เนื้อวัวส่วนสะโพกที่มีไขมันแทรกหมักกับพริกไทยดำและถั่วเน่าเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ย่างสุกระดับมีเดียมแรร์ เสิร์ฟกับซอสพริกไทยดำผสมกับถั่วเน่า หรือนัตโตะไทย (Thai Natto) รสเค็มนวลได้กลิ่นอายเมืองเหนือ   ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) เนื้อพิคานยาหั่นชิ้นสเต๊ก (น้ำหนัก 350-400 กรัม) 1 ชิ้น พริกไทยดำเม็ด (คั่วบด) ตราไร่ทิพย์ 1 ช้อนโต๊ะ ผงถั่วเน่า 1 ช้อนโต๊ะ พริกป่น ตราไร่ทิพย์ 1/2 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเล 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันสำหรับย่างเล็กน้อย วิธีทำ หมักเนื้อกับพริกไทยดำ ผงถั่วเน่า พริกป่น และเกลือทะเลให้ทั่วชิ้น นำลงย่างในกระทะด้วยน้ำมันที่ร้อนจัดด้านละประมาณ 1 นาที ให้มีสีสวยทั้ง 2 ด้าน พักไว้ 15 นาที ส่วนผสมซอสพริกไทยดำและนัตโตะไทย หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ | กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ | พริกไทยดำเม็ด (คั่วบด) ตราไร่ทิพย์ 1 ช้อนโต๊ะ | เม็ดพริกไทยอ่อน (บุบ) 1/2 ช้อนโต๊ะ | ถั่วเน่า 1 แผ่น (ย่างและป่น) | ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ | ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ | เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำสต๊อกเนื้อ 1 ถ้วย | หอมแดงดองบีตรูต และผักเคียงพื้นบ้านต่างๆ เช่น ผักแพว ผักชีใบเลื่อย ถั่วแขก   วิธีทำ ในหม้อผัดหอมแดงและกระเทียมจนมีสีน้ำตาล ใส่น้ำสต๊อกเนื้อ พริกไทยดำบด และเม็ดพริกไทยอ่อน ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซอสถั่วเหลือง และถั่วเน่า เคี่ยวให้ส่วนผสมข้นขึ้นเล็กน้อย แล้วนำไปปั่นให้เนื้อเนียนละเอียด ใส่เนย คนให้เนยละลาย ชิมรสตามชอบ หั่นเนื้อย่างให้เป็นชิ้นพอดีคำ ราดซอสที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยหอมแดงดองบีตรูต เสิร์ฟกับผักเคียงตามชอบ

Chef Martin Blunos เชฟกระทะเหล็กรุ่นเก๋าจากประเทศอังกฤษ-ลัตเวีย มิชลินสตาร์ระดับ 2 ดาวที่มีฝีมือดี ผู้มากับพลังอันเต็มเปี่ยมพร้อมกับรอยยิ้มที่มีอย่างล้นเหลือ สไตล์การทำอาหารโดดเด่นด้วยการนำเสนออย่างสร้างสรรค์ ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและคุ้มค่า อีกทั้งการผสมผสานรสชาติที่น่าสนใจ เชฟมาร์ตินยังคงมีบทบาทในวงการอาหารทั้งในฐานะเชฟ ที่ปรึกษา และเซเลบริตีเชฟ ทำให้เชฟหนวดงามคนนี้มีแฟนคลับอย่างมากมาย เนื้ออบที่เชฟมาร์ตินตั้งใจปรุงอย่างพิถีพิถัน โดยนำเนื้อใบพายมาตุ๋นกับเครื่องเทศและเบียร์ดำจนนุ่มและชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมซอสเนื้อรสเข้มข้นและมันบดผสมกับหัวไชเท้าฝรั่ง   ส่วนผสม เนื้อส่วน Oyster Blade (หั่นเป็น 5 ชิ้นเท่าๆ กัน) 1 กิโลกรัม น้ำมันข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ หอมหัวใหญ่ขนาดกลาง ปอกเปลือกและหั่นบาง 1 หัว เซเลรี 1 ต้น แครอตหั่นเต๋า 1 หัว กระเทียมสับ 2 กลีบ  เบียร์ดำ 300 มิลลิลิตร  น้ำซุปเนื้อหรือผัก 500 มิลลิลิตร ซอสมะเขือเทศเข้มข้น 3 ช้อนโต๊ะ ใบกระวาน (สดหรือแห้ง) 1 ใบ  โหระพาสด 1 กิ่ง น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลีอเนกประสงค์ (สำหรับคลุกเนื้อ) 250 กรัม  มะเขือเทศเชอร์รี (หั่นเป็น 4 ส่วน เอาเมล็ดออก) 200 กรัม  เกลือและพริกไทยตามชอบ วิธีทำ อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส (พัดลม) หมักเนื้อกับเกลือ พริกไทย และแป้งสาลี คลุกเนื้อให้เคลือบแป้งจนทั่ว ทอดในน้ำมันข้าวโพดจนสีทองทั่วชิ้น วางในถาดอบ ใส่น้ำมันข้าวโพดที่เหลือ 1 ช้อนโต๊ะลงในกระทะ ผัดหอมหัวใหญ่ เซเลรี แครอต และกระเทียมจนผักนุ่มและมีสีน้ำตาลเล็กน้อย ใส่เบียร์ลงในกระทะ ต้มจนเดือดประมาณ 2 นาที ใส่ซอสมะเขือเทศ น้ำตาลทรายแดง ใบกระวาน และใบโหระพา เติมน้ำซุปลงไป ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดลงในถาดเนื้อ คลุมถาดด้วยฟอยล์ (ปิดขอบให้มิด) นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส อบประมาณ 20 นาที แล้วลดอุณหภูมิลงเหลือ 140 องศาเซลเซียส อบต่ออีก 2 ชั่วโมงจนเนื้อสุกนุ่ม พักเนื้อให้เย็นที่อุณหภูมิห้อง 1 ชั่วโมง 30 นาที ตักเนื้อออกจากน้ำซุปและกรองน้ำซุปผ่านกระชอนใส่ในหม้อ ต้มจนเดือด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมตามชอบ ใส่มะเขือเทศเชอร์รีลงไป ใส่เนื้อกลับลงไปในน้ำซุปและอุ่นให้ร้อน ตักเสิร์ฟ ส่วนผสมมันฝรั่งบดผสมหัวไชเท้าฝรั่ง มันฝรั่งขนาดใหญ่ 900 กรัม (ปอกเปลือกและหั่นชิ้นพอดีคำ) | เนยจืด 60 กรัม | วิปปิงครีม 120 กรัม | นมสด 50 มิลลิลิตร | หัวไชเท้าฝรั่งสด (Horseradish) ขูด 30 กรัม (หรือใช้ฮอร์สแรดิชครีมสำเร็จรูป 3 ช้อนโต๊ะ) | เกลือและพริกไทยตามชอบ   วิธีทำ ต้มมันฝรั่งในหม้อใหญ่โดยเติมน้ำให้ท่วม ใส่เกลือเล็กน้อย ปิดฝาหม้อและตั้งไฟจนเดือด จากนั้นลดไฟลงเป็นไฟปานกลางถึงอ่อนและต้มประมาณ 18 นาทีจนมันฝรั่งสุก รินน้ำออก พักสักครู่ บดจนละเอียด ทำซอสโดยใส่เนยในกระทะ ใส่นมสด ครีม และฮอร์สแรดิช ต้มให้เข้ากันจนเดือด ใส่ซอสเนยลงในมันฝรั่งบด ผสมให้เข้ากันจนเนื้อเนียน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยตามชอบ

ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) แป้งทาโก้ 1 ชิ้น เนื้อพิคานยาสไลซ์ 60 กรัม ใบกะเพรา 20 ใบ ซอสกะเพรา 40 มิลลิลิตร ข้าวญี่ปุ่น 40 กรัม ใบกะเพราทอดสับ 10 กรัม ไข่นกกระทาทอด 1 ฟอง ผักกาดแก้ว 20 กรัม พริกน้ำปลาสำหรับเสิร์ฟตามชอบ วิธีทำ ผัดซอสกะเพรากับเนื้อพิคานยาด้วยไฟแรงให้สุกตามชอบ ใส่ใบกะเพราผัดต่อสักครู่ พักไว้ ผสมข้าวญี่ปุ่นกับใบกะเพราทอดสับให้เข้ากัน เตรียมไว้ วางผักกาดแก้วบนแป้งทาโก้ ใส่ข้าวญี่ปุ่น กะเพราเนื้อ ไข่ดาว และพริกน้ำปลา ตกแต่งให้สวยงามเสิร์ฟทันที

