อาหารกรีกเป็นตัวแทนของอาหารเมดิเตอร์เรเนียนอย่างเด่นชัด เพราะที่ตั้งของประเทศอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีแสงแดด ท้องฟ้าสีคราม อากาศบริสุทธิ์  มีพืชพรรณธัญญาหารหลากสีสัน และน้ำมันมะกอก จนเป็นที่มาของอาหารสุขภาพที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก บางคนอาจจะคิดว่าอาหารเมดิเตอร์เรเนียนเน้นพืชผัก แต่ตามจริงแล้วมีเมนูเนื้อสัตว์หลากหลายทั้งจากซีฟู้ดนานาชนิด เนื้อวัว เนื้อแกะ และมียังชีส ไวน์ ที่นำมาปรุงอาหารอร่อยได้หลากหลาย อาหารจานเนื้อมักจะต้องปรุงร่วมกับผัก ใส่สมุนไพรให้ชวนกิน ใส่ไวน์และชีสช่วยเพิ่มรส อย่างเช่น Stuffed Eggplant Greek Style เมนูนี้   เมนูนี้นำเนื้อวัวหรือเนื้อแกะมาตุ๋นกับไวน์แดงและซอสมะเขือเทศคล้ายกับซอสเนื้อหรือซอสโบโลญเนสที่ใส่สลับชั้นในลาซานญา แต่ถ้าเปลี่ยนจากแผ่นลาซานญาเป็นมะเขือม่วงย่างหรือมันฝรั่งก็จะกลายเป็นมูซากา (Moussaka) อาหารขึ้นชื่อของชาวกรีก แต่เมนูนี้กลับเอามะเขือม่วงผลใหญ่มาผ่าครึ่งอบให้สุก แล้วใส่ซอสเนื้อราดด้วยซอสเบชาเมลหรือซอสขาวสไตล์กรีกที่ใส่ไข่แดงเพื่อให้ข้น   เนื้อของมะเขือม่วงคล้ายกับมะเขือยาวบ้านเรา แต่ลผลใหญ่กลมรี ผิวสีม่วงมัน เนื้อมาก นิยมกินกันมากในประเทศตะวันออกกลาง มะเขือม่วงมีคุณค่าอาหารสูงมาก เพราะมีใยอาหาร โพแทสเซียม วิตามินซี วิตามินบี 6 และสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงหัวใจ โดยเฉพาะสารฟลาโวนอยด์และแอนโทไซยานินที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ   เมนูนี้นำซอสเนื้อมากินกับมะเขือม่วงซึ่งเป็นการกินเนื้อสัตว์กับผักได้อย่างสมดุลและรสชาติเข้ากันอย่างอร่อย ไม่อิ่มแน่นหนักท้องจนเกินไป ถ้ากลัวไม่อิ่มอาจกินพร้อมกับขนมปังปิ้งสักแผ่นซึ่งจะได้คาร์โบไฮเดรต เพิ่มผักสลัดใบเขียวอีกสักนิด และกรีกโยเกิร์ตอีกสักถ้วย   มื้อนี้ก็จะกลายเป็นมื้อสุขภาพครบชุดที่อิ่มอร่อยกำลังดี  Stuffed Eggplant Greek Style ส่วนผสม มะเขือม่วงผลใหญ่ 4 ผล เนื้อวัว/เนื้อแกะบด 500 กรัม หอมหัวใหญ่สับหยาบ 1 หัว (กลาง) กระเทียมสับ 4 กลีบ ผงอบเชย 2 ช้อนชา ออริกาโนแห้ง 1 1/2 ช้อนชา มะเขือเทศกระป๋องหั่นเต๋า 1 กระป๋อง หรือ เนื้อมะเขือเทศบด  1 กระป๋อง มะเขือเทศเข้มข้น 1/4 ถ้วย ไวน์แดง 2/3 ถ้วย พาร์สลีย์สับหยาบ เกลือ พริกไทย สำหรับปรุงรส น้ำมันมะกอก สำหรับทามะเขือม่วงและผัดซอสเนื้อ วิธีทำ ผ่าครึ่งมะเขือม่วงตามยาว ใช้มีดกรีดตามขอบของผลให้ห่างจากผิวประมาณ 1 เซนติเมตร กรีดเนื้อมะเขือม่วงเป็นตารางใหญ่ไม่ให้เนื้อขาด โรยเกลือให้ทั่ว พักไว้ประมาณ 20 นาที จะมีน้ำซึมออก ล้างให้สะอาด และใช้กระดาษซับให้แห้ง ใส่น้ำมันมะกอกประมาณ 2 ช้อนโต๊ะลงในหม้อก้นหนา ใส่หอมหัวใหญ่ผัดให้สุกใส ใส่กระเทียมผัดพอหอม ใส่เนื้อบดลงผัดพอสุก ใส่ผงอบเชย ออริกาโนแห้ง ใส่มะเขือเทศเข้มข้น และเนื้อมะเขือเทศ ผัดให้เข้ากันสักครู่ ใส่ไวน์แดง ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ผัดให้เข้ากัน (เติมน้ำได้เล็กน้อยถ้าแห้งไป) ปิดฝาเคี่ยวไฟอ่อนจนเนื้อสุกนุ่ม และน้ำขลุกขลิก ใส่พาร์สลีย์สับ พักไว้ ทาน้ำมันมะกอกบนมะเขือม่วงให้ทั่ว วางบนถาดที่ปูกระดาษฟอยล์ไว้ (ทาน้ำมันมะกอกที่กระดาษฟอยล์เล็กน้อยเพื่อเวลาอบเนื้อมะเขือจะไม่ติด) โดยคว่ำหน้ามะเขือม่วงลงและนำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 30-40 นาทีจนมะเขือม่วงสุกนุ่ม ใช้ส้อมกดเนื้อมะเขือให้ยุบลง ตักซอสเนื้อใส่ให้เต็มพูน ราดซอสเบชาเมล โรยชีสพาร์เมซานให้ทั่ว นำเข้าเตาอบประมาณ 20-30 นาทีจนชีสเหลือง กินกับสลัดผัก และขนมปัง ส่วนผสมซอสเบชาเมล เนย 2 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ นมอุ่น 2 ถ้วย ลูกจันทน์ป่น (Nutmeg) 1 ช้อนชา ไข่แดง 2 ฟอง ชีสพาร์เมซาน 1/3 ถ้วย วิธีทำ  ผัดเนยกับแป้งจนแป้งสุก ค่อยๆ ใส่นมอุ่น ใช้ตะกร้อมือคนให้ผสมกัน นมจะเริ่มข้นขึ้น ใส่ลูกจันทน์ป่น ยกลงจากเตาพักให้เย็นลง ใส่ไข่แดง และชีส คนให้เนื้อเนียนเข้ากัน เมื่อเย็นซอสจะข้นขึ้น

