ถ้าใครชอบกินขนมปังเป็นมื้อเช้า หรือเมื่อไหร่ที่หาของว่างต้องเป็นขนมปัง เราขอแนะนำให้มา ‘Neighbourhood Bakeroom’ ร้านเล็กๆ สีเขียวอยู่ติดบีทีเอสจตุจักร ที่อบขนมปังโฮมเมดสดใหม่แบบวันต่อวัน แถมความพิเศษของที่นี่เรายังสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในทุกรายละเอียดของสินค้าและลูกค้าทุกคน จนทำให้รสชาติขนมปังอร่อยถูกปากมีไส้ให้เลือกหลากหลาย ที่สำคัญถ้ามาครั้งแรกแล้วต้องมีครั้งต่อไปตามมาอีกแน่นอน     ทางร้านแบ่งขนมปังเป็น 2 รูปแบบ คือ โดว์คาว: รสชาติจะออกหวานกว่าโดว์หวานนิดหน่อย เพราะไส้ของโดว์คาวมีความเค็ม จึงต้องการให้ความหวานของแป้งตัดความเค็มของไส้ ซึ่งถือว่าทำได้อย่างลงตัว และรสชาติมีเอกลักษณ์มาก เพราะเจ้าของร้านจะใส่ความชอบของตัวเองลงไป เหมือนทำกินเอง ลูกค้าจึงได้กินของอร่อยที่พิเศษกว่าและเป็นแบบเดียวกับที่เจ้าของร้านชอบด้วยนั่นเอง   โดว์คาว มี 4 เมนู คือ Hotdog bun ความพิเศษอยู่ที่ฮอตดอกในขนมปังบัน ที่มีหอมเจียว และซอสศรีราชามายองเนส, Ham & Cheese ที่ให้รสชาติครบรสซึ่งมีทั้งต้นหอมซอย พริกไทยดำ มายองเนส และน้ำผึ้ง ส่วน Olive bun และ Bacon Caesar ก็ได้รับความนิยมไม่น้อยหน้ากัน นอกจากนี้ในแต่ละวันยังมีโทสต์ไข่กระทะกับเมนูขนมปังที่เป็นชีสสลับกันไป     วันนี้มี ไข่กระทะ : ขนมปังกรอบนอกนุ่มในและหอมซอสกับเครื่องเทศมากๆ     โดว์หวาน: ไส้จะหวานอยู่แล้ว จึงต้องลดความหวานของแป้งโดว์ให้น้อยลง โดยมี Cocoa Pan, Custard Pan, Madoka Orange Roll ด้านบนราดด้วยน้ำส้มนาเวลผสมน้ำส้มจี๊ดเคลือบผิวขนมปังไว้ เพื่อให้รสเปรี้ยวตัดรสชาติขนมปังเวลากินพร้อมกัน     เราสั่ง Cocoa Pan : ตัวขนมปังนุ่มมากๆ ที่สำคัญไส้ยังเข้มข้นสุดๆ ยิ่งกินคู่กับกาแฟจากร้าน Behind the bar ซึ่งอยู่ติดกัน ยิ่งเข้ากันดีและทางร้านก็ยินดีให้สั่งมากินด้วยได้     ส่วนใครที่อยากลอง Flourless Chocolate Cake ต้องมาวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น*   อ่อ...บอกไว้ก่อนนะว่าที่นี่ไม่มีขนมปังตัวไหนที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านเพราะถ้าถามทางร้านก็จะบอกว่า “ทุกตัว” สามารถสั่งโดยการ inbox ไปที่เพจร้าน Neighbourhood Bakeroom และสั่งผ่าน Line Man หรือใครสะดวกแวะซื้อกลับก็สบายใจได้ เพราะทางร้านเตรียมเจลล้างมือบริการลูกค้าก่อนเข้าร้านทุกราย  

บ้านหลังสีขาวที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายแห่งนี้เป็นจุดนัดพบของคนรักครัวซองต์และโดนัทแบบโฮมเมดที่เลือกได้ทั้งแบบคาวและหวาน จุดเด่นคือแป้งครัวซองต์ (Croissant) สูตรพิเศษเนื้อเบา ผิวนอกบางกรอบ เนื้อในนุ่มฉ่ำเนย ทำไซส์มินิให้เราสั่งกินได้หลายรสชาติแบบไม่อิ่มท้องเกินไปเช่นเดียวกับโดนัทครัวซองต์หรือฟรายโด (Frido) ทำจากแป้งครัวซองต์ ใช้เทคนิคทอดก่อนอบทำให้แป้งฟูขึ้นรูปชวนกิน เพิ่มความกรอบหอมและไร้ความมันส่วนเกินนอกจากนี้ยังเน้นอบสดใหม่ชิ้นต่อชิ้นเมื่อลูกค้าสั่งเสิร์ฟร้อนๆ จากเตายิ่งกระจายความหอมกรุ่นฟุ้งไปทั้งร้าน       ครัวซองต์ชิ้นแรกที่เราปลื้มมากคือ Salted Egg Lava ไส้ลาวาไข่เค็มเยิ้มๆ เข้มข้นหวานมันกำลังดี Ham &Cheese อร่อยเต็มปากเต็มคำ ถูกใจคนรักแฮมและชีส Almond Cream แป้งนุ่มนวลใส่ไส้ครีมหวานมัน เป็นชิ้นที่เคี้ยวกินได้สนุกกับเนื้อสัมผัสกรุบกรอบของอัลมอนด์สไลซ์ Mushroom Cream ไส้ครีมเห็ดที่เต็มไปด้วยความหอมมัน เคี้ยวฟินตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย           ขยับมาที่ฟรายโดชิ้นโตกำลังกินบ้าง เริ่มที่ชิ้นแรก Nama Ham &Cheese ไส้แฮมสดเคี้ยวเค็มมันรสชาติคล้ายปาร์มาแฮม ท็อปด้วยชีส 2 ชนิดคือชีสเชดดาร์และชีสมอซซาเรลลาเบิร์นให้ละลายรวมกัน เคี้ยวหนึบๆ หนืดๆ ชวนกิน Mushroom Cream Cheese ไส้ครีมหอมนุ่มเนียนลิ้นมีชิ้นเห็ดใส่มาให้เคี้ยวหนุบหนับเต็มคำ Lemon Cream Cheese & Crumble ใช้เบสครีมผสมกับครีมชีสและน้ำเลมอนสด สัมผัสได้ถึงรสเปรี้ยวและความหอมสดชื่นของครีมเลมอนที่มาพร้อมความกรุบกรอบของครัมเบิล กินแล้วกระปรี้กระเปร่า       ต่อด้วย Strawberry &Blueberry Custard Cream ครีมคัสตาร์ดหอมละมุนรสหวานเล็กน้อยตัดกับรสเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รีและบลูเบอร์รีซึ่งผลไม้รสเปรี้ยวนี้จะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลเพื่อให้ลูกค้าได้ลิ้มรสชาติของผลไม้ที่ดีที่สุดในแต่ละช่วงเวลานอกจากเด่นที่ขนมอบด้านเครื่องดื่มก็ไม่น้อยหน้า โดยเฉพาะเมนูสู้ร้อนที่ขายดิบขายดีอย่าง Iced Mocha ดีกรีความเข้มข้นหวานมันเต็มพิกัด และ Iced Dark Chocolate ช็อกโกแลตเข้มข้นเจือขมปลายลิ้นจางๆ ถูกใจสายดาร์กช็อก     นั่งกินที่ร้านก็ชิล...หรือสั่งไปกินที่บ้านก็ได้รสชาติเดียวกัน

