มื้อที่เราจะเต็มที่กับตัวเองได้อย่างสบายใจ ต้องยกให้ “ซันเดย์บรันช์” (Sunday Brunch) เพราะท้องยังว่างหลังจากตื่นนอน แล้วยังมีเวลาให้ย่อยไปอีกยาวๆ ด้วยเหตุนี้ ซันเดย์บรันช์ บุฟเฟต์ จึงเป็นอะไรที่ลงตัวสำหรับทั้งเพื่อนฝูงและครอบครัวที่ชื่นชอบของกินอร่อยๆ ได้กินอาหารตามที่แต่ละคนชอบแถมยังนั่งคุยนั่งชิลกันได้ตลอดบ่าย ใครที่กำลังมองหาซันเดย์บรันช์ที่คุ้มค่า อาหารอร่อย วิวงามๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ลองมาที่ เน็กซ์ทู คาเฟ่ (Next2 Café) โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ที่เพิ่งเปิดตัวซิกเนเจอร์เมนูใหม่ล่าสุดสำหรับซันเดย์บรันช์ นั่นคือ “ล็อบสเตอร์ออมเล็ต” ออมเล็ตนุ่มละมุนลิ้นสอดไส้ชิ้นกุ้งล็อบสเตอร์ชิ้นโตตักแล้วเจอทุกคำ ทอปด้วยซอสฮอลแลนเดสรสออกมันๆ เปรี้ยวนิดๆ โรยด้วยไข่กุ้งกรุบๆ ทำสดใหม่เมื่อสั่งออร์เดอร์เท่านั้น แล้วค่อยๆ ไล่ลำดับความเข้มข้นด้วย “ล็อบสเตอร์เทอร์มิดอร์” กุ้งล็อบสเตอร์ย่างอบด้วยชีสแบบแน่นๆ เน้นๆ เนื้อกุ้งแกะมาให้แล้ว ย่างสุกกำลังดีไม่เหนียวเลย และ “ล็อบสเตอร์บิส” ซุปกุ้งล็อบสเตอร์รสเข้มข้น เป็นเมนูใหม่ที่คนรักล็อบสเตอร์โดนใจเต็มๆ         ต่อด้วยอีกเมนูที่ห้ามพลาดสำหรับคนรักเนื้อ “เนื้อวัวแองกัสย่าง” ใช้เนื้อวัวนำเข้าจากออสเตรเลีย เนื้อด้านในนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟคู่กับซอสเกรวีหรือซอสพริกไทย และยอร์คเชอร์พุดดิ้ง ส่วนใครที่ชอบฟัวกราส์ต้องลองเมนู “ฟัวกราส์กระทะร้อน” นำฟัวกราส์ชิ้นหนามานาบกระทะ แล้วประกบด้วยขนมปังเนื้อบางเบาทาเนยนาบกระทะจนผิวกรอบๆ เท่านี้ก็ฟินแล้ว         ด้านไลน์อาหารที่นี่นำเสนอเมนูอาหารนานาชาติที่เรียกว่าครบครัน ทั้งมุมซีฟู้ดออนไอซ์สดใหม่ นอกจากกุ้งและปู ยังมีก้ามล็อบสเตอร์ ขาปูทาราบะ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เสิร์ฟกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสดี มุมหอยนางรมสดก็มีหอยนางรมให้เลือกหลายสายพันธุ์ทั้งจากฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และอเมริกา ส่วนสเตชั่นอาหารญี่ปุ่นมีซูชิและซาชิมิหลากหลายดี สเตชั่นอาหารจีนมีเป็ดปักกิ่งอุ่นในซึ้งเสิร์ฟร้อนๆ ตลอดเวลา สเตชั่นอาหารอินเดียนี่เรียกว่าดีงามมากทีเดียว ไก่ย่างทันดูรีเนื้อนุ่ม แกงก็รสชาติเข้มข้น กินกับแป้งนาน ชัทนีย์ และหอมแดงดอง นอกจากนี้ยังมีสเตชั่นบาร์บีคิว สเตชั่นอาหารยุโรป สเตชั่นอาหารไทย สเตชั่นอาหารสไตล์เอเชีย ที่มีจานเด่นอย่างข้าววมันไก่ไหหลำและก๋วยเตี๋ยวน้ำด้วย           ถึงจะมีเมนูให้เลือกมากขนาดนี้ แต่สายแข็งอย่างเพิ่งยอมแพ้ เพราะไลน์ของหวานและชีสของที่นี่ก็เรียงรายรอให้ชิมกันอย่างเพียบ! เริ่มด้วย ตู้ไอศกรีมสไตล์โฮมเมด 12 รสชาติ ที่หมุนวนให้เลือกจนเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว ตามด้วยขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสทั้งเค้กและมูสต่างๆ มาการอง ช็อกโกแลตฟาวเทน เตอร์กิชดีไลท์ อย่าพลาดเค้กช็อคโกแลตลาวาที่อร่อยมากๆ และยังมีมุมขนมไทย พร้อมด้วยข้าวเหนียวหน้าต่างๆ รวมทั้งข้าวเหนียวมะม่วง ซึ่งจะปอกให้ใหม่ๆ เมื่อมีออร์เดอร์ด้วย             นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนเป็นต้นไป เราอยากชวนให้บ้านที่มีน้องๆ เด็กๆ พาลูกหลานมาด้วย เพราะตอนนี้ทางเน็กซ์ทู คาเฟ่ ร่วมกับโครงการ “เอเลเฟนท์ พาเหรด®” Elephant Parade® โครงการไม่แสวงหาผลกำไรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนทั่วไปหันมาให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ช้าง ด้วยการร่วมกันช่วยเหลือช้างที่เจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ รวมถึงลดความรุนแรงที่เกิดกับช้าง ด้วยการดำเนินโครงการในลักษณะการจัดนิทรรศการผลงานศิลปะบนรูปปั้นช้างที่ได้รับการออกแบบและตกแต่งโดยนักออกแบบ ศิลปิน และบุคคลมีชื่อเสียงทั่วโลก จัดกิจกรรมระบายสีรูปปั้นช้าง โดยได้จัดเตรียมพื้นที่ อุปกรณ์ระบายสี และรูปปั้นช้างเรซิ่น (ขนาดเริ่มต้น 15 เซนติเมตร ราคาตัวละ 1,000บาท) และผ้ากันเปื้อนไว้ให้พร้อมสรรพ รอแค่ทุกท่านมาปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์วาดลงไปบนตัวช้าง เป็นกิจกรรมที่เด็กๆ ก็ชื่นชอบ ผู้ใหญ่ก็สนุก นอกจากนี้ จำนวนเงิน 20% จากกำไรสุทธิจะนำไปบริจาคเพื่อกิจกรรมในโครงการสวัสดิการและอนุรักษ์ช้างในเอเชียต่อไป         บุฟเฟต์มื้อสายวันอาทิตย์ที่เน็กซ์ทู คาเฟ่ รังสรรค์โดย เชฟมาร์ค ซีโบรวีอุส หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ สำหรับผู้ใหญ่ราคาท่านละ 2,888 บาทถ้วน และเด็กที่มีอายุระหว่าง 4 ปี – 11 ปี ราคาท่านละ 1,444 บาท 

เชื่อว่าหากใครได้มาเยือน A Clay Café คงต้องตกหลุมรักที่นี่อย่างถอนตัวไม่ขึ้น เพราะคาเฟ่ที่รีโนเวตจากบ้านหลังเก่าบนถนนสาทรแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่อาหารและเครื่องโฮมเมดสุดอร่อยเท่านั้น หากแต่ยังเป็นที่ตั้งของร้านเซรามิคสุดน่ารักและแกลอรี่แสดงผลงานศิลปะที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาให้ชมและติดตามกันอย่างสนุก           เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นร้านเซรามิคทั้งที แน่นอนว่าจุดเด่นของอาหารของเลยอยู่ที่การเอาจานชามใบเก๋มาใช้นำเสนอเมนูแสนอร่อย อาหารแต่ละจานก็เลยเหมือนงานโชว์เคสขนาดย่อมอะไรอย่างนั้น เรามาเริ่มกันด้วย สตูเนื้อบดกับตอร์ติญาชิป (180 บาท) อาหารกินเล่นที่เหมาะแบ่งปันกับกลุ่มเพื่อนอย่างที่สุด ด้วยการนำความกรุบกรอบของตอร์ติญาชิปมาจับคู่กับ Chili con Carne สตูเนื้อรสเผ็ดปลายลิ้น     ต่อด้วย เส้นหมี่ซี่โครงอ่อนตุ๋น (125 บาท) เมนูเด็ดที่นำซี่โครงตุ๋นไฟอ่อนนานกว่า 7 ชั่วโมงมาเสิร์ฟกับเส้นหมี่เหนียวนุ่ม ก่อนจะราดด้วยกระเทียมเจียวชุดใหญ่ เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดเพื่อตัดกับรสชาติเค็มๆ ของซี่โครงอ่อน ส่วนคออาหารไทยก็ต้องลอง ข้าวผัดน้ำพริกกุ้งเสียบ (160 บาท) ข้าวผัดน้ำพริกรสจัดจ้านที่ส่งตรงรสชาติความอร่อยจากภูเก็ตกินคู่กับไข่ต้มยางมะตูมและกุ้งสดตัวโตเนื้อแน่นๆ       ส่วนคนรักของหวานก็ห้ามพลาด Sea Salt Sundae (95 บาท) ไอศกรีมโฮมเมดรสซีซอลต์รสหวานนุ่มเจือรสเค็มนิดๆ ที่เพิ่มความสนุกด้วยแครกเกอร์กรุบกรอบและเสาวรสสด แต่ถ้าชอบความเข้มก็ขอแนะนำ Chocolate Best Day (195 บาท) เค้กช็อกโกแลตเนื้อหนึบที่เพิ่มความอร่อยด้วยซอสช็อกโกแลตที่เข้มข้นยิ่งกว่า ก่อนจะตัดรสด้วยความหวานละมุนของครีมสดและสตรอว์เบอร์รี่       กินของหวานกันจนจุใจแล้วก็อย่าลืมลองจิบชาออร์แกนิค (150 บาท) จากเชียงใหม่ที่มีให้เสิร์ฟมาในแก้วชาใบเล็กลายน่าหยิกที่เราได้ลองเป็น Mountain Blend ชาเขียวผสมชาขาวและดอกไม้ให้ความสดชื่นอบอุ่นหอมน้อยๆ แต่รสหวานละมุน     รวมทั้งเมนูใหม่ล่าสุดอย่าง Tropical Coffee (150 บาท) กาแฟรสชาติแบบอะโลฮ่าด้วยกาแฟอาราบิก้าจากจันทบุรีที่โดดเด่นในรสฟรุตตี้มาผสานกับน้ำสับปะรดเพิ่มความด้วยคาราเมล ให้ความสดชื่นเปรี้ยวอมหวาน แถมยังเสิร์ฟพร้อมชิ้นสับปะรดย่างให้มากินกันเพลินอีกด้วย  

