เมนูฮอตฮิตทันกระแสที่นำข้าวสวยมาผัดกับเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพิ่มเนื้อกุ้งลงผัดให้น่ากินยิ่งขึ้น   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสหมูสับ 1 ห่อ ข้าว 1 ถ้วย กุ้งสดแกะเปลือก ผ่าหลัง 6 ตัวใหญ่ ไข่ไก่ 2 ฟอง กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา ต้นหอมซอย 1 ต้น        น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ แช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในน้ำอุ่นพอให้เส้นนุ่ม นำเส้นขึ้น พักไว้ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ใส่กระเทียมลงเจียวให้หอม ใส่กุ้งลงผัดให้สุก เขี่ยกุ้งไว้ข้างกระทะ ใส่ไข่ ผัดให้สุกเป็นชิ้นๆ ใส่ข้าวและเส้นบะหมี่ ปรุงรสด้วยเครื่องปรุงรสบะหมี่ ซอสปรุงรส น้ำตาล ผัดให้เข้ากัน ใส่ต้นหอมซอย ผัดให้ทั่ว ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมแตงกวา ต้นหอม มะนาว และน้ำปลาพริกตามชอบ 

ตั้งแต่เด็กที่บ้านจะบอกไม่ให้กินทิ้งกินขว้าง อย่างข้าวที่หุงแล้วกินไม่หมดนอกจากเอามาทำข้าวผัด เราก็ยังสามารถตากแห้งทำข้าวคั่วข้าวตัง หรือจะนำมาใส่น้ำเพื่อทำข้าวต้มก็ได้ สูตรอาหารที่นำมาแบ่งปัน เป็นข้าวต้มแห้งที่ปรุงจากข้าวเหลือเก็บ เสิร์ฟมากับหน้าไข่เจียวที่เคล้ามาในผัดกะเพราเห็ด เลือกเห็ดที่หลากหลายเพื่อเพิ่มมิติให้กับรสและเนื้อสัมผัส     ข้าวต้มแห้งไข่เจียวผัดกะเพราเห็ด (Rice Porridge Top Mixed Mushrooms and Holy Basil Sauce) ส่วนผสมข้าวต้มแห้ง ข้าว 4 ถ้วย น้ำสะอาด 2 1/2 ถ้วย ใบเตย 2 ใบ เกลือหยิบมือ ส่วนผสมเห็ดผัดกะเพรา กระเทียมไทย 2 ช้อนโต๊ะ พริกจินดา 8 เม็ด เกลือหยิบมือ น้ำมันรำข้าว 2 ช้อนโต๊ะ เห็ดรวม 150 กรัม น้ำสะอาด 1/4 ถ้วย ซอสหอยนางรม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนชา พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ 2 เม็ด ใบกะเพรา 1 ถ้วย ส่วนผสมไข่เจียว ไข่ไก่ 3 ฟอง ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา พริกไทยขาวปรุงรส น้ำมันรำข้าวสำหรับเจียวไข่ วิธีทำ ใส่ข้าวและน้ำลงในหม้อ มัดใบเตยให้แน่นดีใส่ตามลงไป ตั้งไฟ พอเดือดลดไฟลงแค่ให้พอระอุ ต้มจนข้าวนุ่ม ยกออกจากเตา ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย ตั้งกระทะเจียวไข่ ใส่น้ำมันให้พอเคลือบกระทะ ตอกไข่ทั้งหมดใส่ชามผสม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและพริกไทย ตีพอเข้ากัน พอกระทะร้อนใส่ไข่ลงเจียวให้สุกดีทั้ง 2 ด้าน ตักออกมาพัก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ โขลกพริกและกระเทียมกับเกลือเล็กน้อย ใส่น้ำมันลงในกระทะ ผัดเครื่องที่โขลกให้หอมดี ใส่เห็ดตามลงไป ใส่น้ำเล็กน้อย ผัดจนเห็ดสุกดี ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรมและน้ำปลา ใส่ไข่เจียวกลับลงไปพร้อมกับใบกะเพราและพริกชี้ฟ้า ผัดให้เข้ากัน ตักข้าวต้มใส่ชาม ตักไข่เจียวผัดกะเพราเห็ดโรยหน้า รับประทานร้อนๆ

  ไข่แดงเค็มดิบมีรสเค็มมันกำลังดี นำมาผัดกับข้าวจะเค็มอร่อย กินกับปลาหมึกหมักกระเทียมพริกไทยผัดใส่น้ำพริกเผารสเค็มหวาน เป็นอาหารจานเดียวที่อร่อยและทำง่าย   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ไข่แดงเค็มดิบ 2 ฟอง น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ ข้าวหุงสุก 2 ถ้วย หมึกกล้วยขนาดกลางหั่นชิ้นพอดีคำ 2 ตัว น้ำพริกเผา 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเลเล็กน้อย น้ำมันพืชสำหรับผัดและผักชีโรยหน้า ส่วนผสมสำหรับหมักปลาหมึก กระเทียม พริกไทย และรากผักชี ตำรวมกัน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย รวนปลาหมึกพอสุก ตักขึ้น เทน้ำจากที่รวนปลาหมึกแยกเก็บไว้ หมักปลาหมึกกับส่วนผสมหมักไว้ 30 นาที ปั่นไข่แดงกับน้ำให้ละเอียดจนข้นเป็นซอส ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่ข้าวและซอสไข่เค็มลงผัดให้เข้ากันจนมีสีเหลืองส้มสวย ปรุงรสด้วยเกลือ ชิมรส พักไว้ ผัดปลาหมึกกับน้ำพริกเผาให้สุก (เติมน้ำรวนปลาหมึกได้) ผัดจนสุก ชิมและปรุงรสตามชอบ ตักราดบนข้าวผัด โรยผักชี

