โคโคเทล คาเฟ่ มีจุดเด่นอยู่ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นโรงแรมด้วย แต่ให้บริการเฉพาะเครื่องดื่มและขนมเท่านั้น ส่วนอาหารให้บริการช่วง 07.00-21.00 น. อาหารของที่นี่นำเอากลิ่นอายของอาหารญี่ปุ่นผสมอเมริกันมาให้ได้ชิมกัน โดยเชฟชาวญี่ปุ่นที่ไปเติบโตในสหรัฐอเมริกา แต่อาหารหลายจานก็นำหน้าด้วยความเป็นญี่ปุ่น อาทิ ข้าวหน้าปลาไหล ข้าวหน้าปลาดิบ และข้าวแกงกะหรี่ หรือถ้าอยากแวะมานั่งชิวเครื่องดื่มที่นี่ก็เด่น อาทิ Hokkaido Melon Milk นมกับไซรัปเมลอน Lemon Ginger Mint ชาร้อนกลิ่นขิง มินต์ และมะนาว     เมนูแนะนำ สลัดแซลมอนกับทูน่า เนื้อปลาสดกับผักสลัด ใส่สาหร่ายวากาเมะ ราดน้ำสลัดซีฟู้ดวาซาบิ   Quesadilla แป้งตอร์ติญาห่อเนื้อเป็ดรมควัน ลูกแพร์อบ และชีส กินกับกรีกโยเกิร์ต ซัลซาพริกดอง และกัวกาโมเล   Spicy Pork Burger ขนมปังบริออชกับแพดดี้ที่ผสมพริกขี้หนู ซอสศรีราชา และพริกดอง   Curry Bowl by Grandma Tomiko ข้าวแกงกะหรี่ที่เคี่ยวมาอย่างเข้มข้นสไตล์ญี่ปุ่นกับผักดอง  

เรียกว่าเปิดมาเอาใจคนเพชรเกษมโดยเฉพาะกับร้าน Wine Mate ของคุณสาริณี ฌามมาส เจ้าของร้านที่มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแอดิเลด (Adelaide) แหล่งผลิตไวน์ดังอย่างเพนโฟร์ ซึ่งเธอมองว่าวัฒนธรรมไวน์ของแอดิเลดน่าสนใจ ไม่ว่าร้านอาหารไหนก็มักจะมีเฮาส์ไวน์ที่สั่งผลิตไว้ใช้ประจำภายในร้านของตัวเอง เมื่อกลับมาเธอจึงอยากนำวัฒนธรรมเช่นนี้มาแนะนำในบ้านเรา     เธอสั่งผลิตไวน์แบรนด์ของร้าน Wine Mate จากเมืองแอดิเลดที่เธอคุ้นเคย มีทั้งไวน์ขาวและไวน์แดง ซึ่งราคานำเข้านั้นไม่ธรรมดา ทั้งๆ ที่ราคาไวน์ที่สั่งผลิตราคาไม่แพง ไวน์ขาว Sauvignon Blanc ขายดีมากจึงไม่มีในสต๊อกแล้ว เหลือเพียงไวน์แดง Shiraz ที่ยังมีอยู่ ที่นี่ไม่ได้มีเพียงเฮาส์ไวน์ที่สั่งผลิตเข้ามาเท่านั้น แต่เธอยังนำประสบการณ์การจับคู่อาหารไทยกับไวน์มาใช้ที่ร้านด้วย     คุณสาริณีจับคู่อาหารของร้านกับไวน์ขาวก่อน ปลาแซลมอนทอดน้ำปลากับไวน์ขาวที่เบลนด์ระหว่างโคลอมบาร์ดและชาร์ดอนเนย์ ให้กลิ่นโอ๊ก กินตัดกับของทอดได้ดี     ต่อด้วยขาหมูทอดไวน์เมต กับไวน์ขาวซาวิญอง บลอง จากนิวซีแลนด์ ลืมไปได้เลยกับขาหมูทั้งขา เพราะจานนี้หน้าตาเหมือนหมูสามชั้นที่ตุ๋นแล้วทอด ราดซอสราสป์เบอร์รีเปรี้ยวๆ     ก่อนเปลี่ยนไปที่ไวน์แดง ปลาทอดสมุนไพรกับไวน์แดงปีโนนัวร์จากนิวซีแลนด์ ตัดรสชาติของสมุนไพรเครื่องเทศที่ทอดมากับปลากะพงได้ดี     ต่อด้วยปีกไก่ซอสไวน์แดงกับไวน์แดงคาบองเนต ซาวิญอง เชื่อมรสชาติกันด้วยไวน์แดง     ส่วนไวน์ไฮไลต์อย่างไวน์แดงชีราส เฮาส์ไวน์ของร้านก็เข้ากันได้ดีกับกุ้งแช่น้ำปลาวาซาบิ หรือจะลองกับไวน์แดงเทมปรานิลโญจากแคว้นริโอฮาก็ได้อยู่  

เปลี่ยนบรรยากาศมากินมื้อเช้านอกบ้านที่ร้าน Early Bite Café ที่คุณลักษณ์เจ้าของร้านเนรมิตโรงเหล็กเก่าให้เป็นร้านสุดเท่ แฝงอารมณ์อบอุ่นแบบโตเกียวคาเฟ่ไว้นิดๆ ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ เสิร์ฟเมนูอาหารเช้าทั้งแบบไทย จีน และตะวันตกให้อร่อยได้ตลอดทั้งวัน ส่วนเบเกอรี่เป็นโฮมเมดทั้งหมด ใช้เนยนำเข้าจากฝรั่งเศสและใช้ช็อกโกแลตอย่างดี การันตีความเข้มข้น สั่งกินคู่กับกาแฟหอมนุ่มด้วยเมล็ดกาแฟจากแม่ฮ่องสอน       เมนูแนะนำ Early Bite Iced Coffee น้ำแข็งกาแฟ นม และมินต์ไซรัป ราดช็อตเอสเปรสโซ นมสด และน้ำเชื่อมลงไป รอให้ละลายจนเข้ากันก่อนดื่ม   China Town ชุดอาหารเช้าสไตล์จีน ทั้งโจ๊กเนื้อเนียนสูตรฮ่องกง ขนมจีบกุ้ง และหมูย่างฮ่องกง   Matcha Waffle วัฟเฟิลหอมกรุ่นชิ้นกำลังดีวางคู่ไอศกรีมมัตฉะรสเข้มและถั่วแดงกวน ราดซอสคาราเมล

