ขนมหม้อแกงถั่วเนื้อเนียน หัวใจของความอร่อยอยู่ที่คุณภาพของน้ำตาลที่ใช้ และความหอมของน้ำมันเจียวหอมที่ผิวหน้า ส่วนผสม ถั่วเขียวเราะเปลือก 75 กรัม ไข่เป็ด 3 ฟอง น้ำตาลมะพร้าว 150 กรัม กะทิ 350 กรัม เกลือ 1/4 ช้อนชา ใบเตย 2-3 ใบ หอมแดง 3-4 หัว น้ำมันพืชสำหรับเจียวหอม วิธีทำ ล้างและแช่ถั่วเขียว 1 ชั่วโมง แล้วนำไปนึ่ง 30 นาที ซอยหอมแดงทางขวางเพื่อให้มีลักษณะเป็นแว่น ใส่หม้อ ใส่น้ำมันแค่พอท่วม ตั้งไฟเจียวจนสีสวย พักไว้ เก็บน้ำมันเจียวหอมไว้สำหรับทาหน้า ขยำไข่เป็ดกับน้ำตาลมะพร้าวและเกลือด้วยใบเตย กรองให้เนียนดี ปั่นถั่วเขียวนึ่งสุกกับกะทิ ใส่ส่วนผสมไข่และน้ำตาลลงไป ผสมให้เข้ากัน นำส่วนผสมใส่ถ้วยอบ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส นาน 35 นาที นำออกจากเตาอบ ทาหน้าด้วยน้ำมันเจียวหอม อบต่อ 5 นาที พักให้เย็นลง โรยหน้าด้วยหอมเจียว

ภาคตะวันออกของบ้านเรามีเสน่ห์ที่ใครๆ ก็อยากไปเที่ยว เพราะมีทะเลสวยงาม มรดกทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เทศกาลผลไม้ที่รวมผลไม้นานาชนิด และอาหารทะเลท้องถิ่นที่น่าสนใจ จนได้ฉายาว่า “สวรรค์นักกิน”   G&C มีขนมหวานหากินยากและอร่อยของภาคตะวันออกซึ่งซ่อนตัวอยู่มาให้ชวนชิมอย่าง ขนมเขียว ขนมของจังหวัดปราจีนบุรี ขนมนี้เหมือนกับขนมปากหม้อ แป้งใสบางเนื้อนุ่มหนึบสีเขียว หอมกลิ่นใบเตย ไส้ถั่วซีกคลุกกับน้ำตาลและมะพร้าว   ขนมหากินยาก ทำตามได้ง่าย รับรองว่าอร่อยเหมือนได้ไปเยือนถึงถิ่น   ขนมเขียว ส่วนผสมไส้ถั่ว ถั่วเขียวเราะเปลือกนึ่งสุก 350 กรัม น้ำตาลทราย 100 กรัม มะพร้าวขูด 100 กรัม เกลือทะเล 1/2 ช้อนชา วิธีทำไส้ถั่ว ใส่ส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากัน ชิมแล้วปรุงตามชอบ ส่วนผสม แป้งข้าวเจ้า 160 กรัม แป้งมันสำปะหลัง 80 กรัม แป้งเท้ายายม่อม 10 กรัม น้ำตาลทราย 80 กรัม น้ำปูนใส 400 มิลลิลิตร น้ำใบเตยเข้มข้น 300 มิลลิลิตร เกลือ 1/4 ช้อนชา วิธีทำ ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน แป้งเท้ายายม่อม ค่อยๆ ใส่น้ำใบเตยกับน้ำปูนใส นวดให้เป็นแป้งโดประมาณ 5 นาที ใส่น้ำปูนใสและน้ำใบเตยที่เหลือจนหมด ใส่น้ำตาลทรายและเกลือ คนส่วนผสมให้เข้ากัน ใส่น้ำลงในหม้อแล้วคลุมปากหม้อด้วยผ้าโทเรชุบน้ำ จากนั้นรัดปากหม้อแล้วใช้มีดเจาะรูบนผ้า 1 รูเพื่อเปิดช่องไอน้ำ ต้มให้น้ำเดือด ปิดฝา รอให้ผ้าร้อน ตักแป้งราดลงบนผ้าเกลี่ยเป็นแผ่นบางๆ ปิดฝา รอให้แป้งสุก ตักไส้ใส่ตรงกลางแป้งแล้วพับครึ่ง ตักใส่จานเสิร์ฟ จัดเรียงให้สวยงาม  

ภาคตะวันออกของบ้านเรามีเสน่ห์ที่ใครๆ ก็อยากไปเที่ยว เพราะมีทะเลสวยงาม มรดกทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เทศกาลผลไม้ที่รวมผลไม้นานาชนิด และอาหารทะเลท้องถิ่นที่น่าสนใจ จนได้ฉายาว่า “สวรรค์นักกิน”   วันนี้ G&C มีขนมหวานหากินยากและอร่อยของภาคตะวันออกซึ่งซ่อนตัวอยู่มาให้ชวนชิม อย่าง ขนมโบ๋ ขนมหากินยากของจังหวัดจันทบุรี ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมกับน้ำด่างกินกับน้ำตาลเคี่ยว กระเทียมเจียว และพริกไทย    ขนมหากินยาก ทำตามได้ง่าย รับรองว่าอร่อยเหมือนได้ไปเยือนถึงถิ่น   ขนมโบ๋ ส่วนผสม แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วย แป้งมัน 1 ถ้วย น้ำอุ่น 2 1/2 ถ้วย ผงด่างสำหรับทำเส้นบะหมี่ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลอ้อย 1 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย กระเทียมเจียวและพริกไทยป่นเล็กน้อย   วิธีทำ ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และน้ำอุ่นเล็กน้อย นวดให้เป็นแป้งโดประมาณ 5 นาที (เพื่อให้เนื้อขนมหนึบ) ใส่น้ำส่วนที่เหลือ คนส่วนผสมให้ละลายเข้ากัน ใส่ผงด่าง คนให้เข้ากันอีกครั้ง นึ่งถ้วยตะไลให้ร้อนประมาณ 5 นาที ตักส่วนผสมใส่ให้เต็มถ้วย นึ่งด้วยไฟปานกลางค่อนข้างแรงประมาณ 5 นาทีจนขนมยุบตัวและสุก พักไว้ให้หายร้อนเล็กน้อย เคี่ยวน้ำตาลอ้อย น้ำตาลทรายแดง และน้ำเปล่าให้ข้นเล็กน้อย พักไว้ให้หายร้อน วางขนมใส่จานเสิร์ฟ ราดน้ำตาลเคี่ยว โรยกระเทียมเจียวและพริกไทยป่นเล็กน้อย

ภาคตะวันออกของบ้านเรามีเสน่ห์ที่ใครๆ ก็อยากไปเที่ยว เพราะมีทะเลสวยงาม มรดกทางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ เทศกาลผลไม้ที่รวมผลไม้นานาชนิด และอาหารทะเลท้องถิ่นที่น่าสนใจ จนได้ฉายาว่า “สวรรค์นักกิน”   วันนี้ G&C มีขนมหวานหากินยากและอร่อยของภาคตะวันออกซึ่งซ่อนตัวอยู่มาให้ชวนชิม อย่าง ขนมบันดุก ขนมโบราณของจังหวัดตราด ทำจากข้าวสารกับน้ำใบเตยและน้ำปูนใสคล้ายกับขนมเปียกปูน กินคู่กับน้ำตาลเคี่ยวและถั่วลิสงคั่ว   ขนมหากินยาก ทำตามได้ง่าย รับรองว่าอร่อยเหมือนได้ไปเยือนถึงถิ่น   ขนมบันดุก ส่วนผสม ข้าวสาร (แช่น้ำข้ามคืน) 1 ถ้วย น้ำปูนใส 1 1/2 ถ้วย น้ำใบเตยเข้มข้น 2 ถ้วย แป้งข้าวเจ้า 1 1/2 ถ้วย แป้งมัน 1/2 ถ้วย น้ำตาลมะพร้าว 1 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย น้ำมะพร้าวอ่อน 1 ถ้วย ใบเตย 2-3 ใบ ถั่วลิสงคั่วป่นหยาบ   วิธีทำ ปั่นข้าวสารกับน้ำปูนใสให้เนื้อเนียนละเอียด กรองผ่านกระชอนเทลงใส่กระทะ ใส่น้ำใบเตย แป้งข้าวเจ้า และแป้งมัน คนส่วนผสมให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟปานกลางเคี่ยวให้ส่วนผสมข้นนาน 5-10 นาที ตักใส่ถาดหรือพิมพ์ขนาดตามชอบ พักไว้ให้เย็น ผสมน้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทรายแดง และน้ำมะพร้าว ใส่ใบเตย นำไปตั้งไฟเคี่ยวให้ส่วนผสมข้น พักให้หายร้อน ตักขนมใส่จานเสิร์ฟ แล้วราดด้วยน้ำตาลเคี่ยว โรยถั่วลิสงคั่ว