“Honeyful Café” คาเฟ่น่ารักน่านั่งในซอยสุขุมวิท 24 ที่เกิดจากความหลงใหลในน้ำผึ้งของคุณยุ้ย เจ้าของร้านที่ค้นพบว่า ไม่เพียงรสชาติความหอมหวานเท่านั้น แต่น้ำผึ้งยังเต็มไปด้วยสรรพคุณดีๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงอยากนำมาเป็นส่วนผสมหลักของเมนูเครื่องดื่มและเบเกอรีที่เธอทำเอง       โดยน้ำผึ้งที่เธอเลือกใช้ได้แรงบันดาลใจจากเดินทางไปแหล่งน้ำผึ้งดีในต่างประเทศ และคัดสรรน้ำผึ้งระดับคุณภาพที่คุณยุ้ยยืนยันว่า “หวานแต่ดี” อาทิ น้ำผึ้งมานูกา น้ำผึ้งดอกลำไย น้ำผึ้งดอกส้ม น้ำผึ้งลาเวนเดอร์ และน้ำผึ้งดอกแอปเปิลมาสร้างสรรค์เป็นความอร่อยแบบธรรมชาติแท้ๆ       เมนูเด่นที่เราไม่อยากให้พลาดมีทั้ง Honeyful Honey with Fresh-Pressed Almond Milk นมอัลมอนด์คั้นสดเพิ่มความหอมหวานด้วยน้ำผึ้งซิกเนเจอร์จากออสเตรเลีย และ Manuka Latte ลาเต้ร้อนใส่น้ำผึ้งมานูกาหวานละมุนจากนิวซีแลนด์       หรือจะเป็น Matured Longan Honey with Greek Yogurt ความหอมหวานของน้ำผึ้งดอกลำไยผสานกับกรีกโยเกิร์ตรสเปรี้ยวและข้าวโอ๊ตได้อย่างลงตัว และ Orange Blossom Honey with Fresh Lemon Juice & Yuzu ใช้น้ำผึ้งดอกส้มเพิ่มความหอมหวานให้น้ำเลมอนผสมยูสุ       ถ้ากลัวไม่อิ่ม แนะนำให้สั่ง Square Puff Pastry with Organic Egg and Honeyed Ham พัฟฟ์หอมเนยกรอบนอกนุ่มใน ด้วยเทคนิคการกลับบนเตา 5 ครั้ง ท็อปด้วยไข่และเบคอนผัดน้ำผึ้ง หรือ Square Puff Pastry with Creamy Mushroom พัฟฟ์หน้าครีมเห็ดเหมาะสำหรับคนกินมังสวิรัติ       รวมทั้ง Yuzu Inspired Cheesecake เนื้อชีสเค้กหอมมันตัดกับหน้าส้มยูสุผสมน้ำผึ้งดอกส้มหวานเปรี้ยวมาเพิ่มอีกสักจานจะยิ่งฟิน    

อาหารแบบวีแกนก็อร่อยได้ เมื่อ Goodsouls Kitchen – Chang Moi Road คาเฟ่บนถนนช่างม่อยกลางเมืองเชียงใหม่ของคุณวารี ซึ่งนับเป็นสาขาที่ 3 พร้อมเปิดประตูต้อนรับคนรักสุขภาพกันแล้วกับเมนูจากผัก ผลไม้ และธัญพืชที่ “ลำแต้” แด่ชาวเชียงใหม่และนักเดินทางต่างถิ่น แม้แต่คนกินผักไม่เก่งก็ยังกินได้เพลินๆ         ความใส่ใจของที่นี่เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ โดยพยายามให้เป็นออร์แกนิกให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นผักสลัดซื้อจากฟาร์มที่ได้รับการรับรองจาก USDA กาแฟ ข้าวสาร รวมถึงซอสและน้ำสลัดที่เป็นโฮมเมดทั้งหมดโดยไม่มีผลิตภัณฑ์จากสัตว์เจือปน แถมยังนำเสนออกมาได้สนุกสนานและรสชาติดีผ่านเมนูทั้งไทยและตะวันตก อาทิ ก๋วยเตี๋ยวตุ๋น เมนูง่ายๆ ที่อิ่มกันแบบชามโต น้ำซุปหอมกลมกล่อมด้วยเครื่องเทศจีน ใส่เห็ดหอมและผักต่างๆ ที่ตุ๋นจนนุ่ม กินง่าย หรือจะลองเมนูสุดฮอต Mushroom Burger เบอร์เกอร์เห็ดเสิร์ฟพร้อมมันทอดทำเอง ด้านในใช้เห็ดหอมและเห็ดหลายชนิดมาแทนเนื้อ กินแล้วอร่อยไปอีกแบบ เสิร์ฟคู่สลัดผักและมายองเนสแบบวีแกน       อีก 1 เมนูพิเศษ Farafel ฟาลาเฟลในซอสมะเขือเทศสูตรจากครอบครัวของเพื่อนชาวอิสราเอลของคุณวารี ทำจากผักผสมกับถั่วลูกไก่ปั้นเป็นก้อนพอดีคำแล้วทอด ส่วนซอสมะเขือเทศก็เข้มข้นเข้ากันดี     หรือใครเป็นสายสมูทตี้โบวล์ ห้ามพลาด Blue Lagoon ที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์แบบเต็มถ้วย พร้อมรสเปรี้ยวหวานจากผลไม้และความกรุบกรอบจากกราโนล่าโฮมเมด กินแล้วสดชื่นเหมือนได้เติมพลัง นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มอย่างน้ำผลไม้สดและกาแฟที่เราเลือกนมแบบที่ชอบได้ทั้งนมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ หรือกะทิ         แถมช่วงค่ำที่นี่ยังมีคอกเทลแบบวีแกนให้จิบกันเพลินๆ อีกด้วยนะ

บ้านโมเดิร์นสีขาวสะอาดตาที่อยู่บนถนนพรานนก - พุทธมณฑลสาย 4 คือที่ตั้งของ James boulangerie ร้านเบเกอรี่ที่รักของเชฟเจมส์ พชร เถกิงเกียรติ ศิษย์เก่าคนเก่งของสถาบันอาหาร Le Cordon Bleu Dusit และยังเคยเป็นครูผู้สอนทำขนมที่สถาบันดังกล่าวถึง 2 ปี พ่วงด้วยดีกรีแชมป์ผู้พิชิตเชฟกระทะเหล็กอาหารหวานแห่งรายการ Iron chef Thailand อีกด้วย แน่ใจได้เลยว่าขนมร้านนี้ต้องรสชาติดี สมศักด์ศรีเชฟผู้มากความสามารถแน่นอน         พื้นปูนดิบสีเทาและผนังสีขาวเรียบง่ายบ่งบอกความเป็นสไตล์ลอฟท์ได้ดี มีเคาน์เตอร์ปูนเปลือยกว้างๆ ที่ด้านหน้าเรียงรายด้วยกระเช้าใส่ขนมอบสดใหม่แต่ละชนิด เพื่อให้ลูกค้าเลือกตักได้อย่างตามใจ ทั้งสโคน ครัวซองต์ ควินยามาน ที่ผ่านการทำอย่างพิถีพิถัน วัตถุดิบเกือบทั้งหมดนั้นนำเข้าจากต่างประเทศ พร้อมปรับสูตรให้เข้ากับคนไทย ใส่ความรักและความตั้งใจลงไปในทุกเมนูที่ทำ เรียกได้ว่าทุกจานที่เสิร์ฟนั้นต้องผ่านเชฟเจมส์ก่อนถึงมือลูกค้าทุกราย         เริ่มต้นที่พระเอกของร้านอย่าง KouignAmann ควินยามานเป็นขนมสัญชาติฝรั่งเศสที่หารับประทานยาก แป้งนุ่มๆ กัดเข้าไปเจอรสหวานละมุนจากคาราเมล ตัดด้วยรสเค็มของเกลือทะเล กินแล้วไม่เลี่ยนแต่อย่างใด ที่ร้านทำหลากหลายรสชาติ แต่เชฟเลือก 3 ไส้ขายดีมาให้เราชิม ได้แก่ Kouign Amann (75 บาท) สูตรต้นตำรับ อร่อยลงตัว กินเปล่าๆ ก็ฟิน เหมาะสำหรับคนไม่กินหวานมากนัก     Dark Chocolate Kouign Amann (85 บาท) ตกแต่งหรูหราด้วยละอองทอง รสเค็มและหวาน รวมกับรสเข้มข้นของดาร์กช็อคโกแล็ต ชิ้นนี้โดนใจช็อกโกแล็ตเลิฟเวอร์หลายคน Apple Cream Cheese Kouign Amann (85 บาท) แอปเปิ้ลหอมหวานรวมกับครีมชีสหอมมัน รสชาติดีกลมกล่อม     และเมนูขายดี Croissant ที่เชฟเลือก 4 รสป็อปปูลามาให้เราชิมเช่นเคย มีทั้ง Croissant (75 บาท) ครัวซองต์รสดั้งเดิมแป้งและเนยที่ใช้นั้นส่งตรงมาจากประเทศฝรั่งเศสอบสดใหม่ทุกวัน กินคู่กับกาแฟร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใคร Dark Chocolate Croissant (115 บาท) เป็นรสสุดฮอตที่ต้องรีบจับจอง เพราะร้านทำแค่ 30 ชิ้นต่อวันเท่านั้น (เสาร์-อาทิตย์ 60 ชิ้น) ครัวซองต์ที่เรารักสอดไส้ดาร์กช็อกโกแล็ตรสเข้มได้ใจ กัดเข้าไปเจอไส้ไหลเยิ้มเป็นลาวา     Almond Croissant (95 บาท) ครัวซองค์อัลมอนด์ แป้งกรอบนอกนุ่มใน ได้กลิ่นเนยชัดเจน สอดไส้ครีมอัลมอนด์รสหวานมันเอาไว้ภายใน อร่อยเต็มพิกัดเลยชิ้นนี้     Train Croissant (85 บาท) แป้งส่วนเหลือที่ไม่เป็นสามเหลี่ยมจากการตัดทำครัวซองต์ ซึ่งเป็นส่วนที่เนยปริมาณมหาศาลลงไปกองกันเยอะที่สุด ถูกเชฟเจมส์นำมารังสรรค์ให้หลายเป็นครัวซองต์รูปรถไฟ แป้งกรอบๆ ข้างนอก แต่เนื้อในสุดนุ่มชุ่มฉ่ำไปด้วยเนย (คล้ายๆ ขนมปังบริยอช) กินกับแยมสตรอว์เบอร์รีโฮมเมด รสเปรี้ยวหวานกลมกล่อม เชฟแอบกระซิบว่าเมนูนี้หมดก่อนครัวซองต์ธรรมดาเสียอีก!     ละจากเบเกอรีแล้วหันมาชิมอาหารกันบ้าง ที่ห้ามพลาดเลยคือ Hebridean Scottish Salmon Pink Sauce (420 บาท) แซลมอนชิ้นโต๊โตคุณภาพดีจากสกอตแลนด์ อบจนหนังกรอบ แต่เนื้อยังคงนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมพาสต้าแคปเปลลินีสุกกำลังดี คลุกเคล้าซอสสูตรพิเศษที่โดดเด่นด้วยรสเปรี้ยวจากมะเขือเทศและครีมหอมมัน อร่อยกันเพลินๆ     Fried Chicken Croissant (175 บาท) ครัวซองต์สูตรออริจินอลที่หลายคนติดใจ ผ่าตรงกลางและสอดไส้มัดบนเนื้อเนียน ไก่ทอดกรอบๆ ชวนหิวเป็นที่สุด ราดซอสสไปซี่สูตรเด็ดที่ผสานรสเปรี้ยวเผ็ดและครีมมี่จากซอสพริกและมายองเนส ตัดเลี่ยนด้วยมิ๊กซ์ฟรุตสลัดและสลัดผัก สุดจุใจจริงๆ กับจานนี้     ส่วนเครื่องดื่มเราแนะนำ In The Berry Jungle (120 บาท) ชากลิ่นเบอร์รี่หอมๆ ผสมผสานกับน้ำมะนาวแท้ๆ รสหวานนิด เปรี้ยวหน่อย ดื่มแล้วคลายร้อนได้ดี และ Orange Pulpy Americano (120 บาท) รสเปรี้ยวอมหวานจากน้ำส้มสุดสดชื่น มิ๊กซ์กับกาแฟเอสเปรสโซรสเข้ม จิบแล้วชื่นใจดี       แม้จะเรียบง่ายแต่ก็ได้ความอร่อยทุกเมนูนะ