นับเป็นอีกหนึ่งร้านที่เราได้เห็นพัฒนาการความอร่อยมาโดยตลอด เริ่มจากร้านรองเท้า ก่อนจะต่อยอดเป็นคาเฟ่ที่มีขนมแสนถูกใจ จนในที่สุด (Un) Fashion ก็มีพื้นที่ให้เราอิ่มแบบหนักๆ อย่างเป็นทางการในทำเลไม่ไกลจากเดิม ทั้งยังนำบรรยากาศสุดสบายกลิ่นอายวินเทจของบ้านไม้หลังใหญ่ที่นอกจากจะมีครัวเปิดทำอาหารเรียกน้ำย่อยแล้ว ภายในยังมีของแต่งบ้านที่คัดสรรมาให้เราเลือกซื้อไปพลางๆ ระหว่างรออาหารกันอีกด้วย       เมนูแนะนำ Fried Squid ปลาหมึกชุบแป้งทอดกรอบๆ กรุ่นกลิ่นกระเทียมและพริกแห้ง จิ้มเพลินกับซอสทาร์ทาร์   Garden Pizza พิซซา (ลุยสวน) สุดเก๋ที่ยกความสดชื่นของสลัดผักชุดใหญ่มาไว้บนแป้งบางกรอบนุ่มชุ่มชีส   Beef Steak Hamburg แฮมเบิร์กเนื้อนุ่มรสหอมละมุนสไตล์ญี่ปุ่น เสิร์ฟพร้อมไข่ดาว และเฟรนช์ฟรายส์ในกระทะร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่า   Fresh Honey Lemon แม้ชื่อธรรมดาแต่ความหอมหวานซาบซ่าของน้ำผึ้งมะนาวก็ทำให้เรารักหมดใจ

ห้องอาหารล่าสุดที่มาพร้อมการเปิดตัวของ Novotel Bangkok Sukhumvit 20 โรงแรมในเครือ Accor Hotels ที่พกพาคอนเซ็ปต์ใหม่สดใสยิ่งขึ้น ทำให้รูปโฉมของ Food Exchange ถูกออกแบบให้ดูสนุกสนานไม่แพ้กัน ด้วยการลดความเป็นทางการของห้องอาหารโรงแรมที่หลายคนเคยเกร็งให้กลายเป็น Food Market ที่ชูโรงความอร่อยอันหลากหลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาปรุงเป็นเมนูอาหารสุดพิเศษให้เลือกชิมกันอย่างจุใจ     เช่นเดียวกับบรรยากาศที่ทำให้ดูคึกคักมากยิ่งขึ้นจากโซน Life Cooking ที่เราจะได้เห็นการทำอาหารทุกจานกันแบบสดๆ แถมยังพ่วงด้วยพื้นที่โซน Co-Working Space โต๊ะไม้ยาวๆ ที่สามารถให้คุณได้มาจิบกาแฟ หรือนั่งทำงานกันแบบเพลินๆ     แต่ถ้านั่งทำงานอย่างเดียวก็น่าเสียดาย เพราะตอนนี้กลิ่นอาหารหอมๆ จากฝีมือเชฟ Janne A. Olikainnen ลอยมาเตะจมูกเป็นที่เรียบร้อย เราขอเริ่มต้นมื้อด้วย Pulled Kurobuta & Iceberg Salad สลัดหมูคุโรบุตะดีไซน์เก๋ที่หน้าตาเหมือนกับเอาผักสลัดครึ่งหัวมาโรยหน้าด้วยหมูฝอย แม้หน้าตาจะดูธรรมดา แต่รสชาติอร่อยและสดชื่นอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อความหอมหวานของหมูฝอยผสมผสานกับความเข้มข้นของครีมชีสและบลูชีสได้อย่างลงตัว     ก่อนอ้าปากคำโตกับ Giant Wagyu Beef Burger เบอร์เกอร์เนื้อวากิวที่ใหญ่บิ๊กสมชื่อ สอดไส้ความอร่อยเต็มคำถึง 5 ชั้น เริ่มตั้งแต่หมูฝอยคุโรบุตะ ไข่ดาว ชีสเชดดาร์ เนื้อวากิว และผักสลัดสดๆ เรียงชั้นสวย แต่ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะทีเด็ดของจานนี้ยังอยู่ที่ความกรุบกรอบของโฮมฟรายส์ชิ้นโต     ส่วนใครที่ชอบรสชาติจัดจ้านก็อย่าลืมลอง Kaeng Hanglay แกงฮังเลที่เชฟคนเก่งได้สูตรมาจากเชียงใหม่ แต่ปรับรสให้อ่อนลงเล็กน้อย แต่กลิ่นหอมๆ ของเครื่องเทศก็ยังคงถูกใจ ซี้ดซ้าดกันได้ตามระเบียบ     แล้วปิดท้ายกับ Mango & Meringue ที่นำความหวานฉ่ำของมะม่วงมาจับคู่กับความกรุบกรอบของเมอแรงก์ได้อย่างน่าประทับใจ     ที่สำคัญยังมีรสเปรี้ยวของซอสเสาวรสให้แก้เลี่ยน และกว่าจะรู้ตัวอีกทีก็หมดจานเสียแล้ว  

