บ้านสีขาวสไตล์ยุค 90 เรียบง่ายหลังนี้คือคาเฟ่ที่เต็มไปด้วยอาหารเลิศรสสูตรประจำบ้านที่สืบทอดกันมากว่า 30 ปี ร้าน MaRee Eatery House บ้านมาลี ลาดพร้าวซอย 15 ด้วยความพิถีพิถัน ใส่ใจทุกรายละเอียด คัดเลือกวัตถุดิบคุณภาพดี เน้นความสะอาด บวกกับราคาและการบริการที่เป็นกันเอง ยิ่งทำให้ได้ฟิลลิ่งอบอุ่นหัวใจ เสมือนกินกับข้าวฝีมือแม่ที่กินยังไงก็ไม่มีเบื่อ         เริ่มต้นจากเมนูซิกเนเจอร์ หมูสะเต๊ะ หมูเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นขมิ้น กินคู่กับโรตีทำเอง กรอบนอกนุ่มใน ชูรสชาติด้วยน้ำจิ้มหมูสะเต๊ะเข้มข้น และอาจาดรสเปรี้ยวหวาน     ต่อด้วย แกงเลียง รสกลมกล่อมที่มาพร้อมกับความเผ็ดร้อนจากพริกไทยแต่ไม่จัดจ้านจนเกินไป ได้กลิ่นหอมของกะปิอ่อนๆ เพลิดเพลินไปกับกุ้งเนื้อเด้ง และผักต่างๆ ชามนี้อร่อยครบห้าหมู่จริงๆ     ข้าวผัดปลาสลิด ข้าวผัดหอมกรุ่นมาพร้อมเนื้อปลาสลิดทอดชิ้นใหญ่เต็มคำ มาถึงเมนูขวัญใจของใครหลายคน      ข้าวคุณยาย ข้าวหอมมะลิสีม่วงสวยเพราะหุงด้วยน้ำอัญชัน มีรสเค็มนัวๆ จากปลาทู และกลิ่นหอมสมุนไพร โดนใจมากๆ เลยจานนี้     สปาเกตตีคาโบนารา เส้นเหนียวนุ่มคลุกเคล้าซอสครีมเข้มข้นหอมมัน เพิ่มรสเค็มด้วยเบคอน ถูกใจคนรักเมนูเส้น     ของหวานเราแนะนำ พุดดิ้งช็อกโกแลต  รสเข้มจากช็อกโกแลตได้ใจเราเต็มๆ เค้กมะพร้าว ของหวานประจำร้าน เนื้อเค้กนุ่มๆ สลับชั้นกับครีมสดมะพร้าวรสหวานกำลังดี       เครื่องดื่มต้องนี่เลย สตรอว์เบอร์รีโซดา เปรี้ยวอมหวาน ซาบซ่า สดชื่นถึงใจ ปิดท้ายด้วย โกโก้เย็น รสเข้มข้น ดื่มเพลินๆ ดีต่อใจมากมาย    

เป็นความตั้งใจของเจ้าของร้านที่จะนำเสนอเมนูสุดเฮลท์ตี้ให้กับคนย่านชานเมืองได้ลิ้มรสแบบไม่ต้องฝ่ารถติดเข้าเมืองซึ่งมีให้อิ่มหนำทั้งเมนูคาวหวาน เครื่องดื่ม และสมู๊ทตี้ โดยตัวร้านรีโนเวทบ้านเก่าให้เป็นอาร์ตคาเฟ่เก๋ๆ ประดับภาพวาดแนวแอ็บสแต็กกลมกลืนไปกับพื้นที่สีเขียวรอบร้าน     เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับโซนห้องแอร์ที่ตั้งของบาร์เครื่องดื่ม และยังเป็นมุมนั่งเล่นที่เน้นความเรียบง่ายในโทนสีขาวสลับดำ เราสามารถนั่งชิลริมกระจก หรือจะเดินทะลุออกหลังบ้านที่เป็นโซนโอเพ่นแอร์ก็นั่งได้เย็นใจเหมือนกัน เพราะมีหลังคากรองแสงแดดและพัดลมตัวใหญ่ช่วยไล่ไอร้อน รอบบริเวณประดับด้วยภาพวาดแนวแอ็บสแต็กกลมกลืนกับสถานที่ ดูคล้ายอาร์ตแกลเลอรี่ขนาดย่อมที่พร้อมสะกดสายตาทุกคู่ให้หยุดนิ่งอยู่ตรงนั้นได้นานๆ         เมนูของร้านเน้นปรุงง่าย อร่อยและได้สุขภาพจากวัตถุดิบออร์แกนิกที่เจ้าของร้านสรรหามาอย่างประณีตไม่ว่าจะเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และธัญพืชต่างๆ ที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุมากมาย เริ่มที่เมนูเรียกแขกของร้านอย่าง Acai Mixed Berry Simple Bowl สมูตตี้รสเปรี้ยวจากเบอร์รี่นานาชนิด โดยเฉพาะอาซาอิเบอร์รี่ที่หนึ่งเรื่องต่อต้านอนุมูลอิสระ ทอปปิงด้วยสตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ กล้วย เมล็ดเชีย และกราโนล่า       Chicken Tortilla Wrap ตอร์ติญาไก่ เสิร์ฟคู่กับอะโวคาโดกัวคาโมเล่ และซัลซ่ารสจัดจ้านสไตล์เม็กซิกัน เสริมด้วยสลัดผักเพิ่มความสดชื่นแบบคูณสอง       Spaghetti Bacon & Dry Chilli สปาเก็ตตี้ผัดกับพริกแห้งและเบคอน สปาเก็ตตีผัดค่อนข้างแห้งเส้นหนึบไม่มันเยิ้ม ปรุงรสเผ็ดร้อนกำลังดี โรยชีสปิดท้ายเพิ่มรสเค็มมันและกลิ่นหอมเรียกน้ำย่อย       ส่วนของหวานไฮไลท์ของร้านที่เราไม่อยากให้พลาด ได้แก่ Simple Fruits Waffle วัฟเฟิลโฮลวีท 2 ชิ้นวางซ้อนกัน เสิร์ฟพร้อมน้ำผึ้งและผลไม้ ได้แก่ สตรอว์เบอร์รี กีวี บลูเบอร์รี และกล้วย       ส่วนเครื่องดื่มแนะนำ Earl Grey Lemon Tea รสเปรี้ยวของมะนาวผสานความหวานเล็กน้อยจากไซรัป เมื่อยกขึ้นจิบจะสัมผัสกลิ่นหอมของชาและมะนาวสดไปพร้อมกัน ใครกำลังง่วงนอนรับรองตื่น!     อีกเมนูขายดีไม่น้อยหน้ากัน ได้แก่ Space Rose Soda มอบความสดชื่นคืนความสดใสให้กับผู้ที่กำลังรู้สึกเนือยๆ ด้วยรสหวานซ่อนเปรี้ยวที่มาพร้อมกลิ่นหอมของมินต์ แค่จิบนิดๆ ก็รู้สึกฟิตและกระปรี้กระเปร่าแล้ว     ด้านคอฟฟี่เลิฟเวอร์อย่าเพิ่งน้อยใจ เพราะร้านนี้มีของดีให้เลือกลิ้มลองอยู่หลายรายการ อาทิ Caramel Macchiato เอสเปรสโซช็อตเข้มข้นบนชั้นนมหอมมัน เลือกได้ทั้งเมนูร้อนและเย็น     จิบชิลๆ นั่งคุยได้นานๆ ตรงตามความต้องการของร้านที่อยากให้เป็นบ้านหลังที่สองของทุกคน!   

ถือเป็นข่าวดีของคนรักซีฟู้ดย่านราชพฤกษ์ที่วันนี้อบอร่อย ร้านในตำนานของคนรักซีฟู้ดย่านทาวน์อินทาวน์ ได้ฤกษ์ขยายสาขาความอร่อยมาเอาใจคนย่านราชพฤกษ์กันบ้าง มาทั้งทีไม่มีคำว่าธรรมดาเพราะยกทั้งมหาสมุทรมาให้สั่งอย่างจุใจนับร้อยรายการ บนพื้นที่กว่า 4 ไร่ รองรับนักชิมกว่า 500 ที่นั่ง พร้อมที่จอดรถแบบจัดเต็ม           เริ่มต้นที่ กุ้งอบวุ้นเส้น 1 ใน 4 ของเมนูในตำนานยุคก่อตั้งร้าน เลือกใช้กุ้งไซส์ใหญ่อบกับวุ้นเส้นที่คัดมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้เส้นที่นุ่มหนึบกำลังดี ผสานน้ำซอสกลมกล่อมถึงเครื่อง ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีเมนูนี้ก็ยังรสชาติเหมือนวันแรกที่เปิดร้าน       ปลาสำลีเผา ไฮไลท์อยู่ที่ความสดของเนื้อปลาที่ยิ่งสดรสก็ยิ่งหวานมากเป็นพิเศษ อีกทั้งเนื้อยังนุ่มแน่นเคี้ยวแล้วรู้สึกเต็มปากเต็มคำ ไม่ยุ่ยเละหรือมีกลิ่นคาวกวนใจ เมื่อผสานกับสับปะรดและสมุนไพรที่ยัดไว้ในตัวปลาก็ยิ่งเสริมรสชาติให้จานนี้อร่อยขึ้นอีกทบเท่าทวีคูณ       ต่อด้วยเมนูที่ส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลายตั้งแต่พนักงานยังเดินมาเสิร์ฟไม่ถึงโต๊ะคือ กุ้งผัดพริกเกลือ กุ้งคั่วกับเครื่องเครา เป็นเมนูที่ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งเพลินเพราะเนื้อกุ้งเด้งสู้ฟันมาก ด้านรสชาติออกเค็มมันและซ่อนเผ็ดติดปลายลิ้นไว้อย่างแนบเนียน ชนิดกินแรกๆ แทบไม่รู้สึกเลย       หอยเชลล์ย่างเนย หอยเชลล์สดรสหวานตามธรรมชาติ ผสานความหอมของเนย เป็นเมนูขายดีอันดับต้นๆ ของร้านเลยทีเดียว       ข้าวผัดปู ข้าวหอมมะลิหุงสุก ผัดได้แห้งหอมกลิ่นกระทะและไร้ความมันเลี่ยน จุดเด่นอยู่ที่ความสดหวานของเนื้อปูที่ช่วยชูรสชาติของจานนี้ แถมใส่มาให้กินแบบเน้นๆ เอาช้อนตักตรงไหนก็เจอ     แนะนำเบาๆ เพราะที่เหลือยังรอเราอีกเพียบ!