เนื้ออบและหมักแบบเยอรมันดั้งเดิม หมักในน้ำซุปผสมกับน้ำส้มสายชูและเครื่องเทศ ทำให้เนื้อนุ่มและหอมกลิ่นสมุนไพร แล้วนำไปอบจนเนื้อนุ่ม ราดซอสที่เคี่ยวจากน้ำอบเนื้อ กินคู่กับแพนเค้กมันฝรั่งและสลัดกะหล่ำปลีแดง   ส่วนผสม เนื้อวัวไม่ติดมัน (จากส่วนไหล่ ท้อง หรือหน้าอก) 1 กิโลกรัม หอมหัวใหญ่สีขาว 2 หัว ต้นกระเทียม (Leek) 200 กรัม แครอต 200 กรัม เซเลรี 200 กรัม รากผักชีฝรั่ง (Parsley Root) 200 กรัม น้ำส้มสายชูหมักจากไวน์แดงหรือเหล้า 100 มิลลิลิตร น้ำเปล่า 2.5 ลิตร ลูกจันทน์เทศ 1 ช้อนโต๊ะ เม็ดพริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ เม็ดพริกไทยเสฉวน 1/2 ช้อนชา เมล็ดผักชี 1/2 ช้อนชา ใบกระวาน 3 ใบ เมล็ดมัสตาร์ด 1/2 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเล พริกไทยป่น และน้ำตาลทรายเล็กน้อย วิธีทำ ต้มน้ำให้เดือด ใส่ผักที่หั่นเป็นชิ้น น้ำส้มสายชูและเครื่องเทศ (ยกเว้นเกลือ พริกไทยป่น และน้ำตาลทราย) ต้มประมาณ 8 นาที ปิดไฟพักไว้ให้เย็น ใส่เนื้อลงแช่ในน้ำซุปที่เย็นแล้ว แช่ไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 36 ชั่วโมง นำเนื้อออกจากน้ำซุป (เก็บผักและน้ำซุปไว้) ซับให้แห้ง โรยเกลือและพริกไทยเล็กน้อย นำลงทอดในน้ำมันหมูจนสุกทุกด้าน ตักขึ้นใส่น้ำซุปและผักที่กรองไว้ เติมซอสมะเขือเทศเข้มข้นเล็กน้อยเพื่อให้สีสวย ใส่น้ำตาลทราย เติมน้ำซุปหรือน้ำเปล่าประมาณ 1 ลิตร นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส นาน 2 ชั่วโมงจนเนื้อนุ่ม นำออกจากหม้อ พักให้เย็น กรองน้ำซอส แล้วปรุงรสตามชอบ พักไว้ ส่วนผสมและวิธีทำแพนเค้กมันฝรั่ง (Vogtlandic Bambes) มันฝรั่ง 2 กิโลกรัม | หอมหัวใหญ่ 1 หัว | ไข่ไก่ 2 ฟอง | เกลือทะเล 2 ช้อนโต๊ะ | พริกไทยป่นและน้ำมันมะพร้าวเล็กน้อย แบ่งมันฝรั่ง 300 กรัม นำไปต้ม พักให้เย็น จากนั้นขูดมันฝรั่งสดที่เหลือให้ได้ 700 กรัม ผสมมันฝรั่งต้มและมันฝรั่งขูดเข้าด้วยกัน ใส่หอมหัวใหญ่ซอย ใส่ไข่ เกลือทะเลและพริกไทย นวดให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนขนาดลูกปิงปอง แล้วทอดในน้ำมันร้อน กดให้แบนด้วยช้อน ทอดจนเป็นสีน้ำตาลทองกรอบทั้งชิ้น พักไว้ ส่วนผสมสลัดกะหล่ำปลีแดง กะหล่ำปลีแดงซอย 1 กิโลกรัม | หอมหัวใหญ่ 1 หัว | แอปเปิลเปรี้ยว 1 ผล | ผงลูกจันทน์เทศ 1 ช้อนชา | เม็ดพริกไทยดำ 1 ช้อนชา | พริกไทยเสฉวน 1 ช้อนชา | เมล็ดผักชี 1 ช้อนชา | ใบกระวาน 2 ใบ | กานพลู 1/2 ช้อนชา | น้ำส้มสายชูขาวหรือแดง 50 มิลลิลิตร | น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำมันหมูหรือน้ำมันมะพร้าว   วิธีทำ ตั้งน้ำมันในหม้อใบใหญ่ ใส่หอมหัวใหญ่ แอปเปิล และน้ำตาลทรายเล็กน้อย ผัดให้เป็นคาราเมลแล้วใส่กะหล่ำปลีแดง ใส่เครื่องเทศทั้งหมดในที่กรองชา (เพื่อให้หยิบออกง่าย) ผัดส่วนผสมให้เข้ากันประมาณ 20 นาที ใส่น้ำส้มสายชู ปิดฝาแล้วเคี่ยวประมาณ 1 ชั่วโมง หรือจนกว่ากะหล่ำปลีจะนุ่มแต่ยังมีความกรอบ วางเนื้ออบแล้วราดซอสให้ทั่วชิ้น วางแพนเค้กมันฝรั่งและกะหล่ำปลีแดงให้สวยงาม

เนื้อวัวส่วนสตริปลอยน์ที่ได้จากการขุนเป็นอย่างดีจนมีไขมันแทรกอยู่ในเนื้อ ทำให้เนื้อมีสัมผัสนุ่ม นำไปคลุกกับเครื่องสมุนไพรแจ่วฮ้อนต่างๆ กินคู่กับซอสแจ่วฮ้อนรสเข้มข้นและข้าวอบเห็ดปลากุเลาเค็มตากใบ   ส่วนผสมซอสแจ่วฮ้อน น้ำสต๊อกเนื้อ 2 ถ้วย | ข่าหั่นแว่น 3-4 แว่น | ตะไคร้ซอย 5-6 ชิ้น | ใบมะกรูด 3-4 ใบ | หอมแดง 3-4 หัว | พริกจินดาแดง 5 เม็ด | ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ | พริกป่น 1 ช้อนชา | ผักชีใบเลื่อย 1/4 ถ้วย   วิธีทำ ในหม้อใบเล็กคั่วข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง และพริกจินดาแดงให้สีเข้มขึ้นและหอมเล็กน้อย จากนั้นเติมน้ำสต๊อก ต้มให้เดือดสักครู่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา พริกป่น และข้าวคั่ว ชิมรสแล้วปรุงตามชอบ เคี่ยวให้ข้นขึ้นเล็กน้อย จากนั้นใส่ผักชีใบเลื่อย ต้มต่อสักครู่ กรองด้วยกระชอน เตรียมเสิร์ฟ ส่วนผสมสเต๊กเนื้อโคขุนโพนยางคำ เนื้อสตริปลอยน์โคขุนโพนยางคำ (หนักประมาณ 350-400 กรัม) 1 ชิ้น | ซอสหอยนางรม 1 1/2 ช้อนโต๊ะ | น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ | เกลือภูเขาบ่อเกลือน่าน 1/2 ช้อนชา | พริกไทยตรังป่น 1/2 ช้อนชา | ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ | พริกป่น 2 ช้อนชา | หอมแดงสไลซ์ 1 ช้อนโต๊ะ | ผักชีใบเลื่อย 1 ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ หมักเนื้อสตริปลอยน์โคขุนโพนยางคำกับซอสหอยนางรม น้ำปลา เกลือและพริกไทย จากนั้นโรยข้าวคั่วและพริกป่น 1 ช้อนชา นำไปย่างในกระทะด้วยไฟปานกลางค่อนข้างแรงด้านละประมาณ 1 นาที จนเนื้อด้านนอกสีเหลืองสวย แล้วพักไว้ 5 นาที นำเนื้อลงจี่ในกระทะอีกครั้งด้วยไฟปานกลางนานด้านละ 1 นาที หรือให้ได้ระดับความสุกที่ต้องการ ตักขึ้นพักไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นนำไปคลุกกับข้าวคั่ว หอมแดง พริกป่น และผักชีใบเลื่อยซอย แล้วหั่นเนื้อเป็นชิ้นขนาดตามชอบ ส่วนผสมเครื่องเคียง บวบพันกับผักกาดหางหงส์ลวก | เห็ดโคนญี่ปุ่นผัดซอสหอยนางรม | ผักกวางตุ้งไต้หวันผัดซอสหอยนางรม   ส่วนผสมข้าวอบปลากุเลาเค็มตากใบ เนื้อปลากุเลาเค็มตากใบหั่นเต๋า 1/4 ถ้วย กระเทียมศรีสะเกษสับ 1 ช้อนโต๊ะ หอมหัวใหญ่สับ 2 ช้อนโต๊ะ เห็ดนางฟ้า 4-5 ดอก น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ 1 1/2 ถ้วย น้ำสต๊อกผัก 2 ถ้วย เกลือภูเขาบ่อเกลือน่านและพริกไทยตรังสำหรับปรุงรสเล็กน้อย วิธีทำ ทอดปลากุเลาเค็มตากใบให้สุกสีเหลืองสวย ตักขึ้นพักไว้ กระทะใบเดิมผัดกระเทียมศรีสะเกษ หอมหัวใหญ่ และเห็ดนางฟ้ากับน้ำมันสักครู่ให้สุกหอม ใส่ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ปรุงรส ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำสต๊อกพอท่วม ปิดฝาประมาณ 15-20 นาที เมื่อข้าวสุก โรยปลากุเลาเค็มตากใบทอด ปิดฝาไว้สักครู่ วิธีจัดจาน วางเนื้อสเต๊ก เรียงผักเครื่องเคียงต่างๆ ให้สวยงาม ก่อนเสิร์ฟราดซอสแจ่วฮ้อนลงตรงกลางจาน ตักข้าวอบปลากุเลาเค็มตากใบใส่โถข้าววางไว้ข้างๆ 

