรียนในโรงเรียนสอนทำอาหารอย่างจริงจังมาก่อน แต่กลับรู้สึกสนุกและมีความสุขกับการยืนทำงานอยู่หน้าเตายาวนานนับสิบชั่วโมง   เขากลับมาเมืองไทยเพื่อเปิดร้านอาหารกับพี่ชายอยู่ช่วงหนึ่ง แต่ผลลัพธ์กับหุ้นส่วนไม่เป็นดังที่หวัง เขาจึงพักตะหลิวไปรับจ็อบเดินรันเวย์อยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งทำได้ดีไม่แพ้การทำอาหารเลยทีเดียว จนขณะนี้แม้จะยังไม่ได้เปิดร้านอาหารของตนเอง แต่เขาก็ง่วนอยู่กับการรับเป็นที่ปรึกษาออกแบบเมนูให้ร้านอาหาร จับมือทำอาหารป๊อปอัพ โฟร์แฮนด์กับร้านดังๆ ให้แฟนคลับได้ตามไปชิม   ครั้งนี้เราชิมฝีมือของเชฟกันน์ซึ่งเขาไปป๊อปอัพที่ร้านอาหารฝรั่งเศส “สการ์เล็ต” เมนูเด่นที่เราชอบคือ Alaskan King Crab ขาปูอะลาสกาโรยผงไข่เค็ม เสิร์ฟพร้อมหน่อไม้ฝรั่งย่าง ข้าวหอมนิลอบกรอบ และซอสฮอลลันเดสผสมตะไคร้ รสมันครีมมี่ของไข่เข้ากันได้ดีกับขาปู อีกจานคือ Duck Raviolo ราวิโอโลเกี๊ยวอิตาลีชิ้นใหญ่กว่าราวิโอลีทั่วไป ไส้เป็ดกงฟีเนื้อนุ่ม เสิร์ฟคู่หนังเป็ดครัมเบิลและซุปใสที่กินแล้วเหมือนก๋วยเตี๋ยวเป็ด ส่วนจานหลัก Australian Dry-Aged Tenderloin สเต๊กเนื้อวากิวส่วนเทนเดอร์ลอยน์กินกับหัวไช้เท้าตุ๋นน้ำดาชิ ชูรสด้วยซอสขิงย่างกลิ่นหอม   อาหารของเชฟกันน์สไตล์โมเดิร์นยูโรเปียนที่นำส่วนผสมของเอเชียเข้าไปผสมให้มีลูกเล่นที่น่าสนใจ กินแล้วมีรสชาติที่คุ้นเคย ทำให้อยากจะชิมอีกเรื่อยๆ   ถือเป็นเชฟรุ่นใหม่ที่มีฝีมือและน่าจับตามอง     Duck Raviolo ส่วนผสมไส้เป็ดกงฟี (สำหรับ 4 ที่) สะโพกเป็ดกงฟี (Duck Confit) 1 ชิ้น เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมกงฟี 1 หัว หอมแดงสับ 1/2 หัว ไทม์ 1 กิ่ง เกลือและพริกไทยสำหรับปรุงรส ชีสริคอตตา 2 ช้อนโต๊ะ ฉีกเนื้อเป็ดเป็นเส้น ผัดเนยกับหอมแดงจนสุกนุ่ม ใส่เป็ดฉีกและกระเทียม ผัดให้เข้ากัน ใส่ไทม์ ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย พักไว้ให้เย็น ใส่ชีสริคอตตา ผสมให้เข้ากัน ชิมและปรุงรสเพิ่ม ปั้นเป็นชิ้นหนักประมาณ 30 กรัม ส่วนผสมแป้ง ไข่ไก่ 240 กรัม (4 ฟอง) แป้งขนมปังหรือแป้งเซโมลินา 340 กรัม น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ช้อนชา  ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน พักไว้ 2 ชั่วโมง และรีดเป็นแผ่นบาง ส่วนผสมและวิธีทำน้ำซุป อบซี่โครงเป็ดจนมีสีเข้ม ต้มกับหอมหัวใหญ่ แครอต เซเลรี ไทม์ ใบเบย์ และพริกไทยดำนาน 4-6 ชั่วโมง ใส่ผิวส้มย่าง เนื้อส้มย่าง หอมหัวใหญ่ย่าง