  ข้าวห่อสาหร่ายสไตล์เกาหลีชิ้นกลมใหญ่และหั่นบางกว่าของญี่ปุ่น ปรุงรสข้าวด้วยน้ำมันงาและเกลือ ใส่ไส้ได้หลายอย่างทั้งสไตล์ตะวันตกและอย่างดั้งเดิม เช่น ปลาทูน่ากระป๋อง เนื้อวัวผัดซอส และกิมจิ   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ข้าว 2 ถ้วย น้ำมันงา 3 ช้อนชา เกลือป่น 1/8 ช้อนชา สาหร่ายแผ่น 2-4 แผ่น งาขาวคั่วเล็กน้อย ส่วนผสมไส้ ปลาทูน่ากระป๋อง 1 กระป๋อง (บีบน้ำออก) มายองเนส 2-3 ช้อนโต๊ะ แครอตหั่นเส้นยาว แตงกวาญี่ปุ่นหั่นเส้น หัวไช้เท้าดองหั่นยาว 3-4 ชิ้น เนื้อวัวสไลซ์ 200 กรัม ซอสบุลโกกิ 1-2 ช้อนโต๊ะ ใบงาเกาหลี 5-6 ใบ กิมจิผักกาดขาว 1/4 ถ้วย วิธีทำ ตักข้าวที่เพิ่งหุงสุกร้อนๆ ใส่ชามผสม ใส่น้ำมันงาและเกลือ คนเบาๆ ให้เข้ากัน พักไว้จนหายร้อน วางสาหร่ายแผ่นบนเสื่อม้วนข้าว เกลี่ยข้าวใส่ให้ทั่ว ผสมปลาทูน่ากับมายองเนส ตักวางบนข้าว วางแครอต แตงกวา และหัวไช้เท้าดอง ม้วนให้แน่น อีกไส้วางใบงาเกาหลีบนข้าว ใส่เนื้อวัวผัดกับซอสบุลโกกิ วางกิมจิและหัวไช้เท้าดอง หั่นเป็นชิ้น เรียงใส่จาน โรยงาขาว

  ข้าวผัดกับผงกะหรี่จนมีกลิ่นหอม ใส่ซีฟู้ดตามชอบ ตักใส่ลูกมะพร้าวเผาและนึ่งพร้อมกันอีกครั้ง จะทำให้มีกลิ่นหอมชวนกินมากยิ่งขึ้น   ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่) ปลาหมึก หอยเชลล์ และกุ้งหั่นชิ้นเล็ก 2 ถ้วย หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 3 ช้อนโต๊ะ ผงกะหรี่  1/2 ช้อนโต๊ะ ข้าว 4 ถ้วย สับปะรดหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วย เนื้อมะพร้าวเผาหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/4 ถ้วย                        เมล็ดถั่วลันเตา 1/2 ถ้วย ผักชีสำหรับตกแต่งและน้ำมันพืชสำหรับผัด เกลือทะเลและพริกไทยป่นสำหรับปรุงรส วิธีทำ ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ใส่หอมหัวใหญ่ลงผัดพอสุก ใส่ปลาหมึก หอยเชลล์ และกุ้งลงผัดพอสุก ใส่ผงกะหรี่และข้าว ผัดให้เข้ากัน ใส่สับปะรด เนื้อมะพร้าวเผา และเมล็ดถั่วลันเตา ปรุงและชิมรส ตักข้าวผัดใส่ลูกมะพร้าวเผา นำไปนึ่งประมาณ 10 นาทีจนมีกลิ่นหอม ยกลง โรยหน้าด้วยผักชี

การทำอาหารไปรับประทานที่โรงเรียนหรือที่ทำงานนั้นข้อดีไม่ได้อยู่ที่การประหยัด แต่อยู่ที่คุณค่าและสุขอนามัยที่ดีกว่า อาหารที่เหมาะทำข้าวกล่องควรเป็นอาหารที่ปรุงสุกดีและสามารถเก็บรักษาได้โดยไม่ต้องแช่เย็น สังเกตอาหารเบนโตะของญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีลักษณะแห้ง ปรุงรสหวานและเค็มเป็นหลัก ถ้าจะมีเครื่องเคียงก็อาจจะเป็นผักดอง และมักจะรับประทานกับข้าวสวย     ข้าวสามหน้า (Soboro Don) เป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมสำหรับเบนโตะ มีส่วนประกอบ 3 อย่าง ได้แก่ ไก่บด ไข่คน และผักลวก สูตรที่นำมาแบ่งปันผมปรับหน้าไก่และหน้าไข่แบบดั้งเดิมซึ่งมีรสหวานจัดให้หวานน้อยลง เพิ่มเห็ดหอมในหน้าไก่ เพิ่มเต้าหู้อ่อนในหน้าไข่ และผสมข้าวไรซ์เบอร์รีเข้าไปในข้าวญี่ปุ่นเพื่อให้เป็นเมนูดั้งเดิมในแบบที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น     ส่วนผสมข้าวสวย ข้าวสารญี่ปุ่น 200 มิลลิลิตร ข้าวไรซ์เบอร์รี 100 มิลลิลิตร น้ำสะอาด 360 มิลลิลิตร ส่วนผสมไก่หวาน เนื้ออกไก่บด 200 กรัม เห็ดหอมแห้ง 3 ดอก สาเก 3 ช้อนโต๊ะ ขิงขูดฝอย 1 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมไข่คน ไข่ไก่  4 ฟอง น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ สาเก 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา เต้าหู้อ่อน 50 กรัม ส่วนผสมถั่วลันเตาลวก ถั่วลันเตาหวาน  100 กรัม เกลือ 1/4 ช้อนชา วิธีทำ ซาวข้าวทั้งหมดจนน้ำใสดี ใส่ในหม้อหุงข้าวไฟฟ้าพร้อมกับน้ำสะอาด หุงข้าวให้สุกดี ทำไก่หวานโดยแช่เห็ดหอมแห้งจนนุ่มดี หั่นเป็นชิ้นเล็ก นำไก่ เห็ดหอม และสาเกใส่หม้อ ใช้ช้อนไม้รวนให้เนื้อไก่แตกตัวไม่จับเป็นก้อน นำไปตั้งไฟ รวนจนเนื้อไก่สุก 50 % ใส่ขิง น้ำตาลทราย และโชยุ รวนจนเครื่องปรุงรสแห้งลง พักไว้ ทำไข่คนโดยนำส่วนผสมทั้งหมดใส่หม้อ ตั้งไฟปานกลาง ใช้ตะเกียบสามคู่คนอย่างต่อเนื่องให้เนื้อเต้าหู้แหลก และส่วนผสมของไข่กับเครื่องปรุงเข้ากันดี คนจนเนื้อไข่สุกและแตกตัวเป็นเกล็ดเล็ก ๆ (ระวังอย่าให้ไข่สีคล้ำ) พักไว้ เด็ดขั้วถั่วลันเตาออก ตั้งน้ำให้เดือด ใส่เกลือเล็กน้อย ใส่ถั่วลันเตาลงไปลวก 30 วินาที ล้างผ่านน้ำเย็น ซอยบาง ๆ พักไว้ ตักข้าวสวยใส่ชามหรือกล่องข้าว จัดเรียงหน้าไก่ หน้าไข่ และถั่วลันเตาลงไปให้สวยงาม