Toro Bangkok ทาปาสบาร์ของ 2 เซเลบริตีเชฟ เคน โอริงเกอร์ (Ken Oringer) และเจมี่ บิสซอนเนต (Jamie Bissonnette) ทั้งคู่เริ่มต้นร้านแห่งแรกในบอสตัน ก่อนขยายสาขา 2 มายังนิวยอร์ก แทนที่จะขยายไปยังเมืองใหญ่ในสหรัฐอเมริกา แต่โทโร่กลับเลือกกรุงเทพฯ เป็นร้านแห่งที่ 3 ของแบรนด์ โดยใส่ความเป็นสแปนิชบาร์แบบบาร์เซโลนาเข้ามา แต่เพิ่มเติมความโมเดิร์นเข้าไปด้วย โดยมีเชฟแซค วัตคินส์ (Zach Watkins) เชฟที่ทำงานร่วมกับเชฟทั้งคู่อย่างยาวนานมาประจำการที่สาขานี้     เชฟแซคเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น ทำให้ต้องปรับรสชาติบ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้รสจัดแบบอาหารไทย อาหารบางจานยังคงรสชาติของโทโร่บอสตันและนิวยอร์ก บางจานก็ทำให้ยูนีคสำหรับกรุงเทพฯ อย่างการนำเอามังคุดและกระเจี๊ยบมาใช้     ทาปาสของโทโร่ไม่เล็กและไม่ใหญ่เกินไป เริ่มที่ Pan Con Tomate with Anchovies ทาปาสเมนูนี้แบบดั้งเดิมจะไม่ใส่แอนโชวี เป็นขนมปังกรอบๆ ทามะเขือเทศบด ไอโอรี และแอนโชวี รสเปรี้ยวหวานของมะเขือเทศกับรสเค็มของปลา     อีกจานที่เรียกว่าเป็นทาปาสจานเด่น Setas Y Huevo อาหารสไตล์ซานเซบาสเตียนของสเปน ไข่แดงกับเห็ดผัด กินรวมกันแล้วรสเค็มๆ มันๆ อร่อยดี     และ Asado De Huesos  ไขกระดูกวัวกับแยมหางวัวมาพร้อมสลัดส้ม (ส้มเขียวหวาน ส้มโอ และส้มแมนดาริน) และขนมปังเชียบัตตา รสครีมๆ มันๆ ของไขกระดูกปาดลงบนเชียบัตเตอร์ทาด้วยแยมหางวัว ตัดด้วยรสเปรี้ยวของส้มสดช่วยแก้เลี่ยนได้ดี     แล้วด้วยลักษณะของทาปาสบาร์เราจึงขาดเครื่องดื่มไม่ได้ East G&T จินโทนิกสไตล์เอเชียน ยูซุสาเกผสมจินและใบชิโซะ และ Messi Mule วอดก้าอินฟิวชาแดง มะนาว โซดา และน้ำเชื่อมขิง ค็อกเทลช่วยตัดรสชาติกับอาหารได้ดี  

ร้านน้องใหม่ในเครือ The Never Ending Summer ของคุณด้วง-ดวงฤทธิ์ บุนนาค ที่ไม่เพียงดึงดูดด้วยเรือนกระจกขนาดใหญ่สไตล์อินดัสเตรียลลอฟต์ติดริมแม่น้ำ มีโซนเอาต์ดอร์ไว้นั่งรับลมเย็นสบายยามค่ำคืนเท่านั้น เมนูอาหารยังน่าสนใจไม่แพ้กัน เป็นสไตล์อินเตอร์เนชันแนลและฟิวชันหน้าตาดีจากเชฟมืออาชีพ ฉีกคอนเซ็ปต์อาหารไทยโบราณจากร้านเก่า แถมทำครัวเปิดพร้อมเพิ่มบาร์ชวนตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะนั่งอยู่ร้านไหนก็สามารถสั่ง (ข้ามร้าน) ได้ มาที่นี่ที่เดียวรับรองว่าเอาอยู่นะจ๊ะ!       เมนูแนะนำ สลัดปูนิ่ม ปูนิ่มทอดกรอบไม่อมน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมสลัดเนื้อปูสดหวาน กรูตอง และเลมอน   พอร์กชอปสเต๊ก เนื้อหมูนุ่มฉ่ำซอส กินคู่กับชีสและมะเขือเทศอบบัลซามิกรสเปรี้ยวอมหวาน   แซลมอนสเต๊ก เนื้อนุ่มหนังกรอบ ราดซอสโหระพากลิ่นหอม เพิ่มรสด้วยชีสพาร์เมซานและพายนัต กินแกล้มกับกระเทียมและมะเขือเทศย่าง     Cup c เค้กช็อกโกแลตรสเข้มข้น เนื้อหนึบ ครีเอตโดยเชฟพล ตัณฑเสถียร เป็นการผสมผสานระหว่างคุกกี้และบราวนี่ ทีเด็ดอยู่ตรงผงโรยรสชาติต่างๆ บนวิปครีม 

หากไม่สังเกตลวดลายงานศิลปะและป้ายร้าน หลายคนอาจจะคิดว่า Dreamloft Bar & Restaurant ยังอยู่ในระหว่างตกแต่งร้าน แต่แท้จริงแล้วเป็นความตั้งใจของคุณรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ที่อยากให้ที่นี่มีความเป็นส่วนตัวคล้ายกับบ้าน     คุณรัตน์เชื่อว่าทุกบ้านมีมุมโปรดของตัวเอง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องสมุด โต๊ะพูล และห้องนอน จึงรวมเอาทุกห้องโปรดไว้ในที่เดียว ดีไซน์ร้านเป็นแบบชั้นครึ่งมีชั้นลอยที่แบ่งเป็นห้องกินข้าวซึ่งทำเป็นห้องกระจกใสรอบด้าน รวมถึงพื้นใสที่มองเห็นห้องพูลที่ชั้นล่างได้ ส่วนชั้นล่างมีมุมของบาร์ ห้องรับแขก และห้องนั่งเล่นที่มีเตียงพร้อมโฮมเธียร์เตอร์ไว้เสร็จสรรพ นอกจากนี้ยังนำของสะสมของคุณรัตน์มาใช้ตกแต่งทั่วทั้งร้าน     ไม่เฉพาะดีไซน์ร้านที่น่าสนใจ คุณรัตน์ยังนำอาหารโฮมเมดที่ทำกินกันภายในครอบครัวออกมาให้ได้ชิมกันถึงร้าน มีทั้งอาหารไทยและอาหารตะวันตก เริ่มที่อาหารกินเล่น Tortilla Duck Nachos with Cheddar Cheese and Tomato Salsa เป็ดพะโล้ที่ใส่สมุนไพรเม็กซิกัน ตุ๋นจนเนื้อนุ่มร่วน กับชีสเชดดาร์ ซัลซา และแป้งตอร์ติญาทอดกรอบ     ส่วนอาหารจานหลัก Dream Noodles เป็นจานที่ไม่ควรพลาด เหมือนง่าย แต่ดูมีวิธีการทำที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นสูตรที่ทำกินกันในครอบครัวมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ บะหมี่เส้นหนึบที่คลุกเคล้ากับซอสและกระเทียมเจียวมาแล้วจนมีรสชาติในตัวเอง มาพร้อมปูและหมูหวาน กินเข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ     อีกจานเป็น Roasted Duck Breast อกเป็ดอบพริกไทยดำ ราดซอสที่ทำจากน้ำที่ได้จากเป็ดเคี่ยวกับฟัวกราส์ มาพร้อมมันบดเบคอน     ปิดท้ายที่ของหวาน Chocolate Volcano เค้กช็อกโกแลตลาวากับไอศกรีมพิสตาชิโอและเบอร์รีสดรสเปรี้ยวที่มาตัดรสขมและหวานได้ดี  