จานหลักของกานต์-กานต์ ทิพย์สุริย์ มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์สวนน้ำพุท่ามกลางดอกไม้ พอร์กรูลาด (Pork Roulade) เห็นเลเยอร์เป็น 3 สี เสิร์ฟในซอสที่ทำเป็นวงเลเยอร์ดุจบ่อน้ำพุ ประดับของแต่งด้วยดอกไม้คล้ายช่อของขวัญ สื่อถึงกระเช้าดอกไม้ของแทนใจในการร่วมแสดงความยินดี ส่วนผสมและวิธีทำมูสไก่ (สีขาว) เนื้ออกไก่หั่นเต๋า 200 กรัม | ครีม 80 กรัม | ไข่ขาว 20 กรัม | เกลือ 2 กรัม | พริกไทยดำเล็กน้อย ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเนียน ตักใส่ถุงบีบ พักไว้ในตู้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำมูสไก่ (สีเขียว) เนื้ออกไก่หั่นเต๋า 200 กรัม | ครีม 80 กรัม | ไข่ขาว 20 กรัม | เกลือ 2 กรัม | พริกไทยดำเล็กน้อย | ผงต้นกระเทียม (Leek Powder) 10 กรัม ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเนียน ตักใส่ถุงบีบ พักไว้ในตู้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำพอร์กรูลาด (Pork Roulade) เนื้อหมูสันใน 500 กรัม | เกลือทะเล 4 กรัม | พริกไทยดำ 2 กรัม | มูสไก่สีเขียว | มูสไก่สีขาว | ผงสาหร่ายสำหรับโรยเล็กน้อย ตัดแต่งเนื้อหมูสันในให้เป็นทรงกระบอก ปรุงรสด้วยเกลือทะเลและพริกไทยเล็กน้อย บนพลาสติกใสปาดมูสไก่สีขาวให้เรียบ จากนั้นโรยด้วยผงสาหร่ายให้ทั่ว แล้วปาดมูสไก่สีเขียว นำสันในหมูที่เตรียมไว้วางตรงกลางแล้วม้วนให้พอแน่น มัดด้วยเชือกทั้งหัวและท้าย พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาทีให้เซ็ตตัว นำลงเครื่องซูวีดอุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียส นาน 2 ชั่วโมงจนเนื้อหมูสุก ส่วนผสมและวิธีทำชิกเกนจูส์ (Chicken Jus) เนื้อไก่ 100 กรัม | บราวน์สต๊อก 500 กรัม | เรดไวน์รีดักชัน 20 กรัม | เกลือ 2 กรัม | พริกไทยดำเล็กน้อย | ทรัฟเฟิลเพสต์ 10 กรัม ผัดเนื้อไก่ในกระทะให้พอสุกมีสีเหลืองเล็กน้อย ใส่บราวน์สต๊อก ต้มต่อให้พองวด จากนั้นใส่เรดไวน์รีดักชัน ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยดำ และทรัฟเฟิลเพสต์ ชิมรสแล้วปิดไฟ ส่วนผสมและวิธีทำเจลลีบีตรูต น้ำบีตรูต 100 กรัม | ผงวุ้นอะการ์ อะการ์ 2 กรัม ผสมน้ำบีตรูตและผงวุ้นลงในหม้อ ต้มให้พอเดือด เทใส่ถาดเล็กรอจนเซ็ตตัวแล้วใช้พิมพ์วงกลมกด เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำครีมซอส นมสดรสจืด 1/2 ถ้วย | เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ | แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ช้อนโต๊ะ | เฮฟวีครีม 1/3 ถ้วย | ไวน์ขาว 1/4 ถ้วย | เกลือ 2 กรัม | พริกไทยขาว 1 กรัม | ผงนัตเมก 1 กรัม ผัดเนยจืดกับแป้งสาลีจนสุก เติมนมและเฮฟวีครีม ต้มให้เดือดแล้วใส่ไวน์ขาว ต้มต่อสักครู่ ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย และผงนัตเมก ชิมรส ปิดไฟ ส่วนผสมและวิธีทำพูเร่มันฝรั่ง มันฝรั่ง 200 กรัม | ครีม 50 กรัม | เนยจืด 50 กรัม | เกลือสมุทร 2 กรัม ปอกเปลือกและหั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นเต๋าใหญ่ นำลงต้มในน้ำเดือดประมาณ 8 นาทีจนเนื้อมันฝรั่งสุกนุ่ม นำไปบดผ่านกระชอนจนเนื้อเนียน ใส่ครีมและเนย ปรุงรสด้วยเกลือ คนให้เข้ากัน ส่วนผสมและวิธีทำเจลมะนาว น้ำมะนาว 100 กรัม | ผงวุ้นอะการ์ อะการ์ 2 กรัม | น้ำตาลทราย 10 กรัม ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ ต้มจนเดือด เทใส่ถาดแล้วรอให้เซ็ตตัว นำมาปั่นจนเนื้อเนียน ตักใส่ขวดบีบพร้อมใช้งาน ส่วนผสมและวิธีทำผักดอง น้ำส้มสายชูกลั่น 200 กรัม | น้ำตาลทราย 100 กรัม | เกลือ 10 กรัม | น้ำเปล่า 20 กรัม | มะเขือเทศเชอร์รี 1-2 ผล | แครอตหั่นแว่น 1 ชิ้น | แตงกวา 1 ผล ต้มน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่าให้พอเดือด พักให้เย็น นำผักทั้งหมดลงแช่ประมาณ 30 นาที เรียงผักให้เป็นชั้น บีบเจลมะนาวด้านบน ตกแต่งด้วยดอกไม้ให้สวยงาม เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำน้ำมันใบโหระพา ใบโหระพา 100 กรัม | น้ำมันคาโนล่า 200 กรัม ลวกใบโหระพาในน้ำเดือด ยกขึ้นสะเด็ดน้ำ นำมาปั่นกับน้ำมันคาโนล่าจนได้น้ำมันสีเขียว กรองด้วยกระชอนตาถี่ เตรียมไว้ วิธีจัดจาน บีบพูเร่มันฝรั่งให้เป็น 3 วง ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ตรงกลางจาน เริ่มจากวงด้านในสุดราดด้วยครีมซอส วงถัดมาเป็นน้ำมันใบโหระพา และวงนอกสุดเป็นซอสชิกเกนจูส์ ให้แบ่งเป็น 3 สีตัดกัน วางเนื้อหมูซูวีดตรงกลางจาน ตกแต่งรอบๆ ด้วยผักดองและเจลลีบีตรูตที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้ให้สวยงาม

