เดือนมีนาคมมีวันสำคัญอย่างวันสตรีสากล (International Women's Day) ที่แสดงถึงความเท่าเทียมของผู้หญิง G&C มีเมนูที่เตรียมและทำได้ง่ายๆ เหมาะกับผู้หญิงยุคใหม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้านด้วยอาหารหลากสไตล์ อย่าง ทูน่าโบว์ล เปลี่ยนจากข้าวเป็นดอกกะหล่ำผัดกินคู่กับทูน่าย่างซอสโคชูจังเข้มข้นสไตล์เกาหลี    ส่วนผสม เนื้อปลาทูน่า น้ำหนัก 300 กรัม 1 ชิ้น ซอสโคชูจังสำหรับหมัก 2 ช้อนโต๊ะ ผิวเลมอน 1 ช้อนชา ดอกกะหล่ำขาวขูด 2 ถ้วย กระเทียมสับ 1/2 ช้อนโต๊ะ เห็ดแชมปิญองสับ 1/2 ถ้วย น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเลและพริกไทยเล็กน้อย เครื่องเคียงตามชอบ เช่น กิมจิ ถั่วแระญี่ปุ่น สลัดบีตรูต แอปเปิล และผักสลัดตามชอบ วิธีทำ หมักเนื้อปลากับซอสโคชูจังและผิวเลมอนไว้ข้ามคืน ตั้งกระทะใส่น้ำมันมะกอก ผัดกระเทียมให้เหลืองและหอม ใส่เห็ดแชมปิญองผัดจนสุก จากนั้นใส่ดอกกะหล่ำขาวขูด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมรสตามชอบ เตรียมไว้ ตั้งกระทะย่างเนื้อปลาด้านละ 30 วินาทีจนสีเหลืองสวย หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ในถ้วยเสิร์ฟใส่ดอกกะหล่ำ วางเนื้อปลาย่าง ใส่เครื่องเคียงต่างๆ ตามชอบ

เนื้อปลากระบอกท่อนใต้หมักกับข้าวหมากช่วยสร้างรสหวานและทำให้เนื้อนุ่ม มีโพรไบโอติกส์จากธรรมชาติ กินคู่กับข้าวแรมฟืนธัญพืชที่ทำจากถั่วลันเตา ราดด้วยสลัดผักออร์แกนิกช่วยเพิ่มวิตามินและไฟเบอร์ให้กับร่างกาย   ส่วนผสมและวิธีทำปลากระบอกท่อนใต้หมักข้าวหมากย่าง เนื้อปลากระบอกท่อนใต้ 400 กรัม | ข้าวหมาก 100 กรัม | เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ | ใบตองสำหรับย่าง หมักปลากับข้าวหมาก จากนั้นนำใบตองรองบนเตาย่าง วางเนื้อปลาที่หมักไว้ ย่างให้สุกกำลังดี ส่วนผสมข้าวแรมฟืน เมล็ดถั่วลันเตาแห้งเหลืองหรือเขียว 100 กรัม | น้ำเปล่า 400 มิลลิลิตร | แป้งเท้ายายม่อม 10 กรัม | น้ำปูนใส 100 มิลลิลิตร | น้ำตาลทราย 50 กรัม | เกลือ 5 กรัม   วิธีทำ แช่เมล็ดถั่วข้ามคืนแล้วนำมาปั่นพร้อมน้ำ กรองใส่หม้อ ตั้งไฟกวนจนส่วนผสมสุก ละลายแป้งเท้ายายม่อมกับน้ำปูนใสเล็กน้อยใส่ลงในถั่วกวน ผสมให้เข้ากัน ใส่เกลือและน้ำตาลทราย ต้มจนสุก เทใส่พิมพ์พักไว้จนเซ็ตตัว ส่วนผสมน้ำยำ มะเขือเทศหั่นเต๋า 25 กรัม | ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ | น้ำตาลอ้อย 1/2 ช้อนโต๊ะ | เกลือ 5 กรัม | ต้นหอมซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ | น้ำมันงา 1/2 ช้อนชา | น้ำมันพริก 1/2 ช้อนชา | น้ำมันชะโก 1/2 ช้อนชา | พริกไทยหยิบมือ | ผักต่างๆ เช่น ผักชี เห็ดปุยนุ่น แตงกวา | ถั่วป่นและงาป่น สำหรับโรยหน้าเล็กน้อย   วิธีทำ ใส่มะเขือเทศ ต้นหอม และผักต่างๆ ลงในชามผสม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลอ้อย น้ำมันงา น้ำมันพริก น้ำมันชะโก และพริกไทย ผสมให้เข้ากัน ราดน้ำยำบนข้าวแรมฟืน โรยถั่วป่น งาป่น วางเห็ดย่างตกแต่งให้สวยงาม

ด้วยท้องทะเลและแผ่นฟ้าสีคราม แสงแดด และอากาศอันสดชื่นของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้พืชพรรณธัญญาหารอุดมสมบูรณ์จนผู้คนในแถบนี้มีสุขภาพแข็งแรงอายุยืนยาว และอาหารเมดิเตอร์เรเนียนกลายเป็นอาหารสุขภาพที่คนทั่วโลกกล่าวถึง ความหลากหลายของอาหาร เช่น พืชผักสีแดงอย่างมะเขือเทศ พริกหวาน ล้วนแล้วแต่มีวิตามินซีสูง พืชผักสีเขียว น้ำมันมะกอก กระเทียม ใบมินต์ อาหารทะเล และชีส (จากนมแพะ) วัตถุดิบเหล่านี้นำมาทำอาหารด้วยวิธีที่ไม่ซับซ้อนและรักษาคุณค่า รสชาติของอาหารไว้อย่างเต็มเปี่ยม อย่างเช่น Mediterranean Fish Stew สตูปลาเมนูนี้มีสีแดงสวย รสอร่อยจากน้ำมันมะกอก มะเขือเทศ พริกหวานสีแดง มีกลิ่นหอมของกระเทียม เพิ่มกลิ่นอายของเครื่องเทศโมร็อกโกซึ่งอยู่ในแอฟริกาเหนือและตอนเหนือติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยการใส่เครื่องเทศและสมุนไพรให้มีรสเข้มข้นขึ้นอย่างขมิ้นผง พริกชี้ฟ้าแดงและผักชีที่มีกลิ่นหอม   ขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยาก เริ่มแรกผัดเนื้อมะเขือเทศและพริกหวานให้สุกนุ่มก่อน ใส่ผงปาปริกา ผงขมิ้น พริกชี้ฟ้าแดง ผักชี ใส่มะเขือเทศเข้มข้นเพื่อให้รสเข้มข้นขึ้น ใส่เนื้อปลา เคี่ยวไฟอ่อนๆ สักครู่ใหญ่ ก่อนสุกโรยด้วยผักชี   เรียกได้ว่าเป็นอาหารเมดิเตอร์เรเนียนที่มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศที่บ้านเราน่าจะชอบ และกินได้อร่อย Mediterranean Fish Stew ส่วนผสม เนื้อปลากะพงหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมใหญ่ 4-5 ชิ้น น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย พริกหวานสีแดง (ลูกใหญ่) 1 ลูก มะเขือเทศผลใหญ่ 4-5 ผล กระเทียมหัวใหญ่ 1 หัว ผักชี 1/4 ถ้วย พริกปาปริกา 1 1/2 ช้อนชา ผงขมิ้น 1 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา มะเขือเทศเข้มข้น 1 ช้อนโต๊ะ พริกชี้ฟ้าแดง 3-4 เม็ด น้ำเปล่า ประมาณ 1-2 ถ้วย    วิธีทำ พริกหวานกรีดเม็ดออกหั่นชิ้นยาว มะเขือเทศลอกเปลือกบีบเม็ดออกหั่นเป็นชิ้น พริกชี้ฟ้ากรีดเม็ดออกหั่นชิ้นยาว กระเทียมปอกเปลือกหั่นบาง เตรียมไว้ ใส่น้ำมันมะกอกในกระทะเล็กน้อย พอร้อน ใส่พริกหวาน เนื้อมะเขือเทศลงผัดพอนุ่ม ใส่กระเทียม หรี่ไฟลง ผัด 2-3 นาที ใส่ผงปาปริกา ผงขมิ้น และเกลืออย่างละครึ่ง ใส่มะเขือเทศเข้มข้น พริกชี้ฟ้า และผักชี ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำพอปริ่ม ปิดฝาใช้ไฟอ่อน ประมาณ 10 นาที ผสมน้ำมันมะกอก ผักชี ปาปริกา ผงขมิ้น และเกลือที่เหลือรวมกันแล้วนำปลาลงไปคลุกให้ทั่ว ใส่ปลาลงในซอส ใช้ไฟอ่อน พอปลาเริ่มสุกกลับด้าน ปิดฝาไว้ประมาณ 10 นาทีจนปลาสุก โรยผักชีแล้วตักเสิร์ฟทันที

