วันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 416 Views
ถ้าคุณรู้ว่าตัวเองเป็นนักเดินทางที่รักอิสระและชอบการผจญภัย เป็นคนที่ชอบการถ่ายภาพจริงจัง หรือเป็นคนที่ชอบแสวงหาดินแดนแปลกใหม่ในโลก แต่คุณยังไม่เคยเดินทางไปปากีสถาน (Pakistan) เลยละก็ ขอบอกว่าคุณพลาดครั้งใหญ่แล้ว เพราะประเทศนี้ไม่ได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมโบราณเท่านั้น ทว่ายังมีถนนสาย “คาราโครัมไฮเวย์” ที่นักผจญภัยทั่วโลกใฝ่ฝันถึง และเรากำลังจะพาคุณไป ณ บัดนี้
ผืนน้ำสีเขียวอมฟ้าเทอร์คอยส์ล้อมด้วยขุนเขาตระหง่านของทะเลสาบอัตตาบัด
คนไทยส่วนใหญ่รู้จักปากีสถานน้อยมาก นี่จึงอาจเป็นเหตุผลว่าทำไมแต่ละปีมีคนไทยไปปากีสถานแค่ 900 กว่าคน คนปากีสถานอาจจะไว้หนวดเครายาวตามธรรมเนียมนิยมของศาสนาอิสลาม แต่เมื่อได้สัมผัสแล้วจะพบว่าเขาใจดี ยิ้มแย้ม ชอบพูดคุย แถมมีน้ำใจไมตรีช่วยเหลือตลอดเวลา น่ารักมากๆ
ธารน้ำแข็งบาทูร่าเป็นธารน้ำแข็งยาวอันดับ 5 ของโลก นอกเขตขั้วโลก
ทริปนี้เราเน้นนั่งรถเที่ยวไปบนถนนสูงที่สุดในโลกเส้นทางหนึ่ง เรียกว่า “ถนนสายคาราโครัมไฮเวย์” (Karakoram Highway) ซึ่งได้รับสมญานามว่าเป็น “สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก” เพราะพาดผ่านบนความสูงเกือบ 5,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล สร้างขนานไปกับเส้นทางสายไหมโบราณ (Ancient Silk Road)เชื่อมโลกตะวันออกจากจีนไปตะวันตกที่กรุงโรม คาราโครัมไฮเวย์สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของปากีสถาน-จีน ยาว 1,300 กิโลเมตร ส่วนที่อยู่ในปากีสถานยาว 887 กิโลเมตร และในจีนยาว 413 กิโลเมตร กว่าจะสร้างเสร็จก็ต้องสังเวยชีวิตคนงานไปหลายร้อยคน เหตุเพราะหินถล่มทับบ้าง หนาวตายบ้าง และเป็นโรคแพ้ความสูงตายบ้าง จึงมีอนุสาวรีย์รำลึกอยู่ข้างทางด้วย
แม้จะเป็นถนนแค่สองเลนแต่คาราโครัมย์ไฮเวย์ก็มีสภาพถนนดีเยี่ยม
สะพานไม้เก่าเมืองกิลกิตเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนชอบไปถ่ายภาพกัน
ผมบินจากไทยไปกรุงอิสลามาบัด (Islamabad) เมืองหลวงของปากีสถาน แล้วต่อเครื่องบินใบพัด ขึ้นเหนือสู่แคว้นกิลกิต-บัลติสถาน (Gilgit-Baltistan) อันเป็นเสมือนประตูสู่ถนนสายคาราโครัมไฮเวย์ กิลกิตคือเมืองหลวงของแคว้นนี้ซึ่งเป็นเมืองใหญ่บนที่ราบสูงโอบขนาบด้วยเทือกเขาและแม่น้ำกิลกิต ผมค้างที่นี่หนึ่งคืนแล้วเริ่มต้นนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อกำลังแรงตรงสู่คาราโครัมไฮเวย์ที่รออยู่