G&C มีของหวานอร่อยและทำตามได้ง่ายๆ โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ถั่วและธัญพืชจากไร่ทิพย์ เมล็ดสวย สะอาดและมีคุณภาพ นำมาทำเมนูพุดดิงเมล็ดแมงลักสตรอว์เบอร์รี พุดดิงเนื้อเนียนกินคู่กับซอสสตรอว์เบอร์รีผสมกับเมล็ดแมงลัก รสเปรี้ยวหวานกำลังดี มีเมล็ดแมงลักให้เคี้ยวเพลินๆ   ส่วนผสม  แยมสตรอว์เบอร์รี 1 ถ้วย  เมล็ดแมงลัก ตราไร่ทิพย์ (แช่น้ำจนพอง) 1/2 ถ้วย  วิปปิงครีม 2 ถ้วย  นมรสจืด 1/2 ถ้วย  น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย        เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา  กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา  เจลาตินแช่น้ำ 3 แผ่น  สตรอว์เบอร์รีสด เนื้อส้ม ผิวส้ม และแยมสตรอว์เบอร์รี สำหรับตกแต่ง วิธีทำ  ผสมแยมสตรอว์เบอร์รีและเมล็ดแมงลักให้เข้ากัน ตักใส่แก้วเสิร์ฟ 1/4 ของแก้ว พักให้เซ็ตตัวในตู้เย็นสักครู่  อุ่นนมกับวิปปิงครีม น้ำตาลทราย เกลือ และกลิ่นวานิลลา คนส่วนผสมให้เข้ากัน ต้มให้พออุ่น ใส่แผ่นเจลาติน พักไว้ให้หายร้อน เทใส่แก้วเสิร์ฟประมาณ 3/4 ของแก้ว พักไว้ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว  ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีสด เนื้อส้ม ผิวส้ม และแยมสตรอว์เบอร์รีให้สวยงามตามชอบ 

เมื่อเมนูคาวแปลงร่างเป็นของหวาน! สปาเก็ตตี้แพนเค้ก เส้นแพนเค้กนุ่มๆ ออนท็อปด้วยวิปครีมและสตอรว์เบอร์รีสด น่าอร่อยไม่ซ้ำใครเลย   ส่วนผสม ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 2 ฟอง น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/8 ช้อนชา แป้งเค้ก 1 ถ้วย ผงวานิลลา 1 ช้อนชา เนยสดเค็มละลาย 1/4 ถ้วย นมสด 3/4 ถ้วย วิปครีมชีส สตรอว์เบอร์รี น้ำผึ้ง วิธีทำ คนไข่ไก่กับน้ำตาลทรายและเกลือเข้าด้วยกัน ใส่แป้งเค้กและผงวานิลลา คนให้เข้ากัน ใส่เนยละลายและนมสด คนให้เข้ากันจนแป้งเนียน เทใส่ขวดสำหรับบีบเส้น ตั้งกระทะแบน ใช้ไฟอ่อน ทาเนยบางๆ บีบแป้งแพนเค้กวนเป็นวงกลมเส้นๆ รอจนแป้งสุก รวบแป้งใส่จาน ตกแต่งด้วยวิปครีมชีส สตรอว์เบอร์รี และน้ำผึ้ง

ส่วนผสมครีมไมโล (Milo Pastry Cream) นมรสจืด 500 กรัม | ผงไมโล 300 กรัม | นมข้นหวาน 50 กรัม | ไข่แดง 120 กรัม | แป้งข้าวโพด 42 กรัม | น้ำตาลทราย 60 กรัม | แผ่นเจลาติน 9 กรัม (แช่น้ำเย็นจัดจนพองตัว)   วิธีทำ ตีไข่แดงกับแป้งข้าวโพดและน้ำตาลทรายให้เข้ากัน พักไว้ จากนั้นต้มนมกับผงไมโลและนมข้นหวานจนเดือด ค่อยๆ เทนมลงในส่วนผสมไข่แดง ตีให้เนื้อเนียน เทกลับลงหม้อ ต้มด้วยไฟอ่อนถึงปานกลาง คนต่อเนื่องประมาณ 1 นาทีจนข้นขึ้น ใส่แผ่นเจลาตินที่เตรียมไว้ เทส่วนผสมใส่ลงในถาด ปิดด้วยพลาสติกแรปให้แนบหน้า พักไว้ในตู้เย็นข้ามคืน ส่วนผสมและวิธีทำมูสไมโล (Milo Mousse) ครีมไมโล (Milo Pastry Cream) 260 กรัม | วิปครีม 80 กรัม ปั่นครีมไมโลให้เนื้อเนียน ใส่วิปครีมแล้วตะล่อมให้เข้ากัน แช่เย็นไว้ ส่วนผสมไอศกรีมข้าวโพด ข้าวโพดสด 330 กรัม (เก็บเปลือกไว้) | นมรสจืด 240 กรัม | วิปปิงครีม 480 กรัม | น้ำตาลทราย (1) 84 กรัม | ฝักวานิลลา 1 ฝัก (ขูดเมล็ด) | ไข่แดง 5 ฟอง | น้ำตาลทราย (2) 50 กรัม | เกลือ 2 กรัม |   วิธีทำ ฝานเมล็ดข้าวโพดออกจากฝักแล้วปั่นให้เนื้อเนียนเหมือนพูเร่ ต้มนม วิปปิงครีม น้ำตาลทราย (1) เมล็ดวานิลลา และฝักวานิลลา ใส่พูเร่ข้าวโพดและเปลือกข้าวโพดต้มรวมกันจนเดือด ปิดไฟ แช่ไว้ 30 นาทีเพื่อให้รสชาติเข้มข้นขึ้น กรองเอาเปลือกข้าวโพดและฝักวานิลลาออก ตีไข่แดงกับน้ำตาลทราย (2) และเกลือให้เข้ากัน ค่อยๆ เทนมข้าวโพดร้อนๆ ลงในไข่แดงเพื่อปรับอุณหภูมิ จากนั้นเทกลับลงหม้อแล้วต้มด้วยไฟอ่อน คนต่อเนื่องจนส่วนผสมได้อุณหภูมิ 80 องศาเซลเซียส กรองส่วนผสมผ่านกระชอนลงในชามที่รองด้วยน้ำแข็ง พักให้เย็นสนิทแล้วนำไปปั่นในเครื่องทำไอศกรีม ส่วนผสมและวิธีทำนมซีเรียล วิปปิงครีม 500 กรัม | นมรสจืด 250 กรัม | คอร์นเฟล็กส์ 35 กรัม ผสมนมกับวิปปิงครีมและคอร์นเฟล็กส์เข้าด้วยกัน แช่ไว้ 2 ชั่วโมงแล้วกรองคอร์นเฟล็กส์ออก เตรียมไว้ ส่วนผสมซีเรียลและวิธีประกอบจาน ป๊อปคอร์นคาราเมล | ช็อกโกแลตครัมเบิล | เฟยติน (Feuilletine) | ชิปนมผงอบแห้ง บีบมูสไมโลลงในชามเล็กน้อย ผสมส่วนผสมซีเรียลตามชอบแล้วโรยบนมูส ตักไอศกรีมข้าวโพดวางตรงกลาง เสิร์ฟพร้อมนมซีเรียล