ทางเลือกใหม่ของการกินบูร์ริโต นำเต้าหู้เนื้อแข็งหมักกับซอสศรีราชารสเข้มข้น เสิร์ฟคู่กับข้าวปรุงรสผสมผักชี ราดซอสรสเข้มข้นทำจากเนยถั่ว ถือกินง่ายๆ แถมได้โปรตีนแบบเน้นๆ   ส่วนผสมซอสเนยถั่ว เนยถั่ว 1/3 ถ้วย | น้ำอุ่น 1/3 ถ้วย | ซอสพริกศรีราชา 2 ช้อนโต๊ะ | กระเทียมขูด 2 กลีบ | น้ำเลมอน 1 1/2 ช้อนโต๊ะ | เกลือทะเลสำหรับปรุงรสเล็กน้อย   วิธีทำซอสเนยถั่ว ผสมเนยถั่วกับน้ำอุ่นให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ใส่ส่วนผสมที่เหลือ คนและชิมรส ส่วนผสมข้าวผสมผักชี ข้าวหอมมะลิหุงสุก 1  ถ้วย | ผักชีสับ 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำมันมะกอก 1/2 ช้อนโต๊ะ | น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ | กระเทียมขูด 2 กลีบ | เกลือทะเล | พริกป่นตามชอบ   วิธีทำข้าวผสมผักชี ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมรส ปรุงตามชอบ ส่วนผสมซัลซามะเขือเทศ เนื้อมะเขือเทศ (ไม่เอาเมล็ด) หั่นเต๋า 2 ผล | ผักชีซอย 1 ช้อนชา | เกลือทะเล 1/3 ช้อนชา | น้ำเลมอน 2 ช้อนชา | น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ | พริกไทยป่นเล็กน้อย   วิธีทำซัลซามะเขือเทศ ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ชิมรส ปรุงตามชอบ ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ชิ้น) เต้าหู้ก้อนเนื้อแข็ง (Firm Tofu) 1 ก้อน ซอสพริกศรีราชา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายแดง 1/2 ช้อนโต๊ะ ผงพริกปาปริกา 2 ช้อนชา กระเทียมขูด 2 ช้อนชา พริกหวาน 3 สีหั่นตามยาวย่าง 1/3 ถ้วย อะโวคาโดหั่นชิ้น 1 ผล        หอมแขกซอย 1/3 ถ้วย ถั่วดำ 1/3 ช้อนโต๊ะ ซัลซา 1 ช้อนโต๊ะ แผ่นแป้งตอร์ติญาโฮลวีต 2-4 แผ่น วิธีทำ นำถ้วยเปล่าหรือของที่มีน้ำหนักวางทับบนเต้าหู้ที่วางบนกระชอนเพื่อให้น้ำในเต้าหู้คลายออกประมาณ 15 นาที ซับน้ำให้แห้ง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมใหญ่ ผสมซอสพริก น้ำมันมะกอก น้ำตาลทรายแดง ผงพริกปาปริกา และกระเทียมขูดเข้าด้วยกัน นำเต้าหู้ลงคลุกให้ซอสเคลือบจนทั่ว หมักไว้สักครู่ ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ย่างเต้าหู้จนสีเหลืองสวยทั้งชิ้น ตักขึ้น พักไว้ วิธีม้วน วางข้าวตรงกลางแผ่นแป้ง เรียงเต้าหู้ พริกหวานย่าง หอมแขก อะโวคาโด ถั่วดำ และซัลซา ราดซอสเนยถั่ว จากนั้นม้วนให้แน่น ห่อด้วยกระดาษ

เป็นคนชอบกินข้าวเหนียวจี่ แต่ไม่ได้ทำ จนวันนี้อยากกินมาก ลุกขึ้นมาทำเลยจ้า   ส่วนผสม ข้าวเหนียวใหม่ 500 กรัม หัวกะทิ 5 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/4 ช้อนชา ไข่เป็ด 3-4 ฟอง ซอสหอยนางรม 2 ช้อนชา ซีอิ๊วฉูปัง 2 ช้อนชา ผงปรุงรสหมูหรือไก่ 2 ช้อนชา งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทย ตามชอบ อุปกรณ์เสริม เตาปิ้งย่าง ไม้เสียบ วิธีทำ แช่ข้าวประมาณ 5 ชั่วโมง ซาวให้สะอาด ใส่หวดนึ่งประมาณ 30 นาที กลับด้านข้าวเหนียวนึ่งต่อจนสุก ผสมกะทิกับเกลือจนเกลือละลายดี ค่อยๆ เทกะทิทีละช้อนลงบนข้าวเหนียวร้อนๆ คลุกไปเรื่อยๆ ให้ทั่วถึง (อย่ากดจนเนื้อข้าวเละ) เอามือชุบน้ำเล็กน้อย แบ่งข้าวเหนียวเป็นก้อนเท่าๆ กัน ปั้นเป็นก้อนโดยใช้ไม้เสียบเป็นแกนกลาง ปิ้งข้าวเหนียวให้เป็นสีเหลืองนิดๆ ตอกไข่ ใส่เครื่องปรุงรส ตีพอให้เข้ากัน ชุบข้าวเหนียวรอบที่ 1 คลุกงา ย่างจนไข่สุกหอม ชุบรอบที่ 2 ย่างจนสุกหอมอีกรอบ รับประทานอุ่นๆ กับตำแตง ไก่ย่าง อร่อยมากค่ะ

เมนูเด็ดร้านอาหารตามสั่งสตรีทฟู้ด คะน้าฮ่องกงลวกพอสะดุ้งคงความกรอบของผักไว้ ราดด้วยซอสผัดรสเข้มข้น หอมฉุนกลิ่นพริกกระเทียม กินคู่กับหมูกรอบชาชูให้สัมผัสที่กรุบกรอบ   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) คะน้าฮ่องกง 4-6 ต้น เนื้อหมูกรอบชาชูทอด 2 ชิ้น พริกขี้หนูหั่นแฉลบ กระเทียมซอย เกลือทะเลเล็กน้อยสำหรับคั่ว น้ำมันพืชสำหรับผัด ส่วนผสมซอส น้ำสต๊อกหมู 1/2 ถ้วย ซอสหอยนางรม 4 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ตั้งหม้อใส่น้ำเปล่า น้ำมันพืชและเกลือเล็กน้อย ต้มให้เดือด ลวกคะน้าฮ่องกงประมาณ 1 นาที ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นจัดทันที พักให้สะเด็ดน้ำ ทำซอสในหม้อใบเล็ก ใส่น้ำสต๊อกหมู ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย ต้มให้เดือดสักครู่ ให้ส่วนผสมข้นขึ้นเล็กน้อย ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ใส่พริกขี้หนูและกระเทียม เจียวให้เหลืองสวย เทน้ำมันออก ใส่เกลือแล้วคั่วต่อให้พอมีกลิ่นหอม ปิดไฟ พักไว้ จัดจานเรียงคะน้าลวก วางหมูกรอบชาชูหั่นเป็นชิ้น ราดซอสที่เตรียมไว้ โรยกระเทียมและพริกที่เจียวไว้ให้สวยงาม

