ทุกเย็นที่ Groove เซ็นทรัลเวิลด์ จะคึกคักไปด้วยผู้คนโดยเฉพาะหนุ่มสาวออฟฟิศที่ออกมาแฮ้งค์เอ้าท์หลังเลิกงาน หนึ่งในร้านที่ยังคงฮิตติดลมบนเข้าคิวรอโต๊ะหนีไม่พ้นไวน์บาร์สุดเท่อย่าง Wine I Love You     9 ปีที่แล้วคุณวิน สิงห์พัฒนากุล หนุ่มดีกรี เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต หลักสูตร Cuisine เปิดร้านนี้ก่อนที่จะเรียนจบเพื่อต่อยอดธุรกิจร้านอาหารของครอบครัว โดยเปิดสาขา CDC เป็นเป้เปนเดดนที่แรก ก่อนจะขยับขยายไปอีกหลายสาขา     Wine I Love You  ด้วยโทนสีดำสุดเท่สไตล์ Bar & Bistro ขายอาหารคอมฟอร์ตฟู้ดกินง่ายทั้งไทยและตะวันตก มีเครื่องดื่มให้เลือกทั้งค็อกเทล เบียร์ และไวน์ เน้นที่ไวน์โลกใหม่พร้อมดื่มถูกใจชาวออฟฟิศใจกลางเมือง     อาหารแนะนำที่ทุกโต๊ะต้องสั่งคือ แซลมอนแซ่บ กับแกล้มรสเด็ดที่ใช้เนื้อปลาแซลมอนรมควันสไลด์บาง ท๊อปบนผักสลัดสดกรอบ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ กินแล้วสดชื่นตื่นเต็มตา     ส่วนสาวๆ ให้ลองสั่ง สลัดซีซาร์ สลัดสุดคลาสสิคที่ใช้ผักกาดคอสคลุกมากับน้ำสลัดซีซาร์สูตรลับของร้าน รสเค็มมัน หอมกลิ่นชีสพาร์เมซาน เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังกรูตองชิ้นใหญ่ กินอร่อยเข้ากัน     สันคอหมูซอสครีมเห็ดทรัฟเฟิล เต็มอิ่มกับสันคอหมูคุโรบุตะชิ้นใหญ่ ย่างมาสุกแบบเนื้อนุ่มพอดี ราดซอสครีมที่ใส่เห็ดทรัฟเฟิลส่งกลิ่นหอมฟุ้งชวนกิน     สุดท้ายเป็นเมนูที่เหมาะกับทุกเครื่องดื่มทุกประเภทอย่าง ซี่โครงหมูใหญ่มาก ใช้ซี่โครงหมูชิ้นใหญ่สมชื่อ หมักด้วยซอสสูตรเด็ดรสเผ็ดเปรี้ยว ย่างมากลิ่นหอมน่ากิน เนื้อหมูนุ่มร่อนออกจากกระดูกแทะเพลิน     นี่ถ้าอยู่ข้างออฟฟิศจะรีบไปทุกหลังเลิกงาน!

จากรายการทำขนมชื่อดัง Sweet Chef Thailand  สู่ร้าน “Sweet Chef Café” ที่หยิบยกเอาเมนูของหวานสุดครีเอทที่แข่งขันในรายการมาเป็นเมนูประจำร้าน ให้แฟนรายการและเหล่านักชิมของหวานได้ลิ้มลอง โดยแต่ละเมนูถือเป็นลายเส้นของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนที่อยากจะสร้างสรรค์เมนูของหวานแปลกใหม่ หน้าตาดี แต่คงไว้ซึ่งความอร่อยนั่นเอง       เพียงแค่หน้าร้านเราก็จะพบกับประตูบานใหญ่สีชมพูหวานสะดุดตา สมกับชื่อ Sweet จริงๆ เมื่อเดินเข้ามาภายในร้าน เจอกับผนังสีลาเวนเดอร์ และโซฟาสีม่วงและโต๊ะลายหินอ่อนสีขาวสบายตา เพิ่มดีเทลเล็กๆ ที่มุมกำแพงโค้งที่ใส่ลวดลายเป็นรูปสลักอุปกรณ์เครื่องครัวอีกด้วย       ไม่รอช้า เริ่มที่ความหวานจานแรกอย่าง “พีชชี่ ฟีชชี่ (Peachy Fizzy)” ไอศกรีมลูกท้อผสมแชมเปญได้ความสดชื่นและความหอมไปพร้อมๆ กัน ด้านล่างเป็นเมอแรงค์กรุบกรอบ กินคู่กับชีสเค้ก เคิร์ตลูกท้อ และซอสวานิลลาพีช เปรี้ยวอมหวานแต่กลมกล่อม ทีเด็ดอยู่ที่ลูกท้อที่นำไปตุ๋นในเครื่องเทศจนได้กลิ่นหอมและได้ความเผ็ดเล็กๆ อีกด้วย       ส่วนใครเป็นฮันนี่เลิฟเวอร์ต้องเมนูนี้เลย “มูสหยดน้ำผึ้ง (Honey Bubble Yuzu Mousse)” มูสเย็นๆ เนื้อละมุน มีรสหวานอมเปรี้ยวจากส้มยูซุและน้ำผึ้ง เนื้อมูสทำจากเลมอนครีมชีสเคลือบไวท์ช็อกโกแลต แอบซ่อนความสดชื่นด้านในด้วยเจลลี่ส้มยูซุผสมน้ำผึ้ง มะม่วงสุก สปันจ์เค้กวานิลลา ทานคู่กับคุกกี้น้ำผึ้งกรุบๆ ตัดด้วยไอศกรีมส้มยูซุรสเปรี้ยว เป็นจานที่กินได้เพลินไม่รู้เบื่อเลยทีเดียว     ปิดท้ายเมนูขนมหวานที่ซ่อนสมุนไพรเพื่อสุขภาพภายในจานกันบ้าง “ครีมชีสว่านหางจระเข้ (Aloe Vera Creamcheese Muesli)” ครีมชีสไลท์ๆ ผสมว่านหางจระเข้ กินคู่กับสเฟียร์โยเกิร์ต ตัดด้วยเลมอนครีมและกรานิต้าราสป์เบอร์รี่และสตรอว์เบอร์รี่ เป็นเมนูเพื่อสุขภาพที่ได้ความเบาและสดชื่นไปพร้อมๆ กัน       นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูเครื่องดื่มไว้ลิ้มลองอีกด้วยไม่ว่าจะเป็น “Bitter Orange with Ginger Juice” น้ำส้มซ่าที่เติมความสดชื่นและความหอมหวาน หรือจะเป็น “Torch Ginger Drink” น้ำดอกดาหลาสีสวย ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ พร้อมความหวาน พอเมื่อดื่มแล้วรู้สึกผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี    