ด้วยแรงบันดาลใจในการนำเสนอ “จานเด็ดแห่งอาเซียน”  So asean Café & Restaurant เชิญคุณลิ้มลองความละเอียดอ่อนของอาหารอาเซียนยอดนิยมจากหลากหลายประเทศที่เลือกสรรมาให้คุณโดยเฉพาะ บรรยากาศร้านโปร่งโล่งตกแต่งสไตล์อาเซียนโมเดิร์นเลือกไม้เป็นองค์ประกอบหลักเพราะให้ความรู้สึกอบอุ่นเป็นมิตร รวมถึงของตกแต่งจากวัสดุในท้องถิ่น อาทิ รวงข้าว เครื่องจักสานภาชนะบรรจุเครื่องปรุงแสดงออกถึงวิถีการดำเนินชีวิตและสัมผัสได้ถึงดีเอ็นเอของชาวอาเซียนอย่างแท้จริง       แนะนำจานเด็ด เรนดังไก่ อาหารงานเลี้ยงยอดนิยมของอินโดนีเซียที่ต้องใช้ความพิถีพิถันและเวลาในการต้มไก่กับกะทิจนสุกนุ่มก่อนเคี่ยวนานหลายชั่วโมงพร้อมสมุนไพรสดและเครื่องเทศแห้งกินกับข้าวอัดจัดเสิร์ฟในกระทงตอร์ติญาทอดกรอบ      สลัดหลวงพระบาง หมูย่างเมนูเด่นจากหลวงพระบางอุดมด้วยผักหลากชนิดเสริมรสเด่นด้วยสันคอหมูย่าง ไข่ต้ม มะเขือเทศ คลุกเคล้ากับน้ำสลัดสูตรเข้มข้น     ต่อด้วย หล่าเพ็ด(ยำสลัดใบชา) อาหารยอดนิยมจากเมียนมาคล้ายเมี่ยงคำของไทยให้กลิ่นรสเป็นเอกลักษณ์จากใบชาหมักปรุงรสกินกับเครื่องเคราหลากชนิดได้ทั้งรสอร่อยและเนื้อสัมผัสหลากหลายในคำเดียว      กวยจั๊บญวนหมูย่างหรือข้าวเปียก อร่อยด้วยเส้นเหนียวนุ่มต้มพอสุกในน้ำซุป เสิร์ฟพร้อมหมูยอและสันคอหมูย่าง ได้กลิ่นรสหอมและกลมกล่อมจากผักแพว ต้นหอม และหอมแดงเจียว     ปิดท้ายกับ นาซิเลอมัก(ข้าวอัญชัน) เมนูขึ้นชื่อของมาเลเซียข้าวหอมมะลิหุงกับกะทิและน้ำดอกอัญชันเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคราและซอสซัมบัล    แวะมาเติมสีสันและรสชาติใหม่ๆ พร้อมเปิดประสบการณ์ที่แตกต่างแล้วคุณจะหลงรักอาหารอาเซียนเช่นเดียวกับเรา 

หลังจากเปิดตัว Chi Ultra Lounge ไปเมื่อต้นปี ชี่เพิ่มเติมประสบการณ์ด้านอาหารด้วยการเปิด Mana Cuisine by Blue Elephant ซึ่งได้ทีมจากโรงเรียนสอนทำอาหารบลูเอเลเฟ่นท์ภูเก็ต มาช่วยดูแลในส่วนของอาหาร เพื่อตอบโจทย์ความเป็นซัปเปอร์คลับที่ผสมผสานระหว่างอาหารค่ำและคลับไว้ในที่เดียว     มานา ควีซีน ได้ เชฟโทนีบิช และ เชฟอัญชนา รัตนโกวิท ช่วยกันนำเสนออาหารเอเชียนโมเดิร์นที่เรียกว่า Divine Nourishment ซึ่งเชฟมองว่าอาหารไม่ได้เพียงกินให้อิ่มท้อง แต่ต้องเติมเต็มจิตวิญญาณให้ด้วย เชฟนำเอาวัตถุดิบตามฤดูกาลของโครงการหลวงมาใช้เป็นหลัก โดยนำเอาเทคนิคสมัยใหม่เข้ามาใช้โดยผสมผสานกับความเป็นไทยเอาไว้ในทุกจาน   อาหารทั้งหมดเป็นเซ็ตเมนู มี 3เซ็ต Fire, Water และ Earth เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และมังสวิรัติ ตามลำดับ แต่ละเซ็ตจะปรับเปลี่ยนทุก 3 เดือนตามฤดูกาลของวัตถุดิบ เราเลือก Water ที่เด่นเมนูอาหารทะเล อะมุสบุชเป็นข้าวตังหน้าไข่ปลาแซลมอนและงาดำรมควันด้วยชาไทย เด่นที่กลิ่นควันหอมๆ ทำให้นึกถึงการอบควันเทียนของอาหารไทย      เริ่มคอร์สแรก Scallops, Pan-seared หอยเชลล์นาบกระทะกับเนยผสมตะไคร้ ราดด้วยซอสผลไม้สีแดงรสเปรี้ยว กินกับแมกคาเดเมีย ดอกไม้กินได้ และผงหัวกุ้งอบแห้งผสมเครื่องเทศ ตามด้วยซุป Mae Naam ซุปต้มโคล้งกับหัวไช้เท้าพันกุ้งลายเสือและปลาปรุงรส มาพร้อมสาคูเคี่ยวกับใบกะเพราให้ความเผ็ดร้อนแบบไทยๆ     อาหารจานหลัก Indian Halibut Fish, Pan-fried ปลาตาเดียวทอดกระทะแล้วอบ โรยด้วยคาราเมลส้มและงาขาว มาพร้อมมันม่วงบด แตงกวาคลุกน้ำยำซีฟู้ด และเฟนเนลย่าง     ของหวานที่นี่ก็ไม่ใช่ย่อย เชฟถอดรื้อปรับแครอตเค้กให้กลายเป็น Lemon Sponge Cake เค้กฟองน้ำมะนาว ราดด้วยน้ำแครอตผสมเครื่องเทศ เมอแรงก์ ครีมชีสโฟม และถั่วพีแคนเคลือบคาราเมล  

