“ชื่อเหมือนร้านดอกไม้ แต่ขายอาหารครับ” คุณโยชิโอะ ยศกร วาตานูกิ (Yoshio Watanuki) พูดอย่างอารมณ์ดี

แม้ตอนนี้จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นในบ้านเรานับไม่ถ้วน เล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ Hanaya (ฮานาย่า) ร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งเปิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482 ยังอบอุ่นไปด้วยลูกค้าประจำแบบไม่เคยเงียบเหงา

คุณโยชิโอะ เจ้าของร้านรุ่นที่ 3 เล่าว่าในยุคที่คนญี่ปุ่นเริ่มออกเดินทางไปทำงานเก็บเงินที่ต่างประเทศ คุณตาคุณยายย้ายถิ่นฐานจากเมืองคาโกชิมะ ประเทศญี่ปุ่นมาปักหลักในไทย เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ แถวถนนสี่พระยา โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นด้วย เพราะกว่าเรือจะมาจากญี่ปุ่นก็ใช้เวลาราวสามเดือนครั้ง ส่วนใหญ่ของที่ได้มักเป็นสาเก มิโซะ โชยุ นอกนั้นก็ใช้ของในไทยอย่างปลาไทย หรือเต้าหู้ของเยาวราชที่อร่อยไม่แพ้กัน

“เท่าที่รู้ตอนนั้นมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดพร้อมๆ กัน 4-5 ร้าน แต่ปิดตัวไปหมดแล้วเหลือแค่ฮานาย่าร้านเดียว คนจึงรู้สึกว่าเราเป็นร้านแรก” สมัยนั้นสี่พระยาเป็นที่ตั้งของบริษัทญี่ปุ่น ลูกค้าส่วนมากของที่ร้านเป็นคนญี่ปุ่นที่มาทำงานละแวกนี้ จนมาถึงรุ่นคุณพ่อ ชาวญี่ปุ่นในไทยเริ่มกระจายตัวไปอยู่แถวถนนสีลม สุรวงศ์ สุขุมวิท ฮานาย่าก็ปรับตัวไปด้วย จากเดิมเมนูมีเพียงภาษาญี่ปุ่นก็เริ่มมีภาพประกอบให้คนไทยเข้าถึงง่ายขึ้น เพิ่มเมนูให้หลากหลายจนได้ลูกค้าใหม่ๆ กลายเป็นร้านขวัญใจคนรักอาหารญี่ปุ่นจนถึงวันนี้

“ผมเกิดที่ไทยแต่ไปเรียนเชฟที่ญี่ปุ่น ตอนเด็กๆ ก็เคยไปช่วยงานที่บ้านคุณพ่อซึ่งเป็นร้านอาหารเหมือนกัน ทั้งช่วยยกอาหาร ทักทายลูกค้า เรียนจบก็ฝึกงานที่ร้านซูชิ แต่พอกลับมาลองทำที่ร้านตัวเองก็รู้สึกว่าที่เรียนมาไม่เข้ากัน (หัวเราะ) ต้องฝึกใหม่”

คุณโยชิโอะนิยามอาหารของฮานาย่าว่ามีรสชาติแบบธรรมชาติ กินทุกวันได้ไม่เบื่อ “เราเป็นร้านที่เริ่มต้นจากวัตถุดิบไทย หลักๆ มีปลาโอ ปลาหมึก ปลากะพงแดง ปลากะพงขาว ปลาช่อนทะเล ปลาหางแข็ง ปลาไทยไม่ได้แตกต่างจากญี่ปุ่น แค่ทะเลร้อนกว่า เนื้อปลาอาจไม่ค่อยมัน เวลาจับสดๆ ก็อร่อยเหมือนกัน แต่ใครอยากกินปลานำเข้าจากญี่ปุ่นเราก็มีให้เลือกสั่งได้”


เมนูขวัญใจลูกค้ายังเป็น Makunouchi Bentou อาหารกล่องพิเศษที่รวมเมนูของฮานาย่าไว้ ทั้งไข่หวาน ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง กุ้งทอด แมงกะพรุนดอง ผักต้ม ปลาซาบะย่าง เสิร์ฟพร้อมปลาดิบและน้ำซุปร้อนๆ Mochi Zousui ข้าวต้มร้อนๆ น้ำซุปเบสเป็นดาชิหอมกลมกล่อม ได้รสหวานจากหัวไชเท้า ใส่บุก และหน่อไม้ ก่อนกินใส่โมจิลงไปด้วย นอกจากนี้ยังมี Futomaki ข้าวห่อสาหร่ายแบบดั้งเดิม ไส้มีทั้งไข่หวาน แตงกวา คัมเปียว (ฟักเขียวต้มซีอิ๊ว) สาหร่ายฮิจิกิ เต้าหู้ทอด และปลาป่นสีชมพู ส่วนขนมที่อร่อยมากๆ คือ Sasa Custard โมจิใสสอดไส้ครีมคัสตาร์ดห่อด้วยใบไผ่ที่หากินได้ที่นี่ที่เดียว

ความน่ารักคือลูกค้าของฮานาย่าผูกพันกับที่ร้านมาก บางคนมาพร้อมคุณพ่อคุณแม่ตอนเด็กๆ จนโตเป็นผู้ใหญ่ ถึงวันแต่งงานก็ยังให้ฮานาย่าไปจัดแคเทอริงให้ เมื่อมีลูกก็พามากินข้าวที่ร้านอีก เป็นความภูมิใจของร้านอาหารญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในไทย

“ทุกวันนี้อยากให้ลูกค้ามีความสุขเวลามากินข้าวที่นี่ ผมรู้สึกว่าตอนนี้อาหารสำเร็จรูปหาซื้อง่ายขึ้น อิ่มท้องจริง แต่ไม่อิ่มใจเหมือนกินอาหารที่ทำสดใหม่”

“เราอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดี”
683 ถนนสี่พระยา แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพฯ
เปิดบริการ 11.15-14.00 น. และ 17.30-21.30 น. (หยุดวันจันทร์)
Tag:
ร้านอาหารญี่ปุ่น, อาหารญี่ปุ่น
ความคิดเห็น