  Tuk Tuk คำสั้นๆ ที่สื่อถึงความเป็นเอเชียถูกนำมาตั้งเป็นชื่อร้าน รวมทั้งตกแต่งบรรยากาศให้อบอวลด้วยกลิ่นอายบนท้องถนนอันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวของประเทศอินเดีย ไม่ว่าจะเป็นสตรีทอาร์ทสีจัดจ้านที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา หรืออาหารการกินที่สะท้อนวิถีชีวิตของผู้คนได้อย่างน่าสนใจและชวนหิวทีเดียว           ทางร้านนำจานเด็ดสไตล์สตรีทฟู้ดมาปรุงอย่างพิถีพิถัน เน้นวัตถุดิบสดใหม่และเครื่องเทศต้นตำรับเพื่อคงเอกลักษณ์ของอาหารอินเดียไว้ แต่ใช้วิธีปรับระดับให้เข้ากับลิ้นคนไทยมากขึ้นจนเราลืมกลิ่นและรสชาติที่ค้างคาใจไปเลย         อุ่นเครื่องเบาๆ กับ Okra Fries กระเจี๊ยบชุบแป้งที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศสีแดงช่วยเพิ่มสีสันชวนน้ำลายสอ ทอดกรอบๆ เสิร์ฟพร้อมมายองเนสและน้ำพริกเผาไทย เป็นเมนูกินเล่นเพลินๆ เหมือนเฟรนฟรายส์       Chicken Lollipops ปีกไก่บนที่รูดเนื้อขึ้นคล้ายโลลิป๊อบ คลุกเคล้ากับเครื่องเทศ ทอดในน้ำมันร้อนๆ จนเนื้อนุ่มหนังกรอบ หยิบกินได้แบบพอดีคำ รสชาติเผ็ดซ่านติดปลายลิ้น เสิร์ฟให้กินกับมินท์ชัตนีย์และน้ำจิ้มไก่       ขยับมาจานหลักจากเตาทันดูรี Chicken Tikka ไก่ย่างสไตล์อินเดีย หมักเครื่องเทศจนซึมซาบเข้าเนื้อ และย่างจนหอมกรุ่นได้ที่ เสิร์ฟให้กินคู่มินต์ชัตนีย์ ควรบีบมะนาวนิดหน่อยจะชูรสชาติความอร่อยยิ่งขึ้น       หรือจะเปลี่ยนจากไก่เป็นปลากระพงย่างหอมๆ ก็เข้าทีกับ Tawa Seabass เมนูเพื่อสุขภาพประจำร้าน เสิร์ฟกับซอสสับปะรด รสหวานอมเปรี้ยวเจือรสเผ็ดนิดๆ เพิ่มความสดชื่นและช่วยลดกลิ่นเครื่องเทศลงด้วย       มาร้านอาหารอินเดียทั้งทีเมนูต้องมีคือ Garlic Naan แป้งนานกรอบนุ่มหอมกลิ่นกระเทียม ทางร้านมีแกงให้เลือกสั่งมากินคู่หลายอย่าง อาทิ Coastal Prawn Curry แกงกุ้งกะทิ เครื่องแกงเข้มข้นหอมมันกุ้ง       หรือถ้าชอบความเนียนนุ่มละมุนลิ้นสั่ง Butter Chicken ที่ครบครันความหอมมันจากเนยนม       บางท่านที่ยังไม่คุ้นชินกับอาหารอินเดีย ที่นี่ก็มีทางเลือกไว้ให้อิ่มท้องแบบไม่น้อยหน้ากัน อาทิ Old School Pad Thai ไทยสตรีทฟู้ดรสชาติกลมกล่อมจากซอสสูตรลับฉบับตุ๊กตุ๊ก ลองแล้วจะติดใจ       ปิดท้ายด้วยขนมหวานล้างปาก Nutella Naan เปลี่ยนแป้งนานในเมนูของคาวมาเป็นของหวานราดนูเทลลา เคี้ยวหนึบหอมหวานคล้ายโรตีที่คุ้นเคย       และ Grilled Pineapple สับปะรดย่างเนย สับปะรดพันธุ์หอมสุวรรณ หวานฉ่ำอมรสเปรี้ยวเล็กน้อย หั่นเป็นชิ้นตามยาวเสียบไม้ย่าง เคลือบด้วยเนยหอมๆ กินคู่ไอศกรีมกะทิเนื้อเนียนหอมมันจากกะทิคั้นสด       ส่วนเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ Rani’s Kiss สลับสีสวยถึง 3 เลเยอร์ ชั้นล่างเป็นน้ำส้มสดผสมน้ำมะนาว ใส่ใบมินต์อินฟิวส์เพิ่มกลิ่นรส โรยน้ำแข็งและโซดา ตรงกลางเป็นแบล็กเคอแรนท์ไซรัปปราศจากน้ำตาล 100% ก่อนปิดจ๊อบด้วยโซดา     ยกให้เป็นเครื่องดื่มเปรี้ยวซ่าที่สั่งมาปิดท้ายมื้อได้สุดเปอร์เฟ็กต์

ภายใต้โกดังเก่าสีขาวที่ภายนอกดูลึกลับแท้จริงแล้วคือคาเฟ่สุดอินดี้ที่เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ ชื่อ Simple Plan x River ร้านเรียบง่ายมีสไตล์เป็นของตัวเอง ผนังด้านในเป็นปูนเปลือยดิบ ตกแต่งด้วยกรอบรูปน้อยใหญ่ ไร้เครื่องปรับอากาศแต่ไม่ร้อนอบอ้าวเพราะได้ความเย็นจากธรรมชาติแม่น้ำท่าจีน มีหน้าต่างเปิดโล่งรับลมได้อย่างเต็มที่ทำให้อากาศปลอดโปร่ง ใครอยากสัมผัสบรรยากาศดีๆ ได้มองวิวสวยๆ พร้อมจิบกาแฟรสเลิศ เราแนะนำให้มาเยือนที่นี่เลย           ขอประเดิมเมนูแรกด้วย Red Velvet เค้กสีแดงเนื้อละเอียดที่มีส่วนผสมของโกโก้รสเข้ม สลับชั้นกับครีมชีสเปรี้ยวเล็กๆ หอมมัน เข้ากั๊นเข้ากัน     ต่อด้วยเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ Spice Coffee กาแฟเอสเปรสโซรสเข้มผสมกับน้ำมะพร้าวหวานชื่นใจ หอมกลิ่นซินนามอน ดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่า     หรือจะลอง ชาพีช รสเปรี้ยวอมหวาน จิบแล้วคลายร้อนได้อย่างดี แถมมีเนื้อพีชชุ่มฉ่ำมาให้เคี้ยวเล่นเพลินๆ     กาแฟข้าวกล้องงอก กาแฟลาเต้ที่เพิ่มความหอมมันด้วยผงข้าวกล้องงอก หอม ดื่มง่าย รสกลมกล่อม     อย่าลืมสั่ง Honey Brandy กาแฟคั่วกลางอ่อน หอมกลิ่นน้ำผึ้งจางๆ ยิ่งจิบยิ่งฟิน ถูกใจคอกาแฟ       เสาร์-อาทิตย์ใครยังไม่มี Plan ลองแวะเวียนไป  Simple Plan x River สิ                                                     

ใครเป็นสายดื่มที่ชอบดนตรีแจ๊สรับรองต้องถูกใจ Crimson Room บาร์หรูเปิดใหม่ในโครงการ Velaa Sindhorn Village แห่งถนนหลังสวน ภายในบาร์เป็นธีมสีดำแดงให้ความรู้สึกคึกคักเหมาะกับบรรยากาศยามค่ำคืน เพดานด้านบนสูงโออ่าไม่อึดอัด โดดเด่นด้วยแชนเดอเลียร์ทองเหลืองห้อยระย้า ที่นั่งเป็นสเตเดียมหันหน้าเข้าเวทีที่ให้แขกได้เพลิดเพลินไปกับดีเจและวงแจ๊สดนตรีสด พร้อมลิ้มรสค็อกเทลและแชมเปญรสเลิศที่ทางร้านบรรจงเลือกสรรมาอย่างดี         เริ่มต้นจิบเบาๆ ด้วย Sparkling Wine ไวน์สุดหรูที่อยู่คู่กับงานปาร์ตี้ น้ำสีเหลืองทองกับฟองซ่าๆ ดื่มแล้วสดชื่นลื่นคอ     ต่อด้วย Bee Pollen ค็อกเทลสีเหลืองนวลเสิร์ฟมาในแก้วนกน้อยน่ารัก ความลงตัวระหว่างซิตรัส ไซรัปคาราเมลหอมหวาน Hendrick’s และ Yellow Chatreuse เปรี้ยวหวานจิบเพลินจนหยดสุดท้าย     Them Apples ค็อกเทลที่ผสมผสานลงตัวระหว่าง วิสกี้ ไซรัปแอปเปิ้ล ซิตรัสและไวน์แดง รสเข้ม เปรี้ยวนิดๆ หอมกลิ่นแอปเปิ้ล ถูกใจนักดื่มตัวจริง       ค็อกเทลสีแดงสดแก้วนี้เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ Lavender Mood เปรี้ยวสดชื่น หอมกลิ่นลาเวนเดอร์ จิบแล้วผ่อนคลาย     ปิดท้ายด้วย Jungle Fever โดดเด่นด้วยสปิริตสัญชาติไทยระดับพรีเมียมอย่าง Lanna หอมละมุน พร้อมด้วยเหล้าส้มจากฝรั่งเศสอย่าง Cointreau บอกเลยแก้วนี้รสเข้มดุเดือดไม่เป็นรองแก้วไหน!       ใครอยากแฮงค์เอ้าท์สัมผัสประสบการณ์สุดหรูเชิญได้ที่ “Crimson Room”