เมนูที่ผสมผสานระหว่างหอยทอดและออส่วนเข้าไว้ด้วยกัน นำมาจัดวางเป็นชั้นสลับกับถั่วงอกผัดหอมกลิ่นกระทะ แป้งหอยทอดสูตรนี้กรอบเป็นพิเศษ กินคู่กับออส่วนหอยนางรมเนื้อนุ่มๆ ได้เนื้อสัมผัสทั้ง 2 แบบในจานเดียว   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เนื้อหอยแมลงภู่ 15-20 ตัว แป้งข้าวเจ้า 3 ช้อนโต๊ะ แป้งเท้ายายม่อม 1/2 ช้อนโต๊ะ แป้งทอดกรอบ 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา น้ำปูนใส 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเย็นจัด 6 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชสำหรับทอด ต้นหอมม้วนและผักชีสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม และแป้งทอดกรอบเข้าด้วยกัน เติมน้ำปูนใสและน้ำเย็นจัด คนผสมให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ใส่เนื้อหอยแมลงภู่ ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใส่กระเทียมสับผัดให้มีกลิ่นหอม วางพิมพ์วงกลมขนาด 4-5 นิ้วบนกระทะ ตักแป้งใส่ในพิมพ์ ทอดให้เหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน ส่วนผสมออส่วน หอยนางรม 1 ถ้วย แป้งมัน 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนชา น้ำเปล่า 1/3 ถ้วย ต้นหอมซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำมันพืชสำหรับผัดเล็กน้อย วิธีทำ ผสมแป้งมัน ซีอิ๊วขาว พริกไทยป่น ไข่ไก่ และน้ำเปล่า คนส่วนผสมให้ละลายเข้ากันดี ใส่หอยนางรม เตรียมไว้ ตั้งกระทะใส่น้ำมันใช้ไฟปานกลาง ตักแป้งออส่วนลงทอดให้สุกกำลังดี ตักขึ้น วิธีจัดจาน วางถั่วงอกและแป้งหอยแมลงภู่ทอดกรอบ ราดซอสพริกเล็กน้อย วางสลับกัน 3 ชั้น ท็อปด้วยออส่วน ตกแต่งด้วยผักชี ต้นหอม และพริกไทยให้สวยงาม

เนื้อลูกกวางป่าหมักกับสมุนไพร สไลซ์เป็นชิ้นบางวางบนจาน ตัดรสกับแยมลูกหม่อน รสเปรี้ยวหวาน ตกแต่งด้วยเทอร์รีนจากฟัวกราส์แช่แข็ง  ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อกวางดิบสไลซ์บาง 60 กรัม น้ำมันมะกอก 15 กรัม หอมแดง 15 กรัม ต้นหอมซอย 5 กรัม เกลือ 2 กรัม พริกไทย 2 กรัม ผิวมะนาวเล็กน้อย สำหรับตกแต่งจาน แยมลูกหม่อน ใบชิโซะ ลูกหม่อนสด เทอร์รีนฟัวกราส์ขูด (แช่แข็ง) ถั่วเฮเซลนัตขูด วิธีทำ ผสมส่วนผสมทุกอย่างเข้าด้วยกัน เตรียมไว้ วางเนื้อกวางบนจานที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยแยมลูกหม่อน ใบชิโซะ และลูกหม่อนสด   ตกแต่งด้วยเทอร์รีนฟัวกราส์ขูด และถั่วเฮเซลนัตขูดให้สวยงามแล้วเสิร์ฟทันที

มีรายการทีวีนำเสนออาหารไทยซึ่งเป็นที่นิยมทั่วโลก หนึ่งในนั้นคือต้มยำกุ้ง ทางรายการถามว่าเราเคยทำเมนูนี้ในแบบที่แตกต่างบ้างไหม…เคยจ้า…ทำต้มยำกุ้งแม่น้ำเผา เครื่องปรุง กุ้งแม่น้ำเผา 3-4 ตัว น้ำสต๊อกเปลือกกุ้ง 2 ลิตร เห็ดฟาง ตามชอบ ตะไคร้ 4 ต้น ทุบและหั่นเป็นท่อน หอมแดง 5 หัว ปอกเปลือกแล้วทุบเบาๆ ข่าหนุ่มๆ 1 แง่ง หั่นเป็นแว่นๆ ใบมะกรูดฉีกเอาเส้นกลางออก พริกขี้หนูสวน บุบเบาๆ ต้นหอม หั่นท่อนสั้นๆ ผักชี เครื่องปรุงรส น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มหมักจากสับปะรด 2 ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่มีให้เพิ่มน้ำมะขามเปียกและน้ำมะนาว) น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ ดอกเกลือชมพู 1 1/2 ช้อนชา น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ต้มน้ำสต๊อกเปลือกกุ้ง (เวลาที่บ้านซื้อกุ้งมาผัดกระเทียมหรือทำเมนูอื่นๆ เราจะเอาเปลือกมาต้มน้ำสต๊อกไว้เสมอ) ถ้าไม่มีให้ต้มน้ำสต๊อกกระดูกหมูหรือโครงไก่ ใส่ข่า ตะไคร้ หัวหอม เผากุ้งด้วยเตาถ่าน ระวังให้เปลือกกุ้งสุก หอม แต่ยังไม่ไหม้ ต้มน้ำสต๊อกให้เดือด ใส่กุ้งเผา เห็ดฟาง ใบมะกรูด ใส่เครื่องปรุงรส ชิมรสชาติ เปรี้ยวเค็มหวานตามที่ชอบ โปรยพริกขี้หนูสวน ต้นหอม ผักชี

สเต๊กปลากะพง (สำหรับ 4 ที่) เนื้อปลากะพงแล่ 1 ตัว น้ำมันพืชสำหรับทอด เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมและวิธีทำซอสกะทิแกงแดง กะปิ 1 ช้อนชา พริกแห้ง 5 เม็ด กระเทียมสับ 3 ช้อนโต๊ะ หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ ข่า 1 ช้อนโต๊ะ ตะไคร้ 1 ช้อนโต๊ะ ผิวมะกรูด 1/2 ช้อนชา พริกไทย 1/2 ช้อนชา ยี่หร่า 1 ช้อนชา ลูกผักชี 1 ช้อนชา ก้างปลา น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 2 ช้อนชา เนยจืด 50 กรัม ผักชีสำหรับตกแต่ง กะทิ 2 ถ้วย น้ำเปล่าเล็กน้อย ใส่สมุนไพรทั้งหมดลงในครก ตำจนละเอียด ใส่กะปิ ตำให้เข้ากัน เตรียมไว้ ทำซอสกะทิแกงแดงโดยผัดกะทิกับพริกแกงจนแตกมันและสุกหอม เติมน้ำเปล่า ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว ใส่หัวปลาและก้างปลาลงต้มนาน 30 นาทีแล้วกรองออก จากนั้นใส่เนยคนให้ละลาย และใส่น้ำมะนาว ตั้งกระทะไฟปานกลาง นำเนื้อปลาลงไปนาบกระทะ (Sear) กับน้ำมันเล็กน้อย พอหนังเริ่มเหลืองใส่เนย และตักเนยราดบนเนื้อปลาไปเรื่อยๆ จนสุก ส่วนผสมและวิธีทำแยมหอมหัวใหญ่ หอมหัวใหญ่สไลซ์ 2 หัว น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ เกลือและพริกไทยหยิบมือ ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใส่หอมหัวใหญ่ลงผัด ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนประมาณ 30 นาทีจนเป็นสีน้ำตาล ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย พักไว้ ส่วนผสมและวิธีทำมันบด มันฝรั่ง 2 หัว วิปปิงครีม 50 กรัม เนยจืด 50 กรัม เกลือและพริกไทยสำหรับปรุงรส ต้มมันฝรั่งจนสุก ปอกเปลือกแล้วบดผ่านตะแกรงจนเนื้อเนียน ใส่เนย ใส่วิปปิงครีม ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย จัดจานโดยนำมันฝรั่งบดปาดลงบนจาน วางสเต๊กปลา ราดซอสกะทิแกงแดง และแยมหอมหัวใหญ่ ตกแต่งด้วยผักชี