ส่วนผสมสำหรับหมักสเต๊ก (Steak Rub) เนื้อสเต๊กสตริปลอยน์หนักประมาณ 350 กรัม | เกลือทะเล 20 กรัม | พริกไทยดำป่น 20 กรัม | สโมกปาปริกา 20 กรัม | กระดาษรองอบ 12×12 นิ้ว 2 แผ่น | เนยจืด 150 กรัม | ใบไทม์ 10 กรัม | ใบโรสแมรี่ 10 กรัม | กระเทียม 4 กลีบ   วิธีทำ วางเนื้อสตริปลอยน์บนกระดาษรองอบ ทุบเนื้อให้แบนเล็กน้อย โรยเกลือทะเล พริกไทยดำ และสโมกปาปริกาให้ทั่วชิ้น ย่างเนื้อบนตะแกรงเตาถ่านให้ได้ระดับแรร์ แล้วพักไว้ 8 นาที ใส่เนยลงในกระทะพร้อมใบไทม์ โรสแมรี่ และกระเทียม นำเนื้อลงทอด ตักเนยราดให้เนื้อชุ่มฉ่ำด้านละประมาณ 40 วินาที ตักขึ้นพักไว้ รอหั่นเสิร์ฟ ส่วนผสมซอสไดแอน (Diane Sauce) ดิจองมัสตาร์ด 20 กรัม | หอมแดง 50 กรัม | กระเทียม 10 กรัม | ซอสชิปอตเล (Chipotle Sauce) 30 กรัม | คุกกิงครีม 20 กรัม | ทาบาสโก 20 กรัม | เหล้าบรั่นดี 20 กรัม | พาร์สลีย์ 10 กรัม | เนยจืด 30 กรัม | เกลือทะเลและพริกไทยดำสำหรับปรุงรสเล็กน้อย   วิธีทำ ในกระทะย่างเนื้อใส่หอมแดงผัดให้สุก ใส่กระเทียมผัดต่อ แล้วใส่มัสตาร์ด เหล้าบรั่นดี จุดไฟสักครู่เพื่อให้แอลกอฮอล์ระเหยออก ใส่คุกกิงครีม ทาบาสโก ซอสชิปอตเล ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยตามชอบ ชิมรส ใส่พาร์สลีย์สับ ปิดไฟ ใส่เนย คนให้เข้ากัน พักไว้ ส่วนผสมข้าวโพดผัดเนยสไตล์คาวบอยเปรูเวียน ข้าวโพดกระป๋อง 1 กระป๋อง | น้ำเนยที่ใช้ทอดสเต๊ก 50 กรัม | ผักชี 5 กรัม | ผักชีใบเลื่อย 5 กรัม | พาร์สลีย์ 5 กรัม | กระเทียมสับ 10 กรัม | สโมกปาปริกา 10 กรัม | เลมอน 1 เสี้ยว | ดิจองมัสตาร์ด 15 กรัม | เกลือทะเล 5 กรัม | พริกไทยดำ 5 กรัม   วิธีทำ ล้างข้าวโพดกระป๋องให้สะอาด ตั้งกระทะเปิดไฟใส่เนยที่ใช้ทอดสเต๊ก กระเทียมสับ ข้าวโพดกระป๋อง สโมกปาปริกา มัสตาร์ด เกลือทะเลและพริกไทยดำ ผัดให้เข้ากันสักครู่ ใส่สมุนไพรที่เหลือ บีบเลมอนแล้วชิมรสตามชอบ เตรียมเสิร์ฟ วิธีจัดจาน ราดซอสไดแอนลงบนจาน วางเนื้อสเต๊ก ข้าวโพดผัดเนย เห็ดดอง เมล็ดมะตูมแขก ผักชี ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้ให้สวยงาม

สายเนื้อต้องตกหลุมรักเนื้อสันในออสเตรเลียบ่ม 35 วันจนเนื้อนุ่มและมีกลิ่นหอมคล้ายถั่ว นำไปย่างจนสุกระดับมีเดียมแรร์ เนื้อในชุ่มฉ่ำผิวนอกเกรียมนิดๆ เสิร์ฟพร้อมซอสไวน์แดงรสเข้มข้น   ส่วนผสม เนื้อสันในวากิวดรายเอจ น้ำหนักประมาณ 250 กรัม  1 ชิ้น เกลือทะเลและพริกไทย วิธีทำ โรยเกลือและพริกไทยบนเนื้อเล็กน้อย พักไว้สักครู่แล้วนำลงย่างบนกระทะด้วยไฟแรงจนสุกระดับที่ต้องการ ตักขึ้นพักไว้ก่อนหั่นเสิร์ฟ ส่วนผสมซอสไวน์แดง ซอสเดมิกลาซ 150 กรัม ไวน์แดง 15 กรัม เนยจืด 8 กรัม เกลือทะเลและพริกไทยดำ วิธีทำ เคี่ยวซอสเดมิกลาซกับไวน์แดงในหม้อใบเล็กสักครู่ให้พอร้อน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมรสตามชอบ ใส่เนยจืด คนผสมให้เข้ากัน หั่นเนื้อจัดใส่จานเสิร์ฟ วางผักต่างๆ เสิร์ฟพร้อมกับถ้วยซอสไวน์แดง

สเต๊กเนื้อสันในวัวเนื้อนุ่ม ย่างสุกระดับมีเดียมแรร์ ท็อปด้วยชีสแบบจุใจ เสิร์ฟพร้อมกับมันบดผสมชีสมาสคาร์โปเนรสครีมมี่และเข้มข้น กินคู่กับไวต์แอสพารากัสกงฟีและซอสครีมเห็ด   ส่วนผสม เนื้อสันในวัวน้ำหนัก 300 กรัม 1 ชิ้น กระเทียมบุบ 2-3 กลีบ ใบไทม์ 1-2 กิ่ง เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ เห็ดแชมปิญอง 1 ถ้วย หอมหัวใหญ่สับ 2 ช้อนโต๊ะ คุกกิงครีม 1/3 ถ้วย ชีสเชดดาร์ละลาย 1/3 ถ้วย เกลือทะเลและพริกไทยดำ น้ำมันมะกอก เครื่องเคียง ผักเคลทอด | ไวต์แอสพารากัสกงฟี | ถั่วลันเตาญี่ปุ่น   วิธีทำ โรยเกลือและพริกไทยดำบนเนื้อสันในให้ทั่วชิ้น ตั้งกระทะใช้ไฟแรง นำเนื้อลงย่างบนกระทะด้านละ 2 นาทีให้สีเหลืองสวย จากนั้นใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนประมาณ 2-3 นาที ย่างจนได้ระดับความสุกที่ต้องการ ใส่เนยจืด กระเทียมบุบ และใบไทม์ ตักเนยราดบนเนื้อเล็กน้อย ราดด้วยชีสเชดดาร์ละลาย ตักขึ้น พักไว้ประมาณ 15 นาที ทำซอสครีมเห็ดโดยใช้กระทะย่างเนื้อใบเดิมผัดหอมหัวใหญ่กับน้ำมันมะกอกให้พอสุกใส่เห็ดแชมปิญอง ผัดต่อสักครู่ ใส่คุกกิงครีม ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ชิมรสตามชอบ พักไว้ ส่วนผสมมันบดชีสมาสคาร์โปเน มันฝรั่งหั่นเต๋าใหญ่ 3 หัว | ชีสมาสคาร์โปเน 1/2 ถ้วย | วิปปิงครีม 1/4 ถ้วย | เนยจืด 3 ช้อนโต๊ะ | เกลือทะเลและพริกไทยบดตามชอบ   วิธีทำ ต้มมันฝรั่งในน้ำเดือดใส่เกลือเล็กน้อยจนมันฝรั่งสุก ตักใส่กระชอนตาถี่แล้วบดให้เนื้อเนียนละเอียด ตักมันที่บดแล้วใส่หม้อ ใส่ชีสมาสคาร์โปเน วิปปิงครีม และเนยจืด ใช้พายยางคนผสมให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยบด ชิมรสตามชอบ จัดจานโดยวางมันบดตรงกลางจาน ตามด้วยเนื้อย่าง ไวต์แอสพารากัส ผักเคลทอดกรอบ และถั่วลันเตาญี่ปุ่น ราดด้วยซอสครีมเห็ด