โตเกียว ไม่จำเป็นต้องมาในรูปแบบโรลเสมอไป! เพราะสูตรนี้เราทำหน้าตาให้แกรมขึ้นอีกนิดด้วยทรงถ้วยคัปที่หยอดไส้คัสตาร์ดหอมหวานลงไป จัดเสิร์ฟแล้วสวยงามน่าอร่อยขึ้นเป็นกอง   ส่วนผสม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/4 ถ้วย น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ ผงฟู 1 ช้อนชา เบกกิงโซดา 1/2 ช้อนชา เกลือป่น 1/8 ช้อนชา นมสด 3/4 ถ้วย ผงวานิลลา 1 ช้อนชา ไข่ไก่ 1 ฟอง ส่วนผสมและวิธีทำไส้คัสตาร์ด ผงคัสตาร์ด 1/2 ถ้วย | นมสด 1 ถ้วย                    ผสมนมกับผงคัสตาร์ด ให้เข้ากัน ตั้งไฟกวนจนส่วนผสมสุกข้น พักไว้ วิธีทำ ผสมแป้ง น้ำตาลทราย ผงฟู เบกกิงโซดา และเกลือให้เข้ากัน ใส่นมสด ผงวานิลลา คนให้เข้ากัน ใส่ไข่ไก่ คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ตั้งกระทะทาเนยบางๆ ตักส่วนผสมแป้งหยอด รอจนแป้งสุก ตักแผ่นแป้งขึ้น นำมาจับจีบทั้ง 4 มุมให้เป็นกระทง ใส่ไส้คัสตาร์ด ขูดช็อกโกแลตโรยบนหน้า

ขนมถ้วยจีน หรือ “จุ๋ยก๊วย” จัดเป็นของว่างโบราณก็ว่าได้ เพราะปัจจุบันแทบจะไม่เห็นคนขายแล้ว และเป็นสตรีทฟู้ดของจีนเพราะขายอยู่ริมถนน ของแท้คนขายต้องเป็นอาแป๊ะที่ในอดีตใส่หาบขาย มีกระทะทองแดงไว้ผัดไชโป๊ และหม้อนึ่งที่นึ่งขนมถ้วยให้อุ่นๆ ความอร่อยที่หลายคนคิดถึงคือขนมถ้วยขนาดพอดีคำเนื้อหนึบๆ ราดด้วยหัวไชโป๊สับหยาบผัดกับเห็ดหอมแห้งสับหยาบ และเพิ่มรสด้วยกุ้งแห้งสับ (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) มีกลิ่นหอมของกระเทียม ราดด้วยซีอิ๊วดำรสหวาน และพริกน้ำส้มให้มีรสเผ็ดเปรี้ยวนิดๆ   ตัวขนมถ้วยทำจากแป้งข้าวเจ้าซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงาน ไชโป๊ดูจะเป็นตัวชูโรงที่ช่วยทำให้อร่อย รสเค็มหวาน มีรสเฉพาะทำให้เข้ากับแป้งจืดๆ ได้ดี แต่ที่มีประโยชน์มากคือเห็ดหอมที่สับหยาบผัดรวมกัน เห็ดหอมแห้งมีกลิ่นหอมมากกว่าเห็ดหอมสด มีกรดกลูตามิกที่เป็นผงชูรสตามธรรมชาติของเห็ดหอมอยู่ถึง 355 มิลลิกรัม จึงถูกยกย่องให้เป็นยอดแห่งความอร่อยในการปรุงอาหารจีน และกลิ่นหอมนี้เองที่คนจีนนำมาทำอาหารสารพัดให้อร่อยขึ้น เช่น ต้มแกงจืด ผัดผัก หรือผัดกับเนื้อสัตว์ต่างๆ ทั้งเนื้อสัมผัสก็เหนียวนุ่มอร่อย และยังดูดซึมรสชาติที่ปรุงได้อย่างดีทำให้มีรสชาติ   ชาวจีนจัดให้เห็ดหอมเป็นตำรับอาหาร “อมตะ” เพราะจัดเป็นยาบำรุงกำลัง รักษาอาการอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงกระดูก และลดไขมันในเลือด เห็ดหอม 100 กรัม ให้พลังงาน 26.61 กิโลแคลอรี แคลเซียม 124 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 415 มิลลิกรัม เหล็ก 25.3 มิลลิกรัม เป็นแหล่งของวิตามินดี (Vitamin D) ซึ่งจำเป็นต่อการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสเพื่อให้กระดูกแข็งแรง   ความอร่อยของเมนูนี้ไม่ใช่แค่ส่วนผสม วิธีการทำเหมือนจะดูง่าย แต่จะให้อร่อยอยู่ที่ต้องเลือกไชโป๊เค็มที่ไม่มีรสหวานเกินไป เห็ดหอมเลือกชนิดดอกบางจะดีกว่าดอกหนา และสับด้วยมือให้หยาบๆ ไม่ใช้เครื่องปั่นที่ปั่นจนละเอียด เลือกกระเทียมที่มีกลิ่นหอม และผัดไฟอ่อนๆ ด้วยใจเย็นๆ ไชโป๊จึงจะกรอบนุ่ม   ในบางช่วงเวลาที่ยังไม่ถึงมื้ออาหารและเราอยากกินอาหาร ของว่างเป็นมื้อที่อาจจะไม่เติมเต็มแต่เรียกได้ว่าช่วยให้กระชุ่มกระชวยได้อย่างมาก และจุ๋ยก๊วยขนมถ้วยชิ้นเล็กๆ นี้ก็ชวนให้คิดถึง จุ๋ยก๊วย ส่วนผสม ไชโป๊เค็ม 300 กรัม เห็ดหอม (ชนิดบาง) แช่น้ำจนนุ่มสับหยาบ 3/4 ถ้วย กระเทียมสับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมัน ประมาณ 1/4 ถ้วย ต้นหอมซอย 1/4 ถ้วย วิธีทำ ไชโป๊แช่น้ำทั้งหัวจนพอง นำมาสับหยาบ บีบน้ำออกให้แห้ง ผสมไชโป๊ เห็ดหอม และกระเทียมรวมกัน ใส่น้ำตาลทราย น้ำมันใส่พอให้ชุ่มๆ คลุกให้เข้ากัน พักไว้ให้ไชโป๊เริ่มพอง นำไปผัดไฟอ่อนจนเริ่มแห้งและเป็นสีน้ำตาลเข้ม ชิมรส (อาจจะเพิ่มน้ำตาลได้ตามชอบ) ใส่ต้นหอม คลุกให้เข้ากัน พักไว้ เรียงขนมถ้วยใส่จาน ตักไชโป๊โรยหน้า เหยาะซีอิ๊วดำและพริกน้ำส้มตามชอบ ส่วนผสมแป้งขนมถ้วย แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ แป้งเท้ายายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/4 ช้อนชา น้ำ 1 1/2 ถ้วย วิธีทำ ผสมแป้งทั้ง 3 ชนิด และเกลือ ค่อยๆ ใส่น้ำทีละน้อย นวดจนแป้งเหนียวหนึบเป็นก้อน (ประมาณ 10 นาที) ค่อยๆ ใส่น้ำทั้งหมด คนให้แป้งละลายเข้ากัน เรียงถ้วยตะไลลงในลังถึง นึ่งไฟแรงสุดประมาณ 5 นาทีให้ถ้วยร้อน ตักแป้งใส่ถ้วย 3/4 ของถ้วย นึ่งประมาณ 10 นาทีจนแป้งสุกและแป้งจะบุ๋มตรงกลาง รอให้เย็นแล้วแซะแป้งออก ส่วนผสมและวิธีทำพริกน้ำส้ม พริกชี้ฟ้าสีเหลือง/แดงตามชอบ | กระเทียม | น้ำส้มสายชูหมัก | น้ำตาลทราย | เกลือเล็กน้อย โขลกพริกกับกระเทียมให้ละเอียด ใส่น้ำตาล น้ำส้มสายชูและเกลือ คนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ เอื้อเฟื้อสูตร เจ๊กอ้วน-มานะ ตั้งหิรัญวัฒน์ ผู้ที่เคยขายจุ๋ยก๊วยหน้าวัดกาลหว่าร์ที่มีชื่อเสียงในอดีต