El Tapeo (เอล ทาเปโญ่) ร้านอาหารสเปนรสดั้งเดิมตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านทองหล่อ ซอยสุขุมวิท 55 ภายในร้านมี 3 ชั้นซึ่งให้ฟิลที่แตกต่างกันออกไป ชั้นแรกมีบาร์ขนาดใหญ่ คึกครื้น เหมาะสำหรับใครที่อยากมานั่งจิบเพลินๆ เดินขึ้นไปชั้นสองจะพบกับโซนรับประทานอาหารชิลๆ ผนังตกแต่งด้วยจานอันดาลูเชียนซึ่งมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์จากทางใต้ของสเปน       ส่วนชั้นบนสุดเป็นโซนรับแสงที่ดีที่สุดของร้าน หน้าต่างกระจกบานใหญ่มองเห็นทิศทัศน์ด้านนอก ช่วยให้คุณผ่อนคลายมากขึ้น ผนังอิฐสีขาวถูกแซมด้วยภาพสถานที่สำคัญต่างๆ ในกรุงมาดริดที่ยิ่งมองก็ยิ่งน่าหลงใหล       เริ่มต้นความอร่อยด้วย Torreznos Con Mojo Canario หมูสามชั้นทอดกรอบเคี้ยวเพลินราดด้วยซอสรสเผ็ดสูตรทางใต้ของประเทศสเปน     ตามด้วยเมนูขายดี Gambas Al Ajillo Arlic Prawns กุ้งผัดกับน้ำมันมะกอก กระเทียม ปาปริก้าและพาร์สลีย์ รสเค็มพอดีซ่อนความเผ็ดเล็กๆ กินคู่กับขนมปังอุ่นๆ อร่อยสุดๆ     หรือจะลอง Albondlgas Da Cerdo Caseras มีทบอลราดซอสมะเขือเทศ รสเปรี้ยวนิดๆ หอมกลิ่นของกระเทียมและพาร์สลีย์ เสิร์ฟพร้อมขนมปังหอมกรุ่นเช่นเคย     ฟินไปกับแซนด์วิชหน้าเปิด 2 สไตล์ในจานเดียว ทั้ง Brie con cebolla confitada หน้าหัวหอมผัดคาราเมลผสานกับบรีชีสหอมมัน เข้ากันได้อย่างดี Jamón Ibérico Con Tomate Y aceite De Olive หน้าแฮมหมูดำหนึบหนับบวกกับรสเปรี้ยวจากซอสมะเขือเทศสด ดีงามไม่แพ้กัน     พลาดไม่ได้กับ Arroz Negro ข้าวบาสมาตีหุงพร้อมหมึกดำ ผักต่างๆ และปลาหมึก เสิร์ฟบนกระทะร้อนที่ด้านบนเรียงรายด้วยหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์และกุ้งเนื้อหวาน หอมฟุ้งมาแต่ไกล ชูรสชาติด้วยมายองเนสรสกระเทียม กลมกล่อม จานนี้ได้ใจเราเต็มๆ     เอาใจสวีตเลิฟเวอร์ด้วย Coulant De Chocolate Al Turron เค้กช็อกโกแลตลาวารสเข้ม มาพร้อมไอศกรีมวานิลลาหวานหอม ถูกใจใช่เลย และ Churros Con Chocolate ปาท่องโก๋สเปนกรอบนอกนุ่มใน จิ้มกับช็อกโกแลตร้อนเข้มข้น       จบมื้อนี้ด้วย Sangria ค็อกเทลสีแดงแรงฤทธิ์ที่มีส่วนผสมของไวน์แดง น้ำมะนาว สไปรท์ และแอปเปิ้ลสดหั่นเต๋า รสเปรี้ยวซ่า ดื่มแล้วสดชื่น       ชิมแล้วประทับใจ อร่อยจนลืมไม่ลง!

ตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการเมื่อ 8 ปีที่แล้วก็เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ในทันที เพราะ Chocolate Ville คือร้านอาหารสไตล์ธีมปาร์คแห่งแรกที่มีสีสันสะดุดตาเรียกให้ผู้คนต้องเข้ามาถ่ายรูปเช็คอิน       หมู่บ้านสไตล์ยุโรปสีพาสเทลแห่งนี้ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 15 ไร่ มีประภาคารสูงเป็นแลนด์มาร์ค มีลำคลองเล็กๆ ไหลผ่าน ในหมู่บ้านประกอบไปด้วยโรงนา หอนาฬิกา สถานีรถไฟ ฯลฯ บ้านแต่ละหลังสร้างขึ้นจริงเพื่อใช้เป็นห้องอาหารและร้านค้า ด้วยแนวคิด Dining in the park โดย คุณวิน สิงห์พัฒนากุล หนุ่มดีกรี เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต และเจ้าของร้านบริสโตรสุดเท่อย่าง Wine I Love You       เที่ยวพักผ่อนในบรรยากาศดีๆ ถ่ายรูปและกินอาหารคือความสุขง่ายๆ ในวันหยุด ที่นี่เสิร์ฟเมนูหลากหลายทั้งไทย จีน ฝรั่ง แต่ละจานไซส์ใหญ่เหมาะกับการแชร์กันทั้งครอบครัวและกลุ่มเพื่อน นอกจากซี่โครงหมูใหญ่มากและขาหมูเยอรมันที่เป็นอาหารขึ้นชื่อแล้ว ช่วงนี้มีเมนูใหม่ที่แนะนำคือ ทีโบนสเต็ก และริบอายสเต็ก ใช้เนื้อสเต็กจากประเทศออสเตรเลีย ชิ้นใหญ่เนื้อนุ่ม เสิร์ฟพร้อมซอส 3 แบบแล้วแต่ความชอบ ทั้งซอสเปปเปอร์พริกไทยรสเผ็ดร้อน น้ำจิ้มแจ่วรสออกหวาน และมัสตาร์ดเผ็ดฉุนขึ้นจมูก       อีกจานที่ใหญ่ไม่แพ้กันคือ ปูผัดผงกะหรี่ ใช้ปูทะเลขนาด 500 กรัมขึ้นไป ผัดกับซอสผงกะหรี่กลิ่นหอม รสหวานละมุน ถูกใจทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยว     จานสุดท้ายเรียกเสียงชัตเตอร์ได้รอบโต๊ะคือเมนู กุ้งมังกรอบชีส กุ้งมังกรตัวโตจากภูเก็ต เนื้อแน่นหวาน อบกับชีสยืดๆ เสิร์ฟพร้อมซอสเนยกระเทียมกลิ่นหอม กินแล้วอร่อยเต็มปากเต็มคำ     เพลิดเพลินกับวิวและอาหาร เรียกว่าครบจบในที่เดียว