  เมนูปลาดิบปรุงรสสไตล์ฮาวายกลิ่นอายญี่ปุ่น ความอร่อยอยู่ที่เนื้อปลาหมักกับโชยุ น้ำมันงา และน้ำเลมอนให้มีกลิ่นหอมและรสเค็มนิดๆ ตักราดบนข้าวญี่ปุ่นเมล็ดสั้นเหนียวนุ่ม เติมความอร่อยด้วยอะโวคาโดและสาหร่ายโนริ   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เนื้อปลาแซลมอนสดหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 200 กรัม เนื้อปลาทูน่าสดหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 200 กรัม อะโวคาโดหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1-2 ผล ข้าวญี่ปุ่นหุงสุกปริมาณตามชอบ งาขาว งาดำ ต้นหอมซอย แตงกวาญี่ปุ่นหั่นแท่ง ไควาเระ และสาหร่ายโนริหั่นเส้นสำหรับเสิร์ฟ ส่วนผสมซอส โชยุ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนชา น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ และขิงขูด 2 ช้อนชา วิธีทำ เคล้าเนื้อปลาแซลมอนและทูน่ากับซอสให้เข้ากัน ใส่อะโวคาโด พักไว้ ตักปลาใส่บนข้าวญี่ปุ่น โรยงาขาว งาดำ ต้นหอมซอย วางแตงกวาญี่ปุ่น ไควาเระ และสาหร่ายโนริหั่นเส้น

“เบนโตะ” หรืออาหารกล่องของญี่ปุ่นเป็นเมนูที่รวบรวมความอร่อยทุกอย่างเข้าไว้ด้วยกัน เชฟชาตรี แปงศิลป์ Sous Chef ห้องอาหารญี่ปุ่นคิสโสะ โรงแรมเดอะ เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท จะมาเฉลยว่าอะไรคือเสน่ห์ของอาหารกล่องสี่เหลี่ยมนี้   14 ปีในการทำงานที่ร้านคิสโสะเชฟชาตรีได้ฝึกฝนเรียนรู้การทำอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมจากเชฟญี่ปุ่นหลายคน การันตีฝีมือได้จากลูกค้าขาประจำชาวญี่ปุ่นที่มาอุดหนุนกันอย่างเนืองแน่น เชฟชอบอาหารญี่ปุ่นเพราะมีความละเมียดละไมต้องใช้ความประณีตในการตกแต่งให้สวยงาม และมารยาทการกินอาหารที่สุภาพเรียบร้อยของชาวญี่ปุ่นก็ทำให้เชฟหลงรักอาหารญี่ปุ่นอย่างถอนตัวไม่ขึ้น     เชฟชาตรีบอกเราว่าอาหารกล่องหรือเบนโตะเป็นเมนูที่รวมศาสตร์การปรุงอาหารญี่ปุ่นทุกอย่างเข้าด้วยกัน ในกล่องจะประกอบด้วยสลัด ของย่าง ของต้ม ของทอดคือเทมปุระ และของดิบอย่างซาชิมิ ซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันในการปรุงและทักษะในการทำอาหารที่แตกต่างกันออกไป คนกินเบนโตะจะได้รับสารอาหารครบทุกหมู่ อาหารในกล่องจะถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม มีความหลากหลายเกิดความสมดุลในแบบฉบับของชาวญี่ปุ่น   อาหารกล่องของเชฟจัดมาเซ็ตใหญ่ละลานตาจนเลือกกินไม่ถูก เชฟแนะนำว่าควรเริ่มกินอาหารเรียกน้ำย่อยก่อน เช่น ยำปลาหมึกใส่สาหร่ายวากาเมะ ไข่แซลมอนคลุกหัวไช้เท้าขูดราดโชยุ และไข่ม้วนไส้ปลาไหล จากนั้นให้กินสลัดอะโวคาโดซอสงาญี่ปุ่นและไข่ตุ๋นเนื้อเนียนนุ่ม สลับกับซาชิมิที่เสิร์ฟปลาแซลมอนและชูโทโรชิ้นหนา   ของย่างเชฟเสิร์ฟเนื้อวากิวย่างถ่านและปลาหิมะหมักมิโซะที่มีรสหวานและกลิ่นหอม 2 เมนูนี้เชฟใช้ถ่านไม้โกงกางและถ่านไม้ยูคาลิปตัสเพิ่มกลิ่นหอมน่ากินมากขึ้น ส่วนเมนูต้มคืออกเป็ดต้มสไตล์ญี่ปุ่น เชฟย่างอกเป็ดจนมีสีน้ำตาลสวยแล้วต้มในน้ำซอสรสเค็มหวานที่มีส่วนผสมของน้ำสต๊อกดาชิ มิริน โชยุ และสาเก เครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้ในครัวญี่ปุ่น   ปิดท้ายด้วยเทมปุระขาปูซูไว ข้าวญี่ปุ่น ซุปมิโซะ ของหวานและผลไม้ เป็นเบนโตะที่จัดเต็มอิ่มครบพอดี     ปลาหิมะหมักมิโซะและอกเป็ดต้มสไตล์ญี่ปุ่น ส่วนผสมและวิธีทำปลาหิมะหมักมิโซะ (Snow Fish Miso Saikyo) ปลาหิมะ 500 กรัม มิโซะขาว (Shiro Miso) 500 กรัม น้ำตาลทราย 130 กรัม โชยุ 15 มิลลิลิตร มิริน 80 มิลลิลิตร สาเก 30 มิลลิลิตร ชิโอะโคจิ (Shio Kouji) 5 มิลลิลิตร วิธีทำ แล่เนื้อปลาหิมะเป็นชิ้น ผสมส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน หมักปลาในซอสมิโสะ 3 วัน 3 คืน ย่างปลาบนเตาถ่านจนสุก ส่วนผสมและวิธีทำเป็ดต้มแบบญี่ปุ่น (Duck Tataki) อกเป็ด 4 ชิ้น น้ำสต๊อกดาชิ 200 มิลลิลิตร มิริน 100 มิลลิลิตร สาเก 200 มิลลิลิตร โชยุ 60 มิลลิลิตร น้ำตาลทราย 30 กรัม ต้นหอมญี่ปุ่นย่าง 2  ต้น วิธีทำ ย่างอกเป็ดบนกระทะให้หนังมีสีน้ำตาลสวย ผสมซอสทั้งหมดรวมกันต้มให้เดือด เทใส่ถาดขอบสูง แช่อกเป็ดลงในซอส นำเข้าเตาที่อุณหภูมิ 62 องศาเซลเซียสนาน 50 นาที ยกลง นำอกเป็ดมาสไลซ์เป็นชิ้น

ในอาหารชุดที่มีทานกันทั่วไปเมื่อหลาย 10 ปีมาแล้ว “ข้าวมันส้มตำ” เป็นชุดที่มักได้ทานตอนกลางวันเวลามีงานเลี้ยงตามบ้าน   ปัจจุบันข้าวมันส้มตำหาทานยาก ในร้านอาหารของแท้ครบชุดแทบไม่มี ทั้งนี้อาจเป็นเพราะคนจากภาคอีสานเข้ามาอยู่ในภาคกลางมากขึ้น อาหารอีสานก็แพร่หลายตามมา และอาจทำได้ง่ายกว่าจึงกลายมาเป็นอาหารยอดนิยม โดยเฉพาะส้มตำ   ข้าวมันส้มตำที่ครบชุดต้องมีข้าวมัน (หุงด้วยกะทิ) น้ำพริกมะขามเปียก เนื้อฝอยผัดหวาน ทานกับใบทองหลางอ่อนๆ ใบชะมวงอ่อน และใบมะยมอ่อน ที่ขาดไม่ได้คือแกงเผ็ดไก่     ข้าวมันส้มตำ   ข้าวมัน ส่วนผสม ข้าวเก่า 4 ถ้วย หัวกะทิ 1 ถ้วย หางกะทิ 3 ถ้วย น้ำตาลทราย 4  ช้อนโต๊ะ ดอกเกลือ 2 ช้อนชา วิธีทำ ข้าวมันหุงด้วย 3 วิธีหลักๆ คือหุงด้วยหม้อไฟฟ้า หุงแบบไม่เช็ดน้ำ และหุงด้วยหม้อดิน หุงด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด ข้าว 4 ถ้วย (ถ้วยตวงของหม้อ) หัวกะทิ 1 ถ้วย (ใช้ถ้วยตวงเดียวกัน) และน้ำที่เหลือตามสูตรของหม้อ พอสุกหัวกะทิจะลอยอยู่บนข้าว คนให้ทั่ว และอุ่นต่ออีกสัก 5 นาที (ใช้กะทิสดเท่านั้น ) หุงไม่เช็ดน้ำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดในหม้อก้นหนา ตั้งไฟแรงจนเดือด ลดไฟลง ต้มจนน้ำเกือบแห้ง ปิดฝา ลดไฟลงอ่อนสุดจนข้าวสุกและน้ำแห้งสนิทเป็นใช้ได้ หุงหม้อดิน หม้อดินต้องเป็นหม้อปากกว้างและใช้เตาถ่าน ใส่ส่วนผสมทั้งหมดในหม้อ ใช้ไฟแรง ต้มให้เดือด ปิดฝา กลบไฟให้เหลือบางๆ หมุนหม้อบ่อยๆ จนข้าวสุก เมื่อน้ำแห้งจะได้ยินเสียง “เปี๊ยะๆ” และมีกลิ่นไหม้ ยกลง พักไว้ให้ระอุ เมื่อตักข้าวออกหมดจะมีข้าวตังติดอยู่ก้นหม้อ แกะออกเป็นชิ้นเล็กๆ และเสิร์ฟให้ครบคน Notes ถ้าชอบกลิ่นใบเตยใส่ใบเตยลงในหม้อ  2-3 ใบตอนเริ่มหุงข้าว ใช้กะทิ UHT ได้ แต่ต้องผสมน้ำครึ่งต่อครึ่ง แต่หุงด้วยหม้อไฟฟ้าต้องใช้กะทิสดเท่านั้น และไขมันต้องไม่มากเกินไป ไม่เช่นนั้นหม้อจะดีดกลับ   น้ำพริกมะขามเปียก ส่วนผสม พริกแห้งบางช้าง 40 กรัม หอมแดง 80 กรัม กระเทียมไทย 45 กรัม มะขามเปียก 140 กรัม กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปึก 45 กรัม น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ แกะเมล็ดพริกออก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ คั่วพริกให้กรอบ ตำจนละเอียด หั่นมะขามเปียกเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ครก ตำรวมกันจนละเอียด ใส่หอมแดงและกระเทียม ตำต่อจนละเอียด ใส่กะปิ น้ำตาล และน้ำปลา ตำให้เข้ากัน ชิมให้ได้รสเปรี้ยว ตามด้วยหวานและเค็ม Notes ใช้พริกแห้งทั่วไปแทนพริกแห้งบางช้างได้ เมล็ดพริกจะเหมือนกัน แต่เมื่อนำมาทำอาหารพริกแห้งบางช้างจะมีสีแดงสวยกว่ามาก มะขามต้องใหม่ สะอาด ไม่มีเม็ด ซาง และเปลือก   เนื้อเค็ม ส่วนผสม เนื้อเค็มแดดเดียว  500 กรัม น้ำตาลปึก 45 กรัม น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ หอมเจียว น้ำมันพืชสำหรับทอด วิธีทำ นึ่งเนื้อเค็มจนสุก ฉีกเป็นเส้นฝอยๆ ทอดเนื้อในน้ำมันร้อนสักพักแต่ไม่ต้องกรอบ ตักวางบนกระดาษซับน้ำมัน ใส่น้ำตาลปึกในกระทะ เติมน้ำ พอน้ำตาลเริ่มเหนียวใส่เนื้อลงผัดให้ทั่ว ตักใส่ชาม โรยด้วยหอมเจียว   ส้มตำ ส่วนผสม มะละกอดิบ 6 ถ้วย พริกแห้งบางช้าง 40 กรัม กระเทียมไทย 20 กรัม น้ำตาลปึก 60 กรัม น้ำตาลทราย 20 กรัม น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย กุ้งแห้งป่น 1/4 ถ้วย ผิวมะนาวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า วิธีทำ สับมะละกอและฝานเป็นเส้นฝอยสั้นๆ พักไว้ ตำพริกแห้งจนละเอียด ใส่กระเทียม ตำรวมกันจนละเอียด ใส่น้ำตาลทั้ง 2 ชนิด น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำมะขาม คนให้เข้ากัน ชิมรสให้จัด เปรี้ยว เค็ม หวาน หรือตามชอบ คลุกน้ำกับมะละกอ ใส่ผิวมะนาวและกุ้งแห้งป่นครึ่งหนึ่ง ตักใส่จาน โรยกุ้งแห้งที่เหลือ Notes ส้มตำต้องใช้พริกแห้งบางช้างเท่านั้นสีจึงจะแดงเข้มสวย ถ้าใช้พริกแห้งอื่นสีจะไม่แดงเท่าที่ควร สำคัญที่สุดมะละกอต้องสับเป็นเส้นฝอยๆ สั้นๆ     แกงเผ็ดไก่ ส่วนผสม เครื่องแกงเผ็ด 100 กรัม เนื้อไก่ 500 กรัม น้ำตาลปึก 50 กรัม น้ำปลา กะทิ มะเขือพวง 200 กรัม ใบมะกรูด ใบโหระพา และพริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ วิธีทำ ย่างมะเขือพวงจนมีจุดดำๆ พักไว้ หั่นเนื้อไก่เป็นชิ้นเล็ก (ไม่เอาหนังไก่) ผัดในน้ำมันหมู 1 ช้อนโต๊ะจนเกือบสุก ตักขึ้น พักไว้ นำเครื่องแกงลงผัดในกระทะผัดไก่ พอเริ่มหอมเติมหัวกะทิ 1/2 ถ้วย ผัดสักครู่ ใส่เนื้อไก่ที่ผัดไว้ และหางกะทิให้ท่วม ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลา ชิมรส ใส่มะเขือพวง ใบมะกรูด ใบโหระพา และพริกชี้ฟ้าแดง