ต้นกระเทียมย่าง ต้มกับน้ำสต๊อกต่ออีก 1 ชั่วโมงจนได้น้ำซุปใส รสเข้มข้น และมีกลิ่นหอม วิธีเสิร์ฟ ตักไส้เป็ดกงฟีใส่บนแป้ง ประกบแป้งเข้าด้วยกัน ทาริมด้วยน้ำเล็กน้อย ตัดเป็นชิ้นวงกลม ต้มในน้ำจนแป้งสุก ตักขึ้น วางราวิโอโลในชาม ตักน้ำซุปใส่ ราดน้ำมันพริก โรยหนังเป็ดตากแห้งทอดกรอบ เห็ดไมตาเกะย่าง เห็ดแชมปิญองสไลซ์ ตกแต่งด้วยใบซอเรล (Sorrel)

ร้าน “น้ำ” ร้านอาหารไทยชื่อดัง เจ้าของรางวัลมิชลินสตาร์ 2 ปีซ้อน ตอนนี้มีหัวหน้าเชฟคนใหม่เป็นสาวเก่ง ผู้ที่จะมาปรับโฉมให้คุณลืมรสชาติแบบเดิมไปเลย   พิม เตชะมวลไววิทย์ ไม่เหมือนกับเชฟคนอื่นๆ ที่เรียนทำอาหารตามหลักสูตร เธอทำอาหารไม่เป็นแต่เพราะคิดถึงบ้านจึงต้องทำอาหารกินเอง เชฟพิมไปเรียนที่อเมริกาตั้งแต่อายุ 19 ปี ร้านอาหารไทยในสมัยนั้นไม่อร่อยถูกใจเธอ เชฟจึงตั้งมั่นว่าถ้ากลับบ้านจะต้องเรียนทำอาหารกับคุณป้า ถ้ารู้ว่าผู้ใหญ่ท่านใดในครอบครัวมีสูตรเด็ดก็จะขอไปเรียนด้วย     เชฟพิมไม่ได้บอกว่าอาหารจากบ้านของตัวเองอร่อยที่สุด เพราะสูตรอาหารไทยไม่ได้ชั่งตวงวัดแบบอาหารฝรั่ง รสชาติแต่ละบ้านจะแตกต่างไปตามส่วนผสมที่ใช้ ทุกสูตรของเชฟพิมจึงเป็นสูตรอาหารจากความทรงจำวัยเด็ก เป็นรสชาติที่คุ้นเคย   เนื่องจากหาอาหารไทยอร่อยๆ ที่อเมริกาไม่ได้ เชฟพิมจึงเปิดร้านอาหารไทยชื่อว่า “ร้านกินข้าว” ขายอาหารไทยในแบบที่เชฟพิมอยากกิน ไม่มีการเลือกสีแกงเลือกเนื้อสัตว์หรือความเผ็ดมากน้อยแบบร้านอื่นๆ เชฟใส่ใจใช้ส่วนผสมที่ดีและรู้แหล่งผลิต ทำให้ร้านนี้ของเชฟได้รางวัลมิชลินสตาร์มาครอบครอง   พอเชฟพิมได้รับโอกาสใหม่กับร้านน้ำที่กรุงเทพฯ เชฟจึงปรับเมนูให้เป็นรสชาติตามแบบฉบับของตัวเอง จัดเซ็ตเมนูให้มีสัดส่วนที่ลงตัว มีทั้งแกงกะทิ อาหารประเภทผัด ซุป น้ำพริกพร้อมผักเป็นเครื่องแนม ฯลฯ ให้มีความหลากหลายลงตัวสมเป็นสำรับอาหารไทย โดยให้ความสำคัญกับส่วนผสมและวัตถุดิบที่มีในฤดูกาล เช่น ข้าวเขียว เป็นข้าวที่เกี่ยวมาตอนที่ยังไม่สุกเต็มที่ เป็นสีเขียวมีน้ำนมข้าวอยู่ ข้าวนี้นุ่มหนึบกินกับแกงร้อนๆ แล้วอร่อย ส่วนน้ำปลาใช้หลายชนิดทั้งน้ำปลาสร้อย น้ำปลาไส้ตัน น้ำปลากุ้งเคย ขึ้นอยู่กับรสชาติของอาหารแต่ละจาน ส่วนกะปิก็มาจากหลายที่ โดยเฉพาะเมนูกะปิพล่าต้องใช้กะปิจากอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร   มาถึงเมนูเด่นประจำฉบับ เชฟอยากให้ผู้อ่านลองทำตามได้ จึงเลือกเมนูต้มกะทิไก่กับมะม่วงเปรี้ยว ไม่เหมือนต้มข่า แต่เป็นซุปที่อยู่ระหว่างซุปข้นและซุปใส กะทิคั้นเองสดๆ จึงมีรสหวานธรรมชาติเมื่อผสมกับน้ำซุปไก่จึงเป็นซุปที่ซดได้อร่อยไม่หนักจนเกินไป เชฟใส่เนื้อไก่ฉีกและเพิ่มรสเปรี้ยวด้วยมะม่วงเปรี้ยวที่จะไม่มีรสเปรี้ยวอยู่ในน้ำซุป แต่จะได้รสเปรี้ยวเมื่อเคี้ยวเนื้อมะม่วง ทำให้ซุปนี้กินไปแต่ละคำมีรสชาติที่หลากหลาย เชฟพิมไม่กดดันในการมาดูแลร้านน้ำ แต่รู้สึกเป็นความท้าทายใหม่ในการสรรหาส่วนผสมที่ดี และปรุงออกมาให้อร่อยในสไตล์ของเธอ     ต้มกะทิไก่กับมะม่วงเปรี้ยว (Coconut Soup with Chicken and Sour Mango) ส่วนผสมน้ำซุปกะทิ หัวกะทิ 600 กรัม น้ำสต๊อกไก่ 800 กรัม ดอกเกลือ 2 หยิบมือ ตะไคร้ 50 กรัม หอมแดง 40 กรัม ใบมะกรูด 5 กรัม รากผักชี 12 กรัม ยี่หร่า 3 กรัม ลูกผักชี 3 กรัม กระเทียมจีนสไลซ์บาง ทอดกรอบ 8 กรัม กระเทียมดอง 40 กรัม น้ำกระเทียมดอง 60 กรัม โครงไก่ 500 กรัม วิธีทำ ลวกโครงไก่และล้างให้สะอาด ตั้งหม้อ ใส่กะทิ น้ำสต๊อกไก่ โครงไก่ และส่วนผสมทั้งหมดลงไป ตั้งไฟรุมๆ อย่าให้เดือดแรง ต้มจนข้นได้ระดับมีกลิ่นหอม ชิมรส กรอง พักไว้ ส่วนผสมสำหรับเสิร์ฟ เนื้ออกไก่ต้มสุก ฉีกเป็นเส้น 30 กรัม | ใบมะกรูด 1 กรัม | มะม่วงเปรี้ยวซอยเป็นเส้น 20 กรัม | หอมแดงบุบ 3 กรัม | น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ | กระเทียมไทยซอยเจียวเล็กน้อย ต้มน้ำซุปกะทิที่เตรียมไว้ ใส่ใบมะกรูดฉีกและหอมแดงบุบ ต้มให้เดือด ใส่เนื้ออกไก่ คนจนสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่มะม่วงเปรี้ยว คนให้เข้ากัน ตักเสิร์ฟ โรยกระเทียมเจียว

  ไก่บ้านย่างเนื้อนุ่มแน่น นำมาทำลาบใส่ข้าวตังทอดกรอบ ของกินเล่นโบราณของไทย เวลาเคี้ยวจะกรุบกรอบ หอมกลิ่นสมุนไพร จานอร่อยง่ายๆ ที่น่าลองทำ   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ไก่ย่างหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ถ้วย ข้าวตังทอดหักเป็นชิ้นพอดีคำ 1 ถ้วย ผักชีฝรั่งซอย หอมแดงซอย และใบสะระแหน่ซอยรวมกันประมาณ 1/2 ถ้วย  น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ พริกป่น 1 ช้อนชา และข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ ผักสด เช่น ถั่วฝักยาว กะหล่ำปลี ใบโหระพา วิธีทำ ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว และพริกป่นเข้าด้วยกัน ชิมและปรุงรสเพิ่มตามชอบ เคล้าไก่ย่างกับน้ำลาบที่เตรียมไว้ ใส่ผักชีฝรั่งซอย หอมแดงซอย ใบสะระแหน่ซอย ข้าวคั่ว และข้าวตังทอด เคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จาน รับประทานทันทีพร้อมผักสด