Truly Scrumptious ร้านคาเฟ่น้องใหม่ในซอยสุขุมวิท 49 ที่เน้นเสิร์ฟเค้กโฮมเมดทำเองวันต่อวัน รวมถึงเครื่องดื่มที่มีให้เลือกหลายเมนู แต่อะไรทำให้ร้านนี้กลายเป็นร้านเค้กขวัญใจใครหลายคนภายในเวลาไม่ถึงปี เรามาหาคำตอบกัน     Truly Scrumptious เป็นที่รู้จักในนามร้านขนมเค้กออนไลน์ผ่านอินสตาแกรมมากว่า 1 ปี จนกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจเหล่านักกินเค้กมากมาย โดย คุณดิ๋ง นิดา สิงหเนตร และ คุณแพรว ชุลีอร ชลิตอาภรณ์ หุ้นส่วนสาวแสนสวย คิดค้นสูตรเองจากความชอบส่วนตัว และประสบการณ์ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ประเทศอังกฤษเป็นเวลาหลายปี ทำให้เค้กของร้านมีความเนื้อแน่นสไตล์อังกฤษนั้นเอง         บรรยากาศร้านมีความเรียบง่าย ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ภายในถูกออกแบบสไตล์อังกฤษ ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีขาวสลับดำ พร้อมด้วยกระจกใสรอบร้าน ทำให้มีความโปร่ง โล่งสบาย เหมาะกับการมานั่งจิบกาแฟพร้อมกินขนมเค้กยามบ่ายจริงๆ         เค้กตัวแรกถือเป็นเค้กซิกเนเจอร์ที่คุณดิ๋งแอบกระซิบมาว่าไม่เคยกินที่ไหนแน่นอน “Signature Black Beer Cake” เค้กเบียร์ดำ เนื้อเค้กด้านล่างเป็นช็อกโกแลตรสเข้มแบ่งชั้นกับครีมชีสหนาๆ ฟินๆ โดยความพิเศษอีกอย่างคือ ร้านได้เพิ่มคอนญักผสมอยู่ในครีมชีสด้วย ปิดท้ายด้านบนสุดด้วยบลูเบอร์รีสดเพิ่มรสชาติเปรี้ยวอ่อนๆ ทำให้เค้กชิ้นนี้กลมกล่อมและเข้ากันได้เป็นอย่างดี     ตามมาด้วย “Chocoflan” เค้กช็อกโกแลตเนื้อนุ่มแบ่งชั้นกับวานิลลาฟลานหอมละมุน ราดด้วย Cajeta หรือคาราเมลเม็กซิกันเข้มข้น และถั่วพีแคน เป็นรสชาติหอมหวานที่ใครก็ปฎิเสธไม่ลง       ยังคงอยู่กับเมนูช็อกโกแลตอย่าง “Dark Chocolate Oreo Pie with Raspberries” ทาร์ตชิ้นใหญ่ที่ด้านล่างเป็นบิสกิตโอริโอกรุบกรอบ ตรงกลางเป็นช็อกโกแลตกานาชรสเข้มข้น ท็อปด้วยราสป์เบอร์รีสดที่นอกจากจะช่วยตัดรสชาติกับดาร์กช็อกโกแลตแล้ว ยังทำให้หน้าตาเค้กชิ้นนี้น่ากินมากยิ่งขึ้น     อีกหนึ่งเค้กขายดีไม่แพ้กันอย่าง “Signature Carrot Cake” เค้กแครอตที่หลายคนคุ้นเคย มีวอลนัตกรุบกรอบแทรกตัวอยู่ในเนื้อเค้ก พร้อมด้วยกลิ่นซินนามอนหอมๆ ด้านบนเป็นครีมชีสสูตรเฉพาะของทางร้าน ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ไม่ควรพลาด     นอกจากนี้ทางร้านยังมีบริการกาแฟสด และเครื่องดื่มต่างๆ ไว้ดื่มคู่กับเค้กของร้านอีกด้วย  

ใครผ่านไปมาแถวสยามสแควร์ คงได้กลิ่นหอมจนต้องเดินตามหาของครีมพัฟสไตล์ฝรั่งเศส (French Cream Puff) จากร้าน Mihimihi Thailand แบรนด์ดังจากประเทศจีนที่ชิมลางจากร้านต้นแบบสาขาแรก ชั้น LG สยามสแควร์วัน แม้จะเปิดตัวได้ไม่นานแต่เสียงตอบรับคึกคักแค่ไหนให้ดูได้จากจำนวนคนยืนรอซื้ออยู่หน้าร้าน     กระทั่งเป็นที่มาของสาขาล่าสุดที่ตั้งใจกระจายความฟินให้ได้กินกันอย่างทั่วถึง อยู่ไม่ไกลจากสาขาแรกเท่าไหร่โดยพิกัดน้องใหม่อยู่ในสยามสแควร์ ซอย 10 เยื้องกับศูนย์หนังสือจุฬา ช็อปหนังสือเสร็จก็มุ่งหน้ามาเติมความหวานละมุนให้ชุ่มชื่นหัวใจกันได้ที่สาขานี้เลย       จุดเด่นของครีมพัฟแท่งนี้นอกจากกลิ่นหอมยั่วยวนแล้วก็คือผิวนอกกรอบโรยอัลมอนด์ให้เคี้ยวกรุบๆ สอดไส้ครีมละมุนลิ้นที่มีให้เลือก 5 รสชาติ ได้แก่ ออริจินอล ช็อกโกแลต ลาเต้ มัตฉะ และสตรอเบอร์รี     ใครกินครั้งแรกคงอยากทดลองให้ครบทั้ง 5 รสเพื่อค้นหารสชาติที่ชื่นชอบ ซึ่งทั้งหมดทำออกมาได้รสหวานกำลังดีเราเลยละเลียดได้เรื่อยๆ เผลอเดี๋ยวเดียวกินครบทุกรสชาติ แบบไม่รู้สึกว่าเลี่ยนเลย       นอกจากครีมพัฟยังมีซูเฟล่นุ่มๆ ให้เลือกสั่งมาเอ็นจอยอีก 4 รสชาติ ได้แก่ ออริจินอล ออริจินอลบับเบิ้ล มัตฉะ และสตรอเบอร์รี เมนูนี้อาจต้องรอนานหน่อยเพราะทางร้านจะอบใหม่เมื่อสั่งเท่านั้น เนื้อแป้งนุ่มฟู ราดครีมเข้มข้นรสหวานละมุน แค่ตักเข้าปากก็แทบละลายแล้ว         ประสบการณ์สุดฟินที่ใครก็ยินดีรอ!