สายชีสและชอบพิซซาห้ามพลาด เปลี่ยนพิซซาแป้งแผ่นๆ มาทำในพิมพ์เค้ก ใส่ทั้งไส้ทั้งชีสให้จุกๆ ตัดตอนร้อนๆ ชีสยืดๆ กินร้อนให้ฟินสุดๆ    ส่วนผสม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ยีสต์ผง 1 ช้อนชาพูน เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำอุ่น 1/4 ถ้วย เนยสดเค็มพักให้นิ่ม 50 กรัม ชีสมอซซาเรลลาขูด 200 กรัม เนื้อวัวบด 200 กรัม ออริกาโนแห้ง 1 ช้อนชา เนื้อมะเขือเทศสับ 3/4 ถ้วย ซอสพาสตา 1/2 ถ้วย      วิธีทำ เตรียมแป้งพิซซาโดยผสมแป้งสาลี น้ำตาล ยีสต์ผง และเกลือ คนให้เข้ากัน ผสมน้ำอุ่นกับไข่ไก่ให้เข้ากัน เทใส่ส่วนผสมแป้ง นวดพอเข้ากัน ใส่เนยสด นวดต่อให้เนียน พักแป้งไว้ 20 นาทีจนแป้งขึ้น รีดแป้งให้เป็นแผ่นกรุลงในพิมพ์เค้กขนาด 1 ปอนด์ จิ้มก้นแป้งด้วยส้อมแล้ววางถ้วยกั้นไว้ พักแป้งไว้อีก 10 นาที นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 15 นาที พอแป้งสุก พักไว้ ผัดไส้เนื้อบดโดยใส่เนื้อวัวบด เนื้อมะเขือเทศสับ ซอสพาสตา ผัดให้เข้ากันจนส่วนผสมแห้ง ใส่ออริกาโนแห้ง ผัดให้หอม ยกลง ตักเนื้อบดผัดใส่แป้งพิซซาที่อบไว้โดยแบ่งใส่ 3 รอบ โรยชีสมอซซาเรลลา ทำสลับกันจนเต็มแป้งพิซซา นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 45 นาทีโดยใช้ไฟล่างจนแป้งสุกเหลือง นำพิซซาออกจากพิมพ์ ตัดเป็นชิ้น จัดใส่จาน เสิร์ฟร้อนๆ

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ไข่ต้ม 2 ฟอง บุกก้อนผสมสาหร่ายหั่นชิ้น 4-6 ชิ้น ลูกชิ้นโอเด้งประมาณ 400 กรัม ผงซุปโอเด้ง 1 ซอง น้ำเปล่า 1 ลิตร ต้นหอมญี่ปุ่นหั่นท่อน 1 ต้น วิธีทำ ตั้งหม้อต้มน้ำให้เดือด ใส่ผงซุปโอเด้งลงไป ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงต้มให้สุก ตักเสิร์ฟร้อนๆ

เบเกิลเนื้อนุ่มหนึบ วิธีทำยังนำไปต้มตามแบบฉบับดั้งเดิม โรยหน้าด้วยท็อปปิงตามชอบ และอบจนเหลือง จะทาสเปรด หรือใส่ไส้ได้ทั้งคาวและหวานตามชอบ   ส่วนผสม (สำหรับ 8 ชิ้น) น้ำอุ่น 360 มิลลิลิตร ยีสต์แห้ง 10 กรัม แป้งขนมปัง 520 กรัม น้ำตาลทราย 10 กรัม เกลือป่น 6 กรัม น้ำมันพืชสำหรับทาชามเหล็ก ไข่ขาว 1 ฟอง ส่วนผสมสำหรับน้ำต้ม น้ำ 2 ลิตร น้ำผึ้ง 60 กรัม ส่วนผสมสำหรับโรยหน้า เช่น งา กระเทียมสับ เมล็ดป๊อปปี้ ชีส ฯลฯ วิธีทำ เตรียมแป้งโดยผสมน้ำอุ่นกับยีสต์ให้เข้ากัน เทใส่โถผสม ใส่แป้ง น้ำตาลทราย และเกลือ ใช้หัวตีตะขอตีด้วยความเร็วต่ำประมาณ 2 นาที จนแป้งแข็งตัวและแห้ง เทแป้งลงบนโต๊ะที่โรยด้วยแป้งนวล ใช้มือนวดนานประมาณ 4-5 นาที นำแป้งใส่ในถ้วยเหล็กที่ทาด้วยน้ำมัน คลุมด้วยผ้าเปียก หรือพลาสติกแร็ป พักไว้ที่อุณหภูมิห้องนาน 60-90 นาที จนแป้งฟูขึ้นสองเท่า วางแผ่นซิลิโคนหรือกระดาษไขบนถาดอบ เมื่อแป้งฟูใช้มือนวดไล่อากาศออก แบ่งแป้งเป็น 8 ชิ้นเท่าๆ กัน ปั้นให้เป็นลูกบอล เจาะรูตรงกลาง และขยายแป้งออกให้เป็นวงเบเกิล พักแป้งไว้บนถาด คลุมด้วยพลาสติก ต้มน้ำกับน้ำผึ้งให้เดือด ใส่เบเกิลลงต้มครั้งละ 2-4 ชิ้น ต้มในน้ำเดือดไฟอ่อนๆ ต้มข้างละ 1 นาที แล้วจึงพลิกด้าน ตักขึ้นทาด้วยไข่ขาว โรยท็อปปิงตามชอบ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 215 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-25 นาที (อบครบ 10 นาที ให้หมุนถาดเพื่อให้เบเกิลมีสีสวยสม่ำเสมอ) อบจนสุก ยกลง และพักเบเกิลบนตะแกรง เมื่อจะเสิร์ฟให้สไลซ์ครึ่งและอุ่นในเตาอบอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียสประมาณ 3-5 นาที ทาด้วยครีมชีส สเปรดที่ชอบ หรือใส่ไส้ เช่น แซลมอนรมควัน อะโวคาโด ทาแยม หรือเนยถั่ว ได้ตามชอบ  