  เมนูสุดเฮลท์ตี้คลีนๆ ถูกใจหนุ่มสาวยุคใหม่ หมักเนื้ออกไก่กับโรสแมรี่แล้วย่างบนกระทะกับน้ำมันมะกอกจนมีกลิ่นหอม กินกับข้าวไรซ์เบอร์รีผสมควินัวและผักนึ่ง อิ่มแบบไม่อ้วน   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) อกไก่ 2 อก โรสแมรี่สด 2 กิ่ง เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบอย่างละ 1/4 ช้อนชา น้ำมันมะกอก 2 ช้อนชา บรอกโคลีหั่นชิ้นพอดีคำนึ่ง ฟักทองนึ่ง มะเขือเทศเชอร์รี และน้ำมันมะกอกปริมาณตามชอบ ข้าวไรซ์เบอร์รีผสมกับควินัวปริมาณตามชอบ วิธีทำ สไลซ์อกไก่ตามยาวแบ่งครึ่งเป็นชิ้นบาง หมักกับโรสแมรี่ เกลือ พริกไทย และน้ำมันมะกอก พักไว้ 1 ชั่วโมง ตั้งกระทะสำหรับย่างให้ร้อน ใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อย ย่างไก่จนสุกสีสวย พักไว้ เคล้าบรอกโคลี ฟักทอง และมะเขือเทศเชอร์รีกับน้ำมันมะกอก เสิร์ฟอกไก่ย่างกับข้าวไรซ์เบอร์รี ควินัว และผักนึ่ง

  อาหารจานเดียวที่ได้ไอเดียจากข้าวผัดน้ำพริก เน้นทำง่ายและอร่อยเต็มอิ่ม เลือกปลาช่อนแดดเดียวที่เนื้อนุ่มและไม่เค็มมากนำมาทอดให้เหลืองกรอบ กินเคียงกับผักลวกต่างๆ   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อปลาช่อนแดดเดียวหั่นชิ้นเล็กทอด 1 ถ้วย ข้าว 1-2 ถ้วย พริกขี้หนูซอยและผักชีปริมาณตามชอบ น้ำมันพืชสำหรับผัดเล็กน้อย ผักน้ำพริกตามชอบ เช่น ดอกโสน ดอกแค กระเจี๊ยบ มะเขือ ฯลฯ   ส่วนผสมน้ำพริก หอมแดง 6 หัว กระเทียม 12 กลีบ พริกชี้ฟ้าแดง 5 เม็ด พริกหนุ่ม 5 เม็ด น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ เนื้อปลาช่อนแดดเดียวทอดฉีกเป็นชิ้นเล็ก 3/4 ถ้วย   วิธีทำ เผาหรืออบหอมแดง กระเทียม พริกชี้ฟ้าแดง และพริกหนุ่มจนสุกหอม ลอกเปลือกออก ตำทุกอย่างรวมกันพร้อมกับเนื้อปลาทอด ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว (ถ้าชอบเผ็ดเติมพริกขี้หนูซอย) ชิมรส ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใส่เนื้อปลาช่อนแดดเดียวทอดฉีกเป็นชิ้นเล็ก ใส่น้ำพริกและข้าว ผัดให้เข้ากันจนหอม ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยพริกขี้หนูซอย ผักชี กินกับเนื้อปลาช่อนแดดเดียวหั่นชิ้นเล็กทอดและผักน้ำพริกตามชอบ