ส่วนผสมสปันจ์ส้ม เฮฟวีครีม 250 กรัม | ไข่แดง 80 กรัม | เนยจืด 90 กรัม | น้ำมันคาโนล่า 50 กรัม | น้ำตาลทรายละเอียด 110 กรัม | Trimoline 20 กรัม | ผงอัลมอนด์ 85 กรัม | น้ำส้มซันคิสต์ 40 กรัม | แป้งเค้ก 150 กรัม | ผงฟู 6 กรัม   วิธีทำ อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เตรียมถาดอบปูกระดาษรองอบไว้ ตีเฮฟวีครีม ไข่แดง น้ำตาลทราย และ Trimoline จนขึ้นฟู เตรียมไว้ ละลายเนยจืดแล้วตีให้เข้ากับน้ำมันคาโนล่า ใส่ลงในส่วนผสมที่ตีไว้ ใส่อัลมอนด์ แป้งเค้ก และผงฟู ผสมจนเนื้อเนียน ใส่น้ำส้มสด แล้วผสมให้เข้ากัน เทส่วนผสมลงในถาดที่เตรียมไว้ นำเข้าเตาอบประมาณ 20-25 นาที พักให้เนื้อเค้กสปันจ์เย็นลงแล้วตัดเป็นรูปร่างตามที่ต้องการ ส่วนผสมส้มซันคิสต์กงฟี   น้ำส้มซันคิสต์ 280 กรัม | เนื้อส้ม 50 กรัม | น้ำตาลทรายละเอียด 40 กรัม | น้ำตาลกลูโคส 40 กรัม | เหล้า Grand Marnier 5 มิลลิลิตร | เพกติน NH 3 กรัม | แผ่นเจลาติน 10 กรัม   วิธีทำ ในหม้อขนาดกลาง ใส่น้ำส้มซันคิสต์ เนื้อส้ม น้ำตาลทราย และกลูโคส ต้มจนเดือด คอยคนตลอดเวลาจนน้ำตาลละลายหมด ใส่เหล้า Grand Marnier และเพกติน NH ต้มต่ออีก 1 นาที ใส่เจลาตินที่แช่น้ำแล้วลงไปในส่วนผสม คนให้เข้ากันจนเจลาตินละลายดี เทส่วนผสมลงในถาดหรือพิมพ์ตามต้องการ พักไว้ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว เตรียมไว้ ส่วนผสม Crema Catalana เฮฟวีครีม 180 กรัม ​| นมสด 90 กรัม | ไข่แดง 80 กรัม | น้ำตาลทรายละเอียด 30 กรัม | น้ำผึ้ง 10 กรัม | วานิลลาเขาใหญ่พรีเมียม 1 ฝัก (กรีดและขูดเมล็ด) | ผงอบเชย 2 กรัม | เปลือกส้มซันคิสต์ 2 ชิ้น | เหล้า Grand Marnier 30 มิลลิลิตร | แผ่นเจลาติน 10 กรัม | เกลือ 2 กรัม | น้ำส้มยุซุ (ตามชอบ)   วิธีทำ ในหม้อขนาดกลางผสมเฮฟวีครีม นมสด ฝักวานิลลา ผงอบเชย และเปลือกส้ม นำไปตั้งไฟอ่อนจนเริ่มเดือด ปิดไฟ พักให้ส่วนผสมแช่ไว้ 10 นาที ในชามผสมตีไข่แดง น้ำตาลทราย และน้ำผึ้งให้เข้ากัน ค่อยๆ เทส่วนผสมครีมที่อุ่นลงในส่วนผสมไข่แดง โดยคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ไข่แดงสุก เทส่วนผสมทั้งหมดกลับลงไปในหม้อและนำไปตั้งไฟอ่อน คนตลอดเวลาจนส่วนผสมข้นขึ้น ใส่แผ่นเจลาติน คนจนละลายหมดเข้ากันดี ใส่เหล้า Grand Marnier น้ำส้มยูซุและเกลือลงไป คนให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์ แช่เย็นอย่างน้อย 4 ชั่วโมงจนเซ็ตตัวก่อนเสิร์ฟ ส่วนผสมมูสวานิลลาเขาใหญ่ นมสด 250 กรัม | เฮฟวีครีม 250 กรัม | ไข่แดง 105 กรัม | น้ำตาลทรายละเอียด 75 กรัม | ฝักวานิลลาเขาใหญ่พรีเมียม 1 ฝัก (กรีดและขูดเมล็ด) | ไวต์ช็อกโกแลต 300 กรัม | เนยโกโก้ (Cocoa Butter) 100 กรัม | เจลาติน 8 แผ่น | วิปครีม 500 กรัม (ตีจนตั้งยอดแข็ง)   วิธีทำ ในหม้อขนาดกลางผสมนมสด เฮฟวีครีม และฝักวานิลลา ต้มจนเดือด ตีไข่แดงและน้ำตาลทรายในชามผสมให้เข้ากัน ค่อยๆ เทนมที่อุ่นลงในไข่แดง โดยคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ไข่แดงสุก เทส่วนผสมทั้งหมดกลับลงไปในหม้อ เคี่ยวไฟอ่อนจนข้นขึ้นเล็กน้อย ละลายช็อกโกแลตและเนยโกโก้เข้าด้วยกัน ใส่ลงในคัสตาร์ด ใส่เจลาติน คนผสมให้เข้ากัน พักให้เย็นลง ใส่วิปครีมแล้วคนส่วนผสมให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์และแช่เย็นจนเซ็ตตัวอย่างน้อย 4 ชั่วโมง ส่วนผสม Blood Orange Confit น้ำส้ม 110 กรัม | พูเร่ส้มสีเลือด (Blood Orange) 20 กรัม | เนื้อส้ม 35 กรัม | น้ำส้มยูซุ 10 กรัม | น้ำตาลทรายละเอียด 20 กรัม | กลูโคส 20 กรัม | เพกติน NH 1.5 กรัม | แผ่นเจลาติน 12 กรัม | เหล้า Grand Marnier 5 มิลลิลิตร   วิธีทำ ผสมน้ำส้ม พูเร่ส้มสีเลือด เนื้อส้ม และน้ำส้มยูซุในหม้อ ต้มจนเดือด ใส่น้ำตาลทราย กลูโคส และเพกติน NH ต้มต่อประมาณ 1-2 นาที ใส่เจลาตินและเหล้า Grand Marnier คนให้เข้ากัน เทส่วนผสมลงในพิมพ์ (ใช้เป็นไส้) นำไปแช่เย็นจนเซ็ตตัว ส่วนผสม Almond Sablé เนยจืด 225 กรัม | น้ำตาลไอซิง 75 กรัม | ผงอัลมอนด์ 75 กรัม | ไข่แดง 45 กรัม | แป้งเค้ก 375 กรัม | เกลือ 2 กรัม | เปลือกส้ม 1 ชิ้น   วิธีทำ อุ่นเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ปูถาดอบด้วยกระดาษรองอบ เตรียมไว้ ตีเนยจืดและน้ำตาลไอซิงจนฟูและเบา ใส่ผงอัลมอนด์ แป้งเค้ก เกลือ และเปลือกส้มลงไป ผสมจนแป้งเริ่มจับตัว ใส่ไข่แดงแล้วนวดจนแป้งเนียน รีดแป้งออกให้มีความหนาตามต้องการ ตัดเป็นรูปร่างหรือใช้พิมพ์ นำเข้าเตาอบ 15-20 นาที หรือจนเป็นสีทอง พักให้เย็นสนิทก่อนนำมาใช้เป็นฐานหรือแต่งหน้า วิธีประกอบขนม วาง Almond Sablé เป็นชั้นล่างสุด บีบ Blood Orange Confit ใส่มูสวานิลลา จากนั้นวางสปันจ์ส้ม ส้มซันคิสต์กงฟี ปิดท้ายด้วย Crema Catalana ตกแต่งด้วยผลไม้สด และดอกไม้กินได้ให้สวยงาม เอื้อเฟื้อสูตรและทำอาหารสำหรับถ่ายภาพ เชฟเซบาสเตียน ฮูแกแวร์ฟ (Sebastiaan Hoogewerf) Executive Chef The Okura Prestige Bangkok

