
ขนมเค้กไต้หวัน (หรือบางคนเรียกว่าขนมไข่ไต้หวัน) ที่รู้จักกันทั่วโลกมาจากขนมโปรตุเกสที่เรียกว่า Pão de Ló ทำด้วยไข่เป็นหลัก เนื้อขนมนุ่มฟูเบาทำให้นึกถึงขนมฝรั่งกุฎีจีนที่สมัยนี้กลายเป็น “ขนมไข่” ซึ่งเป็นขนมที่มาจากต้นกำเนิดเดียวกัน
ขนมนี้ทำมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ต่อมาในศตวรรษที่ 16 เมื่อโปรตุเกสเดินทางค้าขายกับญี่ปุ่น นอกจากยาสูบ ปืน ก็ได้นำขนมที่เขาเรียกชื่อใหม่ว่า Pão de Castella ไปแพร่หลายด้วย ชาวญี่ปุ่นได้ปรับสูตรให้เข้ากับความนิยมและเรียกว่า Kasutera ซึ่งกลายเป็นขนมที่นิยมมากและทำกันทั่วไปในทุกวันนี้
ในปี ค.ศ. 1895 ไต้หวันตกอยู่ภายใต้การปกครองของญี่ปุ่น ขนม Kasutera ก็ได้เดินทางไปด้วยและถูกปรับปรุงอีกครั้งให้มีเนื้อเบาขึ้นและหวานน้อยลง ชาวไต้หวันเรียกว่า Castella เค้กเบาๆ นี้มีหลายรส มักไม่มีหน้า บางร้านพิมพ์ตราของร้านลงบนขนม หรือใช้ปืนไฟพ่นให้มีลวดลายสวยงาม
เค้กนี้เป็นเค้กที่ทำง่ายมากๆ นอกจากมีขายตามร้านขนม ยังมีขายตามริมข้างทางด้วย เพราะใช้แค่ตะกร้อมือและเตาอบถ่าน ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ
หลายคนที่ทำขนมไม่เป็นลองทำดูก็ทำได้เลย และผู้เขียนยังไม่เคยเห็นใครทำแล้วขนมออกมาเสียหายเลย
Taiwanese Castella
ส่วนผสม
- ไข่เบอร์ 2 10 ฟอง
- แป้งเค้ก 130 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- เนย 70 กรัม
- น้ำมันพืช 70 กรัม
- นม 70 กรัม
- น้ำผึ้ง 50 กรัม
- วานิลลา 20 กรัม
- น้ำตาลทราย 100 กรัม
อุปกรณ์
- พิมพ์ขนาด 9 × 9 นิ้ว กรุกระดาษไขและใส่ปลอกหรือหุ้มด้วยฟอยล์ข้างนอก
- ถาดขนมขนาดใหญ่กว่าพิมพ์สำหรับหล่อน้ำ
วิธีทำ
- แยกไข่ขาว ไข่แดง เตรียมไว้
- ร่อนแป้งกับเกลือ พักไว้
- เอาเนย น้ำมัน และนมใส่หม้อ ตั้งไฟจนเนยละลาย
- ค่อยๆ เทลงในแป้ง คนต่อเนื่อง ค่อยๆ ใส่ไข่แดง คนจนเข้ากันดี เติมน้ำผึ้ง และวานิลลา (หรือรสอื่นตามต้องการ) คนให้เข้ากันดี
- ในอ่างผสมอีกใบใส่ไข่ขาวและตีพอขึ้น ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทรายจนหมด และตีจนเป็นยอดอ่อน
- ตักส่วนผสมไข่ขาว 1/3 ส่วน ใส่ในส่วนผสมไข่แดง ตะล่อมให้เข้ากัน แล้วใส่ส่วนผสมไข่ขาวอีก 1/3 ส่วน ตะล่อมให้เข้ากัน จากนั้นใส่ส่วนผสมไข่ขาวที่เหลือ ตะล่อมให้เข้ากันดี เทใส่พิมพ์ที่มีกระดาษไขรองอยู่ เคาะพิมพ์บนโต๊ะ 2-3 ครั้งเพื่อไล่ฟองอากาศ
- วางพิมพ์ลงในถาดที่ใหญ่กว่า เทน้ำร้อนให้ถึงครึ่งถาด อบอุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส นาน 65-70 นาที
- นำออกจากเตาอบ ยกพิมพ์ขนมออกจากถาดน้ำ วางบนตะแกรง เอาขนมออกจากพิมพ์ทันที และแกะกระดาษไขออก
Notes
- ถ้าต้องการรสอื่น เช่น กาแฟ ชาเขียว ให้ใส่ผงลงในนมมากน้อยตามชอบ
- ไข่ขาวต้องไม่ตีจนยอดแข็งเพราะจะทำให้เนื้อขนมแห้ง
- จะใช้พิมพ์รูปร่างใดก็ได้ แต่ต้องกรุกระดาษไขให้สูงกว่าขอบ 3 นิ้ว
- เค้กนี้เมื่อเก็บในตู้เย็นแล้วก็ยังจะนิ่มอยู่
Tag :
Home Gourmet, ขนมเค้ก, เบเกอรี
ความคิดเห็น