  ข้าวยำสูตรนี้มาจากบ้านของหุ้นส่วนคนหนึ่งของร้านมินิบาร์ หุงข้าวกับน้ำดอกอัญชันได้สีฟ้าอมน้ำเงินสวย กินกับผักและดอกอัญชัน คู่กับน้ำบูดูรสเข้มข้น   ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) ข้าวอัญชัน 100  กรัม กุ้งแห้งป่น 5 กรัม ปลาแห้งป่น  10 กรัม มะพร้าวคั่ว 10 กรัม มะม่วงเปรี้ยวซอย ถั่วฝักยาวซอย ตะไคร้ซอย แตงกวาซอย ถั่วงอกเด็ดหัวเด็ดหาง แครอตซอย ใบชะพลูซอย ใบมะกรูดซอย และส้มโอแกะเป็นกลีบปริมาณตามชอบ ดอกอัญชัน  1  กรัม น้ำบูดู 50 มิลลิลิตร   วิธีทำ ตักข้าวอัญชันใส่พิมพ์กดให้แน่นแล้วคว่ำใส่จาน ใส่กุ้งป่น ปลาป่น มะพร้าวคั่ว และผักรอบๆ ให้สวยงาม เสิร์ฟกับน้ำบูดู เมื่อจะกินจึงคลุกทั้งหมดรวมกัน

  ข้าวกล้องผัดกับซัลซาและซอสพริกรสจัด กินกับเนื้อเป็ดรมควันหอมๆ อร่อยครบเครื่องด้วยถั่วดำ ข้าวโพดหวาน และอะโวคาโดตามสไตล์เม็กซิกัน   ส่วนผสม (สำหรับ 2-3 ที่) ข้าวกล้องหุงสุก 3 ถ้วย อกเป็ดรมควันหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 200   กรัม ซัลซามะเขือเทศ 1/2  ถ้วย ซอสพริกศรีราชา  2-3 ช้อนโต๊ะ ถั่วดำกระป๋อง  1  กระป๋อง พริกฮาลาเปโยหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า  1  ช้อนโต๊ะ เมล็ดข้าวโพดหวานต้มสุก  1  ถ้วย อะโวคาโดหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก  1   ผล ผักชีสับเล็กน้อย ตอร์ติญาชิปสำหรับเสิร์ฟ มะนาวหั่นเสี้ยวตามชอบ น้ำมันพืชสำหรับผัดเล็กน้อย   วิธีทำ ตั้งกระทะใส่น้ำมันพอร้อน ใส่อกเป็ดลงผัดให้ร้อน ใส่ซัลซา ซอสพริก และข้าวกล้อง ผัดให้เข้ากัน ใส่ถั่วดำ ข้าวโพดหวาน และพริกฮาลาเปโย ผัดไวๆ ตักขึ้นใส่จาน วางอะโวคาโดและโรยผักชีให้สวยงาม เสิร์ฟพร้อมตอร์ติญาชิปและมะนาว  