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งร้านอร่อยที่คนรักเนื้อควรแวะไปลอง สำหรับ “แนบเนื้อ Meat & Co.” สเต๊กเฮาส์ระดับคุณภาพใกล้มหาวิทยาลัยรังสิตที่คัดสรรเนื้อคุณภาพดีจากหลากหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น และไทยมาปรุงเป็นเมนูเด็ดเน้นรสชาติเข้มข้นจัดจ้านถูกปากคนไทย แต่ยังคงความอร่อยของเนื้อชั้นดีไว้อย่างครบถ้วน         โดย คุณพีท เจ้าของร้านที่ควบตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นำประสบการณ์การเดินทางและความหลงใหลในอาหารมาผสานเข้าด้วยกันจนกลายเป็นจานเด็ดที่อร่อยไม่เหมือนใคร       แต่หากไม่ใช่สายเนื้อก็ไม่ต้องกังวล เพราะที่นี่มีจานเด่นให้เลือกอร่อยทั้งหมู ไก่ และซีฟู้ด โดยเฉพาะคนรักอาหารทะเลเป็นต้องถูกใจกับเมนูยอดนิยมอย่าง Lobster Soup ซุปเนื้อเนียนหอมกลมกล่อมทำจากเปลือกกุ้งลอบสเตอร์เคี่ยวกับคุกกิงครีมคุณภาพดี และ Razor Clam with Cream Sauce หอยไม้ไผ่อบกับครีมซอสไวน์ขาวสไตล์ฝรั่งเศสที่เข้ากันได้ลงตัว       ส่วนคนรักเส้นต้องลอง Spaghetti Seafood in Spicy Cream Sauce เส้นสปาเกตตีเหนียวนุ่มคลุกเคล้าครีมซอสเผ็ดเข้มข้น มาพร้อมกุ้ง ปลาหมึก และหอยแมลงภู่ตัวโต ที่ขอบอกว่าอร่อยสุดๆ     สนับสนุนผลิตภัณฑ์โดย

“Bubbles Restaurant” ห้องอาหารนานาชาติบรรยากาศร่วมสมัยนั่งสบายแห่งแกรนด์ เมอร์เคียว ภูเก็ต ป่าตอง รีสอร์ท แอนด์ วิลล่า ที่พร้อมเสิร์ฟเมนูอร่อยไม่เหมือนใคร โดยผสมผสานกลิ่นอายของอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ยูโรเปียน เอเชียน ไทย และอาหารท้องถิ่นบนเกาะภูเก็ตได้อย่างลงตัว โดยมีโซนที่นั่งทั้งภายในห้องปรับอากาศและด้านนอกริมสระว่ายน้ำให้เลือกผ่อนคลายกันได้อย่างเพลิดเพลิน       ใครชอบเมนูกินเล่นเบาๆ เราแนะนำเมนูทาปาสเพื่อสุขภาพอย่าง Avocado Bruschetta อะโวคาโดสดผสมมะเขือเทศซัลซ่าและมะม่วงสด วางบนขนมปังอบเนยหอมมัน หรือจะอิ่มกำลังดีกับ Tagliatelle Prawns พาสต้าเส้นแบนเหนียวนุ่มผัดกับกุ้งลายเสือ เห็ด ผักโขม น้ำมันเห็ดทรัพเฟิล และครีมชีสพาร์เมซาน       ส่วนคนรักพิซซาต้องลอง Carbonara Pizza พิซซาคาโบนาราสูตรพิเศษที่ใส่หอมหัวใหญ่ พริกดอง และผักชีให้มีรสสัมผัสแบบไทยๆ พร้อมเพิ่มความอร่อยด้วยครีมและชีสคุณภาพดีเข้มข้นหอมมัน       สนับสนุนผลิตภัณฑ์โดย

แม้ตอนนี้ถนนลาดพร้าวจะรถติดหนักกว่าเดิมไปอีกสองเท่า แต่ความอร่อยย่านนี้ก็มีมากขึ้นไม่แพ้กัน เช่นเดียวกับร้านใหม่กลางซอยลาดพร้าว 101 อย่าง Bear Up Café คาเฟ่เล็กๆ ที่เสิร์ฟความอร่อยไม่เล็ก ในราคาที่ขอบอกว่าน่ารักน่าหยิกอย่างที่สุด       อีกทั้งคอนเซ็ปต์ของอาหารยังได้แรงบันดาลใจความเฮลธ์ตี้มาแบบเต็มๆ เพราะได้ยินมาว่าร้านนี้มีเจ้าของเดียวกับ EzyDiet ร้านขายข้าวกล่องเพื่อสุขภาพออนไลน์ที่ขยับขยายจุดส่งความมาไว้ที่นี่กันอีกด้วย เราเริ่มเมนูแรกกันด้วย ซุปผักโขม (59 บาท) ซุปครีมข้นที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ของผักโขม น้ำมันรำข้าว และถั่วนานาชนิด     ตามด้วย ยำสลัดทูน่า (69 บาท) สลัดสูตรไลท์ไขมันต่ำที่เด่นด้วยน้ำสลัดรสแซ่บผสานกับเนื้อปลาทูน่า แตงกวา และมะเขือเทศ แถมยังเต็มคำด้วยเต้าหู้ไข่ขาวที่เสิร์ฟมาคู่กัน ตามด้วยเมนูฮิต สปาเก็ตตี้ซอสครีมไข่กุ้ง (89 บาท) เส้นสปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มฉ่ำครีมกรุบกรอบด้วยไข่กุ้งและกุ้งตัวโตเนื้อเด้ง       แต่ถ้าอยากอิ่มหนักๆ ก็ต้อง ข้าวไข่นุ่มเบคอน (49 บาท) ข้าวไข่นุ่มหอมชีสที่สามารถเลือกท็อปปิ้งได้ตามความชอบ ซึ่งเราได้ลองเบคอนกรอบที่ช่วยเพิ่มรสชาติเค็มๆ ให้กับไข่หวานรสละมุน แล้วมาจิบ Italian Soda โซดาสีสวยที่จะมาเพิ่มความสดใสซาบซ่า       นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มตัวเด็ดอย่าง Milky Way นมปั่นสีสวยที่ได้แรงบันดาลใจจากสีของจักรวาล จนออกมาเป็นนมที่ตกแต่งด้วยซอสผลไม้ต่างๆ และ Bear Up เมนูซิกเนอร์ที่นำเอาคาราเมลมัคคิอาโต้ขวัญใจทุกคนมาเพิ่มท็อปปิ้งด้วยครีมชีสและน้ำผึ้ง     อร่อยติดใจจนต้องขอสั่งอีกแก้ว