ใครเป็นสาวก “โดนัท” บ้างยกมือขึ้น! หากคุณเป็นโดนัทเลิฟเวอร์ตัวจริงละก็ต้องรีบเช็คอินที่ Drop By Dough คาเฟ่โดนัท ย่านอุดมสุดกิ๊บเก๋ที่เสิร์ฟโดนัทหอมกรุ่นฉบับโฮมเมดในบรรยากาศอบอุ่น เรียบง่ายสไตล์สแกนดิเนเวียน โซฟาสีน้ำเงินดูโดดเด่นและเข้ากันกับผนังไม้ที่ตกแต่งด้วยรูปภาพมินิมอลสุดอาร์ต ซึ่งมองแล้วเจ๋งดี     ฟากนึงของร้านมีม่านสีขาวนวลกั้นซึ่งให้ทั้งความเป็นส่วนตัวที่แฝงไปด้วยความเรียบโก้ มีของตกแต่งชิคๆ คอยเปลี่ยนให้เข้ากับเทศกาลเสมอ เช่นเดียวกับโดนัทที่มีเมนูใหม่ๆ หมุนเวียนเปลี่ยนสร้างความแปลกใหม่ไม่ให้ลูกค้าเบื่อ บอกเลยว่ามาที่นี่มีแต่เรื่องเซอร์ไพร์ส!       เริ่มชิมจากโดนัทสีชมพูสุดหวานแหววชิ้นนี้ Berry Rose โดนัทนุ่มๆ หอมชวนกิน สอดไส้ครีมคัสตาร์ดกลิ่นกุหลาบรสหวานละมุน ราดซอสราสป์เบอร์รีรสเปรี้ยมอมหวาน และโรยหน้าด้วยสตรอว์เบอร์รีอบอีกที รสชาติดีทีเดียว     ต่อด้วยเมนูที่เราเทใจให้กับ Classic Vanilla โดนัทเนื้อฟูๆ สุดฟิน กินพร้อมกับไส้วานิลลาชั้นดีที่ทำจากฝักวานิลลาสดๆ จากมาดากัสการ์ รสหวานหอมเกินใคร ด้านบนโรยด้วยน้ำตาลไอซิง เห็นแล้วชวนหิว     ด้านเครื่องดื่มก็ไม่น้อยหน้าเราแนะนำ Homemade Lemonade รสเปรี้ยวสดชื่นจากน้ำเลมอนสดๆ ผสานกับ Lemon Syrup รสหวานพอดี จิบแล้วชื่นใจ แต่หากใครอยากดื่มอะไรอุ่นๆ ต้อง Hot Latte กาแฟคั่วกลางรสนุ่มดื่มง่าย ไม่ใช่คอกาแฟก็จิบได้สบายบรื๋อ      

บนชั้น 3 ของตึก MatchBox สาขาสยามสแควร์ ซอย 7 เป็นที่ตั้งของ Be My Glaze คาเฟ่สุดคิวท์ขวัญใจวัยทีนส์ทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่งสายหวาน เนื่องจากร้านใช้โทนสีพีชตกแต่งเป็นหลัก แสงแดดที่ส่องผ่านม่านสีขาวบางๆ กระทบกับผนังและเฟอร์นิเจอร์สีส้มอมชมพู ยิ่งทำให้บรรยากาศโรแมนติกแกมอบอุ่นนิดๆ มีความกิ๊บเก๋หน่อยๆ เห็นแล้วอยากแชะภาพอัพโซเชียลทันควัน         ชัวร์ว่าที่นี่ไม่ใช่มีดีแค่ถ่ายรูปสวย ด้วยเพราะขนมหวานสุดอร่อยสูตรโฮมเมดและเครื่องดื่มที่หมุนเวียนเปลี่ยนเมนูกันไปเพื่อไม่ให้ลูกค้าเบื่อ บวกกับการตกแต่งร้านที่น่ารักขนาดนี้ ใครมาเยี่ยมเยือนก็เลิฟทุกราย     เริ่มชิมจากเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Buttermilk Waffle with Mix Fruit วัฟเฟิลเนยเนื้อนุ่มๆ สุดหอมกรุ่น กลิ่นฟุ้งมาแต่ไกล กินพร้อมกับวิปครีมและผลไม้สดอย่าง กล้วย บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รีและส้ม เติมเมเปิ้ลไซรัปเล็กน้อย รสชาติเพอร์เฟค ถูกใจสายหวาน     ไอศกรีมเลิฟเวอร์ต้องลอง Strawberry Parfait โดดเด่นด้วยรสหวานละมุนของไอศกรีมเจลลาโตรสนมสด ผสานสมูทตี้สตรอว์เบอร์รีและโยเกิร์ต ด้านบนมีวิปครีมฟูๆ โรยหน้าด้วยคอร์นเฟลกคาราเมลกรุบหรอบ และบราวนี่รสเข้มหนึบหนับ สุดชื่นใจจริงๆ กับเมนูนี้     ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มฟินๆ อย่าง Peach Tea ชาพีชรสเปรี้ยวอมหวานที่เราปลิ้มปริ่ม ดื่มแล้วสดชื่น แถมมีมุกบุกเด้งๆ และเนื้อพีชชุ่มฉ่ำให้เคี้ยวเล่นอีกต่างหาก จิบเพลินเลยแก้วนี้  