คาเฟ่น่ารักที่หลายคนคุ้นเคย จากร้านแรกในจังหวัดเชียงใหม่ขยายความอร่อยมาให้เราได้ชิมกันง่ายขึ้นบนถนนพญาไท สำหรับสาขานี้นำแรงบันดาลใจจาก Into The Woods เทพนิยายชื่อดังมาใช้เป็นคอนเซ็ปต์หลัก โดยตกแต่งร้านด้วยงานไม้ที่ชวนให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในป่าลึกลับแต่สวยงาม ในขณะที่อาหารและเครื่องดื่มสไตล์โฮมเมดออกแบบโดยนำตัวละครจากวรรณกรรมเรื่องต่างๆ มาสอดแทรกได้อย่างน่าสนใจ        เมนูแนะนำ Spaghetti Carbonara ทีเด็ดอยู่ที่ครีมซอสเข้มข้นหอมมันและเบคอนรมควันสูตรพิเศษ   Spicy Honey & Ice Cream Waffle วัฟเฟิลสุดเก๋ราดน้ำผึ้งป่าและน้ำผึ้งดอกลำไยผสมพริกและแอปเปิลไซเดอร์ ให้รสหวาน เผ็ด และเปรี้ยว เสิร์ฟคู่ไอศกรีมนมออร์แกนิกหอมหวาน   Roll Cake แนะนำโรลชาเขียวไส้ครีมวานิลลานุ่มเนียนละลายในปาก เสิร์ฟคู่ถั่วแดงบดและวิปครีม   Poppysnaps สมูทตีที่ผสมผสานรสเปรี้ยวของเสาวรสและรสหวานของมะม่วง รวมทั้งความเข้มข้นของโยเกิร์ตได้อย่างลงตัว

เรียกว่าเราไปส่งท้ายกับ OOY Street Kitchen ก่อนย้ายและขยายร้านใหม่ให้ใหญ่โตขึ้น ซึ่งย้ายไปไม่ไกลอยู่ติดกันกับร้านเดิมนี่เอง ความน่าสนใจของร้านนี้อยู่ที่สตรีทฟู้ดจากหลากหลายชาติในราคาสบายกระเป๋า   เชฟออย-รฐพล สุขุม อดีตสถาปนิกหนุ่มที่ค้นพบตัวตนหลังจากไปใช้ชีวิตอยู่ที่ออสเตรเลีย หลังจากร่ำเรียนและทำอาหารนานกว่า 5 ปี เมื่อกลับมายังบ้านเกิดจึงเบนเข็มสู่เส้นทางสายอาหาร เขาลงทะเบียนเรียนอย่างจริงจังที่โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ก่อนย้ายมาเปิดร้านที่บ้านเกิดแฟนสาว คุณเต็มใจ ลิ่มสกุล ในเมืองภูเก็ต แน่นอนว่าในฐานะสถาปนิกเก่าเชฟออยจึงดีไซน์ร้านออกมาในรูปของครัวเปิดโทนสีเหลืองที่เร่งเร้าความอยากอาหาร รวมถึงเปิดโอกาสให้ได้พูดคุยกับลูกค้า สำหรับร้านใหม่เตรียมเพิ่มสตูดิโอสอนทำอาหารสำหรับเด็กๆ ในวันเสาร์และอาทิตย์เอาไว้ด้วย     อาหารของเชฟออยเน้นความเป็นอาหารฝรั่งแบบโฮมคุกกิงและคอมฟอร์ตฟู้ดที่มีกลิ่นอายของอาหารสไตล์เจมี่ โอลิเวอร์ เชฟออยลงมือทำซอสและขนมปังด้วยตัวเองแบบวันต่อวัน จนกลายเป็นอาหารจานเด่นประจำร้าน OYY Salad สลัดผักกรีนโอ๊ก เรดโอ๊ก ใส่ชีสเพโครีโนที่กลิ่นแรงหน่อยและไส้กรอก ราดด้วยน้ำสลัดใสที่ผสมจากวินีการ์แช่หัวหอมและพริกไทย รสชาติคล้ายกับอาจาดที่ไม่เปรี้ยวแหลมแต่ออกหวานนำ      ขนมปังอบโฮมเมดของเชฟออยมี 2 แบบ ขาวและดำ แต่ขนมปังดำได้รับความนิยมมากกว่ากับเมนู Dark Vader เลือกได้ว่าชอบเนื้อหมูหรือเนื้อวัว เชฟทอดเนื้อวัวแบบสเต๊กใช้น้ำมันเดือดๆ ราดลงบนชิ้นเนื้อจนได้ระดับความสุกที่ต้องการ แล้วตบท้ายด้วยเนยและใบไทม์เพิ่มกลิ่นหอมอร่อย แถมเนื้อในยังฉ่ำ กินกับสับปะรด ชีสเชดดาร์ และซอสบาร์บีคิวโฮมเมด โดยเฉพาะขนมปังนุ่มอร่อยมาก     พาสตาก็เป็นอีกจานเด่น Chicken Parmesan เส้นสปาเกตตีผัดซอสมะเขือเทศที่เคี่ยวเอง โปะด้วยไก่ชุบเกล็ดขนมปังทอดกับเนยจากนั้นโรยชีสแล้วอบอีกครั้ง ไม่ว่าจะสปาเกตตีผัดง่ายๆ หรือไก่ทอดก็อร่อยเด็ด     ในอนาคตร้านแห่งใหม่ก็จะเพิ่มสตรีทฟู้ดจากทั่วโลกโดยปรับเป็นสูตรแบบเชฟออย รวมถึงเครื่องดื่มและของหวานที่จะมีมากยิ่งขึ้น