เมนูผสมผสานอาหารไทยและเวสเทิร์น เนื้อสันในห่อด้วยดุกเซลเห็ดคลุกกับซอสพะแนงรสเข้มข้น คลุมด้วยแป้งพัฟและปาร์มาแฮม กับซอสพะแนงที่เชฟตั้งใจเสิร์ฟแบบเข้มข้น ส่วนผสมดุกเซลเห็ด (Mushroom Duxelles) เห็ดแชมปิญอง 100 กรัม | เห็ดนางรม 100 กรัม | หอมแดง 4 หัว | เนยจืด | เกลือทะเลและพริกไทยขาวป่น | แกงพะแนง   วิธีทำ  ผัดหอมแดงกับเนยจนสุกและนิ่ม ใส่เห็ดทั้ง 2 ชนิดที่สับละเอียด ผัดต่อจนแห้งสักครู่ ปรุงรสด้วยเกลือทะเลและพริกไทย ใส่พริกแกงพะแนง คลุกกับเห็ดให้เข้ากัน ชิมรส ปรุงตามชอบ เตรียมนำมาห่อเนื้อสันในเพื่อให้มีกลิ่นหอมของเครื่องแกงเพิ่มมากขึ้น ส่วนผสมแกงพะแนง พริกชี้ฟ้าแดงแห้งแช่น้ำ 40 กรัม | ตะไคร้ 30 กรัม | ข่า 15 กรัม | หอมแดง 30 กรัม | กระเทียมไทย 15 กรัม | ผิวมะกรูด 5 กรัม | รากผักชี 8 กรัม | เม็ดพริกไทยขาว 2 กรัม | ลูกผักชี 4 กรัม | เม็ดยี่หร่า 2 กรัม | ถั่วลิสงคั่วตำละเอียด 20 กรัม | เกลือทะเล 5 กรัม | กะปิ 10 กรัม | หัวกะทิ 300 กรัม | หางกะทิ 300 กรัม | น้ำตาลปี๊บ 30 กรัม | น้ำปลา 20 กรัม   วิธีทำ คั่วเม็ดพริกไทยขาว ลูกผักชี เกลือ และเม็ดยี่หร่าให้หอม ใส่ครกแล้วตำให้ละเอียด ใส่พริกชี้ฟ้า กะปิและสมุนไพร ตำรวมกันจนเนื้อเนียน ใส่ถั่วลิสง ตำให้พอเข้ากัน เตรียมไว้ เคี่ยวหัวกะทิให้แตกมัน ใส่พริกแกงพะแนงลงผัดจนหอมและแตกมันเล็กน้อย ใส่หางกะทิ ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา ส่วนผสมแป้งเครปสำหรับห่อเนื้อ แป้ง T55 หรือแป้งสาลีอเนกประสงค์ 130 กรัม | ไข่ 2 ฟอง | น้ำตาลทราย 20 กรัม | เกลือป่นเล็กน้อย | น้ำเปล่า 375 กรัม | น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ   วิธีทำ ผสมแป้ง น้ำตาลทราย และเกลือให้เข้ากัน ใส่ไข่และน้ำเปล่า ผสมให้เข้ากัน กรองผ่านกระชอนแล้วแช่ในตู้เย็นข้ามคืนก่อนนำมาใช้ ใส่น้ำมันพืชเป็นส่วนผสมอย่างสุดท้าย นำไปทอดในกระทะด้วยไฟอ่อน ให้แป้งเครปสุกมีสีเหลืองทอง พักไว้ให้เย็น เตรียมไว้ ส่วนผสมแป้งพัฟเพสตรี (Quick Puff Pastry) แป้ง T55 หรือแป้งสาลีอเนกประสงค์ 250 กรัม | เกลือทะเล 5 กรัม | น้ำสะอาด 125 กรัม | เนยเย็น 200 กรัม   วิธีทำ ผสมแป้ง เกลือ น้ำสะอาด และเนย นวดให้เข้ากันเล็กน้อย จากนั้นนำมารีดให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า แบ่งแป้งเป็น 3 ส่วน แล้วนำมาทบเข้าหากัน รีดแป้งให้เรียบ ทำซ้ำอีกประมาณ 4-5 รอบจนเห็นเป็นชั้น แช่ไว้ในตู้เย็น  ส่วนผสมและวิธีทำเนื้อสำหรับเตรียมห่อ เนื้อวัวส่วนสันใน 250 กรัม | เกลือทะเลและพริกไทย | น้ำมันพืช | โรสแมรี่สำหรับตกแต่ง โรยเกลือและพริกไทยให้ทั่วชิ้นเนื้อ นำลงจี่ในกระทะด้วยไฟแรงให้สุกเฉพาะผิวนอก รีดแป้งพัฟเพสตรีให้บาง 0.5 เซนติเมตร วางบนฟิล์มถนอมอาหาร วางแผ่นแป้งเครป ปาร์มาแฮม ปาดดุกเซลเห็ดให้บางประมาณ 1 เซนติเมตร วางเนื้อสันในแล้วม้วนให้แน่น นำเข้าช่องแช่แข็งเพื่อให้เซ็ตตัวประมาณ 15 นาที นำแป้งอีกชิ้นมาทำเป็นตาข่ายคลุมบนแป้งอีกชั้น ทาไข่ไก่ผสมกับครีมเล็กน้อย ตกแต่งด้วยโรสแมรี่ให้สวยงาม ปิดขอบตกแต่งให้เรียบร้อย นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที หลังจากนั้นลดไฟลงเหลือ 180 องศาเซลเซียส แล้วอบต่อจนเนื้อในอุณหภูมิได้ 45 องศาเซลเซียส พักไว้ประมาณ 15-20 นาที วิธีจัดเสิร์ฟ หั่นพะแนงเนื้อเวลลิงตันจัดลงจาน ท็อปด้วยซอสพะแนงเข้มข้น ตกแต่งดอกไม้กินได้ให้สวยงาม 