หลังจากพาคนรักของหวานไปอร่อยและสนุกกับเรื่องเล่าสุดน่ากินในปราสาทลับมานานก็ได้เวลาขยับขยายของ Mocking Tales” ที่จะปรับเปลี่ยนจากคาเฟ่ของหวานกลายเป็นคาเฟ่กึ่งสกายบาร์ที่มาพร้อมเมนูอาหารกินง่ายและเครื่องดื่มสูตรพิเศษในคอนเซ็ปต์ Day Light & Night Times       ในส่วนบรรยากาศและการตกแต่งที่นี่ยังคงความเป็นแฟรีเทลส์เติมเต็มจินตนาการแห่งโลกวรรณกรรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์ดังอย่างแฮร์รี พอตเตอร์ และเดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง แถมยังมีการจัดชุดแฟนตาซีเก๋ไก๋ให้ใส่ถ่ายรูปกันเพลินๆ ที่สำคัญคือการย้ายมาอยู่บนชั้นดาดฟ้าทำให้ร้านเพิ่มโซนที่นั่งแบบเอาต์ดอร์ให้ได้นั่งรับลมชมวิวกันสบายๆ อีกด้วย       สำหรับคนรักของหวานต้องลอง Inferno Mountain ภูเขาไฟช็อกโกแลตที่เมื่อเบิร์นด้วยเปลวไฟจะพบว่ามีบราวนีและไอศกรีมโฮมเมด 3 รสชาติ (ที่เราเลือกได้) แอบซ่อนอยู่ด้านใน และ Unleashed The Under Sea เค้กช็อกโกแลตลาวาเนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมรสซีซอลต์คาราเมลและครอบแก้วทำจากน้ำตาลที่แอบซ่อนเซอร์ไพรส์ไว้ด้านใน         ใครอยากอิ่มจริงจัง เราแนะนำ The Lost Kraken ปลาหมึกชุบแป้งทอดราดซอสมาโย สาหร่าย และพริกหยวก มาพร้อมสลัดมะม่วงรสเปรี้ยวหวานที่กินเข้ากันได้ดี และ On Nest สปาเกตตีคาโบนาราเข้มข้นหอมชีสพาร์เมซาน เพิ่มความอร่อยด้วยไข่นกกระทาและหน่อไม้ฝรั่ง       แต่ถ้าอยากมานั่งจิบอะไรเบาๆ เรายกให้ Northern Light น้ำฝรั่งผสมเอลเดอร์ฟลาวเวอร์และไซรัปบลูครูราโซ เพิ่มความอร่อยด้วยเจลลีอัญชันเคี้ยวเพลินเป็นมอกเทลแก้วเด็ดที่ไม่ควรพลาด  

สาวๆ ที่รักสุขภาพ แต่ยังคงหลงใหลในการกินของหวานเป็นต้องถูกใจ “Atomic Pills” คาเฟ่เพื่อคนรักสุขภาพของ “หมอตั้ม - ดิษกุล ประสิทธิ์เรืองสุข” จากรายการมาสเตอร์เชฟ ไทยแลนด์ ซีซัน 2 ที่รวมตัวกับเพื่อนสนิทอีก 2 คน สร้างสรรค์สถานที่แห่งความอร่อยเพื่อสายเฮลต์ตี้ตัวจริง     โดยคาเฟ่แห่งนี้มาพร้อมคอนเซ็ปต์สุดแหวกแนวอย่างการลบล้างความเชื่อที่ว่าขนมหวานไม่ดีต่อสุขภาพ ด้วยการเลือกสรรวัตถุดิบที่ดีและคงความอร่อยมาใช้แทน ซึ่งหมอตั้มคิดค้นและทดลองสูตรด้วยตัวเองจนได้เป็นเมนูเด็ดที่ทั้งอร่อยและดีต่อร่างกาย เปรียบเหมือนการจ่ายยาด้วยของหวานที่ไม่เป็นอันตราย เพื่อเยียวยาสุขภาพและจิตใจของเหล่านักชิมนั่นเอง       เราแนะนำ Atomic Bowl Set ขนาดกำลังดีที่นำเบอร์รีนานาชนิดมาปั่นกับกล้วยแทนน้ำแข็ง เพื่อให้ได้เนื้อเนียนนุ่มและได้คุณค่าทางอาหารอย่างเต็มที่ ท็อปด้วยกราโนลาโฮมเมด และ Power Ball 3 รสชาติ ทั้ง Choco & Coconut, Orange Peanut Butter และ Cranberry Vanilla ที่อร่อยและให้โปรตีนสูง (เหมาะกับคนชอบออกกำลังกายสุดๆ)     ส่วนคนรักเค้กต้องลอง Carrot Cake with Cashew Nut Frosting เค้กแครอตที่ลดความหนักและมันด้วยการใช้ไฟเบอร์จากสับปะรดแทนแป้งสาลี ท็อปด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์แช่น้ำปั่นจนคล้ายครีมชีส Cheat Cake ชีสเค้กที่ใช้ชีสโฟรมาจที่มีไขมันต่ำว่าชีสทั่วไป แนะนำให้กินตอนเสิร์ฟร้อนๆ เนื้อเค้กตรงกลางจะกลายเป็นชีสลาวา Flourless Chocolate Cake เค้กช็อกโกแลตไร้แป้งสาลี แต่ยังคงความอร่อยเข้มข้นได้เป็นอย่างดี         แล้วอย่าลืมเติมความสดชื่นด้วย Orange Honey Yogurt โยเกิร์ตโฮมเมดที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติกปั่นกับหญ้าหวานและแยมส้มที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล หรือคอกาแฟลองสั่ง Hot Latte ลาเต้ร้อนรสนุ่มนวล ที่ใช้เมล็ดกาแฟไทยและบราซิลเบลนด์พิเศษมากินคู่กับเค้กยิ่งอร่อยลงตัว    

ตึกสีขาวเรียบๆ ด้านหน้ามีหน้าต่างกระจกบานใหญ่เขียนตัวอักษร “Contemporary Matcha Bar” คือหน้าร้านของ MTCH คาเฟ่มัตฉะแห่งใหม่ย่านอารีย์ที่มีแนวทางของตัวเองอย่างชัดเจน ด้านในเป็นผนังสีขาวเข้ากันดีกับพื้นปูนเปลือยดิบๆ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์น เป็นบรรยากาศสบายๆ สไตล์มินิมอลสุดคูลที่ดูแล้วก็เก๋ไปอีกแบบ       ส่วนเรื่องมัตฉะนั้น MTCH อิมพอร์ตชาชั้นเลิศจากญี่ปุ่น โดยคัดสรรมาทั้งรสชาติและกลิ่นหอมที่หลากหลาย เลือกได้ว่าชอบรสเบาๆ รสเข้ม หอมกลิ่นดอกไม้ กลิ่นคล้ายดาร์กช็อกโกแลต หรือกลิ่นขนมอบ เพียงเอ่ยปากบอกสเปคที่อยากลิ้มลอง คุณก็จะได้จิบชาถ้วยโปรดให้ใจเบิกบานได้ไม่ยาก       ประเดิมความอร่อยแบบเต็มพิกัดด้วย MTCH Cheesecake ชีสเค้กชาเขียวเนื้อแน่นรสเข้ม หอมกลิ่นมัตฉะเป็นที่สุด เสิรฟ์พร้อมวิปครีมตีสดรสหอมมัน กินพร้อมกันฟินได้ใจ     สายมัตฉะต้องโดน Ice Cream South Yabukita ขนมโมนากะกรุบกรอบส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น ห่อถั่วแดงกวนรสหวานละมุนเสิร์ฟพร้อมไอศกรีมชาเขียวสายพันธุ์ South Yabukita ชนิดเข้มสุดสตรองแต่รสชาตินุ่มนวล แถมยังมีความครีมมี่นิดๆ บอกเลยอร่อยจนคำสุดท้าย     ส่วนเครื่องดื่มเราแนะนำ MTCH Sparking ที่เลือกใช้มัตฉะ 2 สายพันธุ์ Yabukita และ Okumidori เบลนด์จนได้กลิ่นหอมดอกไม้อ่อนๆ ผสานกับน้ำโซดาซาบซ่า และไซรัปนิดหน่อย จิบทีละน้อยจะได้ความสดชื่น ลื่นคอไม่น้อย       MTCH Latte Ujiokumidori เป็นชาเขียว Ujiokumidori ชั้นดีกลิ่นหอมกรุ่นราดบนนมสดเย็นๆ กลายเป็นมัตฉะลาเต้รสกลมกล่อมที่ใครได้ลิ้มลองต่างก็ติดใจ     ส่วนแก้วนี้  MTCH Einspanner White เหมาะสำหรับใครที่ชอบความครีมมี่โดยเฉพาะ เป็นชาเขียวเข้มข้นราดลงบนนมสดเย็นๆ ตามด้วยวิปครีมหวานมันอีกที แก้วนี้ดีต่อใจมากมาย     ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มสีน้ำเงินสดชวนชิม Honey Lemon Spirulina สาหร่ายสไปรูลิน่าหนึ่งในซูเปอร์ฟู้ดที่อุดมไปด้วยโปรตีน ผสมกับน้ำผึ้งมะนาวรสเปรี้ยวอมหวานและโซดา ดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่า ชื่นใจตลอดวัน       เข้าใจชาเขียวอย่างถ่องแท้ก็ต้อง MTCH นี่แหละ