ขนมหวานที่เหมาะเป็นของขวัญวาเลนไทน์ปีนี้ เนื้อในเป็นอัลมอนด์ครีมผสมกับแยมเชอร์รีรสเปรี้ยวหวานกำลังดี ตกแต่งด้วยครีมวานิลลาชองตีลลีรสหวานมัน   ส่วนผสมแป้งทาร์ต แป้งสาลีอเนกประสงค์ 180 กรัม | น้ำตาลไอซิง 70 กรัม | ไข่ไก่ 28 กรัม | เนยจืด 130 กรัม | เกลือเล็กน้อย | ไข่แดงสำหรับทาแป้งทาร์ต   วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน คลุมด้วยพลาสติกแรปพักไว้ในตู้เย็น 30 นาที จากนั้นนำออกมารีดเป็นแผ่นบางประมาณ 3 มิลลิเมตร กรุใส่พิมพ์ขนาดตามต้องการ ใช้ส้อมเจาะรูทาไข่แดงเล็กน้อย นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส นาน 15-18 นาทีจนสุก ส่วนผสมและวิธีทำไส้เชอร์รี เนื้อเชอร์รีสีทอง 200 กรัม | น้ำตาลทราย 50 กรัม | น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ | เพกติน 1/2 ช้อนชา | ฝักวานิลลา 1/2 ฝัก (ขูดเฉพาะเนื้อ) เคี่ยวส่วนผสมทั้งหมดในหม้อใบเล็กด้วยไฟอ่อนจนข้นเล็กน้อย ปิดไฟ พักไว้ให้หายร้อน ส่วนผสมและวิธีทำครีมวานิลลาชองตีลลี วิปครีม 200 กรัม | คัสตาร์ดวานิลลา 170 กรัม  | เชอร์รีสีทองสำหรับตกแต่ง ผสมวิปครีมกับคัสตาร์ดวานิลลาให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ตักใส่ถุงบีบพร้อมหัวบีบกลม พักไว้ในตู้เย็น เตรียมไว้ ส่วนผสมครีมอัลมอนด์ ผงอัลมอนด์ 100 กรัม | เนยจืด 100 กรัม | น้ำตาลไอซิง 100 กรัม | ไข่ไก่ 2 ฟอง | กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา   วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ตักใส่แป้งทาร์ต บีบไส้เชอร์รี นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 10-15 นาทีจนสีเหลืองสวย พักให้หายร้อน บีบครีมวานิลลาชองตีลลี ตกแต่งด้วยเชอร์รีสีทองสดและดอกไม้กินได้ให้สวยงาม

มองบลังก์ทำเป็นรูปตะกร้าดอกไม้สวยหวาน เนื้อในเป็นมูสเค้กเสาวรส รสเปรี้ยวหวานสดชื่น กินคู่กับเนื้อเค้ก ชั้นนอกเป็นมันหวานที่บีบเป็นตะกร้าดูสวยงาม   ส่วนผสมและวิธีทำครีมเสาวรส เพสตรีครีม 1 ถ้วย เนื้อเสาวรส 1/3 ถ้วย ฝักวานิลลา 1 ฝัก (ขูดเฉพาะเนื้อ) วิปครีมตีตั้งยอดอ่อน 300 กรัม เจลาตินละลาย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดผสมให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ตักใส่ถุงบีบ เตรียมไว้   ส่วนผสมและวิธีทำครีมมันหวาน มันหวานญี่ปุ่นนึ่งสุก 4 หัว | เพสตรีครีม 1/2 ถ้วย | ดอกไม้กินได้และมะพร้าวแห้งสำหรับตกแต่งให้สวยงาม บดมันหวานให้เนื้อเนียนละเอียด ใส่เพสตรีครีม ผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถุงบีบพร้อมหัวบีบเบอร์ 200 เตรียมไว้ ส่วนผสมเค้กอัลมอนด์ แป้งเค้ก 90 กรัม | ผงอัลมอนด์ 30 กรัม  | ไข่ไก่ 3 ฟอง | น้ำตาลทราย 90 กรัม | ผงฟู 1 ช้อนชา | นมรสจืด 1/4 ถ้วย | เนยจืดละลาย 1/3 ถ้วย | กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา   วิธีทำ ตีไข่ไก่ น้ำตาลทราย และนมจนฟูตั้งยอด ใส่เนยละลายแล้วตีต่อจนเนื้อเนียน ใส่แป้งเค้ก ผงอัลมอนด์ และผงฟู ตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากัน ใส่กลิ่นวานิลลา เทส่วนผสมใส่ถาดขนาด 6×6×2.3 นิ้ว เกลี่ยเนื้อเค้กให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสจนสุกสีเหลืองสวย หั่นเค้กเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาด 2×2 นิ้ว บีบครีมเสาวรสใส่พิมพ์ซิลิโคนสี่เหลี่ยมขนาด 3×3 นิ้ว ใส่เนื้อเค้ก ปิดด้วยครีมเสาวรส แช่ในช่องแช่แข็งจนเซ็ตตัว บีบครีมมันหวานให้เป็นทรงตะกร้า ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้และมะพร้าวแห้งให้สวยงาม

คัสตาร์ดเนื้อเนียนจากนมฮอกไกโดที่มีกลิ่นหอมพิเศษ ผสมกับเหล้ารัมและเนื้อฝักวานิลลาจากเขาใหญ่ กลิ่นหอมหวาน รสชาติตัดกับความขมของคาราเมลได้ดี   ส่วนผสม นมฮอกไกโดรสจืด 650 มิลลิลิตร ไข่แดง 3 ฟอง ไข่ไก่ 2 ฟอง น้ำตาลทราย 90 กรัม เหล้ารัม 1 ช้อนชา ฝักวานิลลาเขาใหญ่ 1 ฝัก (ขูดเฉพาะเนื้อ) เกลือทะเลเล็กน้อย ส่วนผสมคาราเมล น้ำตาลทราย 200 กรัม น้ำเปล่า 50 กรัม น้ำตาลปั้นและดอกไม้สำหรับตกแต่งเล็กน้อย วิธีทำ ทำคาราเมลโดยต้มน้ำตาลทรายกับน้ำเปล่าในหม้อก้นหนาด้วยไฟปานกลางค่อนข้างแรงจนเป็นสีคาราเมล เทใส่ถ้วยพุดดิงขนาดตามชอบ พักให้เซ็ตตัว ผสมไข่ไก่ ไข่แดงกับน้ำตาลทราย เหล้ารัม และเกลือให้เข้ากัน เตรียมไว้ อุ่นนมฮอกไกโดกับเนื้อวานิลลาให้พอร้อน ค่อยๆ เทนมที่อุ่นไว้ลงในส่วนผสมไข่ คนให้เข้ากัน กรองผ่านกระชอนให้เนื้อเนียนละเอียด เทใส่ถ้วยคาราเมลที่เตรียมไว้ คลุมด้วยฟอยล์ นำไปนึ่งด้วยไฟอ่อนประมาณ 40-50 นาทีจนสุก พักไว้ให้หายร้อนสักครู่ คว่ำใส่ลงในถ้วยเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยน้ำตาลปั้นและดอกไม้ให้สวยงาม