ไม่เพียงแค่ความสวยงามอลังการของดอกไม้นานาชนิดที่ประดับประดาให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนสไตล์อังกฤษจะสะกดสายตาจนต้องหยุดชื่นชม แต่กลิ่นหอมธรรมชาติชวนผ่อนคลายเหมือนอยู่ในสปาแสนรื่นรมย์นั้นยิ่งทำให้เราอยากเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ความอร่อยที่ “Divana Signature Café” พร้อมมอบให้ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง และสัมผัส     โดยความตั้งใจของ คุณพีช-กานต์พิชชา เกียรติขจรฤทธิ์ ทายาทผลิตภัณฑ์สปา Divana และผู้ก่อตั้งคาเฟ่สวนดอกไม้สุดเก๋แห่งนี้คือ การเป็นสถานที่ชิลเอาต์ใจกลางเมืองที่จะพาทุกคนหลุดเข้าไปสู่โลกแห่งความอร่อยชวนฝัน ด้วยเมนูอาหารรสเลิศหน้าตาน่ากินที่คิดค้นและสร้างสรรค์มาเป็นอย่างดี โดยไม่ลืมนำจุดเด่นของสปาทั้งความเป็นไทยและกลิ่นหอมต่างๆ มาเป็นส่วนผสมสำคัญของทุกจาน       เราแนะนำให้ลองเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Afternoon Tea Set ชุดน้ำชายามบ่ายสุดหรูเสิร์ฟในภาชนะทองเหลืองแบบไทยๆ มาพร้อมขนมทั้งไทยและเทศ 11 ชนิด อาทิ สโคนหอมเนย พานาคอตตากุหลาบ อาลัวสดรูปดอกกุหลาบ ชูครีมชาไทย ไอศกรีมมะพร้าวอ่อน ข้าวเหนียวมะม่วง และไฮไลต์อย่างเจลลีรสลิ้นจี่ลวดลายดอกไม้ที่ทำจากโยเกิร์ตที่สวยจนแทบไม่กล้ากิน เสิร์ฟคู่กับชาร้อนซิกเนเจอร์เบลนด์พิเศษจากเยอรมนีที่เลือกได้ถึง 6 กลิ่น     ใครอยากอิ่มง่ายๆ ในจานเดียว Duck Confit Burger ทีเด็ดอยู่ที่เป็ดพะโล้ซูสวิดจนนุ่มราดซอสฮอยซินมาโย เพิ่มรสชาติด้วยขิง แตงกวา บีตรูต และแอปเปิลเขียว เสิร์ฟพร้อมสลัดและมันฝรั่งทอด หรือ Champignon Carbonara Divana Toast โทสต์เนื้อนุ่มฉ่ำเนยราดครีมซอสคาโบนารากลมกล่อมหอมมันที่ทำจากเห็ดแชมปิญองและเครื่องเทศหลากชนิด เพิ่มความอร่อยด้วยเบคอนกรอบและชีสพาร์เมซานตอบโจทย์ได้ดี ส่วนสายสุขภาพลองสั่ง Raya Vedic Rose Tea Leaf Salad เมนูเฮลต์ตีที่ได้แรงบันดาลใจจากสลัดพม่าซึ่งมีทั้งผักคอส กุ้ง อัลมอนด์ พิสตาชิโอ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ราดน้ำสลัดใบชากุหลาบรสเปรี้ยวหวาน         หรือหากอยากมานั่งพักผ่อนจิบเครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้ว เราแนะนำ Raya Vedic Lychee Smoothie สมูทตี้ลิ้นจี่ผสมไซรัปกุหลาบหอมหวาน มาพร้อมเจลลีกุหลาบและเนื้อลิ้นจี่สด และ Prana Lemongrass Honeycomb Smoothie สมูทตี้น้ำผึ้งมะนาวหอมกลิ่นตะไคร้ติดปลายลิ้นสดชื่นสุดๆ ส่วนคอกาแฟต้องลอง Dripped Coffee in Roasted Coconut Water ใช้เมล็ดกาแฟคั่วอ่อนและคั่วเข้มเบลนด์ผสมแบบกำลังดี ผสมน้ำมะพร้าวเผาสดให้รสชาตินุ่มเบาหอมหวานดื่มง่ายและสดชื่น      

หากพูดถึงร้านอาหารจีนเลื่องชื่อในตำนานที่คงความอร่อยมายาวนานหลายสิบปี หนึ่งในนั้นต้องมี “ฮั่วเซ่งฮง” ที่เริ่มต้นสาขาแรกที่เยาวราชจนกลายเป็นขวัญใจของเหล่านักชิม ด้วยเมนูเด็ดทั้งจีน ไทย ซีฟู้ด หม้อไฟ อาหารจานเดียว ไปจนถึงติ่มซำที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนขยายสาขาไปมากมาย       โดยสาขาล่าสุดเอาใจคนรักอาหารจีนฝั่งกรุงเทพตะวันออกที่ชั้น 1 โซนฟู้ดวอล์ก ศูนย์การค้าเมกาบางนา ที่ปรับเปลี่ยนบรรยากาศและการตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัย โปร่งโล่ง นั่งสบายยิ่งขึ้น แต่ยังคงความอบอุ่นแบบ Family Restaurant ที่เหมาะกับทุกคนในครอบครัว รวมทั้งจานเด็ดที่มีให้อร่อยจัดเต็มกว่า 200 เมนู แต่ถ้าละลานตาจนเลือกไม่ถูก เราขอแนะนำ 8 จานเด็ด ทั้งเมนูใหม่และเมนูยอดนิยมที่รับรองว่าชิมแล้วเป็นต้องติดใจ       เริ่มจานแรกด้วยเมนูใหม่ต้อนรับเทศกาลปูทะเลในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้อย่าง ปูผัดพริกเซี่ยงไฮ้ ปูทะเลขาวสดผัดกับพริกเซี่ยงไฮ้สูตรเด็ดของร้านให้รสชาติเค็มเผ็ดกลมกล่อม มาพร้อมหมั่นโถวทอดที่กินเข้ากันได้อย่างลงตัว     ส่วนสายสุขภาพต้องลอง เชียงดาผัดไข่ ที่นำผักเชียงดา ผักพื้นเมืองจากทางเหนือที่หากินได้ยากในกรุงเทพฯ และมีสรรพคุณมากมาย อาทิ ลดความดัน ลดเบาหวาน ช่วยขับสารพิษในร่างกาย มาผัดกับไข่ รสหวานปนขมนิดๆ ของผักเชียงดาเข้ากับความหอมมันของไข่ได้เป็นอย่างดี     ต่อกันจานที่ 3 กับเมนูยอดนิยม กุ้งคั่วพริกเกลือ กุ้งแชบ๊วยตัวโต ผัดคั่วแห้งกับกระเทียม พริก และเกลือ โรยต้นหอมเพิ่มความอร่อย แต่ถ้าเบื่อกุ้งลองสั่ง กั้งทอดกระเทียม ที่เลือกใช้แต่กั้งขาวเนื้อสดหวานส่งตรงจากทะเล โรยกระเทียมทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมยำมะม่วงรสแซ่บ       ส่วนคนรักปลาห้ามพลาด ปลากะพงเจี๋ยนพริกไทยสด ที่นี่คัดสรรแต่ปลากะพงตัวโตเนื้อเยอะมาแล่และทอดจนกรอบนอกนุ่มใน ราดเครื่องที่มีทั้งกระเทียม พริก และพริกไทยสด (ทีเด็ดของจานนี้อยู่ทีรสชาติของกระเทียมที่ทั้งหวาน มัน เค็ม อร่อยสุดๆ)     มาถึงจานที่ 6  ขาห่านอบบะหมี่ ขาห่านโปแลนด์ตุ๋นพะโล้และเครื่องยาจีนนานกว่า 6 ชั่วโมง จนเนื้อนุ่มเปื่อยร่อนแทบไม่ติดกระดูก อบกับบะหมี่ไข่เส้นเล็กเหนียวนุ่ม แล้วไปเติมพลังกันต่อด้วย กระเพาะปลาน้ำแดง ใช้กระเพาะปลาแท้อย่างดี เพิ่มความอร่อยด้วยเนื้อปูและเห็ดหอม ส่วนน้ำซุปก็ไม่ธรรมดาเพราะตุ๋นกับทั้งไก่ หมู กังป๋วย ปลาหมึกแห้ง เก๋ากี้ แล้วเคี่ยวจนเข้มข้น       ส่วนใครอยากอิ่มแบบเต็มที่ ต้องจบที่จานสุดท้ายอย่าง หม้อไฟ 2 ภาค ที่มีน้ำซุปให้อร่อยถึง 2 สไตล์ คือ น้ำซุปใสรสกลมกล่อมหอมพริกไทยและน้ำซุปเจงกิสข่านรสชาติเผ็ดร้อนที่ต้มกับเครื่องยาจีนกว่า 20 ชนิด มาพร้อมเครื่องต่างๆ อาทิ กุ้งแชบ๊วย เนื้อปลากะพง ลูกชิ้นไต้หวัน ลูกชิ้นลอบสเตอร์ หมูสไลด์ รวมทั้งเต้าหู้และผักนานาชนิด (แต่หากยังไม่จุใจก็สั่งเพิ่มกันได้ตามใจชอบ)  

มื้อเย็นวันเสาร์เป็นเวลาที่เราจะได้เม้าท์มอยกับเพื่อนแบบไม่ต้องรีบร้อน ดังนั้นบุฟเฟ่ต์ที่รวมอาหารนานาชาติจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะที่สุด     ห้องอาหารวิวดีบนชั้น 24 อัพแอนด์อะบัฟ ที่โรงแรม ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ จัดเต็มจัดใหญ่ รวมเมนูอาหารไว้มากมาย อันดับแรกต้องมุ่งไปที่ซีฟู้ดหลากหลายออนไอซ์แบบไม่อั้น ได้แก่ หอยนางรมหลายสายพันธุ์จากต่างประเทศ ตัวใหญ่เนื้อหวานปนเค็มนิดๆ รวมทั้งกั้ง กุ้ง ปูสดเนื้อแน่น กินกับน้ำจิ้มทั้งสไตล์ไทยรสจัดจ้าน หรือจะบีบเลมอนสวยๆ ก็ได้             เริ่มเรียกน้ำย่อยต่อด้วยชีสนานาชนิดและโคลคัทนำเข้า มุมนี้เข้ากับเครื่องดื่มมากๆ หรือจะแก้เลี่ยนด้วยส้มตำ ที่เชฟทำให้ใหม่สดตามสั่งจานต่อจานเลย รีเควสได้ด้วยว่าจะเผ็ดเบอร์ไหน     มุมอาหารญี่ปุ่นก็มีนะ ทั้งมากิโรล นิกิริ หรือจะให้เชฟแล่ซาชิมิสดๆ เนื้อหนาเต็มคำ จัดวางมาสวยงามสมชื่อโรงแรมญี่ปุ่นก็ได้     คุยสักพักเริ่มหิวก็ต้องต่อด้วยอาหารจานหลักหนักท้องอย่างอาหารไทยสักหน่อย มีให้เลือกหลายรายการ ทั้งน้ำพริก ยำ พล่า ลาบ แกง มาครบ         ที่นี่ยังมีฟัวกราส์รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ด้วยนะ ส่วนใครที่เป็นสายเนื้อควรลองเนื้อวัวอบพร้อมเครื่องเคียง หรือเนื้อปลาอบสำหรับสายสุขภาพก็มีเช่นกัน หรือจะสั่งพาสต้าที่ปรุงแบบร้อนๆ จานต่อจาน ให้อิ่มเต็มที่ไปเลย         สุดท้ายอย่างลืมเผื่อท้องให้ข้าวเหนียวมะม่วง ขนมหวาน เบเกอรีและผลไม้ที่มีให้เลือกอย่างจุใจด้วยนะ        