หากพูดถึง "Royal Project" หรือ "ผลผลิตจากโครงการหลวง" สิ่งที่เราไม่เคยไม่นึกถึงเลยสักครั้งคือจุดเริ่มต้นในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงส่งเสริมและสนับสนุนให้ชาวเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถเพาะปลูกพืชผักผลไม้อันเป็นประโยชน์และเป็นรายได้อย่างยั่งยืน   สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทำให้ผู้อยู่อาศัยกลุ่มเล็กๆ ในถิ่นทุรกันดารมีความรู้ พยุงตัวเองจนดูแลครอบครัวได้สบายตามแบบเศรษฐกิจพอเพียงเป็นจุดเชื่อมโยงให้เชฟมานะชัย ก้อนค้างพลู Executive Sous Chef ห้องอาหาร Basil โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท ผู้ที่เห็นถึงความสำคัญของผลผลิตจากโครงการหลวงไม่ต่างจากใครๆ เลือกวัตถุดิบเหล่านั้นมาใช้ที่โรงแรม     เชฟเล่าให้ฟังว่าแม้ผลผลิตจากโครงการหลวงจะยังไม่คงที่ วัตถุดิบที่ได้มาอาจมีเพียงบางอย่างและบางช่วงเวลา แต่เชฟก็พยายามใช้วัตถุดิบที่มีอย่างคุ้มค่า นำมาทำเมนู "อาหารไทย 4 ภาค" ตามคอนเซ็ปต์ของห้องอาหาร ประกาศศักดาให้ชาวต่างชาติรู้ว่าอาหารไทยบ้านเราอร่อยชวนลองมากแค่ไหน   "ทุกวันนี้เราพยายามใช้ผักทุกชนิดจากโครงการหลวง เพราะหาง่ายและมีตลอดทั้งฤดูกาล ถ้าโชคดีหน่อยก็ได้แซลมอนเทราต์และไก่ฟ้ามาด้วยครับ ส่วนปลาสเตอร์เจียนบอกตรงๆ ว่าผมอยากได้มานาน อยากนำมาลองทำเมนูใหม่ๆ ดูสักครั้ง แต่โอกาสที่ซื้อได้ยังไม่มีเลย   "ผลผลิตจากโครงการหลวงส่วนใหญ่จะนำมาทำเมนูอาหารภาคเหนือและภาคอีสาน อย่างหมกปลาเทราต์ประยุกต์จากสูตรหมกปลาช่อนของที่บ้าน (เชฟเป็นคนโคราช) โขลกพริก ใบมะกรูด ห่อใบตองแล้วก็นำไปหมก รสชาติจัดจ้านแบบไทยแท้     "ส่วนช่วงนี้เราได้ไก่ฟ้ามาครับ จึงนำมาทำเป็นข้าวซอย ไก่ฟ้าเป็นสัตว์ที่ไม่อยู่นิ่ง ไม่ขี้เกียจ ไม่นอนกลางวัน งานอดิเรกยามว่างคือการเดินและบิน แน่นอนว่าไม่มีไขมัน แถมยังเนื้อแน่นด้วย ส่วนความนุ่มได้มาจากอายุของไก่ เราเลือกใช้ไก่ฟ้า 9-10 เดือน ถึงราคาจะแพงกว่าไก่ทั่วไปแต่มีคุณภาพ ที่สำคัญกินได้สบายใจ เพราะไขมันศูนย์เปอร์เซ็นต์"   เชฟเล่าต่อถึงความโดดเด่นที่ทำให้ข้าวซอยไก่ฟ้าแตกต่างจากที่อื่นว่า "ความพิเศษของข้าวซอยที่นี่เริ่มจากพริกแกงเลย เราใส่ 'ชะโก' (กระวานดำหรือเฉาก๊วยจี๊) เป็นเครื่องเทศรสเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ค่อนข้างมากเพื่อให้ถึงเครื่อง เมื่อพริกแกงได้ที่แล้วก็เอาไก่ฟ้าลงผัด เวลาเรากัดเนื้อไก่ก็จะได้กลิ่นหอมๆ ของชะโก ส่วนเครื่องปรุงใช้น้ำตาลมะพร้าวแทนน้ำตาลทราย เพราะจะทำให้กะทิมีรสชาติกลมกล่อมขึ้นมาก อีกอย่างรสชาติของน้ำตาลมะพร้าวก็ไม่หวานแหลมด้วย กินกับเส้นข้าวซอยทั้งนุ่มและกรอบ พร้อมกับเครื่องเคียงครบรสรับรองว่าเข้ากันแน่นอน"   เมื่อสิ้นสุดคำพูดของเชฟ เราต้องยอมรับว่าอยู่ดีๆ ท้องก็ร้องขึ้นมาเสียอย่างนั้น ว่าแล้วก็ขอตัวไปชิมอาหารฝีมือเชฟก่อนดีกว่า     ข้าวซอยไก่ฟ้า ส่วนผสม เนื้อไก่ฟ้าหั่นชิ้นบาง 1 ถ้วย พริกชี้ฟ้าแดงแห้ง 7 เม็ด       หอมแดง 1/2  ถ้วย                  ขิงปอก หั่นละเอียด  2 ช้อนโต๊ะ ขมิ้นสดปอก หั่นละเอียด  1 ช้อนโต๊ะ รากผักชี 3 ต้น ชะโกลูกใหญ่คั่วจนเปลือกแตก แกะเอาเม็ดในไปปั่นให้ละเอียด 8 ลูก                                กะทิ 3 ถ้วย      ผักกาดดองซอย 1/2 ถ้วย น้ำปลา 3  ช้อนโต๊ะ            น้ำตาลปี๊บ 2 1/2 ช้อนโต๊ะ เส้นข้าวซอย (บะหมี่ลวก)  2  ก้อน เส้นข้าวซอย (บะหมี่ทอด) 1 ก้อน ผักชี 2 ช้อนโต๊ะ ถั่วงอก 1/4 ถ้วย ต้นหอมซอย  2 ช้อนโต๊ะ หอมเจียว 3 ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูแห้งทอด 10 เม็ด       มะนาวผ่าซีก 2-3 ชิ้น น้ำมันพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ         วิธีทำ กรีดพริกชี้ฟ้าแดงแห้ง เอาเมล็ดออก แช่น้ำทิ้งไว้ คั่วหอมแดง ขิง ขมิ้น และรากผักชีให้สุก แล้วนำมาตำกับพริกชี้ฟ้าแดงที่แช่น้ำไว้ให้ละเอียด นำพริกแกงที่ได้ตั้งไฟ ผัดเรื่อยๆ จนแห้ง ใส่ชะโกป่น ผัดต่อให้เข้ากันจนหอม ใส่กะทิ รอจนกะทิเดือดใส่เนื้อไก่ฟ้าและผักกาดดอง ต้มจนไก่สุกและเนื้อนุ่ม ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ จัดเส้นข้าวซอยลวกใส่ชาม ราดน้ำแกง วางเส้นข้าวซอยทอด ผักชี ถั่วงอก ต้นหอมซอย หอมเจียวหอมแดงซอย พริกขี้หนูแห้งทอด มะนาวผ่าซีก และน้ำมันพริกเผา

  ข้าวสีแดงสวยเพราะหุงกับน้ำมะเขือเทศ กินกับกุ้งย่างหวานๆ ใส่ชีสอีดัมเนื้อแน่นรสเค็มเข้มข้นอร่อย   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) กุ้งลายเสือทั้งเปลือกผ่าหลัง 10-12 ตัว เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบอย่างละ 1/2 ช้อนชา พริกปาปริกาป่น 1 ช้อนชา ใบไทม์แห้ง 1 ช้อนชา ชีสอีดัมหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2  ถ้วย   ส่วนผสมข้าว ข้าว 2 ถ้วย หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า  1/4  ถ้วย น้ำมะเขือเทศ 2  ถ้วย น้ำเปล่า 1 ถ้วย ลูกเกดดำแช่น้ำจนนุ่ม 1/4 ถ้วย ไทม์สด 2 กิ่ง หน่อไม้ฝรั่งหั่นเฉียงผัดน้ำมันพอสุก 1/2 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับผัดและเกลือทะเลเล็กน้อย   วิธีทำ ผัดหอมหัวใหญ่กับน้ำมันพืชในกระทะจนสุกใส ใส่ข้าวสารลงผัดให้น้ำมันพอเคลือบข้าว เทใส่หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ใส่น้ำมะเขือเทศผสมน้ำเปล่า (อัตราส่วน 1 : 1/2 ถ้วย) และเกลือทะเล กดหุงข้าวตามปกติ พอใกล้สุกใส่ลูกเกด หน่อไม้ฝรั่ง และไทม์สด คนทั้งหมดให้เข้ากันและหุงต่อจนสุกดี ปรุงรสกุ้งด้วยเกลือทะเล พริกไทยดำ พริกปาปริกา และไทม์แห้ง ย่างกุ้งบนกระทะสำหรับย่างให้สุก ตักข้าวใส่ชามผสม ใส่ชีสลงเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน วางกุ้งย่าง โรยชีสบนข้าวเพิ่มได้ตามชอบ