บัตเตอร์เค้ก เค้กคลาสลิกที่อร่อยได้ในทุกโอกาส เนื้อสัมผัสที่นุ่มฉ่ำและหอมเนยมาจากคุณภาพของส่วนผสม เลือกใช้เนยแท้ ไข่ไก่สดใหม่ น้ำตาลป่นละเอียดที่ใช้สำหรับทำเบเกอรี่ เพิ่มความหอมด้วยวานิลลา สูตรนี้เลือกอบในพิมพ์บันต์เค้กขนาดเล็ก ตกแต่งด้วยไอซิงสีสวยในรสราสป์เบอร์รี ส่วนผสมบัตเตอร์เค้ก แป้งสาลีอเนกประสงค์ 220 กรัม ผงฟู 1/2  ช้อนชา เกลือ 1/2 ช้อนชา เนยจืด 230 กรัม น้ำตาลทราย 200 กรัม ไข่ไก่ 4 ฟอง ซาวร์ครีม 120 กรัม วานิลลา 1 ฝัก ส่วนผสมหน้าไอซิง น้ำตาลไอซิง 240 กรัม น้ำมะนาวเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำราสป์เบอร์รี 1 ช้อนโต๊ะ นมสด 1-2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส โปรแกรมไฟล่างไฟบน พิมพ์บันต์เค้ก 8 พิมพ์ ฉีดสเปรย์น้ำมันให้ทั่ว แล้วโรยแป้งให้เคลือบพิมพ์ด้านใน เคาะแป้งส่วนเกินออก พักไว้ นำเนยออกมาพักให้คลายความเย็นประมาณ 15 นาที ร่อนแป้ง ผงฟู และเกลือ พักไว้ ขูดเมล็ดวานิลลา แล้วนำไปผสมกับน้ำตาลทราย คนให้เมล็ดวานิลลาไม่จับตัวกันเป็นก้อน ตีเนยที่นุ่มดีแล้วกับน้ำตาลทรายที่ผสมวานิลลาให้เข้ากันดี ใส่ไข่ไก่ลงไปทีละฟอง ใส่ส่วนผสมของแห้งลงไป 1/3 ส่วน ผสมด้วยความเร็วต่ำ ตามด้วยซาวร์ครีมครึ่งหนึ่ง ผสมให้เข้ากัน ก่อนใส่ส่วนผสมแป้ง 1/3 ส่วน ซาวร์ครีมส่วนที่เหลือ และจบด้วยส่วนผสมแป้งส่วนสุดท้าย ผสมให้พอเข้ากัน นำใส่ถุงบีบ บีบใส่พิมพ์บันต์ที่เตรียมไว้ พิมพ์ละ 120 กรัม นำเข้าเตาอบเป็นเวลา 24 นาที พักให้เย็นลง 5 นาที แล้วเคาะออกจากพิมพ์ วางบนตะแกรงจนเย็นสนิทดี ผสมน้ำตาลไอซิงกับน้ำมะนาวเลมอน และน้ำราสป์เบอร์รี ใส่นมลงไปทีละน้อย จนได้ไอซิงที่มีเนื้อสัมผัสที่ข้นพอดีกับการเคลือบเนื้อเค้ก ราดไอซิงลงบนเค้กที่เย็นดีแล้ว พักให้เซ็ตตัวดี

G&C ชวนมาฉลองวันวาเลนไทน์ปีนี้ด้วยเมนูของหวานจากน้องๆ ผู้ชนะการแข่งขันทำอาหาร Gourmet & Cuisine Young Chef 2024 ทีม The Bear มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ในเมนูมูสเลมอนส้มฉุนซอสเรดไวน์เบอร์รี สาลี่คอมโพตและเชอร์เบตลูกหม่อน มูสเลมอนรสส้มฉุนสีแดงสด กินคู่กับซอสเรดไวน์เบอร์รีเปรี้ยวกำลังดี เสิร์ฟกับไอศกรีมเชอร์เบตลูกหม่อน ส่วนผสมและวิธีทำทาร์ตหอมเจียว   แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม | หอมเจียวบดละเอียด 5 กรัม | น้ำตาลทราย 30 กรัม | เกลือ 2 กรัม | เนยจืด 80 กรัม | ไข่ไก่ 1 ฟอง  | กลิ่นวานิลลา ใส่น้ำตาลทราย เกลือ เนยจืด ไข่ไก่ หอมเจียว แป้ง และกลิ่นวานิลลา นวดให้เข้ากัน ห่อด้วยพลาสติกแรปแช่เย็นไว้ 30 นาที นำออกมารีดให้บางแล้วนำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 15 นาที ส่วนผสมและวิธีทำแยมมะยงชิดขิงอ่อน เนื้อมะยงชิดหั่นเต๋า 120 กรัม | น้ำตาลทราย 70 กรัม | เกลือทะเล 2 กรัม | น้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร | ขิงอ่อนสับละเอียด 1 ช้อนชา เคี่ยวเนื้อมะยงชิดกับน้ำตาลทราย น้ำเปล่า และเกลือให้พอข้น ใส่ขิงอ่อนสับแล้วพักไว้ให้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำซอสไวน์แดงสตรอว์เบอร์รีสำหรับเคลือบมูส เนื้อสตรอว์เบอร์รี 150 กรัม | ไวน์แดง 150 มิลลิลิตร | น้ำตาลทราย 60 กรัม | น้ำเปล่า 100 มิลลิลิตร | น้ำส้มซ่า 2 ช้อนโต๊ะ | เจลาติน 4 แผ่น เคี่ยวเนื้อสตรอว์เบอร์รีกับไวน์แดง น้ำตาลทราย น้ำเปล่า และน้ำส้มซ่าจนข้น นำส่วนผสมทั้งหมดไปปั่นแล้วกรองให้เนื้อเนียนละเอียด ใส่เจลาติน คนส่วนผสมให้ละลายเข้ากัน ส่วนผสมมูสเลมอนส้มซ่า ไข่ไก่ 2 ฟอง | ไข่แดง 2 ฟอง | ไข่ขาว 2 ฟอง | น้ำตาลทราย 40 กรัม | เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา | ผิวส้มซ่า 1/2ช้อนชา | น้ำส้มซ่า 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ | วิปครีม 250 มิลลิลิตร | เจลาติน 3 แผ่น   วิธีทำ ตีไข่ไก่ ไข่แดง และน้ำตาลทราย 20 กรัมให้เข้ากัน ใส่เกลือ ผิวส้มซ่า น้ำส้มซ่า และน้ำเลมอน คนจนเข้ากันดี ยกขึ้นตุ๋นบนน้ำร้อน 10 นาที ยกลง กรองด้วยกระชอน ใส่เจลาตินแล้วพักไว้ให้เย็นสนิท ตีไข่ขาวด้วยหัวตีตะกร้อใช้ความเร็วสูงสุด พอไข่เริ่มขึ้นฟูใส่น้ำตาลทรายที่เหลือ ตีต่อจนส่วนผสมตั้งยอดอ่อน นำไปผสมกับไข่แดงที่เตรียมไว้ ตะล่อมรวมกันเบาๆ ด้วยตะกร้อมือจนส่วนผสมเข้ากันดี ใส่วิปครีม ตักใส่พิมพ์ซิลิโคน ใส่แยมมะยงชิดขิงอ่อนไว้ตรงกลาง ปิดด้วยครีมจนเต็ม แช่แข็งไว้แล้วนำมาเคลือบด้วยซอสไวน์แดงสตรอว์เบอร์รี ส่วนผสมและวิธีทำสาลี่คอมโพต สาลี่ปอกเปลือก 1 ผล | ไวน์แดง 250 มิลลิลิตร | น้ำเปล่า 150 มิลลิลิตร | อบเชย 1 แท่ง | น้ำตาลทราย 30 กรัม ต้มไวน์แดง น้ำเปล่า และน้ำตาลทราย ใส่อบเชย ใส่เนื้อสาลี่ลงแช่ประมาณ 15 นาที พักให้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำเชอร์เบตลูกหม่อน ลูกหม่อน 80 กรัม | น้ำตาลทราย 30 กรัม | เกลือทะเล 1/4 ช้อนชา | น้ำเปล่า 250 มิลลิลิตร | เจลาติน 1 แผ่น ปั่นลูกหม่อนกับน้ำให้ละเอียด ตั้งไฟให้เดือดแล้วใส่น้ำตาลทรายและเกลือ พักให้อุ่น ใส่เจลาติน เทใส่พิมพ์แล้วนำไปแช่แข็ง วิธีประกอบขนม วางมูสเลมอนส้มซ่าบนแป้งทาร์ตหอมเจียว ยกลงจานตกแต่งด้วยแยมต่างๆ เนื้อสาลี่คอมโพต วางไอศกรีมเชอร์เบตบนมูส และตกแต่งให้สวยงาม เอื้อเฟื้อสูตรและทำอาหารสำหรับถ่ายภาพ ผา-ภัทรธร เพชรวิชิต และใหม่-ศุภสิริ ดาบแก้ว ทีม The Bear มหาวิทยาลัยสวนดุสิต รองชนะเลิศอันดับ 2 Gourmet & Cuisine Young Chef 2024

