ผู้อ่านเคยเดินทางไปจังหวัดสมุทรปราการครั้งล่าสุดเมื่อไร จำได้หรือไม่ว่าไปที่ไหน ถ้าจำไม่ได้ไม่เป็นไร ในปี 2025 นี้ G&C ขอพาเที่ยวจุดหมายเด่นๆ ของสมุทรปราการในบรรยากาศที่แตกต่างกันโดยใช้เวลาเพียง 1 วัน
ปั่นจักรยานสูดอากาศบริสุทธิ์ที่สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์

สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติ ศรีนครเขื่อนขันธ์ หรืออีกชื่อที่หลายคนรู้จักคือสวนบางกะเจ้า อยู่ในความดูแลของสำนักโครงการพระราชดำริและกิจการพิเศษ กรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เดินทางเข้ามาในซอยลึกหน่อย แต่พอมาถึงก็เข้าใจทันทีว่าทำไมต้องอยู่ไกลจากตัวเมือง เพราะพื้นที่กว้างขวางมากจากทั้งหมด 148 ไร่ ถูกนำมาแบ่งเป็นพื้นที่ฟื้นฟูป่า 40 ไร่ และสร้างเป็นสวนประมาณ 108 ไร่ ใครขับรถมาต้องจอดไว้ข้างหน้าก่อน แนะนำให้เช่าจักรยานตรงข้ามทางเข้าสวน (ราคาคันละ 40 บาท) ไม่เช่นนั้นอาจจะต้องใช้เวลาทั้งวันในการเดินรอบสวนแห่งนี้เลยทีเดียว


จุดเด่นของที่นี่คือเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ โดยป่าในสวนสาธารณะและสวนพฤกษชาตินี้มีทั้งป่าบึงชุ่มน้ำ ป่าชายเลน และป่าดิบลุ่มต่ำ ซึ่งให้บรรยากาศแตกต่างกันไป โดยตามทางที่เราปั่นจักรยานผ่านจะมีป้ายให้ความรู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ ต้นไม้ชื่อแปลกๆ ที่เราไม่รู้จัก ทำให้เราเห็นความสำคัญของระบบนิเวศมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในเมืองที่อาจจะมองข้ามเรื่องเหล่านี้ไปโดยไม่รู้ตัว

ระหว่างนั้นเราแวะขึ้นสะพานเขื่อนขันธ์มรรคาเพื่อชมความสวยงามของสายน้ำ (สะพานนี้ไม่ให้ปั่นจักรยานขึ้นไป ต้องสังเกตป้ายกันดีๆ) เห็นศาลากลางน้ำตั้งอยู่โดดเด่น ถ้าจังหวะดีจะได้พบกับนกกระยางออกมายืนเป็นแบบให้ถ่ายรูป หรือปั่นจักรยานอยู่ก็มีผีเสื้อบินผ่านรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าไกลจากตัวเมืองหลายชั่วโมง ทั้งที่ความจริงอยู่สมุทรปราการนี่เอง ถ้าใครอยากมาดูนกจะมีป้ายบอกทางไปหอชมนก แนะนำว่าควรมาช่วงเช้าหรือไม่ก็ช่วงเย็นซึ่งเป็นช่วงที่นกจะปรากฏตัว


เป็นสถานที่สำหรับคนชอบธรรมชาติ ชอบความเงียบสงบ เราไปวันธรรมดาคนน้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ทำให้เห็นว่าสถานที่นี้ค่อนข้างมีชื่อเสียง ไม่ได้รู้จักแค่ในกลุ่มคนไทยอีกต่อไป ส่วนคนที่ตั้งใจอยากมาออกกำลังกายถ้าจะวิ่งควรสังเกตป้ายบอกทางเป็นระยะ เพื่อป้องกันการหลงทาง เพราะพื้นที่กว้างใหญ่จริงๆ หรือแค่ปั่นจักรยานรอบสวนสักรอบก็น่าจะเผาผลาญแคลอรีได้มากแล้ว
FYI : ในสวนแห่งนี้มีพันธุ์ไม้หลากหลายมากกว่า 100 ชนิด เช่น ชะมวง ปรงทะเล หวายลิง ข่อย จาก ลำเท็ง ฯลฯ และมีนกราวๆ 66 ชนิด เช่น นกกระจิบคอดำ นกตีทอง นกตะขาบทุ่ง นกแซงแซวหางปลา นกกระจิ๊ดหัวมงกุฎ ฯลฯ
รู้หรือไม่? นกคือสัตว์ที่ช่วยรักษาระบบนิเวศได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะนกคอยกินแมลง ทำให้แมลงไม่ไปกินพืชพรรณ นกกินน้ำหวานก็มีส่วนช่วยผสมเกสร ในขณะที่นกกินผลไม้ก็ช่วยกระจายพันธุ์พืชจากการคายเมล็ดต่างๆ ทิ้ง
ข้อมูล
- พิกัด : ซอยวัดราษฎร์รังสรรค์ ตำบลบางกะเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ
- เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชม ทุกวัน 05.00-19.00 น.
เสริมสิริมงคลและชมศิลปะอันงดงามที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ

ถ้าเคยนั่งรถผ่านจะเห็นความอลังการของช้างสามเศียรมาแต่ไกล ประติมากรรมชิ้นนี้ทำจากโลหะซึ่งนับว่าขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เราจะเข้าไปดูภายในกันว่านอกจากช้างสามเศียรจะมีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง
ช่วงเวลาเกือบบ่ายโมงเรามากันที่พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ ก่อนอื่นอย่าลืมชำระค่าเข้าชมที่ห้องกระจกหน้าทางเข้า ราคาสำหรับคนไทยผู้ใหญ่ 250 บาท และเด็ก 125 บาท ส่วนราคาชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 500 บาท และเด็ก 250 บาท หลังจากนั้นได้ตราประทับให้เจ้าหน้าที่ตรวจเพื่อผ่านเข้าไปด้านใน
เมื่อก้าวเข้ามาแล้วจะเห็นประติมากรรช้างสามเศียรยืนตระหง่านอยู่บนอาคารแกะสลักสีชมพู ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์ 3 ชั้น จำลองภพภูมิตามความเชื่อจากคัมภีร์ไตรภูมิกถา ได้แก่ ชั้นสุวรรณภูมิ (ชั้นใต้ดินหรือชั้นบาดาล) ชั้นโลกมนุษย์ และชั้นจักรวาล (หรือชั้นสวรรค์)

เราเดินเข้ามาที่ชั้นโลกมนุษย์ก่อน ชั้นนี้ผสมผสานสถาปัตยกรรมของ 3 ศาสนาเข้าไว้ด้วยกัน ได้แก่ ศาสนาคริสต์ ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาพุทธนิกายเถรวาทและนิกายมหายาน โดยเสาแต่ละต้นจะแกะสลักเรื่องราวของแต่ละศาสนาไว้ เราจะเห็นความสวยงามของกระจกสีแบบในโบสถ์คริสต์ เห็นมุมสักการะพระอินทร์ของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และเห็นลวดลายแกะสลักแบบศิลปะของพุทธศาสนารวมกันอยู่ที่นี่

ขึ้นบันไดวนมาเรื่อยๆ ถึงชั้นบน สัมผัสได้ถึงความเย็นสบาย เป็นเพราะเรากำลังเข้าเขตจำลองชั้นสวรรค์ ชั้นนี้มีประติมากรรมพระพุทธเจ้าองค์ใหญ่ ขนาบข้างด้วยพระพุทธรูปหลากหลายปางงดงามมาก สามารถสักการะได้โดยสวดตามคำบูชาที่แปะไว้อย่างเด่นชัด



แน่นอนว่ายังเหลืออีกชั้นที่ยังไม่ได้พูดถึงคือชั้นสุวรรณภูมิ ในชั้นนี้ไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ และต้องถอดรองเท้าก่อนเข้าชม เป็นชั้นที่เก็บรวบรวมภาชนะโบราณแบ่งตามยุคสมัย เช่น ถ้วย หม้อ ไห บางยุคสยามรับอิทธิพลจากกัมพูชาก็จะเน้นทำภาชนะเป็นรูปสัตว์ ช่วงที่รับอิทธิพลจากจีนภาชนะก็จะมีสีสันสดใสขึ้น นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับต่างๆ ให้ชม ยิ่งเดินยิ่งตะลึง ต้องขอบคุณพิพิธภัณฑ์ในการดูแลของบริษัท เมืองโบราณ จำกัดแห่งนี้ที่สามารถเก็บรักษาของมีค่าให้คนไทยรุ่นหลังและชาวต่างชาติได้ชมกัน