ส่วนผสมมิโซะเด็งกะคุ (สำหรับ 4 ที่) มิโซะซากุระ (Sakura Miso) 120 กรัม | มิโซะขาว (White Miso) 50 กรัม | น้ำตาลทราย 100 กรัม | มิริน 15 มิลลิลิตร | เหล้าสาเก 15 กรัม | ไข่แดง 1 ฟอง | ใบโฮบะ 4 ใบ (สำหรับเสิร์ฟ) | ไม้เสียบ (Matsuba Skewer) 4 ไม้   วิธีทำ ผสมส่วนผสมทั้งหมดคนให้เข้ากันในหม้อใบเล็ก นำขึ้นตั้งไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน (ระวังมิโซะไหม้) ลดเป็นไฟอ่อนแล้วคนต่ออีกประมาณ 5 นาที ชิมรส ปิดไฟ แช่ใบโฮบะในน้ำ เตรียมไว้ ส่วนผสมสำหรับย่าง กุ้งลายเสือ 4 ตัว | เนื้อวากิวส่วนสันนอก 240 กรัม | มะเขือม่วงผลใหญ่หั่นชิ้นพอดีคำ (Aubergine) 1 ผล | เห็ดนางรมหลวงหั่นครึ่ง 1 ชิ้น | หน่อไม้ฝรั่ง 2 ชิ้น | มันฝรั่งหวานปอกเปลือกหั่นชิ้นพอดีคำ 4 ชิ้น | ไพน์นัตคั่วสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย | เกลือทะเลสำหรับปรุงรส   วิธีทำ ผ่าหลังกุ้งและล้างให้สะอาด ต้มกุ้งในน้ำเดือดที่ใส่เกลือเล็กน้อยจนสุก ตักขึ้นพักไว้ในน้ำเย็นแล้วซับให้แห้ง เตรียมไว้ ปรุงรสเนื้อวากิวด้วยเกลือทะเลและพริกไทยเล็กน้อย ย่างบนกระทะให้พอขึ้นสีแล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ วางบนถาด นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 5 นาที ให้สุกตามชอบ พักไว้ ทอดผัดต่างๆ ทีละชนิดให้สุกและสีเหลืองสวย พักไว้บนตะแกรง วางมิโซะเด็งกะคุตรงกลางใบโฮบะ ตามด้วยเนื้อวากิวย่าง กุ้งต้ม และเครื่องที่เตรียมไว้ ราดด้วยมิโซะอีกเล็กน้อย ห่อใบโฮบะแล้วกลัดด้วยก้าน นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 5 นาที จัดเสิร์ฟบนเตาย่าง

เนื้อวากิวเกรด A5 จากเมืองมัตสึซากะ ย่างกินคู่กับซอสมิโซะ รสเค็มหวานและอมเปรี้ยวจากบ๊วยดอง ตัดเลี่ยนด้วยชัตนีย์บ๊วยรสเปรี้ยวหวาน กินคู่กับผักย่างและหน่อไม้ญี่ปุ่นดอง เสิร์ฟบนหินร้อนเสียงฉู่ฉ่า   ส่วนผสมและวิธีทำซอสบ๊วยมิโซะ (สำหรับ 2 ที่) มิริน 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ | ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ | มิโซะ 3 ช้อนโต๊ะ | เนื้อบ๊วยดองสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจนเนื้อข้นเล็กน้อย ชิมรสแล้วปรุงตามชอบ เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำชัตนีย์บ๊วย เนื้อบ๊วยหั่นเต๋า 1/4 ถ้วย | น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ | ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ | มิริน 1 ช้อนโต๊ะ | สาเก 2 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวส่วนผสมทั้งหมดในหม้อใบเล็กด้วยไฟปานกลาง จนส่วนผสมงวดเล็กน้อย พักให้เย็น ส่วนผสมและวิธีย่าง เนื้อวากิวจากเมืองมัตสึซากะ 4-6 ชิ้น | เครื่องเคียงตามชอบ เช่น กระเจี๊ยบ เห็ดชิเมะจิ เห็ดชิตาเกะ เม็ดบ๊วยสีแดงและเขียว หอมหัวใหญ่ | ใบโฮบะแห้งแช่น้ำ 1-2 ใบ (สำหรับวางย่าง) ตักซอสบ๊วยมิโซะวางบนใบโฮบะประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ วางเนื้อวากิว ท็อปด้วยชัตนีย์บ๊วย วางเครื่องเคียงต่างๆ ที่ต้องการย่างไว้ข้างๆ นำขึ้นวางบนหินร้อน เสิร์ฟพร้อมหน่อไม้ญี่ปุ่นดอง

ฉ่ำนุ่มละมุนลิ้นด้วยเนื้อทอดระดับความสุกแบบแรร์ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บถูกปากสายเนื้อแน่นอน   ส่วนผสม เนื้อวัว (ชิ้นละ 150 กรัม) 2 ชิ้น ซอสปรุงรส 1 1/2 ช้อนโต๊ะ พริกไทยป่น 1 ช้อนชา เกลือป่น 1 ช้อนชา ผักสลัดตามชอบ น้ำมันพืชสำหรับทอด ส่วนผสมน้ำจิ้ม พริกขี้หนูเขียว/แดง 6 เม็ด กระเทียมกลีบใหญ่ 3 กลีบ      น้ำมะนาว 2 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเชื่อม 2 ช้อนชา ต้นหอมซอย 1 ต้น วิธีทำ หมักเนื้อวัวด้วยซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ พริกไทย และเกลือ คลุกให้เข้ากัน พักไว้ 20 นาที เตรียมน้ำจิ้มโดยผสมพริกขี้หนู กระเทียม น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำเชื่อม และต้นหอมซอย คนให้เข้ากัน ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อนจัด ใส่เนื้อลงทอดด้านละประมาณ 40 วินาที ให้เนื้อสุกแต่ผิวนอก ตักขึ้น หั่นเนื้อเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่จานไว้ เทน้ำมันทอดออกให้เหลือประมาณ 1/2 ถ้วย ตั้งไฟให้ร้อน ใส่ซอสปรุงรสที่เหลือ พอซอสเดือด ยกลง ตักน้ำมันราดบนเนื้อให้ทั่ว เสิร์ฟกับผักสลัดและน้ำจิ้ม

เมนูไทยโบราณจากตำรับของท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร ใส่ความร่วมสมัยโดยใช้เนื้อวากิวเคี่ยวกับเครื่องแกงจนนุ่ม หอมกลิ่นมะกรูดที่เป็นเอกลักษณ์ของแกงนี้ ส่วนผสม เนื้อวากิวหั่นเต๋าใหญ่ (ส่วนสะโพกหรือเนื้อส่วนที่มีมันแทรก) 800 กรัม กะทิ 600 กรัม พริกแกงเนื้ออร่อย 180 กรัม ใบมะกรูด 8 กรัม น้ำปลา 32 กรัม น้ำตาลมะพร้าว 30 กรัม ส่วนผสมเครื่องพริกแกง (1 สูตร จะได้พริกแกงประมาณ 340 กรัม) พริกชี้ฟ้าแห้งเม็ดใหญ่ (แช่น้ำ) 6 เม็ด เกลือไทย 1/4 ช้อนชา ข่า 1 ช้อนโต๊ะ ผิวมะกรูด 1 ช้อนโต๊ะ หอมแดง 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมไทย 3 ช้อนโต๊ะ กะปิ 1 ช้อนชา ลูกผักชีคั่วป่น 2 ช้อนชา ยี่หร่าคั่วป่น 1 ช้อนชา วิธีทำ ปั่นพริกชี้ฟ้าแห้ง ข่า ผิวมะกรูด หอมแดง และกระเทียมด้วยเครื่องปั่นให้ละเอียด ใส่เกลือ กะปิ ลูกผักชีและยี่หร่าคั่วป่น ปั่นให้ละเอียดจนเป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้ นำเนื้อใส่ในหม้อ ใส่กะทิลงไปให้ท่วม ตั้งไฟปานกลางถึงอ่อน ตุ๋นจนเนื้อเปื่อยนุ่มแล้วตักเนื้อออก นำเนื้อตุ๋นใส่ในหม้อสำหรับแกง ตั้งไฟ ใส่น้ำกะทิที่ได้จากการตุ๋นเนื้อประมาณ 200 กรัม ผัดกะทิกับพริกแกงจนหอมและแตกมัน ใส่ใบมะกรูดฉีกลงไปเล็กน้อย ตักใส่ในหม้อเนื้อตุ๋น ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำตาลมะพร้าว ใส่น้ำกะทิที่เหลือลงไปในหม้อ คนทุกอย่างให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ตั้งแกงตุ๋นด้วยไฟอ่อนให้น้ำแกงซึมเข้าไปในเนื้อประมาณ 30 นาที จนเนื้อกับน้ำแกงเข้ากันดี ตักเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยผลมะกรูดฝานบาง

คนที่ต้องการลดน้ำหนักหรืออยากลดน้ำหนักอย่างเร่งด่วนน่าจะต้องรู้จักคีโตฯ ไดเอต (Ketogenic Diet) ซึ่งโดยหลักการบอกไว้ว่าภายใน 1 สัปดาห์ น้ำหนักจะลดลง 1-2 กิโลกรัม   หลักการของคีโตฯ ไดเอตนั้นขึ้นอยู่กับอาหารการกินล้วนๆ เพราะแนวความคิดนี้มีหลักการว่าต้องลดคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลซึ่งเป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย และกินไขมันเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานแทน เมื่อเราลดคาร์โบไฮเดรตร่างกายก็ต้องหาแหล่งพลังงานใหม่มาทดแทน นั่นก็คือไขมัน ไขมันที่ถูกเก็บสะสมไว้ก็จะถูกนำมาใช้เป็นพลังงานแทน น้ำหนักตัวเราจึงลดลง นอกจากคาร์โบไฮเดรตที่ให้กินข้าวได้วันละประมาณ 1 ทัพพี ขนมปังไม่เกิน 3 แผ่น น้ำตาลหรือเครื่องดื่มที่มีรสหวาน เช่น ชานมไข่มุก ก็อยู่ในข้อห้ามด้วย รวมทั้งผลไม้รสหวานโดยเฉพาะผลไม้อบแห้งที่มีน้ำตาลสูง พืชผักหัวที่มีน้ำตาลก็ไม่ควรกิน ถ้ากินผักก็ควรกินเฉพาะผักใบเขียว   ส่วนไขมันและโปรตีนกินได้ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นไขมันอิ่มตัวอย่างน้ำมันจากสัตว์ ไขมันไม่อิ่มตัวอย่างเนื้อปลา และโปรตีนชนิดต่างๆ ทั้งเนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว เป็นต้น สำหรับบางคนการกินคีโตฯ ไม่น่าจะยากเพราะอาหารอร่อยที่เป็นเนื้อสัตว์มีอยู่รอบๆ ตัว หาได้ไม่ยากเลย ตั้งแต่สเต๊ก ไก่ย่าง เป็ดย่าง หมูกรอบ หมูย่าง เบคอน และชีสต่างๆ หรือถ้าอยากทำก็ยังทำเองได้ง่ายๆ อย่างเช่นพัฟมัสมั่นเนื้อสูตรนี้ เนื้อวัว 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี มีโปรตีน 20 กรัม ส่วนไขมันขึ้นอยู่กับว่าเนื้อส่วนไหนและสายพันธุ์อะไร สายพันธุ์วากิวจะมีไขมันเหมือนลวดลายหินอ่อนแทรกอยู่ในเนื้อและมีระดับไขมันที่แตกต่างไป ถ้าต้องการไขมันน้อยและส่วนที่มีโปรตีนมากควรจะเลือกเนื้อสันส่วนบน เป็นต้น โปรตีนในเนื้อวัวช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและรักษามวลกล้ามเนื้อในร่างกายได้อย่างดี ทั้งยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกายอีกหลากหลาย เช่น วิตามินบี 2 วิตามินบี 12 ช่วยในกระบวนการสร้างพลังงาน สังกะสี ช่วยให้ผม เล็บ และผิวหนังสุขภาพดี ทั้งยังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ช่วยรักษาฟันและกระดูกให้แข็งแรง เนื้อวัวยังมีธาตุเหล็กและสารอาหารที่สำคัญในการสร้างเม็ดเลือด และช่วยป้องกันโรคโลหิตจางด้วย   พัฟมัสมั่นเนื้อสูตรนี้อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมัน ทั้งจากไขมันที่ติดและแทรกอยู่ในเนื้อ เนื้อจึงนุ่มเมื่อนำมาเคี่ยวกับกะทิซึ่งมีไขมันจากพืชอยู่เต็มเปี่ยม กะทิ 100 กรัม มีไขมันประมาณ 24 กรัม เครื่องแกงมัสมั่นก็หอมกรุ่นไปด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศนานาชนิดที่ให้กลิ่นหอม ใส่มันฝรั่งเพื่อให้เคี้ยวได้นุ่มอร่อย ปิดด้วยแป้งพัฟที่มีเนยสอดแทรกระหว่างชั้นแป้งบางๆ เมื่อนำไปอบจึงพองและกรอบนุ่ม   เมนูนี้จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยไขมันและโปรตีน ทั้งไขมันจากเนื้อสัตว์และไขมันจากพืช ซึ่งเข้ากับหลักการและแนวทางของผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักตามคีโตฯ ไดเอต แต่สำหรับคนที่มองหาเมนูอร่อยๆ เมนูนี้ก็ตอบโจทย์ แต่ต้องระวังไขมันในคนที่มีไขมันสูงอยู่แล้ว ส่วนผสม เนื้อวัวติดมันหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม 500 กรัม เครื่องแกงมัสมั่น 1/2 ถ้วย หัวกะทิ 2 ถ้วย มันฝรั่งหัวใหญ่ 1 หัว หอมแขกหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 3 หัว ถั่วลิสงคั่ว 1/3 ถ้วย น้ำตาลปี๊บ 1/4 ถ้วย น้ำส้มมะขาม 3-4 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2-3 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่สำหรับทาหน้า 1 ฟอง แป้งพัฟสำเร็จรูป หอมเจียวสำหรับโรยหน้า วิธีทำ ผัดเนื้อกับน้ำมันเล็กน้อยให้ผิวเนื้อตึง ตักขึ้น ผัดเครื่องแกงกับหัวกะทิให้หอมและมัน ใส่เนื้อที่ผัดไว้ เติมน้ำเล็กน้อยให้พอท่วมเนื้อ ปิดฝา ต้มไฟอ่อน ต้มมันฝรั่งให้สุกประมาณ 70% พักให้เย็น หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเต๋าขนาดเท่าเนื้อ พอเนื้อเริ่มนุ่มใส่มันฝรั่ง หอมแขก ถั่วลิสง เติมกะทิหรือน้ำเล็กน้อย ต้มต่อรวมกันสักครู่ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำส้มมะขาม ชิมรสให้เข้มข้น ต้มต่อจนทุกอย่างสุกนุ่ม พักไว้ให้เย็น (ตักน้ำมันที่ลอยหน้าออก) ตักแกงมัสมั่นเนื้อใส่ถ้วยสำหรับอบ รีดแป้งพัฟแล้วนำมาปิดหน้า ตัดขอบให้พอดี ม้วนแป้งเพื่อเก็บขอบ ตีไข่ให้เข้ากัน ทาหน้าแป้งพัฟให้ทั่ว กรีดกากบาทแป้งตรงกลาง นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส นานประมาณ 20 นาทีจนหน้าสุกเหลืองสวย นำออกจากเตาอบ โรยหอมเจียว

เริ่มต้นปีใหม่ทั้งที โต๊ะอาหารที่บ้านต้องมีแต่ของอร่อย เริ่มจากเลือกสรรวัตถุดิบชั้นดีกันก่อนเลย อย่างเมนูข้าวผัดมันเนื้อจานนี้ที่เพิ่มความพิเศษด้วยผลิตภัณฑ์เนื้อและไวน์เกรดพรีเมียมจากออสเตรเลีย อัปเกรดเป็น Beef Fat Fried Rice with mussels, mozzarella, and Butter (ข้าวผัดมันเนื้อ ท็อปด้วยสเต็กเนื้อออสเตรเลีย หอยแมลงภู่อบเนยและมอสซาเรลล่าชีส) ซึ่งทำได้ง่ายและรวดเร็ว มอบรสชาติที่หอมอร่อยเหมาะกับอาหารมื้อพิเศษ โดยสามารถหาซื้อวัตถุดิบได้จากซูเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำทั่วประเทศ ข้าวผัดมันเนื้อ ท็อปด้วยสเต็กเนื้อออสเตรเลีย หอยแมลงภู่อบเนยและมอสซาเรลล่าชีส ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อวัวออสเตรเลียส่วนสะโพก 350-400 กรัม หอยแมลงภู่ออสเตรเลีย 4 ตัว เนยอลาวรี 10 กรัม ชีสมอสซาเรลล่าออสเตรเลียขูด 15 กรัม ข้าวสวย 1 ถ้วย (ประมาณ 250 กรัม) ซอสถั่วเหลือง 1 ½ ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียม 10 กรัม เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ พริกไทย ½ ช้อนโต๊ะ วิธีทำ   1. วิธีปรุงและขั้นตอนการเตรียมเนื้อ นำเนื้อวัวออสเตรเลียส่วนสะโพกออกจากตู้เย็นมาวางพักไว้ที่อุณหภูมิห้อง 2-3 ชั่วโมงก่อนปรุง 2. เลาะส่วนไขมันออกจากชิ้นเนื้อและหั่นเป็นชิ้นเพื่อนำมาผัดกับข้าวสวย 3. ปรุงรสเนื้อด้วยเกลือและพริกไทย 4. อุ่นกระทะเคลือบหรือกระทะย่างด้วยไฟกลาง นำเนื้อลงย่างจนได้ระดับความสุกตามชอบ 5. ยกเนื้อขึ้นพักประมาณ 10-15 นาที (ใช้ภาชนะที่เก็บความอุ่นได้) หลังจากนั้นหั่นเป็นชิ้นสเต็กพอดีคำ เตรียมไว้ 6. วิธีปรุงและขั้นตอนการเตรียมข้าวผัด อุ่นกระทะใส่เนยออสเตรเลียและมันเนื้อและผัดพอส่งกลิ่นหอม ใส่ข้าวสวย ซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว และน้ำตาล ผัดข้าวประมาณ 3-4 นาที จนน้ำมันเนื้อและเนยเคลือบทั่วเมล็ดข้าวนำขึ้นพักไว้ในภาชนะที่เก็บรักษาความอุ่นได้ 7. ขั้นตอนการเตรียมหอยแมลงภู่และการจัดจาน เติมน้ำใส่หม้อนึ่งประมาณ 5 ซม. หรือ 1 นิ้ว ต้มให้เดือด ใส่หอยแมลงภู่ ต้มจนเปลือกหอยเปิดอ้าเล็กน้อย (แสดงว่าเนื้อหอยสุกแล้ว) 8. นำขึ้นจากหม้อและถอดเปลือกด้านหนึ่งออกทิ้ง 9. ทาเนยและกระเทียมบนเนื้อหอย โรยด้วยชีสมอสซาเรลลา พ่นไฟให้ชีสละลาย   วิธีจัดลงจาน ตักข้าวผัดใส่จาน วางเนื้อวัวย่างและหอยแมลงภู่ ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้และยกเสิร์ฟ ไวน์ออสเตรเลียสำหรับจับคู่กับเมนู Beef Fat Fried Rice with mussels, mozzarella and Butter อาหารจานนี้เหมาะทานคู่กับทั้งไวน์ Cabernet Sauvignon หรือ Shiraz พันธุ์องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์ Shiraz มีการเพาะปลูกในแทบทุกเขตของออสเตรเลีย แต่ด้วยภูมิอากาศ ลักษณะดิน และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ทำให้ไวน์ Shiraz จากออสเตรเลียขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายและคุณภาพที่ดีเยี่ยมระดับโลก ส่วนไวน์ Cabernet Sauvignon มีการผลิตและหาซื้อได้ทั่วประเทศออสเตรเลีย โดยมีทั้งระดับ Medium-bodied ไปจนถึง Fullbodied ซึ่งเป็นไวน์ที่ให้รสเข้ม แฝงความฝาดและความเปรี้ยวที่มอบความสดชื่น  