ส่วนผสมและวิธีทำซอสดีขมปลาหมอคางดำ เครื่องในปลา 60 กรัม (ไม่เอาไส้ปลาสีเขียวและดีปลา) | น้ำเปล่า 60 กรัม | ข่าซอย 3 กรัม | ใบมะกรูดซอย 1 กรัม | น้ำปลาร้า 6 กรัม    ต้มส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนเดือด เคี่ยวต่อประมาณ 15 นาที นำไปปั่นจนละเอียดแล้วกรองด้วยกระชอน พักไว้ให้เย็น แล้วเก็บไว้ในตู้เย็นจนเนื้อกลายเป็นครีม ส่วนผสมและวิธีทำพริกแกงคั่ว พริกขี้หนู 5 กรัม | พริกจินดาแห้ง 20 กรัม | กระเทียมโทน 30 กรัม | กะปิ 8 กรัม | ขมิ้นสด 6 กรัม | เกลือทะเล 1 กรัม | ตะไคร้ 5 กรัม | ข่า 6 กรัม | ผิวมะกรูด 0.5 กรัม | พริกไทยดำ 5 กรัม   โขลกส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยจนละเอียดโดยเริ่มจากของแห้งก่อน แล้วใส่สมุนไพรมีน้ำมากตาม โขลกจนเป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้ในตู้เย็น ส่วนผสมห่อหมก ซอสดีขมปลา 10 กรัม | พริกแกงคั่ว 60 กรัม | ไข่แดง 1 ฟอง | เนื้อปลากรายขูด 100 กรัม | เนื้อปลาหมอขูด 50กรัม | ใบชะพลู 15 กรัม | หัวกะทิ 55 กรัม | น้ำแข็ง 40 กรัม | น้ำปลา 20 กรัม | เกลือทะเล 2 กรัม | เนื้อปลาหมอคางดำแล่เป็นชิ้นแล้วบากหนัง 15 กรัม   วิธีทำ แบ่งหัวกะทิเล็กน้อยผสมกับพริกแกงคั่วคนให้เข้ากัน ใส่เนื้อปลากรายขูดและเนื้อปลาหมอขูดที่แช่เย็นไว้ ใส่ไข่แดง คนผสมให้เข้ากัน ใส่ซอสดีขมปลา แล้วค่อยๆ เติมหัวกะทิที่เหลือจนหมด ใส่น้ำแข็ง น้ำปลา และเกลือ คนต่อเนื่องจนกลายเป็นเนื้อครีมและส่วนผสมเริ่มเหนียวขึ้น ใส่ใบชะพลู คนให้เข้ากัน ตักใส่ใบตองหรือภาชนะที่ต้องการ นำเนื้อปลาที่แล่เป็นชิ้นและบากหนังแล้ว​วางบนหน้า นำไปนึ่งประมาณ 10 นาที เสิร์ฟกับข้าวและน้ำปลาพริก

เมนูซิกเนเจอร์จากร้านดีพร้อม ที่โต๊ะไหนๆ ก็ต้องสั่ง ปลาดุกทะเลเนื้อแน่น หนังกรุบๆ ผัดกับเครื่องพริกแกงสูตรเด็ดของทางร้าน รสเข้มข้น กินคู่กับข้าวร้อนๆ อร่อยเพลินจนหมดจาน   ส่วนผสมพริกแกง พริกชี้ฟ้าแดงสด (ไม่เอาเมล็ด) 15 เม็ด พริกจินดาแดงสด (ไม่เอาเมล็ด) 7 เม็ด ผิวมะกรูด 1 ช้อนชา ข่า 1 ช้อนชา กระเทียมไทยปอกเปลือก 2 หัว หอมแดง 2 หัว พริกไทยดำเม็ด 1 ช้อนชา กะปิ 1 ช้อนชา เกลือทะเล 1 ช้อนชา วิธีทำ โขลกพริกชี้ฟ้าแดง พริกจินดาแดง และเกลือให้พอแหลก ใส่ส่วนผสมทั้งหมดแล้วโขลกจนเนื้อเนียนละเอียด เตรียมไว้ ส่วนผสมผัดฉ่า เนื้อปลาดุกทะเลประมาณ 600 กรัม | พริกไทยสด 4-5 ช่อ | พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ 1-2 เม็ด | ใบมะกรูดฉีก 3-4 ใบ | น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วย | น้ำมันสำหรับผัดเล็กน้อย   วิธีทำ ผัดพริกแกงกับน้ำมันให้พอสุกและกลิ่นหอม ใส่เนื้อปลาดุกทะเล ผัดให้เนื้อตึงเล็กน้อย เติมน้ำเปล่า เคี่ยวให้พอเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าว ชิมรสตามชอบ ใส่สมุนไพรต่างๆ แล้วผัดสักครู่จนสุก ตักใส่จานเสิร์ฟ

เมนูที่ทำให้ทุกสำรับมีชีวิตชีวา เช้านี้เชฟเมได้ปลาสลิดหินจึงนำมาทอดแบบง่ายๆ จนเนื้อสีเหลืองกรอบ ราดด้วยซอสที่ทำจากน้ำปลาเคี่ยวกับเนื้อสับปะรดศรีราชากลิ่นหอม ได้รสหวานและเปรี้ยวกลมกล่อม   ส่วนผสม น้ำปลา 100 มิลลิลิตร น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม เนื้อสับปะรด 150 กรัม ปลาสำหรับทอด น้ำมันกระเทียมเจียวสำหรับทอดปลา วิธีทำ ทอดเนื้อปลาด้วยน้ำมันกระเทียมเจียวจนสุกกรอบและสีเหลืองสวย พักไว้ แบ่งน้ำมันไว้เล็กน้อยเพื่อเก็บไว้ทำซอส ทำซอสโดยตั้งกระทะให้พอร้อน ใส่น้ำมันที่แบ่งไว้เล็กน้อย ใส่น้ำปลา กลิ้งให้ทั่วกระทะและส่งกลิ่นหอม จากนั้นใส่เนื้อสับปะรด เคี่ยวด้วยไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนจนงวดเล็กน้อย ใส่น้ำตาลมะพร้าวแล้วเคี่ยวต่อจนงวดอีกครั้ง ชิมรสแล้วปรุงตามชอบ ปิดไฟ ตักราดบนเนื้อปลาที่ทอดเตรียมไว้ ตกแต่งด้วยผักชีและพริกไทย

