การปลูกผมในปัจจุบันไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับความมั่นใจในชีวิตประจำวันของผู้คนจำนวนมาก ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การปลูกผมมีหลายวิธีให้เลือก หนึ่งในคำถามที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงคือ “ทำไมการปลูกผมแบบ DHI ถึงมีราคาสูงกว่าแบบ FUE ทั้งที่ดูเหมือนคล้ายกัน?” คำถามนี้มีคำตอบที่เกี่ยวข้องกับทั้งเทคนิค ขั้นตอน เครื่องมือ และผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน

ความแตกต่างระหว่าง FUE กับ DHI คืออะไร ?
ก่อนจะไปถึงเรื่องของราคา เราควรเข้าใจพื้นฐานของแต่ละวิธีก่อน
- FUE (Follicular Unit Extraction) เป็นเทคนิคที่แพทย์จะใช้เครื่องมือขนาดเล็กเจาะเอากราฟต์เส้นผม (Follicular Units) ออกมาจากบริเวณท้ายทอย จากนั้นจะมีการเปิดแผลบริเวณที่ต้องการปลูก และค่อย ๆ ใส่กราฟต์ลงไปตามช่องที่เตรียมไว้ จุดเด่นคือใช้เวลาทำไม่นาน เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลูกจำนวนมากในคราวเดียว และค่าใช้จ่ายมักอยู่ในระดับกลาง
- DHI (Direct Hair Implantation) เป็นเทคนิคที่พัฒนาต่อยอดมาจาก FUE โดยใช้เครื่องมือพิเศษที่เรียกว่า Implanter Pen หรือ Choi Pen ซึ่งสามารถฝังเส้นผมเข้าไปโดยไม่ต้องเปิดแผลล่วงหน้า กล่าวคือ แพทย์จะเจาะและปลูกกราฟต์ลงไปในเวลาเดียวกัน ส่งผลให้แผลเล็ก ฟื้นตัวไว และควบคุมทิศทางของเส้นผมได้แม่นยำกว่า
ทำไมการปลูกผมแบบ DHI จึงมีราคาสูงกว่า FUE ?
- เครื่องมือเฉพาะทางที่มีต้นทุนสูง Implanter Pen ที่ใช้ในเทคนิค DHI เป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ความแม่นยำสูง ผลิตด้วยวัสดุเฉพาะ และในหลายกรณีจำเป็นต้องใช้หลายด้ามเพื่อความต่อเนื่องของงานปลูก นอกจากนี้ยังต้องเปลี่ยนปลายหัวเข็มเพื่อรักษาความสะอาดและประสิทธิภาพ ซึ่งล้วนแต่เพิ่มต้นทุน
- ใช้บุคลากรที่มีความชำนาญสูงกว่า การปลูกผมด้วย DHI ต้องอาศัยทีมแพทย์และผู้ช่วยที่ผ่านการอบรมมาอย่างเข้มข้น เพราะต้องทำงานร่วมกันอย่างละเอียดในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกกราฟต์ไปจนถึงการฝังลงผิวหนังโดยไม่ผิดองศา หากทีมไม่มีประสบการณ์เพียงพอ ผลลัพธ์อาจไม่เป็นธรรมชาติ
- ใช้เวลาในการทำมากกว่า FUE แม้จำนวนกราฟต์จะเท่ากัน แต่เหตุผลที่การปลูกผมแบบ DHI มีราคาสูงกว่า FUE เพราะมักใช้เวลานานกว่า เพราะทุกกราฟต์ต้องถูกปลูกด้วยความละเอียดสูงในลักษณะทีละเส้น ไม่มีขั้นตอนเปิดแผลล่วงหน้าแบบ FUE การทำทีละเส้นย่อมหมายถึงต้นทุนด้านเวลาที่สูงกว่า
- ควบคุมผลลัพธ์ได้แม่นยำกว่า การที่ DHI ควบคุมความลึก มุม และทิศทางของการฝังกราฟต์ได้ละเอียด ช่วยให้แนวผมดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริเวณแนวไรผมด้านหน้า ซึ่งมีผลต่อความงามโดยตรง เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติแบบ High-Definition
แล้วควรเลือกวิธีไหนดี ?
หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติระดับสูง ฟื้นตัวเร็ว มีเวลาพักฟื้นจำกัด และสามารถลงทุนได้ การเลือก DHI อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสม แต่หากคุณต้องการปลูกผมจำนวนมากในคราวเดียว เน้นความคุ้มค่าในระดับราคาที่เข้าถึงได้ FUE ก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย
ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อประเมินลักษณะเส้นผม พื้นที่ศีรษะที่ต้องการปลูก และเป้าหมายของคุณอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เพราะแม้จะเป็นเทคนิคที่ดีแค่ไหน แต่หากไม่เหมาะกับสภาพผมและหนังศีรษะของคุณ ก็อาจไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
การปลูกผมแบบ DHI มีราคาราคาสูงกว่า FUE จริง ด้วยเหตุผลที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือ บุคลากร ความละเอียดของงาน และคุณภาพของผลลัพธ์ แม้จะมีต้นทุนที่สูงกว่า แต่สำหรับหลายคนแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มค่ากับการลงทุนในระยะยาว โดยเฉพาะในแง่ความมั่นใจและภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Tag:
การดูแลสุขภาพ, ความงาม
ความคิดเห็น