นอกจากจะเป็นย่านสุดฮิปแล้ว อารีย์ยังเป็นย่านสุดน่ารัก เพราะมีร้านข้าวกล่องน้องใหม่สีสันสดใสในชื่อ “Don Don” ที่จะมานำเสนอความอร่อยของข้าวกล่องญี่ปุ่นที่ทั้งสดใหม่ สะดวก และราคาเป็นกันเอง โดยเริ่มต้นที่ 65 บาทเท่านั้น         ส่วนบรรยากาศก็มาในรูปแบบของเคาน์เตอร์บาร์ที่มีครัวเปิดอยู่ตรงกลาง ดังนั้นทุกคนจึงแน่ใจได้ว่าเมื่อเราเริ่มต้นสั่งอาหาร อาหารทุกจานจะถูกปรุงอย่างสดใหม่พร้อมเสิร์ฟกันแบบร้อนๆ ให้เราได้ติดตามอย่างใกล้ชิด เริ่มกันด้วย Udon Tom Yum ที่เปลี่ยนอุด้งสไตล์ญี่ปุ่นให้จัดจ้านด้วยน้ำซุปต้มยำถึงเครื่องเสิร์ฟพร้อมกุ้งตัวโตเนื้อแน่น อีกทั้งยังมาพร้อมมะนาวให้เราเติมความเปรี้ยวจี๊ดกันอีกด้วย     แต่ถ้าชอบรสเผ็ดร้อนแบบแห้งก็ต้องลอง Yaki Soba Tom Yum ยากิโซบะต้มยำแห้งกุ้งโดดเด่นด้วยโซบะเส้นเหนียวนุ่มที่เข้าคู่กับความเผ็ดร้อนได้อย่างลงตัว ยิ่งสูดเส้นก็ยิ่งเพลิน แถมยังมีสลัดมาให้กินเล่นกันอีกด้วย     ส่วนคนรักอาหารจานข้าวก็ห้ามพลาด Salmon Katsu ข้าวหน้าปลาแซลมอนชุบแป้งทอดชิ้นใหญ่หนานุ่มวางบนสลัดผักที่พกพาความสดชื่นของผักกาดแก้วและมะเขือเทศ ร่วมด้วยน้ำสลัดรสเปรี้ยวนิดๆ มาคู่กัน หรือจะสั่งชามะนาวมาด้วยก็ไม่ผิดกติกา     นอกจากนี้ยังมีของกินเล่นอย่าง Edamame Stir Fried with Bacon ถั่วแระญี่ปุ่นผัดเบคอน รสชาติหอมๆ มันๆ และ Tebasaki Gyoza เมนูสุดเก๋ที่นำปีกไก่ทอดมายัดไส้เกี๊ยวซ่าหมูสับ ที่เราขอบอกเลยว่าเข้าคู่ได้กับทุกเมนูอร่อยเลยล่ะ    

ถ้าพูดถึงอาหารเม็กซิกัน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่นึกถึงร้านนี้ “La Monita Taqueria” ต้นตำรับอาหารเม็กซิกันที่หลายคนหลงรัก ซึ่งตอนนี้มีด้วยกันทั้งหมด 3 สาขาคือที่ตึกมหาทุนพลาซ่า สยามพารากอน และเอ็มควอเทียร์ชั้น 7 โดยวันนี้เราจะพามาลิ้มลองความอร่อยกับสาขาแรกของร้านที่เปิดให้บริการมา 10 ปีแล้ว!     เมื่อเข้ามาในร้าน เราสัมผัสได้ถึงความสนุกสนานจากกำแพงสีสันจัดจ้าน พร้อมมุมรับประทานอาหารหลายโซนไม่ว่าจะเป็น โซนอินดอร์ โซนบาร์ และโซนยอดนิยมอย่าง Patio ที่มีความโปร่งโล่งสบายตารับแสงธรรมชาติ เหมาะสำหรับชมท้องฟ้าและบรรยากาศยามค่ำคืน         เราเริ่มที่เมนูยอดนิยมของคนรักอาหารเม็กซิกันอย่าง “Regular Nacho” แป้งตอร์ติญาชิพส์ราดด้วยชีสหอมๆ และซัลซ่าสดเพิ่มความสดชื่น เป็นเมนูออร์เดิร์ฟขายดีที่ห้ามพลาด       ตามด้วย “Tostada Ensalada (Tostada Salad)” สลัดอกไก่เม็กซิกันราดน้ำสลัดสูตรพิเศษของลาโมนิต้า และซัลซ่าสด เป็นเมนูที่ทานแล้วสดชื่น       จากนั้นต่อกันที่เมนู “Quesadillas” เกซาดิยา (แป้งตอร์ติญาห่อชีสปิ้ง) ใส่ถั่วปินโต ซัลซ่าสด กัวกาโมเล ซาวครีม และเนื้อสัตว์ตามชอบ รสชาติเข้มข้นตามฉบับอาหารเม็กซิกัน       มากันที่เมนูพระเอกของร้านอย่าง Tacos กันบ้าง ประเดิมที่จานแรก “Maxi-Tacos กุ้ง” แป้งข้าวโพดนิ่มใส่เนื้อกุ้ง โรยหน้าด้วยหอมใหญ่ และผักชีสับ เสิร์ฟพร้อมมะนาว เวลากินบีบมะนาวลงไปเพิ่มความสดชื่น ยิ่งทำให้จานนี้กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น และ "Cali-Tacos เนื้อริบอายสเต๊ก" แป้งสาลีนิ่ม พร้อมด้วยซัลซ่าสด กัวกาโมเลและซาวครีม เนื้อริบอายนุ่มๆ เข้าคู่กับซอสด้านในได้เป็นอย่างดี       ต่อกันที่ “LA Fish-Tacos” แป้งข้าวโพดนิ่ม พร้อมด้วยเนื้อปลา โรยด้วยซัลซ่าสด และกัวกาโมเล เป็นเมนูแบบ non daily ที่ปิดท้ายมื้ออร่อยได้อย่างสมบูรณ์    