บางช่วงของคาราโครัมไฮเวย์ผ่านเข้าไปในชุมชนที่แสนน่าอยู่
ผมวางแผนว่าจะนั่งรถจากกิลกิตไปด่านชายแดนจีนที่ยอดเขาคุนเจรัป (Khunjerab Pass) ซึ่งต่อเข้าไปในแคว้นซินเจียง ระยะทาง 140 กิโลเมตร แต่ไม่ได้เดินทางรวดเดียว เพราะหนทางจะเลาะเลียบแม่น้ำกิลกิตไปถึงเมืองคาริมาบัด เมืองกุลมิต และเมืองพัสสุตามลำดับ อากาศในช่วงปลายเดือนกันยายนหนาวเย็นขึ้นทุกทีๆ เพราะตอนนี้เราอยู่บนความสูงกว่า 2,700 เมตร และไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ คาราโครัมไฮเวย์มีสภาพดีเยี่ยมเกินความคาดหมาย แม้จะเป็นถนนสองเลนวิ่งสวนกัน แต่พื้นถนนเรียบดีมาก มีป้าย ที่กั้นทาง และเส้นจราจรชัดเจนมากอีกทั้งรถก็ไม่เยอะ การขับขี่ชมวิวจึงชิลสุดๆ เมื่อออกจากกิลกิตในยามเช้าตรู่หนทางเลาะเลียบกับแม่น้ำไปเรื่อยๆ ขนานไปกับเส้นทางสายไหมโบราณ จนถึงจุดที่ต้องแวะชม คือจุดที่สองทวีปชนกันจนเกิดเทือกเขาหิมาลัย จุดนี้เมื่อ 55 ล้านปีก่อนอนุทวีปอินเดียได้เคลื่อนเข้าชนทวีปยูเรเซีย จนเปลือกโลกยกตัวขึ้นกลายเป็นเทือกเขาหิมาลัยในอินเดีย เนปาล เอเวอเรสต์ รวมถึงยอดเขาสำคัญ 5 ยอดของปากีสถานคือ K2 (8,611 เมตร) Nanga Parbat (8,126 เมตร) Broad Peak (8,051 เมตร) Gasherbrum-I (8,068 เมตร) และ Gasherbrum-II (8,036 เมตร)
ยอดเขา Ladyfinger แหลมเฟี้ยวพุ่งทะยานขึ้นเสียบเมฆ
เทือกเขารูปทรงประหลาดเหมือนดาวอังคารที่เมืองพัสสุ
ถนนคาราโครัมไฮเวย์ในปากีสถานเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า China-Pakistan Friendship Highway ซึ่งรัฐบาลทั้งสองประเทศกำลังจะเปิดการค้าเต็มรูปแบบจึงเริ่มมีรถบรรทุกขนาดใหญ่ของจีนแล่นเพิ่มขึ้น เหตุนี้เองทำให้เราขับแซงได้ยากมาก เวลาในการเดินทางบางช่วงจึงเพิ่มขึ้นกว่าจะไปถึงจุดชมวิวราคาโปซี (Rakaposhi View Point) อันเป็นจุดครึ่งทางก็เลยเที่ยงไปมาก จากจุดที่นั่งหม่ำข้าวมองขึ้นไปบนยอดเขาน้ำแข็งสูง 7,788 เมตร นั่นคือยอดเขาราคาโปซีและธารน้ำแข็งที่ละลายลงมาให้ผู้คนได้ดื่มกินตลอดฤดูร้อน น่าตื่นตาตื่นใจเหลือเกิน
สายน้ำหลากไหลจากการละลายของธารน้ำแข็งที่ Rakaposhi View Point
Khunjerab Pass เป็นจุดเชื่อมต่อคาราโครัมไฮเวย์ของปากีสถานเข้าสู่จีน