G&C ชวนมาฉลองวันวาเลนไทน์ปีนี้ด้วยเมนูของหวานจากน้องๆ ผู้ชนะการแข่งขันทำอาหาร Gourmet & Cuisine Young Chef 2024 ทีม Chow Down วิทยาลัยดุสิตธานี มาพร้อมเมนู Je t'aime Gateaux เค้กเลเยอร์เนื้อชุ่มฉ่ำสลับชั้นกับมูสช็อกโกแลต มีรสเปรี้ยวจากเจลลีราสป์เบอร์รีและสตรอว์เบอร์รี ​ ส่วนผสมมูสช็อกโกแลต ไข่แดง 5 ฟอง | ครีม 50 กรัม | วานิลลาสกัด 5 กรัม | น้ำตาลทราย 75 กรัม | เจลาติน 2 1/2 แผ่น | ดาร์กช็อกโกแลตละลาย 50 กรัม | มิลก์ช็อกโกแลตละลาย 75 กรัม | วิปครีมตีตั้งยอดปานกลาง 350 กรัม   วิธีทำ ผสมไข่แดง ครีม วานิลลา และน้ำตาลทรายในชามผสม คนผสมให้เข้ากัน นำไปต้มบนหม้อน้ำร้อน (Double Boiling) คนจนน้ำตาลละลาย ใส่เจลาตินคนให้ละลาย ใส่ช็อกโกแลตแล้วคนให้ละลายเข้ากันดี ใส่วิปครีม คนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่ถุงบีบ พักไว้ ไม่ต้องแช่เย็น ส่วนผสมเค้กช็อกโกแลตเนื้อฉ่ำ (Moist Chocolate Cake) ไข่ไก่ 40 กรัม | น้ำตาลทราย 125 กรัม | วานิลลาสกัด 5 กรัม | นม 75 กรัม | เนยละลาย 60 กรัม | น้ำมัน 15 กรัม | แป้งสาลีอเนกประสงค์ (AP Flour) 85 กรัม | ผงโกโก้ 40 กรัม | เกลือทะเล 3 กรัม | เบกกิงโซดา 10 กรัม   วิธีทำ ผสมไข่ไก่ น้ำตาลทราย เเละวานิลลาให้เข้ากัน ใส่นมและน้ำมัน คนให้เข้ากัน ใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์ ผงโกโก้ เกลือ และเบกกิงโซดา คนให้เข้ากันอีกครั้ง ใส่เนยละลาย เทใส่ถาดอบที่รองด้วยกระดาษไข นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 15-20 นาที ส่วนผสมและวิธีทำเจลลีราสป์เบอร์รีและสตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รีพูเร่ 75 กรัม | สตรอว์เบอร์รีแช่แข็ง 75 กรัม | กลูโคสไซรัป 25 กรัม | น้ำตาลทราย 25 กรัม | เจลาติน 4 แผ่น | น้ำเลมอน 5 กรัม | ผิวเลมอน ตามชอบ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดในหม้อใบเล็ก (ยกเว้นเจลาติน) ต้มส่วนผสมด้วยไฟอ่อนจนเดือด ใส่เจลาติน ที่แช่น้ำเย็นจนนิ่ม คนให้ละลายเข้ากัน เทใส่พิมพ์แล้วนำไปแช่เย็นจนเซ็ตตัว ส่วนผสม Milk Chocolate Feuilletine เฟยติน (Feuilletine) 50 กรัม | มิลก์ช็อกโกแลต 50 กรัม   วิธีทำ ละลายช็อกโกแลตบนหม้อน้ำร้อน (Double Boiling) แล้วเทใส่เฟยติน คนให้ช็อกโกแลตเคลือบทั้งหมด ตักใส่กระดาษไขแล้วปิดทับด้วยกระดาษไขอีกแผ่น รีดให้บางและตัดตามขนาดที่ต้องการ หรือสามารถกดใส่พิมพ์ขนาดตามชอบได้ วิธีประกอบเค้ก วางเนื้อเค้กสลับกับมูสช็อกโกแลตให้ได้ 3-4 ชั้น ราดเจลลีราสป์เบอร์รีและสตรอว์เบอร์รีบนหน้า พักไว้ให้เซ็ตตัว ตัดแบ่งเป็นชิ้นขนาดตามต้องการ ตกแต่งหน้าด้วยมิลก์ช็อกโกแลตให้สวยงาม เอื้อเฟื้อสูตรและทำอาหารสำหรับถ่ายภาพ พีเจ-พิมพ์ภัทรา พิมพาภรณ์ และปลื้ม-ภูพิรัฐ ละมัยเกศ ทีม Chow Down วิทยาลัยดุสิตธานี รองชนะเลิศอันดับ 1 Gourmet & Cuisine Young Chef 2024

G&C ชวนมาฉลองวันวาเลนไทน์ปีนี้ด้วยเมนูของหวานจากน้องๆ ผู้ชนะการแข่งขันทำอาหาร Gourmet & Cuisine Young Chef 2024 ทีม Witty มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กับเมนู Raspberry Creamer by Team Witty มูสราสป์เบอร์รี สอดไส้ครีมสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวหวานและเกลซสีชมพูสวย ส่วนผสมและวิธีทำสตรอว์เบอร์รีเจลลี สตรอว์เบอร์รีพูเร่ 250 กรัม | กลูโคสไซรัป 25 กรัม |  น้ำตาลทราย 35 กรัม | น้ำเลมอน 2 กรัม | เจลาตินแผ่น (แช่น้ำเย็น) 7.5 กรัม ต้มสตรอว์เบอร์รีพูเร่ กลูโคสไซรัป น้ำตาลทราย และน้ำเลมอนให้เดือด ปิดไฟ ใส่เจลาติน คนผสมให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์ พักไว้ให้เซ็ตตัว ส่วนผสมมูส (Raspberry Creamer) นมรสจืด 188 กรัม | วิปปิงครีม (1) 188 กรัม | น้ำตาลทราย 100 กรัม | ราสป์เบอร์รีพูเร่ 375 กรัม | ไวต์ช็อกโกแลต 600 กรัม | เจลาตินแผ่น (Bloom) 28 กรัม | วิปปิงครีม (2) 750 กรัม | ไข่แดง 158 กรัม   วิธีทำ อุ่นนม วิปปิงครีม (1) และน้ำตาลทรายให้น้ำตาลละลาย จากนั้นแบ่งเป็น 2 ส่วน นำส่วนที่ 1 ผสมกับไข่แดง คนให้เข้ากันแล้วผสมกับส่วนที่ 2 จากนั้นนำไปต้มวัดอุณหภูมิให้ได้ 82 องศาเซลเซียส (คนตลอดเวลา) ใส่เจลาติน คนให้เข้ากันเล็กน้อย ใส่ไวต์ช็อกโกแลต ใช้เครื่องปั่นมือถือผสมให้เข้ากัน พักไว้ให้เย็น ใส่วิปปิงครีม (2) ผสมให้เข้ากัน พักไว้ เทมูสใส่พิมพ์ครึ่งหนึ่งของพิมพ์ ใส่สตรอว์เบอร์รีเจลลี ใส่มูสจนเต็มพิมพ์ นำไปแช่เย็นจนเซ็ตตัว ส่วนผสมและวิธีทำบาร์วานิลลา เนยจืด 175 กรัม | น้ำตาลไอซิง 85 กรัม | แป้งเค้ก 250 กรัม | ผงฟู 2 กรัม | ผงอัลมอนด์ 50 กรัม ตีเนยกับน้ำตาลไอซิงจนขึ้นฟูและสีอ่อนลง ใส่แป้งเค้ก ผงฟู และผงอัลมอนด์ ผสมให้เข้ากัน จากนั้นรีดแป้งให้บางประมาณ 3 มิลลิเมตร กดด้วยพิมพ์วงกลม พักไว้ในตู้เย็นให้เซ็ตตัว นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นาน 13 นาที หรือจนกว่าจะสุก ส่วนผสมไวต์เกลซ น้ำตาลทราย 370 กรัม | น้ำเปล่า 180 กรัม | กลูโคสไซรัป 17 กรัม | วิปปิงครีม 240 กรัม | เจลาตินแผ่น (แช่ในน้ำเย็น) 15 กรัม | ไวต์ช็อกโกแลต 150 กรัม ต้มน้ำตาลทราย น้ำเปล่า กลูโคสไซรัป และวิปปิงครีมจนละลายเข้ากัน ใส่เจลาตินและไวต์ช็อกโกแลต คนส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง พักไว้ให้เย็น (25 องศาเซลเซียส) จากนั้นนำไปเกลซมูสให้สวยงาม ตักมูสวางบนบาร์วานิลลา ยกใส่จานเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีสดและช็อกโกแลตให้สวยงาม เอื้อเฟื้อสูตรและทำอาหารสำหรับถ่ายภาพ ดรีม-ชนม์นิภา ภูลายดอก และมีมี่-ศิริโสภา บัณฑิตสกุลพร ทีม Witty มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา รางวัลชนะเลิศ Gourmet & Cuisine Young Chef 2024