เมนูเพื่อคุณแม่ ปลาเก๋าหมอต้มสไตล์จีนที่คุณจั๊กเลือกใช้ผักกาดดองสูตรเด็ดของทางร้าน นำมาต้มกับเนื้อปลาเก๋าหมอเนื้อแน่นส่งตรงจากทะเล ราดด้วยน้ำมันที่ผัดกับเครื่องเทศจีน เพื่อเพิ่มความสดชื่นและเผ็ดร้อน ส่วนผสมปลาต้มผักกาดดอง เนื้อปลาเก๋าหมอทะเล 300 กรัม ผักกาดดองแล้วแต่จั๊ก 150 กรัม พริกดอง 30 กรัม น้ำสต๊อก 1 ลิตร ไข่ขาว 3 ฟอง แป้งมันฮ่องกง เล็กน้อย น้ำมันพืช เล็กน้อย พริกไทยขาวและเกลือทะเลสำหรับปรุงรสเล็กน้อย พริกชี้ฟ้าแดงและเขียวหั่นเฉียง กระเทียมสับ และขิงสับอย่างละเล็กน้อย วิธีทำ หมักเนื้อปลากับเกลือทะเลและพริกไทยขาว ใส่ไข่ขาวและแป้งมันฮ่องกงเล็กน้อย คลุกให้เข้ากัน พักไว้ประมาณ 10-15 นาที ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน ใส่พริกดองและผักกาดดอง ผัดให้เข้ากัน ใส่ขิงสับ กระเทียมสับ และพริกชี้ฟ้าแดงและเขียว ใส่น้ำสต๊อกแล้วต้มให้เดือด ลดไฟลงเล็กน้อย ใส่เนื้อปลาที่เตรียมไว้ ต้มให้สุก จากนั้นตักใส่หม้อ เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำน้ำมันสำหรับราด น้ำมันพืช 5 ช้อนโต๊ะ | พริกชวงเจีย 1 ช้อนโต๊ะ | พริกจินดาแดงหั่นท่อน 1 ช้อนชา | ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ | งาขาวคั่วสำหรับโรยเล็กน้อย | พริกชี้ฟ้าแดงและเขียวหั่นแฉลบเล็กน้อย ในหม้อใบเล็กใส่น้ำมัน พริกชวงเจีย พริกจินดาแดงแห้ง และพริกชี้ฟ้าแดงและเขียว ผัดให้เข้ากัน ราดบนซุปปลาที่เตรียมไว้ โรยต้นหอมและงาขาวให้สวยงาม เสิร์ฟทันที

ซุปเผ็ดร้อนฉบับคนใต้ ปลากะพงจากทะเลสาบสามน้ำจังหวัดสงขลาเนื้อแน่นและตัวใหญ่ นำมาทำเป็นเมนูสองใจคือมูสเนื้อปลาผสมพริกแกงใต้ห่อกับเนื้อปลากะพง เสิร์ฟในน้ำแกงรสจัดจ้าน กินคู่กับผักพื้นบ้านต่างๆ   ส่วนผสมและวิธีทำเครื่องพริกแกงเหลือง พริกจินดาแห้ง (แช่น้ำ) 5 เม็ด | พริกชี้ฟ้าแห้ง (แช่น้ำ) 2 เม็ด | พริกจินดาแดง 4 เม็ด | ขมิ้น 2-3 แว่น | กระเทียมศรีสะเกษ 5 กลีบ | หอมแดงศรีสะเกษ 5 หัว | กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ โขลกส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนเนื้อเนียนละเอียด เตรียมไว้ ส่วนผสมมูสปลากะพง พริกแกงเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ | เนื้อปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลาหั่นเต๋าใหญ่ 1 ถ้วย | ไข่ขาว 1 ฟอง | ไข่แดง 1 ฟอง | กะทิ 1/2 ถ้วย | น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำตาลโตนดเมืองเพชร 1 ช้อนโต๊ะ | เนื้อปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลา (หนักประมาณ 250-300 กรัม) 1 ชิ้น (สำหรับห่อมูสปลา)   วิธีทำ ปั่นส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน (ยกเว้นไข่แดง) จากนั้นนำไปกรองผ่านกระชอนให้เนื้อเนียน ตักใส่ชามผสมวางไว้บนอ่างน้ำแข็ง ใส่ไข่แดงแล้วตะล่อมส่วนผสมให้เข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกห่ออาหาร พักไว้ในตู้เย็น 30 นาที วางเนื้อปลากะพงชิ้นใหญ่ลงบนพลาสติกห่ออาหาร ปาดมูสปลาลงบนเนื้อปลาทำให้เป็นทรงกระบอก แล้วม้วนด้วยพลาสติกอีก 3-4 ชั้น มัดด้านหัวและท้ายให้แน่นสนิท นำลงต้มในน้ำร้อน (ไม่เดือด) นาน 25-35 นาที เมื่อสุกแล้วพักไว้ให้เย็น หั่นเป็นชิ้น เตรียมเสิร์ฟ ส่วนผสมแกงเหลือง กระดูกปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลา | พริกแกงเหลือง 1/3 ถ้วย | น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำเปล่า 1 ลิตร | มันขี้หนู 10-15 หัว | ส้มแขก (แช่น้ำ) 5-6 ชิ้น | ผักต่างๆ ตามชอบ เช่น ยอดผักหวาน สายบัว ยอดมะกอก ยอดผักปลัง มะละกอดอง   วิธีทำ ต้มกระดูกปลากะพงกับน้ำเปล่านาน 1 ชั่วโมง (ระหว่างต้มหมั่นช้อนฟองบนหน้าออก) ใส่เครื่องแกงเหลืองต้มให้เดือดสักครู่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา ใส่ส้มแขกและมันขี้หนู ต้มให้สุก ใส่ผักต่างๆ ต้มต่อจนสุก ชิมรสอีกครั้งแล้วปรุงตามชอบ พักไว้ วิธีจัดจาน วางเนื้อปลาลงตรงกลางจาน วางผักต่างๆ เช่น ยอดผักหวาน ยอดผักปลัง และยอดมะกอกไว้ด้านข้าง ตกแต่งด้วยสายบัวและเนื้อมะละกอดองกดเป็นวงกลมไว้บนเนื้อปลา ตักน้ำแกงเหลืองใส่ให้พอสวยงาม

