Café Claire บิสโทรฝรั่งเศสร่วมสมัยที่นำจิตวิญญาณแบบปารีเซียงมาสู่ใจกลางกรุงเทพฯ โดยนำเสนอเมนูพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากการปรุงอาหารสไตล์บิสโทรฝรั่งเศสดั้งเดิม สะท้อนรสชาติอันลึกล้ำและเสน่ห์ของมื้ออาหารแบบปารีเซียงเหนือระดับ ในบรรยากาศน่าประทับใจราวกับนั่งอยู่ในคาเฟ่กลางกรุงปารีส  Café Claire ตั้งอยู่ภายใน Oriental Residence Bangkok ถนนวิทยุ รังสรรค์ความอร่อยโดยเชฟเรมี เวอริเย่ (Remi Verrier) Executive Chef ผู้คร่ำหวอดในวงการอาหารระดับนานาชาติรวมทั้งร้านอาหารระดับ 3 ดาวมิชลิน เมนูที่เชฟเรมีสร้างสรรค์ขึ้นเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจากการผสานภูมิหลังทางวัฒนธรรม ประสบการณ์การเดินทาง และความหลงใหลในศิลปะอาหารชั้นสูงเข้าด้วยกัน โดยเมนูใหม่สำหรับ Café Claire ยังคงปรุงในสไตล์บิสโทรฝรั่งเศสดั้งเดิมที่เน้นความเรียบง่าย เลือกใช้วัตถุดิบสดใหม่ตามฤดูกาลเพื่อมอบรสชาติที่น่าจดจำ และเข้าถึงง่าย ถ่ายทอดความอบอุ่นในทุกคำ สะท้อนจิตวิญญาณแบบปารีเซียงอย่างแท้จริง เมนูไฮไลต์ที่เป็นซิกเนเจอร์แนะนำ Grenouilles Croustillantes à l’Ail et au Persil กบทอดเสิร์ฟกับเพียวเร่กระเทียม ซอสพาสลีย์ และกระเทียมกรอบ ขากบชิ้นกำลังดีรสชาติคลาสสิกกลมกล่อม Bone Marrow Café Claire Style เนื้อวัวตุ๋นสไตล์เบอร์กันดีรสชาติเข้มข้นเสิร์ฟมาบนไขกระดูกพร้อมผักมิเรอปัว กินพร้อมขนมปังกระเทียมอร่อยลงตัวในทุกคำ ถ้าชอบเมนูเบาๆ ต้องลอง Œuf Meurette ไข่ลวกในไวน์แดงสีม่วงสวยวางมาบนมันบดเนื้อเนียนรสละมุน มีเห็ดผัด เบคอน และขนมปังกรอบ แต่งแต้มให้ชวนอร่อยยิ่งขึ้น เป็นจานที่คลาสสิกละมุนละไมชวนฝันจริงๆ หรือจะลองเป็น Salade Lyonnaise ผักสลัดฟริเซ่กับเบคอนกรอบราดน้ำสลัดหอมแดงรสเปรี้ยวอมหวาน และไข่ตุ๋นละมุน ถูกใจสายสุขภาพแน่นอน ยังมีเมนูจานหลักที่พลาดไม่ได้อย่าง Bavette de Bœuf Grillée สเต๊กเนื้อแฟรงค์ชาร์โรเลส์ย่างความสุกระดับมีเดียม เสิร์ฟพร้อมเนย Maître D’hôtel และเฟรนช์ฟรายส์ หรือจะเป็น Tomate Farcie มะเขือเทศอบสอดไส้หมูบดสูตรโฮมเมด วางมาบนซอสมะเขือเทศสีส้มสวยชวนหิว ช่วยเสริมรสหมูบดให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น Croque Madame แซนด์วิชขนมปัง Country Bread กับซอสเบชาเมล แฮมปารีส ชีสบรี ท็อปด้วยไข่ดาว ก็เป็นเมนูอาหารเช้าที่ยอดเยี่ยมไม่เบา ทางร้านยังมีเมนูมังสวิรัติอย่าง Gnocchi à la Romaine et Légumes Verts (Végétarien) ญ็อกกีที่ทำจากแป้งเซโมลินาเสิร์ฟมากับเพียวเร่ถั่วลันเตา ถั่วหวาน หน่อไม้ฝรั่ง มะเขือเทศอบแห้ง และพาเมซานชิพส์ ได้ความหวานมันจากพืชผักสดและชีสกรอบ สดชื่นไม่เบา และเมนูสำหรับชาววีแกนอย่าง Risotto de Betterave, Pistaches Grillées et Légumes du Moment (Vegan) ริซอตโต้บีทรูต เสิร์ฟพร้อมผักดองเคลือบน้ำตาลและถั่วพิสตาชิโออบ ทั้งสีสวยและรสชาติหวานกลมกล่อมจากธรรมชาติ อร่อยลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ยังมี Plateau de Fromages รวมชีสท้องถิ่นคัดสรรโดยช่างทำชีสฝีมือเยี่ยม และ Planche de Charcuterie ชาร์กูเตอรีบอร์ดที่คัดสรรวัตถุดิบชั้นเลิศจากท้องถิ่นมาเสิร์ฟเป็นพิเศษ ส่วนของหวานปิดมื้ออาหาร แนะนำ Vacherin with Strawberries เมอแรงก์กรอบวางซ้อนกับไอศกรีมวานิลลาและสตรอว์เบอร์รี่สด ให้รสชาติหวานเบา สดชื่น Baked Alaska เมอแรงก์สอดไส้ไอศกรีมสามรสบนเค้กช็อกโกแลต ราดด้วยเหล้าควองโตร Tarte à la Vanille ทาร์ตวานิลลาที่ทำจากฝักวานิลลาท้องถิ่น เสิร์ฟพร้อมคาราเมลกรุบกรอบ และ Profiteroles พัฟชูว์สอดไส้ไอศกรีมวานิลลา ราดซอสช็อกโกแลตร้อน โรยอัลมอนด์กรอบ Café Claire พร้อมมอบประสบการณ์อาหารฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมที่ร่วมสมัยและเข้าถึงได้ง่าย ท่ามกลางฉากหลังที่เขียวขจีใน Oriental Residence Bangkok ถนนวิทยุ

“ชื่อเหมือนร้านดอกไม้ แต่ขายอาหารครับ” คุณโยชิโอะ ยศกร วาตานูกิ (Yoshio Watanuki) พูดอย่างอารมณ์ดี แม้ตอนนี้จะมีร้านอาหารญี่ปุ่นในบ้านเรานับไม่ถ้วน เล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ Hanaya (ฮานาย่า) ร้านอาหารญี่ปุ่นซึ่งเปิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2482 ยังอบอุ่นไปด้วยลูกค้าประจำแบบไม่เคยเงียบเหงา คุณโยชิโอะ เจ้าของร้านรุ่นที่ 3 เล่าว่าในยุคที่คนญี่ปุ่นเริ่มออกเดินทางไปทำงานเก็บเงินที่ต่างประเทศ คุณตาคุณยายย้ายถิ่นฐานจากเมืองคาโกชิมะ ประเทศญี่ปุ่นมาปักหลักในไทย เปิดร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ แถวถนนสี่พระยา โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นด้วย เพราะกว่าเรือจะมาจากญี่ปุ่นก็ใช้เวลาราวสามเดือนครั้ง ส่วนใหญ่ของที่ได้มักเป็นสาเก มิโซะ โชยุ นอกนั้นก็ใช้ของในไทยอย่างปลาไทย หรือเต้าหู้ของเยาวราชที่อร่อยไม่แพ้กัน “เท่าที่รู้ตอนนั้นมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดพร้อมๆ กัน 4-5 ร้าน แต่ปิดตัวไปหมดแล้วเหลือแค่ฮานาย่าร้านเดียว คนจึงรู้สึกว่าเราเป็นร้านแรก” สมัยนั้นสี่พระยาเป็นที่ตั้งของบริษัทญี่ปุ่น ลูกค้าส่วนมากของที่ร้านเป็นคนญี่ปุ่นที่มาทำงานละแวกนี้ จนมาถึงรุ่นคุณพ่อ ชาวญี่ปุ่นในไทยเริ่มกระจายตัวไปอยู่แถวถนนสีลม สุรวงศ์ สุขุมวิท ฮานาย่าก็ปรับตัวไปด้วย จากเดิมเมนูมีเพียงภาษาญี่ปุ่นก็เริ่มมีภาพประกอบให้คนไทยเข้าถึงง่ายขึ้น เพิ่มเมนูให้หลากหลายจนได้ลูกค้าใหม่ๆ กลายเป็นร้านขวัญใจคนรักอาหารญี่ปุ่นจนถึงวันนี้ “ผมเกิดที่ไทยแต่ไปเรียนเชฟที่ญี่ปุ่น ตอนเด็กๆ ก็เคยไปช่วยงานที่บ้านคุณพ่อซึ่งเป็นร้านอาหารเหมือนกัน ทั้งช่วยยกอาหาร ทักทายลูกค้า เรียนจบก็ฝึกงานที่ร้านซูชิ แต่พอกลับมาลองทำที่ร้านตัวเองก็รู้สึกว่าที่เรียนมาไม่เข้ากัน (หัวเราะ) ต้องฝึกใหม่” คุณโยชิโอะนิยามอาหารของฮานาย่าว่ามีรสชาติแบบธรรมชาติ กินทุกวันได้ไม่เบื่อ “เราเป็นร้านที่เริ่มต้นจากวัตถุดิบไทย หลักๆ มีปลาโอ ปลาหมึก ปลากะพงแดง ปลากะพงขาว ปลาช่อนทะเล ปลาหางแข็ง ปลาไทยไม่ได้แตกต่างจากญี่ปุ่น แค่ทะเลร้อนกว่า เนื้อปลาอาจไม่ค่อยมัน เวลาจับสดๆ ก็อร่อยเหมือนกัน แต่ใครอยากกินปลานำเข้าจากญี่ปุ่นเราก็มีให้เลือกสั่งได้” เมนูขวัญใจลูกค้ายังเป็น Makunouchi Bentou อาหารกล่องพิเศษที่รวมเมนูของฮานาย่าไว้ ทั้งไข่หวาน ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง กุ้งทอด แมงกะพรุนดอง ผักต้ม ปลาซาบะย่าง เสิร์ฟพร้อมปลาดิบและน้ำซุปร้อนๆ Mochi Zousui ข้าวต้มร้อนๆ น้ำซุปเบสเป็นดาชิหอมกลมกล่อม ได้รสหวานจากหัวไชเท้า ใส่บุก และหน่อไม้ ก่อนกินใส่โมจิลงไปด้วย นอกจากนี้ยังมี Futomaki ข้าวห่อสาหร่ายแบบดั้งเดิม ไส้มีทั้งไข่หวาน แตงกวา คัมเปียว (ฟักเขียวต้มซีอิ๊ว) สาหร่ายฮิจิกิ เต้าหู้ทอด และปลาป่นสีชมพู ส่วนขนมที่อร่อยมากๆ คือ Sasa Custard โมจิใสสอดไส้ครีมคัสตาร์ดห่อด้วยใบไผ่ที่หากินได้ที่นี่ที่เดียว ความน่ารักคือลูกค้าของฮานาย่าผูกพันกับที่ร้านมาก บางคนมาพร้อมคุณพ่อคุณแม่ตอนเด็กๆ จนโตเป็นผู้ใหญ่ ถึงวันแต่งงานก็ยังให้ฮานาย่าไปจัดแคเทอริงให้ เมื่อมีลูกก็พามากินข้าวที่ร้านอีก เป็นความภูมิใจของร้านอาหารญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในไทย “ทุกวันนี้อยากให้ลูกค้ามีความสุขเวลามากินข้าวที่นี่ ผมรู้สึกว่าตอนนี้อาหารสำเร็จรูปหาซื้อง่ายขึ้น อิ่มท้องจริง แต่ไม่อิ่มใจเหมือนกินอาหารที่ทำสดใหม่” “เราอยากทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดี”

Tag:

ชวนมาตุ้มมาโฮม (แปลว่ามาพร้อมหน้ากัน) กับอีกหนึ่งร้านอาหารอีสานรสเด็ดไวบ์ดีแห่งย่านอรุณอมรินทร์ ร้าน Kaenkrung อ่านว่า “แก่นกรุง” ร้านอาหารไทยอีสานร่วมสมัย ซึ่งเป็นร้านที่ต่อยอดมาจากร้าน “แก่น” ร้านอาหารท้องถิ่นชื่อดังที่จังหวัดขอนแก่น ร้านแก่นกรุงที่ฝั่งธนบุรีนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะเพิ่งได้รับการบรรจุเข้าทำเนียบมิชลินไกด์ 2025 มาหมาดๆ กับเมนูแนะนำ เห่าดง เมนูที่ถูกลืม หรือก็คือคอหมูย่างเนื้อนุ่มคลุกเคล้าสมุนไพรนานาชนิดได้อย่างถึงใจ ซึ่งนอกจากเมนูนี้ ทางร้านก็ยังมีอีกหลายจานอร่อยสไตล์ท้องถิ่นอีสานเพิ่มเติมความทวิสต์สร้างสรรค์เป็นรสชาติที่อร่อยโดดเด่นและรูปลักษณ์ที่ชวนกินไม่ซ้ำใคร เชฟจิ๊บ และ เชฟไพศาล เดินทางไปมาระหว่างร้านแก่นและแก่นกรุงแห่งนี้ พลางคัดสรรผลิตผลจากเกษตรกรท้องถิ่นอีสานมาเป็นวัตถุดิบปรุงอาหารและเครื่องดื่มให้ชาวเมืองได้ลิ้มลอง เราชื่นชอบในรสมือของเชฟทั้งสองที่ปรุงอาหารได้อร่อยนัวถึงรส แต่ก็ยังแฝงไว้ด้วยความละเมียดละไมในการเตรียมและการปรุงเป็นอย่างดี ออกมาเป็นจานอาหารที่สวยงามและถูกปากใครหลายๆ คนได้ไม่ยาก ถึงร้านแล้ว ก่อนอื่นเราอยากชวนให้เพิ่มความอยากอาหารด้วยเครื่องดื่มโฮมเมดสูตรพิเศษของทางร้านอย่าง คอมบุฉะ ที่หมักเองจากผลไม้ท้องถิ่นหลากหลายชนิด นำมาผสมเป็นม็อกเทลซาบซ่าชวนสดชื่น หรือค็อกเทลรสกลมกล่อม ก็ดื่มแกล้มมื้ออาหารได้อย่างลื่นคอ และยังอุดมด้วยโปรไบโอติกส์ที่ดีต่อลำไส้อีกด้วย นอกจากเครื่องดื่ม เครื่องปรุงและเครื่องเคียงหลายอย่างทางร้านก็ทำการหมักดองเองเช่นกัน สดชื่นแล้วก็มาเริ่มมื้ออาหารกันเลย แนะนำให้เริ่มจากจานเบาๆ อย่าง ลาบสับปะรดหมึกย่าง ที่จัดจานมาอย่างสวยงาม เนื้อหมึกหนึบๆ จับคู่กับสับปะรดหวานฉ่ำ ในน้ำลาบรสจัดจ้าน เป็นความลงตัวที่แปลกใหม่และสดชื่นมาก ตามด้วย กุ้งย่างเกลือซอสเพสโต โรยหน้าด้วยผักพื้นบ้าน กลิ่นรสจากสมุนไพรพื้นบ้านเสริมมิติให้เนื้อกุ้งที่หวานอร่อยและซอสเพสโตหอมมันมีรสชาติน่าสนใจขึ้น สายแซ่บนัวต้องพลาดไม่ได้กับ ตำมันแกวกุ้งย่าง มันแกวเนื้อกรอบฉ่ำน้ำปรุงรสอย่างเข้มข้นถึงใจ กินกับกุ้งย่างเพลินมาก และอีกจานเด็ด ตำเส้นเล็กกุ้งดอง ที่ทั้งแซ่บทั้งนัวถึงใจ เส้นเล็กเหนียวนุ่มดูดซับความอูมามิจากน้ำปรุงผสานกับเนื้อกุ้งหวานเด้งตัดสัผัสด้วยแคปหมูเคี้ยวกรอบ อร่อยซู้ดปากในทุกคำ มาถึงสำหรับกับข้าวกันบ้าง เริ่มด้วยจานยำที่ชวนสดชื่นอย่าง ยำส้มโอกะปิหวาน จากตราด ยำส้มโอรสกลมแฝงความสดชื่น ใส่ปูนิ่มทอดกรอบเพิ่มสัมผัสเคี้ยวสนุก ตามด้วย ผัดสายบัว ปลาหมึก ใส่มันปูนา รสนัวถึงใจ ปลาหมึกหอมย่างเตาถ่าน กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและแจ่วมะตูม หมึกหอมกลิ่นย่าง เนื้อแน่นและนุ่มเคี้ยวง่ายมาก และ ปลาทอดขมิ้น เนื้อนุ่มผิวนอกกรอบ อร่อยกับน้ำจิ้ม 3 อย่าง น้ำจิ้มซีฟู้ด แจ่วบักเลน และปลาร้ามาโย ผัดสามหอม ส้มหมู กุนเชียง วุ้นเส้นนุ่มเหนียวผัดกับส้มหมูรสกลมกล่อม ทอปด้วยไข่นุ่มและกุนเชียง มันลงตัวมาก ตามด้วย แกงเปรอะไก่ ผักซาวอย่าง ใส่ไข่ผำ แกงเปรอะรสเข้มแต่กลมกล่อม ผักแต่ละชนิดหั่นเต๋าชิ้นเล็กกินง่าย หรือหากอยากอิ่มง่ายๆ แนะนำ ก๋วยจั๊บอุบล อย่างคนญี่ปุ่น น้ำซุปเข้มข้นที่เคี่ยวจากกระดูกไก่ครึ่งวันอูมามิสุดๆ ปรุงแบบลาวอุบล กับซี่โครงตุ๋นจนนุ่ม เห็ดหูหนู และหน่อไม้แช่ซีอิ๊ว ชามนี้อุ่นท้องอุ่นใจสุดๆ หากจะบอกว่าอย่าเพิ่งอิ่มจะช้าไปไหม ที่นี่มีเมนูขนมหวานที่เราอยากให้ไม่พลาดกัน แม้มีเมนูไม่เยอะแต่อร่อยชวนสดชื่นทุกจาน ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีมสับปะรดโยเกิร์ต ใส่ฝรั่งสีชมพู รสเบาและสดชื่นมากๆ ตามด้วย เค้กมะตูม (จากตรอกมะตูมที่อยู่ข้างๆ ร้าน) เสิร์ฟกับไอศกรีมชาไทยหวานเย็นกำลังดี และกราโนล่าข้าวเม่ากรุบกรอบ ผสานกันได้อย่างลงตัว และ ไอศกรีมกาละแมร์ หนมเหนียว การจับคู่ที่สมบูรณ์แบบชวนให้นึกถึงความสุขในวัยเด็กเลยล่ะ เป็นอีกร้านอาหารไทยอีสานที่มีดีจนเราไม่อยากให้พลาดเลยล่ะ

ถนนทรงวาด กลายเป็นเส้นคึกคักแห่งปี ด้วยความที่มีสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ ให้กลิ่นอายของย่านการค้าจีน มีร้านค้าและร้านอาหารทยอยเปิดใหม่กันอยู่เรื่อยตามตรอกซอกซอยต่างๆ ซึ่งในปีนี้ตรอกที่ได้รับความนิยมตั้งแต่เปิดตัวจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจาก ตรอกโรงไม้ ทรงวาด   ตลอดข้างทางเต็มไปด้วยร้านมากมาย แต่เราเดินตรงดิ่งเพื่อไปหา Koh Crêperie ร้านลับที่เน้นเสิร์ฟเครปโฮมเมดทั้งหน้าคาวและหวาน เป็นเครปสไตล์ฝรั่งเศส ทำสดจานต่อจาน ทางร้านใช้แป้ง Teff นำเข้าจากเอธิโอเปีย เป็นแป้งจากธัญพืช ปลอดกลูเตน ตัวแป้งมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์นำมาทำเมนูอะไรก็อร่อย อย่าพลาด Charlie Koh เมนูใหม่ล่าสุดเป็นเครปชิ้นใหญ่ท็อปด้วยไข่ดาวและเยอรมันเบคอนโรล กินกับมะเขือเทศตากแห้งและสลัดเคียง เข้ากันได้ดีทีเดียว และ Koh’s Waffle คลาสสิกวาฟเฟิล เมนูของหวานจากแป้งเครปอบกรอบไส้คาราเมล ด้านนอกเคลือบด้วยช็อกโกแลตรสเข้มข้นโรยด้วยพิสตาชิโอ สำหรับเครื่องดื่มก็มีให้เลือกทั้ง Americano, Vanilla Latte และ Iced Chocolate เสิร์ฟในกระป๋องรีไซเคิล จะสั่งกินที่ร้านหรือซื้อกลับบ้านก็ได้เช่นกัน ก่อนกลับอย่าลืมเก็บภาพร้านสวยๆ ไปอวดลงโซเชียลเพราะทั้งภายนอกและภายในออกแบบตกแต่งสไตล์ฝรั่งเศสติดวินเทจนิดๆ ใช้โทนสีฟ้าอ่อนตัดสลับสีของปูนเปลือยจากโครงสร้างดั้งเดิมของอาคาร มาพร้อมชุดโต๊ะเก้าอี้เหล็กวินเทจ ช่วยเพิ่มความสวยหรู