ในที่สุดก็ถึงเมืองคาริมาบัด (Karimabad) เขตฮุนซา (Hunza) จะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นเชียงใหม่ของปากีสถานก็ได้ เพราะอยู่บนที่สูงเกือบ 3,000 เมตร อากาศเย็นสบายตลอดปี มีสวนแอปเปิล แอปริคอต และองุ่น ออกผลให้ชิม เมืองนี้ถูกโอบล้อมด้วยเทือกเขาคาราโครัมที่เต็มไปด้วยยอดเขาหิมะ และยอดเขา Ladyfinger ที่มีลักษณะเป็นแท่งหินแหลมเฟี้ยวเด่นกว่ายอดเขาทั้งหมดที่เห็น ในเมืองนี้นอกจากจะมีป้อมโบราณอายุ 500-700 ปี ชื่อป้อมอัลติท (Altit Fort) และป้อมบัลติท (Baltit Fort) ให้ชมแล้ว ยังมีหมู่บ้านอายุกว่า 1,000 ปี ซึ่งถือเป็นชุมชนแรกในแคว้นกิลกิต-บัลติสถาน ส่วนหนึ่งเป็นคนผิวขาว ตาสีฟ้า หน้าคมเหมือนคนยุโรป เพราะเป็นลูกหลานของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ที่กรีฑาทัพไปตีชมพูทวีป เมื่อ 326 ปีก่อนคริสตกาลโน้น และบางหมู่บ้านก็ยังใช้น้ำประปาภูเขาจากคลองส่งน้ำโบราณาอายุหลายร้อยปี ที่ต่อมาจากการละลายของธารน้ำแข็งบนยอดเขาสูง นับเป็นการกินอยู่พึ่งพิงธรรมชาติจริงๆ ครับ
ตลาดเมืองกิลกิตเต็มไปด้วยพืชผักผลไม้และรอยยิ้มของผู้คน
ลายสลักรูปตัวไอเบ็กซ์เขาโง้งที่หินศักดิ์สิทธิ์เมืองฮุนซา
ระหว่างทางจากเมืองคาริมาบัตต่อไปเมืองกุลมิต (Gulmit) และเมืองพัสสุ (Passu) เราจะพบ “หินศักดิ์สิทธิ์” (Holy Rock) ซึ่งมีลายสลักหินยุคศตวรรษที่ 1 เป็นรูปฝูงแพะภูเขาไอเบ็กซ์ (Ibex) นี่คือจุดที่ผู้จาริกชาวพุทธเคยหยุดพัก ขณะเดินทางแสวงบุญไปตามเส้นทางสายไหมโบราณสู่เมืองตักศิลา โดยจากจุดนี้ถ้าเราขับรถข้ามแม่น้ำฮุนซาไป แล้วขับรถเลียบแม่น้ำเนเกอร์ (Nagar River) อีก 2 ชั่วโมง ก็จะถึงจุดชมวิวธารน้ำแข็งโฮเปอร์ (Hoper Glacier) เป็นหนึ่งในธารน้ำแข็งที่เคลื่อนตัวเร็วที่สุดในโลก คือเคลื่อนตัวได้ระยะทางกว่า 110 ฟุต ในเวลาแค่ 3 เดือน และเราสามารถเข้าถึงมันได้อย่างง่ายดาย
Eagle’s Nest Hotel คือรีสอร์ตดีที่สุดในเมืองคาริมาบัดต้องไปพักให้ได้
หนทางช่วงต่อไปจะผ่าน “อุโมงค์อัตตาบัด” (Attabad Tunnels) เป็นอุโมงค์ยาวที่สุดของปากีสถานคือยาวถึง 7 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์ต่อกัน 5 ช่วง เพราะบริเวณนี้เคยเกิดหินถล่มทับถนนเสียหายบ่อยมาก เขาจึงเจาะอุโมงค์วิ่งลอดซะเลย พอพ้นอุโมงค์ออกมาก็ร้องว้าว เจอกับทะเลสาบมหึมาสีเขียวอมฟ้าเทอร์คอยส์ “ทะเลสาบอัตตาบัด” (Attabad Lake) เกิดจากการสร้างเขื่อนและมียอดเขาทรงแหลมเฟี้ยวโอบล้อมอยู่ มันสะท้อนลงบนผิวน้ำยามแดดส่องกระจ่างตา แถมมีกิจกรรมล่องเรือเที่ยวด้วย แต่เราเวลาน้อยต้องรีบไปก่อน