ว่ากันตามจริง Aziamendi ตั้งอยู่ในจังหวัดพังงา แต่ด้วยระยะทางที่ใกล้กับสนามบินภูเก็ต หลายคนจึงเหมารวมเอาบริเวณหาดนาใต้เป็นส่วนหนึ่งของภูเก็ตไปด้วย      ที่นี่เป็นร้านอาหารของเชฟเอเนโก แอกซ์ตา (EnekoAtxa) เชฟมิชลินสตาร์ 3 ดาว ที่อายุน้อยที่สุดของประเทศสเปน เจ้าของร้านอาหาร Azurmendi ในเมืองบิลเบา (Bilbao) เราเคยสัมภาษณ์เขาเมื่อหลายปีก่อน เชฟเคยบอกไว้ว่าเขาเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเป็นหลัก ซึ่งตอนนี้เชฟเอเนโกดึงตัวเชฟไอช่าอิบราฮิม (Aisha Ibrahim) มาช่วยที่ร้าน เชฟไอช่าเลือกใช้อาหารทะเลที่ได้จากชาวประมงแถบนี้รวมถึงผักบางชนิดที่ปลูกในแปลงผักเล็กๆ ของร้าน     อาหารของที่นี่เป็นเทสติงเมนูที่ปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ประมาณ 13-14 คอร์ส แน่นอนว่าเชฟเอเนโกมาช่วยคิดเมนูร่วมกับเชฟไอช่าตลอด ถ้าโชคดีน่าจะมีโอกาสได้กินอาหารจากเชฟมิชลิน 3 ดาว เริ่มที่ Picnic อาหารเรียกน้ำย่อย 3 คำ ที่มาในตะกร้าปิกนิก มะเขือม่วงกับมันหมูหมักเกลืออบ หอยผัดเนยปั้นก้อนชุบแป้งหมึกดำแล้วทอด และเห็ดนางรมอบแห้ง     ก่อนล้างปากด้วยน้ำรสเปรี้ยวหอม ตามด้วย Bonsai มะเขือเทศสอดไส้น้ำมะม่วงและขิงบนต้นบอนไซ กินกับเยลูซาเล็มอาร์ติโชกอบแล้วทอดกรอบ หน้าตาคล้ายเปลือกไม้และ Edible Rock พัฟเผือกทอดโรยผงหัวหอมสอดไส้ครีมชีส กรอบๆ เค็มๆ       จากนั้นอาหารแต่ละจานก็เริ่มสวยน่ากินขึ้นตามลำดับ Poached Oyster หอยนางรมลวกกับข้าวพองหอมนิล ถั่วงอก กะหล่ำม่วงอบแห้ง ในซอสมันหวานและน้ำมันทรัฟเฟิล กินกับขนมปังนมที่เนื้อสัมผัสคล้ายหมั่นโถว   ต่อด้วย Corn Custard คัสตาร์ดข้าวโพดรสหวานๆเค็มๆ กับมันหวานทอดกรอบ เทมปุระเห็ดหูหนู และซอสหอยเม่น กินกับขนมปังฟอกาเซีย Crab เนื้อปู แอปเปิลดอง น้ำมันไชฟ์ แผ่นมะกอกดำกรอบ ราดด้วยซอสครีมแฮมจามองควรกินพร้อมกันให้รสเปรี้ยวหวานขมและกลิ่นหอมของแฮม Tuna ทูน่าจากชาวประมงท้องถิ่นนำมาหมักแล้วรมควัน กินกับไช้เท้าดอง สมุนไพร และแฮชบราวน์กับซอสพริกหยวก เนื้อสัมผัสของทูน่าแปลกดี      Duck เป็ดไทยที่ผ่านการดรายเอจจิงแล้วรมควันนำไปนาบกระทะ มาพร้อมเป็ดกรอบกับซอสพริกหมึกดำ     และจานสุดท้าย Wagyu Beef เนื้อวากิวนาบกระทะ กินกับแคบเนื้อและเห็ดผัด     ปิดท้ายด้วยของหวาน Buckwheat and Olive Oil Mille Crêpe with Basil ให้รสครีมๆมันๆ และกลิ่นโหระพาแทรกเข้ามา กินกับไอศกรีมะพร้าว และ Dulcey Panna Cotta มิลก์ช็อกพานนาคอตตากับสตรอว์เบอร์รีเผาให้หอมและฉ่ำน้ำ  

ใครกำลังมองหาร้านกาแฟบรรยากาศดี สำหรับนั่งทำงานชิวๆ เราแนะนำ Drip & Drop Coffee Supply คาเฟ่ดังจากเมืองเกียวโต ที่ตอนนี้ยกสาขามาไว้ที่ตึก G Tower พระราม 9 ด้วยลุคสุดเท่ไม่แพ้ร้านต้นแบบ ตั้งแต่การจัดดิสเพลย์ร้านที่เน้นความโปร่งสบาย ทีมบาริสต้าที่ผ่านการเทรนด์เป็นพิเศษ รวมถึงเมนูซิกเนเจอร์แบบฉบับของดริปแอนด์ดรอป     เมล็ดกาแฟของที่ร้านมีทั้ง Original Blend ความพิเศษอยู่ที่รสชาติสมดุล ดื่มง่าย ไม่เปรี้ยวเกินและไม่ขมไป ที่สำคัญคือกลิ่นหอมและมีหวานปลายนิดๆ รวมถึงเมล็ดกาแฟแบบ Single Origin เลือกชงได้ตามชอบทั้งเฟรนช์เพรส ดริป และแอโร่เพรส     แก้วแรกแนะนำ Fruits Iced Coffee แก้วนี้เก๋และเรียกความสดชื่นได้ดี (ถ่ายรูปสวยด้วยนะ) น้ำแข็งผลไม้สดก้อนใหญ่ละลายช้าราดด้วยกาแฟดริป แล้วเพิ่มความหวานอีกนิดด้วยไซรัปมาร์มาเลด อีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ Caramel Latte ลาเต้ร้อนรสนุ่มนวล ความสนุกอยู่ที่เสิร์ฟพร้อมแผ่นคาราเมลวางบนปากแก้ว อย่าลืมหักแผ่นคาราเมลให้แตกแล้วคนในลาเต้ช้าๆ เวลาจิบจะได้กลิ่นหอมหวานอวลติดอยู่ในปาก       นอกจากกาแฟจะดีแล้ว ที่นี่ยังเอาใจคนออฟฟิศด้วยเมนูอาหารเช้าแบบง่ายๆ ให้หม่ำได้ตลอดวันอย่าง Hot Dog ขนมปังและฮอทดอกกรุบกรอบเนื้อแน่นสไตล์ญี่ปุ่น ท็อปด้วยผักดองหลากสีสูตรจากเกียวโตรสเปรี้ยวๆ หวาน ๆ อร่อยดี และอีกเมนูที่ไม่อยากให้พลาดคือ Egg Sandwich เพราะนี่ไม่ใช่แซนวิชไข่ธรรมดา แต่เป็นแซนวิชไส้ไข่ม้วน! เพิ่มรสชาติด้วยเบคอน และผักสด เสิร์ฟคู่มันฝรั่งทอด ใครหิ้วท้องมาจากบ้านรับรองว่าเมนูนี้เอาอยู่ เพราะชิ้นโตให้กัดได้เต็มคำ แถมเข้ากันดีกับกาแฟของทางร้าน       ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น เพราะดริปแอนด์ดรอปแอบเพิ่มลูกเล่นให้ต่างจากสาขาที่ญี่ปุ่นด้วยคราฟท์เบียร์แบรนด์ COEDO ไว้ให้นั่งจิบแก้เหนื่อยช่วงหัวค่ำหลังเลิกงาน เรียกว่าตอบโจทย์ได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำเลยทีเดียว

Tag: , กาแฟ,

ย้อนสู่วัยกระโปรงบานขาสั้นกันอีกครั้งที่ Teacher Butter คาเฟ่ในธีมของโรงเรียน  ภายในร้านจึงเต็มไปด้วยตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ไว้อิงแอบ เข้ากับภาพวาดลายเส้นสดใสที่เห็นแล้วเป็นต้องกรี๊ด ให้อารมณ์เหมือนนั่งอยู่ในโรงเรียนอนุบาล ส่วนเมนูอาหารและเครื่องดื่มถูกออกแบบมาให้น่ารักและกินง่าย ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ยังโหยหาความสนุกในวัยเยาว์       เมนูแนะนำ ข้าวหน้าหมูสไลซ์ สันคอหมูสไลซ์บางผัดซอสสูตรพิเศษรสเค็มนำราดบนข้าวสวยร้อนๆ ชามโต   บัตเตอร์เบียร์ เมนูที่ได้แรงบันดาลใจจากพ่อมดน้อยแฮร์รี่ พอตเตอร์ รสซ่าสดชื่นแทรกด้วยความหอมหวานของคาราเมล   ปังเกล็ดหิมะนมชมพู เกล็ดหิมะบางเบาขวัญใจลูกค้าสาวๆ โรยหน้าด้วยคอร์นเฟล็ก จะเปลี่ยนเป็นรสช็อกโกแลตหรือโอวัลตินภูเขาไฟก็ได้เช่นกัน   ขนมปังชีส ขนมปังโรยหน้าด้วยชีสมอซซาเรลลาและชีสเชดดาร์ อบร้อนจนชีสละลาย แนะนำให้ใช้มือหยิบกินเพิ่มความสนุก

หลายคนอาจคุ้นตากับฟู้ดทรักของ Alice's Pizza ตามงานแฟร์อยู่เป็นแล้วประจำ ตอนนี้เปิดหน้าร้านอย่างเต็มรูปแบบ โดยรีโนเวตจากบ้านหลังเก่าให้ดูโปร่งสบายตาด้วยกระจกใส แอบมีลูกเล่นเป็นคำพูดสนุกๆ ติดไว้ให้อ่านกันเพลินๆ  เมนูอาหารของที่ร้านมีทั้งไทยและตะวันตก เน้นเมนูพิซซาเป็นหลัก เคล็ดลับอยู่ที่แป้งทำเอง นวดแล้วพักไว้อย่างน้อย 12 ชั่วโมงเพื่อให้ยีสต์ทำงานได้เต็มที่ ตัวแป้งไม่หนาและไม่บางเกินไป อบให้หอมกรุ่นด้วยเตาฟืนความร้อนสูง ผิวนอกกรอบแต่กัดไปแล้วยังนุ่มอร่อย        เมนูแนะนำ Pizza กระเฉด แป้งพิซซาทาซอสสูตรเฉพาะ วางเห็ดพอร์โทเบลโลและชีส อบจนสุกแล้วท็อปด้วยผัดผักกระเฉดที่คัดมาแต่ยอดอ่อน ไม่เหม็นเขียวและไม่เหนียวติดฟัน    นาโชน้ำพริกอ่อง แปลงโฉมนาโชให้สนุกขึ้นด้วยการจิ้มน้ำพริกอ่องอบชีส รสเผ็ดนิดๆ หอมมัน อร่อยไม่แพ้มะเขือเทศซัลซา   ข้าวผัดเชียงใหม่ น้ำพริกอ่องผัดกับข้าวสวยเคียงด้วยกุ้งแห้งทอด มะเขือเทศหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า หอมแดงซอย แตงกวา พริกแห้ง และไข่ต้ม เสิร์ฟพร้อมน้ำซุปร้อนๆ   เสาวรสลิ้นจี่โซดา ได้ทั้งรสเปรี้ยวของเสาวรสและความหวานสดชื่นของลิ้นจี่ เพิ่มความซาบซ่าด้วยโซดา

อีกหนึ่งร้านอาหารไอเดียเก๋ นอกจากคุณแตง เจ้าของร้านจะคิดเมนูอาหารด้วยตัวเองแล้ว ยังใช้ความเป็นอาร์ตทิสต์ของตนเองมาออกแบบร้านสไตล์คนเมืองที่ไม่ดูอึดอัด เหมือนได้นั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ส่วนอาหารเป็นฟิวชันที่ลองผิดลองถูกอยู่นานจนได้สูตรเฉพาะกินได้ที่นี่เท่านั้น ด้วยส่วนผสมและขั้นตอนการทำที่แตกต่างกัน ทำให้อาหารแต่ละจานมีรสชาติน่าสนใจ ทั้งคาวหวานและเครื่องดื่ม รับรองว่าอิ่มครบจบในร้านเดียว       เมนูแนะนำ ซุปมันหวานญี่ปุ่น รสละมุน ได้สีและรสชาติจากมันหวานธรรมชาติ   ซี่โครงบาร์บีคิว ซี่โครงหมูรมควันเนื้อนุ่ม ฉ่ำซอสบาร์บีคิวหอมเครื่องเทศ กินกับข้าวโพดย่าง มะเขือเทศย่าง และมันฝรั่งทอด    สปาเกตตีแกงเผ็ดเป็ดกงฟี เนื้อเป็ดตุ๋นในน้ำมันมะกอกแล้วทอดจนหนังกรอบ เสิร์ฟพร้อมแกงเผ็ดรสกลมกล่อมหอมเครื่องแกง คลุกเคล้ากับเส้นสปาเกตตีเหนียวนุ่ม    บราวนี่ไอศกรีมโฮมเมด บราวนี่ช็อกโกแลตเนื้อแน่นหนึบกับไอศกรีมโฮมเมดรสวานิลลาที่หอมกลิ่นฝักวานิลลาแท้ 