ถ้าคุณกำลังหาโลเคชันชิคๆ สำหรับนัดรวมแก๊ง นัดเดตเบาๆ หรือดินเนอร์กับครอบครัว ที่ อาหารต้องอร่อย มีเมนูให้เลือกเพียบ บรรยากาศต้องได้ และ ที่จอดต้องไม่วุ่นวาย เราขอปักหมุด Byrd’s Nest CafeVino คาเฟ่กึ่งไวน์บาร์สุดอบอุ่นที่เสิร์ฟทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และมู้ดดีๆ ในบรรยากาศที่เหมือนแวะมาบ้านเพื่อน แต่เพื่อนคนนี้แค่เอ่ยชื่อ เราเชื่อว่าหลายคนต้องรู้จัก “พี่เบิร์ด” หรือ เบิร์ด-กุลพงศ์ บุนนาค หนึ่งในดูโอ้ขวัญใจยุค 80s “เบิร์ดกับฮาร์ท”  พี่เบิร์ดเล่าว่าเขาฝันไว้เสมอว่าจะมีพื้นที่เล็กๆ ที่ไม่ใช่แค่ร้าน แต่เป็นเหมือนห้องรับแขก ที่สามารถชวนเพื่อนๆ หรือแฟนเพลงมานั่งพูดคุยอย่างเป็นกันเอง พร้อมเสียงดนตรีสดๆ จึงนำแรงบันดาลใจจากรายการ Sunday Night Live ที่ทำร่วมกับพี่ฮาร์ทมาหลายปี รายการที่ผู้ชมรู้สึกถึงความอบอุ่นได้จากหน้าจอ จนหลายคนอยากมาเห็นของจริง ร้านในฝันของเขาไม่ได้หรูหราหรือใหญ่โต แค่เพียง เล็กพอให้ใกล้ชิด อบอุ่นพอจะพูดคุยกับทุกคนได้ทั่วถึง เมื่อมาเจอสถานที่แห่งนี้ โครงสร้างพร้อม พื้นที่เอาต์ดอร์สวย มีที่จอดรถสะดวกสบาย แถมยังอยู่ในซอยเดียวกับบ้านพี่เบิร์ด ทุกอย่างจึงลงตัวเหมือนภาพที่เคยวาดไว้ Byrd’s Nest CafeVino จึงถือกำเนิดขึ้น จากเพลงที่หลายคนเคยบอกว่าเศร้า เวลาไปคอนเสิร์ตร้องตามแล้วน้ำตารื้น แต่พอมาฟังเพลงเดียวกันในร้านนี้ กลับไม่มีใครร้องตามด้วยน้ำตา แต่ร้องด้วยรอยยิ้ม ไม่ใช่เพราะเพลงเปลี่ยน แต่เพราะหัวใจของคนฟังเปลี่ยน ทุกความรู้สึกยังคงอยู่ แต่ไม่ได้เจ็บอีกต่อไป มันกลายเป็น “ความคิดถึงที่มีรอยยิ้ม” ที่นี่จึงไม่ใช่แค่คาเฟ่ แต่เป็น “พื้นที่” สำหรับความทรงจำ อีกทั้งแผ่นเสียง กล้องฟิลม์ เฟอร์นิเจอร์ย้อนยุคที่จัดวางอยู่รอบร้าน ก็เป็นมากกว่าของตกแต่ง แต่มันคือเรื่องราวที่ย้อนคิดถึงแล้วอิ่มเอมหัวใจ นอกจากบรรยาศอบอุ่นและกลิ่นอายย้อนยุคที่ช่วยรีเฟรชใจ ร้านพี่เบิร์ดยังเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย อาทิ สลัดมะเขือเทศกับบูราต้าชีส ชูโรงด้วยบูราต้าชีสก้อนกลม เพียงใช้ส้อมแตะเบาๆ ชีสด้านในจะค่อยๆ แตกตัวออกมา เนื้อในนุ่มละมุน หอมมัน เพิ่มความสดชื่นด้วยมะเขือเทศและผักสด กลิ่นหอมของน้ำมันมะกอกและสมุนไพร ยิ่งขับรสให้กลมกล่อม ชวนให้ตักคำถัดไปแบบไม่รู้ตัว กุ้งย่างเคจุนกับซัลซ่ามะม่วงและพีช กุ้งย่าง เนื้อกรอบเด้ง คลุกเคล้ากับเครื่องเทศเคจุนรสจัดจ้านที่มีกลิ่นหอมและรสชาติเผ็ดร้อนนิดๆ ช่วยกระตุ้นต่อมรับรส ความพิเศษของจานนี้คือการจับคู่กับซัลซ่ามะม่วงและพีชที่ช่วยเสริมรสชาติให้โดดเด่นยิ่งขึ้น โทสต์แซลมอนรมควันอะโวคาโดและไข่ Comfort food ที่ทั้งเฮลตี้และดีต่อใจ โทสต์กรอบนอกนุ่มใน ท็อปด้วยอะโวคาโดที่เข้าคู่กับแซลมอนรมควันหอมๆ รสเค็มนุ่มกำลังดี ปิดท้ายด้วยไข่ยางมะตูมเยิ้มๆ สลัดเนื้อย่างพิคานญ่า เนื้อพิคานญ่าย่างไฟจนได้กลิ่นหอมอบอวล เนื้อฉ่ำ นุ่มกำลังดี มีไขมันแทรกบางๆ แบบละลายในปาก เสิร์ฟอุ่นๆ บนผักสลัดสดกรอบ พร้อมน้ำสลัดรสเปรี้ยวเค็ม ช่วยเบรคความมันและเสริมรสในทุกคำที่เข้าปาก สลัดแซลมอนย่างกับสลัดฟักทองควินัว แซลมอนย่าง หนังกรอบแต่เนื้อในยังนุ่มฉ่ำ วางบนผักสดหลากสี ควินัว และฟักทองย่าง เพิ่มความกรุบด้วยถั่วและธัญพืช ราดน้ำสลัดเปรี้ยวหวานกำลังดี เพนเน่ซีฟู้ดซอสไทยเพสโต้ เพนเน่ลวกมาพอดี เคลือบซอสเพสโต้ที่ไม่ได้หอมแค่โหระพา แต่ยังหอมเครื่องสมุนไพรไทย จากนั้นเสริมทัพด้วยซีฟู้ดแน่นๆ ทั้งกุ้งตัวโต หมึกชิ้นหนา และหอยแมลงภู่ ครบรสทั้งเผ็ด หอม มัน เค็ม กลมกล่อมแบบมีมิติ สปาเก็ตตี้รมควันผัดพริกกระเทียมน้ำมันมะกอก เส้นสปาเก็ตตี้ลวกมาแบบอัลเดนเต้ ผัดด้วยน้ำมันมะกอก ที่ส่งกลิ่นหอมชวนหิวผสานไปกับกลิ่นหอมกรุ่นของพริกแห้ง ปรุงรสเผ็ดร้อนปลายลิ้น เห็นสีสันจัดจ้านแบบนี้แต่กินได้สบายปาก ของคาวว่าเด็ดแล้ว ของหวานก็ไม่ควรพลาด โดยเฉพาะเค้กร้านนี้อร่อยจริงทุกคำ   *พิเศษ! รับส่วนลด 10% เพียงแสดงบทความรีวิวนี้กับทางร้าน

Tag:

เริ่มต้นมื้อสายวันอาทิตย์ให้สุดแกลมกับ Nobu Bangkok Sunday Brunch บุฟเฟต์มื้อสายสุดพรีเมียมแห่งใหม่ล่าสุด ที่อัดแน่นด้วยหลากหลายเมนูอาหารญี่ปุ่นผสมผสานสไตล์เปรูเวียน ไม่ว่าจะเป็น ซูชิ ซาชิมิ มากิโรล ทาโก้ ซีฟู้ดพรีเมียม รวมถึงหลากหลายเมนูซิกเนเจอร์ของโนบุปรุงสดใหม่จากครัวร้อนอย่างครบครัน โอบล้อมในบรรยากาศสนุกสนานด้วยเสียงดนตรีจากดีเจ และวิวตระการตาของตึกระฟ้าใจกลางกรุง จัดขึ้นเพียงเดือนละครั้งที่ร้าน โนบุ กรุงเทพฯ (Nobu Bangkok) ชั้น 57 โครงการ EA (เอญ่า) Rooftop at the Empire อาคารเอ็มไพร์ สาทร หลังจากเสิร์ฟความอร่อยแบบพรีเมียมทั้งมื้อค่ำและมื้อกลางวันเอาใจคนรักอาหารญี่ปุ่นในกรุงเทพฯ มาร่วมปี ก็ไได้เวลาสัมผัสบรรยากาศใหม่จากห้องอาหารระดับโลก “โนบุ” อีกครั้ง ในรูปแบบของบุฟเฟต์มื้อสายเคล้าเสียงดนตรี ที่จะจัดขึ้นทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน เตรียมท้องมาให้พร้อมเพราะไลน์บุฟเฟต์ของที่นี่อัดแน่นด้วยเมนูอร่อยคุณภาพพรีเมียม พร้อมด้วยเครื่องดื่มหลากหลายให้เลือกอร่อยจุใจได้ตามแพ็คเกจ ไฮไลท์ต้องที่มุม ซาชิมิ มากิโรล และนิกิริ ที่เรียงรายหลากหลายหน้า ไม่ว่าจะเป็นทูน่า ฮามาจิ แซลมอน โฮตาเตะ ปลาไหลย่าง อะโวคาโด รวมทั้งมากิโรลไส้ต่างๆ และจานซาชิมิที่เป็นซิกเนเจอร์ อาทิ Yellowtail Jalapeno ฮามาจิสไลซ์บางในซอสโชยุซิตรัส ตามด้วยมุมซีฟู้ดพรีเมียม ทั้งหอยนางรมสด หอยเชลล์เนื้อแน่น และล็อบสเตอร์แกะ เสิร์ฟกับซอสหลากหลายสไตล์ ตามด้วยสลัดรสสดชื่น สลัดปลาดิบ ทาโก้สไตล์โบนุหลากหลายไส้ และข้าวปั้นทอดเสิร์ฟกับทอปปิ้งต่างๆ อาทิ ทูน่าสไปซี แซลมอนสไปซี ทุกโต๊ะมาพร้อมเมนูของกินเล่น ได้แก่ ข้าวโพดอ่อนย่างมิโสะหอมๆ ถั่วแระญี่ปุ่น และซุปมิโสะรสกลมกล่อม ในคอร์สยังเลือกสั่งอาหารจานหลักจากครัวร้อนได้ 1 รายการ ไม่ว่าจะเป็น แบล็คคอตมิโสะ เมนูปลาที่เป็นซิกเนเจอร์ของโนบุ หรือ เทมปุระกุ้งร็อคซอสครีมสไปซีกินเพลิน เนื้อวากิวชอร์ตริบส์วาซาบิซัลซ่านุ่มละลายในปาก อย่าลืมเก็บท้องไว้เผื่อมุมผลไม้และของหวานที่อัดแน่นด้วยความอร่อยจากเชฟขนมหวานของโนบุ อาทิ โฮจิฉะแคร็มบรูเล่ เอแคลร์โยเกิร์ตส้มโอ เค้กกล้วย และของหวานอีกมากมาย โนบุ ซันเดย์ บรันช์ มีให้เลือก 3 คอร์ส ได้แก่ Non-Alcoholic Baverage 2,500++ บาท พร้อมเครื่องดื่มซอฟต์ดริงค์ ชาเขียว และม็อกเทล Nobu Bangkok Selection 2,990++ บาท พร้อมสปาร์คกลิ้งไวน์ ไวน์ขาว ไวน์แดง และเบียร์ Enhanced Nobu Selection 3,990++ บาท เพิ่มเครื่องดื่มแชมเปญ สาเกจุนไมกินโจ และสาเกค็อกเทล ให้บริการทุกวันอาทิตย์แรกของเดือนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป ระหว่างเวลา 11.00 – 15.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร 0-2407-1654

แกงสด (Gaengsod) ร้านอาหารไทยที่ครบเครื่องเรื่องพริกแกง ตำสดชามต่อชาม เพราะอยากให้ทุกคนคิดถึงวันวานของเสียงสากกระทบกับครก ทางร้านตั้งใจนำเสนอความพิถีพิถันของภูมิปัญญาโบราณ ใส่ใจในรายละเอียดตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบถึงขั้นตอนการทำ จุดเด่นอยู่ที่รสชาติและรสสัมผัสของเครื่องแกงที่มีความหอม เข้มข้น และครบรส ตำให้เห็นกันสดๆ บริเวณหน้าร้านซึ่งเป็นครัวเปิด นอกจากนี้แต่ละเมนูยังรังสรรค์ด้วยวัตถุดิบออร์แกนิกท้องถิ่นจากทั่วภูมิภาคของไทย แนะนำ ปั้นสิบปลาช่อน เป็นปั้นสิบแบบนึ่งสอดไส้ปลาช่อนนาผัดกับสามเกลอ ต่อด้วย ทองม้วนกรอบกระฉีกปู ด้านในเป็นไส้ปูผัดกับเครื่องเทศหอมๆ ห่อด้วยแป้งทองม้วนกรอบท็อปด้วยศรีราชามาโย ตามด้วย พล่าอกเป็ดลมควันกับมะเขือเหลืองหอมเผา น้ำยำอร่อยครบรสคลุกเคล้ากับเครื่องสมุนไพรไทยกินกับอกเป็ดนุ่มๆ อย่าพลาด ไข่เจียวหม้อปู ฟูลาวา ทอดจนกรอบนอกนุ่มใน มีไข่เป็ดลาวาไหลเยิ้มด้านในกินกับซอสพริกศรีราชาเข้ากันมาก หรือจะเป็น ฉู่ฉี่ปลาทูแม่กลอง ปลาทูนึ่งเลาะก้างเรียบร้อยราดด้วยพริกแกงแดงน้ำขลุกขลิกแตกมัน ได้รสกลมกล่อม ยิ่งตักกินคู่ ข้าวสังข์หยด ข้าวเมล็ดเล็กเรียว เสิร์ฟมาร้อนๆ บอกเลยว่าฟิน ใครชอบกินข้าวกล้อง ทางร้านมี ข้าวกล้อง กข43 เสิร์ฟ ไม่ว่าจะกินกับอะไรก็เข้ากันแถมดีต่อสุขภาพด้วย อย่าพลาด เขียวหวานปลาหมึกผัดแห้งไข่แดงเค็ม รสชาติถึงพริกถึงใจ นัวๆ เค็มๆ จากไข่แดงเค็ม ต่อด้วย แกงหมูส้ม แกงโบราณ มีรสเปรี้ยวเล็กน้อย กินกับหมูสามชั้นและกุ้งตัวโต อร่อยทีเดียว ถัดมาคือ แกงมัสมั่นเนื้อ มีความเข้มข้น รสกลมกล่อม หอมเครื่องเทศชัดเจน กินกับเนื้อเปื่อยเข้ากันมาก ต่อด้วย ปลาอินทรีย์ราดพริกแบบโบราณ ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์จากพริกแกงที่ทำจากพริกชีฟ้า รสจัดจ้าน ผสมความอร่อยครบรสจากปลาอินทรีย์ทอดกรอบๆ ปลาร้าผัดทรงเครื่อง ตำรับสายเยาวภา รสชาติกลางๆ กินง่าย ไม่เผ็ดมาก และไม่มีกลิ่นคาว หอมเครื่องสมุนไพรแบบเน้นๆ ทองม้วนสองใจไส้สังขยาข้าวโพดและสังขยาใบเตย ได้รสหวาน มีกลิ่นหอมนวลๆ จากน้ำนมมะพร้าวที่ทำเป็นไส้สังขยาทั้ง 2 รสชาติ ขนมต้มมะพร้าวอ่อนอัมพวา เสิร์ฟชิ้นใหญ่ มีความเหนียวหนุบหนับ ให้รสหวาน หอมกลิ่นมะพร้าว เนื้อมะพร้าวขูดไม่หนาและไม่เล็กจนเกินไป ช่วยชูให้ขนมต้มอร่อยกว่าเดิม สำหรับเครื่องดื่มแนะนำเป็น น้ำเหง้าใบเตย ให้กลิ่นหอมกว่าน้ำใบเตยปกติทั่วไป ล้างปากได้ดี น้ำมะตูม ช่วยดับกระหายและคลายร้อนได้ดี และสุดท้าย น้ำอัญชันมะนาว รสเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่น ช่วยตัดความเลี่ยน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายเมนูให้ไปลองชิมเครื่องแกงตำสด ใครชื่นชอบอาหารรสจัด แนะนำเลย