ชีวิตเร่งรีบของคนเมืองซึ่งต้องทำอะไรที่รวดเร็ว โดยเฉพาะอาหารที่ต้องปรุงในเวลาอันจำกัด และพกพาไปกินได้ด้วย การปรุงด้วยซอสสำเร็จที่มีติดครัวไว้ง่ายๆ จึงน่าจะช่วยได้เป็นอย่างดี   ฉบับนี้เรานำซอสไทยที่ปรุงกับอะไรก็อร่อยมาผสมผสานเป็นเมนูพกพาง่ายๆ กินแล้วอิ่มท้อง เช่น ซอสจิ้มแจ่วรสแซ่บคลุกกับเนื้อย่างและผักต่างๆ ใส่ในแป้งพิตา แซนด์วิชไส้อกไก่ฉีกคลุกซอสสะเต๊ะ รสเค็มมันหวานนิดๆ สอดไส้ชีส และแร็ปตอร์ติญาสโมกแซลมอนกินกับน้ำสลัดซอสศรีราชาและครีมชีส รสชาติเปรี้ยวเผ็ด หอมกลิ่นซอสพริก   เรียกได้ว่าเพียงซอสแค่ขวดเดียวก็ทำเมนูอร่อยและง่ายได้ไม่ซ้ำใคร   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อวัวส่วนสันคอ (น้ำหนัก 300 กรัม) 1 ชิ้น แป้งพิตาเบรด 2 แผ่น เกลือทะเล และพริกไทยดำบดหยาบสำหรับหมักเนื้อเล็กน้อย ส่วนผสมซอสหมักเนื้อ ซอสน้ำจิ้มแจ่ว 3/4 ถ้วย เนื้อวัวย่างหั่นชิ้นบาง 1 ถ้วย หอมแขกหั่นบาง 1/4 ถ้วย ใบสะระแหน่ 2 ช้อนโต๊ะ ผักชี 2 ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนโต๊ะ ข้าวคั่ว 2 ช้อนชา ผักสลัดมิกซ์ปริมาณตามชอบ วิธีทำ หมักเนื้อวัวด้วยเกลือและพริกไทย พักไว้ 10-15 นาที ตั้งกระทะให้ร้อนจัด ย่างเนื้อให้สุกตามชอบ ตักขึ้นพักไว้ 5 นาที หั่นเป็นชิ้น ในชามผสมใส่เนื้อย่าง ซอสแจ่ว หอมแขก สะระแหน่ ผักชี ผักชีฝรั่ง และข้าวคั่ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรส ปรุงรสเพิ่มได้ตามชอบ เตรียมไว้ อุ่นแป้งพิตาเบรดโดยนาบกระทะให้ร้อน นำมาสไลซ์ด้านข้าง ใส่ผักสลัดมิกซ์และเนื้อย่าง

สตูเนื้อซี่โครงสีดำเข้มดูลึกลับจนคาดเดารสชาติได้ยาก สูตรนี้นำมาตุ๋นกับน้ำส้มและผิวส้ม รสชาติกลมกล่อมหอมสดชื่นจากผิวส้มและมะนาว หอมกลิ่นเครื่องเทศ ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เนื้อวัวส่วนติดซี่โครง (Short Ribs) 6 ชิ้น น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ หอมหัวใหญ่สับ 1 หัว กระเทียมบุบ 6 กลีบ เซเลรีสับ 3 ก้าน แครอตสับ 1 หัว มะเขือเทศบด (Tomato Paste) 1 1/2 ช้อนโต๊ะ ลูกผักชีป่น 1/4 ช้อนชา ยี่หร่าป่น 1/4 ช้อนชา พริกป่น 1/2 ช้อนชา ออริกาโน 4 กิ่ง ผิวส้ม 2 ผล น้ำส้มคั้นสด 1/2 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า ประมาณ 3 ถ้วย เกลือทะเล และพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรส ผิวส้มขูด และผักชีสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ปรุงรสเนื้อด้วยเกลือและพริกไทยเรียงไว้บนถาด แช่เย็นไว้ (ไม่ต้องปิด) อย่างน้อย 2 ชั่วโมง หรือข้ามคืน ใส่น้ำมันในหม้อก้นหนา นำเนื้อลงนาบให้มีสีน้ำตาลสวย (ด้านละ 5 นาที) ตักขึ้น พักไว้ ในหม้อใบเดิมผัดหอมหัวใหญ่ กระเทียม เซเลรี และแครอตพอสลด ใส่มะเขือเทศบด ลูกผักชี ยี่หร่า และพริกป่น ผัดจนผักสุกนุ่ม กลิ่นหอม มะเขือเทศบดเป็นสีน้ำตาลเข้ม ใส่เนื้อและน้ำที่ได้จากการย่างเนื้อ ใส่ออริกาโน ผิวส้ม น้ำส้ม และน้ำเปล่าพอท่วมเนื้อ ต้มให้เดือด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ปิดฝา นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-3 ชั่วโมงจนเนื้อนุ่ม ยกออกจากเตา ใส่น้ำมะนาว โรยด้วยผิวส้มขูด และผักชีก่อนเสิร์ฟ

  แกงอ่อมเนื้อสไตล์อีสาน เมนูทำง่าย อร่อย เลือกเนื้อติดมันนิดๆ ผัดกับพริกแกงที่เต็มไปด้วยสมุนไพร ใส่น้ำปลาร้า ผัดจนเนื้อมีกลิ่นหอม เติมผักพื้นบ้านให้แกงชามนี้มีรสอร่อยจากธรรมชาติ   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เนื้อสันนอกผสมเนื้อติดมันหั่นชิ้นพอคำ 500 กรัม ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย พริกแห้งเม็ดเล็กแช่น้ำ 15 เม็ด ข่าหั่นชิ้นเล็ก 2 ช้อนโต๊ะ หอมแดง 1/2 ถ้วย ใบมะกรูด 5 ใบ น้ำปลาร้า 1/4 ถ้วย ข้าวคั่ว 1-2 ช้อนโต๊ะ มะเขือเปราะผ่า 4 (แช่น้ำเกลือ) 6-8 ผล ผักกาดหิ่น ผักกวางตุ้งดอก ต้นหอม ผักชีลาว และใบแมงลัก ปริมาณตามชอบ วิธีทำ ตำตะไคร้ พริกแห้ง ข่า และหอมแดงให้แหลกพอหยาบๆ ใส่เครื่องที่ตำลงในหม้อ คั่วให้พอมีกลิ่นหอม ใส่เนื้อ น้ำปลาร้า และใบมะกรูด รวนให้เนื้อพอสุกและมีกลิ่นหอม เติมน้ำเปล่าให้พอท่วมเนื้อ ต้มจนเนื้อนุ่ม (ถ้าน้ำน้อยค่อยๆ เติม) พอน้ำเดือด ใส่มะเขือเปราะ ปิดฝาให้เนื้อและมะเขือสุก ใส่ผักกาดหิ่น ผักกวางตุ้งดอก ต้นหอม ผักชีลาว และใบแมงลัก ต้มจนผักสุก ชิมและปรุงรสเพิ่มตามชอบ ใส่ข้าวคั่ว คนให้เข้ากัน ตักใส่ชาม