โอมากาเสะน้องใหม่ที่เปิดให้บริการได้ไม่ถึงปี แต่ชื่อเสียงความอร่อย บรรยากาศ และเชฟฝีมือคุณภาพแถมหน้าตาดี ทำให้ “Tenko Omakase” กลายเป็นร้านโอมากาเสะที่มาแรงในตอนนี้     เมื่อเข้ามาถึงเราจะพบกับการออกแบบร้านที่มีความร่มรื่นภายในโรงแรมพูลแมน กลางใจเมืองกรุงเทพ Tenko เลือกการออกแบบร้านด้วยวัสดุธรรมชาติสไตล์ญี่ปุ่น ภายในตกแต่งโทนสีไม้ สีครีมและสีเทาให้ความรู้สึกอบอุ่น เหมือนกินอาหารในบ้านกลางสวนที่รอบล้อมด้วยบ่อปลาคาร์ฟ ร้านใส่ใจไปจนถึงเครื่องเซรามิคและเครื่องใช้ที่ได้รับการคัดเลือกจากช่างฝีฝือชาวญี่ปุ่น อาทิเช่น Shunsuke Tanaka, Takuya Yokoyama และ Hideto Kamii ซึ่งเป็นงานฝีมือที่มีแค่ร้าน Tenko เท่านั้นอีกด้วย       ส่วนเชฟที่รับหน้าที่รังสรรค์โอมากาเสะที่นี่ไม่ธรรมดาทั้งคุณภาพและหน้าตาเลยทีเดียว เชฟ “โกจิ โคบายาชิ” เชฟหนุ่มหน้าตาดีผู้มีประสบการณ์ด้านอาหารญี่ปุ่นมากว่า 10 ปี และเคยร่วมงานกับร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาว เมืองซานฟรานซิสโกอีกด้วย     วัตถุดิบของที่ร้าน “Tenko Omakase” นั้นมีตั้งแต่ เนื้อวัว TAKESHIMA A4 วากิว, หอยเชลล์ฮอกไกโด, กุ้งทะเลแดงจากคิวชู, ข้าวจากนิกาตะและมะเขือเทศมรดกสืบทอดจากยามานาชิ ซึ่งเราจะได้กินกันในคอร์สต่อจากนี้ด้วย     เริ่มคอร์สกันที่เหล่าเมนูเรียกน้ำย่อยที่เสิร์ฟมาด้วยกันถึง 2 จานใหญ่ จานแรกประกอบด้วยปลาชิมาจิหมักวาซาบิดอง เนื้อปลาสดหวานหอมกลิ่นวาซาบิอ่อนๆ ทูน่าต้มซีอิ๊วท็อปด้วยมันมือเสือรสหวาน มันญี่ปุ่นเนื้อเนียนรูปทรงเต้าหู้ และไข่ปลาแซลมอน เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงอย่างดอกกระเจียวญี่ปุ่น และข้าวโพดทอด ตามมาด้วยอีกหนึ่งจานใหญ่ที่มีบลูฟินทูน่า ปลาอินทรีญี่ปุ่น และหอยสังข์ ประดับด้วยเปลือกหอยสังข์สวยงามอลังการ       เมื่อจบเมนูเรียกน้ำย่อยแล้ว มาต่อที่ข้าวปั้นหน้าต่างๆ ไล่ระดับรสชาติตั้งแต่เบาไปหนัก เริ่มที่ปลา “Kinmedai” เนื้อหวานมัน, “Hokkigai หอยปีกนก” เนื้อหอยเด้งหนึบหนับ       “ปลาหมึก Shiro – ika” ท็อปด้วยอูนิรสหวาน, “Hotate หอยเชลล์” ย่างกำลังดีห่อด้วยสาหร่าย        “Kekani ikura don” ข้าวคลุกอูนิหวานมัน โรยด้วยปูขนท็อปด้วยไข่ปลาแซลมอน ตัดรสชาติด้วยเมนูใหม่อย่าง “Yurine Manjyu” ใช้เกสรดอกไม้กินได้นำมาฝนจนเนื้อฟูเนียน รสชาติคล้ายเผือกหวาน       ต่อกันที่เมนู “Kamatsu” ปลาน้ำดอกไม้ญี่ปุ่นท็อปด้วยขิงฝน, “Kohada” ปลาซาดีนท็อปด้วยสาหร่ายสีขาว        “Hakkaku” ปลาแปดเหลี่ยมเนื้อแน่น ทาซอสสูตรพิเศษของร้าน เสิร์ฟพร้อมหนังปลาทอดกรอบ, “Maguro zuke” ปลาทูน่าเนื้อแดงหมักซอสโชยุ       “Awabi” หอยเป่าฮื้อเสิร์ฟบนข้าวและซอสตับหอยเป่าฮื้อ ถ้วยนี้ได้ทั้งความมัน หอม หวานในคำเดียว และก่อนจะไปต่อด้วย 3 คำส่งท้ายสุดฟิน เชฟเลือกเมนูล้างปากด้วย “Sanma Yaki” ปลาซันมะทอดเสิร์ฟพร้อมมันหวานญี่ปุ่นทอด เวลากินบีบมะนาวลงบนปลาเพิ่มความสดชื่นมากยิ่งขึ้น       ตามด้วย “Matsutake soup” เห็ดยอดนิยมของคนญี่ปุ่น ต้มพร้อมกับข้าวญี่ปุ่นเพิ่มความหอม จากนั้นเสิร์ฟต่อรัวๆ กับ 3 คำที่เชฟภูมิใจนำเสนอที่สุด เริ่มที่ “Bafun Uni” อูนิสดๆ ส่งตรงจากญี่ปุ่นเสิร์ฟบนข้าวและซอสสูตรพิเศษของร้าน       ต่อด้วย “Otoro Abiri” เนื้อปลาทูน่าส่วนโอโทโร่ ท็อปด้วยไข่ปลาคาเวียร์ เมื่อกินเข้าไปแล้วเนื้อปลานุ่มละลายในปากเลยทีเดียว ปิดท้ายด้วย “Anago” ปลาไหลทะเลที่นำไปย่างแต่ยังคงความชุ่มช่ำ แถมปลามีความหวานและหอมกลิ่นซอสสูตรพิเศษของร้านอีกด้วย       ก่อนจะอิ่มกันไปซะก่อน เชฟขอส่งท้ายคอร์สนี้ด้วย ซุปมิโซะรสเข้มข้นร้อนๆ คล่องคอ และของหวานแสนสดชื่นอย่าง ยูสุซอร์เบต์ ไวท์ไวน์เจลลี่และผลไม้สดอย่างองุ่นและสาลี่ส่งตรงจากญี่ปุ่น ปิดท้ายโอมากาเสะมื้อนี้ได้อย่างลงตัว       สำหรับ Tenko Omakase มีให้เลือกทั้งหมด 2 คอร์ส อย่างคอร์สที่เรากินกันไปนั้นคือ Premium Omakase Course ราคา 6000 บาท (21 คำ) และ Dinner Nigiri Course ราคา 4500 บาท (14 คำ) โดยจะเปิดให้บริการทั้งหมด 2 รอบเวลา 18.00 และ 20.00 น. จำกัดเพียง 10 ที่นั่งต่อรอบเท่านั้น

เชื่อว่าการมาของ Ginza Thonglor ไลฟ์สไตล์คอมมูนิตี้แห่งล่าสุดที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 และชั้น 3 ของ Hotel Nikko Bangkok น่าจะทำให้เหล่าฟู้ดดี้คึกคักอย่างแท้จริง เมื่อที่นี่ได้มัดรวมร้านอร่อยจากญี่ปุ่นมาให้คนไทยได้สัมผัส เช่นเดียวกับ Tokyo Yakiniku Shoutaian ร้านเนื้อย่างชื่อดังที่มีสาขาในญี่ปุ่นกว่า 9 สาขา ก่อนจะมาเปิดในประเทศไทยเป็นสาขาแรก     ความพิเศษของร้านนี้คงต้องยกให้กับการคัดสรรเนื้อคุโระเกะวากิว (Kuroge Wagyu) หรือเนื้อวัวขนดำพันธุ์ขึ้นชื่อจากเซนได คุมาโมโตะ และฮอกไกโด เกรด A5 มาให้ทำความรู้จักกันอย่างใกล้ชิด ผ่านเนื้อหลากหลายส่วนที่ปรุงและควบคุมการย่างอย่างพิถีพิถัน เริ่มตั้งแต่ถ่านไม้ เตาย่าง และเวลาในการย่าง โดยมีน้องพนักงานมาดูแลความอร่อย ส่วนรายการอาหารจะมีให้เลือกทั้งแบบอะลาคาร์ต เซ็ตลันช์ และโอมากาเสะ ให้เลือกอิ่มตามชอบ แต่เมื่อได้มาเยือนถึงที่ทั้งทีเราเลยไม่พลาดลอง “คอร์สชิโจ ไซเคียว” คอร์สยอดนิยมสำหรับคนรักเนื้อที่รวมความอร่อยตามแบบฉบับโอมากาเสะกับเมนู 12 รายการ (สำหรับ 2 ที่) ที่ทำให้ร้องว้าว!       ประเดิมคำแรกกันด้วย Wagyu Sushi ซูชิเนื้อวากิวคำโตที่อัดแน่นความอร่อยของหอยเม่นจากฮอกไกโด ไข่ปลาแซลมอน จากอาโอโมริ และคาร์เวียร์จากรัสเซีย จนได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่หลากหลายในคำเดียว แล้วมาเรียกน้ำย่อยกันต่อด้วย Cold Soup หรือซุปเย็นประจำวัน อย่างในวันนี้เราได้ลองซุปข้าวโพดข้นสีเหลืองอ่อนรสหวานละมุนเสิร์ฟในแก้วช็อตใบเล็กให้ยกดื่มแบบรวดเดียวหมด     คำที่สามเป็น Wagyu Dish ออเดิร์ฟก่อนเข้าเมนูย่างที่จะสลับหมุนเวียนกัน คราวนี้เราได้ลองเนื้อวากิวดิบสไลซ์เป็นเส้นบางๆ ปรุงในน้ำซอส คลุกเคล้าไปกับงา ต้นหอม และสาหร่าย ให้เนื้อสัมผัสหนุบหนับรสชาติเค็มๆ มันๆ     ต่อด้วยคำที่สี่และห้าที่มาพร้อมกัน ได้แก่ Premium Wagyu Beef Tongue หรือ “ลิ้นวัวบุปผาย่างเกลือ” เนื้อส่วนโคนลิ้นด้านในหั่นชิ้นหนาบั้งเป็นลาย ก่อนที่ลิ้นวัวจะคลายตัวบานออกคล้ายดอกไม้เมื่อถูกความร้อน ความอร่อยขอยกให้รสสัมผัสนุ่มเด้ง ก่อนกินให้ป้ายวาซาบิเล็กน้อยเพื่อตัดความมัน อีกคำเป็น Chateaubriand Steak หรือสเต็กชาโตว์บริยองต์ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นราชาแห่งเนื้อ นำมาหั่นชิ้นหนาทว่าพอดีคำ นำมาย่างให้สุกอย่างช้าๆ กินคู่กับเกลือเห็ดทรัฟเฟิลจากอิตาลีส่งกลิ่นหอมกรุ่น       ตามด้วยซิกเนเจอร์เมนูอย่าง Melt in your mouth Hamburg Steak แฮมเบิร์กเนื้อวากิวที่มียอดขายอันดับ 1 ที่ญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยความนุ่มฟูและฉ่ำของเนื้อ อีกทั้งรสเปรี้ยวนิดๆ จากซอสที่หมักก็เข้าคู่กับน้ำซุปรสหวานกลมกล่อมได้อย่างเหมาะเจาะ     หลังจากผ่านครึ่งทางก็เข้าสู่คำที่เจ็ด Choice Two Kinds, Two Pieces Yakiniku ที่ยกความอลังการด้วยการเสิร์ฟโชว์ในหีบสมบัติส่งควันฟุ้ง โดยทางร้านได้เลือกเนื้อ 2 แบบให้เราลอง ได้แก่ เนื้อส่วนสันนอกชิ้นใหญ่มันน้อย และเนื้อส่วนสะโพกสุดนุ่ม ตอนเสิร์ฟน้องพนักงานจะค่อยๆ บรรจงม้วนให้พอดีคำวางเรียงคู่กัน วิธีกินก็ง่ายๆ เพียงแค่จิ้มกับซอสไวน์สูตรลับที่จะช่วยชูรสชาติของเนื้อให้เข้มข้นหอมมัน     มาเปลี่ยนบรรยากาศกับคำที่แปด Steamed Wagyu Beef เนื้อวากิวเกรด A5 ส่วนสันนอกชิ้นใหญ่ลายสวยนึ่งในเข่งใบยักษ์พร้อมกับผักนานาชนิด แล้วลงเสิร์ฟในชามใบเล็กกะทัดรัดพร้อมผักหวานๆ ให้เราค่อยๆ คีบส่งเข้าปากสัมผัสกับความนุ่มละมุน     จากนั้นก็ล้างปากด้วย Soup ซุปใสซอดคล่องคอ ต่อด้วยคำที่สิบอย่าง Sirloin Sukiyaki สุกี้ยากี้เนื้อเซอร์ลอยด์หรือเนื้อสันในส่วนติดมันมาปรุงและเสิร์ฟตามตำรับคันไซ ซึ่งจะมีความแตกต่างจากสุกี้ที่เราคุ้นเคยกัน เพราะตำรับคันไซจะกินสุกี้ยากี้แบบขลุกขลิก จุดเด่นความอร่อยเลยอยู่ที่การผสมซอสบนเตา ซึ่งประกอบด้วยน้ำตาล โชยุ และสาเก แล้วจึงค่อยนำเนื้อลงไปปรุงให้ซึบซับน้ำซอสอย่างช้าๆ เมื่อเนื้อสุกก็นำมากินคู่กับไข่ดิบ รสชาติที่ได้จึงมีทั้งความนุ่มหอมเค็มและมันจากเนื้อ ปิดท้ายด้วยความหวานของไข่ดิบ       แต่ความอร่อยยังไม่สุดทาง เพราะยังมี Namerou Beef Ochazuke ข้าวต้มเนื้อสไตล์ญี่ปุ่น ชูโรงด้วยความอร่อยของเนื้อวากิวดิบปรุงรสปั้นเป็นก้อนวางลงบนข้าวสวยญี่ปุ่น ระเบียบวิธีการกินก็แค่ค่อยๆ เทน้ำซุปชาเขียวลงไปบนข้าวหน้าเนื้อจนท่วม เติมรสชาติด้วยสาหร่าย ต้นหอม และวาซาบิ คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วลิ้มรสความหอมมันและอุ่นท้อง     แล้วมาปิดท้ายกันด้วย Today’s Dessert ของหวานสุดพิเศษประจำวัน อย่างวันนี้เป็นคากิโกริสตรอว์เบอร์รี่ น้ำแข็งใสเกล็ดหิมะนมเนื้อนุ่มท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รี่เชื่อมลูกโตที่พกพาความสดชื่น เรียกว่าอิ่มประทับใจกันถึงขีดสุดจริงๆ  