เมนูเรียกน้ำย่อยเซบีเชแบบไทยที่นำเนื้อปลาทูแม่กลองสดจากจังหวัดสมุทรสงคราม ยำกับเครื่องสมุนไพรต่างๆ รสชาติเปรี้ยวและสดชื่น ได้ความหอมจากเนื้อเสาวรส   ส่วนผสม (สำหรับ 6 ที่) ปลาทูแม่กลอง 2 ตัว ตะไคร้ซอย 3 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูซอย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลโตนดเมืองเพชร 1 ช้อนโต๊ะ มะนาวเพชรบุรี  2 ผล น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ เนื้อเสาวรส 3 ช้อนโต๊ะ เมล็ดมะตูมแขกสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย วิธีทำ ล้างปลาทูให้สะอาดซับให้แห้ง ค่อยๆ แล่เนื้อปลาทูทั้ง 2 ด้านให้สวยงาม หั่นเป็นชิ้นเต๋าพอดีคำเตรียมไว้ นำเนื้อปลาใส่ชามผสม บีบน้ำมะนาวเล็กน้อย พักไว้สักครู่ จากนั้นใส่เครื่องสมุนไพรต่างๆ ชิมรสตามชอบ ตักใส่เปลือกเสาวรส โรยหน้าด้วยใบมะกรูดซอย เนื้อเสาวรส และเมล็ดมะตูมแขกให้สวยงาม

จากคอนเซ็ปต์ Zero Waste ใช้ทุกส่วนให้เกิดประโยชน์ เนื้อปลาเก๋าดรายเอจคลุกกับซอสสไตล์ญี่ปุ่นเสิร์ฟเป็นคำแบบเทมากิ ท็อปด้วยเจลาตินหัวปลาเกล็ดหิมะเย็นๆ แล้วโรยด้วยเกล็ดปลาทอดกรอบ   ส่วนผสมเนื้อปลาดรายเอจ เนื้อปลาเก๋าหั่นเต๋า 45 กรัม | ต้นหอมซอย 3 กรัม | หอมแดงซอย 5 กรัม | ซอสถั่วเหลืองญี่ปุ่น 1 ช้อนชา | เกลือทะเล 1 กรัม | พริกไทยป่น 1 กรัม | เกล็ดปลาเก๋าตากแห้งสำหรับตกแต่งเล็กน้อย | หนังปลาเก๋าดรายเอจทอดกรอบสำหรับเสิร์ฟ   วิธีทำ ใส่ต้นหอม หอมแดง ซอสถั่วเหลือง เกลือและพริกไทย ผสมให้เข้ากัน นำไปคลุกกับเนื้อปลาเก๋า พักไว้ ทอดเกล็ดปลาด้วยไฟอ่อนจนสีเหลืองสวย ตักขึ้นพักไว้ให้หายร้อนแล้วคลุกกับน้ำปลาเล็กน้อย ส่วนผสมครีมเจลาตินหัวปลา วิปปิงครีม 100 กรัม | ซุปหัวปลาดรายเอจ 65 กรัม | เกลือทะเล 3 กรัม   วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในกระบอกทำวิปครีม บีบใส่ไนโตรเจนเหลว ตีให้กลายเป็นหิมะ วางเนื้อปลาที่คลุกไว้ลงบนหนังปลาดรายเอจทอดกรอบ โรยด้วยครีมเจลาตินหัวปลาเกล็ดหิมะ ท็อปด้วยเกล็ดปลาทอดกรอบแล้วเสิร์ฟทันที

โอมากาเสะจากเชฟตั้มโดยนำปลาช่อนมาดรายเอจและรมควันจนเนื้อแน่น คลุกกับผงถ่านทำเป็นก้อนหินสีดำ เสิร์ฟบนสวนไข่ผำคลุกกับน้ำยำลุยสวน ตกแต่งด้วยคาเวียร์อีสานคือไข่มดแดง จัดตกแต่งเป็นสวนเล็กๆ   ส่วนผสมเนื้อปลาช่อนรมควันดรายเอจ เนื้อปลาช่อนหั่นเต๋าใหญ่ | เกลือทะเล | น้ำตาลทราย | พริกไทยป่น | ใบกระวาน | ผงลูกจันทน์ | เม็ดผักชี | หมึกของปลาหมึกและผงถ่านสำหรับคลุกเล็กน้อย   วิธีทำ นำเนื้อปลาช่อนคลุกกับเครื่องปรุงและสมุนไพรต่างๆ จากนั้นนำไปรมควันนาน 30 นาที ให้พอมีกลิ่นหอม นำเนื้อปลาที่ได้ไปดรายเอจที่อุณหภูมิ 2 องศาเซลเซียส นาน 3 วัน เผาหนังปลาด้วยทอร์ชให้สุกแล้วคลุกกับผงถ่านให้ทั่วชิ้น เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำน้ำยำลุยสวน พริกจินดาแดงสับ 3 เม็ด | ขิงอ่อนสับ 10 กรัม | ตะไคร้สับ 25 กรัม | หอมแดง 10 กรัม | มะนาว 1/2 ผล | พริกไทยอ่อน 5 กรัม | ใบมะกรูด 3 ใบ | น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำมันพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำพริกเผา 1/2 ช้อนโต๊ะ | กะทิ 2 ช้อนโต๊ะ | โมโนโซเดียมกลูตาเมต (ผงชูรส) 1/2 ช้อนชา ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกัน ชิมรสตามชอบ ส่วนผสมไข่ผำ ไข่ผำ 1 กิโลกรัม | ตะไคร้ 100 กรัม | ใบมะกรูด 5 กรัม | ข่าแก่ 100 กรัม | น้ำเปล่า 700 มิลลิลิตร | น้ำปลาสำหรับปรุงรสเล็กน้อย   วิธีทำ ต้มตะไคร้ ใบมะกรูด และข่าแก่ในหม้อใบใหญ่สักครู่ จากนั้นใส่ไข่ผำ ต้มต่อสักครู่ ปรุงรสด้วยน้ำปลาเล็กน้อย แล้วกรองน้ำออก คลุกไข่ผำกับน้ำยำลุยสวนให้พอเข้ากัน ชิมรสและปรุงตามชอบ เตรียมไว้ วิธีจัดจาน วางไข่ผำลงบนจานเสิร์ฟ เกลี่ยให้ทั่ว วางเนื้อปลาช่อน ตกแต่งด้วยผักและดอกไม้กินได้ วางไข่มดแดงให้สวยงาม

