ไต้หวัน เดสติเนชันฮอตฮิตที่หลายคนอยากจะไปท่องเที่ยว ชิมอาหารกันสักครั้ง ทริปนี้เราไม่ได้ไปไทเปซึ่งเป็นเมืองหลวง แต่จะพาไปเยี่ยมชมเมือง เกาสง (Kaohsiung) เมืองทางใต้ ไปเที่ยวงาน Kaohsiung Food Show ให้เห็นกันเลยว่าไต้หวันยังมีอะไรให้ชวนกินอีกมากมาย

จากกรุงเทพฯ เดินทางด้วยเครื่องบินเพียง 3 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงสนามบิน Taoyuan ในไทเป จากนั้นเดินทางต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้า เพื่อไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูง THSR (Taiwan High Speed Rail) ใช้เวลาเดินทางจากสถานี Taoyuan ไปเมือง Kaohsiung ซึ่งอยู่ไกลกันประมาณ 400 กิโลเมตร เพียง 2 ชั่วโมงก็ถึงสถานี Zuoying ในเมือง Kaohsiung บอกเลยว่าวิ่งด้วยความเร็วสูงแต่การเดินทางนิ่งและเงียบมาก ประทับใจตั้งแต่เริ่มต้น

เกาสงเป็นเมืองไม่ใหญ่มาก ผู้คนไม่พลุกพล่าน อุดมสมบูรณ์ไปด้วยวัตถุดิบจากชุมชนเกษตรกร และการจัดการด้านอุตสาหกรรมก็เป็นไปอย่างดีเยี่ยม จึงเป็นที่มาของงาน Kaohsiung Food Show ซึ่งจะจัดขึ้นในทุกๆ ปี โดย International Trade Administration, Ministry of Economic Affairs (TITA) และ Taiwan External Trade Development Council (TAITRA) ร่วมกับ Marine Bureau of Kaohsiung City Government

จากที่พักเราเดินทางไม่ไกลมากก็ไปถึงสถานที่จัดงาน Kaohsiung Exhibition Center ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง เป็นฮอลล์ขนาดใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ภายนอกดีไซน์หรูหรา มีที่จอดรถกว้างขวางสำหรับจัดงานสำคัญต่างๆ ในงานฟู้ดโชว์ครั้งนี้มีธุรกิจมารวมตัวกันเกือบ 500 บริษัท มีทั้งบริษัทที่นำเข้าและส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ สินค้ามีทั้งสินค้าซีฟู้ดแปรรูป เครื่องดื่ม และเครื่องจักร ซึ่งทั้งหมดเป็นสินค้าจากแหล่งชุมชนของเกาสง

ภายในงานคึกคักไปด้วยผู้คนที่มาเข้าร่วมงาน และเสียงร้องเฮสนั่นจากคนที่เข้าไปร่วมเล่นเกมเพื่อชิงของรางวัลจากบูทต่างๆ งานแสดงสินค้านี้เรียกได้ว่าเป็นงานที่ไม่ใหญ่มากแต่ก็ไม่เล็กมาก เดินได้แบบสบายๆ พอดีๆ ไม่ต้องมองหาเก้าอี้เพื่อนั่งพัก เราได้เดินวนไปรอบๆ ค่อยๆ สำรวจ และได้พูดคุยกับบริษัทจากแหล่งชุมชนแรก Dashu Bee ซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับการเก็บน้ำผึ้งและสินค้าจากผึ้งที่กินน้ำหวานจากดอกไม้ ทุกขั้นตอนผ่านนวัตกรรมไบโอเทค (Biotechnology) เพื่อคุณภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น สินค้าของบริษัทนี้น่าสนใจเพราะน้ำผึ้งได้มาจากกลุ่มเกษตรกรที่เป็นระบบฟาร์มเปิด น้ำผึ้งจึงมีคุณภาพดีมาก รวมทั้งผลิตภัณฑ์จากน้ำผึ้งอื่นๆ เช่น Royal Jelly ได้จากการนำน้ำผึ้งไปฟรีซดรายแล้วนำไปสกัดจนเป็นน้ำผึ้งอีกครั้ง ซึ่งจะอุดมไปด้วยประโยชน์หลากหลาย เหมาะกับผิวพรรณ ช่วยให้ดูมีความอ่อนเยาว์ นอกจากนี้ยังมีสเปรย์พ่นคอ เซรัม และสินค้าอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย

เดินต่อมาก็สะดุดตากับบูท Mingteh Food Industry Co., Ltd. บริษัทที่ผลิตเกี่ยวกับซอสและเครื่องปรุงจากพริกของจีน ซึ่งปัจจุบันผู้สืบทอดกิจการเป็นรุ่นที่ 3 มีสินค้าที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีหลายอย่างซึ่งเห็นในบ้านเรา เช่น โต้วป้านเจี้ยง หรือ Broad Bean Paste with Chili พริกจีนที่หมักกับถั่วปากอ้า สีแดงรสเผ็ดร้อน นิยมนำมาทำอาหารจานเด็ดอย่าง Mapo Tofu หรือผัดกับถั่วต่างๆ นอกจากนี้ยังมีซอสจาจังเมียน เต้าหู้หมักในน้ำมันงา