ปากทางเข้า Attabad Tunnel เป็นอุโมงค์ยาวที่สุดในปากีสถาน
ขับรถผ่านอุโมงค์คาริมาบัดรู้สึกตื่นเต้นดี เพราะข้างในแทบมืดสนิท
ใครชอบกิจกรรมทางน้ำจะไปเล่นเจ็ตสกีที่ทะเลสาบอัตตาบัดก็ได้นะ
การค้างที่เมืองกุลมิตหนึ่งคืนถือว่าคุ้ม เพราะจะได้ชม “สะพานแขวนฮุสไซนี่” (Hussaini Bridge) ข้ามทะเลสาบบอริท ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นสะพานแขวนที่อันตรายที่สุดในโลก เพราะขึงด้วยลวดสลิงธรรมดา ส่วนพื้นก็ใช้ท่อนไม้วางพาดห่างๆ กัน จึงมีช่องว่างให้หวาดเสียวตลอดการเดินไป ออกจากเมืองพัสสุแล้วคาราโครัมไฮเวย์ก็คดเคี้ยว วกวน สูงชัน ห้อมล้อมด้วยหุบเขากันดาร เห็นยอดเขาหิมะเคียงขนานไปตลอดเวลา ราวกับว่ามันกำลังเฝ้าดูการมาเยือนของคนไกลบ้านอย่างเรา
สวนผลไม้และเทือกเขาหิมะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมที่เมืองคาริมาบัด
ช่วงเดือนสิงหาคมแอปริคอตสดจะออกมาให้ชิมมากมาย
เมื่อผ่านเมืองซอสต์ (Sost) และด่านตรวจของอุทยานแห่งชาติคุนเจรัปไปแล้ว ก็เหลือหนทางอีก 87กิโลเมตรต้องฝ่าฟันความสูงเพิ่มขึ้นเป็น 4,300 กว่าเมตร ภูเขามีแต่ความโล่งเลี่ยน สภาพภูมิประเทศสองข้างทางดูรกร้างว่างเปล่า คล้ายกับว่าเรากำลังอยู่บนดาวเคราะห์นอกโลกอากาศเย็นยะเยือก ห่มคลุมด้วยหมอกสลัวราง แลลึกลับ ภูเขาหิมะโดยรอบมีรูปทรงแหลมชูชันราวฟันเลื่อย ขนาดใหญ่โตมโหฬารและสูงมากจนท้องฟ้าแลต่ำเตี้ยไปเลย ไม่มีต้นไม้เหลือสักต้น มีแต่ความวังเวงจนเราได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น วิวที่เห็นนั้นงามราวภาพฝัน เห็นตัว Golden Marmot เป็นกระรอกดินขนาดใหญ่ขุดโพรงอยู่ใต้ดินแอบโผล่ขึ้นมาทักทายเรา จนกระทั่งไปถึงความสูง 4,735 เมตร ก็เห็นด่านชายแดนจีน Khunjerab Pass อยู่ข้างหน้าแล้ว ท่ามกลางหิมะโปรยบางๆ กับความเย็นจับขั้วหัวใจ
เหนื่อย หนาว หิว ไกล แต่คุ้ม งดงาม ตื่นตาตื่นใจ และประทับใจสุดๆ ผมบอกคุณได้แค่นี้ครับ...
Traveler’s Guide
Eating Out
Eating Out
Eating Out
Recipes
Recipes
Recipes
Recipes
Recipes
Eating Out
คุณได้สมัครรับข่าวสารเรียบร้อยแล้ว
ความคิดเห็น