วันแม่ปีนี้ลองทำเมนูเพื่อสุขภาพ อย่างสมูทตีโบลว์ให้คุณแม่ทานกันไหม? เสริมความหวานแหว่วด้วยสีผสมอาหารสีฟ้าให้เข้ากับเทศกาล รับรองว่ากินแล้วประทับใจไม่รู้ลืม   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) กล้วยหอมหั่นชิ้นแช่แข็ง 3 ผล นมสดรสจืด 1/2 ถ้วย โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 1 ถ้วย (135 กรัม) สีผสมอาหารสีน้ำเงิน 1 1/2   ช้อนชา ของตกแต่ง : สตรอว์เบอร์รี กีวี บลูเบอร์รี กราโนลา ดอกไม้กินได้ ใบสะระแหน่ วิธีทำ ใส่กล้วยหอมแช่แข็ง นมสด และโยเกิร์ตลงในโถปั่น ใส่สีผสมอาหารสีน้ำเงิน เปิดเครื่องปั่น ปั่นให้ส่วนผสมละเอียดเนียน เทส่วนผสมใส่ชาม ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี กีวี บลูเบอร์รี กราโนลา ดอกไม้กินได้ และใบสะระแหน่  

  ฤดูฝนแบบนี้อะไรจะดีไปกว่าการได้นั่งล้อมวงกินหม้อไฟรสแซ่บร้อนๆ ท่ามกลางอากาศเย็น โดยสูตรนี้จะจัดจ้านไปด้วยเครื่องเทศ ส่วนตัวเกี๊ยวไส้แน่นเต็มปากเต็มคำ อิ่มอร่อยได้ทั้งแก็งค์   ส่วนผสม (สำหรับ 5 ที่) เนื้อไก่บด 500 กรัม เนื้อกุ้งสด 300 กรัม      สามเกลอตำละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ แป้งเกี๊ยวซ่า 100 กรัม ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา น้ำมันงา 1 ช้อนชา แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก 4 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1/4 ถ้วย น้ำสต๊อกไก่ 5 ถ้วย น้ำพริกเผาปรุงรส น้ำพริกเผา 3 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูแห้ง 5-6 เม็ด หอมแดงหั่นหยาบ 4 หัว        กระเทียม 5-6 กลีบ กุ้งแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ ถั่วลิสงคั่วบด 1/4 ถ้วย น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ เครื่องปรุงอื่นๆ ต้นหอม ผักชีซอย 1/2 ถ้วย มะนาวผ่าซีก 2 ผล กระเทียมเจียว 1/4 ถ้วย วิธีทำ ผสมเนื้อไก่บด สามเกลอตำ น้ำมันงา ซีอิ๊วขาว แป้งข้าวโพด และเกลือ คลุกให้เข้ากัน หมักไว้ ทำน้ำพริกเผาปรุงรสโดยคั่วหอมแดง กระเทียม และพริกขี้หนูแห้งให้สุกหอม นำมาตำให้ละเอียด ผัดเครื่องที่ตำกับน้ำมันให้หอม ใส่น้ำพริกเผา กุ้งแห้งป่น ถั่วลิสง ผัดต่อให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลและเกลือ ผัดให้เข้ากัน นำแป้งเกี๊ยวมาห่อส่วนผสมไก่ ห่อแบบเกี๊ยวซ่า นำไปลวกให้สุก ตักขึ้นคลุกกับน้ำมันกระเทียมเจียวเตรียมไว้ ตั้งหม้อน้ำสต๊อกให้เดือด ใส่น้ำพริกเผาปรุงรส ใส่น้ำมะนามเปียก และน้ำปลา ต้มให้เดือด ใส่กุ้งสด ต้มจนสุก ยกลง  ใส่เกี๊ยวลวกในชาม ตักน้ำซุปพร้อมกุ้งราดให้ทั่ว โรยต้นหอม ผักชีซอย และกระเทียมเจียว เวลารับประทาน บีบน้ำมะนาวใส่     

  ส้มตำรสจัดจ้านซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน มะละกอฝานเป็นเส้นบางและใหญ่ ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า โรยเม็ดกระถินสีเขียวรสมัน   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) มะละกอดิบฝานประมาณ 2 ถ้วย พริกขี้หนู 5 เม็ด กระเทียมไทย 10 กลีบเล็ก มะเขือเทศ 3 ผล มะกอก 1 ล                                มะเขือเหลือง 2 ผล ปูนาดอง 2 ตัว น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ มะนาว 1 ผล กะปิ 1 ช้อนชา เม็ดกระถินปริมาณตามชอบ วิธีทำ ตำพริกและกระเทียมในครกให้พอแหลก หั่นมะเขือเทศ มะกอก และมะเขือเหลืองใส่ ตำพอแหลก ใส่ปูนา น้ำปลาร้า น้ำตาลปี๊บ กะปิ และมะนาว (บีบน้ำมะนาวและใส่เปลือกมะนาวลงไปด้วย) คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมและปรุงรสเพิ่มตามชอบ ใส่มะละกอ ตำและเคล้าให้พอเข้ากัน ตักใส่จาน โรยเม็ดกระถิน เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวนึ่ง

  พาสตาจานโปรดของครอบครัว ราวิโอลีหรือเกี๊ยวสไตล์อิตาลีไส้ชีสและเห็ด ผัดพร้อมกับเนยสด เติมกลิ่นหอมสดชื่นของน้ำเลมอน เสิร์ฟพร้อมเลมอนย่าง ได้รสเปรี้ยวพอเหมาะลงตัว   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนยจืด 1/4 ถ้วย เลมอนสไลซ์ 4 ชิ้น        กระเทียมสับ 1/2 ช้อนโต๊ะ ราวิโอลี 250 กรัม น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเล และพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรส อิตาเลียนพาร์สลีย์สับเล็กน้อย ผิวเลมอนหั่นเส้น และใบสะระแหน่สำหรับโรยหน้า วิธีทำ ใส่เนยลงในกระทะเล็กน้อยพอให้ละลาย ใส่เลมอนสไลซ์ลงย่างให้มีสีเหลืองทอง และมีกลิ่นหอม ตักขึ้นพักไว้ ต้มน้ำให้เดือด ใส่ราวิโอลีลงต้มให้สุก (ตามเวลาที่กำหนดไว้ข้างซอง) เมื่อสุกตักขึ้น (เก็บน้ำต้มพาสตาไว้) ในกระทะใบเดิมใส่เนยที่เหลือลงไป ใส่กระเทียมลงผัดพอให้มีกลิ่นหอม ใส่ราวิโอลีต้มสุกลงไปผัด เติมน้ำต้มพาสตาประมาณ 1/4 ถ้วย ใส่น้ำเลมอน ปรุงรสด้วยเกลือ และพริกไทย ถ้าแห้งให้เติมน้ำต้มพาสตา ผัดให้มีน้ำขลุกขลิก ตักขึ้นใส่จาน โรยผิวเลมอน และอิตาเลียนพาร์สลีย์สับ ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ เสิร์ฟพร้อมเลมอนย่าง และกินร้อนๆ