แค่มองผนังร้านที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีหวานของร้าน Another Day Desserts คาเฟ่ดอกไม้แห่งใหม่ที่ชั้น G ดิ เอ็มควอเทียร์ก็ชวนให้รู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ ยิ่งได้กลิ่นหอมของขนมอบใหม่ที่ลอยมาเตะจมูก ทำให้รู้ในทันทีว่าเราควรเก็บเรื่องไดเอตไปคุยกันวันอื่น!       คุณจิมมี่-อัครวินท์ เตชะอุบล เจ้าของร้านได้ไอเดียการตกแต่งจากคาเฟ่ในอังกฤษที่มีดอกไม้เบ่งบานเข้ากับการนั่งจิบชาและละเลียดของหวานอย่างสบายอารมณ์ แล้วเพิ่มความพิเศษขึ้นอีกนิดด้วยการรวบรวมขนมที่ใครๆ ก็หลงรักมาไว้ด้วยกันเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นวาฟเฟิล คากิโกริ บิงซู โทสต์ แพนเค้ก ฯลฯ ที่ใช้วัตถุดิบอย่างดี อาทิ เนยจากฝรั่งเศสและนมฮอกไกโดของญี่ปุ่น     มาถึงที่ร้านห้ามพลาด Bubble Waffles ‘Pistachio Rose’ วาฟเฟิลที่กรอบนอกนุ่มใน เลือกได้ทั้งรสออริจินอลและช็อกโกแลต ด้านในซ่อนไอศกรีมโฮมเมดกลิ่นกุหลาบหอมหวาน มีสตรอว์เบอร์รี่สดไว้เพิ่มรสเปรี้ยว ตามด้วยอีกหนึ่งเมนูฮอต Original Premium Pancakes ใครชอบแพนเค้กแบบญี่ปุ่นอย่าพลาดเชียว เนื้อแพนเค้กทั้งนุ่มและฟู (เสิร์ฟมาแบบเด้งดึ๋ง) ก่อนกินราดน้ำผึ้งลงไปเพิ่มดีกรีความหวานกินคู่ไอศกรีมและกล้วยหอม       ส่วนคนรักเค้กที่ร้านก็มีให้เลือกหลายเมนูด้วยกัน แนะนำ Pistachio Rose Cake เค้กสีชมพูอ่อนที่มีถั่วพิตาชิโตและกลีบกุหลาบชิ้นเล็กๆ ตกแต่งอยู่โดยรอบ ครีมกุหลาบกลิ่นหอมชัดดี ชิ้นนี้ค่อนข้างหวาน แต่เมื่อละเลียดคู่ชาร้อนแล้วกำลังเหมาะ ปิดท้ายด้วย Italian Soda นอกจากซาบซ่าแล้วยังน่ารักมาก เสิร์ฟแก้วใหญ่ มีสายไหมฟูฟ่องท็อปด้านบน เลือกรสและสีสันได้ตามชอบทั้ง Rose Lychee ,Yuzu Lavender, Blue Peach และ Elderflower Apple       ตอบโจทย์คนรักความหวานแบบครบทุกข้อไปเลย  

ภายในตลาดศรีย่านมีร้านเก่า (แต่เก๋า) ที่ชื่อ “ปาเน็ตโทน” ร้านอาหารเล็กๆ ที่เสิร์ฟความอร่อยมานานกว่า 20 ปี ด้วยดีกรีรสชาติอาหารที่ไม่ธรรมดาแต่ราคาเป็นมิตร พร้อมด้วยบริการที่ใส่ใจสไมล์เซอร์วิส ทำให้ร้านปาเน็ตโทน ครองใจผู้คนทุกยุคทุกสมัย       ก้าวเข้าไปคุณจะสัมผัสถึงกลิ่นอายยุค 80 ทั้งของตกแต่ง โต๊ะ เก้าอี้ ล้วนเป็นของเก่าทั้งหมด  ใครที่ชอบร้านสไตล์วินเทจชิคๆ “ปาเน็ตโทน” เป็นอีกที่ในลิสต์ที่คุณต้องไปเยือน       เริ่มที่จานหลักอย่าง ข้าวไก่อบ สะโพกไก่อบจนเนื้อนุ่ม ราดด้วยซอสรสเปรี้ยวเผ็ดสูตรเด็ดจากทางร้าน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ยิ่งกินก็ยิ่งติดใจ     ต่อด้วยเมนูไทยแท้ตำรับชาววัง แกงรัญจวนหมู ซี่โครงหมูอ่อนเคี้ยวเพลินในน้ำแกงเผ็ดร้อน ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกะปิและใบโหระพา ซดแล้วคล่องคอดี     เอาใจคนรักเมนูยำกับ ยำหมูย่างยอดมะพร้าว คอหมูย่างเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ ยอดมะพร้าวมันกรอบ คลุกเคล้ากับน้ำยำรสจัดจ้านถึงใจ     อย่าลืมสั่ง เค้กกาโตว์ เมนูดาวเด่นประจำร้าน เค้กไร้แป้งที่ทำจากไข่ขาวตีเข้ากับถั่วเม็ดมะม่วงหิมพานต์กรุบกรอบ สลับชั้นกับครีมคัสตาร์ดหอมหวานพอดี อร่อยฟินจนไม่อยากวางช้อน  

หากใครมองหาร้านคาเฟ่บรรยากาศเรียบหรู พร้อมชาดีๆ และอาหารอร่อยสักที่ เราขอแนะนำ “Maison d’olivia”  ร้านอาหารบรรยากาศสุดหวาน อบอวลไปด้วยกลิ่นอายสไตล์ฝรั่งเศส พร้อมด้วยหมู่มวลดอกไม้โทนชมพูที่จะมาเพิ่มดีกรีความน่ารักให้สาวกคาเฟ่ได้ประทับใจ พร้อมปักหมุดเป็นแหล่งแฮงเอาต์ใหม่ได้ไม่ยาก       เมื่อเข้ามาในร้าน เราจะพบกับผนัง  โซฟา และเก้าอี้โทนชมพูขาว พร้อมด้วยโต๊ะไม้หินอ่อน สร้างความหวานตั้งแต่แรกเห็น อีกทั้งดอกไม้หลากสีปักสลับกันตามแนวผนังให้ร้านมีความสดชื่นมากยิ่งขึ้น ในส่วนของเคาน์เตอร์บาร์ ร้านเลือกนำแก้วและกาน้ำชาลายดอกกุหลาบวางเรียงสวยสะดุดตา คุมโทนคาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศสแบบหวานๆ ได้เป็นอย่างดี         เมื่อเมนูซิกเนเจอร์ของร้านคือชา  ร้านจึงต้อนรับเราด้วยชุดน้ำชา “Olivia Tea Set” เราเลือก Rose Tea และเค้ก Red Velvet Cream Cheese Cake ชากุหลาบหอมๆ ทานคู่กับชีสเค้กเรดเวลเวตเนื้อนุ่มหวานกำลังดี  เป็นเมนูจิบน้ำชายามบ่ายที่สาวๆ ทั้งหลายไม่ควรพลาด         ต่อด้วยเมนูซุปขายดีที่สาวกทรัฟเฟิลไม่ควรพลาด “Mushroom Truffle Cream” ซุปเห็ดทรัฟเฟิลชั้นดี ที่นำเอาน้ำมันทรัฟเฟิลผสมผสานกับเนื้อเห็ดทรัฟเฟิลบด กลายเป็นซุปครีมข้นๆ ที่หอมกรุ่นทรัลเฟิลทุกคำ       ในส่วนของอาหารจานหลักเป็น “Wagyu Steak” สเต็กวากิวเนื้อนุ่มแบบมีเดียมแรร์ เสิร์ฟเคียงข้างสปาเก็ตตี้ผัดพริกแห้งรสชาติจัดจ้านถูกปากคนไทย       ปิดท้ายด้วยเมนูสุดเก๋ของร้านอย่าง “Signature Mocktail” ม็อคเทลสูตรพิเศษที่มีกลิ่นหอมของลิ้นจี่ กุหลาบ และเชอร์รีบลอสซั่ม เติมความสดชื่นปิดท้ายมื้ออาหารด้วยความประทับใจ  