หากใครที่ชอบความอร่อยจาก Pirate Chambre อยู่เป็นทุนเดิมล่ะก็ เราอยากพาทุกคนมาเปิดประสบการณ์ความอร่อยครั้งใหม่ที่ยังคงไม่ทิ้งลายเดิมกันที่ Pirate Arena เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมมูนิตี้ เปิดใหม่ย่านทองหล่อที่ได้รวบรวมความอร่อยมาให้ชิมกันถึง 3 ร้าน ได้แก่ Pirate Saloon, Pirate Bazaar และ Fallabella       สำหรับร้านแรกในอาณาจักรโจรสลัดที่เปิดมาให้ชิมลางและชิมอาหารก่อนใครเพื่อนเลยก็คือ Pirate Saloon ร้านอาหารที่จำลองบรรยากาศชีวิตของโจรสลัดที่ล่องเรือโลดแล่นในมหาสมุทรมาอย่างครบถ้วน สะท้อนผ่านการการตกแต่งและแสงสีที่ให้ภาพความสวยงามของท้องทะเลอย่างแจ่มชัด เช่นเดียวกับสไตล์อาหารที่มาในรูปแบบครอส คัลเจอร์ที่ผสมผสานรสชาติ วัตถุดิบชั้นเลิศ และการปรุงจากหลากหลายที่มารวมกัน จนได้ความอร่อยเฉพาะตัว     เรามาเริ่มกันด้วย Prawn and Avocado Salad สลัดกุ้งและอะโวคาโดที่เพิ่มความพิเศษด้วยไอศกรีมเชอร์เบตรสเลมอนที่ช่วยขับรสชาติความเข้มข้นของน้ำสลัดบัลซัมมิคให้สดชื่นยิ่งขึ้น แถมยังหอมมันด้วยชีสและถั่วไพน์นัทเคี้ยวกรุบกรอบ     ตามด้วย Lobster Bouillabaisse Rigatoni พาสต้าในซุปทะเลแบบฝรั่งเศสรสเข้มข้น จุดเด่นของจานนี้นอกจากจะอยู่เนื้อกุ้งล็อบสเตอร์สับที่ให้กันแบบเน้นๆ แล้ว เส้นริกาโตนีพาสต้าทรงกระบอกที่มีรูตรงกลางก็เหนียวนุ่มซึมซับน้ำซอสได้อย่างดี     แล้วมาต่อกันที่ Cheese Burger Roll ชีสเบอร์เกอร์ที่ปรับรูปลักษณ์ให้กินง่ายขึ้นด้วยการนำเอาเนื้อวัวส่วนคอและท้องมาสับพร้อมด้วยชีสมอซซาเรลล่ามาสอดไส้ในแป้งเปาะเปี๊ยะแล้วลงทอด กลายเปาะเปี๊ยะเบอร์เกอร์ชิ้นพอดีคำ แต่รสชาติยังคงหนักแน่นเหมือนต้นฉบับ เสิร์ฟพร้อมผักดองและซอสพริกสูตรเด็ด     ก่อนจะลองไก่ทอดสูตรเด็ดที่มีให้เลือกถึง 4 รสชาติ ซึ่งเราได้ลอง Spicy Wings ไก่ทอดรสเผ็ดสไตล์เกาหลี และ Cheesy Wings ไก่ทอดสอดไส้ชีสยืดนิดๆ อร่อยเก๋ด้วยโคลวสลอว์กะหล่ำแดงที่เสิร์ฟมาคู่กัน     ส่วนสายดริงค์ก็ห้ามพลาด Flying Dutchman เบอร์เบินหมักในเลมอนรสชาติเข้มสำหรับหนุ่มๆ และ Head Over Heels ค็อกเทลสีหวานสำหรับคุณสาวๆ ที่นำเหล้ารัมมาผสมกับน้ำสับปะรดและไซรัปจากดอกเอลเดอร์ฟลาวเวอร์    

Same Same Social Eatery ร้านไฟน์ไดนิ่งเปิดใหม่ย่านชานเมืองที่เราไม่อยากให้พลาด ตัวร้านเป็นบ้านสีขาวชั้นเดียวให้ความรู้สึกอบอุ่นชวนนั่ง ด้านในตกแต่งเรียบหรูแต่ไม่เคร่งขรึมจนอึดอัด มีโซนเอาต์ดอร์สำหรับคนที่อยากมีมื้อพิเศษไปพร้อมกับการชมสวนสวย     อาหารของที่ร้านมีทั้งฟูลคอร์สและอะลาคาร์ต ฝีมือเชฟเซบาสเตียน เชฟเฟอ (Sebastian Schafer) เชฟโอนเนอร์ที่ผ่านประสบการณ์การทำงานด้านอาหารมาแล้ว 7 ประเทศ รวมถึงเคยทำงานร่วมกับเชฟระดับมิชลิน 3 ดาวมาแล้วหลายคน เรื่องเทคนิคและฝีมือจึงกินขาด       เชฟต้อนรับเราด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย ขนมปังเชียบัตตาโฮมเมด ผิวด้านนอกกรอบ ด้านในเหนียวแต่นุ่ม เสิร์ฟคู่เนยปาปริก้าที่มีความมันและรสเผ็ดนิดๆ  ซาชิมิปลากะพงยำเสิร์ฟในโคนสาหร่ายขนาดจิ๋ว อีกจานเป็นของกรุบกรอบ ขนมปังกรอบมาพร้อมครีมทำจากเนื้อปลาสำลีและครีมบีทรูท ข้างๆ กันเป็นหนังไก่กรอบวางด้านบนด้วยสับปะรด และข้าวเกรียบงาดำสาหร่าย ได้รสเค็มนิดๆ กระตุ้นความหิวได้เป็นอย่างดี       เริ่มจริงจังขึ้นมาอีกนิดกับ Sturia Caviar ด้านล่างสุดแอบซ่อนครีมดอกกะหล่ำรสนุ่มเอาไว้ เพิ่มความน่าสนใจด้วยผงสีดำจากขนมปังชาโคล และสีขาวจากไวท์ช็อคโกแลต ท็อปด้านบด้วยคาเวียร์ กินด้วยกันแล้วนวลเนียนมาก ต่อด้วย Foie Gras Truffle เราชอบที่เชฟทำฟัวกราส์ออกมาได้ดี ขอบนอกมีความกรอบนิดๆ ส่วนเนื้อในครีมมี่และละมุนมาก ด้านล่างเป็นมันบด ราดด้วยซอสพอร์ตไวน์ มีแอปเปิ้ลไว้ตัดเลี่ยน และทรัฟเฟิลช่วยให้กลิ่นหอมฟุ้งยิ่งขึ้น       จานถัดมา Wild Mushroom ริซอตโตเห็ดรวมและทรัฟเฟิล ข้าวกรุบเคี้ยวเพลิน นอกจากจะหอมและครีมมี่ ยังมีเนื้อสัมผัสของเห็ดต่างๆ ซ่อนไว้ให้ได้เคี้ยว ตามมาด้วยเมนูไฮไลต์ Red Snapper (เมนูนี้กลายเป็นภาพเพ้นต์บริเวณหน้าร้านด้วย) ปลากะพงแดงจี่กระทะให้หนังมีความกรอบนิดๆ ราดด้วยซอสล็อบสเตอร์แกงแดงสไตล์ไทยๆ ที่ร้านเลือกปลาไซส์ 4 กิโลกรัมขึ้นไป เนื้อแน่นและหวาน เข้ากับซอสรสเค็มนิดๆ และหอมมัน ด้านบนวางด้วยข้าวเกรียบ ไอศกรีมกะทิ และคาเวียร์ ส่วนคนรักเนื้อห้ามพลาด Japanese A4 Wagyu Tenderloin เนื้อสันในระดับ A4 นุ่มละลายในปาก เคียงมาด้วยฟัวกราส์เทอรีนที่เชฟทำรูปร่างหน้าตาให้คล้ายทรัฟเฟิลแล้ววางด้านหน้าด้วยทรัฟเฟิลสไลซ์ และมันบด ราดซอสที่ทำจากเนื้อวัวอบ ไวน์ และเครื่องเทศเข้ากันมาก กลืนแล้วยังทิ้งกลิ่นอวลอยู่ในปาก          ตบท้ายด้วยของหวาน Banoffee ทีเด็ดอยู่ที่เจลลี่กล้วยโฮมเมดที่กินด้วยกันแล้วมีความหนุบหนับ เสริมรสกันดีเชียว และเมนูเซอร์ไพรส์ Petit Four ไอศกรีมคาราเมลหวานหอม ด้านล่างเป็นพานาคอตตา มาร์ชเมลโลใบเตย ช็อคบอล และกัมมี่มะขาม    