หากใครผ่านไปผ่านมาแถวสามย่าน คงคุ้นเคยกับอาคารสีดำสนิทริมถนนอย่าง “Shophouse1527” อาร์ตสเปซที่โชว์คอนเซ็ปต์กระบวนการเกิด แก่ เจ็บ ตายของตึกแถวในสามย่านสร้างความแปลกตาให้แก่ผู้พบเห็น ซึ่งตอนนี้ได้มีร้านกาแฟชื่อแปลกแสนลึกลับ “Labyrinth Café” เปิดประตูให้คอกาแฟสายดาร์คได้เข้ามาสัมผัสแล้ว     “Labyrinth Café” หรือ แล็บลิ้น คาเฟ่ เกิดจากความตั้งใจจของ “คุณเดช-สิทธิเดช ตั้งสัมฤทธิ์กุล, คุณยิ้ม-วรัญญู มาลสุขุม และ คุณเฟย์-ณทพน จารุวัชระพน” หุ้นส่วนร้านมากฝีมือทั้งสาม ที่อยากเนรมิตรชั้นล่างของ Shophouse 1527 อาร์ตสเปซสุดคูลจากตึกแถวอายุร่วม 70 ปี นำเสนอเรื่องราว ความรู้สึก และจิตวิญญาณเดิมของความเป็นโรงกลึง พร้อมนำเสนอใหม่ผ่านการเสิร์ฟกาแฟ พร้อมผนังปูนเปลือยแบบดิบที่ยังคงทิ้งร่องรอยและตำหนิเดิมที่โรงกลึงทิ้งเอาไว้         เคาน์เตอร์บาร์ เป็นเพียงทางเลือกอย่างเดียวที่ทางร้านตั้งใจให้ลูกค้าและเจ้าของร้านได้มีเวลาแลกเปลี่ยนพูดคุยเรื่องกาแฟอย่างออกรส ที่ร้านนำเข้าเมล็ดกาแฟคัดสรรจากทั่วโลกให้นักดื่มเลือกสั่งกันตามชอบ ทั้งเมล็ดแนวฟรุ๊ตตี้จากโรงคั่ว 3FE ที่ไอซ์แลนด์ เมล็ดเอธิโอเปียคั่วอ่อนจาก Or Roastery โรงคั่วชื่อดังในเมืองบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม และเมล็ดไทยจากดอยสะเก็ดที่มีให้เลือกทั้งแบบดริปร้อนและดริปเย็น        เมนูที่ร้านมีให้เลือกไม่มากนัก แต่จะเน้นเปลี่ยนเมล็ดกาแฟที่ใช้มากกว่า เมนูแรก “Black Magic” เอสเพรสโซ่ช็อต ที่ใช้เมล็ดกาแฟเบลนด์พิเศษของดอยสะเก็ดและลาว มาอินฟิวส์กับลิ้นจี่ ท็อปด้วยโฟมนมเบาๆ ดื่มแล้วได้ความหอมของลิ้นจี่และความละมุนของกาแฟและฟองนมที่ผสมเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ถือเป็นกาแฟที่คนไม่ดื่มกาแฟก็สามารถดื่มได้       สำหรับคอกาแฟคงต้องเมนูนี้ “Pour Over Coffee” กาแฟดำธรรมดา แต่ที่ไม่ธรรมดาคือเราสามารถเลือกเมล็ดกาแฟเองได้ โดยทางร้านจะสับเปลี่ยนเมล็ดกาแฟตามฤดูกาลนั้น ๆ ซึ่งหากใครไม่เชี่ยวชาญด้านนี้ สามารถขอคำแนะนำจากบาริสต้า เพื่อเลือกกรสชาติที่ใช่สำหรับตัวเองได้       นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูขนมไว้กินคู่กับกาแฟอย่าง “Salted Egg Lava Chinese Cake” หรือขนมเปี๊ยไข่เค็มลาวา ขนมเปี๊ยแป้งนุ่ม สอดไส้ไข่เค็มลาวารสชาติเข้มข้น เป็นเมนูขนมหนึ่งเดียวของร้านที่ยืนหนึ่งจริงๆ    

‘ซงเต๋อ’ คาเฟ่สไตล์จีนโมเดิร์นแห่งใหม่ของเยาวราชที่อยู่ห่างจาก MRT สถานีวัดมังกรเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เดิมทีตัวร้านเป็นร้านขายของชำเก่าแก่ตั้งแต่รุ่นอากงที่รู้จักกันในชื่อห้างหุ้นส่วนจำกัดซงเต็ก ก่อนที่รุ่นลูกหลานจะเติมชีวิตชีวาให้ตึกนี้อีกครั้งด้วยการเปิดเป็นคาเฟ่ 3 ชั้น ที่สะดุดตาเราตั้งแต่แรกเห็นด้วยป้ายไฟนีออน โคมไฟสีแดงที่ห้อยระย้าจากด้านบน และภาพเพนต์หญิงสาวบนผนังที่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในฉากหนึ่งของภาพยนตร์จีนยุคเก่าอย่างไรอย่างนั้น         มาถึงแล้วสั่งอะไรมาดื่มให้ชื่นใจกันก่อน Zongter’s Plum น้ำบ๊วยโบราณที่ใช้บ๊วยดองทั้งลูก รับประกันว่าจิบแล้วตื่นเต็มตา ส่วนเมนูของที่ร้านก็เก๋ไม่แพ้การดีไซน์ เพราะดึงเมนูอาหารประจำตระกูลมาให้เราได้ลิ้มลองความอร่อยอย่างชุดข้าวไก่นุ่มน้ำปลาหอม สะโพกไก่อวบๆ ต้มกับซอสน้ำปลาหอมๆ เราชอบที่เนื้อไก่นุ่มมาก กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดแล้วดีเชียว เคียงด้วยไข่ต้มยางมะตูมและ ‘กาน่าฉ่ายเห็ดหอมคุณเล็ก’ ที่ขอไฮไลต์ไว้ว่าเป็นทีเด็ดเพราะเป็นกาน่าฉ่ายทำเองสูตรอาม่า ยิ่งไปกว่านั้นในเซ็ตยังเสิร์ฟทั้งชาร้อนและชาเย็นซึ่งเป็นความตั้งใจของทางร้านที่อยากให้จิบชาใบเตยเย็นๆ ให้ชื่นใจก่อน ส่วนชาอู่หลงร้อนไว้จิบล้างปากตอนท้าย       หรือจะลองชุดข้าวพะโล้ (ที่ต้มแบบไม่ใส่เครื่องพะโล้) ก็ถูกอกถูกใจ รสเค็มอ่อนๆ แต่กลมกล่อม เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่พิสมัยกลิ่นเครื่องเทศ แถมปีกไก่ยังนุ่ม ส่วนหมูสามชั้นก็แทบละลายในปาก เสิร์ฟเคียงมาด้วยกาน่าฉ่ายและน้ำชาร้อน-เย็นเช่นกัน     ส่วนเมนูที่ขายดีไม่แพ้ชุดข้าว ต้องยกให้สามก๊ก  3 ความอร่อยทั้งกุยช่าย ไชเท้า และหัวเผือก ใส่เนื้อหมู เห็ดและกุ้งแห้งลงไปด้วยกินกับน้ำจิ้มรสเผ็ดนิดๆ เข้ากันดี หรือใครปรดปรานของทอด อย่าพลาด ซาลาเปาทอดฮ่องเต้ชิ้นกำลังน่ารัก กัดแล้วเจอไส้ลาวาไข่เค็มรสละมุนด้านใน รวมถึงติ่มซำที่มีให้เลือกแบบจุใจ    