ความทรงจำระหว่างการท่องเที่ยวทั่วโลกของเจ้าของร้านถูกนำมาถ่ายทอดสู่อาหารเช้าเรียบง่ายสไตล์สแกนดิเนเวีย ประเภทแซนวิช พาสต้า สลัด สปาเก็ตตี ที่เสิร์ฟให้กินได้ทั้งวัน รวมถึงเครื่องดื่มรสชาติดีที่มีให้เลือกมาก ที่นี่ยังเป็นร้านแรกๆ ที่ริเริ่มนำคาร์ฟคอฟฟี่เข้ามาสร้างสีสันจนกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ของกลุ่มคนรักกาแฟในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาและยังต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน       เมนูเน้นปรุงจากวัตถุดิบออร์แกนิกในท้องถิ่นผสมผสานกับวัตถุดิบนำเข้าบางชนิดเพื่อคงกลิ่นและรสอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของอาหารสไตล์สแกนดิเนเวียไว้  แม้จะชูเมนูสไตล์ยุโรปเป็นหลักแต่เสริมทัพอาหารไทยที่ปรุงรสชาติได้อย่างน่าทึ่งเช่นเดียวกัน     เริ่มที่เมนูสุดคลาสสิก Benedict with Bacon or Smoked Salmon อิงลิชมัฟฟินโฮมเมด ท็อปด้วยเบคอนหรือแซลมอนรมควัน โพ้ชเอ้กนุ่มเนียนลิ้น อะโวคาโด และซอสฮอลแลนด์เดสรสกลมกล่อม เสิร์ฟ 2 ชิ้นให้กินได้อิ่มท้องกำลังดี     Nordic รวมทีเด็ดสไตล์นอร์ดิกไว้ในเซ็ตเดียว ได้แก่ แซลมอนรมควัน ลูกชิ้นสไตล์สวีเดน กุ้งในมายองเนส สลัดผัก และโทสต์     อีกหนึ่งเมนูขายดียกให้ Egg Fettuccine เส้นเฟตตูชินีในซอสสุดครีมมี่ เบคอน และพริกไทยดำ โรยชีสนมแกะเพิ่มรสเค็มมัน     ส่วนอาหารไทยห้ามพลาด ข้าวซอยกุ้ง เด่นทั้งน้ำซุปรสกลมกล่อมที่ใส่มาให้แบบขลุกขลิกและกุ้งสดเนื้อกรอบเด้ง กินแกล้มหัวหอมซอยและผักกาดดองช่วยตัดเลี่ยน  หากอยากเพิ่มรสเปรี้ยวจะบีบมะนาวอีกหน่อยก็ได้     อีกจานคือ ยำเนื้อ เลือกใช้เนื้อคุณภาพจากออสเตรเลียคลุกเคล้ากับน้ำยำรสเด็ด หอมกลิ่นมะนาวสด และปรุงรสเผ็ดเล็กน้อย เป็นเมนูที่คนไทยยกนิ้วให้ ในขณะที่คนต่างชาติก็กินได้สบายปาก     ส่วนเครื่องดื่มแนะนำ Lychee Cold Brew Tonic กาแฟเอสเปรสโซผสมกับโทนิค ได้ความหวานซ่อนเปรี้ยวจากลิ้นจี่ ดื่มแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่า รับมือกับอากาศร้อนได้สบาย     หรือจะลอง Orange Sprinkle กาแฟเอสเปรสโซ ผสมกับน้ำส้มคั้นและน้ำมะนาว ก็ได้ความสดใสไปอีกแบบ     แต่ถ้ายังลังเลก็มี Cappuccino กาแฟรสละมุนสูตรคุ้นเคย ที่สั่งมาดื่มเมื่อไหร่ก็ฟิน!  

ท่ามกลางความคึกคักของย่านบางรัก “Casa Sapparod” ได้เปิดร้านเอาใจคนรักสับปะรดไว้ในซอยเจริญกรุง 44  โดยทางร้านนำสับปะรดซึ่งเป็นส่วนผสมหลัก มาประยุกต์กับเมนูต่างๆ ทั้งคาว หวาน รวมไปถึงเมนูเครื่องดื่ม ไว้เอาใจคนรักสับปะรดโดยเฉพาะ       เมื่อเข้ามาภายในร้าน เราจะพบการตกแต่งสไตล์เรโทร มีวอลเปเปอร์พิมพ์ลายสับปะรดบนผนังทั่วทั้งร้าน นอกจากนี้ยังมีกระเบื้องโมโนโครมบนพื้นไปจนถึงเคาร์เตอร์บาร์ที่มีลวดลายเป็นรูปดาว พร้อมด้วยกระจกรอบร้าน ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบาย และผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี       มาเริ่มที่เมนูเรียกน้ำย่อยจานแรกของร้านอย่าง พล่าไก่ซอสพลัม ที่มีสับปะรดจากภูเก็ต เนื้อไก่ฉีก และผักต่างๆ ยำรวมกัน เสิร์ฟพร้อมกับพริกป่น มะนาว และส้มโอไซส์เล็ก ไว้ให้เติมความเผ็ด และเปรี้ยวกันตามชอบ     จากนั้นตามมาด้วย ปอเปี๊ยะสดเนื้อกุ้งกับเป็ด วางมาบนตะกร้าสานสวยงาม ทานคู่กับอาจาดสับปะรดสูตรเฉพาะของร้าน และซีอิ้วดำปรุงพิเศษ ได้ทั้งความเปรี้ยวและหวานที่เข้ากันเป็นอย่างดี     นอกจากนี้ยังมี หมูปิ้งราดพะแนง รสจัดจ้านถึงเครื่องพะแนงไทย แถมยังได้รสเปรี้ยวจากเนื้อสับปะรดที่คลุกเคล้าอยู่ในเครื่องแกงอีกด้วยติ่มซำทอดเนื้อหมูและกุ้ง เสิร์ฟบนผลของสับปะรดสุดเก๋ ทานคู่กับวินีการ์        ตามมาด้วย ข้าวโพดทอด จิ้มซอสสับปะรดสูตรเฉพาะของร้าน รสหวานอมเปรี้ยว และขนมจีนซาวน้ำ ที่ท็อปด้วยสับปะรดกรานิต้า ราดด้วยน้ำกะทิสูตรเข้มข้น แต่รสสัมผัสบางเบา พร้อมลุยกับอาหารจานหลักต่อไป       และก็มาถึงเมนูพระเอกของร้านอย่าง “ข้าวผัดสับปะรด” กันบ้าง ที่ร้านมีให้เลือกทั้งหมู ไก่ และซีฟู้ด รวมถึงคนทานเจที่ร้านก็มีรองรับอีกด้วย ใช้ข้าวกล้องจากนครปฐม และสับปะรดจากศรีราชา เพิ่มรสชาติเผ็ดร้อนด้วยเครื่องแกงกระหรี่ และกุนเชียงหั่นเต๋า     ในส่วนของหวานและเครื่องดื่มที่ร้านกันบ้าง เริ่มที่ เชอร์เบทสับปะรด ที่เสิร์ฟมาในสับปะรดทั้งลูกสุดเก๋ กินแล้วได้ความสดชื่น ตามมาด้วย พุดดิ้งสับปะรด ที่ได้ทั้งความหวานหอมจากพุดดิ้งและเปรี้ยวจากสับปะรดสดๆ       Pineapple juice of the day น้ำสับปะรดซิเนเจอร์ โดยจะสับเปลี่ยนสายพันธุ์ให้ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน มีทั้งภูเก็ต ตราดสีทอง ภูแล และเพชรบุรี และปิดท้ายด้วย Pineapple ginger chill ที่มีส่วนผสมของขิงไซรัป เลม่อน และน้ำสับปะรด เป็นอีกหนึ่งเมนูน้ำของร้านที่ดับร้อนได้เป็นอย่างดี    