ด้วยบรรยากาศร่มรื่นสบายตาจากสีเขียวของต้นไม้มากมายที่รายล้อมบริเวณคาเฟ่และร้านอาหารสไตล์โฮมเมดของครอบครัวคุกกิงเลิฟเวอร์ที่นำความหลงใหลในการทำอาหาร ขนม และกาแฟมาผสมผสาน จึงไม่แปลกใจที่ Terrace Dontum จะกลายเป็นโอเอซิสความอร่อยและแหล่งชิลเอาต์ยอดนิยมของชาวนครปฐมมานานกว่า 10 ปี         ไม่เพียงคอกาแฟจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติกลมกล่อมเป็นเอกลักษณ์ของเมล็ดกาแฟที่เบลนด์และคั่วเป็นพิเศษ แต่เหล่านักชิมก็พลาดไม่ได้กับเมนูเด่นสไตล์ฟิวชันที่เน้นรสชาติถูกปากคนไทย โดยเฉพาะสเต๊กปลากะพงยำส้มโอ เนื้อปลากะพงชิ้นโตทอดกับเนยจนหนังปลากรอบกำลังดี กินคู่กับยำส้มโอรสจัดจ้าน โดยเลือกใช้ส้มโอหอมหวานของดีของจังหวัดนครปฐม และพาสต้าโบโลเนสเนื้อ ทีเด็ดอยู่ที่การใส่เนยลงไปในซอสเนื้อที่เคี่ยวจนเข้มข้นเล็กน้อยก่อนตักใส่จานเสิร์ฟเพิ่มความกลมกล่อมหอมมัน     ส่วนคนรักของหวานต้องลองฟรุตเค้ก เนื้อแน่นนุ่มหอมเนย สอดแทรกผลไม้แห้ง อาทิ พีช พลัม สตรอว์เบอร์รี และอินทผลัมแบบจัดเต็ม รวมทั้งเค้กเผือกที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อเผือก เพิ่มความอร่อยด้วยครีมละมุนลิ้นที่ทำจากวิปปิงครีมคุณภาพดีผสมกะทิหอมหวานไม่เหมือนใคร       สนับสนุนผลิตภัณฑ์โดย

คงไม่มีเดือนไหนจะอบอวลไปด้วยความรักเท่ากับเดือนกุมภาพันธ์ เพราะฉะนั้นอย่ารอช้า รีบควงแขนคนรู้ใจไปฉลองแบบสวีทสุดฟินกับมื้ออาหารค่ำบนความสูงเสียดฟ้าที่ห้องอาหาร “Bangkok Balcony” ชั้น 81 โรงแรมใบหยกสกาย ที่ได้ชื่อว่าเป็นห้องอาหาร Open-Air ที่สูงที่สุดในประเทศไทย     สายกินหลายคนอาจคุ้นเคยกับไลน์บุฟเฟ่ต์นานาชาติในห้องกระจกของที่นี่ แต่สำหรับโอกาสพิเศษ เราอยากให้ลองขยับไปดื่มด่ำกับโซน Balcony ด้านนอกที่เรียกว่า “Sky Box” ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 มุม เหนือ ใต้ ตะวันออก และตะวันตก ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งกินข้าวอยู่บน “ระเบียงของกรุงเทพฯ” ที่โอบล้อมไปด้วยทัศนียภาพสวยงามของเมืองหลวงแสนคึกคักในยามค่ำคืนแบบไม่มีอะไรมาบดบังสายตา (แอบกระซิบว่าถ้าอยากได้ที่นั่งโซนนี้ต้องรีบจองล่วงหน้ากันนิด เพราะ 1 มุมบัลโคนี มีเพียง 20 ที่นั่ง เท่านั้น)     ไฮไลต์ของ Sky Box Dinner คือ เซตเมนูพิเศษที่ไม่เหมือนกับไลน์บุฟเฟ่ต์ โดยเสิร์ฟเป็นคอร์สอาหารที่มีทั้งเมนูเรียกน้ำย่อย จานหลัก ของหวาน และเครื่องดื่มให้อร่อยแบบครบครัน ซึ่งก็ไม่ธรรมดา เพราะล่าสุดที่นี่ปรับเปลี่ยนและเพิ่มจานอร่อยเข้ามาแบบแค่เห็นรายชื่อเมนูก็อิ่มล่วงหน้ากันเลยทีเดียว   เริ่มต้นแบบเบาๆ (แต่เราว่าอิ่มใช่ย่อย) ด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยจานร้อน ที่มีกุ้งซอสอิตาเลียน หอยเชลล์ซอสคาเฟดิปารีส และแซลมอนซอสเสาวรส และจานเย็น อาทิ เนื้ออบ พาร์มาแฮมพันเมลอน ไก่แช่เหล้า และขนมปังตับบด       ต่อด้วยเมนูเอาใจคนรักอาหารทะเลอย่างกุ้งแม่น้ำตัวโตกริลล์กำลังดี มาพร้อมซอสพะแนงและซอสแกงเขียวหวาน และเซตพรีเมียมกริลล์ซีฟู้ดจานใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วย Rock Lobster (กั้งหิน) หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หอยเชลล์ ปูม้า กุ้งขาว และหอยหวานที่ย่างเสิร์ฟแบบร้อนๆ ส่วนสาวกปลาดิบฟินกันต่อกับเซตซาชิมิที่มีตัวชูโรงอย่างแซลมอน ทูน่า และทาโกะ (ปลาหมึกยักษ์)         แกะกุ้งหอยปูปลากันสนุกแล้วมาเพิ่มความหนักท้องด้วยเซตข้าวและเส้นที่จัดมาให้จุใจ 4 เมนู ไม่ว่าจะเป็นข้าวอบปู ข้าวคลุกน้ำปลา (เมนูที่เหมือนจะธรรมดา แต่ขอบอกว่าอร่อยเด็ดมาก) สปาเกตตีซอสมะเขือเทศ สปาเกตตีคาโบนารา ที่มาแบบพอดีคำ เพิ่มเติมด้วยเมนูสุดฮิตแบบไทยๆ กับผัดไทยท็อปด้วยหอยทอดกรอบฟู ก่อนจะเบรกท้องกับซุป 3 แบบ ซุปลอบสเตอร์ ซุปต้มยำทะเลรวม และซุปหูฉลามทรงเครื่อง             มาถึงเมนคอร์สจานหลักอย่างสเต๊ก ที่มีจานเด่น อาทิ ซี่โครงแกะและเนื้อเทนเดอร์ลอยด์จากออสเตรเลีย แซลมอนจากนอร์เวย์ พอร์คช็อป ไปจนถึงไก่ตุ๋นซอสมะเขือเทศ แต่ที่เราไม่อยากให้พลาดคือ สะโพกนางฟ้า เนื้อเป็ดส่วนติดสะโพกตุ๋นเครื่องเทศกงฟีกรอบนอกนุ่มใน มาพร้อมข้าวหอมมะลิร้อนๆ และซอสที่จัดมาถึง 3 แบบ ทั้งซอสมะขาม ซอสส้ม และซอสเป็ดหอมหวาน           แล้วอย่าเพิ่งรีบอิ่ม เพราะเราต้องเก็บท้องไว้สำหรับของหวานซิกเนเจอร์ยอดนิยม เครปซูเซตต์ แนะนำซอสส้มรสเปรี้ยวหวานสดชื่น หรือกล้วยหอมซอสช็อกโกแลต กินคู่กับไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟรสวานิลลาลงตัวสุดๆ นอกจากนี้ยังมีขนมหวานสไตล์จีน อาทิ ทาร์ตไข่และขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียน เสิร์ฟพร้อมชาขิงร้อนๆ รวมทั้งเซตเค้กหน้าตาน่ากินให้เลือกกันแบบเต็มอิ่มอีกด้วย         สำหรับสายกินที่ยังไม่จุใจ สามารถไปเติมกระเพาะกันได้อีกกับไลน์บุฟเฟต์ด้านในที่รวบรวมความอร่อยหลากสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นโซนอาหารญี่ปุ่นที่คนรักปลาดิบต้องถูกใจ มุมสเต๊กและบาร์บีคิวที่มีเลือกทั้งเนื้อ แกะ หมู ไก่ ไปจนถึงพาสต้าต่างๆ มุมซีฟู้ดที่ยกพลมาทั้งกุ้งแม่น้ำ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ปูม้า ฯลฯ พร้อมบริการลวกหรือจะสั่งปรุงเป็นต้มยำร้อนๆ ก็ยังได้ ส่วนคนชอบขนมไทย ของหวานจากไสน์บุฟเฟ่ต์ อาทิ ครองแครงน้ำกะทิ เต้าส่วน เต้าทึง ไปจนถึงชนมชิ้นเล็กพอดีคำอย่างขนมชั้น ขนมน้ำดอกไม้ ข้าวเหนียวแก้ว และวุ้นหลากสีตอบโจทย์แน่นอน               แต่ที่เราแนะนำว่าต้องชิมคือไข่ตุ๋นทะเลเดือด เมนูสุดฮิตที่มีนักชิมมาสั่งกันไม่ขาดสาย ไข่ตุ๋นร้อนๆ นุ่มฟูหน้ารวมอาหารทะเล ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านสูตรเฉพาะของที่นี่ กินเพลินแบบลืมไปเลยว่าเคยอิ่ม!  