คนรักอาหารจีนต้องมีร้องว้าวกันบ้างแหละงานนี้ เพราะ Savio ห้องอาหารบุฟเฟต์ชื่อดังแห่ง Chatrium Grand Bangkok มีจัดโปรโมชั่น 7 วัน 7 ธีมอาหาร หมุนเวียนเปลี่ยนกันไม่ซ้ำ (โดนใจสายกินเป็นอย่างยิ่ง) ครั้งนี้เราได้มาชิมในวันศุกร์ ซึ่งเขามาในธีม Dynasty Nights บุฟเฟต์อาหารจีน-มองโกเลีย ที่จัดเต็มทั้งจานอร่อยสไตล์จีนคาวและหวาน 50 กว่าเมนู พร้อมเสิร์ฟมาในราคาเพียง 1,499 บาทต่อท่าน (รวมเครื่องดื่มฟรีโฟลว์) พร้อมให้บริการแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เมนูแรกขอลองเป็นคาราวานของทอดต่างๆ อย่าง ขนมผักกาด เนื้อแน่นนุ่ม ที่เชฟผสมกุ้งเนื้อเด้งลงไปด้วย ขนมกุยช่าย ทอดเกรียมๆ ส่งกลิ่นหอม แป้งบางกริบ กินเพลิน ก้ามปูทอด ชิ้นอวบใหญ่ จุใจคนรักปู ต่อด้วย ขนมงาทอดไส้ถั่วแดง แป้งเนื้อนุ่มหนึบ เข้ากันดีกับไส้ถั่วแดงรสหวาน ซาลาเปาหิมะ ก็น่าสนใจ ซาลาเปาทอดไม่อมน้ำมัน ผิวภายนอกกรอบนิดๆ สอดไส้หมูแดงรสหวานปนเค็ม ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้ง ก็ดีงาม ได้ทั้งความกรอบและความนุ่มของแป้ง สอดไส้กุ้งเนื้อเด้งหวาน จิ้มซอสรสกลมกล่อม ยังมี ทาร์ตไข่ ร้อนๆ ชิ้นอวบๆ รสหวานพอเหมาะ ขาดไม่ได้กับ ไก่แช่เหล้า เมนูเรียกน้ำย่อยสไตล์จีน ไก่เนื้อแน่น ไร้กลิ่นสาปเพราะราดเหล้าจีนอย่างดี หูหมูแก้ว เนื้อนุ่มเด้ง ก็รสชาติดีไม่แพ้กัน หรือจะเป็น แมงกระพรุนน้ำมันงา แมงกะพรุนกรุบกรอบ คลุกเคล้ากับน้ำมันงาหอมฉุย สลัดหอยเป๋าฮื้อ ที่หลายคนเลิฟก็มา หอยเป๋าฮื้อเลอค่าเนื้อนุ่ม คลุกเคล้ากับน้ำมันพริกรสเผ็ดเล็กๆ ตามด้วย ติ่มซำโฮมเมดลูกโตๆ ทั้ง ฮะเก๋า แป้งบางไส้กุ้งแน่น ฮะเก๋าป๋วยเล้ง ฮะเก๋าไส้กุ้งเนื้อหวาน ผสมป๋วยเล้ง ผักมากประโยชน์ ขนมจีบล็อบสเตอร์ เนื้อแน่นเต็มคำ ผสมกลิ่นน้ำพริกอ่อนๆ ซาลาเปา ลูกอวบขาวที่มีทั้งไส้หมูแดง หมูสับ และไส้ครีมรสหวานมัน จริงจังขึ้นมาหน่อยขอยกให้เมนูบาร์บีคิวต่างๆ เนื้อวัวมองโกเลียย่าง เนื้อวากิวชุ่มฉ่ำ อาบน้ำบาร์บีคิวรสหวานปนเผ็ด เติมเครื่องเล็กน้อย ก่อนนำไปย่างเตาถ่านให้หอม เป็ดย่าง เนื้อแน่น หนังกรอบ ครบสูตรความอร่อย หมูแดงย่าง เนื้อนุ่มฉ่ำหวาน ราดซอสสูตรเด็ดดวง ถัดมาที่ หมูกรอบก็เย้ายวนใจ หมูกรอบเนื้อเยอะฉ่ำมัน กินกับน้ำจิ้มหวานก็ดี ซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยวก็โดน เนื้อมองโกเลียผัด เนื้อวากิวฉ่ำๆ ผัดพร้อมซอสสูตรลับรสเผ็ดร้อนแรงพอเหมาะ ข้าวอบใบบัว หอมกรุ่น รสนุ่มนวล ขาดไม่ได้กับ เป็ดปักกิ่ง รสชาติดี หั่นกันสดๆ เสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ ก่อนปิดท้ายของคาวด้วยซุปสไตล์จีนประจำวันที่จะหมุนเวียนกันไป มีทั้ง ซุปพระกระโดดกำแพง ซุปเสฉวน ซุปกระเพาะปลา ซุปไข่ขาว เป็นต้น ก่อนล้างปากด้วยของหวานสไตล์จีนสุดปัง ตัวแรกเลยคือ ขนมไหว้พระจันทร์ มูนเค้กโฮมเมดหลากหลายไส้มีมาให้เลือกฟินไม่อั้นแล้วที่นี่ บัวลอยน้ำขิง บัวลอยไส้งาดำรสหวานมัน อยู่ในน้ำขิงเข้มข้น คุกกี้อัลมอนด์ หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของเชฟ คุกกี้กรุบกรอบกินเพลิน ได้รสครีมมีจากถั่วอัลมอนด์อย่างดี และ พุทราทอด ทั้งกรอบทั้งหวาน รสชาติที่คุ้นเคย ใครเป็นสายหวานจะเพิ่มเติมด้วยไอศกรีม Häagen-Dazs ก็ไม่ว่ากัน

ใครเป็นสาวกอาหารฝรั่งเศสต้องถูกใจ ‘เมนูใหม่’ ตำรับอาหารฝรั่งเศสของ Brasserie 9 แน่นอน ร้านอาหารฝรั่งเศส Authentic ขนานแท้ที่ตั้งอยู่ในซอยสาทร 6 ตัวร้านเป็นบ้านสไตล์โคโลเนียลสีขาวกว้าง ล้อมรอบด้วยสวนสวยร่มรื่น นอกจาบรรยากาศรื่นรมย์แล้วยังเมนูอร่อยจากเชฟใหญ่มากฝีมืออย่างเชฟ Hervé Frerard เชฟชาวฝรั่งเศสเจ้าของประสบกาณ์กว่า 30 ปีจากร้านและโรงแรมชื่อดังทั่วทั้งเมืองนิวยอร์ก แอสเพนและไทเป นอกจากนี้เขายังเคยได้รับเกียรติในการปรุงอาหารให้กับบุคคลสำคัญอย่าง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และประธานาธิบดีฟร็องซัวส์ มิตเตอร์รองด์ การันตีได้เลยว่าทุกเมนูของ Brasserie 9 เต็มไปด้วยความอร่อยยากจะลืมเลือน เช่นเดียวกับเมนูใหม่ในครั้งนี้ที่พร้อมให้สายฟู้ดลิ้มลอง ต้อนรับด้วย Alaska Blue Crab Cake เค้กปูร้อนฉ่า สีเหลืองทองน่าอร่อยนี้อัดแน่นไปด้วยปูอลาสก้าเนื้อหวาน ท็อปด้วยซอสครีมสูตรเฉพาะผสมกับฮอร์สแรดิช เครื่องเทศรสเผ็ดร้อนนิดๆ กินเพลิน ตามด้วย Burgundy Snails ซิกเนเจอร์ประจำจานอร่อยสไตล์ฝรั่งเศส หอยทากเนื้อนุ่มหนึบจากแคว้นเบอร์กันดี เข้ากันดีกับสมุนไพรนานาพันธุ์ เติมรสครีมมีหอมกลิ่นนัตตี้ด้วยชีสกรูแยร์ Pâté en Croûte Richelieu ชาร์กูเตอรีสไตล์ฝรั่งเศสที่สายฟู้ดต่างก็หลงรัก แป้งพายกรุ่นกลิ่นเนย ห่อหุ้มเนื้อหมูบดผสมตับห่าน เติมกลิ่นหอมด้วยเนยพาสลีย์ ก่อนตัดเลี่ยนด้วยมัสตาร์ดและพริกไทยอ่อน French Onion Soup ซุปหัวหอมสไตล์ฝรั่งเศส ที่ได้รสหวานเข้มข้นจากหัวหอมคาราเมล และน้ำสต๊อกกระดูกวัว ท็อปด้วยชีสกรูแยร์ครีมมีเช่นเคย Chicken Cordon bleu ไก่อารมณ์ดีจากฟาร์มคลองไผ่ เนื้อนุ่มแน่น สอดไส้แฮมปารีสรสกลมกล่อม และชีสกรูแยร์ครีมมีเยิ้มๆ ก่อนราดด้วยซอสสมุนไพรใส่ครีม ตามมาติดๆ กับ Wood-Fired Spanish Octous ปลาหมึกฟรีแมนเทิลเนื้อนุ่มหนึบจากออสเตรเลีย กินคู่ริซอตโต้ผัดพร้อมฟักทองบัตเตอร์นัต ตัดด้วยรสเปรี้ยวสดชื่นของมะเขือเทศ ก่อนเข้าคู่คาราวานจานหลักอย่าง Wagyu Beef Cheek เอาใจคนรักเนื้อด้วยแก้มวัวคุณภาพเนื้อฉ่ำใน ที่คุกเป็นเวลานานกว่า 1 วัน กินคู่ซอสไวน์แดงรสหวานกลมกล่อม ไม่เลี่ยนแต่อย่างใด ห้ามพลาด Duck Confit ขาเป็ดอารมณ์ดีอวบๆ จากฟาร์มคลองไผ่ ตุ๋นในน้ำมันและสมุนไพรนานาพันธุ์ เสิร์ฟพร้อมซอสไวน์แดงและผักย่าง หลายคนเลิฟ Tajima Wagyu สเต็กเนื้อโกเบ A5 ลายหินอ่อนสุดเลอค่า ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเนื้อยอดเยี่ยมที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น คุกด้วยความสุกระดับมีเดียมแรร์ เข้าคู่ซอสเนยสมุนไพรสไตล์ฝรั่งเศสรสเค็มเล็กๆ เมนูสุดท้ายของจานหลักคือ Chicken With Potato ไก่อบสไตล์ฝรั่งเศสแสนอร่อย ที่เชฟใช้ไก่อารมณ์ดีตัวอ้วนจากฟาร์มคลองไผ่ เนื้อนุ่มฉ่ำ อบพร้อมมันฝรั่งเนื้อแน่น  เบคอน หัวหอม เพิ่มความเย้ายวนด้วยกลิ่นของใบไทม์ ในส่วนของขนมหวานก็ฟินไม่แพ้กัน เมนูแรกคือ Crêpes Suzette แป้งเครปเนื้อนุ่มหนึบ ที่ชุ่มไปด้วยซอสส้มสูตรลับที่เชฟใส่ผิวมะนาวลงไปด้วย ก่อนเบิร์นกับเหล้ากร็องมาร์นีเย เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลาโฮมเมด Soufflé ซูเฟล์เนื้อพองฟู หอมกลิ่นวานิลลาผสมกับเหล้าส้ม เสิร์ฟคู่ไอศกรีมวานิลลาโฮมเมดเช่นเคย ไปต่อกับ Chocolate Tart ทาร์ตดาร์กช็อกโกแลตรสเข้มข้น ด้านในสอดไส้ดาร์กช็อกโกแลตลาวาเยิ้มๆ เพิ่มความกรุบกรอบด้วยถั่วพิตตาชิโอด้านบน กินพร้อมไอศกรีมพิตตาชิโอโฮมเมดรสสดชื่น ก่อนส่งท้ายกับ Millefeuille ขนมอบสไตล์ฝรั่งเศสชิ้นมินิ พอดีคำ ให้คุณอร่อยกับแป้งพายสามชั้นเรียงสลับกับคัสตาร์ดวานิลลา อร่อยแบบนี้ใครจะห้ามใจไหว