ปลาทะเลสดใหม่จากเรือชาวประมงในตอนเช้า นำมาสโมกกับมะพร้าวคั่วให้เนื้อแน่นและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ เนื้อในใส่มูสเนื้อปลาแยกเป็นเลเยอร์ กินคู่กับซอสปลาย่างรสนุ่มนวล   ส่วนผสมมูสเนื้อปลา เนื้อปลา (ที่ได้จากการตัดแต่ง) 290 กรัม ผักชีลาว 5 กรัม ใบแมงลักสับ 10 กรัม ต้นหอมซอย 3 กรัม เกลือ 5 กรัม วิธีทำ นำเนื้อปลาไปแช่แข็งแล้วนำมาปั่นจนเนียนละเอียด กรองผ่านกระชอนให้เนื้อเนียน แล้วผสมกับผักชีลาวสับ ต้นหอมซอย ใบแมงลักสับและเกลือให้เข้ากัน พักไว้ในตู้เย็นสักครู่ ส่วนผสมเนื้อปลาสโมกเย็น เนื้อปลา | น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม | ข้าวสาร 50 กรัม | มะพร้าวคั่ว 100 กรัม   วิธีทำ หั่นเนื้อปลาเป็นชิ้นน้ำหนักประมาณ 40-45 กรัม และเตรียมมูสเนื้อปลา 15 กรัม บีบมูสลงบนเนื้อปลาแล้วประกบด้วยเนื้อปลาอีกชิ้น ห่อด้วยพลาสติกห่ออาหารให้แน่น นำไปสโมกเย็นเป็นเวลา 2 ชั่วโมง จากนั้นนำไปซูวีดที่อุณหภูมิ 62 องศาเซลเซียสนาน 10 นาที แล้วย่างเนื้อปลา ส่วนผสมและวิธีทำน้ำยำสลัดผัก น้ำปลา 20 กรัม | น้ำมะนาว 50 กรัม | น้ำตาลทราย 5 กรัม | น้ำมันรำข้าว 10 กรัม ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ส่วนผสมและวิธีทำซอสปลาย่าง น้ำยำสลัดผัก 20 กรัม | น้ำสต๊อกปลา 100 กรัม ผสมส่วนผสมให้เข้ากัน นำไปตั้งไฟให้พอร้อน เตรียมไว้ วิธีจัดจาน เทซอสปลาย่างลงในจาน วางเนื้อปลาย่าง ตกแต่งด้วยผักพื้นบ้านให้สวยงาม

ปลาแซลมอนตุ๋นในน้ำมันมะกอกอุณหภูมิต่ำจนเนื้อฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอดเนยกับพูเร่ผักโขม ปิดท้ายด้วยซอสเบอร์บล็อง อีกหนึ่งเมนูในความประทับใจที่ได้เรียนที่ เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต ของเชฟหยา ส่วนผสม (สำหรับ 4-5 ที่) เนื้อปลาแซลมอน 100-150 กรัม น้ำสะอาด 500 กรัม เกลือทะเล 20 กรัม ผิวเลมอน 1 ผล น้ำมันมะกอกสำหรับกงฟี วิธีทำ แช่เนื้อปลาแซลมอนในน้ำเกลือ (อัตราส่วน น้ำสะอาด 500 กรัม : เกลือทะเล 20 กรัม) เพื่อให้เนื้อปลาแน่นขึ้น แช่ไว้ 40 นาที แล้วซับให้แห้ง วางเนื้อปลาในถาด ใส่น้ำมันมะกอกให้พอท่วม นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 45 องศาเซลเซียส นาน 15-20 นาที แล้วกลับด้านอบต่ออีก 5 นาทีเพื่อให้สุก โดยใช้ความร้อนต่ำ ตักออก ซับให้แห้ง เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำ Pommes Anna มันฝรั่ง 2 หัว | เกลือทะเลเล็กน้อย | เนยใส (Clarified Butter) 100 กรัม | น้ำมันสำหรับทอด สไลซ์มันฝรั่งให้แผ่นบางประมาณ 1 มิลลิเมตร คลุกกับเกลือให้คายน้ำสักครู่ ใส่แป้งมันเล็กน้อย ตามด้วยเนยใส วางเรียงมันฝรั่งเป็นรูปดอกไม้หรือรูปอื่นตามชอบ นำไปแช่ตู้เย็นให้เซ็ตตัว เมื่อจัดเสิร์ฟนำมันฝรั่งออกมาทอดด้วยไฟอ่อนจนเป็นสีเหลืองทอง ส่วนผสมและวิธีทำ Dill Crème Fraîche ผักชีลาวสับ | ครีมเฟรช (Crème Fraîche) | เกลือทะเลและพริกไทย ผสมผักชีลาวกับครีมเฟรช ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมรสตามชอบ ส่วนผสมและวิธีทำ Spinach-Dill-Potato Purée  มันฝรั่งที่เหลือจากการทำ Pommes Anna | ผักชีลาว | ผักโขม 100 กรัม | เนยจืด | คุกกิงครีม | นมสด | เกลือทะเลและพริกไทย ผัดผักโขมกับเนยและผักชีลาวให้พอหอม ต้มมันฝรั่งจนสุกแล้วนำมาบดผสมรวมกับผักโขมที่เตรียมไว้จนเนื้อละเอียด เติมคุกกิงครีมและนมเล็กน้อย ให้พอเหลว ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมรสตามชอบ ส่วนผสมและวิธีทำ Beurre Blanc หอมแดง 60 กรัม | เนย 90 กรัม | ไวน์ขาว 50 กรัม | น้ำส้มสายชูหมักจากไวน์ขาว 12 กรัม | พริกคาเยนเล็กน้อย | เกลือทะเลและพริกไทย ใส่ส่วนผสมทั้งหมด (ยกเว้นเนย) ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟแล้วเคี่ยวให้งวดเหลือ 1/3 ของหม้อ ปิดไฟ ใส่เนย เขย่าหม้อให้ส่วนผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย กรองหอมแดงออกด้วยกระชอน ส่วนผสมและวิธีทำผักผัด หน่อไม้ฝรั่ง | เบบี้แครอต | เนยจืด | เกลือ ต้มหน่อไม้ฝรั่งและเบบี้แครอตให้สุกประมาณ 6-8 นาที (อย่าให้สุกเกินจะเละ) จากนั้นผัดผักกับน้ำเปล่า เนย และเกลือ ผัดให้เนยเคลือบทั่ว ปิดไฟ วิธีจัดเสิร์ฟ วางแซลมอนกงฟี ตามด้วยองค์ประกอบทั้งหมด ตกแต่งด้วยผักและดอกไม้กินได้ให้สวยงาม ท็อปด้วยเกอแนล Dill Crème Fraîche ราดด้วยซอสเบอร์บล็องเล็กน้อย