ตัวอักษรสีแดงที่เขียนว่า “ร้านลาบ” ยังไม่สะดุดตาเท่ากับสไตล์ของร้านที่ดูแปลกหูแปลกตาไปจากขนบร้านลาบแบบเดิมๆ คุณวูดดี้-วัชรพงษ์ สวัสดิ์วงศ์ไชย นักร้องนำจากวง ON THE PLATEAU พื้นเพเป็นคนขอนแก่น และเป็นเจ้าของร้านลาบกรุงที่ตั้งอยู่บนถนนลาดปลาเค้า แล้วยังเป็นเจ้าของสูตรอาหารที่อยู่ภายในร้านนี้ทั้งหมด   ร้านลาบกรุงที่เราเห็นในทุกวันนี้เป็นร้านในเวอร์ชันที่ 2 หลังจากเหล่าคนรู้จักของคุณวูดดี้มาร่วมไม้ร่วมมือกันเนรมิตห้องแถวหน้าตาเดิมๆ ให้กลายเป็นร้านลาบถูกใจวัยรุ่น ภาพถ่ายของหญิงสาวในชุดวาบหวิวทำหน้าตาเอร็ดอร่อยกับเมนูลาบและต้มแซ่บในมือ เพิ่มบรรยากาศความสนุกสนานให้ร้านอีกเป็นเท่าตัว     สำหรับร้านลาบกรุงในเวอร์ชันเริ่มแรกนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดอย่างหนักหน่วงในช่วงปีก่อน อาชีพนักร้องกลางคืนนั้นสร้างรายได้เป็นศูนย์ คุณวูดดี้จึงนำความรู้ติดตัวนั่นคือการทำอาหารอีสาน ซึ่งเมนูโปรดของเขาคือ “เสือคั่ว” มาทำกินเองและขายให้กับแวดวงคนรู้จัก ส่งฟรีในระยะ 10 กิโลเมตร “บางคนอยู่ไกลกว่านั้น 20-30 กิโลเมตรผมก็ไปส่ง เพราะอยากให้เขาได้กินอาหารฝีมือเรา” จากนั้นคุณวูดดี้จึงชวนคุณแม่จากจังหวัดขอนแก่นมาเปิดร้านลาบกรุงเป็นครั้งแรกในห้องแถวแห่งนี้ที่เรานั่งคุยกันอยู่นี่เอง   “ผมทำอาหารได้ แต่ขายไม่เป็น” จึงได้รับความช่วยเหลือจากคนรู้จักในแวดวงดนตรีมาช่วยกันรีโนเวตร้านใหม่ จนกลายเป็นลาบกรุงอย่างที่เป็นในวันนี้ แต่ภายใต้ใบหน้าที่ดูวัยรุ่น เมนูอาหารทุกอย่างยังคงรสชาติแบบอีสานไว้ไม่มีเปลี่ยน   แน่นอนว่าเมนูเริ่มแรกของร้านอย่าง “เสือคั่ว” กลายเป็นเมนูยอดนิยมของร้านตลอดกาลที่จัดเต็มทั้งเลือดวัวและดีวัว ผสมผสานกับเนื้อส่วนเสือร้องไห้ซึ่งมีสัมผัสเหนียวเด้งสู้ฟัน เคล้ากลิ่นหอมของข้าวคั่วผสานสมุนไพรท้องถิ่นอย่างใบมะกรูด ต้นหอม และผักชีใบเลื่อย   “อาหารอีสานที่ผมทำ ผมขอไม่อิงกับอีสานแบบต้นตำรับ แต่เป็นอาหารอีสานในแบบที่ผมและคนในครอบครัวกินจริงๆ”   เพราะฉะนั้นเรื่องรสชาติความเป็นอีสานไว้ใจหนุ่มขอนแก่นคนนี้ได้เลย     เสือคั่ว ส่วนผสม เนื้อติดมัน 100 กรัม พริกป่น 3/4 ช้อนโต๊ะ ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2/4 ช้อนโต๊ะ ผงชูรส 1/4 ช้อนโต๊ะ ดีวัว 2/4 ช้อนโต๊ะ เลือดวัวสด 2 ช้อนโต๊ะ ใบมะกรูดซอย ต้นหอมซอย ผักชีใบเลื่อยซอย วิธีทำ ใส่เนื้อติดมันในหม้อลาบ ตามด้วยน้ำสต๊อกเล็กน้อย ปรุงด้วยพริก ข้าวคั่ว น้ำปลา ผงชูรส และดีวัว แล้วคั่วจนสุก ใส่ใบมะกรูดซอยและเลือดวัวสด คั่วด้วยไฟอ่อนจนเลือดข้น ปิดไฟ ใส่ต้นหอมซอยและผักชีใบเลื่อย คลุกให้เข้ากัน ชิมรส ตักใส่จานแล้วโรยหน้าด้วยผักชีใบเลื่อย

  สตูเนื้อเมนูสำหรับครอบครัว สูตรนี้ตุ๋นเนื้อกับกาแฟและเบียร์ดำจนนุ่ม ใส่ลูกพรุนเพิ่มรสจะได้สตูสีเข้ม รสชาติเข้มข้นอร่อย เสิร์ฟพร้อมกับขนมปังหรือมันฝรั่งบด   ส่วนผสม (สำหรับ 4-6 ที่) เนื้อวัวสำหรับทำสตูหั่นชิ้นประมาณ 1 1/2 นิ้ว 700 กรัม น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ หอมหัวใหญ่สับ 1 หัว แครอตสับ 1/2 หัว เซเลรีสับ 1 ก้าน กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ เบคอนอิตาเลียนหั่นเต๋า 200 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ช้อนโต๊ะ เบียร์ดำ 1 ขวด (375 มิลลิลิตร)       มะเขือเทศบด (Tomato Paste) 4 ช้อนโต๊ะ น้ำสต๊อก 1 ถ้วย ใบเบย์ 2 ใบ กาแฟเอสเปรสโซ ตราเซกาเฟรโด ซาเนตติ เอ็กซ์ตร้าสตรอง พักให้เย็น 350 มิลลิลิตร มันฝรั่งหัวเล็ก 8 หัว แครอตหั่นแว่น 1 หัว ลูกพรุนสับหยาบ 5 ผล เกลือทะเล และพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรส อิตาเลียนพาร์สลีย์สำหรับโรยหน้า ขนมปังสำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ ใส่น้ำมันมะกอกในหม้อก้นหนา ใส่เนื้อวัวลงผัดให้มีสีเหลืองน้ำตาล ตักขึ้นพักไว้ ในหม้อใบเดิมใส่หอมหัวใหญ่ลงผัดพอสุกใส ใส่กระเทียมลงผัดให้มีกลิ่นหอม ใส่แครอตสับและเซเลรี ผัดต่อจนสุก ใส่เบคอนลงผัดต่อจนเหลืองหอม เติมแป้งสาลี ผัดสักครู่ ใส่มะเขือเทศบด และเนื้อลงผัดให้ทั่ว ค่อยๆ เติมเบียร์ดำ น้ำกาแฟ และน้ำสต๊อก คนให้เข้ากัน ใส่ใบเบย์ ปิดฝาต้มไฟอ่อนประมาณ 2 ชั่วโมงจนสุกนุ่ม ใส่มันฝรั่ง แครอตหั่นแว่น และลูกพรุน ต้มต่อจนสุกทั่ว ชิมและปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย โรยอิตาเลียนพาร์สลีย์ เสิร์ฟกับขนมปังตามชอบ