  แซลมอนย่างกระทะหอมๆ เติมรสอร่อยด้วยซอสมิโซะรสเผ็ดนิดๆ เพิ่มรสอูมามิด้วยโชยุและชีสมอซซาเรลลา เป็นเมนูญี่ปุ่นสไตล์ตะวันตกที่อร่อยลงตัว   ข้าวแซลมอนกับซอสมิโซะรสเผ็ด ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อปลาแซลมอนน้ำหนัก 150 กรัม 2 ชิ้น ข้าวญี่ปุ่นหุงสุก 4 ถ้วย ชีสมอซซาเรลลาขูด 1/2 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับผัดเล็กน้อย เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบเล็กน้อย ไข่ปลาโทบิโกะ สาหร่ายหั่นเส้น งาขาว และงาดำสำหรับโรยหน้า ผักดองญี่ปุ่นสำหรับเสิร์ฟปริมาณตามชอบ   ส่วนผสมซอสมิโซะ มิโซะ 3 ช้อนโต๊ะ โชยุ 1 ช้อนโต๊ะ มิริน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำอุ่น 1/4 ถ้วย พริกป่นญี่ปุ่นปริมาณตามชอบ   วิธีทำ ละลายมิโซะในน้ำอุ่น ใส่โชยุ มิริน และพริกป่น ชิมรสให้เผ็ดตามชอบ แบ่งมาผสมกับข้าวญี่ปุ่นหุงสุก คลุกให้ซอสเคลือบเมล็ดข้าว ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย พอร้อนใส่ข้าวลงผัดให้หอม ตักใส่ชามสำหรับอบ ปรุงรสปลาแซลมอนด้วยเกลือทะเลและพริกไทยเล็กน้อย ย่างปลาบนกระทะสำหรับย่างให้พอสุก ตักวางบนข้าว ราดซอสมิโซะบนเนื้อปลาเล็กน้อย โรยชีส นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส นาน 5-8 นาทีจนชีสละลาย ยกออกจากเตา โรยไข่ปลาโทบิโกะ สาหร่าย งาขาว และงาดำ เสิร์ฟคู่กับผักดอง

  เมนูง่ายๆ มื้อด่วนที่กินเมื่อไรก็อร่อย สำคัญที่กิมจิควรชิมและเลือกชนิดที่ชอบ กินคู่กับเบคอนซึ่งตุ๋นกับซอสบาร์บีคิวจนรสเข้มข้น เพิ่มไข่ดาวสักฟองยิ่งเข้ากัน   ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) ข้าว 1 ถ้วย กิมจิผักกาดขาว 1/2 ถ้วย กระเทียมสับ 2 กลีบ หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/4 ถ้วย ต้นหอมหั่นท่อน 1 ต้น เกลือป่น พริกไทยป่น และน้ำมันพืชสำหรับผัดเล็กน้อย ไข่ดาว งาดำ และเบคอนอบสำหรับเสิร์ฟ   ส่วนผสมและวิธีทำเบคอนบาร์บีคิว นำเบคอนชิ้นใหญ่ใส่ถุงสุญญากาศต้มในเครื่องซูสวิดที่อุณหภูมิ 73 องศาเซลเซียสนาน 1 คืน ฉีกเนื้อเบคอนเป็นเส้นๆ ตุ๋นกับซอสบาร์บีคิว หรือใช้หมูสามชั้นต้มจนสุกนุ่มและตุ๋นกับซอสบาร์บีคิวแทนก็ได้   วิธีทำ ผัดกระเทียมกับน้ำมันจนหอม ใส่หอมหัวใหญ่และต้นหอม ใส่กิมจิและข้าวลงผัดให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมรส ตักข้าวผัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมไข่ดาว เบคอนอบ และหมูบาร์บีคิว โรยงาดำบนไข่ดาว     

เมนูประจำบ้านของชาวญี่ปุ่น ปรับสูตรให้ทำง่ายและอร่อย กินคู่กับหอยนางรมคลุกเกล็ดขนมปังป่น กรอบนอกนุ่มใน เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่การเคี่ยวแกงกะหรี่ไว้ล่วงหน้า 1 คืน ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ซอสแกงกะหรี่ 3 ถ้วย ข้าวกล้อง 2 ถ้วย กระเทียมสับ 1 กลีบ ขิงสับ 1 ช้อนโต๊ะ หอมหัวใหญ่หั่นเสี้ยว 1/2 หัว เห็ดออรินจิหั่นบาง 1-2 ดอก พริกแห้ง 2 เม็ด ซีอิ๊วญี่ปุ่น 1 ช้อนโต๊ะ ซอสทงคัตสึ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเชื่อมน้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมหอยนางรมทอด หอยนางรม 6 ตัว เกล็ดขนมปังป่น 2 ถ้วย แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับผัดและทอด เกลือและพริกไทยดำเล็กน้อย ขึ้นฉ่ายสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ผัดกระเทียม ขิง และพริกแห้งกับน้ำมันพืชจนหอม ใส่หอมหัวใหญ่และเห็ด ผัดให้พอสุก ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยดำ ใส่ซอสแกงกะหรี่ ต้มไฟอ่อน ปรุงรสด้วยซีอิ๊ว ซอสทงคัตสึ และน้ำเชื่อม ชิมรส พักไว้ ทำแป้งสำหรับชุบหอยนางรมทอดโดยผสมน้ำและแป้งสาลีให้เข้ากัน นำหอยลงชุบแป้งแล้วคลุกกับเกล็ดขนมปังป่นให้ทั่ว ทอดในน้ำมันร้อนจนสุกเป็นสีเหลืองทอง ตักข้าวใส่จาน ราดแกงกะหรี่ วางหอยนางรมทอดและตกแต่งด้วยต้นขึ้นฉ่าย วิธีทำซอสแกงกะหรี่ ผัดเนย 1 1/2 ช้อนโต๊ะกับแป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 1/2 ช้อนโต๊ะจนเหลือง ใส่ผงกะหรี่ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ผัดไฟอ่อนจนหอม ผัดกระเทียมสับและขิงสับในกระทะอีกใบจนหอมแล้วเทใส่ผงกะหรี่ที่ผัดไว้ ใส่น้ำสต๊อกไก่ 2 1/2 ถ้วย (ใส่ทีละนิด) ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ต้มไฟอ่อนนาน 10 นาที