ในย่านหลังสวนที่เต็มไปด้วยร้านอาหารหลากหลายและแหวกแนว เชื้อเชิญให้เหล่านักชิมไปหาร้านอร่อยกันอยู่บ่อยๆ เมื่อไม่นานมานี้มีร้านน้องใหม่ที่สร้างความฮือฮาและเป็นที่น่าสนใจบนโลกออนไลน์อยู่พักใหญ่กับร้าน Bisou Bangkok (บิซู) ร้านแคชชวลไฟน์ไดนิงสไตล์ฝรั่งเศสที่สลัดความเป็นอาหารฝรั่งเศสแบบเดิมๆ ไปสิ้นเชิง โดยนำเสนอแนว Gastro Wine Bar จากการรังสรรค์ของคู่หูเชฟชาวฝรั่งเศส เชฟอองตวน ดัคเกียง (Chef Antoine Darquin) เชฟชาวปารีเซียงผู้มีประสบการณ์ในร้านอาหารไฟน์ไดน์ทั้งในยุโรปและกรุงเทพฯ และ เชฟธีโอ ลาแวร์ญ (Chef Théo Lavergne) ซอมเมอลิเยร์ที่สร้างความสนุกสนานและคัดสรรเครื่องดื่มให้กับร้านนี้ เชฟอองตวน ดัคเกียง เชฟหนุ่มผู้มาในมาดสุดเท่พร้อมรอยสักอันสวยงาม ผู้ให้นิยามและคิดค้นเมนูให้กับร้าน Bisou ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “จูบ” ที่ไม่ใช่การจูบแบบเฟรนช์คิส (French Kiss) แต่เป็นการจูบแบบแคชชวลคิส (Casual Kiss) แสดงออกผ่านบรรยากาศร้านและเมนูต่างๆ มีทั้งความขี้เล่น ความสนุกสนาน และยังดื่มด่ำไปกับเครื่องดื่มและเสียงดนตรีจากบูทดีเจกลางร้าน   เมื่อพูดถึงเมนูที่นี่แตกต่างจากร้านอาหารฝรั่งเศสร้านอื่นอย่างไร? “ผมให้นิยามคำว่า ‘จูบ’ หรือ ‘Kiss’ ซึ่งนอกจากจะเป็นที่มาของชื่อร้าน ยังมีความหมายเป็นนัยคือ K.I.S.S.-Keep It Simple, Sexy เพราะที่ร้านเป็นอาหารฝรั่งเศสที่ไม่ใช่แนวฟิวชัน แต่เป็นการปรุงและรังสรรค์รสชาติในมุมมองของผม ก่อนที่จะคิดแต่ละเมนูผมเริ่มจากการหาวัตถุดิบในแต่ละช่วงฤดูกาล จะใช้วัตถุดิบทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นกำลังสนใจในเรื่องอะไรอยู่ จากนั้นจึงเริ่มคิดสูตรและปรุงอย่างเรียบง่าย เพราะอยากให้คนที่มากินเข้าใจเมนูที่ผมต้องการจะสื่อ จากนั้นก็สร้างความพิเศษที่น่าตื่นเต้นและน่าค้นหา เพราะจริงๆ แล้วเสน่ห์ในรสชาติของวัตถุดิบเองก็มีความเซ็กซี่มากพอแล้ว” ตัวอย่างเช่นเมนู Monkfish ที่เชฟนำเสนอ เป็นจานที่ท้าทายอยู่พอสมควรในเรื่องการกำจัดกลิ่นคาวของปลามังก์ฟิช นอกจากความท้าทายในการกำจัดกลิ่นปลาแล้วยังเป็นเมนูที่ขายดีมาตลอดตั้งแต่เปิดร้าน วิธีการคือเชฟนำปลาแช่ในน้ำเกลือ (Brine) ให้เนื้อแน่นและลดกลิ่นคาว แล้วนำไปย่างกับเนยจนเนื้อนุ่ม ราดซอสครีมเห็ด เพิ่มความสดชื่นด้วยเลมอนเจล เสิร์ฟพร้อมกับสลัดมันฝรั่ง   รสชาติของจานนี้ตรงตามคอนเซ็ปต์ Keep It Simple แต่ความ Sexy อยู่ที่ลวดลายบนจานที่เห็นแล้วต้องอมยิ้มแน่นอน Monkfish ส่วนผสม น้ำสต๊อกเห็ด เห็ดแชมปิญอง 500 กรัม | หอม​หัวใหญ่ 3 หัว | กระเทียม ​1 หัว | เห็ดหอม ​70 ​กรัม | น้ำเปล่า 4 ลิตร | ใบไทม์เล็กน้อย   วิธีทำ ผัด​เห็ดแชมปิญอง​และกระเทียม​จนขึ้นสี​ ใส่ใบไทม์​ ผัดต่อสักครู่ เติมน้ำเปล่า ใส่หอมหัวใหญ่ ​และเห็ดหอม ​ต้มจนเดือด​ประมาณ ​45 ​นาที​ แล้วกรองเอาผักออก​​ ต้มต่อจนน้ำสต๊อกงวดขึ้นเล็กน้อย ส่วนผสมและวิธีทำซอสครีมเห็ด น้ำสต๊อกเห็ด ​100 กรัม | น้ำส้มสายชูหมักจากไวน์ขาว​ 5 กรัม | เลซิติน 5 กรัม | เฮฟวีครีม ​225 กรัม | เนย ​50 กรัม | ครีมเฟรช​ (Creme Fraîche) 50 ​กรัม | เกลือสำหรับปรุงรส ต้มส่วนผสมทั้งหมดให้เดือด จากนั้นนำไปปั่นจนละเอียด ​ปรุงรสด้วยเกลือ ส่วนผสมและวิธีทำกรูตอง ขนมปังซาวร์โดหั่นเต๋าเล็ก​ 100 กรัม | เนย​15 กรัม | เกลือ​ทะเลเล็กน้อย ละลายเนยในกระทะ ​ใส่ขนมปังลงคลุกให้พอเนยเคลือบทั่ว คั่วไฟอ่อน​จนเหลืองกรอบ​ ปรุงด้วยเกลือเล็กน้อย พักไว้ให้เย็น ส่วนผสมน้ำหมักปลามังก์ฟิช น้ำ​เปล่า​ 4 ลิตร | น้ำแข็ง ​1 ลิตร | เกลือ (Rock Salt) ​250​ กรัม | น้ำตาล​ทราย 125 กรัม | ปลามังก์ฟิช | ต้นถั่วทะเล หรือซาลิคอร์เนีย (Salicornia) ย่าง | น้ำมันมะกอก | ใบไทม์ | กระเทียม | น้ำมันพาร์สลีย์ และไมโครเฮิร์บสำหรับตกแต่งเล็กน้อย | บัตเตอร์เฮิร์บสำหรับย่างปลา   วิธีทำ​ ล้างปลาให้สะอาด แล่หนังปลาออก เตรียมไว้ ใส่น้ำเปล่า เกลือ และน้ำตาลทรายลงในหม้อ ต้มให้ละลาย​ พักไว้ให้เย็น ใส่น้ำแข็งแล้วนำปลาลงแช่ประมาณ ​20 นาที​ จากนั้นซับให้แห้ง ใส่ลงในถุงซีลสุญญากาศ (Vacuum Bags) ใส่น้ำมันมะกอก ใบไทม์ และกระเทียม นำไปซูวีดจนเนื้อนุ่ม ย่างปลาบนกระทะด้วยไฟอ่อนกับบัตเตอร์เฮิร์บให้เนื้อสุกกำลังดี ส่วนผสมและวิธีทำเลมอนเจล เลมอนพูเร่ ​500 กรัม | ผงวุ้น ​10.5 กรัม | น้ำเปล่า​ 100 กรัม | น้ำตาล​ทราย 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ ​คนจน​ผงวุ้นไม่เป็นก้อน ​ต้มส่วนผสมจนเดือด​แล้วเทใส่ภาชนะ​ นำไปแช่ในตู้เย็น​จนเซ็ตตัว จากนั้นนำมาปั่นจนเนื้อละเอียด กรอง​ใส่ถุงบีบ เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำสลัดมันฝรั่ง มันฝรั่ง ​1 กิโลกรัม | ครีมเปรี้ยว​ (Sour Cream) 200 กรัม | เนยละลาย​ 100 กรัม​ | พาร์สลีย์สับ | เกลือ​ทะเลเล็กน้อย อบมันฝรั่ง​ด้วยอุณหภูมิ ​180 องศาเซลเซียส ประมาณ ​40-45 นาที​จนสุก​ พักให้เย็น คว้านเฉพาะเนื้อมันฝรั่ง​แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กใหญ่​ใส่ชามผสม ผสมครีมเปรี้ยว​ เนยละลาย พาร์สลีย์ และเกลือ นำมันฝรั่งลงคลุกให้ทั่ว ชิมรส เตรียมไว้ วิธีจัดจาน วางสลัดมันฝรั่ง ราดซอสครีมเห็ด โรยน้ำมันพาร์สลีย์เล็กน้อย จากนั้นวางเนื้อปลา โรยด้วยกรูตองและซาลิคอร์เนียย่าง บีบเลมอนเจล ตกแต่งด้วยไมโครเฮิร์บให้สวยงาม