เป็นหนึ่งในร้านคิวยาวที่ใครๆ ก็อยากลิ้มลองจริงๆ สำหรับ “Maison Roru” ร้านซูชิแฮนด์โรลในโครงการ Velaa Sindhorn Village Langsuan ของคุณปลา อัจฉรา แห่ง iberry Group แท็กทีมมากับมาซาโตะ ชิมิสุ เชฟญี่ปุ่นฝีมือขั้นเทพเจ้าของร้าน Sushi Masato ร่วมกันรังสรรค์ Maison Roru ที่แปลว่า ‘บ้านแห่งโรล’ เพิ่อนำเสนอซูชิแฮนด์โรลปั้นสด รสชาติเข้าถึงง่ายจากวัตถุดิบพรีเมี่ยมแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย เช่นเดียวกับร้าน Sushi Masato เรียกได้ว่าเหมือนกันทั้งสูตรข้าวญี่ปุ่น สาหร่าย และโชยุโฮมเมดของเชฟมาซาโตะ เลยทีเดียว แถมมาในราคาที่น่ารักคุ้มค่า เริ่มต้นเพียง 690-990 บาท (4 โรล) ส่วน 5 โรลจะอยู่ในราคา 1,290 บาท หากอยากจัดเต็มต้อง 7 โรล ราคา 1,990 บาท หรือใครจะเลือกเป็นคอร์สโอมากาเสะ (2,650 บาท) ก็ย่อมได้ นอกจากจะได้เอ็นจอยกับซูริแฮนด์โรลแบบเต็มอิ่มแล้ว ยังบวกด้วยบรรยากาศ Vibe ดีๆ สไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น เคาน์เตอร์ไม้สามารถมองเห็นทีมเชฟทำงานเพลินๆ เข้าคู่ผนังหินแกรนิตสีนวลผิวธรรมชาติที่มองดูแล้วสบายตา เรียกน้ำย่อยด้วย Marinated Tomatoes with Yuzu Jelly & Granita มะเขือเทศหมักบัลซามิกรสเปรี้ยวสดชื่น กินพร้อมเจลลี่ยูซุเนื้อเด้ง และกรานิต้าชื่นใจ ตามด้วย Hamachi Carpaccio ปลาฮามาจิคาร์ปัชโช ที่เสิร์ฟมาในรูปแบบซูชิแฮนด์โรล ได้สัมผัสนุ่มเด้งของปลาฮามาจิ เข้ากันดีกับน้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชูสไตล์อิตาเลียน และโชยุโฮมเมดรสกลมกล่อม ก่อนเริ่มต้นซูชิแฮนด์โรลแบบจริงจังกับคำแรกอย่าง Amaebi , Hotate, Tobiko & Yuzu ความอร่อยที่ได้จากการรวมตัวของกุ้งหวานญี่ปุ่นเนื้อเด้ง โฮตาเตะเนื้อหวาน เพิ่มสัมผัสเคี้ยวเพลินด้วยไข่ปลาโทบิโกะ ปิดท้ายด้วยความเปรี้ยวสดชื่นของซอสยุซุที่เรารัก ต่อกับ Toro Taku สำหรับคนรักทูน่าโดยเพราะ เพราะมีทั้งทูน่าสับเนื้อสด ตัดด้วยรสหวานของไชเท้าดองโฮมเมด ท็อปด้วยอากามิ (เนื้อทูน่าส่วนไร้ไขมัน) อีกที หลายคนเลิฟ Madai & Ume Shiso  ปลากะพงแดงญี่ปนุเนื้อนุ่มหวาน ทาด้วยซอสบ๊วยรสเปรี้ยวกลมกล่อม ผสานกับโชยุสูตรลับของเชฟมาซาโตะ กินเพลินอย่าบอกใคร อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ห้ามพลาดคือ Ankimo, Uni & Caviar เปลี่ยนจากสาหร่ายมาเป็นแป้งเทมปุระกรุบกรอบ เข้าคู่ตับปลาอังโกะ เนื้อแน่นครีมมี สมฐานะฟัวกราส์แห่งท้องทะเล ก่อนท็อปอูนิจากเกาะฮอกไกโดคำโตๆ รสหวาน และคาเวียร์สุดเลอค่า ซูชิแฮนด์โรลชิ้นสุดท้ายคือ Unagi ปลาไหลญี่ปุ่นชิ้นใหญ่ย่างเตาถ่าน เนื้อนุ่มฉ่ำใน จุใจนักกินเป็นที่สุด ไปด้วยกันได้ดีกับซอสรสหวานพอเหมาะ โรยหน้าด้วยต้นหอม ก่อนตัดเลี่ยนด้วยซุปมิโซะโฮมเมด รสเข้มข้น จบมื้อนี้อย่างสมบูรณ์ด้วย Matcha Ice – Cream with Azuki ไอศกรีมมัตฉะทำเองเนื้อนุ่มหนึบ รสหวานพอดี กลิ่นหอมกรุ่น เสิร์ฟเคียงถั่วแดงกวนโฮมเมดรสหวานฉ่ำ ใครชอบซูชิแฮนด์โรลต้องมีกลับมาซ้ำเป็นแน่

ใครที่ชื่นชอบอาหารใต้รสจัดจ้านเผ็ดร้อนถึงเครื่องของร้าน ปากนัง ตอนนี้ทางร้านยกครัวมาสู่ย่านสุขุมวิทแล้ว และยังคงคอนเซ็ปต์เครื่องแกงสูตรคุณยายละมูล ตำนานแห่งเมืองปากพนัง ที่ขึ้นชื่อเรื่องดีกรีความร้อนแรงจากรสชาติแบบใต้แท้ๆ ที่ใครกินแล้วต้องแอบเป่าปาก สำหรับสาขาใหม่นี้ตัวร้านยังรักษาดีไซน์คล้ายเดิมเอาไว้ บรรยากาศภายในร้านจึงมีความอบอุ่นชวนฝัน ประดับด้วยงานศิลปะต่างๆ มีความย้อนยุคเล็กน้อยแต่ก็แฝงไว้ด้วยความโมเดิร์น ใช้คู่สีสบายตา จะมองมุมไหนก็น่านั่งไปหมด ส่วนอาหารเป็นสูตรปักษ์ใต้ที่ประยุกต์มาจากรสมือของคุณยายละมูน โดยจะมีเครื่องแกงรสจัดจ้านเป็นวัตถุดิบตั้งต้นของทุกจานที่เสิร์ฟ อย่าพลาด แกงเหลืองปลากะพงมังคุดคัด น้ำแกงส้มรสกลมกล่อม มีความเปรี้ยว เผ็ด เค็ม ตัดด้วยรสหวานของมังคุด กินกับเนื้อปลากะพงชิ้นใหญ่พร้อมข้าวสวยร้อนๆ เข้ากันได้ดีมาก ต่อด้วย น้ำพริกสามสหาย สำรับน้ำพริกซิกเนเจอร์สูตรคุณยาย ประกอบด้วย น้ำพริกกะปิสุดเข้มข้น น้ำพริกหยำกุ้งสับ และน้ำพริกไตปลาแห้ง มาพร้อมเครื่องแนมตำรับใต้ทั้งของทอด ผักสด และผักต้ม เสิร์ฟพอชชันใหญ่ แนะนำให้พาเพื่อนมากินด้วย ตามด้วย หมี่ปากนัง เส้นเล็กผัดกับเครื่องแกงรสเปรี้ยวหวาน ท็อปด้วยกุ้งย่างตัวโต เข้ากันมาก และ คั่วแห้งเนื้อกะพง เนื้อกะพงหั่นเต๋าทอดจนกรอบก่อนคลุกเคล้าพริกแกงกะทิ คั่วจนแห้ง ให้รสเผ็ดร้อนจัดจ้านถึงใจ เบรกรสเผ็ดด้วย กล้วยไข่เชื่อมราดกะทิ เสิร์ฟคู่ไอศกรีมกะทิสดรสนวลๆ เพิ่มความหวานด้วยกล้วยเชื่อมเนื้อนุ่ม กินเพลินๆ จนหมดจาน อย่าลืมสั่ง น้ำปาหนัน เครื่องดื่มรสเปรี้ยวอมหวานที่ได้จากน้ำอัญชันมะนาว มาตัดรสเผ็ด และ ชาไทยโบราณ หอมกลิ่นชาใต้ เสิร์ฟกับน้ำแข็งป่น มีเนื้อเฉาก๊วยให้เคี้ยวเพลิน