มาแรงมากจริงๆ สำหรับคาเฟ่แห่งใหม่บนถนนพระราม 9 ซอย 41 เพราะที่นี่ไม่ใช่คาเฟ่ธรรมดา แต่เป็นเหมือน ‘secret place’ ที่ซ่อนตัวอยู่ค่อนข้างลึก เพื่อหลบความจอแจของตัวเมืองมานั่งเงียบๆ จิบกาแฟดีๆ สักแก้ว     The Hub Café & Eatery ชนะใจเราตั้งแต่แรกเห็นด้วยตัวร้านสีดำสนิท เพดานสูง ล้อมรอบด้วยกระจกใส ด้านนอกร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ส่วนพื้นที่ด้านในเหมือนเป็น co-working space ขนาดย่อม มีปลั๊กไฟบริการทุกโต๊ะ แอบถามได้ความว่า เจ้าของร้านชื่นชอบการหอบงานไปทำตามร้านกาแฟอยู่เป็นทุนเดิม เมื่อเปิดร้านของตัวเองจึงรวบรวมทุกอย่างที่ร้านกาแฟควรมีเอาไว้ด้วยกัน ที่นี่จึงตอบโจทย์ทั้ง บรรยากาศ ตัวอาหารและเครื่องดื่มไปพร้อมกันในคราวเดียว     ไฮไลต์ของ The Hub อยู่ที่กาแฟเบลนด์เอง แยกเมล็ดสำหรับทำเป็นกาแฟร้อนและเย็น เราแนะนำ Hot Latte แก้วนี้ใช้เมล็ดกาแฟลาว เอธิโอเปีย และโคลัมเบีย เบลนด์เข้าด้วยกัน รสชาติจะซับซ้อนหน่อย มีกลิ่นมะพร้าวคั่วนิดๆ กลิ่นโกโก้ และได้ความเปรี้ยวอมหวานของเบอร์รี่นำมาผสมกับนมแล้วหอมมัน วิธีจิบต้องค่อยๆ ละเลียดฟองนมก่อน แล้วตามด้วยกาแฟ      ส่วนใครไม่ถนัดเรื่องคาเฟอีนลองสั่งซอฟต์ดริ๊งก์ซึ่งที่ร้านทำออกมาได้เก๋ อาทิ Peach Soda แก้วนี้ได้ความหอมของเนื้อพีชสด ผสมกับรสเปรี้ยวของน้ำเลมอน ใส่ใบไธม์ และโซดา     ส่วนเมนูอาหารเน้นเสิร์ฟ All day breakfast ตื่นสายแค่ไหนก็ไม่มีปัญหา เราปลื้ม Royal Egg Benedict มัฟฟินอบใหม่ท็อปด้วยโพชเอ้กแซลมอนรมควัน ตกแต่งด้วยไข่กุ้งและไข่คาเวียร์ ความอร่อยอยู่ที่ซอสฮอลันเดสเข้มข้นสูตรจากเลอ กอร์ดองเบลอ เสิร์ฟคู่สลัดผักตัดเลี่ยน     ปิดท้ายด้วยของหวาน Waffle วัฟเฟิลนุ่มๆ สูตรของทางร้านเสิร์ฟคู่ไอศกรีมวานิลลาโฮมเมด และกล้วยหอมเคลือบคาราเมล จานนี้ละเลียดเพลินมากจริงๆ     

ก่อนมาเป็นร้านธันวาคอนเซ็ปต์มินิมอล คุณพลอยและคุณแทน เจ้าของร้านปิ๊งไอเดียแรกว่าอยากทำ Concept Store ขายเสื้อผ้า เซรามิก ฯลฯ แบรนด์ไทยรวมถึงแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา (แต่ต้องยกความคิดนี้ไว้ก่อน ซึ่งเราจะได้เห็นกันในเร็วๆ นี้) ส่วนคาเฟ่สีขาวสะอาดตาน่านั่งที่เป็นอีกส่วนของร้าน ชวนให้เรานั่งด้วยดีไซน์ฮิปสเตอร์ดูดิบแต่อบอุ่น และเมนูอาหารกินง่ายแต่รสชาติอร่อยไม่ธรรมดา เน้นใช้วัตถุดิบออร์แกนิกมาครีเอตทั้งจานหลักและขนมให้เราอิ่มอร่อยกันแบบได้สุขภาพ       เมนูแนะนำ อกไก่ซอสส้ม อกไก่เนื้อนุ่มไร้ไขมัน กินกับผักสลัดกรอบหวาน ราดซอสส้มรสเบาสดชื่น   ปีกไก่ทอดเคลือบซอส ปีกไก่ทอดหนังกรอบ คลุกเคล้าซอสที่ทำจากน้ำผึ้งและซีอิ๊ว   เกซาดิยา ซอสมะเขือเทศโฮมเมดรสเปรี้ยวอมหวาน ใส่ชีสมอซซาเรลลา ปาร์มาแฮม ซาลามี ห่อด้วยแป้งบางกรอบ เสิร์ฟพร้อมกับมายองเนสและซาวร์ครีมทำเอง   แอปเปิลครัมเบิล เสิร์ฟในกระทะใบจิ๋ว ครัมเบิ้ลกรุบกรอบกิบกับเนื้อแอปเปิ้ลหวานฉ่ำและไอศกรีมวานิลลารสละมุน

คาเฟ่ปลาวาฬสีฟ้าที่โลเกชั่นดีมากใกล้กับท่าเตียน ซึ่งกำลังกลายเป็นย่านฮิปแห่งใหม่กลางเมืองเก่า ที่นี่ยังดึงดูดสาวๆ ด้วยบาริสต้าหล่อที่ไม่เฉพาะหน้าตาที่หวานกรุบกริบ แต่ยังทำให้รสชาติของกาแฟหวานตามไปด้วย จุดเด่นของร้านยังอยู่ที่การใช้เฉพาะนมจืดและไซรัปโฮมเมดเท่านั้น นอกจากนั้นยังเป็นคาเฟ่พร้อมเสิร์ฟอาหารเพื่อสุขภาพ ตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาอาหารดีๆ วัตถุดิบออร์แกนิกและโลแฟต ปรุงใหม่แบบจานต่อจาน ฟีลของร้านยังเหมือนนั่งกินดื่มในบรรยากาศของโลกใต้น้ำ        เมนูแนะนำ Salmon Teriyaki with Rice แซลมอนย่างหนังกรอบ ราดซอสเทอริยากิโฮมเมด   Hot Caffe Mocha กาแฟเบลนด์พิเศษจากเมล็ดกาแฟ 5 แหล่งปลูก ได้แก่ เอธิโอเปีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ไทย และลาว ผสมกับโกโก้และนม   Iced Butterfly Pea Latte เครื่องดื่มจากดอกอัญชันคั้นสดผสมนมและไซรัปโฮมเมดกลิ่นวานิลลา   Penne Tom Yum Goong เพนเน่รากซอสต้มยำกุ้ง 

Tag: , กาแฟ,