สำรวจไปทีละอย่าง แต่ที่แปลกตาคือข้าวหมากปรุงรสด้วยน้ำผึ้ง ชิมแล้วรสชาติคล้ายกับของไทย แต่หอมอร่อยกว่า รสไม่หวานจัด ใส่ในขวดแก้วมีผ้าปิดปากขวด ดูพรีเมียม น่าซื้อน่าหยิบขึ้นมาทันที ไม่เหมือนบ้านเราที่มักใส่ถุงพลาสติก ชวนให้คิดไปว่าถ้าเราปรับแต่งรสชาติ ทำแพ็กเกจจิงดีๆ น่าจะโปรโมตเป็นซอฟต์เพาเวอร์ที่กำลังนิยมได้ไหมนี่? เพราะข้าวหมากเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่เชฟรุ่นใหม่ชอบใช้ แถมยังจัดเป็นอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ มีคุณสมบัติอินเทรนด์ทุกประการ

Hung Yu Agriculture Biotech Enterprise Ltd. เป็นอีกบูทที่เข้าไปชม บริษัทนี้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับผลไม้อบแห้งและฟรีซดราย ผลไม้นำมาจากเกษตรกรในเมือง Kaohsiung แล้วนำมาเพิ่มมูลค่าให้มากยิ่งขึ้น ผลไม้ส่วนใหญ่ก็ไม่แตกต่างจากบ้านเรา เช่น ขนุน เลมอน เปลือกส้มโอแปรรูป ไปจนถึงแพลนต์เบสที่มาในรูปแบบของกินเล่น

นอกจากบูทของบริษัทดังกล่าวแล้ว ยังมีบริษัทที่มาในคอนเซ็ปต์ Farm to Table ชื่อ Yuanshan Food Co., Ltd. เครื่องเคียงฮอตพอตต่างๆ เช่น หมูบด กุ้งบด หอยเชลล์ และของกินเล่นแช่แข็งต่างๆ ไว้สำหรับเพิ่มสีสันให้กับหม้อชาบู บริษัทนี้ขึ้นป้ายการรับรอง ISO 22000 และ HACCP ตรวจสอบมาแล้วอย่างดี เป็นสินค้าส่งออกที่ผู้ซื้อมั่นใจได้

ส่วนคนที่ชื่นชอบไส้กรอกชวนมาบูทของบริษัท Sings Kout Trading Co., Ltd. ขายสินค้าแปรรูปและอาหารแช่แข็ง เช่น ไส้กรอกหมู แฮมอบน้ำผึ้ง และซาลาเปา ผลิตในโรงงานที่มีประสิทธิภาพผ่านการรับรองความสดสะอาด มีไส้กรอกรสชาติเข้มข้นซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากของไต้หวัน

นอกจากบริษัทต่างๆ จะมาออกบูทเองแล้ว ยังมีโซนกลางที่องค์กรของรัฐบาลเกาสงรวบรวมสินค้าของเกษตรกรจากหลากหลายชุมชนเข้าไว้ด้วยกันที่บูท Marine Bureau Kaohsiung City Government มีสินค้าน่าสนใจอีกหลายรายการ เรียกว่ารัฐบาลช่วยเหลือสนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นอย่างเต็มที่

เมื่อเยี่ยมชมจนพอรู้จักสินค้าของเกษตรกรเมืองเกาสงแล้ว ก็ต้องลองสัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นบ้าง ตกเย็นจึงไปเก็บบรรยากาศที่ Ruifeng Night Market การเดินทางเรียกว่าสะดวกสบายมาก สามารถนั่งรถเมล์แอร์เย็นฉ่ำราคาไม่แพงได้ตลอดสาย ไนต์มาร์เก็ตของที่นี่คึกคักสนุกสนาน ชาวบ้านออกมาเดินกินอาหารกันขวักไขว่ ร้านขายอาหารก็มีหลากหลายชนิดตั้งแต่ร้านขายเนื้อต้มพะโล้ เนื้อย่าง ติ่มซำ รวมไปถึงหอยทอดที่ขอบอกว่ารสชาติคล้ายกับบ้านเราเลย ได้ยินเสียงคนสั่งอาหารด้วยภาษาจีนที่เราฟังไม่เข้าใจเลยแต่ก็ไม่รู้สึกแปลกแยก กลับสนุกสนานและอยากชิมนั่นชิมนี่ไปหมด

ทริปนี้เรียกว่าไม่ได้ไปเที่ยวชมเมืองหลวง แต่เกาสงก็มีเสน่ห์ของไต้หวันที่ทำให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของอาหารนานาชนิด ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ชีวิตของเมืองที่ไม่เร่งรีบ แต่ชวนให้เดินท่องเที่ยว เรียกว่าถ้าไปไทเปแล้วอยากรู้จักไต้หวันเพิ่มมากขึ้น เกาสงเป็นอีกเมืองที่น่าสนใจ

โดยเฉพาะถ้าไปช่วงที่มีงานฟู้ดโชว์ซึ่งรวบรวมผลิตภัณฑ์โดดเด่นต่างๆ ไว้ในที่เดียว มั่นใจว่าจะเป็นงานที่มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นทุกปี

Tag: travel, เทศกาลอาหาร, ไต้หวัน