ร้านอาหาร Viu (วูวร์) บนชั้น 12 ของโรงแรมระดับ 5 ดาว อย่างเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ (The St. Regis Bangkok) จัดว่าขึ้นชื่อเรื่องอาหารเมดิเตอร์เรเนียนรสเลิศ ท่ามกลางวิวชวนผ่อนคลายของสนามกอล์ฟราชกรีฑาสโมสรที่ทำให้แขกไปใครมาก็ต้องหาโอกาสแวะขึ้นไป เมนูอร่อยของที่นี่เป็นฝีมือของเชฟชาวอิตาเลียน “มาเตโอ ฟอนทานา” ผู้ทำตามความฝันในวัยเด็กอันได้แรงบันดาลใจมาจากคุณยาย ทำให้เขามุ่งหน้าออกเดินทางหาประสบการณ์ทำงานครัวในร้านอาหารรางวัลมิชลินและร้านชั้นนำมาแล้วหลายประเทศ เช่น ร้าน Duomo (มิชลิน 2 ดาว) และ ร้าน Il Luogo di Aimo e Nadia (มิชลิน 2 ดาว) ประเทศอิตาลี ร้านในเครือ Le Cirque ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และอินเดีย ร้าน Da Vittorio (มิชลิน 3 ดาว) ประเทศโปรตุเกส ก่อนจะมารับหน้าที่หัวหน้าเชฟของร้านอาหารวูวร์แห่งนี้ เทคนิคการคิดสูตรอาหารแต่ละเมนูของเชฟมาเตโอคือการนำวัฒนธรรมอาหารของอิตาลีที่มีอยู่แต่เดิมมาพัฒนา ดัดแปลงด้วยความละเอียดอ่อนและตามสมัยนิยมมากขึ้น ทำให้รสชาติยังคงความเป็นต้นตำรับแต่รูปลักษณ์อาจจะดูแปลกใหม่มากขึ้น เมนูที่เชฟแนะนำล้วนแต่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านทั้งสิ้น Homemade Braised Duck Leg Ravioli ราวิโอลีคอมฟอร์ตฟู้ดที่คนอิตาเลียนหลายบ้านมักทำกินกัน เมนูนี้สอดไส้ขาเป็ดที่ตุ๋นจนนุ่ม ซึ่งเชฟคุ้นเคยจากการช่วยคุณยายทำมาตั้งแต่ 6 ขวบ แล้วจึงนำมาผสมผสานเทคนิคสมัยใหม่ ทำให้หน้าตาดูน่ากินขึ้นด้วยโฟมกระเทียมสีเขียว Filetto di Manzo “alla Rossini” หรือสเต๊กเนื้อสันในสไตล์อิตาเลียน ไล่เรียงเป็นชั้น จากฐานคือขนมปัง ตรงกลางคือเนื้อพรีเมียมชิ้นหนา เนื้อนุ่ม ปิดท้ายด้วยฟัวกราส์ แล้วราดซอสเสต็กเนื้อทำเองกับเห็ดทรัฟเฟิลสไลด์บาง Vitello Tonnato เมนูเด็ดจากแคว้นปีเยมอนเต (Piemonte) ในอิตาลี เสิร์ฟเนื้อลูกวัวราดซอสที่ทำมาจากปลาทูน่า ปลาแอนโชวี และเ คเปอร์ โดยเชฟใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปในการเรียงเนื้อลูกวัวสไลด์จนเป็นรูปดอกไม้อย่างสวยงาม นอกจากนี้ ทางร้านวูวร์ยังมีเซ็ตอาหารกลางวันและอาหารค่ำ รวมถึงเมนูตามเทศกาลให้เลือกตามชอบ คอยติดตามอัพเดตความอร่อยจากเพจเฟซบุ๊กของโรงแรมกันได้เลย

ส่งต่อความอร่อยจากพระรามสามสู่ใจกลางกรุงฯ จนได้สำหรับ “Soufflé And Me” ร้านซูเฟล่แห่งความรักของเชฟไก่ - ธนัญญา ไข่แก้ว เชฟกระทะเหล็กอาหารหวาน กับสาขาลาสุด ณ Central World (ชั้น 7) ที่ดึงเมนูซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง ‘ซูเฟล่’ ขนมอบสไตล์ฝรั่งเศสเนื้อเบาฟูกินง่าย สามารถครีเอทได้ทั้งเมนูคาว-หวาน มาเสิร์ฟร้อนๆ (แต่สำหรับสาขานี้จะมีแต่ซูเฟล่หวานนะ) แท็กทีมมากับเบเกอร์รีอบสดใหม่ต่างๆ อย่าง ทาร์ตผลไม้ สคอน ชีสเค้ก และบริยอช ขนมตัวดังจากร้าน Brioche From Heaven นั่นเอง ขอเริ่มต้นด้วยเมนูขายดีประจำร้าน Nutella Soufflé ซูเฟล่เนื้อฟูๆ รสนูเทลล่าหวานหอม เสิร์ฟพร้อมกล้วยหอมเบิร์นคาราเมล และไอศกรีมวานิลลาโฮมเมดรสหวานมัน ตามด้วย Osaka Cream Cheese Soufflé หนึ่งในดาวเด่นของร้านเช่นกัน ซูเฟล่เนื้อนุ่มนิ่ม ได้รสหอมมันของครีมชีสชั้นดีแห่งเมืองโอซาก้า เข้ากันดีกับซอสวานิลลาหอมฟุ้ง และไอศกรีมรสน้ำผึ้งที่หลายคนเลิฟ ความสดชื่นของจริงอยู่ต่อจากนี้กับเมนู Raspberry Soufflé ซูเฟล่เนื้อสีชมพูนี้ได้มาจากรสเปรี้ยวอมหวานของราสป์เบอร์รี ไปด้วยกันได้ดีกับรสหวานหอมของซอสวานิลลา เติมความชื่นใจด้วยไอศกรีมราสป์เบอร์รีสไตล์โฮมเมด เครื่องดื่มต้องนี่เลย ช็อกโกแลตเย็น ทางร้านใช้ช็อกโกแลตชั้นดีจากประเทศเบลเยียม ผสมกับนมสดครีมมี กลายเป็นรสเข้มข้นที่ถูกใจสายหวาน ส่วนใครเป็นทีเลิฟเวอร์เราแนะนำ ชาเอิร์ลเกรย์ รสนุ่มลื่นคอที่คุ้นเคย หอมกลิ่นเบอร์กามอตเป็นที่สุด เป็นหนึ่งในร้านที่สายหวานพลาดไม่ได้

ใครเห็นชื่อร้าน The Water Library ครั้งแรกน่าจะสงสัยว่าเกี่ยวอะไรกับอาหาร เพราะจุดเริ่มต้นของร้านมาจากการนำเข้าเครื่องดื่มพรีเมียมเป็นหลัก แต่เสิร์ฟเมนูอร่อยจากเชฟฝีมือเยี่ยมจนกลายเป็นร้านไฟน์ไดนิงสุดหรูประจำห้างเอ็มบาสซีไปโดยปริยาย Executive Chef ของร้านเป็นเชฟชาวออสเตรีย Oliver Drug ผู้มีประสบการณ์ในร้านอาหารมิชลินและร้านชื่อดังในโรงแรมของต่างประเทศมาตลอด 21 ปี อาทิ Restaurant Vendôme ประเทศเยอรมนี, Sofitel Vienna Stephansdom, Palais Coburg และ Restaurant Amador ประเทศออสเตรีย ซึ่งหล่อหลอมเชฟโอลิเวอร์ให้กลายเป็นมือฉมังตามรอยคุณแม่ที่เป็นแรงบันดาลใจเสมอมา เมนูซิกเนเจอร์ 3 เมนู เริ่มจาก Foie Gras ฟัวกราส์ที่มาพร้อมปลาไหลรมควัน กะหล่ำดอก ตัดรสด้วยแอปเปิลเขียว ราดซอสลูกเกด พรีเซนท์สวยงามเสมือนสวนดอกไม้ ต่อด้วยจานเด็ด Tenderloin & Beef Cheek สเต๊กเนื้อสันในคู่แก้มวัวตุ๋นจนนุ่ม ราดด้วยซอสกูลาชพริกหวาน ได้สัมผัสความนุ่มครีมมีและหอมจากโยเกิร์ตรมควัน และไม่ลืมความเป็นออสเตรียเพราะภายในจานยังมีเกี๊ยวสไตล์ออสเตรียโดยมีส่วนผสมหลักคือผักโขมและขนมปังปั้นรวมกันแล้วนำไปต้ม สำหรับคนไม่กินเนื้อ เมนูปลาของร้านก็อร่อยไม่เบากับ Toothfish หรือปลาหิมะชิ้นใหญ่เสิร์ฟพร้อมหัวคื่นช่ายฝรั่ง และราดซอสมิโซะทรัฟเฟิล ก่อนหน้านี้ The Water Library ได้ร่วมกับ Hong Bao ภัตตาคารอาหารจีนกวางตุ้งที่มีชื่อเสียง สร้างสรรค์เมนูพิเศษในช่วงเทศกาลตรุษจีนด้วยเมนู Black Cod & Shark Fin ปลาแบล็กคอดกับสลัดเป่าฮื้อ พร้อมหูฉลามราดซอสเอ็กซ์โอชุ่มฉ่ำ รสชาติละเมียดละไมมากจริงๆ ติดตามการคอลแลปครั้งต่อๆ ไปได้ที่ Facebook : The Water Library มาที่นี่ได้ดื่มด่ำรสชาติอาหารชั้นเลิศแบบไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล

คาเฟ่ บ่วนจอร์โน่ (Café Buongiorno) คาเฟ่อิตาเลียนที่เป็นมากกว่าร้านกาแฟรสละมุนและยังเปี่ยมด้วยกลิ่นอายวัฒนธรรมและวิถีชีวิตสไลต์อิตาเลียนแท้ คาเฟ่เล็กๆ แห่งนี้ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 2 ของอาคารเอ็ม เอส สยาม ทาวเวอร์ ถนนพระรามที่ 3 อันพลุกพล่าน แต่พื้นที่นี้กลับเป็นมุมสงบให้แวะเวียนมาชาร์ตพลังความอร่อย ชื่อร้าน “Buongiorno” ที่แปลว่า “สวัสดีตอนเช้า” ในภาษาอิตาเลียนนั้น ไม่ได้สื่อเพียงแค่การทักทาย แต่สะท้อนถึงช่วงเวลาอันอบอุ่น เรียบง่าย และเปี่ยมด้วยมิตรภาพ โดยเบื้องหลังชื่อ “Buongiorno” นั้นมาจากเหตุการณ์สำคัญในปี 1899 ณ Peroni Estate เมื่อมิสเตอร์อันโตนิโอ เปอโรนี ทักทายเหล่าคนงานของเขาด้วยคำว่า “Buongiorno” และให้คำปรึกษาที่เปี่ยมด้วยความหมาย จนกลายเป็นที่มาของชื่อผืนแผ่นดินที่ประเทศอิตาลีและร้านอาหารในเวลาต่อมา Café Buongono มีแรงบันดาลใจหลักมาจากประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาหลายศตวรรษ และเป็นความภูมิใจของตระกูล Celleno, Peroni, Scarino, Mattei และ Panetta ที่ยึดมั่นในคุณภาพของอาหารต้นตำรับและผลผลิตจากผืนแผ่นดินของบรรพบุรุษ ความมุ่งมั่นในการผลิตไวน์ นม น้ำมันมะกอก และธัญพืชคุณภาพเยี่ยม ปัจจุบันแบรนด์ Café Buongiorno โดยมิสเตอร์เอนโซ่ เปอโรนี เป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ทั้งยังได้รับแต่งตั้งเป็นอัศวิน Cavaliere Enzo Peroni และได้รับเครื่องราช Order of the Star of Italian Solidarity จากประธานาธิบดีของประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จในการเผยแพร่วัฒนธรรมอิตาลีให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก บรรยากาศภายในร้านสะท้อนถึงแนวคิด “Buongiorno” ที่บ่งบอกถึงความรู้สึกและเรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศอิตาลี และสืบทอดต่อกันมาหลายชั่วอายุคน ขณะเดียวกันก็อบอวลด้วยกลิ่นหอมของกาแฟ ขนม และอาหารอันหลากหลาย ชวนให้นึกถึงความอบอุ่นของครอบครัวและมิตรภาพของเพื่อนฝูง คาเฟ่ บ่วนจอร์โน่พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารอิตาเลียนคลาสสิกมากมาย อาทิ Minestrone Soup ซุปผักรวมรสเข้มข้นหวานอร่อย Mushroom Soup ซุปเห็ดหอมๆ ให้ความครีมมี่เบาๆ ที่คนรักเห็ดต้องหลงรัก และ Pumpkin Soup ซุปฟักทองสีเหลืองอร่ามได้ความหวานตามธรรมชาติของเนื้อฟักทองเนียนละมุน ทั้ง 3 ชนิดผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติล้วนๆ เสิร์ฟพร้อมขนมปังกรอบนอกนุ่มใน   หรือจะอร่อยเบาๆ กับแซนวิชหลากชนิด อาทิ Tuna Melt Panini ขนมปังปานินี่ชิ้นหนาประกบเนื้อทูน่าและชีสเยิ้มๆ Black Olive Focaccia Tomato Mozzarella Pesto ฟอคคาเซียมะกอกดำสอดไส้มะเขือเทศ ชีสมอซซาเรลล่า และซอสเพสโตหอมๆ ต่อด้วย Spicy Tuna Salad รสชาติกลมกล่อมมีความสไปซี่เล็กๆ เสิร์ฟพร้อมขนมปังอบ กรอบนอกนุ่มใน จานหลักมีให้เลือกสั่งทั้ง Penne Arrabbiata Sauce เส้นเพนเน่ในซอสอาร์ราเบียต้าเข้มข้นรสเผ็ดอ่อนๆ หอมกลิ่นกระเทียมและชีสพาร์มีซาน หรือจะลอง Spaghetti Aglio Olio เส้นสปาเก็ตตีผัดน้ำมันมะกอก กระเทียม พริกไทย และพริก จัดเต็มเครื่องเคราทั้งเบคอนและเห็ด หอมพาร์สลี่ย์และโหระพาอิตาเลียน ใครชอบคาร์โบนาราต้องสั่ง Rigatoni Carbonara with Zucchini เส้นริกาโตนี ผัดซอสคาร์โบนาราสไตล์ดั้งเดิม เสริมความอร่อยด้วยเบคอน ซุกกินี และชีสพาร์มีซาน หรือจะลอง Spaghetti Pork Bolognese ก็ได้ความฉ่ำของเนื้อหมูบดในซอสมะเขือเทศ ยังมี Pork Lasagna พาสต้าจานดั้งเดิมของอิตาลีที่แต่ละชั้นของพาสต้าจะแทรกด้วยหมูผัดซอสมะเขือเทศเนื้อฉ่ำและชีสพามีซาน หรือจะเลือกเป็น Truffle Mushroom Lasagna พาสต้าอิตาลีคลาสสิกที่เต็มไปด้วยรสชาติของทรัฟเฟิลหอมหวลชวนกิน ยังมี Pollo Con Funghi อกไก่หนังกรอบราดด้วยซอสครีมเห็ด กินเคียงกับ Bake Spinach ก็อร่อยไม่เบา อย่าลืมสั่งเมนูไฮไลต์อย่าง Affogato แสนอร่อยมาปิดมื้ออาหาร เป็นการผสมผสานที่ลงตัวมากๆ ระหว่างเจลาโต้รสวานิลลาหอมหวาน กาแฟเอสเพรสโซ่ช็อตเข้มข้น และบิสกอตติอิตาเลียนแท้ หรือจะเปลี่ยนจากช็อตกาแฟเป็นชาเขียวก็อร่อยไม่แพ้กัน ระหว่างวันจะแวะมาอิ่มอร่อยมื้อสายหรือยามบ่ายกับเมนูขนมอย่างมัฟฟินที่เลือกได้ทั้ง Banana Choc Chip Muffin, Chocolate Fudge Muffin และ Blueberry Crumble Muffin ขนมเค้ก อาทิ Green Tea Roll พร้อมชา กาแฟ และขนมขึ้นชื่อประจำร้านอย่าง Biscotti Homemade หลากรสชาติ อาทิ “Amos” Chocolate Orange & Almond Biscotti, “Camilla” Chocolate and Almond, “Flora” Lemon & Almond Biscotti, “Natalina” Black Raisin and Almond Biscotti และ “Enzo Peroni in Arrone” Malted Chocolate Biscotti   หรือเติมพลังด้วยเครื่องดื่มสกัดเย็นสุดสดชื่น อาทิ  Benessere ส่วนผสมที่ลงตัวของตะไคร้และสับปะรด Camapgna น้ำสกัดเย็นจากแครอต เซอเลอรี และส้ม Stile di Vita สีแดงสวยของบีตรูท แอปเปิ้ล แครอต และเลมอน ใครที่กำลังมองหาประสบการณ์ใหม่ในการดื่มด่ำอาหารอิตาเลียนแท้ พร้อมเรื่องเล่าที่มีชีวิต ไม่ควรพลาดแวะมาเยือน คาเฟ่ บ่วนจอร์โน่ (Café Buongiorno)