ยกให้เป็นโอเอซิสแห่งใหม่ที่สายชิลเอาต์ในแถบชานเมืองปทุมธานีต้องถูกใจ กับร้านอาหารบรรยากาศน่านั่งแห่งโครงการ “The Grove หทัยราษฎร์” ที่ “บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์” เจ้าของร้านมาดเท่นำความหลงใหลในการกินมาถ่ายทอดผ่านเมนูอาหารนานาชาติแบบ Multi – Cuisine ที่มีทั้งไทย เอเชียน ยูโรเปียน และฟิวชันให้กินได้ทุกวันแบบไม่มีเบื่อ     ไม่เพียงคัดสรรทุกเมนูโปรดอย่างพิถีพิถัน แต่ยังใส่ใจในทุกรายละเอียดในการออกแบบร้านสไตล์บาร์นเฮาส์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในโรงนาสวยๆ ที่ประดับประดาด้วยต้นไม้ร่มรื่นผสานกับผนังกระจกรอบร้านที่เปิดรับแสงธรรมชาติจากภายนอก ช่วยเพิ่มความอบอุ่นโปร่งสบาย และที่ขาดไม่ได้คือเสียงเพลงที่พี่บุรินทร์ของเราจัดเพลย์ลิสต์ให้เข้ากับบรรยากาศทุกช่วงเวลาด้วยตัวเอง โดยเริ่มช่วงเบ่ายด้วยเพลงแจ๊สเบาๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นบิ๊กแบนด์แจ๊สในช่วงเย็น ต่อด้วยเพลงโซลในช่วงกลางคืน       เห็นเมนูเด็ดที่มีให้ชิมแบบละลานตาแล้วใครเกิดอาการเลือกไม่ถูก แนะนำให้เริ่มด้วยจานเบาๆ อย่าง Truffle Mushroom Soup ซุปครีมเห็ดเนื้อเนียนใส่ทรัฟเฟิลเพสต์ และน้ำมันทรัฟเฟิลเพิ่มความหอม ต่อด้วย Soft Shell Crab Salad with Black Sesame Dressing ปูนิ่มทอดกรอบกินกับสลัดผักนานาชนิด ราดน้ำสลัดงาดำโฮมเมด และ Fettuccine Lobster Cream Sauce เส้นเฟตตูชินีเหนียวนุ่มคลุกเคล้าซอสครีมที่เคี่ยวจากกุ้งและสมุนไพรต่างๆ จนได้ที่ กินคู่กับกุ้งแม่น้ำทอดตัวโต         ถ้าอยากอิ่มแบบจัดเต็ม ลองสั่ง BBQ Baby Back Ribs ซี่โครงหมูย่างกำลังดี เนื้อนุ่มร่อน ไม่เหนียวติดกระดูก คลุกเคล้าซอสบาร์บีคิวสูตรเฉพาะรสเข้มข้นหอมเค่รื่องเทศ หรือ Charcoal Bun Double Beef Burger ขนมปังชาโคลหนานุ่มสอดไส้เนื้อสันในบดนุ่มฉ่ำที่มาแบบดับเบิลสองชิ้นโต สลับชั้นด้วยผักสลัด มะเขือเทศ และชีสเชดดา เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด ส่วนพิซซาเลิฟเวอร์ต้องลอง Lamb Raqu Pizza พิซซาซิกเนเจอร์หน้าซอสเนื้อแกะหอมใบไทม์ ทีเด็ดอยู่ที่การอบด้วยเตาถ่านไม้ลิ้นจี่ให้แป้งพิซซามีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์         อย่าลืมตบท้ายด้วยของหวานขายดี Apple Strudel แป้งบางนุ่มห่อหุ้มไส้ที่ใช้ทั้งเนื้อแอปเปิลแดงและแอปเปิลเขียว เพื่อรสชาติหวานเปรี้ยวกลมกล่อม กินกับซอสวานิลลาและไอศกรีมวานิลลายิ่งอร่อยเข้ากัน  

CY Cabin ร้านอาหารที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 10 ด้านในตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียล ลอฟต์ เท่ขรึมด้วยงานไม้ เหล็ก และปูนเปลือย เพดานสูงให้รู้สึกโปร่งสบาย และหากมองไปรอบๆ จะพบว่าในร้านมีอุปกรณ์เหมืองแร่ ทั้งตะเกียง เชือก ฯลฯ เป็นกิมมิกเล็กๆ อยู่ทั่วร้าน เพื่อระลึกถึงความทรงจำเมื่อครั้งที่คุณฉันท์ ลายเลิศ บรรพบุรุษของผู้ก่อตั้งร้านเคยทำธุรกิจเหมืองแร่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีเมื่อครั้งยังหนุ่ม       เมนูอาหารของที่นี่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งอิตาเลียน อเมริกัน และบางจานแอบใส่ความเป็นเอเชียนลงไปให้สนุกขึ้น มาถึงแล้วประเดิมด้วยซิกเนเจอร์ค็อกเทล CY Delight Tom Yum ที่นำเครื่องต้มยำทั้งพริก ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มาสร้างสรรค์เป็นค็อกเทลรสแซ่บ จิบเดียวก็ตื่น เพราะทั้งหอมและได้รสเผ็ดนิดๆ เพิ่มความอยากอาหารได้ดีทีเดียว     เริ่มจานแรก CY Tom Yum Kung เส้นลิงกวินี่ลวกแบบอัน เดลเต้ นำมาผัดคลุกเคล้ากับเครื่องต้มยำ เชฟทำรสชาติกำลังดี ไม่เผ็ดจัด ทีเด็ดอยู่ที่กุ้งแม้น้ำไซส์ใหญ่ กินแล้วได้ทั้งความหอมและกลมกล่อมของมันกุ้ง อีกจานเด่น Lamb Shank เนื้อแกะส่วนขาหน้าหมักเครื่องเทศจนเข้าเนื้อ นำไปซูวีจนนุ่ม เราชอบที่เนื้อแกะทำได้ดี ไม่มีกลิ่นมากวนใจ เสิร์ฟเคียงด้วยมันฝรั่งบดผสมอะโวคาโด และน้ำจิ้มแจ่วรสเจ็บไว้ตัดกัน หรือจะลอง Grilled Australian Wagyu Tenderloin สเต๊กเนื้อวากิวอย่างดีนำเข้าจากออสเตรเลีย เลือกระดับความสุกได้ตามต้องการ เสิร์ฟพร้อมกราแตงมันฝรั่ง ซาวเคราท์ เกรวี่ซอส และกระเทียมอบ       ส่วนใครไม่ใช่สายเนื้อ สั่งจานปลาน่าจะถูกใจ Grilled Sea bass Beurre Blance ปลากะพงชิ้นโต ซูวีนาน 4 ชั่วโมง นำไปกริลล์อีกนิดพอให้หนังกรอบ เคียงด้วยผักโขม ไวท์ซอส ก่อนกินบีบเลมอนเล็กน้อย อร่อยแบบเบาๆ ไม่หนักเกินไป     แล้วปิดท้ายมื้อค่ำด้วย Coconut Panna Cotta Mango Sauce พานนาคอตต้ามะพร้าวเนื้อเนียนเด้ง ท็อปด้านบนด้วยมะม่วงน้ำดอกไม้หอมหวาน ราดซอสมะม่วงโฮมเมด กินคู่ขนมปังอัลมอนด์เข้ากันสุดๆ  

หากอาหารไทยคือเมนูสุดโปรดปรานที่ทุกคนตามหา ขอแนะนำว่านี่คืออีกหนึ่งร้านที่เราไม่อยากให้พลาด เพราะด้วยรสชาติอาหารทำให้อิ่มเอมไปถึงหัวใจแถมราคายังสบายกระเป๋า เรียกว่ามาแล้วกินครบจบทั้งคาวหวานแน่นอน ที่สำคัญคุณปุย เจ้าของร้านผู้รักสุขภาพ ยังเลือกเฟ้นวัตถุดิบที่ดีจากแหล่งมีชื่อมาปรุงในสไตล์โฮมคุ้ก ชูรสชาติวัตถุดิบเป็นหลักทั้งอาหารฝรั่ง ไทย และฟิวชันให้เราเลือกกินแบบอิ่มหนำสำราญทีเดียว       บรรยากาศร้านตกแต่งอย่างเรียบง่าย ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย มีโต๊ะอาหารในส่วนของเอ้าท์ดอร์ไว้นั่งรับลมกินอาหารสบายๆ จานแรกที่คุณปุยแนะนำคือ แกงคั่วเนื้อปูใบชะพลู ได้เครื่องแกงสูตรประจำบ้านเกิดของเพื่อนสนิทที่จังหวัดนครศรีธรรมราชมาเป็นไฮไลต์ กลิ่นหอมๆ ของสมุนไพรและรสเผ็ดกำลังเหมาะ เข้ากันดีกับเนื้อปูก้อนเนื้อแน่นหวานและเส้นหมี่เหนียวนุ่มที่เสิร์ฟมาด้วยกัน     ต่อด้วย เมี่ยงคะน้า คัดเฉพาะยอดอ่อนของใบคะน้า กินคู่กับกุ้งแห้งและถั่วลิสงคั่วหอมๆ กากหมูกรุบกรอบ หอมแดง มะนาว ขิง และพริกขี้หนูซอย ราดน้ำจิ้มรสเปรี้ยวอมหวานที่ทำจากน้ำตาลมะพร้าวและน้ำมะขามเปียกแล้วอร่อยขึ้นอีกเท่าตัว ต้มจืดสับปะรดหมูสามชั้น ก็เก๋ นำสับปะรดรสหวานอมเปรี้ยวมาต้มกับหมูสามชั้น กินกับข้าวสวยร้อนๆ แล้วได้รสแปลกใหม่อย่าบอกใคร     ส่วนใครชอบอาหารฟิวชันต้องลอง น้ำตกพอร์คชอป หมูคัดพิเศษเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ ราดซอสน้ำตกรสชาติจัดจ้านหอมกลิ่นพริกป่นและข้าวคั่วเสิร์ฟพร้อมผักสลัดสดกรอบ กินคู่กับ น้ำทับทิมอินเดียคั้นสด สีสวยมากประโยชน์ ก็อร่อยไปอีกแบบ       ปิดท้ายด้วย ไอศกรีมกะทิอบควันเทียนเสิร์ฟพร้อมมะตูมเชื่อม เมนูนี้เราชอบมาก เพราะนอกจากไอศกรีมที่ทำจากมะพร้ามน้ำหอมรสหวานละมุนแล้ว ยังนำกะทิสดอบควันเทียนมาราดลงบนไอศกรีมเพิ่มกลิ่นหอมๆ ขึ้นไปอีกขั้น กินกับมะตูมเชื่อมเลื่องชื่อจากตรอกมะตูมที่ได้รสฝาดนิดๆ หวานหอมอร่อย เป็นการจับคู่กันที่ลงตัวสุดๆ ไปเลย   