เมนูอันเรียบง่ายจากความประทับใจในวัยเด็ก เนื้อทูน่าสีแดงสดหมักกับซีอิ๊วดำพอเข้าเนื้อ ราดด้วยมันญี่ปุ่นขูด กินคู่กับสาหร่ายและวาซาบิ ที่เสิร์ฟมาพร้อมทูน่าซูชิโรล ส่วนผสมสลัดทูน่า (สำหรับ 1 ที่) เนื้อปลาทูน่า 100 กรัม | มิริน 25 มิลลิลิตร | ซีอิ๊วดำ (Koikushi Shoyu) 25 มิลลิลิตร | มันญี่ปุ่น (Nagaimo) 50 กรัม | สาหร่าย 1 แผ่น | วาซาบิสำหรับเสิร์ฟตามชอบ   วิธีทำ หั่นเนื้อปลาทูน่าให้ได้ขนาด 2 เซนติเมตร ผสมมิรินกับซีอิ๊วดำให้เข้ากัน นำเนื้อทูน่าลงไปหมักสักครู่ ปอกผิวมันญี่ปุ่นแล้วขูดจนกลายเป็นเนื้อขาวใส ปรุงรสด้วยน้ำหมักทูน่าเล็กน้อย ชิมรส แล้วปรุงตามชอบ จัดเรียงปลาทูน่ากับมันญี่ปุ่นขูด ท็อปด้วยวาซาบิขูดและสาหร่าย ส่วนผสมทูน่าซูชิโรล เนื้อปลาทูน่า 100 กรัม | ข้าวญี่ปุ่น (หุงสุก) 3 ถ้วย | น้ำส้มสายชูสำหรับทำซูชิ 120 กรัม | สาหร่าย 1 แผ่น | เนื้อวาซาบิขูดและขิงดองในน้ำส้มสายชูสำหรับเสิร์ฟ   วิธีทำ ซับเนื้อปลาทูน่าให้พอแห้ง หั่นเป็นชิ้นยาวให้กว้างประมาณ 1 เซนติเมตร เตรียมไว้ ใส่ข้าวลงในถังไม้สำหรับตีข้าว (Hangiri) ใส่น้ำส้มสายชู คลุกผสมให้เข้ากันแบบสลับไปมา (Cutting Motion) พักไว้ ทำโรลซูชิโดยตัดครึ่งสาหร่ายวางบนเสื่อม้วนข้าว ตักข้าวลงบนสาหร่าย เกลี่ยให้ทั่ว ปาดวาซาบิตรงกลางเล็กน้อย วางเนื้อปลาทูน่าตรงกลางแล้วม้วนให้เป็นทรงกระบอก กดให้พอแน่น หั่นให้ได้ 6 ชิ้น เสิร์ฟคู่กับขิงดอง วาซาบิขูด และสลัดทูน่า

ปลาไข่ (Shishamo) ปลายอดนิยมของชาวญี่ปุ่นนำมาหมักกับซอสมิโซะ ทำให้ปลามีรสชาติเค็มและหอม เสิร์ฟเป็นชุดพร้อมโอนิกิริหลากรสชาติ และเครื่องเคียงต่างๆ ตามตำรับของคนญี่ปุ่น   ส่วนผสม (สำหรับ 1-2 ที่) ปลาไข่ 5-6 ตัว มิโซะ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำสต๊อกปลาคัตสึโอะ 1/3 ถ้วย ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ มิริน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันสำหรับย่างเล็กน้อย เครื่องเคียง ยำสาหร่ายฮิจิกิ หน่อไม้ญี่ปุ่นดอง รากบัวต้มซีอิ๊ว หัวไชเท้าขูด ขิงอ่อนแบบก้านดอง วิธีทำ ผสมส่วนผสมทั้งหมด (ยกเว้นน้ำมัน) ซับปลาไข่ให้แห้ง นำปลาลงหมัก พักไว้ประมาณ 1-2 ชั่วโมง ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ย่างปลาจนสุกแห้งกำลังดี ตักขึ้นใส่จานไว้ ส่วนผสมและวิธีทำโอนิกิริ ข้าวญี่ปุ่น 2 ถ้วย | ผงโรยข้าวตามชอบ | ผงสาหร่ายเล็กน้อย | สาหร่ายแผ่น 2-3 แผ่น ผสมข้าวกับผงโรยข้าวให้เข้ากัน ปั้นให้เป็นก้อนกลม แล้วนำสาหร่ายมาคาดตรงกลาง ปั้นข้าวให้เป็นก้อนกลม แล้วคลุกผงสาหร่ายจนทั่วให้สวยงาม ใส่จานเสิร์ฟเป็นชุดพร้อมปลาไข่ย่างและเครื่องเคียง

เมนูจานแรกเป็นแนวผสมผสาน เนื้อมะเขือเทศบิจินของญี่ปุ่นรสหวานอมเปรี้ยว หมักกับดาชิและซีอิ๊ว ห่อด้วยปลากะพงแดงซาชิมิ กินคู่กับเจลลีคัตสึโอะผสมใบชิโซะ เพิ่มความสดชื่นด้วยกรานิตามะเขือเทศ   ส่วนผสม (สำหรับ 1-2 ที่) เนื้อปลากะพงแดงหั่นบางยาว ชิ้นละประมาณ 100 กรัม มะเขือเทศบิจิน 2-3 ผล น้ำดาชิผสมซีอิ๊ว 1/4 ถ้วย มิริน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ ดอกกระเทียมและดอกกุยช่ายสำหรับตกแต่งเล็กน้อย วิธีทำ ซับเนื้อปลากะพงให้แห้ง สไลซ์เนื้อปลาให้เป็นชิ้นยาวบาง เตรียมไว้ บากผิวส่วนท้ายมะเขือเทศเป็นรูปกากบาท นำไปลวกในน้ำเดือดสักครู่ ตักขึ้นใส่อ่างน้ำแข็ง ค่อยๆ ใช้มีดลอกผิวออกแล้วใส่ชามไว้ ปรุงรสมะเขือเทศด้วยน้ำดาชิผสมซีอิ๊ว มิริน น้ำส้มสายชู และน้ำมันมะกอกเล็กน้อย คลุกให้พอเข้ากัน ชิมรส นำไปแช่ตู้เย็นหมักไว้ประมาณ 20 นาทีจนเข้าเนื้อ วางเรียงเนื้อปลาบนพลาสติกสำหรับห่ออาหาร ประมาณ 5-6 ชิ้น วางมะเขือเทศตรงกลางแล้วค่อยๆ ใช้เนื้อปลาห่อมะเขือเทศ มัดให้แน่นแล้วนำเข้าตู้เย็นนาน 15 นาที จนเซ็ตตัวเป็นลูกกลม ส่วนผสมและวิธีทำเจลลีปลาคัตสึโอะ น้ำสต๊อกปลาคัตสึโอะ 1/3 ถ้วย | ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนชา | มิริน 1 ช้อนโต๊ะ | ใบชิโซะซอย 1 ช้อนชา | เจลาตินละลาย 2 แผ่น | น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เทใส่ถาดเล็ก แช่ในตู้เย็นจนเซ็ตตัว ส่วนผสมและวิธีทำกรานิตามะเขือเทศบิจิน มะเขือเทศบิจิน 10 ผล | น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย | น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ | เกลือทะเลเล็กน้อย ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เนื้อเนียนละเอียด เทใส่ถาด นำเข้าช่องแช่แข็งจนแข็ง พักไว้สักครู่แล้วใช้ส้อมขูดให้เป็นเกล็ดละเอียด วิธีจัดจาน วางเจลลีที่แช่จนเย็นลงกลางจาน วางมะเขือเทศห่อเนื้อปลา โรยกรานิตารอบๆ ตกแต่งด้วยดอกกระเทียมและดอกกุยช่ายให้สวยงาม เสิร์ฟทันที