ถ้าเอ่ยถึงร้านพาสต้าที่กำลังมาแรงที่สุดในนาทีนี้ อย่างไรก็ต้องมีชื่อ “Pasta Ama” ติดโผไปบ้าง ร้านพาสต้าสไตล์ฟิวชั่นของคุณจี ที่มีชื่อร้านมาจาก ‘พาสต้า’ วัตถุดิบเลื่องชื่อจากประเทศอิตาลี ผสมกับคำว่า ‘อาม่า’ ภาษาจีนแต้จิ๋ว หมายถึง คุณย่า หรือคุณยาย ที่ใช้กันในเมืองไทย เมื่อรวมกันแล้วสื่อถึงพาสต้าในแบบฉบับที่คนไทยชื่นชอบ รสชาติเข้มข้น ครบรส กินง่ายและไซส์ใหญ่จุใจนักกิน นอกจากนี้ยังมีพิซซ่าเตาฟืนที่มีเฉพาะ 3 สาขาเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ โลเคชั่นที่เราเลือกมาเช็คอิน ตัวร้านตั้งอยู่บนชั้น 7 โดดเด่นด้วยสีเหลืองสดใส (เห็นมาแต่ไกล) เข้ากันดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ และดอกไม้สด ซึ่งให้มู้ดแอนด์โทนแห่งความอบอุ่น เหมือนได้กินมื้ออร่อยกับคนสำคัญที่บ้านอย่างไรอย่างนั้น จานแรกเป็น ซีซาร์สลัด จานอร่อยเรียกน้ำย่อยที่หลายคนคุ้ยเคย ได้ความกรุบกรอบของผักสด ผสมเบคอนทอดรสเค็ม และชีสพาร์ซานสุดครีมมี เพิ่มความอิ่มเอมด้วยไข่ต้มยางมะตูม ตามด้วย ฟิชแอนด์ชิปส์ เมนูคอมฟอร์ดฟู้ดแสนอร่อย ปลาค็อดชุบเกล็ดขนมปังทอดจนเป็นสีเหลืองทอง เนื้อนุ่มฉ่ำใน เสิร์ฟเคียงมันฝรั่งทอด และซอสทาร์ทาร์รสเข้มข้น พาสต้าต้องนี่เลยจานซิกเนเจอร์ สปาเก็ตตี้สาหร่ายไข่กุ้ง สปาเก็ตตี้เหนียวนุ่มซู้ดเพลิน ผัดพร้อมไข่กุ้งกรุบๆ สาหร่าย และเบคอน เพิ่มเติมความฟินด้วยไข่ออนเซ็นลูกใหญ่ ก่อนกินแล้วคลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน อร่อยนัวอย่าบอกใคร ต่อด้วยเมนูใหม่แกะกล่อง พาสต้าลาซานญ่าสไปซี่ครีมกุ้ง พาสต้าโฮมเมดเนื้อนุ่มหนึบ ห่อไส้กุ้งเนื้อหวาน เข้าคู่ซอสครีมคาโบนาร่าผสมซอสศรีราชา ได้รสครีมบวกความเผ็ดร้อนเล็กๆ เพิ่มสัมผัสเคี้ยวสนุกด้วยไข่กุ้งล้นๆ ส่วนพิซซ่าต้องนี่เลย พิซซ่าเบคอนสไปซี่คาร์โบ พิซซ่าสไตล์โฮมเมดที่ทำจากแป้งปั้นสดและยีสต์เลี้ยงเอง อบในเตาฝืนหอมกรุ่น ได้รสเผ็ดร้อนของซอสสไปซี่ มิ๊กซ์กับชีสมอสซาเรลล่า ชีสพาเมซาน แฮม เบคอน และเห็ด ปิดท้ายด้วยของหวานแสนอร่อย เค้กส้มแมนดาริน เนื้อวานิลลาเนื้อแน่นผสมผิวส้มหอมๆ สลับชั้นกับบัตเตอร์ครีมรสอร่อย เติมความสดชื่นด้วยซอสส้มแมนดารินรสเปรี้ยวอมหวาน เสิร์ฟคู่วิปครีมนุ่มปุกปุย ก่อนจบด้วย สมูตตี้ รสละมุนต่างๆ ดีต่อสุขภาพ จิบคลายร้อนชื่นใจ กินแล้วอบอุ่นหัวใจ

ใครที่โปรดปราณอาหารญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ เราชี้เป้าให้ไป SOSHI ร้านอาหารญี่ปุ่นสุดพรีเมี่ยมแห่ง SO/ Bangkok เพราะตอนนี้เขามีโปรโมชั่น All-You-Can-Eat บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นจัดเต็ม 2 ชั่วโมง พร้อมให้คุณเลือกอร่อยกว่า 40 รายการ ไม่ว่าจะเป็นปลาดิบ ซูชิ ราเมน ทากิโทริ เมนูเรียกน้ำย่อยสไตล์ญี่ปุ่น และของหวาน โดยโปรนี้มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา( 1,999 บาทสุทธิ ไม่รวมเครื่องดื่ม) และที่เราเลือกชิมวันนี้เป็นแบบพรีเมี่ยม (2,599 บาทสุทธิไม่รวมเครื่องดื่ม) นอกจากนี้สายฟู้ดคนไหนอยากชิมเมนูอาละคาร์ตสุดเลอค่าอย่าง ปลาไหลญี่ปุ่น หอยเชลล์โฮตาเตะ ตับห่าน และล็อบสเตอร์ เพิ่มเติม เพียงจ่ายเพิ่มเพียง 600 บาทสุทธิ เท่านั้น เรียกได้ว่าโดนใจคนรักอาหารญี่ปุ่นแบบสุดๆ ไปเลย เรียกน้ำย่อยด้วย แตงโมและมากุโระ ใครจะรู้ว่าปลามากุโระเนื้อหวาน จะเข้ากันได้ดีกับแตงโม ผลไม้ฤดูร้อนที่หลายคนชอบ ตามด้วย หอยนางรมพอนสึเจลลี่ หอยนางรมเนื้อสด ผสานกับรสเปรี้ยวกลมกล่อมของซอสพอนสึโฮมเมด เพิ่มความจี๊ดจ๊าดขึ้นอีกด้วยเจลลี่ซิตรัส ตัดด้วยรสเค็มของไข่ปลาแซลมอน ทูน่าดอง ทูน่าเนื้อสดฉ่ำ ดรายเดจอย่างดีจนได้รสเข้มข้น โรยหน้าด้วยสาหร่ายเดรสซิ่ง แฮมเบิร์ก ก็น่าสนใจ สเต็กเนื้อแฮมเบอร์เกอร์สไตล์ญี่ปุ่นชิ้นใหญ่ๆ เข้าคู่ซอสหัวหอมรสหวานปนเค็ม ต่อด้วย โรลแซลมอนชีสลาวา โรลแซลมอนที่หลายคนเลิฟ เพิ่มเติมด้วยชีสลาวาเยิ้มๆ ฟินเต็มพิกัด สลัดเต้าหู้อะโวคาโด เมนูวีแกนรสชาติดีที่ประกอบด้วย เต้าหู้ญี่ปุ่นโฮมเมดเนื้อเด้ง มิ๊กซ์กับเดรสซิ่งงาดำหัวหอม รสเปรี้ยวปนเค็มละมุน ขาดไม่ได้กับ ซุปมิโซะ รสนุ่มนวล ที่มีทีเด็ดตรงขาปูทะเลใหญ่ๆ เนื้อแน่นกินเพลิน คนรักปลาดิบต้องสั่ง ชุดรวมซาซิมิ ที่ประกอบด้วย แซลมอน ที่เราคุ้นเคย มากุโระหรือทูน่า เนื้อสด ปลาซาบะ เนื้อแน่น ไร้กลิ่นคาว ปลาหมึกยักษ์ เนื้อหนึบ อิคุระ รสเค็ม สุดท้ายคือ เอบิ หรือกุ้งเนื้อเด้ง หรือจะเป็นซูชิที่หลายคนรอคอย มีให้คุณเลือกอร่อยทั้ง ซูชิเอ็นกาวะ ครีบปลาตาเดียวครีมมี ตัดรสด้วยไข่ปลาแซลมอนที่เรารัก ซูชิตับห่าน ได้รสหอมมันกินอร่อย ผสมกับส้มแมนดารินรสหวานอมเปรี้ยว กี่คำก็ไม่พอ หรือจะเป็น ซูชิแซลมอนตับห่าน เป็นการรวมตัวกันระหว่างของอร่อย 2 อย่าง คือแซลมอนและฟัวกราส์สุดครีมมี เพิ่มความกรุบกรอบด้านไข่กุ้งด้านบน ยังมี ซูชิโฮตาเตะ หอยเชลล์โฮตาเตะเนื้อนุ่มเด้ง ราดซอสมิโซะรสเค็มเล็กๆ ตามมาติดๆ กับ โรลฟัวกราส์ อร่อยเต็มคำเหมือนเดิม เติมเพิ่มคือไข่กุ้งล้นๆ ด้านบน คนรักเนื้อต้องสั่ง ทาทากิ สเต็กเนื้อสันนอก ย่างความสุกระดับมีเดียมแรร์ เข้ากันดีกับซอสถั่วเหลืองกลิ่นซิตรัส ที่มีทั้งรสเค็มและเปรี้ยว มากันที่เมนูปิ้งย่างกันบ้าง ไก่ย่าง เนื้อแน่นนุ่ม หอมกลิ่นเตาถ่าน ส่วนดงบุริ เราเลือกเป็น ข้าวหน้าหมูย่าง ที่เชฟจะใช้เป็นหมูสามชั้น เนื้อนุ่มแทบละลายในปาก สายเส้นเลิฟ ราเมนเนื้อ โดดเด่นด้วยน้ำซุปเนื้อรสครีมมี กินคู่กับเส้นราเมนซู้ดเพลิน ท็อปด้วยเนื้อวากิวฉ่ำๆ อีกที ปิดท้ายด้วยขบวนของหวานแสนอร่อยอย่าง ไอศกรีมมัตฉะ ไอศกรีมชาเขียวโฮมเมดหอมๆ เนื้อนุ่มหนึบ รสหวานพอเหมาะ ชิ้นนี้เราเลิฟ เค้กคัสเตลลา เค้กฟองน้ำสไตล์ญี่ปุ่นเนื้อนุ่มเด้ง ได้รสหอมหวานจากน้ำผึ้งป่า สุดท้ายเป็น น้ำแข็งใส หวานเย็นชื่นใจ กินกับถั่วแดงกวน เข้ากันเป็นที่สุด สุขกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

Guilty ร้านอาหารสไตล์ละตินอเมริกัน ถึงแม้จะตั้งอยู่ภายในโรงแรมห้าดาวอย่างอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ แต่สัมผัสได้ถึงบรรยากาศความเป็นกันเองตั้งแต่การตกแต่งด้วยสีโทนร้อนแสบซ่าแต่อบอุ่น มุมดีเจที่จะมาเล่นเพลงสนุกๆ ให้ฟังยามเย็น และอาหารหน้าตาหลากหลายจากฝีมือเชฟ Axel Correa Mancera ซึ่งให้ความสำคัญกับการบาลานซ์รสชาติวัตถุดิบและเทคนิคการปรุงเพื่อดึงความโดดเด่นในแต่ละเมนูออกมาให้ได้มากที่สุด ตามปณิธานของเชฟที่อยากให้อาหารเป็นตัวกลางบอกอารมณ์ เรื่องราว และวัฒนธรรม จากแพสชันอันแรงกล้าของเชฟกลายมาเป็น Saturday Brunch Set ไม่ว่าจะเป็น Prawn Tostada ตอร์ติญาจิ้มกินกับกุ้งทอสทาดาราดซอสอัลปาสเตอร์ Ceviche Platter เสิร์ฟเซบีเชปลากะพงขาว เซบีเชปลาแซลมอน และเซบีเชรวมมิตรซีฟู้ด Crispy Crab Salad สลัดปูใส่หัวหอมดองราดน้ำสลัดมิโซะ Pork Belly Anticucho หมูสามชั้นตุ๋นเสียบไม้ Guacamole กัวกาโมเล ซัลซาสไตล์เม็กซิกันกินกับตอร์ติญา Tuna Maki มากิสไตล์นิเคอิที่สอดไส้ทูน่าซึ่งผสมผสานกลิ่นอายของญี่ปุ่นและเปรูเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว Hamachi Tiradito ปลาฮามาจิสไลซ์บางพอดีคำ เสิร์ฟพร้อมกับซอส Yellow Tiger’s Milk รสชาตินุ่มนวล แอบแฝงไปด้วยความเปรี้ยวนิดๆ สร้างสรรค์และสนุกสนาน...เป็นคำจำกัดความอาหารสไตล์ละตินอเมริกันมื้อนี้เลย

Tag:

ครองใจคนรักอาหารจีนมายาวนาน สำหรับ หงเปา (Hong Bao) ภัตตาคารอาหารจีนสไตล์กวางตุ้งที่ตอนนี้เพิ่งเปิดสาขาใหม่ แจ้งวัฒนะ นอกจากจะเดินทางสะดวกเพราะอยู่ติดรถไฟฟ้าเมืองทองธานี ที่นี่ยังดีไซน์ได้ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้านนอกมีกลิ่นอายของคาเฟ่ ส่วนภายในร้านยังคงความเรียบหรูเอาไว้ แม้จะเป็นสาขาใหม่ แต่ก็รวมซิกเนเจอร์ไว้ครบ ไม่ว่าจะเป็น BBQ รวมมิตร 3 อย่าง ที่มีทั้งหมูแดงอบน้ำผึ้ง เป็ดย่างหงเปา และหมูกรอบสไตล์ฮ่องกงที่กินคู่ซอสบาร์บีคิว และมัสตาร์ดฉุนขึ้นจมูกเบาๆ ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้งกรอบ ไส้เป็นเนื้อกุ้งทะเลห่อด้วยแป้งเปาะเปี๊ยะ ทอดจนเป็นสีเหลืองทองแล้วห่ออีกรอบด้วยแป้งนุ่มๆ ก่อนกินราดซอสลงไป ได้ทั้งความกรอบและนุ่ม นอกจากนี้ยังมี ถั่วแขกผัดกานาฉ่ายและหมูกรอบหั่นเต๋า เด่นที่รสเค็มอ่อนๆ ของกานาฉ่ายผัดเคล้ากับถั่วแขกและหมูกรอบหั่นเต๋า ไก่ผัดเสฉวน เนื้อไก่ผัดพริกสไตล์เฉสวน รสร้อนแรงด้วยพริกแห้ง กระเทียม และเครื่องเทศจีน ซุปไก่ดำตุ๋นหูฉลาม เมนูใหม่ของปีนี้ ซุปไก่ดำที่ตุ๋นนาน 48 ชั่วโมงจนเนื้อไก่ล่อนจากกระดูก มาพร้อมหูฉลามในน้ำซุปซดคล่องคอ ปิดท้ายด้วย ไอศกรีมไส้ไข่เค็มลาวา ได้แรงบันดาลใจจากซาลาเปาไข่เค็มลาวาหอมมัน ท็อปด้วยวิปครีมนุ่มเบา และ วุ้นกุ้ยหลิงเกา อุดมไปด้วยสรรพคุณทางยา แก้ร้อนใน บำรุงผิวพรรณ รสขมเบาๆ ก่อนกินราดน้ำตาลทรายแดง กินคู่สตรอว์เบอร์รีสด เพิ่มรสเปรี้ยวหวานสดชื่น

บนชั้น 5 ของเอ็มสเฟียร์มีร้านแฮนด์โรลพรีเมียมเปิดใหม่ชื่อ Kaiwa (会話) ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ตั้งใจยกระดับ Temaki เสิร์ฟในคุณภาพฉบับโอมากาเสะ ภายใต้บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยมวลแห่งความสนุกสนาน เหมือนกินทาปาสอยู่ใน Tokyo Night บอกเลยว่าที่นี่เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารที่ตรงใจสายไนท์ไลฟ์แน่นอน โดยเจ้าของไอเดียคือคุณกิ๊บซี่-วนิดา เดิมธนาภรณ์ ที่ต้องการให้ Kaiwa เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถเอนจอยกับอาหารได้โดยไม่จำเป็นต้องนั่งนิ่งเงียบ ภายในร้านจึงออกแบบมาให้ฟีลเหมือนร้านกินดื่มสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีทั้งเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ที่สามารถมองเชฟรังสรรค์เมนูอย่างพิถีพิถัน หรือจะนั่งรวมกลุ่มกับแก๊งก็มีโต๊ะหลายมุมให้เลือก ส่วนชั้น 2 จะเป็นห้องไพรเวต และเวทีสำหรับดีเจ-ดนตรีสด ไฮไลต์ของร้านอยู่ที่ แฮนด์โรล เกรดพรีเมียม ข้าวปั้นห่อสาหร่ายรสเข้มข้นท็อปด้วยวัตถุดิบคุณภาพหลากชนิด ทำสดคำต่อคำโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ จัดเสิร์ฟในรูปแบบอะลาคาร์ต แนะนำ Foie gras ฟัวกราส์ทอดหอมกลิ่นเทอริยากิท็อปด้วยต้นหอมซอยทอดกรอบ ต่อด้วย Aji Tataki ปลาแมกเคอเรลผัดกับสมุนไพรญี่ปุ่น ถัดมาคือ Spicy Salmon แซลมอนหั่นเต๋าคลุกเคล้าน้ำสลัดอะโวคาโด ได้รสเผ็ดเล็กน้อยจากซอสเผ็ด Aka Ebi กุ้งแดงตัวโตจากฮอกไกโด เนื้อกุ้งหวาน สัมผัสเด้งสู้ฟัน ได้รสเปรี้ยวสดชื่นเล็กน้อยจากซอส Maitake Tempura เห็ดญี่ปุ่นชุบแป้งทอดกรอบ เข้ากันได้ดีกับซอสรสเค็มหวาน ตามด้วย Unagi ปลาไหลย่างเตาถ่านจนผิวนอกกรอบ ทาซอสสูตรลับรสเค็มนัว โรยด้วยงาเพื่อเพิ่มความหอม Wagyu Soi Ju Yuke ซิกเนเจอร์ห้ามพลาดเป็นเนื้อวากิวสับปรุงรสลาบ มีความเผ็ดแซ่บคล้ายซอยจุ๊บ้านเรา และ Uni Hand Roll อูนิสดๆ จากฮอกไกโด เนื้อเนียนละมุนในปาก นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนู Japanese Tapas ที่สามารถสั่งมากินแกล้มกับเครื่องดื่มให้เลือกสรรอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Melon Double Cheese เมลอนรสหวานฉ่ำน้ำท็อปด้วยพาร์เมซานและเชดดาร์ชีส หรือจะเป็น Wagyu Yukke เมนูเรียกน้ำย่อยจากเนื้อเซนไดหมักโชยุเพิ่มความอร่อยด้วยพาร์เมซานชีส เปิดต่อมรับรสกันเสร็จแล้วก็ต่อด้วย Wagyu Steak วากิว A4 ส่วนสันนอกย่างระดับมีเดียมแรร์กินกับเกลือญี่ปุ่นและวาซาบิดองอร่อยมาก ใครอยากเพิ่มความอิ่มท้องต้องสั่ง Takanafumi Don ข้าวผัดผักกาดดอง ให้รสเปรี้ยวเล็กน้อยแต่หอมผักกาดดองกินคู่เนื้อปลาที่ให้รสออกหวานนิดๆ ส่งเสริมกันได้ดีมาก ควบสองชามไปเลยกับ Ikura Don ข้าวหน้าไข่ปลาแซลมอน จัดจานสวยจนไม่กล้ากินแต่เมื่อกินแล้วก็อร่อยจนวางช้อนไม่ลง หากใครอยากสั่งอะไรร้อนๆ อย่าพลาด ข้าวต้มญี่ปุ่น 3 สไตล์ อย่าง Hata Ochazuke ข้าวต้มหน้าปลาเก๋า Salmon Ochazuke ข้าวต้มหน้าไข่ปลาแซลมอน และ Mentaiko Ochazuke ข้าวต้มหน้าเมนไทโกะ ซดร้อนๆ คล่องคอทีเดียว เมื่อกินจนอิ่มหนำก็ถึงเวลาสำราญเพราะหลัง 3 ทุ่มที่ร้านมีบริการเสิร์ฟช็อตวอดก้าฟรีทุก 1 ชั่วโมง เป็นกิมมิกเล็กๆ เพื่อให้ทุกคนได้มาจอยกันได้ตั่งแต่มื้อเย็นลากยาวไปจนถึงร้านปิด หรือใครจะสั่งเครื่องดื่มอื่นๆ เช่น ไวน์ขาว-แดง ค็อกเทล เบียร์ และสาเก มาแพริงคู่อาหารก็ได้เช่นกัน