กิจกรรมอื่นๆ ของที่นี่คือสามารถเช่าชุดไทยถ่ายรูปเล่นในบริเวณรอบพิพิธภัณฑ์นี้ได้ โดยค่าเช่าชุดเริ่มต้น 350 บาทเท่านั้น หรือจะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามศรัทธาก็มีทั้งพระพรหม พระพิฆเนศ เดินลอดท้องช้างตามความเชื่อที่ว่าเป็นช้างตระกูลพรหมพงศ์ที่พระพรหมเป็นผู้สร้าง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้อายุยืนยาวขึ้น

ข้อมูล
- พิกัด : ตำบลบางเมืองใหม่ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
- เวลาทำการ : เปิดให้เข้าชม ทุกวัน 09.00-18.00 น.
เดินชิลชมวิวเมือง แต่ได้ความรู้ติดกระเป๋ากลับบ้าน

จุดหมายปลายทางสุดท้ายของทริปนี้เรามากันที่หอชมเมืองสมุทรปราการ หลังจากสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2565 ก็กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากทั้งคนในจังหวัดและต่างจังหวัด ด้วยความสูงราว 179 เมตร ทำให้มองเห็นวิวเมืองปากน้ำทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระสมุทรเจดีย์ ป้อมพระจุลจอมเกล้าฯ วัดพิชัยสงคราม พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ และอีกหลายๆ จุดที่สำคัญในแง่ประวัติศาสตร์
นอกจากจุดชมวิวบนชั้น 23 แล้ว ยังมีนิทรรศการร้อยเป็นเรื่องเมืองปากน้ำบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาและจุดเด่นของปากน้ำ แบ่งเป็น 7 ห้อง ได้แก่
- ห้องที่ 1 “เรื่องเที่ยวเรื่องใหญ่ไ กางแผนที่สมุทรปราการขนาดใหญ่ให้เห็นกันชัดๆ
- ห้องที่ 2 “เรื่องของวิชาชีพ” ที่เป็นผลจากโครงการฝึกอบรมวิชาชีพ “โครงการลูกพระดาบส” ซึ่งส่งเสริมอาชีพให้คนในจังหวัด เช่น แปรรูปสมุนไพรขาย เลี้ยงสัตว์
- ห้องที่ 3 “เรื่องในกระเพาะหมู” ทำให้เห็นความสำคัญของธรรมชาติอย่างบางกะเจ้าซึ่งเป็นแหล่งออกซิเจนดีๆ นี่เอง (ชื่อนิทรรศการมาจากลักษณะพื้นที่ของบางกะเจ้าที่ดูคล้ายกระเพาะหมู)
- ห้องที่ 4 “เรื่องราวของโรคเรื้อน” สมัยก่อนคนไทยเป็นโรคเรื้อนกันมาก จึงมีการก่อตั้งสถาบันราชประชาสมาสัยเพื่อดูแลและป้องกันคนจากโรคนี้โดยเฉพาะ
- ห้องที่ 5 “เรื่องทางใจ” สมุทรปราการเป็นจังหวัดที่มีเกจิอาจารย์หลายท่าน ดังจะเห็นจากรูปปั้นในห้องนี้ เช่น หลวงพ่อปู่เผือก หลวงพ่อลี หลวงพ่อปาน ฯลฯ
- ห้องที่ 6 “เรื่องเล่าเกี่ยวกับน้ำ” ชื่อปากน้ำก็ต้องมีน้ำ ในห้องนี้จะมีวิดีโอเล่าโครงการพระราชดำริที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
- ห้องที่ 7 “ขัตติยะประการ” ห้องที่มีเนื้อหาเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ก่อนกลับอย่าลืมแวะถ่ายรูปรูปปั้นไดโนเสาร์หน้าหอชมเมืองฯ และโมเดลจำลองรถไฟสายน้ำกันล่ะ เพราะถือเป็นกิมมิกน่ารักๆ ของที่นี่เหมือนกัน
ข้อมูล
- พิกัด : 858 ถนนอมรเดช ตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
- จุดชมวิวเปิดให้ชม : วันอังคาร-อาทิตย์ 10.00-17.00 น. (เข้าชมฟรี)
- นิทรรศการเปิดให้เข้าชม : วันอังคาร-เสาร์ 10.00-17.00 น. (เข้าชมฟรี)
ปิดจบวันอย่างสวยงาม ได้เที่ยวชมทั้งธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และมูเตลูเบาๆ เป็นจังหวัดใกล้กรุงเทพฯ ที่ไม่อยากให้มองข้ามเลยจริงๆ
Tag:
travel, ที่เที่ยว, สมุทรปราการ
ความคิดเห็น