คาเฟ่เรือนกระจกขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยแมกไม้หลากหลาย ทำให้บรรยากาศภายในปลอดโปร่ง เย็นสบาย เมื่อเข้าไปในร้านเราจะเห็นดอกไม้และต้นไม้แทรกตัวอยู่ตามมุมต่างๆ ที่สำคัญเลยคือ ทุกเมนูมีดอกไม้ออร์แกนิคจากฟาร์มของทางร้านเป็นส่วนประกอบ นี่แหละ Boonta Flowers and Café คาเฟ่ดอกไม้น้องใหม่ในอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี           เราเริ่มต้นที่เมนู สเต็กปลากะพงราดซอสเนยเลมอน ปลากะพงย่างเนื้อชุ่มฉ่ำสดเด้ง เสิร์ฟพร้อมซอสเนยเลมอนรสเปรี้ยวนุ่มนวล มันบดเนื้อเนียน และผักย่าง     ตามด้วย สปาเกตตีขี้เมาทะเล รสชาติจัดจ้านเผ็ดร้อน เส้นเหนียวนุ่มสุกพอดี อัดแน่นไปด้วยซีฟู้ด เป็นอีกจานที่น่าลิ้มลอง     สายหวานเราแนะนำ ทาร์ตเลมอน ไอศกรีมไวท์มอลต์หวานละมุนรายล้อมด้วยครัมเบิลกรุบกรอบ ตัดด้วยรสเปรี้ยวสดชื่นของซอสเสาวรสและเลมอนเคิร์ด เมอแรงค์สีชมพูหวานแหวว ราสพ์เบอร์รีสดมาช่วยเพิ่มสีสัน กินพร้อมกันลงตัวทุกสัมผัส ใครชิมเป็นอันต้องติดใจ     หรือจะลอง มูสวานิลลาชาเขียวถั่วเเดง เนื้อนุ่ม หอมกลิ่นชาเขียว ตักลงไปจะมูสเจอวานิลลาและถั่วแดงกวนรสหวานมัน ราดเอสเพรสโซชอต รสเข้มตัดหวานหอมละมุนอยู่ในปาก       เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ประจำร้าน บุญตาช็อกโกแลตร้อน เพิ่มสีสันของเมนูนี้ด้วยสายไหมสีชมพูฟูฟ่อง เวลากินใช้ช็อกโกแลตร้อนราดลงบนสายไหมให้ละลายลงไปในแก้วฟองนม จากนั้นคนให้เข้ากัน บอกเลยใครสั่งเมนูนี้ได้ทั้งความสนุกและความอร่อย!     ปิดท้ายด้วยเมนูเครื่องดื่มสีสดใสครองใจทุกคนที่ดื่ม Lemonade รสเปรี้ยวซาบซ่า ดื่มแล้วชื่นใจหายเหนื่อย  

This Might Be Open minded เปิดใจเพื่อโลกที่ดีกว่า คือคอนเซปต์ของร้านชาไข่มุกรักษ์โลกขวัญใจเด็กม.ธรรมศาสตร์ รังสิต Tmbo Tea Bar ด้วยแนวคิดที่ไม่อยากเพิ่มขยะให้กับโลก จึงเลือกใช้แก้วพลาสติกย่อยสลายได้ที่ทำจากข้าวโพดและหลอดกระดาษ ส่วนเรื่องวัตถุดิบทางร้านเน้นแบบธรรมชาติ ใช้นมสดแทนครีมเทียม ชาเขียวก็นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นแหล่งต้นตำเนิดของวัตถุดิบเท่านั้น แบบนี้จะไม่เรียกว่าดีต่อโลก ดีต่อใจ ได้อย่างไรล่ะ       และที่สำคัญทางร้านยังมี  ATM Ordering Machine เครื่องสั่งชาด้วยตัวเอง อร่อยฟินกับชาไข่มุกง่ายๆ ไม่ต้องคิวรอนาน เก๋ไปอีกแบบ       แก้วนี้ขอมอบให้สาวกมัตฉะ Yuzu Matcha น้ำส้มยูสุรสเปรี้ยว ผสานไปกับมัตฉะชั้นดีจากเมืองอุจิ รสเข้มกลิ่นหอม ก่อนดื่มควรคนสักเล็กน้อย ก่อนสัมผัสถึงความสดชื่นสุดเพลิน       ต่อด้วยเมนูของสายเข้ม Chocolate Madness แบล็คโกโก้และช็อกโกแลตเข้มข้น ผสมกับนมสดหอมมัน มีไข่มุกหนึบหนับเคี้ยวเพลินๆ ได้ใจช็อกโกแลตเลิฟเวอร์จริงๆ     Pocky Milk เครื่องดื่มสีชมพูสุดคิ้วท์ นมสดสตรอว์เบอร์รีหวานมันและฟองนมนุ่มลิ้น ยิ่งจิบก็ยิ่งเพลิดเพลิน     สำหรับใครที่พกแก้วมาเอง Tmbo Tea Bar มีส่วนลดให้ 10 บาท พิเศษว่านั้นหากพกหูหิ้วผ้าของทางร้านมาด้วยจะได้ลดเพิ่มอีก 5 บาท คุ้มค่าแบบนี้  Let's go green กันเถอะ!  