นอกจากจะมีเบกกิงสตูดิโอสอนทำขนมและเบเกอรีนานาชนิดแล้ว Salon de Ka.Lim” (ซาลง เดอ คาลิม) ยังแบ่งพื้นที่ขนาด 2 คูหาให้กลายเป็นร้านอาหารโฮมเมดสไตล์ยุโรปหรูหราน่านั่งประดับประดาด้วยต้นไม้และดอกไม้สวยงามที่พร้อมต้อนรับเหล่านักชิมที่ผ่านมาเยี่ยมเยือนจังหวัดจันทบุรีด้วยหลากหลายเมนูเด็ดสไตล์ตะวันตกผสานกลิ่นอายเอเชียนที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์         จานเด่นห้ามพลาดของที่นี่มีทั้ง Pasta Old Rose Sauce สปาเกตตีเส้นเหนียวนุ่มคลุกเคล้าครีมซอสมะเขือเทศสูตรเฉพาะของเชฟที่ทำจากคุกกิงครีมคุณภาพดีและกุ้งสดเนื้อเด้ง และ Pizza Set พิซซาหน้าข้าวโพดและชีสมอสซาเรลลาหอมมัน กินกับซอสปลาหมึกผัดเผ็ดสไตล์เกาหลีที่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ       ส่วนใครอยากมานั่งชิลละเลียดเครื่องดื่มเบาๆ เราแนะนำ Iced Chocolate ช็อกโกแลตเย็นเข้มข้นที่มีส่วนผสมของเหรียญ Chocolate Couverture นมสด และวิปปิงครีมรสกลมกล่อม กินคู่ครัวซองต์กรอบนอกนุ่มในสักชิ้นเป็นอันอิ่มกำลังดี  

ในช่วงเย็นที่อากาศและการจราจรไม่เป็นใจแบบนี้ เราอยากชวนทุกคนมาหลบฝนตกรถติด (หนัก) พร้อมนั่งชิลละเลียดมื้อค่ำรสเลิศในสไตล์เฟรนช์-อิตาเลียนที่ Blend Bistro & Wine Bar” ที่ขยับขยายมาปักหลักร้านใหม่ที่ชั้นล่างของ Somerset Maison Asoke ซอยสุขุมวิท 23 พร้อมบรรยากาศเป็นส่วนตัวในพื้นที่กว้างขวางนั่งสบายยิ่งขึ้น         นอกจากโซนบาร์ที่พร้อมเสิร์ฟคอกเทลและไวน์ระดับคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลกแล้ว หลากหลายเมนูเด่นที่รังสรรค์โดยเชฟ Laurent Scire ยังอร่อยห้ามพลาดอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นจานกินเล่น (แต่อิ่มเพลิน) อย่าง Wild Burgundy Snails หอยทากอบกระเทียมและเนยหอมพาสลีย์ และ Fried Soft Shell Crab Salad สลัดปูนิ่มทอดกรอบราดน้ำสลัดคอกเทลสูตรเด็ด       สำหรับคนรักพาสต้า เราแนะนำ Fettuccine Black Truffle & Spicy Italian Sausage เส้นเฟตตูชินีเหนียวนุ่มผัดคลุกเคล้าซอสแบล็กทรัฟเฟิลและไส้กรอกอิตาเลียน ส่วนสาวๆ ที่อยากอิ่มแบบเฮลต์ตียิ่งขึ้นต้องลอง Tasmanian Salmon แซลมอนย่างกับเคเฟอร์ มะเขือเทศเชอร์รี และซอสลอบสเตอร์สไตล์เมดิเตอร์เรเนียน เสิร์ฟพร้อมมันบดเนื้อเนียนนุ่มลิ้น       ที่สำคัญ Blend Bistro & Wine Bar รูปโฉมใหม่นี้มาพร้อมเมนูเด็ดอย่างพิซซาหลากหลายชนิด เราชอบ Cheese Passion พิซซาซิกเนเจอร์หน้ารวมชีส 4 ชนิด ทั้งมอสซาเรลลา กอร์กอนโซลา บรี และพาร์เมซาน (แถมช่วงนี้ยังมีโปรโมชันพิซซาทุกหน้า ลด 30 เปอร์เซ็นต์ ทุกวันจันทร์ เวลา 16.00 – 23.00 น.อีกด้วย)     แล้วอย่าลืมปิดท้ายมื้ออร่อยด้วยของหวานอย่าง Warm Apple Tart ทาร์ตแอปเปิลเสิร์ฟอุ่นๆ พร้อมไอศกรีมวานิลลามาดากัสการ์ที่บอกเลยว่าควรค่าแก่การเก็บพื้นที่ในท้องไว้รออย่างแน่นอน  

What “wood” you like to drink? นิยามน่ารักของร้าน Underwood Coffee House ที่นำต้นไม้มาอยู่ในทุกๆ องค์ประกอบของร้าน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศภายนอกที่เต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มน้อยใหญ่ ร่มรื่น ส่วนภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แท้โทนสีน้ำตาล เข้ากันได้ดีกับผนังสีเขียวเข้มด้านหน้า มีต้นไม้กระถางตกแต่งตามโต๊ะและมุมต่างๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตา ใครกำลังมองหาร้านกาแฟชิลๆ หรือ Workspace แสนสงบ ขับรถไม่ไกลจากกรุงเทพฯ  เราแนะนำที่นี่เลย อยู่ตรงถนนพุทธมณฑลสาย 4 จังหวัดนครปฐม นี่เอง           เมนูหลักที่เราอยากให้ลิ้มลอง สปาเกตตีคาโบนารา เส้นเหนียวนุ่มชุ่มฉ่ำซอส ครีมมี่สุดๆ เพิ่มรสชาติเข้มข้นด้วยไข่ไก่ อร่อยถูกใจ     ของหวานล้างปากเราแนะนำ เค้กส้ม เค้กโฮมเมดรสเปรี้ยวอมหวาน ท็อปด้วยแครนเบอร์รีอบแห้งหนึบหนับ     เครื่องดื่มต้องลอง Shikuwasa Matcha มัทฉะผสมผสานกับส้มชิคุวาซาจากประเทศญี่ปุ่นและโซดา แก้วนี้เข้มข้น เปรี้ยวซ่า สดชื่นถึงใจ     เอาใจคนรักชาเขียวด้วย Rich Genmaicha Latte ชาเขียวข้าวคั่วหอมกรุ่นมิกซ์กับนมสด โรยด้วยผงข้าวคั่ว หวานพอดี จิบเพลินๆ       ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มขายดี Ma-Peed Soda ส้มมะปี๊ดจากจังหวัดจันทบุรี คั้นสดๆ ผสมกับความซาบซ่าจากโซดา ดับร้อนได้ดี เป็นอีกแก้วที่ต้องไปโดน     ร่มรื่น สดชื่น ผ่อนคลาย สมเป็น Underwood จริงๆ