ไม่ต้องไปไกลถึงในตัวเมืองก็สัมผัสความคูลได้ที่ถนนบางบอน 4  กับ Orange Bliss Café คาเฟ่สไตล์มินิมอลเรียบง่ายสุดชิล รั้วปูนเปลือยดิบกลิ่นอายลอฟท์ล้อมบ้านโมเดิร์นสีขาวหลังน้อยแสนเก๋ที่ภายในสว่างโพลนด้วยผนังสีขาวล้วน มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่เปิดรับลมและแสงแดด ทำให้บรรยากาศปลอดโปร่ง ไม่ร้อนอบอ้าวแม้จะไร้ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศก็ตามที         แถมมีต้นไม้กระถางตกแต่งอยู่ตามมุมร้านสร้างความสบายตาแก่ทุกผู้นามที่มอง บวกกับการได้ลิ้มลองเครื่องดื่มดีๆ และเบเกอรีอบสดใหม่วันต่อวัน ยิ่งทำให้ Orange Bliss Café กลายเป็นจุดเช็คอินแห่งใหม่ที่โดนใจคนทุกเพศทุกวัย       เริ่มจากเมนูฮอตฮิตซิกเนเจอร์ Choc & Cream Cake คัพเค้กช็อกโกแลตหอมกรุ่นถูกปกคลุมไปด้วยวิปครีมเนื้อนุ่มๆ ละมุนลิ้น ตักกินกันไปเพลินๆ     ต่อด้วยชิ้นโปรดของหลายๆ คน Cheese Cake ครัมเบิลกรุบกรอบที่เราคุ้นเคย เป็นฐานล่างให้กับชีสชั้นหนาๆหอมมัน ด้านบนท็อปด้วยผลไม้แสนรักอย่าง สตรอว์เบอร์รีลูกโต๊โต บอกเลยชิ้นนี้กลมกล่อม ละมุนละไม     และ Lemon Cake เค้กเลมอนอบสดใหม่ๆ หอมฟุ้งมาแต่ไกล รสเปรี้ยวพอดี ชิมกี่ทีก็ไม่เบื่อ       แล้วหันไปจิบ Orange Bliss เครื่องดื่มประจำร้าน น้ำเสาวรสผสานกับน้ำส้มและน้ำมะม่วง เติมความซาบซ่าด้วยโซดา เปรี้ยวอมหวาน สดชื่นถึงใจ     ตบท้ายด้วย Happiness Colour ความลงตัวของกาแฟเอสเพรสโซ ช็อกโกแลตรสเข้ม และคาราเมลหวานหอม ดื่มง่าย ไม่ใช่คอกาแฟก็ฟินได้     มาเยือนที่นี่รับรองได้รูปชิคๆไว้อัพลงโซเชียลจนหนำใจ

แฟนคลับสาวสวยสุดเก๋ “เจี๊ยบ – โสภิตนภา ชุ่มภาณี” อย่าลืมมาเช็กอินพร้อมอัพเดตสไตล์และชิมของหวานและเครื่องดื่มแสนอร่อยที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีกันที่ Faie Beauty Bar & Café” คาเฟ่และบิวตี้บาร์เก๋ไก๋น่านั่งใจกลางทองหล่อที่เจ้าของร้านตั้งใจให้เป็นสถานที่แฮงก์เอาต์พบปะพูดคุยของสาวๆ นักกินและนักช้อป         นอกจากมุมสินค้าแฟชั่น ทั้งเสื้อผ้า แว่นตา กระเป๋า รองเท้า รวมไปถึงเครื่องสำอางที่สะท้อนตัวตนและไลฟ์สไตล์ของนักแสดงสาวมากความสามารถจะยั่วยวนใจ (และเงินในกระเป๋าสตางค์) แล้ว เมนูเด่นทั้งของหวานและเครื่องดื่มในมุมคาเฟ่ยังน่ากินไม่แพ้กัน       เราแนะนำ Dark Beer Cake เค้กเนื้อแน่นหอมกลิ่นมอลต์ของเบียร์ Red Velvet Cake ท็อปด้วยเบอร์รี วอลนัต และครีมชีสหอมมัน และ Carrot Cake เค้กแครอตเนื้อแน่นหนึบ หอมซินนามอน         ส่วนเครืองดื่มห้ามพลาด Flirty กาแฟดริปใส่ไซรัปสับปะรดและโซดาแสนสดชื่น และ Beautiful On You กาแฟนมพิชตาชิโอ้ นมอัลมอลต์ และนมวัวรสนุ่มนวล ผสมเนื้อคุกกี้และไซรัปมะพร้าวหอมหวาน       ที่สำคัญตลอดเดือนมกราคมนี้ยังมีเมนูใหม่สุดพิเศษอย่างเซตขนมไทยสีสวย อาทิ ทองเอก ทองชมพู อาลัว ดาราทอง และพุดดิงมะม่วง         คุณเจี๊ยบแนะนำให้กินคู่  3 เมนูเครื่องดื่มสุดเก๋รับปีใหม่ที่มีทั้ง Christmas Tree Delight ชาเขียวมัตฉะผลมน้ำลิ้นจี่ หอมเกรปฟรุต Santa Claus is Coming to Town ชาดำเอิร์ลเกรย์ผสมพันช์ที่ทำจากน้ำแอปเปิลและน้ำทับทิม และ Happiness บลูเบอร์รีโซดารสหวานอมเปรี้ยวที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบคาเฟอีน        

Little Tree คาเฟ่ลับย่านสามพราน จังหวัดนครปฐมแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในสวนป่าร่มรื่นที่รายล้อมด้วยต้นไม้เขียวขจี มีแม่น้ำท่าจีนทอดยาวให้ได้นั่งชิลพร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติในหลากหลายมุมอย่างจุใจ       บรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยไม้กระถางน้อยใหญ่ สบายตา ผนังอิฐสีขาวแซมด้วยเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลเข้ากันได้อย่างพอดิบพอดี เรื่องรสชาติอาหารของที่นี่ก็เข้าที ทางร้านใช้วัตถุดิบชั้นดี ปรุงอย่างพิถีพิถัน ทั้งอาหารคาวหวานรวมถึงขนมโฮมเมดอบสดใหม่ทุกวัน อร่อยถูกใจทุกผู้ทุกนามที่ได้ลิ้มลอง         เริ่มกันด้วย ยำหมูย่างดอกไม้ เนื้อหมูย่างนุ่มชุ่มฉ่ำหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ คลุกเคล้ากับตะไคร้ พริกขี้หนู ใบมะกรูดซอย และดอกไม้สดจากสวนอย่าง อัญชัน และพวงชมพู ปรุงจนได้รสเปรี้ยวหวาน เผ็ดเล็กๆ อร่อยลงตัว     ตามด้วย คอหมูย่างทอดโหระพา คอหมูย่างเคี้ยวเพลินๆ ทอดพร้อมใบโหระพาหอมกรุ่น เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนด้วยพริกแห้ง ยังไม่อิ่มสั่ง ซี่โครงหมูอบโรสแมรี่ข้าวผัดงา ซี่โครงหมูตุ๋นจนเนื้อนุ่มร่อน หอมกลิ่นโรสแมรี่อ่อนๆ กินพร้อมข้าวผัดงาหอมเนยชวนชิม สุดอิ่มเอมจริงๆ กับจานนี้       ทางด้านของหวานก็ไม่น้อยหน้า อาทิ Mulberry Lemon Cake เค้กเนื้อละเอียดที่แซมด้วยลูกมัลเบอร์รี่เปรี้ยวอมหวาน ราดซอสเลมอนหอมๆ ไม่เลี่ยนแต่อย่างใด     Fresh Honey Yoghurt โยเกิร์ตชั้นดีผสมกับน้ำผึ้งหวานละมุน และผลไม้สด อาทิ มะละกอสุก มะม่วงสุก ลำไย และบลูเบอร์รี่ สดชื่นตั้งแต่คำแรกที่ชิม     สายหวานห้ามพลาด Dark Beer Chocolate เค้กดาร์กช็อกโกแล็ต เนื้อฉ่ำๆ แน่นหนึบรสเข้ม หอมกลิ่นเบียร์จางๆ แบ่งชั้นกับครีมชีสที่ผสานกับวานิลลาจากมาดากัสการ์ หอมมัน กินแล้วฟินจนไม่อยากวางช้อน     ปิดท้ายมื้อดีๆ ด้วยเครื่องดื่มสีชมพูหวานแหวว ลิ้นจี่กุหลาบปั่น หวานนิด เปรี้ยวหน่อย จิบชิลๆ สดชื่นตลอดวัน     เป็นมื้ออร่อยที่ไม่มีวันลืมเลือน