ภายในโครงการ  Lido Connect ข้างๆ Siam Square One นั้นมีร้านเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติเข้มข้นคับแก้วซ่อนอยู่ CHUB N' CHEW ร้านน้ำปั่นที่สะสมประสบการณ์จากการออกงานแฟร์จนกลายเป็นขวัญใจของคนที่ได้ลิ้มลอง จากบราวนี่ที่ขายในโลกออนไลน์ถูกครีเอทด้วยความพิถีพิถัน และใส่ใจจนกลายมาเป็นบราวนี่ปั่นรสชาติดี เจ้าของร้านตอกย้ำความสำเร็จจนมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง ให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับรสชาติหนักแน่นถูกใจคนรักช็อกโกแลตทุกวัน       เมนูโดดเด่นที่อร่อยไม่เปลี่ยนแปลง Chocolate Brownie Frappe ดาร์กช็อกโกแลตปั่นรวมกับบราวนี่เข้มข้นหนึบหนับ ยังไม่จุใจ ตักบราวนี่เนื้อแน่นที่โรยอยู่ด้านบนมากินตบท้าย งานนี้ไม่ฟินก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว       ต่อด้วย Vanilla Brownie Frappe นมวานิลลาปั่นพร้อมกับบราวนี่ช็อกโกแลต หวานพอดี ใครชื่นชอบนมปั่นต้องถูกใจแก้วนี้แน่นอน     ส่วนสาวกมิ้นต์ต้องลอง Chocolate Mint Two Tone Brownie Frappe เมนูน้องใหม่ขายดี ชั้นล่างของแก้วเป็นมิ้นท์รสเย็นสดชื่น ตัดกับรสเข้มของช็อกโกแลต และบราวนี่ที่ท็อปอยู่ด้านบนได้อย่างพอดิบพอดี ด้วยสัดส่วนที่ลงตัวช่วยส่งให้เครื่องดื่มแก้วนี้เป็นที่รื่นรมย์ของทุกคนที่ชิม     ใครเป็นแฟนคลับบราวนี่อย่าลืมไปฟินที่ CHUB N' CHEW นะ    

บ้านสีขาวหลังใหญ่ที่โอบล้อมไปด้วยสายธารสีเขียวมรกต และแมกไม้นานาพันธุ์ ดีกัน คาเฟ่ ร้านย่านสมุทรสาครที่เหมาะเจาะสำหรับคนรักธรรมชาติ นอกจากจะได้อิ่มอร่อยไปกับอาหารรสเลิศแล้วยังได้เพลินเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆ อาทิ พายเรือ ชมต้นไม้ ให้อาหารปลา ชวนให้ผ่อนคลายสบายใจราวกับได้พักผ่อน กิน เที่ยว ในต่างจังหวัดอย่างไรอย่างนั้น           เริ่มต้นความอร่อยจากเมนู ผัดไทย เส้นเล็กเหนียวนุ่มเครื่องครบครัน ปรุงรสด้วยซอสมะขามเปียกสูตรเฉพาะของทางร้าน มีกุ้งเนื้อสดเด้ง กลมกล่อม อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม     ต่อด้วยเมนูคนรักปลาอย่าง ปลาดีกัน เสิร์ฟความอร่อย 2 เมนูปลา ทั้งปลากะพงทอดกระเทียมกรุบกรอบชวนชิม กินคำแรกก็เทใจให้รัวๆ ปลาสามรส หวานนิดเค็มหน่อยกำลังดี แอบซ่อนความเผ็ดเบาๆ กินกี่คำก็ไม่เบื่อ     หรือจะลอง ข้าวน้ำพริกกะปิปลาทู น้ำพริกกะปิกินกับข้าวหอมมะลิหุงสวย ปลาทูทอดตัวใหญ่ ชะอมทอดไข่เหลืองกรอบ มะเขือชุบไข่ ผักลวกและผักสด ถือเป็นหนึ่งจานความอร่อยที่คุ้มค่า     ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน เมนูโปรดของใครหลายคน ภายในลูกมะพร้าวอ่อนอัดแน่นไปด้วยเครื่องห่อหมกรสจัดจ้าน ตักลงไปจะเจอกุ้งสดหวาน ตัวอวบๆ ใครชอบรสเผ็ดเมนูนี้แหละตอบโจทย์     ล้างปากด้วยขนมหวานซิกเนเจอร์ ดีกัน ชีสเค้ก ช็อกโกแลตรสเข้มเข้ากันได้ดีกับชีสและแคร็กเกอร์ป่นกรุบกรอบ ใครเลิฟช็อกโกแลตเมนูนี้เราแนะนำเลย     มิกซ์เบอร์รี่ โซดาผสมไซรัปมิกซ์เบอร์รี่ที่นำเข้าจากฝรั่งเศส หวานเย็นชื่นใจ เมนูเครื่องดื่มสีสวย อัญชันมะนาว รสเปรี้ยวหวานสดชื่นคลายร้อนได้เป็นอย่างดี       เอาใจคนรักกาแฟด้วย คาปูชิโนร้อน รสเข้มอุ่นๆ หอมกรุ่นกลิ่นหอมๆ ทำให้ผ่อนคลายสบายใจ     อิ่มอร่อยแล้วอย่าลืมหยิบต้นไม้มงคล ของขวัญพิเศษจากทางร้านที่มอบให้เป็นที่ระลึกด้วยนะ  

Botanica café จุดเริ่มต้นจากความชอบในการสะสมของแอนทีคและเหล่าต้นไม้สีเขียวของเจ้าของร้าน นำมาสู่การเปิดคาเฟ่ที่รวบรวมของสะสมหายากที่ทางร้านนำมาประดับตกแต่ง สร้างความยูนีค น่าค้นหา พร้อมด้วยเหล่าแมกไม้นานาพรรณสร้างความสดชื่นให้ของสะสมต่างๆ กลับมามีชีวิตอีกครั้ง       เจ้าของร้านบอกกับเราว่าอยากนำของสะสมที่ตัวเองรัก มาแชร์ให้คนที่หลงใหลในสิ่งเดียวกันได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็น จาน แก้ว ชุดชา และข้าวของเครื่องใช้วินเทจต่างๆ อีกทั้งลูกค้าสามารถหยิบจับของแอนทีคภายในร้านมาใช้เป็นพร็อพเพื่อถ่ายรูปได้โดยไม่หวง ถือเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองการแต่งร้านที่เจ้าของร้านชอบอีกด้วย       เริ่มที่เมนูชูโรงชื่อเดียวกับร้านอย่าง “Botanica​ coffee​” เครื่องดื่มเข้มข้นที่นำมัตฉะกับกาแฟมาจับคู่กันในแก้วเดียว สามารถเลือกดื่มทีละชั้นก็ได้ หรือคนแล้วดื่มพร้อมกันก็ดี     ต่อกันด้วยของหวานตัวท็อปอย่าง “นิวยอร์ก​ชีสเค้ก ​(Newyork Cheesecake)​” เนื้อเค้กสัมผัสเนียนนุ่ม เปรี้ยวกลมกล่องกำลังดี ทานคู่กับผลไม้ตระกูล​เบอรี่สดชื่น     “นมสตอวร์เบอร์รี่ ​(Strawberry Milk)”​ น้ำสตอวร์เบอร์รี่สดหวานหอม เพิ่มความละมุนด้วยฟองนมนุ่มๆ ด้านบน ท็อปด้วยสตอวร์เบอร์รี่สดหั่นพอดีคำ วิธีดื่มคือนำช้อนตักสตอวร์เบอร์รี่กับฟองนมด้านบนกินก่อน จากนั้นดื่มนมตาม เป็นเครื่องดื่มที่ได้รสชาติของสตอวร์เบอร์รี่หลายมิติทีเดียว       ปิดท้ายด้วย “Botany​ ​Fruit” ​ไอศกรีมวานิลลาหวานหอม เสิร์ฟพร้อมเอสเพรสโซ่ช็อต และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่รสเปรี้ยว เวลาทานให้ราดเอสเพรสโซ่ตามชอบ ตักคู่กับไอศกรีมวานิลลา ปิดท้ายด้วยผลไม้ต่างๆ ที่ได้ทั้งความหอมจากกาแฟ ความหวานเย็นจากไอศกรีม และความสดชื่นจากเบอร์รี่ หากใครไม่ใช่คอกาแฟ สามารถเปลี่ยนเป็นมัตฉะ หรือโกโก้ได้เช่นกัน      

ขอยกให้เมนูข้าวหน้าปลาไหลเป็น 1 ในสุดยอดอาหารญี่ปุ่นที่ต้องอาศัยความประณีตของเชฟมากเป็นพิเศษ ซึ่งนับเป็นความโชคดีของเรา เมื่อร้าน Unagi Toku ร้านระดับตำนานจากเมืองฮามามัตสึ จังหวัดชิซูโอกะที่เปิดมานานกว่า 110 ปี (ตั้งแต่สมัยเมจิ) ได้มาประจำการนอกญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกแล้วที่โซน Rose Dining ฝั่ง Siam Takashimaya Iconsiam ดูแลโดยเชฟชาวญี่ปุ่นที่ชำนาญเรื่องปลาไหลโดยเฉพาะ       สิ่งที่ทำให้เมนูปลาไหลของทางร้านโดดเด่นเป็นพิเศษคือการเลือกใช้เฉพาะปลาไหลสดโดยไม่ผ่านการแช่แข็งเพื่อยังคงรสชาติของเนื้อปลาไว้แบบครบถ้วน อีกทั้งยังใช้วิธีการแล่ปลาสไตล์คันโตแบบผ่าด้านหลัง ต่างจากแบบคันไซที่ใช้วิธีผ่าจากหน้าท้อง นำไปนึ่งก่อน 15 นาที แล้วนำไปย่างอีกครั้ง ปลาไหลของที่นี่จึงมีเนื้อสัมผัสพิเศษคือนุ่มแต่เด้งและไม่มีกลิ่นคาว รวมถึงซอสปลาไหลสูตรโทคุที่ถูกสืบต่อมาหลายชั่วอายุคน ทั้งหอมและกลมกล่อม เลือกได้ทั้งแบบทาซอสหวาน ย่างมิริน และย่างเกลือ       อุ่นเครื่องด้วย Umaki ปลาไหลย่างทั้งตัวห่อไข่เสิร์ฟคู่ซอสรสหวาน คีบเข้าปากแล้วได้ทั้งความนุ่มของไข่ด้านนอก ตามด้วยรสชาติของเนื้อปลาไหลที่ซุกซ่อนไว้ด้านใน อีกเมนูนำนำ Shirayaki หรือปลาไหลย่างขาวที่ได้ทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ และความนุ่มของเนื้อปลาอย่างเต็มอิ่ม เสิร์ฟพร้อมวาซาบิและขิงขูด แต่เราว่ากินเปล่าๆ ก็อร่อยแล้ว       ห้ามพลาดเมนูไฮไลต์ Hitsumabushi (Matsu) ชุดข้าวหน้าปลาไหลที่มีวิธีการกิน 3 ขั้นตอนด้วยกัน ถ้วยแรกคือกินปลาไหลราดด้วยซอสกับข้าวสวยร้อนๆ ถ้วยที่ 2 ลองเติมต้นหอมหั่นฝอยและวาซาบิลงไปเพิ่มความฉุนขึ้นจมูก ปิดท้ายด้วยแบบสุดท้าย เติมต้นหอมหั่นฝอยและวาซาบิก่อน จากนั้นค่อยๆ รินโอชาสึเกะหรือซุปน้ำชาสูตรพิเศษลงไปในชาม จะได้ทั้งกลิ่นหอมอ่อนๆ และความนุ่มนวลของเนื้อปลาไหลในคำเดียว     อร่อยสมกับเป็นร้านในตำนาน