มะเส็ง...ปีงูเล็กมาแล้ว! มาบอกว่าปีนี้ป้าเจี๊ยบได้ฤกษ์ครบ 6 รอบนะ ต้องรักษาสุขภาพให้มาก ถ้าอยากจะเที่ยวต่อไปอีก...อิอิ   ป้าเจี๊ยบจัดโปรแกรมทัวร์ต่างประเทศไว้เดือนละครั้ง หลีกเลี่ยงเสาร์ที่สามของเดือนไว้ เพราะวันครอบครัวที่เรียกกันติดปากว่า “รายการกินกันวันเสาร์” ซึ่งแต่เดิมเคยจัดทุกเสาร์ เปลี่ยนเป็นจัดเดือนละครั้งแล้วค่ะ เนื่องจากแม่ครัวขอเที่ยวมากขึ้นก่อนที่จะไม่มีแรงไป...ฮา!   เดือนไหนมีวันเกิดของสมาชิก ป้าเจี๊ยบจะจัดในวันเสาร์ที่สามของเดือนนั้นๆ บางทีตรงวัน แต่ส่วนใหญ่ไม่ตรง ซึ่งไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะทุกคนสนุกสนานเฮฮาฉลองกันได้ทั้งนั้น   เดือนเกิดของพี่มิ้นท์ หลานหมายเลขสาม ป้าเจี๊ยบทำพุดดิงมะตูมค่ะ   เริ่มด้วยการสับเนื้อมะตูม 100 กรัมจนละเอียด ใส่ในถ้วยกระเบื้อง เทน้ำร้อน 6 ช้อนโต๊ะ และตักโซเดียมไบคาร์บอเนต 1/2 ช้อนชาใส่ลงไป คนให้เข้ากันพักไว้ประมาณ 10 นาที แล้วนำมายีผ่านกระชอนให้เป็นของเหลวข้นๆ วางพักไว้   นำถาดอบวงกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว มาทาด้านในด้วยเนยจนทั่ว โรยแป้งสาลีอเนกประสงค์ให้เกาะติดกับเนยแล้วเคาะถาดให้แป้งส่วนเกินหลุดออกไป วางเตรียมไว้   เตรียมชามแห้งมีแป้งสาลีอเนกประสงค์ 75 กรัม ผงฟู 1 ช้อนชา เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน วางพักไว้   ทำชามเปียกโดยใช้ตะกร้อมือตีเนยสดรสจืด 40 กรัม (อุณหภูมิห้อง) กับน้ำตาลทรายแดง 20 กรัม (ร่อนแล้ว) และน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะจนส่วนผสมเข้ากันดี แล้วใส่ไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟองลงไป ตีต่ออีกจนส่วนผสมกลมกลืนกัน   จากนั้นใส่ชามแห้งและมะตูมที่เตรียมไว้ ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน เทลงถาดอบ ยกถาดกระแทกกับเคาน์เตอร์ 2-3 ครั้งเพื่อไล่ฟองอากาศ แล้วนำถาดเข้าเตาอบที่ตั้งปุ่มอุณหภูมิไว้ 165 องศาเซลเซียส ปุ่มไฟบน-ล่าง ปุ่มเวลา 30 นาที   ระหว่างอบพุดดิงป้าเจี๊ยบทำซอสคาราเมล โดยใส่เนยสดรสเค็ม 60 กรัม น้ำตาลทรายแดง 60 กรัม น้ำเชื่อมข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ และนมข้นจืด 60 กรัมลงในหม้อเคลือบ นำไปตั้งไฟกลาง ใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นปล่อยให้เดือดจนเป็นฟอง แล้วปิดไฟ   เมื่อได้ยินเสียงติ๊ง ป้าเจี๊ยบนำถาดออกมาคว่ำลงบนตะแกรงแล้วยกพุดดิงใส่ลงในจานเสิร์ฟ ใช้ไม้จิ้มฟันเจาะผิวหน้าพุดดิงเป็นรูๆ ห่างกันประมาณ 1 เซนติเมตร ตักซอสคาราเมลอุ่นๆ ราดลงบนหน้าพุดดิงที่เพิ่งออกจากเตาอบ ป้าเจี๊ยบแบ่งซอสไว้ครึ่งหนึ่งสำหรับราดตอนเสิร์ฟ   หลังจากเพลงอวยพรและเป่าเทียนเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาเสิร์ฟพุดดิงมะตูม พี่มิ้นท์ทำหน้าที่บีบวิปครีม ป้าเจี๊ยบเป็นฝ่ายราดซอสคาราเมล   ทุกคนมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าอร่อยมาก หอมมะตูมทุกคำ...เย้!  

ผ่านคริสต์มาสไปแล้วแต่เมนูช็อกบอลลูกสน ยังน่ารักอิงไปกับทุกเทศกาล ช็อกโกแลตแน่นเต็มคำหน้าตาสวยงามถูกใจทั้งคนรับและคนให้   ส่วนผสม เค้กช็อกโกแลต 300 กรัม ดาร์กช็อกโกแลตละลาย 500 กรัม เนยเค็มละลาย 130 กรัม อัลมอนด์สไลซ์อบ 1/4 ถ้วย วิธีทำ ทำช็อกบอลโดยบดเนื้อเค้กช็อกโกแลตเป็นชิ้นเล็กๆ ละลายดาร์กช็อกโกแลต 200 กรัม เนยสด 50 กรัม บนหม้อน้ำร้อน คนให้ละลาย เทช็อกโกแลตละลายลงในเนื้อเค้ก ผสมให้เข้ากัน  ปั้นเป็นก้อน นำอัลมอนด์สไลซ์อบมาเสียบให้เป็นหนามรอบๆ เค้ก ละลายช็อกโกแลตกับเนยที่เหลือคนให้เข้ากัน ตักช็อกโกแลตละลายราดบนช็อกบอลให้ทั่ว พักไว้ จัดใส่จานเสิร์ฟ โรยเกลือหิมาลายันเล็กน้อย

อีกหนึ่งสูตรเค้กที่ไม่ต้องใช้เตาอบ แถมยังใช้วัตถุดิบน้อยกินง่ายแชร์กันได้หลายคน   ส่วนผสม แครกเกอร์ 200 กรัม วิปปิงครีม 3/4 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 1/2 ถ้วย ดาร์กช็อกโกแลตชนิดกระดุม 700 กรัม วิธีทำ ตีวิปปิงครีมให้พอขึ้นฟู ใส่น้ำตาลไอซิง ตีต่อให้เข้ากันจนอยู่ตัว แช่เย็นไว้ ละลายดาร์กช็อกโกแลตบนน้ำร้อน คนให้เข้ากัน ยกลงแล้วคนต่อจนช็อกโกแลตข้น ตักช็อกโกแลตละลายใส่ลงในพิมพ์  บีบวิปครีมบนแครกเกอร์นำไปวางเรียงใส่พิมพ์ช็อกโกแลต โดยวางแนวตั้งจนเต็มพิมพ์ ราดช็อกโกแลตละลายที่เหลือปิดทับแครกเกอร์ครีม นำไปแช่เย็นไว้จนอยู่ตัว ตัดเป็นชิ้นจัดใส่จานเสิร์ฟ