หลังจากพา Luka Bangkok คว้าหัวใจชาวสาทรไปครองก็ถึงเวลาของ Luka.Moto ไลฟ์สไตล์คาเฟ่ในซอยทองหล่อที่ Luka และ BMW Motorrad Thailand ร่วมกันเนรมิตพื้นที่ให้กลายเป็นสวรรค์ของชาวไบเกอร์อย่างแท้จริง     นอกจากกาแฟและอาหารจะดีงามตามแบบฉบับ Luka แล้ว ไฮไลต์ยังอยู่ที่มอเตอร์ไซค์คันงามดีไซน์พิเศษจาก BMW ที่จอดโชว์โฉมอยู่ด้านใน (จิบกาแฟไปนั่งมองไปก็เพลินดีเหมือนกัน) ไม่เพียงเท่านั้น ยังเอาใจชาวไบเกอร์ด้วยมุมอุปกรณ์คู่ใจ ไม่ว่าจะเป็นหมวกกันน็อค ถุงมือ ฯลฯ เข้ากับโทนสีขรึมๆ และเฟอร์นิเจอร์สุดเท่จาก Casa Pagoda เป็นอย่างดี         แม้ว่าคอนเซ็ปต์ร้านจะที่มาดแมนแค่ไหน แต่ที่ร้านก็ใส่ใจเรื่องวัตถุดิบอย่างที่สุด โดยเฉพาะการเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่น รวมถึงให้ความสำคัญกับเรื่องออร์แกนิค เริ่มด้วยน้ำผลไม้เรียกความสดชื่นด้วย Ceelo ขวดจิ๋วแต่แจ๋วจากสับปะรด แอปเปิลเขียว และมินต์      ต่อด้วย Luka Breakfast Burrito ซิกเนเจอร์จานโต เพิ่มพลังยามเช้าด้วยแป้งตอร์ติญ่า ด้านในเป็นไข่ออร์แกนิก ชีส ไส้กรอกจาก Sloan’s ควีนัว อะโวคาโด เสิร์ฟคู่ซัลซ่า เผือกทอด มันทอด กินกับซอสสูตรลับของ Luka ที่เข้ากันอย่างที่สุด      สายเฮลตี้ลองเลย Acai Bowl ถ้วยนี้เรารักมาก นอกจากจะอัดแน่นไปด้วยผลไม้และธัญพืชแล้วยังกินง่ายและสดชื่น ได้รสหวานจากกล้วย โรยหน้าด้วยโฮมเมดกราโนล่าและอัลมอนด์กรุบกรอบ     เพิ่มความหนักขึ้นอีกนิดด้วย Charcoal-Grilled Steak Sandwich สเต๊กเนื้อส่วนท้องแบบมีเดียมแรร์ เข้ากับหัวหอมคาราเมลไลซ์หวานๆ และดิจองมัสตาร์ด วางขนมปังเชียบัตตาโฮมเมดชิ้นหนา เคียงด้วยสลัดร็อกเก็ต      แล้วตบท้ายมือด้วย Salted Caramel Ca Phe’ กาแฟดริปแบบเวียดนามที่บาริสต้ามาดริปให้ถึงโต๊ะ แก้วนี้ลงตัวทั้งกาแฟ นม และ Salted Caramel ออนท้อปด้วยโฟมนุ่มเบา เข้มข้นหวานมันและมีรสเค็มติดปลายเล็กๆ     ถูกใจคอกาแฟอย่างแน่นอน

นอกจากจะเป็นแหล่งอาหารอร่อยขึ้นชื่อที่ดึงดูดเหล่านักกินให้แวะเวียนมาเป็นประจำแล้ว “บางรัก” ยังถือเป็นแหล่งรวมร้านคาเฟ่เก๋ๆ บรรยากาศสบายๆ ไว้รองรับเด็กนักเรียน หนุ่มสาวชาวออฟฟิต รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่เสมอ เช่นเดียวกับที่นี่ “About White Café &Bisrtro”     “About White” เป็นคาเฟ่เล็กๆ ตั้งอยู่ริมถนนเจริญกรุง โดดเด่นด้วยการตกแต่งตรงตามคอนเซ็ปต์สมกับชื่อร้าน ไม่ว่าจะเป็นผนัง พื้นกระเบื้อง โต๊ะ เก้าอี้ หรือแม้กระทั่งป้ายร้านก็ใช้เป็นสีขาว ทำให้ร้านที่ดูเหมือนจะมีพื้นที่ไม่มาก กลับให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบายอย่างบอกไม่ถูก       เนื่องจากเป็น Café & Bistro ภายใต้คอนเซ็ปต์ Food - Drink - Relax ทำให้ที่ร้านมีทั้งอาหาร เครื่องดื่ม ของหวาน และมุม relax อย่างโต๊ะบอร์ดเกมส์ไว้ให้เล่นกันฟรีๆ อีกด้วย     เริ่มต้นความอร่อยที่คุ้นเคยด้วยเมนู “Carbonara bacon” คาโบนาราโฮมเมด ที่โดดเด่นด้วยครีมชีสเข้มข้น ตัดรสชาติด้วยเบคอนกรอบรสเค็มที่ร้านทำเองทุกขั้นตอน กลายเป็นเมนูง่ายๆ แต่ถูกใจใครหลายคน       ต่อด้วยเมนูพิเศษที่ยังไม่ใส่ลงในเมนูของร้าน แต่เราได้ชิมก่อนใครอย่าง “หมูสามชั้นทอดกระเทียมซอสจิ้มแจ่ว” หมูสามชั้นชิ้นหนากำลังดี ทอดจนเหลืองกรอบ โรยด้วยกระเทียมเจียวหอมๆ กินคู่กับซอสจิ้มแจ่วที่ใส่ข้าวคั่วเพิ่มความหอม เป็นเมนูกินเล่นที่น่าจะเข้าไปอยู่ในใจใครได้ไม่ยาก     อิ่มของคาวแล้วหันมาลองกาแฟของที่ร้านกันบ้าง “Iced Americano” ความพิเศษคือใช้เมล็ดกาแฟของไทยจากจังหวัดต่างๆ ผสมกันจนได้รสชาติตามแบบฉบับของ About white ซึ่งหาดื่มได้ที่นี่เท่านั้น     เมื่อมีกาแฟแล้วต้องมีขนมกินคู่กัน “Homemade Cheesecake” ชีสเค้กสีขาวนวล ด้านล่างเป็นครัมเบิลหอมมัน กินคู่กับอเมริกาโน่รสเข้ม เข้ากันได้เป็นอย่างดี    

The Mew หนึ่งในคาเฟ่เก๋ไก๋ ไฮไลท์ที่คนเที่ยวเขาใหญ่ต้องมีไว้ในลิสต์ พื้นที่ของร้านกว้างขวางจัดสรรให้นั่งสบายได้หลายโซน ใครอยากสูดอากาศบริสุทธิ์แนะนำให้นั่งโต๊ะริมลำธารเล็กๆ ที่มีลมเย็นๆ พัดผ่านตลอดเวลา ส่วนด้านในก็เย็นฉ่ำนั่งชิลได้ทั้งโต๊ะเก้าอี้บุนวม หรือจะชวนกันหย่อนกายบนโซฟานุ่มๆ ก็มีให้เลือกหลายมุม นอกจากจะตกแต่งร้านได้ชวนนั่งยังมีเมนูอร่อยมาเอาใจสายกินให้ได้ฟินจนลืมเวลา         เริ่มที่ Korean Kimchi Pork with Naan Bread หมูหมักซอสพริกเกาหลี วิธีกินให้คีบหมูวางบนแป้งนาน ตามด้วยผักสด เหมาะเป็นเมนูรองท้องระหว่างวันก่อนถึงมื้อหลักได้แบบไม่อิ่มเกิน     ด้านขนมอบเน้นทำสดใหม่ทุกวันและมีให้เลือกมาก อาทิ  Homemade Scone สคอนเนื้อนุ่มร่วน หอมกลิ่นเนย กินคู่ซอสเบอร์รี แยมเสาวรส และมาสคาร์โปเนครีมที่นุ่มเนียนละมุนลิ้น     เครื่องดื่มไฮไลท์ยกให้  Rose and Lychee Lemonade ชากุหลาบผสมน้ำลิ้นจี่และน้ำมะนาว เปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่นมีแรงเดินเที่ยวได้ทั้งวัน  

ย่านสุขุมวิทถือเป็นย่านฮิตที่รวบรวมร้านกาแฟเจ๋งๆ ไว้ให้เหล่า Café hopping แวะเวียนไปจิบกาแฟ ดื่มด่ำบรรยากาศ หรือจะนั่งทำงานชิลๆ อยู่เสมอ เช่นเดียวกับที่นี่ “Sometime I Feel”     “Sometime I Feel” ร้านกาแฟขนาดกะทัดรัดกับลุคสุดเท่ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 นำเสนอความสวยงามของงานอาร์ตผ่านการสร้างสรรค์เมนูเครื่องดื่มที่แตกต่าง ไม่ซ้ำใคร อีกทั้งมีแกลอรีที่เปิดโอกาสให้ศิลปินเข้ามาจัดแสดงผลงานได้อย่างไม่จำกัด     เนื่องจากมีความชอบที่ต่างกันของหุ้นส่วนทั้ง 4 จึงทำให้เกิดการตกแต่งร้านในแบบ non-style fusion หรือการตกแต่งแบบไร้รูปแบบ ภายนอกมีความดิบด้วยโครงของเรือนกระจกที่ใช้ทำกาแฟ ตัดกับสีเขียวของต้นไม้ ส่วนภายในร้านตกแต่งโทนสีครีม ดำ และน้ำเงิน แบบเรียบง่าย เพิ่มกิมมิกด้วยรูปภาพจากงานอาร์ตส่วนตัวและผลงานที่ศิลปินนำมาจัดแสดงนั่นเอง       มากันที่กาแฟของร้านกันบ้าง ร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟไทยเป็นหลัก ผสมผสานกับเมล็ดกาแฟจากลาวและบราซิลจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว  รวมไปถึงเมล็ดพันธุ์อื่นๆ ที่หมุนเวียนให้ลูกค้าลองชิมกันทุกๆ เดือนอีกด้วย     เริ่มกันที่เมนูแรก Orangepresso กาแฟรสเข้มผสานเข้ากับกลิ่นส้มหอมๆ โดยด้านในมีเจลลี่เนื้อส้มและน้ำส้มผสมสปาร์คกลิ้งแบ่งชั้นกับเอสเพรสโซ่ช็อตรสเข้ม เวลาดื่มคนให้เข้ากันถือเป็นเมนูกาแฟที่ช่วยเติมความสดชื่นระหว่างวันได้เป็นอย่างดี       เอาใจสายหวานด้วย Double Trouble Float กาแฟสกัดผ่านเนื้อมะนาวเพิ่มความหอม ผสมกับวานิลลาไซรัป และซอสญี่ปุ่นเพิ่มความหวาน จากนั้นท็อปด้านบนด้วยฟองนมและไอศกรีมวานิลลา กลายเป็นเมนูเครื่องดื่มกึ่งของหวานที่น่าจะถูกใจสาวๆ ได้ดีเชียวล่ะ       แต่สายแข็งต้องเมนูนี้ Espresso Shot เอสเพรสโซ่รสเข้มเบลนด์จากเมล็ดกาแฟไทยจังหวัดชุมพร ที่ให้กลิ่นหอมคล้ายถั่ว เปรี้ยวอ่อนๆ ที่ปลายลิ้นเสิร์ฟคู่กับน้ำร้อน จิบกาแฟหอมๆ พร้อมนั่งทำงานต่อได้ยาวๆ    

Uncle Tigger’s คาเฟ่ไก่ทอดสุดฮิปย่านแบริ่ง ตกแต่งสดใสในโทนเหลือง ดำ ขาว ตัวร้านโปร่งโล่งมีสเปซให้ยืดแขนขาได้สบาย  เหมาะกับชวนก๊วนเพื่อนมานั่งชิล หรือมาเป็นครอบครัวก็สนุกสนานได้เต็มที่แบบไม่รบกวนกัน พระเอกของร้านยกให้ไก่ทอดสูตรลับจากความช่างคิดของลุงเสือที่นำเครื่องเทศมากถึง 14 ชนิดมาหมักจนเข้าเนื้อ ลองทำ ลองชิม จนได้รสชาติเข้มข้นถูกใจ ผสานเทคนิคควบคุมไฟอย่างใจเย็นเพื่อให้ได้แป้งบางกรอบ เนื้อนุ่มฉ่ำ กัดแต่ละคำจะรู้สึกฟินจนหยุดกินไม่ได้เลยล่ะ     ทางร้านยังเน้นทอดใหม่เมื่อลูกค้าสั่ง เนื้อไก่จึงนุ่มนวลไม่แห้งกระด้าง ขนาดนั่งเมาท์ไปกินไปสักพัก เนื้อไก่ก็ยังฉ่ำลิ้น เหมือนเพิ่งเสิร์ฟมาใหม่ๆ ยังไงยังงั้น         เริ่มที่เมนูกินเล่น Bacon & Mayo Cheese Fries มันฝรั่งทอดเสิร์ฟมาพร้อมกลิ่นหอมของชีส รสชาติเข้มข้นเค็มมัน เพิ่มความน่ากินด้วยเบคอนทอด โรยพาสลีย์ชูกลิ่นหอมปิดท้าย เป็นเมนูที่ยิ่งหยิบก็ยิ่งเพลินจริงๆ       ต่อด้วย หมึกวงทอดกรอบ หมึกกล้วยหั่นวง คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงรสหลายชนิด ทอดจนกรอบนอกหนึบใน เคี้ยวเค็มๆ มันๆ เสิร์ฟคู่ดิปครีม เพิ่มความหอมมันแบบคูณสอง       ถัดมาเป็นปีกไก่ทอดที่มีให้เลือกหลายรสชาติ อาทิ  Black Mahlah Wings , Red Mahlah Wings 2 เมนูรสเด็ดเผ็ดร้อนจนต้องเป่าปาก และ Classic Wings รสชาติสุดคลาสสิกที่สั่งมากินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ           ซิกเนเจอร์ห้ามพลาด Chicken & Waffles ไก่ทอดชิ้นโตวางบนวัฟเฟิลกรอบๆ หอมๆ ราดซอสสูตรลับฉบับลุงเสือ อย่าลืมบีบเลมอนเพิ่มความสดชื่น เมนูนี้กินคนเดียวก็เพลิน หรือกินกับเพื่อนก็ยิ่งสนุก       ที่ร้านลุงเสือไม่ได้มีดีแค่ไก่ทอด เพราะหมูทอดก็สุดล้ำ แนะนำ สะแด่วคอหมูทอด เต็มปากเต็มคำกับคอหมูนุ่มๆ กินเปล่าๆ ก็เข้าที หรือจะจุ่มน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ดก็เข้าท่า       เดินหน้ากันต่อกับสะแด่วหมูบิงซูและไข่ดองพริกน้ำปลา นำสะแด่วหมูสุดนุ่มเรียงบนข้าวสวยร้อนๆ ท็อปด้วยไข่ดองพริกน้ำปลาเป็นมันเยิ้มชวนกิน เพิ่มความจัดจ้านด้วยน้ำจิ้มแจ่ว เคี้ยวมันส์ตั้งแต่คำแรกจนถึงคำสุดท้าย       นอกจากนี้ยังมีเมนูเอาใจคนกินเส้นอย่างสปาเกตตีลุงเสือ จุดเด่นคือเส้นเหนียวนุ่ม เข้ากันดีกับซอสคาร์โบนาราที่ปรุงได้รสชาติกลมกล่อมและหอมกรุ่น  แต่ถ้าชอบซดน้ำซุปร้อนๆ รสจัดจ้านคล่องคอลองสั่งมาม่าต้มยำน้ำข้นทะเลและไข่แดงดิบก็ไม่ผิดหวัง       ปิดท้ายด้วยของหวานล้างปาก Okinawa Waffle วัฟเฟิลโฮมเมดจากแป้งสูตรเฉพาะ กรอบนอกนุ่มในกินแล้วไม่รู้สึกเลี่ยนหรือหนักท้องเกินไป จับคู่กับวิปครีมนมสด เพิ่มกิมมิกชวนกินด้วยไข่มุก ราดไซรัปฉ่ำๆ หวานหอมลงตัว       ส่วนแก้วนี้ Shu Shu Original Milk Tea ชาไต้หวัน จะนั่งดื่มที่ร้าน หรือซื้อติดมือกลับไปดื่มต่อที่บ้าน ก็ยังดื่มได้สดชื่นตั้งแต่หยดแรกจนถึงหยดสุดท้าย