หากใครเป็นมีทเลิฟเวอร์อยู่ล่ะก็ เชื่อว่าคงจะรู้จักชื่อของ El Gaucho กันอย่างแน่นอน แถมตอนนี้ร้านดังยังมีเซอร์ไพร์สใหม่ให้ชื่นใจ ด้วยการขยายสาขาความอร่อยมาที่ชั้น 3 คิงพาวเวอร์ รางน้ำ     สิ่งที่ทำให้หลายคนตกหลุมรักที่นี่ ต้องยกให้กับเนื้อรสชาติดีคุณภาพเยี่ยมที่คัดสรรจากแหล่งผลิต เลี้ยงด้วยวิธีธรรมชาติ จึงปราศจากสารเร่งและฮอร์โมน ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแบล็คแองกัสจากอเมริกา (Prime Black Angus US grain fed) เนื้อแบล็คแองกัสจากออสเตรเลีย (Black Angus grass fed) หรือจะเป็นเนื้อวากิวจากออสเตรเลียก็ทีให้เลือกลิ้มลอง แถมยังมีหน้าตู้โชว์วัตถุดิบให้เห็นกันแบบสดๆ     ขณะที่บรรยากาศก็ถูกปรับให้ดูเข้าถึงง่ายและโมเดิร์นขึ้นจากสาขาก่อนหน้าด้วยบาร์ขนาดใหญ่ ที่มาพร้อมแสงจากหลอดไฟน้อยใหญ่ก็ดูอบอุ่น ยิ่งมารวมกับวิวริมระเบียงด้วยแล้วก็ทำให้อาหารมื้อที่อยู่ตรงหน้าอร่อยอย่างที่สุด     เรามาเริ่มเมนูแรกด้วย Spaghetti Pomodoro (400 บาท) สปาเกตตี้เส้นเหนียวหนึบในซอสมะเขือเทศสุดเข้มข้น ผสมรสเปรี้ยวอมหวาน โรยพาร์เมซานชีสอีกนิดก็ยิ่งหลงรัก     แต่ถ้าใครเป็นเบอร์เกอร์เลิฟเวอร์ก็ต้องลอง Homemade Burger (690 บาท) เบอร์เกอร์โฮมเมดสูตรเฉพาะที่ผสานความอร่อยของเนื้อวัวทั้ง 4 ส่วนมาไว้ในชิ้นเดียว ก่อนจะนำมาบดจนได้เนื้อที่ทั้งนุ่มและหอม กรุ่นกลิ่นกระเทียมพริกไทย หวานมันในทุกๆ คำ เสิร์ฟพร้อมกับเฟรนซ์ฟรายชิ้นใหญ่ สลัดผักสดๆ ร่วมด้วยซอสมะเขือเทศและมายองเนส     แล้วมาต่อด้วยความอร่อยคำใหญ่ของ Grilled Lamb Chops with Yoghurt Sauce and Basmati Rice (1,390 บาท) ซี่โครงแกะย่างชิ้นโตเนื้อนุ่มย่างหอมๆ เสิร์ฟบนเตาถ่านร้อนๆ ราดด้วยซอสโยเกิร์ตสีขาวเนื้อนวลเนียนรสอมเปรี้ยว กินคู่กับข้าวบาสมาติเม็ดยาวเรียวนุ่มๆ ก็อร่อยอย่างที่สุด     แม้จะเป็นร้านสเต็ก แต่เมนูของหวานก็อร่อยเด็ดไม่แพ้กัน ดังนั้น อย่าลืมลอง Hot Chocolate Cake with Vanilla Ice Cream (290 บาท) เค้กช็อกโกแลตสุดนุ่มสีดำสนิทก็เข้าคู่กับไอศกรีมวานิลลาสีเหลืองอ่อนได้อย่างลงตัว  

หลังจากได้เปิดประสบการณ์ให้ทุกคนได้ดื่มด่ำกับคราฟต์เบียร์หลากรสหลายสัญชาติด้วยการแฝงตัวอยู่ใน Oneday at a Time คาเฟ่และโฮสเทลในซอยสุขุมวิท 26 กันมาแล้ว มาตอนนี้สาขาล่าสุดของ Taproom ก็ยังคงไม่ทิ้งคอนเซปต์เดิมด้วยการเข้ามาอิงแอบอยู่ร่วมชายคาเดียวกับกับคาเฟ่ชื่อดัง Casa Lapin ในอารีย์พหลโยธินซอย 7       สำหรับ Taproom สาขาสองคงต้องบอกว่าขนาดจะเล็กลงจากสาขาแรกอยู่สักหน่อย ด้วยการยึดพื้นที่ประจำการอยู่ที่บาร์ด้านในสุดของร้านพร้อมกับเบียร์ที่มีให้เลือกถึง 14 แท็ป แม้จำนวนแท็ปจะน้อยลงตามขนาดของสถานที่ (จากที่เดิมที่มี 26 แท็ป) แต่ความหลากหลายไม่ได้น้อยลงเลย เพราะที่นี่ยังคงสลับสับเปลี่ยนคราฟเบียร์จากแหล่งต่างๆ มาให้ลองจิบกันอย่างฉ่ำใจ แถมแต่ละตัวยังไม่มาครั้งละไม่มาก ทำให้ในแต่ละวันเบียร์ก็จะเปลี่ยนไปด้วย รสชาติจึงไม่ซ้ำกันอย่างแน่นอน ใครอยากลองชิมตัวไหน สามารถสอบถามตามหาเบียร์ลิสต์ที่ร้านกับน้องๆ กันได้     แต่ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้อย่างแก้มแดง ขอแนะนำให้ลองเริ่มด้วย Beer Flight เบียร์เซ็ตเล็ก 6 แก้วขนาดกำลังน่ารักที่พร้อมรอให้เราจิบอย่างทั่วถึง แถมยังไล่ระดับรสชาติจากอ่อนไปแก่เอาไว้ให้อีกด้วย พ่วงด้วยการ์ดใบเล็กๆ ที่ให้ให้ข้อมูลตั้งแต่ที่มา ชื่อโรงกลั่น ประเภท รสชาติ และปริมาณแอลกอฮอล์อย่างเสร็จสรรพให้เราศึกษาทำความรู้จักกันก่อนจิบ แต่ถ้าใครอยากชี้เลือกตามใจชอบงานนี้ก็ไม่ผิดกติกา     อย่างครั้งนี้ตัวที่ถูกใจแก้มแดงก็มี Wet Dream จากโรงกลั่น Evil Twin สหรัฐอเมริกา เป็นเอลสีน้ำตาลเข้มสวยให้แฝงความสดชื่นและมีกลิ่นหอมอมเปรี้ยว ส่วนอีกตัวมีชื่อว่า Conquista จากโรงกลั่น Coronado สหรัฐอเมริกาเช่นกัน เป็นเบียร์ IPA สีเหลืองใสรสอ่อนละมุนหอมกลิ่นทรอปิคอลฟรุ๊ต ดื่มง่ายเชียว แต่ก็ยังไม่วายแอบมีรสขมๆ ตามมาปิดท้าย สำหรับสาวๆ ยังไม่ถนัดจะดื่มเบียร์ ที่นี่ก็มีไซเดอร์รสหอมหวานดีงามไว้ให้ลองกันด้วย     ส่วนสายกินสายกับแกล้มที่นี่ก็อย่าลืมลองเมนูอร่อยอย่าง Grilled Mixed Sausage ที่รวมสามความอร่อยของไส้กรอกพริกชูบริค (Schublig Sausage) สไตล์สวิสเนื้อเด้งรสเผ็ดปลายลิ้นเห็นเปลือกพริกชัดเจน ไส้กรอกโชริโซสเปนรสออกเปรี้ยว และไส้กรอกหมูรมควันเนื้อแน่น อร่อยนัวสุด     หรือจะมาอร่อยเต็มคำกับ Red Italian พิซซ่าโฮมเมดเนื้อแป้งบางหน้ามะเขือเทศและผักโขมโรยด้วยพาร์เมซานชีสก็อร่อยถูกใจใช่เล่น   

สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟอยู่แล้ว เราว่านอกจากการมีหนึ่งในสถานที่โปรดไว้นั่งละเลียดกาแฟหอมกรุ่นแก้วที่ชอบ หลายคนก็ยังคงตามหาร้านกาแฟที่เหมาะใจอยู่เรื่อยๆ แล้วถ้าได้กาแฟคุณภาพที่ปราศจากสารเคมีด้วยแล้วยิ่งดีต่อใจขึ้นไปอีกขั้น เราเลยอยากชวนคนรักน้ำดำให้มาดื่มกาแฟออร์แกนิคที่ร้าน Buna Organic Coffee กัน       กาแฟของที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของ “เปรมสุขฟาร์ม” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “ฟาร์มผักเกษตรอินทรีย์  จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากพี่เปิ้ลเจ้าของฟาร์มทำแปลงผักมานาน ก็เริ่มอยากลองปลูกกาแฟดูบ้าง โดยใช้วิธีปลูกตามธรรมชาติแซมกับต้นไม้ใหญ่ในป่าแบบไม่ใช้สารเคมีในการเลี้ยงดู ตลอดจนการเก็บเกี่ยวและคั่วเบลนด์ที่ปลอดสารอันตรายด้วยเหมือนกัน     กาแฟที่ร้านบูน่า (ชื่อร้านในภาษาแอฟริกาแปลว่ากาแฟ) จะไม่หวือหวาเท่าไหร่ เพราะพี่เปิ้ลและพี่ประครองหุ้นส่วนร้าน อยากให้ทุกคนเข้ามาสัมผัสรสชาติกาแฟอาราบิก้า 100 เปอร์เซ็นต์อย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นเลยเน้นเป็นเมนูหลักอย่างเอสเพรสโซ่ อเมริกาโน่ คาปูชิโน่ หรือลาเต้ ที่เราคุ้นเคยกัน ส่วนรสชาติกาแฟจะต่างออกไปตามเมล็ดที่ใช้ เช่น เมนูกาแฟร้อน จะใช้เมล็ดคั่วเข้มกลาง ไม่เหมือนกับเมนูกาแฟเย็น ที่รสชาติเข้มกว่านิดหน่อยเพราะใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลางและคั่วเข้มเบลนด์รวมกัน หรือถ้าใครอยากนำเมล็ดกาแฟไปดริปเองที่บ้าน ทางร้านก็มีขายด้วย         อีกหนึ่งอย่างที่เราชอบไม่แพ้กับกาแฟก็คือบรรยากาศ เวลามองจากหน้าต่างออกไปจะเห็นต้นไม้สีเขียวและสวนสวยชวนให้ถ่ายรูปเพลินๆ แถมร้านยังกว้างขวาง มีโซนให้เลือกนั่งเพียบเลย เราจะสั่งกาแฟหนึ่งแก้วแล้วนั่งทอดอารมณ์ ใช้ชีวิตเนิบช้าไปกับกาแฟนานๆ ก็ได้ (พี่เปิ้ลและพี่ประครองก็อยากให้เป็นแบบนั้น)         นอกจากนี้ทางร้านยังเพิ่มอาหารสุขภาพมาสมทบ โดยนำผักตามฤดูกาลจากฟาร์มมาทำเป็นซุป สลัด และอาหารจานเดียว หรือเมนูฟิวชันที่รสชาติดีไม่แพ้กันอย่างสเต็กซี่โครงหมูบาร์บิคิว สปาเกตตีเบคอนพริกกระเทียม โทสต์คาโบนาร่า ให้เราเลือกกินได้ตามชอบ อีกทั้งยังมีโซนให้เราชอปสินค้าออร์แกนิครวมถึงผักตามฤดูกาลจากฟาร์มในราคาย่อมเยาว์ด้วยนะ เรียกว่าอิ่มครบจบในที่เดียวมากๆ        

หากใครชอบบรรยากาศเงียบสงบ แต่เดินทางสะดวกสบายใจกลางเมืองต้องถูกใจที่นี่ Niche (นิช) ร้านอาหารนานาชาติในโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ ร้านสวยตกแต่งด้วยไม้โทนเข้มเรียบหรู มีมุมให้เชฟโชว์ทำอาหารสดๆ มีกระดานดำแผ่นใหญ่วาดลวดลายอาหารดูน่ากิน และบาร์เครื่องดื่มขนาดใหญ่ตั้งขวดวางเรียงรายอย่างสวยงาม     เชฟเจมส์ นอร์แมน (James Norman) หัวหน้าพ่อครัวบริหารเป็นคนคิดคอนเซ็ปต์ที่ไม่เหมือนใครให้แก่ห้องอาหารแห่งนี้เรียกว่า Asian or Non-Asian เน้นการใช้วัตถุดิบเป็นหัวใจหลัก ให้ลูกค้าเลือกเมนูจากวัตถุดิบหลักที่ชื่นชอบ เช่น หอยเชลล์ฮอกไกโด หอยนางรมฟินเดอแคลร์ ปลาหิมะ เนื้อวากิว ฯลฯ จากนั้นเลือกให้เชฟปรุงแบบเอเชียนหรือนอนเอเชียน โดยเลือกจากเมนูที่เชฟคิดไว้ให้แล้วจึงง่ายมาก หมดปัญหาว่าไม่รู้จะสั่งอะไรดี     หากใครยังคิดไม่ออกลองดูเมนูที่เราสั่งก็ได้ เริ่มจาก FDC Oyster with Chili and Ginger หอยนางรมฟินเดอแคลร์เสิร์ฟสไตล์เอเชียน ราดซอสพริกและขิงที่ทำเป็นเกล็ดน้ำแข็งกินแล้วสดชื่น รสจัดจ้านคล้ายน้ำจิ้มซีฟู้ด     ส่วนนอนเอเชียนเป็น Baked Champagne Sabayon ใช้ไข่แดงผสมกับแชมเปญทำเป็นซอสซาบายองราดบนหอยนางรมแล้วอบ รสอร่อยหอมมัน   ต่อด้วย Coconut Crispy Scallop หอยเชลล์ฮอกไกโดตัวใหญ่คลุกกับมะพร้าวแห้ง ห่อด้วยแป้งฟิโลที่หั่นเป็นเส้น ทอดจนกรอบ กินกับซอสผักชีและสลัดแตงกวารสเปรี้ยวอมหวาน ส่วนนอนเอเชียนเป็น Seared Scallop Cauliflower Variations หอยเชลล์ย่างสุกกำลังดีกินกับดอกกะหล่ำบดและข้าวคูสคูส จานนี้หอมกลิ่นทรัฟเฟิลมาก     ส่วนอาหารจานหลักที่เด่นคือ Snow fish with Black Bean ปลาหิมะเนื้อนุ่มหวานกับซอสเต้าซี่รสเค็มมัน เสิร์ฟพร้อมยำฝรั่งสดเนื้อกรอบรสเปรี้ยวหวานและข้าวผัดกระเทียมหอมๆ     ส่วนใครชอบเนื้ออย่าลืมชิม Smoked Beef Rib Texan Dry Rub เนื้อวัวส่วนซี่โครงรมควันจนหอมกลิ่นเครื่องเทศ เสิร์ฟพร้อมซอสบาร์บีคิวข้าวโพดอบเนยและมันฝรั่งบดเนื้อนุ่ม     จบด้วยของหวานหน้าตาแปลก Doughnut Éclair โดนัทเอแคลร์มีให้เลือกหลายไส้ เช่น ครีมคัสตาร์ดชาไทย ราดด้วยนมข้นหวาน ใส่เฉาก๊วย และโดนัทเอแคลร์บานอฟฟี่วิปครีม ใส่ถั่วพีแคนเคลือบน้ำตาล     เต็มอิ่มแบบไม่เหมือนใครสมเป็นนิช 

เชื่อว่าคนรักเอสแอนด์พีคงใจเต้นตึกตักกับคอนเซ็ปต์ที่มาพร้อมกับชื่อใหม่สุดเก๋กันอย่างแน่นอน อันเนื่องมาจากทำเลที่ตั้งเดียวกับสำนักใหญ่แบบพอดิบพอดี ที่นี่จึงเพิ่มความพิเศษด้วยสไตล์การตกแต่ง เช่นเดียวกับรสชาติที่แก่กล้าและจัดจ้านขึ้น ร่วมด้วย Baking Lab และ Cake Studio ที่เสมือนเป็นห้องทดลองส่งต่อความอร่อยแบบสดๆ และให้คุณได้มีโอกาสชิมเมนูใหม่ก่อนใคร       เมนูแนะนำ ข้าวไข่กระทะหน้าหมูกระเทียมพริกไทย เพิ่มความอิ่มให้กับเมนูอาหารเช้าสุดฮิตด้วยข้าวสวยร้อนๆ วางบนไข่กระทะ เสิร์ฟพร้อมซุปร้อนหอมกรุ่น   ข้าวผัดมันกุ้ง ข้าวผัดรสเข้มที่ได้มันกุ้งตัวโตมาเติมเต็มรสชาติ พร้อมด้วยน้ำปลาพริกสูตรอร่อยที่หลายคนติดใจ   ยำแฮมขาหมูมะกอกดำ แฮมรมควันโฮมเมดเนื้อแน่นคุลกเคล้าในน้ำยำรสแซ่บซี้ด แถมยังเคี้ยวเพลินกับขาหมูและมะกอกดำ   ไนโตรโคลด์บรู นอกจากห้องอบขนมปัง สาขานี้ยังเท่ด้วยกาแฟแบบฟูลบาร์ให้ทุกคนได้ลองชิมกาแฟจากนานาประเทศ ส่วนแก้วนี้เป็นกาแฟสกัดเย็นจากเคนยาที่อาศัยเครื่องไนโตรเจน ก่อนเพิ่มรสด้วยเลมอน