ใครอยากผ่อนคลายสบายอารมณ์ ได้ลิ้มรสอาหารอร่อยๆ พร้อมวิวดีๆ จากแม่น้ำท่าจีน แนะนำที่นี่เลย Secret 3 Zones Cafe and Bistro คาเฟ่ลับแถวพุทธมณฑลสาย 7 จังหวัดนครปฐม เข้ามาคุณจะพบกับความสวยงามของสวนสไตล์อังกฤษแสนร่มรื่น ชื่นชมกับความงามของแม่น้ำท่าจีนทอดยาวเป็นสาย มีที่นั่งสำหรับลูกค้าที่อินไปกับวิว อยากฟินไปกับฟู้ด ให้ได้ดื่มด่ำแฮปปี้ชาร์ตพลังเต็มที่ก่อนกลับบ้าน           ประเดิมที่เมนูซิกเนเจอร์อย่าง ปลากะพงทอดน้ำปลา ปลากะพงสีเหลืองทอง ไม่อมน้ำมัน เนื้อกรอบนอกนุ่มใน กินกับยำมะม่วงรสเปรี้ยวหวานและน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน     เมนูขายดีที่ไม่ควรพลาด สเต็กหมูซอสพริกไทยดำ หมูสันในย่างเนื้อนุ่มหอมกรุ่นกลิ่นเครื่องเทศราดซอสพริกไทยดำรสชาติเข้มข้น เผ็ดร้อน  กินพร้อมสลัดผักสดกรุบกรอบและมันบดเนื้อเนียน     ยังไม่จุใจสั่ง เห็ดหอมไส้กุ้งน้ำแดง เมนูติ่มซำสำหรับคนรักสุขภาพ เนื้อกุ้งสดเด้งที่มาพร้อมเห็ดหอมเคี้ยวเพลิน เสริมด้วยน้ำแดงรสกลมกล่อม ใครชอบกินอาหารจีนต้องเทใจให้จานนี้     Secret Forest น้ำบลูฮาวายโซดา รสเปรี้ยวซ่าชื่นใจ ตกแต่งด้วยกล่องไม้กายสิทธิ์ ตรงตามคอนเซ็ปต์ “Secret Forest” ป่าลึกลับที่ชวนให้น่าค้นหาและลิ้มลองเป็นที่สุด     ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มสุดฟรุ้งฟริ้ง Candy Cotton นมสดปั่นรวมกับไอศกรีมรสเรนโบว์ หอม หวานพอดี พร้อมตื่นตาตื่นใจไปกับสายไหมปุกปุยหลากสีสันที่ตกแต่งอยู่ด้านบน บอกเลยแก้วนี้สวีตเลิฟเวอร์ต้องเลิฟ     สั่งเมนูไหนก็ฟิน แบบนี้จะไม่ใช่โซนความสุขได้อย่างไร

ขอยกให้เป็นขวัญใจนักชิมชาวตลาดพลูในตอนนี้สำหรับ AantArm Café” (เอ แอนต์ อาร์ม คาเฟ่) ร้านอาหารเล็กๆ สไตล์โฮมเมดบนถนนเทอดไท ที่ตั้งตามชื่อของ 3 พ่อแม่ลูกเจ้าของร้าน ที่อยากนำเสนอเมนูอร่อยกินง่ายสูตรเด็ดฝีมือคุณพ่อ (คุณอาร์ม) ที่คัดสรรวัตถุดิบอย่างดีแบบที่เรียกว่าคุ้มค่าเกินราคาและกินได้ทุกวัน     แม้จะมีเมนูให้เลือกชิมไม่มาก แต่บอกเลยว่าทุกจานปรุงอย่างตั้งใจในครัวเปิดกลางร้าน โดยเฉพาะจานเนื้อซึ่งเป็นเมนูโปรดของครอบครัว ที่นี่เลือกใช้เนื้อโคขุนและเนื้อไทยระดับคุณภาพและเลือกใช้เนื้อแต่ละส่วนให้อร่อยเหมาะกับทุกเมนู       สายเนื้อห้ามพลาด Thai – French Chuck Steak สเต๊กเนื้อสันคอย่างแบบมีเดียมแรร์ กินคู่ซอสสูตรลับสไตล์ญี่ปุ่นรสเค็มหวาน (ที่เจ้าของร้านแอบเรียกว่าซอสอเนกประสงค์ เพราะอร่อยเข้ากันกับแทบทุกเมนู) เสิร์ฟพร้อมกระเทียมเจียวกรอบๆ และผักสลัด     แต่ถ้าอยากกินข้าวลองสั่ง Beef Steak with Rice Japanese Style ข้าวนุ่มอร่อยที่มีเคล็ดลับคือใช้ข้าวหอมมะลิไทยหุงในหม้อหุงข้าวญี่ปุ่น ท็อปด้วยเนื้อส่วนสันในนุ่มกำลังดี ราดซอสสูตรลับ กินกับกระเทียมเจียวเช่นกัน     ส่วนคนรักเส้นต้องลอง Tom Yum’ Sauce Spaghetti with Shrimp เส้นสปาเกตตีเหนียวนุ่มคลุกเคล้าซอสทำจากเครื่องต้มยำรสเข้มข้นจัดจ้าน มาพร้อมกุ้งตัวโตเต็มอิ่ม     หรือวันไหนอยากอิ่มเบาๆ เราแนะนำ Shrimp Katsu กุ้งแชบ๊วย (หรือกุ้งลายเสือ) เนื้อสดเด้งชุบแป้งทอดสไตล์คุชิคัตสึของโอซาก้า กรอบนอกนุ่มใน หรือ Caesar Salad ผักคอสและมะเขือเทศเชอร์รีจากอำเภอสะเมิง จังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มความอร่อยด้วยเบคอนและขนมปังกรอบ โรยชีสพาร์เมซาน พร้อมราดน้ำสลัดรสกลมกล่อม    

โดมไม้ไผ่ไทยสีน้ำตาลที่ตั้งอยู่บนผืนนาสวยในอำเภอสามพราน แท้จริงแล้วคือ ร้าน ChataThammachart คาเฟ่ที่มีคอนเซ็ปต์ร้านว่า “อยู่กับธรรมชาติ อย่างเป็นธรรมชาติ” หรือ “With Nature Naturally” ให้ลูกค้าได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติให้มากที่สุด คุณจะได้ชื่นชมสายน้ำสีมรกตเพลินตา ดื่มด่ำกับความสวยงามของทุ่งนา ผ่อนคลาย รับลมเย็นๆ เวลานั่งชิลอยู่บนชายคาไม้ไผ่ และอิ่มเอมใจไปกับอาหารรสเลิศที่กินแล้วประทับใจไม่รู้ลืม           เริ่มที่จานหลักอย่าง กุ้งผัดพริกขี้หนู กุ้งสดเด้ง รสเค็ม เผ็ดกำลังดี กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยติดใจ     อีกหนึ่งจานซิกเนเจอร์ ยำปากซอย ลาบเส้นไวไวรสจ้ดจ้านถึงเครื่อง กินพร้อมหมูย่างเนื้อนุ่ม หอมกรุ่นเครื่องเทศ เป็นเมนูเรียบง่ายแต่ใครเห็นแล้วต้องน้ำลายสอ     เอาใจสวีตเลิฟเวอร์ด้วย เค้กมิกซ์เบอร์รี่ เค้กชิฟฟอนเนื้อฟูๆ หอมกลิ่นวานิลลา สลับชั้นครีมสดรสหวานเบาๆ ตัดกับซอสมิกซ์เบอร์รี่รสเปรี้ยวที่ราดอยู่ด้านบนพอดิบพอดี     เค้กมะพร้าว รสหวานมันผสานไปกับเค้กเนื้อฟู ฟินตั้งแต่คำแรกที่กิน     อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มสุดฮอตอย่าง เอเมอรัล โซดา น้ำสีสวยที่เต็มไปด้วยรสชาติของผลไม้ตระกูล Tropical อาทิ สับปะรด เสาวรส เสริมรสเปรี้ยวและความซาบซ่าจากน้ำมะนาวและโซดา จิบแล้วชื่นใจ ช่วยคลายร้อนได้ดี     ปิดท้ายมือนี้ด้วย กาแฟเฮเซลนัทปั่น รสเข้ม หวานพอดี ดื่มแล้วกระปรี้กระเปร่า     สบายอารมณ์ขนาดนี้ ใครจะไม่อยากอยู่กับธรรมชาติ อย่างเป็นธรรมชาติ ล่ะ