มัฟฟินหน้าคาว ที่เปลี่ยนจากข้าวปั้นหน้าแซลมอนธรรมดาๆ ให้น่ารักขึ้นเป็นกอง   ส่วนผสม ข้าวญี่ปุ่น 1 1/2 ถ้วย ปลาแซลมอนหั่นเต๋า 250 กรัม มายองเนส 2 ช้อนโต๊ะ ไข่กุ้ง 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/4 ช้อนชา พริกไทยป่น 1 ช้อนชา ซอสพริก 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย 1 ต้น สาหร่ายแผ่นขนาด 3.5 × 3.5 นิ้ว 6 แผ่น วิธีทำ ปรุงรสเนื้อปลาแซลมอนด้วยเกลือ พริกไทย ใส่มายองเนส ไข่กุ้ง และซอสพริก คลุกให้เข้ากัน พักไว้ วางแผ่นสาหร่ายลงในพิมพ์มัฟฟิน ตักข้าวญี่ปุ่นใส่ กดเบาๆ ใส่แซลมอนที่เตรียมไว้ โรยต้นหอมซอย นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 15 นาที หรือจนปลาแซลมอนสุก นำข้าวมัฟฟินออกจากพิมพ์ จัดใส่จาน เสิร์ฟกับซอสตามชอบ  

ปลาหิมะเนื้อขาวอุดมไปด้วยโปรตีนและโอเมกา-3 นำมาย่างกับน้ำมันมะกอกจนเนื้อชุ่มฉ่ำกำลังดี กินกับผัดผักรสชาติออกเปรี้ยวหวานกลมกล่อม   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ปลาหิมะ 1 ชิ้น ใบไทม์ 1 กิ่ง มะเขือเทศเชอร์รีสีแดง 1/3 ถ้วย มะเขือเทศเชอร์รีสีเหลือง 1/3 ถ้วย พริกหวาน 3 สีหั่นเต๋าเล็ก 1/4 ถ้วย สับปะรดหั่นเต๋า 1/4 ถ้วย แป้งมันละลายน้ำเล็กน้อย น้ำมันมะกอกสำหรับย่าง วิธีย่างปลา ซับน้ำบนเนื้อปลาให้แห้งแล้วหั่นครึ่งให้ได้ 2 ชิ้น ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลางใส่น้ำมันมะกอกเล็กน้อย ย่างปลาและใบไทม์พร้อมกันด้านละ 2 นาทีให้พอมีสีเหลืองสวย ปิดไฟ ตักขึ้น พักไว้ ส่วนผสมซอสผัด กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ ขิงขูด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่าเล็กน้อย น้ำมันรำข้าวสำหรับผัดเล็กน้อย วิธีทำ ทำซอสสำหรับผัดโดยผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน เตรียมไว้ ตั้งกระทะใส่น้ำมันรำข้าว ใส่พริกหวาน มะเขือเทศ และสับปะรด ผัดให้พอสุก ใส่ซอสที่เตรียมไว้ 2 ช้อนโต๊ะ และแป้งมัน ผัดต่อให้เข้ากันและข้นขึ้นเล็กน้อย ชิมรส ปิดไฟ จัดจานโดยตักผัดผักลงในพิมพ์วงกลม กดให้แน่น ยกพิมพ์ออกแล้ววางเนื้อปลา ตกแต่งให้สวยงาม

เนื้อปลาเก๋าแดงนำมาแช่ในน้ำไบรน์ (Brine) จากนั้นหมักกับสมุนไพรจนเข้าเนื้อ แล้วนำไปโพช (Poached) ด้วยอุณหภูมิต่ำให้เนื้อสุกกำลังดี เสิร์ฟกับคอนซอมเม่หรือซุปใสสีเหลืองอ่อนๆ จากขมิ้นที่หอมกลิ่นเครื่องต้มยำ   ส่วนผสมสำหรับหมักเนื้อปลา (สำหรับ 2-4 ที่) เนื้อปลาเก๋าแดง 2 ชิ้น ขมิ้นซอย 2 ช้อนชา หอมแดงสับ 1 ช้อนชา ตะไคร้ซอย 1 ช้อนชา ข่าซอย 1 ช้อนชา ผิวมะกรูด 1/4 ช้อนชา น้ำเปล่า 2 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมคอนซอมเม่ น้ำเปล่า 1 ลิตร กระดูกปลากะพงแดง 1 ตัว ข่าบุบ 2-3 ชิ้น ตะไคร้บุบ 2-3 ต้น ใบมะกรูดฉีก 5-6 ใบ น้ำปลาและน้ำมะนาวสำหรับปรุงรส วิธีทำ หั่นครึ่งเนื้อปลาตามแนวยาวให้หนาประมาณ 4 เซนติเมตร ให้ได้ทั้งหมด 4 ชิ้น จากนั้นนำลงแช่ในน้ำที่ผสมน้ำเปล่ากับเกลือและน้ำตาลทรายไว้แล้ว แช่นาน 30-45 นาที ตักขึ้น ซับน้ำให้แห้ง พักไว้ ใส่ขมิ้น หอมแดง ตะไคร้ ข่า และผิวมะกรูดลงในครก ตำพอพยาบ หมักกับเนื้อปลาประมาณ 15 นาที เกลี่ยสมุนไพรออกเล็กน้อย วางเนื้อปลาซ้อนกันบนพลาสติกสำหรับห่ออาหาร (Wrap) ม้วนเป็นทรงกระบอกให้แน่น มัดด้านหัวและท้ายด้วยเชือกให้สนิท (เพื่อไม่ให้น้ำเข้า) นำลงต้มในหม้อน้ำอุ่นอุณหภูมิ 63 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที ตักขึ้นแล้วพักไว้ให้เย็น หั่นเป็นชิ้นให้สวยงาม เตรียมไว้ ทำคอนซอมเม่โดยต้มกระดูกปลากับน้ำเปล่าให้เดือด (หมั่นช้อนฟองออก) ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด ต้มต่อประมาณ 10 นาทีจนน้ำซุปหอม กรองออกด้วยผ้าขาวบางซ้อนด้วยกระดาษอเนกประสงค์ (Kitchen Towel) เพื่อซับไขมัน ปรุงรสด้วยน้ำมะนาวและน้ำปลา ชิมรส เตรียมไว้ วิธีจัดจาน วางเนื้อปลา ตกแต่งด้วยพริกขี้หนู ตะไคร้ ใบมะกรูด และผักชี ค่อยๆ รินน้ำซุป แล้วหยดน้ำมันมะกรูดเล็กน้อย เสิร์ฟทันที