หากใครยังจดจำความอร่อยของอาหารเวียดนามที่เคียงคู่กับบาร์สุดเก๋ Happy Endings Eats & Bar กันได้ มาตอนนี้โครงการใหม่ในเครือเดียวกันได้เกิดขึ้นอีกครั้งในชื่อ “โรงอาหารศาลาแดง” (Saladang Dining Hall) ร้านอาหารไทยในบรรยากาศน่ารักที่แฝงความฮิปด้วยการตกแต่งและเครื่องดื่มสูตรพิเศษ       จากความตั้งใจที่จะให้ที่นี่เป็นโรงอาหารของชาวออฟฟิศและผู้คนแถบนี้ โรงอาหารศาลาแดงจึงมาในโทนสีขาวสะอาดตาและรายล้อมไปด้วยกระจกบานใหญ่ที่ทำให้มองเห็นความเป็นไปในซอยศาลาแดง ส่วนภายในก็มีลูกเล่นที่แฝงความเป็นไทย ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของลอนกระเบื้องตรงบริเวณบาร์ เรื่อยไปจนถึงโครงสร้างไม้ที่ยังคงความอบอุ่นของบ้านเก่าหลังเดิมเอาไว้       ส่วนเรื่องอาหารก็ได้เชฟคาลวินที่เคยสะสมประสบการณ์จากร้าน Pink Flamingo มาสร้างสรรค์อาหารไทยสไตล์คอมฟอร์ตฟู้ดที่พกพาความสนุกทว่าเรียบง่าย อีกทั้งยังคงความเป็นไทยด้วยรสชาติที่ขอรับประกันความถูกใจ ประเดิมด้วยเมนูอาหารจานเดียวอย่าง Panang Rice Bowl ข้าวพะแนงหมูในชามใบโตเสิร์ฟพร้อมไข่ออนเซ็นมาคลุกเคล้า จนได้รสชาติเข้มข้นแฝงความหวานและเผ็ดร้อน     ตามด้วย Crab Fried Rice ข้าวผัดหอมกลิ่นกระทะมาพร้อมเนื้อปูแน่นๆ เต็มคำ พร้อมน้ำจิ้มรสจี๊ดจ๊าดถ้วยเล็กมาเติมรสชาติ แต่ถ้าชอบอาหารรสจัดก็ต้อง Southern Yellow Curry แกงเหลืองรสเผ็ดถึงเครื่องมาพร้อมปลากะพงชิ้นหนาเนื้อนุ่ม       หรือจะลอง Nam Prik Pla Too Sap น้ำพริกปลาทูสับที่นำเนื้อปลาทูไปโขลกกับกะปิแล้วปรุงรส จนได้น้ำพริกขลุกขลิกหอมกลิ่นปลาทูครบรสทั้งเปรี้ยว เค็ม และเผ็ด เหมาะเคียงคู่กับผักสดอย่างที่สุด แต่ถ้ายังไม่จุใจก็อย่าลืมสั่ง Grilled Basil Porkchop สเต็กหมูย่างหมักในกระเทียมและพริกเนื้อนุ่มแทรกมันนิดๆ เสิร์ฟพร้อมสลัดแตงกวาและใบกะเพรากรอบ       ส่วนของหวานเราขอแนะนำ Market Bananas หรือกล้วยทอดตลาดเช้าที่นำกล้วยหอมมาเสียบไม้แล้วชุบแป้งทอดแล้วราดด้วยคาราเมลจากน้ำตาลอ้อย จนได้ความฉ่ำหวานและหอม ยิ่งได้ Full Moon Bay เครื่องดื่มสีเหลืองอ่อนที่ใช้เหล้ารัมฉลองเบย์ผสมเหล้าเวอร์มุธและไซรัปเก๊กฮวยมาจิบด้วยก็ยิ่งดีงามเข้าไปอีก เพราะรสชาติทั้งหอมหวานและสดชื่น ลืมความข้มเข้มของรัมไปเลยทีเดียว    

ออกอาการท้องร้องเป็นพิเศษ เมื่อได้ยินข่าวว่าตอนนี้ร้านมาริโกลด์ (Marigold) ร้านอาหารไทยรสจัดจ้านของ Josh Hotel ไลฟ์สไตล์โฮเทลแห่งซอยอารีย์ที่เราหลงรัก เพิ่งเปิดบ้านหลังที่ 2 ในซอยสุขุมวิท 26 กับรูปโฉมใหม่ที่แปลกตาขึ้นแต่ยังคงความคลาสสิกเสมือนฉากจากภาพยนตร์อันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวเอาไว้   อีกทั้งยังแบ่งพื้นที่ด้านในเป็นบาร์ชื่อ “Serial Laughter” ส่งต่อเสียงหัวเราะกับค็อกเทลดีๆ ให้นั่งชิลหลังเลิกงาน     สูตรอาหารของร้านมาริโกลด์ (หรือแปลเป็นไทยให้เรียกง่ายๆ ว่านางดาวเรือง) เป็นอาหารรสจัดจ้านถึงใจจากเกาะสมุย และแม้ว่าที่สาขานี้จะเพิ่มอาหารจานเดียวให้หลากหลายขึ้น แต่ก็ยังคงรสชาติเข้มข้นแบบทางใต้ไว้ได้อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะเครื่องแกง กะปิ และผักพื้นบ้าน อันเป็นไอเท่มลับหลังบ้านที่ทำให้ทุกเมนูน่าลิ้มลองไปเสียหมด       เริ่มต้นมื้อนี้ด้วยยำสมุนไพรปลากรอบ ชื่ออาจฟังดูธรรมดาแต่จานนี้เราติดดาวให้เลย ที่ร้านใช้ปลาวง (ปลากระเบนแห้งทอดกรอบ) มายำกับเครื่องสมุนไพร เคล้ากับน้ำยำรสออกหวาน เปรี้ยว และเผ็ด เข้ากับรสเค็มอ่อนๆ ของปลา แถมมีเม็ดมะม่วงหิมพานต์กรอบๆ มันๆ มาเพิ่มเติมความอร่อย ที่สำคัญเราชอบที่ปลายังกรอบและไม่ยุ่ยไปกับน้ำยำ     อีกหนึ่งจานไฮไลต์ คั่วกลิ้งเนื้อสันนอกออสเตรเลีย กินคั่วกลิ้งทั้งทีจัดเนื้อดีๆ ไปเลยดีกว่า จานนี้เผ็ดร้อนถึงเครื่องแบบอาหารใต้ ผัดและคั่วจนพริกแกงซึมซับเข้าเนื้อชิ้นนุ่มๆ ได้ดี แถมยังมีพริกไทยสด และพริกขี้หนูลูกโดดเป็นกับดักความอร่อย กินกับข้าวสวยร้อนๆ ถึงอกถึงใจจริงเชียว     ส่วนใครไม่ถนัดรสเผ็ดจัด ลองสั่งปีกไก่ทอดมาริโกลด์ ซิกเนเจอร์ที่ยังฮอตไม่เปลี่ยน ไก่ทอดร้อนจี๋ ที่ส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกลเพราะใส่เครื่องแกงใต้ลงไปด้วย หรือจะลองหลนเจ้าทะเลชามโต รสชาตินุ่มนวล เสิร์ฟมาพร้อมไข่ต้มและผักสดสำหรับกินแนมอีกชุดใหญ่       จบมื้อนี้พูดได้ทั้งใจว่า “หรอยแรง”   *อ่านเพิ่มเติม Josh Hotel (https://www.gourmetandcuisine.com/stories/detail/284)

ได้เวลาสัมผัสความเท่แบบดุดันกับ “Black Smith” ร้านคาเฟ่เปิดใหม่ย่านอารีย์ที่ผสมผสานความเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์และบรรยากาศโรงตีเหล็กเก่าได้อย่างลงตัว   เมื่อเดินเข้ามาในอารีย์ซอย 3 เราจะพบกับคาเฟ่สไตล์ Industrial Loft ที่มีประตูโค้งสีดำและป้ายร้านเหล็กสีทองแดงสะดุดตา เพิ่มความดุดันด้วยชุดพรมหนังสัตว์ แต่งพื้นด้วยหินกรวดสีน้ำตาลบริเวณกลางร้าน บรรยากาศคล้ายนั่งจิบเครื่องดื่มและทานอาหารท่ามกลางทะเลทราย ผสมผสานความหรูหราและความดิบเท่ออกมาได้อย่างลงตัว         ร้าน “Black Smith” เปิดให้บริการ 2 ช่วง โดยช่วงกลางวัน (11.00 – 18.00 น.) เปิดเป็นคาเฟ่ให้ทุกคนเข้ามาจิบกาแฟสูตรพิเศษและเค้กโฮมเมดที่เปลี่ยนรสชาติทุกเดือน ส่วนรอบค่ำ (19.00 – 00.00 น.) ที่นี่จะกลายเป็นร้านอาหารและค็อกเทลบาร์สุดชิค เสิร์ฟเครื่องดื่มและอาหารสไตล์ฟิวชั่นให้ทุกคนได้ลิ้มลอง       ประเดิมที่เมนูกาแฟสูตรพิเศษที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ “House Blend – White” ชุดกาแฟสูตรพิเศษที่ใส่ใจแนบที่มาของกาแฟมาให้ภายในเซต ซึ่งแก้วที่เราชิมนั้นประกอบด้วยเมล็ดกาแฟจาก 3 แหล่ง ได้แก่ ดอยสะเก็ต ลาว และบราซิล ผ่านกรรมวิธี Washed Process จากนั้นนำไปคั่วแบบ Medium-Dark Roast ได้กลิ่นช็อคโกแลตและอัลมอนต์อบอวลอยู่ในจมูก โดยวิธีการดื่มกาแฟเซตนี้ ทางร้านให้เรา D.I.Y รสชาติเองโดยแยกนมและกาแฟมาให้เราเติมความเข้มเองตามชอบ ถือเป็นชุดกาแฟที่ใส่ใจในรสชาติของผู้ชิมได้ดีจริงๆ       จากนั้นเพิ่มความสดชื่นด้วย “Smith” เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านที่นำกาแฟ cold brew ไปผสมกับส้มแมนดาริน เลม่อน เพิ่มสีสันด้วยสตรอว์เบอร์รี่และราสพ์เบอร์รี่สีแดงสด เป็นเมนูกาแฟที่ดื่มง่ายเลยทีเดียว       ปิดท้ายด้วยม็อคเทลสูตรพิเศษ “Give” ที่มีส่วนผสมของราสพ์เบอร์รี่ สตอวร์เบอร์รี่ น้ำทับทิม และเลม่อน ตัดรสหวานหอมด้วยน้ำผึ้ง เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ช่วยสร้างความสดชื่นระหว่างวันได้เป็นอย่างดี     อย่างที่บอกว่าที่ร้าน “Black Smith” ยังมีเหล่าเค้กโฮมเมดหน้าตาดี ทำสดวันต่อวัน ซึ่งทางร้านจะเปลี่ยนหน้าเค้กทุกๆ เดือนตามฤดูของผลไม้ที่นำมาทำนั่นเอง      

แฟนอาหารญี่ปุ่นรุ่นเก๋าต้องรู้จักชื่อ “สึ” และ “นามิ เทปันยากิ สเต็กเฮ้าส์” ร้านอาหารญี่ปุ่นฝาแฝดที่เปิดคู่กันอยู่ในโรงแรมเจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ ริมถนนสุขุมวิทย่านเพลินจิตมาอย่างยาวนาน “สึ” เสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับสไตล์ไคเซกิ ส่วน “นามิ” เสิร์ฟเทปันยากิบนกระทะเหล็กร้อนๆ การปรับโฉมครั้งใหม่ของสึทำให้ G&C ต้องกลับมาลองชิมอีกครั้ง     เมื่อก้าวเข้าร้านจะเจอเคาท์เตอร์บาร์ทำจากไม้ตัวใหญ่ไว้จิบเครื่องดื่มก่อนเริ่มมื้ออาหาร พอท้องร้องได้ที่ก็เลี้ยวซ้ายเข้าร้านสึ จะเจอกระจกพับบานใหญ่ตกแต่งด้วยแพทเทิร์นลายญี่ปุ่นสีเขียวไล่โทนสลับสีเข้มและสีอ่อนสดใสสบายตา     ส่วนอาหารญี่ปุ่นนำทีมโดย เชฟทาเคดะ ยูคิโอะ จากยามากาตะ ที่ถนัดการทำเมนูปลาไหลและปลาปักเป้า เชฟแนะนำว่าที่นี่มีเมนูให้เลือกตั้งแต่ซูชิ ซาชิมิ เนื้อนำเข้า อาหารทะเลสด รวมทั้งชุดมื้อกลางวันให้เลือกว่า 10 เมนูหลัก เราชิมชุด Hokkaido Chirashi Sushi ข้าวหน้าปลาดิบสไตล์ฮอกไกโดที่ท๊อปด้วยไข่เจียวฝอย หอยเชลล์ อูนิและไข่แซลมอนเรียงรายเกือบล้นชาม เสิร์ฟพร้อมกับอาหารเรียกน้ำย่อยที่มีให้เลือกทั้งแคลิฟอร์เนียโรล สลัดและลูกชิ้นไก่ ชุดกลางวันนี้รวมขนมด้วยนับว่าคุ้มค่ามาก     เริ่มต้นมื้อด้วยสลัดเบาๆ เรียกความสดชื่นอย่าง Krispy Shirauo Fish Green Salad with Teriyaki Mayo Sauce ปลาชิราโอะหรือปลาเงินทอดกรอบกับสลัดผักสด น้ำสลักทำจากซอสเทริยากิและมายองเนสรสเค็มข้น     ส่วนเมนูที่ห้ามพลาดคือ Asari Clam Clear Soup ซุปหอยอาซาริหรือหอยตลับญี่ปุ่น เป็นหอยที่อยู่ในน้ำเย็นจัดเนื้อจึงหวานนุ่มหนึบ น้ำซุปใสรสหวานและเค็มอ่อนๆ มีกลิ่นหอมจากปลาแห้งโบนิโตะชั้นดี Homemade White Sesame Tofu เต้าหู้งาขาวที่เชฟทำสดใหม่ทุกวัน เนื้อเต้าหู้นุ่มเนียนมันและเด้งต่างจากเต้าหู้ถั่วเหลือง เมื่อราดซอสโบนิโตะผสมซีอิ๊วญี่ปุ่นให้รสเค็มปะแล่ม อร่อยลงตัว       Wagyu Foie Gras Pepper Roll มากิโรลไส้ฟัวกราส ห่อด้วยเนื้อวากิว A5 จากซากะ ได้รสมันจากฟัวกราส เนื้อวัวสไลด์บางเคี้ยวและนุ่มมันไขมันแทรกละลายในปาก     อีกจานที่คอปลาดิบห้ามพลาดคือ Deluxe Sashimi Selection ซาชิมิรวมที่ประกอบด้วย ปลาทูน่าส่วนเนื้อสีแดงเข้มเรียกว่า อากามิ รสเข้มข้น ส่วนท้องสีชมพูมีลายไขมันสีขาวแทรกเรียกว่า โอโทโร่ มันนุ่มละลายในปาก ปลาคัมปาจิ ปลาแซลมอน หอยโฮตาเตะ และกุ้งโบตัน ที่ไล่เรียงรสชาติได้อย่างเต็มคำ     ปิดท้ายด้วย Uji Green Tea Pudding พุดดิ้งชาเขียวสีเขียวเข้ม เนื้อนุ่มเบา รสหวานอ่อนๆ ปนขมและหอมกลิ่นชาเขียว ท๊อปด้วยถั่วดำเชื่อมสไตล์ญี่ปุ่นรสหวานมัน  

ยกให้เป็นขุมทรัพย์แห่งใหม่ใจกลางเมืองของสายกินที่ทั้งอร่อยและคุ้มค่าสุดๆ สำหรับบุฟเฟ่ต์อาหารกลางวันสุดพรีเมียมที่รวมพลความอร่อยนานาชาติแบบจัดเต็มที่ The Oasis” (ดิ โอเอซิส) ห้องอาหารแบบออลเดย์ไดนิ่งบนชั้น 6 ของ Hotel Nikko Bangkok โรงแรมสไตล์มินิมอลสุดเก๋แห่งทองหล่อที่บอกเลยว่าอร่อยเด็ดทุกสเตชัน       ก่อนไปลุยชิมความอร่อย เราแนะนำให้เลือกที่นั่งแสนสบายไว้ให้พร้อม ใครชอบดูวิวฟ้าสวยๆ หรือวิวเด็กๆ และครอบครัวเล่นสนุกสนานในสระว่ายน้ำก็พุ่งตรงไปบริเวณรอบผนังกระจกได้เลย หรือถ้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ที่นี่ก็มีโต๊ะยาวไว้รองรับกลุ่มเพื่อนเช่นกัน จากนั้นก็ถึงเวลาเตรียมท้องและเตรียมใจปะทะของอร่อยในแต่ละสเตชั่นกันได้เลย       ไม่ว่าจะเป็นสาวกอาหารญี่ปุ่นหรือไม่ เราก็อยากให้ลองชิมความอร่อยของสเตชันอาหารญี่ปุ่นของที่นี่ที่มีเมนูไฮไลต์ อาทิ Kaisen Don ข้าวหน้าปลาดิบที่รวมพลทั้งแซลมอน ทูน่า ไข่ปลา ไข่กุ้ง ปูอัด ไข่หวาน ปลาหมึก และแตงกวา (อยากให้เชฟเสิร์ฟเยอะหรือน้อยแค่ไหนก็บอกได้เลย) Chicken Curry ข้าวแกงกะหรี่ไก่รสเข้มข้นที่ใช้ข้าวนุ่มหนึบจากจังหวัดนีกาตะ รวมทั้งบรรดาซูชิและซาชิมิที่สดอร่อยสุดๆ           ส่วนคนรักอาหารทะเลต้องโดนใจกับสเตชันซีฟู้ดนานาชนิด ที่มีทั้งหอยนางรมเกาลี หอยแมลงภู่ และกุ้งสดตัวโตที่มีแบบแกะเปลือกพร้อมกินให้สาวๆ ไม่ต้องกลัวเปื้อนมือกันด้วย     ถ้ายังไม่อิ่มตรงไปต่อกันที่สเตชันพาสต้าหลากสไตล์ ผัดกันสดใหม่เสิร์ฟร้อนๆ เราแนะนำ Mentaiko Cream Pasta พาสต้าครีมไข่ปลาสไตล์ญี่ปุ่นที่อร่อยแบบคาดไม่ถึง หรือจะเลือกเส้น เนื้อสัตว์ และซอสตามชอบก็ฟิน (เชฟแอบกระซิบว่า สปาเกตตีผัดขี้เมาของที่นี่ฮอตฮิตทั้งในหมู่ชาวไทยและต่างชาติสุดๆ) ส่วนคนรักพิซซ่า ที่นี่มีเมนูพิซซ่าสไตล์อิตาเลียน แป้งบางกรอบ อบกันสดๆ ให้เลือกอร่อยกันอีกด้วย         ส่วนคนรักอาหารไทยไม่ต้องกลัวเลี่ยน เพราะที่นี่จัดเตรียมน้ำพริกรสจัดจ้าน เช่น น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกกุ้ง น้ำพริกตาแดง แกล้มผักสดนานาชนิด รวมทั้งจานเด่นแบบไทยๆ ในสเตชันอาหารไทยไว้ให้ทุกวัน (เราลองมากินแกล้มเมนูอื่นๆ แล้วอร่อยตัดเลี่ยนได้เวิร์คจริงๆ)       อีกหนึ่งสเตชันที่บอกเลยว่าต้องเก็บท้องไว้ชิมคือ บรรดาของหวานที่แสนละลานตา ไม่ว่าจะเป็นเค้กเรดเวลเวต ชีสเค้ก พานาคอตตา ทีรามิสุ และไอศกรีมโฮมเมดหลากรส อาทิ ชาเย็น เผือก สตรอว์เบอร์รี ช็อกโกแลต แต่ที่ห้ามพลาดเด็ดขาดคือ ไอศกรีมนมสดฮอกไกโดหอมหวานละมุนชื่นใจสุดๆ           ส่วนสายขนมปังและเบเกอรี ถ้ายังไหวอย่าลืมชิม Toast โทสต์หอมนุ่มชุ่มเนยที่ทำเสิร์ฟร้อนๆ กรอบนอกนุ่มในสุดๆ Green Tea Bun หอมชาเขียว Apple Crumble และ Bread Pudding ที่อร่อยประทับใจแบบไม่ (อยาก) ยอมอิ่มเลยทีเดียว         ใครอยากจัดเต็มความอร่อยแบบนี้ ไปได้เลยที่ The Oasis ชั้น 6 โรงแรม Hotel Nikko Bangkok ถนนสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) ให้บริการทุกวันจันทร์-วันเสาร์เวลา 12.00 – 14.30 น. ในราคาเพียง 700 บาท ++ ต่อท่าน (โทร. 0-2080-2111)

"ข้าวมันไก่" เมนูโปรดปรานของใครหลายๆ คน ถึงแม้จะไม่เลิศหรูอลังการ แต่ทุกครั้งที่กินก็ได้ความฟินมากมายเสมอ หากพูดถึง “ข้าวมันไก่รสเลิศ” หลายคนคงจะนึกถึงชื่อของ “โรงแรมมณเฑียร” เป็นแน่ ได้ยินแบบนี้แล้ว G&C จะรอช้าอยู่ใย รีบไปลิ้มลองตำนานความอร่อยให้รู้แจ้งเห็นจริงกันไปเลย       เพียงก้าวแรกที่เข้าร้านก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศอบอุ่น สบายๆ เหมาะมากสำหรับใช้เวลากับครอบครัว แต่ถ้ามาคนเดียวก็ชิลดีอยู่เหมือนกัน       ทางห้องอาหารเรือนต้นเสิร์ฟ ข้าวมันไก่ มาเป็นเซ็ตแบบจุใจซึ่งประกอบไปด้วย ไก่สับเป็นชิ้นพอดีคำ ข้าวมัน น้ำจิ้ม 4 อย่าง และน้ำซุปไว้ซดให้คล่องคอ     ไก่ต้ม ไก่คัดพิเศษที่ผ่านการต้มแบบพิถีพิถันจนได้เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เวลาจัดเสิร์ฟหั่นเป็นชิ้นพอดีคำจากนั้นราดด้วยน้ำมันงาสูตรพิเศษ ช่วยเพิ่มความหอมและเสริมให้ไก่มีรสชาติอันเค็มหวานเป็นเอกลักษณ์     กินพร้อมกับ ข้าวมัน ข้าวหอมมะลิชั้นดีที่หุงพร้อมน้ำมันเปลวไก่โดยตู้อบพิเศษ จึงทำให้ได้เมล็ดข้าวเรียงตัวสวย นุ่มร่วน ไม่มัน ราดด้วยน้ำจิ้มที่มีให้เลือกถึง 4 แบบตามความพอใจ ใครชอบกินเผ็ดเราแนะนำ น้ำจิ้มดั้งเดิม ทำจากซีอิ๊ว ขิง และพริกซอย รสชาติเค็มหวานและเผ็ดร้อน น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว รสชาติเปรี้ยวนำ เค็มปลายลิ้นและเผ็ดเล็กๆ จากพริก น้ำจิ้มขิง ใช้ขิงอ่อนสับหยาบผสมกับน้ำต้ม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว รสชาติเผ็ดซ่า เค็มเบาๆ ได้กลิ่นหอมของขิงชัดเจน ตัวสุดท้าย น้ำจิ้มซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วขาวเกรดพรีเมี่ยมปรุงจนรสหวานเค็มได้ที่ จากนั้นหันไปซดน้ำซุปร้อนๆ ที่ได้จากน้ำสต๊อกไก่เคี้ยวจนหวานกลมกล่อม ตัดเลี่ยนพอดิบพอดี       ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มที่ชวนลิ้มลอง น้ำส้มโอปั่น ใช้ส้มโอพันธุ์ทองดีเนื้อแน่นจากนครชัยศรี เพิ่มความหวานด้วยไซรัป รวมเป็นรสชาติเปรี้ยวหวานที่ลงตัว สดชื่นอย่าบอกใคร  

หากไม่ทันเห็นป้ายร้านสีเหลืองสดใสที่มีคำว่า “ฉัน” (Chunn) หลายคงอาจเผลอเดินผ่านร้านเนื้อเล็กๆ ที่มีที่นั่งเพียง 6 โต๊ะ ในบ้านหลังใหญ่ใจกลางเอกมัยที่กำลังมาแรงในหมู่คนรักเนื้อและมีคิวจองแน่นขนัดแทบทุกวัน       นอกจากความอร่อยของเนื้อไทยท้องถิ่นระดับคุณภาพและเนื้อออสเตรเลียนนำเข้าที่คัดสรรแต่ละส่วนของวัวมาอย่างดีเพื่อให้เหมาะกับรสชาติของแต่ละเมนูแล้ว ทีเด็ดของที่นี่ยังอยู่ที่น้ำจิ้มหลากสไตล์ รสจัดจ้านเป็นเอกลักษณ์ที่คิดค้นและทดลองปรับสูตรจนถูกปากคนไทย เรียกว่าความอร่อยของร้านนี้มาจากรสชาติและความชอบของเจ้าของร้านสมกับคำว่า “ฉัน” นั่นเอง       แม้จะมีจานเด็ดให้ชิม (ยัง) ไม่มาก แต่บอกเลยว่าโดนใจทุกจาน ไม่ว่าจะเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยใหม่ล่าสุด Beef Fries Dumpling เกี๊ยวทอดกรอบนอกนุ่มในสอดไส้เนื้อสับและทรัฟเฟิล กินคู่น้ำจิ้มรสเผ็ดหวานแสนจะเข้ากัน และ Truffle Mashed Potatoes มันบดเนื้อเนียนละมุนลิ้นสอดแทรกทรัฟเฟิลที่กินเพลินมาก       สายเนื้อตัวยงต้องลอง Strip Loin เนื้อออสเตรเลียนส่วนสันนอกย่างแบบมีเดียมแรร์ ซึ่งเป็นระดับที่ทางร้านแนะนำว่าอร่อยพอดีที่สุด (แต่สามารถสั่งระดับความสุกได้ตามชอบ) Beef BBQ เนื้อเสียบไม้ย่างกำลังดี มาพร้อมแจ่วบองหอมปลาร้า และ Chunn Beef Rice Bowl ข้าวญี่ปุ่นร้อนๆ ท็อปด้วยเนื้อสเต๊กย่างสุกกำลังดี ไข่ดองโชยุเยิ้มๆ และหอมเจียวทอดกรอบ เมนูซิกเนเจอร์ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด         และสำหรับคนไม่กินเนื้อ ที่นี่ก็ยังมี Chunn Grilled Pork หมูส่วนสันในย่าง กินกับแจ่วบองสูตรเด็ดให้อร่อยกันเต็มอิ่มอีกด้วย