  เมนูผักอบที่เหมาะเป็นเครื่องเคียงคู่กับเมนูต่างๆ ใช้ผักสีรสหวานสวยอย่างซุกกินี และมะเขือเทศรสเปรี้ยวอมหวานสไลซ์บางๆ เรียงบนถาดอบ ราดน้ำมันมะกอก โรยชีสผสมเกล็ดขนมปังป่นให้รสเค็มๆ และเนื้อสัมผัสกรุบกรอบ   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ซุกกินี 3-4 ผล มะเขือเทศ 4-6 ผล        น้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ เกล็ดขนมปังป่น 1 ถ้วย ชีสพาร์เมซานขูด 1/2 ถ้วย ออริกาโนป่น และไทม์ป่นอย่างละเล็กน้อย เกลือทะเล และพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรส วิธีทำ สไลซ์ซุกกินีและมะเขือเทศเป็นแว่นหนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร วางเรียงสลับกันในถาดอบให้สวยงาม ราดน้ำมันมะกอก โรยเกลือ และพริกไทยให้ทั่ว ผสมเกล็ดขนมปังป่นกับชีสพาร์เมซานขูด ออริกาโน และไทม์ พักไว้ นำซุกกินีเข้าเตาอบอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที ยกออกจากเตา โรยเกล็ดขนมปังที่ผสมไว้ให้ทั่ว อบต่ออีกประมาณ 15 นาทีจนผักสุกและเกล็ดขนมปังมีสีเหลืองทอง

  คนที่เรียกตัวเองว่ากินอาหารสายคลีนฟู้ด แน่นอนว่าหลักการสำคัญคืออาหารต้องไม่ผ่านการปรุงแต่ง เป็นอาหารจากธรรมชาติ ถ้าสดจากไร่มาเสิร์ฟบนจานอาหารได้น่าจะดีที่สุด   วิธีการปลูกควรเป็นออร์แกนิก ไม่ใส่ปุ๋ยสารเคมีก็จะยิ่งรู้สึกคลีน ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ก็ต้องเป็นสัตว์ที่เลี้ยงอย่างอิสะเสรี ไม่ใช่ในฟาร์มปิด เดินในท้องทุ่งและได้รับแสงแดดจากธรรมชาติ ถ้าเป็นเนื้อสัตว์ที่กินหญ้าอย่างกราสเฟ็ด (Grass Fed) ย่อมดีกว่าแน่นอน   ชาวคลีนฟู้ดจึงต้องกินอาหารจากธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งทั้งวิธีการทำ และปรุงแต่งรสชาติน้อยที่สุด จนบางคนอาจถามว่าแล้วเมนูของหวานจะกินได้ไหม และควรกินอะไร   ผู้เชี่ยวชาญสายคลีนบอกว่าเมนูของหวานนั้นก็ใช้หลักการเดียวกันคือปรุงแต่งน้อยที่สุด ไม่กินน้ำตาลแปรรูปทุกชนิด และได้รสหวานจากธรรมชาติ เช่น รสหวานจากผลไม้ดีที่สุด ถ้าจะกินน้ำตาลก็ควรเป็นน้ำผึ้งหรือเมเปิลไซรัป ถ้าเทียบน้ำตาลของบ้านเรา น้ำตาลโตนดหรือน้ำตาลมะพร้าวน่าจะได้ แต่ไม่ควรมากเกินไป   ถ้ากินรสหวานจากผลไม้เป็นหลักก็น่าจะดีอยู่ แต่ถ้าอยากจะสร้างสรรค์กินเมนูให้แปลกออกไปบ้างก็ต้องไม่ปรุงแต่งมาก อย่างเช่น Oats Pie with Berries หรือพายข้าวโอ๊ตกับเบอร์รีนี้   เมนูนี้น่าสนใจมากเพราะนำของที่ได้ชื่อว่าสุขภาพมาจัดแต่งให้เป็นเมนูที่น่ากิน และไม่ต้องผ่านความร้อนเลย ฐานพายใช้ข้าวโอ๊ตแช่ในน้ำนม จะเป็นนมสด นมอัลมอนด์ หรือนมมะพร้าวก็ได้ ควรแช่ค้างคืนไว้จนข้าวโอ๊ตดูดน้ำนมจนพองเนื้อแน่น แล้วนำมาใส่ถาดเกลี่ยเป็นฐานพายได้ ใส่น้ำผึ้งเพิ่มความหวานเล็กน้อย   ข้าวโอ๊ตนี้มีประโยชน์มากเพราะมีเส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ชนิดละลายน้ำจะช่วยลดการสร้างและชะลอการดูดซึมคอเลสเตอรอล ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวาน ข้าวโอ๊ตยังมีกากใยชนิดไม่ละลายน้ำจึงช่วยเรื่องท้องผูกได้อย่างดี ถ้าใช้นมอัลมอนด์จะเพิ่มพลังสุขภาพมากขึ้น เพราะอัลมอนด์มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง และการแช่ข้าวโอ๊ตให้นุ่มจะย่อยได้ดีกว่า   เมื่อได้ข้าวโอ๊ตแช่นมเป็นฐานพายเนื้อนุ่มแล้ว ชั้นต่อมาซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นครีมชีสให้ใช้กรีกโยเกิร์ตแทน กรีกโยเกิร์ตเนื้อจะแน่นหนักกว่าโยเกิร์ตทั่วไป รสเปรี้ยวครีมมี่กว่า ปาดหน้าเป็นชั้นครีมได้สะดวกมาก และแน่นอนว่ามีจุลินทรีย์พรีไบโอติกส์ที่ช่วยทำความสะอาดลำไส้ได้เป็นอย่างดี และยังมีแคลเซียมสูง ส่วนผลไม้โรยหน้าใช้เบอร์รีชนิดต่างๆ เช่น สตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รี บลูเบอร์รีที่มีวิตามินเอช่วยบำรุงสายตาได้เต็มเปี่ยม จะเพิ่มสีผลไม้ให้ตัดกันชวนกินอย่างกีวีหรือส้มที่มีวิตามินซีก็ได้   เมนูนี้จึงเข้าหลักการของสายคลีนฟู้ดที่ไม่เพียงน่ากินเท่านั้น แต่ชวนทำด้วยเพราะทำได้ง่ายมาก   Oat Pie with Berries ส่วนผสม ข้าวโอ๊ต 2 ถ้วย เมล็ดเจีย 3 ช้อนโต๊ะ นมอัลมอนด์ 2 ถ้วย น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะ วานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ กรีกโยเกิร์ตประมาณ 2 ถ้วย เกลือเล็กน้อย ผลไม้ เช่น กีวี เบอร์รีต่างๆ ตามชอบ หั่นชิ้นเล็กให้สวยงาม วิธีทำ ผสมข้าวโอ๊ต เมล็ดเจีย นมอัลมอนด์ น้ำผึ้ง วานิลลา และเกลือ คนให้เข้ากัน ตักใส่ถาดแล้วปาดหน้าให้เรียบ ปิดด้วยแร็ปแล้วนำไปแช่ตู้เย็นค้างคืนไว้ หรืออย่างน้อย 3 ชั่วโมงจนกว่าเนื้อข้าวโอ๊ตจะนุ่มพองอยู่ตัว ตักกรีกโยเกิร์ตปาดหน้าบนข้าวโอ๊ต วางผลไม้ให้สวยงาม ปิดด้วยแร็ปแล้วนำไปแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ

จากความตั้งใจเริ่มแรกที่เพียงแค่อยากทำอาหารตามที่ใจรัก จนกลายเป็นเชฟมืออาชีพเต็มตัวที่พิสูจน์ความสำเร็จผ่านการแข่งขันทำอาหารมากมาย รวมทั้งการคว้าตำแหน่งรองแชมป์รายการ Top Chef Thailand ทำให้เธอกลายเป็นขวัญใจของเหล่านักชิม ตอนนี้เป้าหมายต่อไป “เชฟเมย์ - พัทธนันท์ ธงทอง” คือการนำความอร่อยของชาวเอเชีย รวมทั้งรสชาติแบบไทยๆ มาผสมผสานกับอาหารนานาชาติไปสู่วงการอาหารระดับโลก     “ส่วนตัวเมย์คิดว่าอาหารเอเชียคือเทรนด์ที่มาแรง รสชาติเผ็ดจัดจ้าน มีความสไปซีทรอปิคอล จะเห็นว่า อาหารฝรั่งนำไปผสมผสานเยอะขึ้นมากในช่วงหลังๆ มานี้ เพราะความเผ็ดร้อนที่กลมกล่อม มีหลายระดับตามแต่ละสายพันธุ์ของพริก ซึ่งเป็นเสน่ห์ของรสชาติอาหารในฝั่งเอเชีย   ตัวเราเป็นคนเหนือแท้ๆ เลยมักหยิบวัตถุดิบท้องถิ่นในภาคเหนือมาประยุกต์ใช้ อยากให้คนรู้จักรสชาติจากภูมิปัญญาท้องถิ่น และถือเป็นการยกระดับอาหารบ้านเกิดด้วย เหมือนที่เราออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างน้ำพริกส็อก พูดง่ายๆ คือ Spicy Tomato Paste แบบไทยๆ มีความนัวของปลาร้ากะปิ ความเปรี้ยวหวานจากมะเขือเทศ ซึ่งสามารถเปิดกินได้เลย ทำเป็นดิปซอส หรือนำไปเป็นส่วนผสมในการทำอาหารอื่นๆ ก็ได้ ในอนาคตเมย์อยากให้ประเทศไทยมีน้ำพริกหรือซอสแบบนี้เป็นตัวแทนรสชาติของคนไทยที่คนทั่วโลกรู้จักค่ะ”   สำหรับเมนูที่บ่งบอกความเป็นตัวตนซึ่งเชฟเสิร์ฟให้เราในวันนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ “ทวิสต์” อย่างเต็มเปี่ยม เพราะ “ริซอตโตหมึกดำ” จานนี้ หากใครได้ชิมเป็นต้องเซอร์ไพรส์ในรสชาติความอร่อยที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน   “เมนูนี้นำรสชาติแบบไทยมาผสมอิตาเลียนตอนใต้ หมึกดำรสชาติเข้มข้นจัดจ้าน มีพริกแห้งเป็นส่วนผสม เราใช้ปลาหมึกสดจากชาวประมงพื้นบ้านส่งตรงจากทะเล ซึ่งจะได้ความสดและกรอบ เราแยกทำสองส่วน ริซอตโตปรุงแบบสไตล์อิตาเลียน ส่วนปลาหมึกและดีหมึกผัดเคี่ยวกับพริกแห้งและน้ำตาลมะพร้าวแบบไทยๆ จานนี้บ่งบอกตัวตนของเราอย่างแท้จริง ที่ถึงแม้จะไปเรียนทำอาหารที่อิตาลี แต่ก็ยังมีรากเหง้าของความเป็นไทยอยู่เสมอ   เอกลักษณ์ของเมย์คือ การทำอาหารฝรั่งแบบ Western Based ผสมผสานกับสไตล์เอเชียนทวิสต์ นี่คือซิกเนเจอร์ที่เราภาคภูมิใจนำเสนอ (ยิ้ม)”     ริซอตโตหมึกดำ (Black Squid Ink Risotto) ส่วนผสม  (สำหรับ 1-2 ที่) ปลาหมึกสด 300 กรัม รากผักชี 1 ราก หอมแดง 3 หัวเล็ก ตะไคร้ 1 ต้น น้ำตาลมะพร้าว 15 กรัม ซีอิ๊วขาว 10 กรัม พริกไทยดำ 1 หยิบมือ น้ำเปล่า 20 กรัม น้ำมัน (สำหรับผัด) ส่วนผสมริซอตโต ข้าวริซอตโตหุงสุก 150 กรัม เกลือ 1/8 ช้อนชา น้ำตาล 1/4 ช้อนชา พริกไทยดำ 1 หยิบมือ น้ำสต๊อก 50 กรัม น้ำเลมอน 3/4 ช้อนชา เนย 10 กรัม พริกแห้งหั่นเล็ก 1 เม็ด หมึกดำ ผิวเลมอน วิธีทำ สำหรับปลาหมึก ตั้งไฟให้ร้อน ใส่น้ำมันลงไปผัดตะไคร้ หอมแดง รากผักชี ให้หอม ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงไปเคี่ยวตามด้วยปลาหมึก ตอนผัดต้องใช้ไฟแรงเพื่อให้ปลาหมึกสุกกรอบ ไม่เหนียว ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใส่พริกแห้งลงไปคั่ว ตามด้วยข้าวริซอตโตหุงสุก น้ำสต๊อก และเครื่องปรุงทุกอย่าง ยกเว้นน้ำมะนาว ผัดให้เข้ากัน ตามด้วยเนยสด คนจนละลายเข้ากันดี ปรุงรสด้วยน้ำมะนาวและผิวเลมอนเป็นลำดับสุดท้าย

  ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) มะเขือม่วงผลขนาดกลาง 2-3 ผล แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย ไข่ไก่ตีให้เข้ากัน 1 ฟอง เกล็ดขนมปังป่น 1 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับทอด และพาร์สลีย์สับสำหรับโรยหน้า ส่วนผสมและวิธีทำน้ำจิ้ม ซอสพอนสึยูซุ 1/4 ถ้วย และผิวเลมอนขูด 1 ช้อนชา ทำน้ำจิ้มโดยผสมทุกอย่างให้เข้ากัน วิธีทำ หั่นมะเขือม่วงเป็นแว่นหนาประมาณ 0.5 เซนติเมตร แช่ในน้ำใส่เกลือเล็กน้อย พักไว้ประมาณ 5 นาที ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ โรยแป้งสาลีให้ทั่วชิ้นมะเขือม่วง ตบแป้งออกเบาๆ ชุบไข่ และเกล็ดขนมปัง กดเบาๆ ให้เกล็ดขนมปังติดทั่ว ทอดมะเขือม่วงในน้ำมันร้อนท่วม ใช้ไฟปานกลางจนเกล็ดขนมปังเป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดมะเขือม่วงใส่จาน โรยพาร์สลีย์สับ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซอสพอนสึ