ผักกูดที่เติบโตในพื้นที่ 3 น้ำของจังหวัดสมุทรปราการทำให้มีรสหวานกรอบไม่เหมือนที่ไหน นำมายำกับน้ำยำที่ทำจากเครื่องพริกโขลกเหมือนกับการทำน้ำพริกเผา ปรุงรสครบสามรส มีเปรี้ยว เค็ม และหวานกลมกล่อม   ส่วนผสมและวิธีทำน้ำยำ พริกแห้งเม็ดใหญ่ซอยคั่ว 2 เม็ด | หอมแดงซอยคั่ว 1/4 ถ้วย | กระเทียมไทยซอยคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย | น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ โขลกพริก หอมแดง และกระเทียมเข้าด้วยกัน นำเครื่องที่โขลกใส่หม้อ ใส่น้ำตาล น้ำมะขามเปียก และน้ำปลา ผสมให้เข้ากัน ตั้งไฟปานกลางจนเดือด ปิดไฟ เตรียมไว้ ส่วนผสม ผักกูดอ่อนเด็ดท่อนสั้น 2 ถ้วย กุ้งชีแฮ้ 3 ตัว หมูบดรวนให้สุก 1/4 ถ้วย ถั่วลิสงคั่วโขลกหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ หอมแดงเจียว 2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูแห้งทอด 3-4 เม็ด วิธีทำ ใส่น้ำลงในหม้อ 3 ถ้วย ตั้งไฟปานกลางจนเดือด ใส่เกลือ 1 ช้อนชา ลวกผักกูดพอสุก (ประมาณ 1 นาที) ตักขึ้นใส่อ่างน้ำเย็น เอาขึ้นสะเด็ดน้ำ ล้างกุ้งแล้วแกะเปลือก ดึงหัวและหางออก ผ่าหลังชักเส้นดำ ลวกกุ้งในน้ำเดือดให้สุก ใส่กุ้ง หมูบด และผักกูดในอ่างผสม ใส่น้ำยำ คลุกเคล้าให้เข้ากัน (เบาๆ) โรยด้วยหอมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ ถั่วลิสง เคล้าพอทั่ว ตักใส่จาน โรยหอมเจียวที่เหลือและพริกทอด

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เต้าหู้โมเมน 1 ก้อน ควินัวหุงสุก 2 สี 1 ถ้วย หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ เนื้อมะเขือเทศสไลซ์ 1 ผล มะกอกดำและเขียวสับ 2 ช้อนโต๊ะ ผักสลัดตามชอบ น้ำมันรำข้าวสำหรับย่าง ส่วนผสมและวิธีทำน้ำสลัดซอสถั่วเหลืองบัลซามิก ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำส้มสายชูบัลซามิก 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ | น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ | ผิวเลมอน 1 ช้อนชา | พริกไทยสำหรับปรุงรสเล็กน้อย ใส่ส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน ชิมรสตามชอบ วิธีทำ ซับเต้าหู้ให้แห้ง หั่นชิ้นพอดีคำ โรยเกลือและพริกไทยเล็กน้อย ย่างเต้าหู้บนกระทะ ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนจนสีเหลืองสวยทั่วชิ้น พักไว้ เรียงผักใส่ชามสลัด ใส่ควินัวและเต้าหู้ย่าง เสิร์ฟพร้อมกับน้ำสลัดซอสถั่วเหลืองบัลซามิก

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เต้าหู้เนื้อนิ่ม (เต้าหู้คินุ) 1 ก้อน อะโวคาโดหั่นสไลซ์ 1 ผล ต้นหอมซอยและงาขาวสำหรับโรยเล็กน้อย ส่วนผสมซอสถั่วเหลืองยูซุ น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย | ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ | น้ำมันงา 1 ช้อนชา | น้ำส้มยูซุ 1 ช้อนชา | ขิงหั่นแว่น 2 ชิ้น | กระเทียมบุบ 2 กลีบ   วิธีทำ ใส่ส่วนผสมซอสถั่วเหลืองยูซุ ผสมให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 30 นาทีจนซอสเย็นแล้วกรองออก เตรียมไว้   ส่วนผสมและวิธีทำซอสมิโซะ เต้าเจี้ยวบด (มิโซะ) 3 ช้อนโต๊ะ | น้ำเปล่า 3/4 ถ้วย | น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกันให้ซอสข้นเล็กน้อย ชิมรสตามชอบ จัดจานโดยเรียงเต้าหู้สลับกับเนื้ออะโวคาโด ราดซอสถั่วเหลืองยูซุให้ทั่ว จากนั้นราดซอสมิโซะบนหน้า โรยต้นหอมซอยและงาขาวให้สวยงาม

ส่วนผสมชีสมอซซาเรลลา นมวัวดิบ 2 กิโลกรัม น้ำส้มสายชู 100 กรัม เกลือทะเลสำหรับปรุงรส วิธีทำ ต้มนมให้พออุ่น อุณหภูมิประมาณ 45-55 องศาเซลเซียส ใส่น้ำส้มสายชู คนเบาๆ ให้เข้ากันจนจับตัวเป็นก้อน หรือเป็นเคิร์ดแยกตัวออกเป็นน้ำนม (เวย์) กรองชีสเคิร์ดด้วยผ้าขาวบาง คั้นเวย์ออกพอประมาณ นำเวย์ที่ได้ทั้งหมดกลับไปต้มให้ร้อนอุณหภูมิประมาณ 85 องศาเซลเซียส ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย

จานสลัดที่จะมาช่วยเบรกความเข้มข้น เนื้อหอยเชลล์ย่างสุกกำลังดี กินคู่กับผักสลัดและสตรอว์เบอร์รี รู้สึกสดชื่นผสมผสานกับความหอมและเข้มข้นของบลูชีส (Blue Cheese) เข้ากันได้ดีกับน้ำสลัดมะม่วงและเสาวรส   ส่วนผสม เนื้อหอยเชลล์ฮอกไกโด 5-6 ตัว เนยจืด 2-3 ช้อนโต๊ะ ใบไทม์ 1-2 กิ่ง น้ำมันมะกอกสำหรับย่าง เกลือทะเลและพริกไทยดำสำหรับปรุงรส ส่วนผสมสลัด บลูชีส | ผักสลัดตามชอบ | สตรอว์เบอร์รี | รวงผึ้ง   วิธีทำ ซับเนื้อหอยเชลล์ให้แห้ง โรยเกลือและพริกไทย ย่างหอยเชลล์ในกระทะใส่น้ำมันมะกอกด้านละ 1 นาทีจนสีเหลืองสวย ใส่เนยจืดและใบไทม์ ตักเนยราดเนื้อหอยเล็กน้อย ปิดไฟ ตักขึ้น ส่วนผสมน้ำสลัด เนื้อมะม่วงสุก 1/2 ผล | เนื้อเสาวรส 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วย | น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ | ผิวเลมอน 1/2 ผล | เกลือทะเลและพริกไทยสำหรับปรุงรสเล็กน้อย   วิธีทำ ปั่นส่วนผสมทั้งหมดด้วยเครื่องปั่นมือถือให้พอเข้ากัน ชิมแล้วปรุงรสตามชอบ เตรียมไว้ วางผักสลัดต่างๆ ลงบนจาน วางหอยเชลล์ย่าง สตรอว์เบอร์รี บลูชีสและรวงผึ้งให้สวยงาม เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัด

กระเจี๊ยบ ผักที่เป็นฝักยาวสีเขียวคล้ายนิ้วมือหญิงสาว ตามฝักมีขนอ่อนๆ ทั่วฝัก มีสันเหลี่ยมตามยาว 5 เหลี่ยม ว่าไปแล้วก็ไม่ใช่ผักของชาววีแกนหรือมังสวิรัติชอบกินกัน คนรักสุขภาพที่ชอบกินเนื้อสัตว์ก็ชอบกินกระเจี๊ยบเพราะมีสรรพคุณหลากหลาย ประโยชน์ที่โดดเด่นคือมีสารที่เป็นเมือกจำพวกเพกติน (Pectin) และกัม (Gum) ซึ่งจะช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ และยังช่วยยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดแผลในกระเพาะอาหารไม่ให้ลุกลาม เวลาที่เราเอาไปลวกหรือผัดจะเห็นเมือกเหนียวๆ นี้ซึ่งหลายคนไม่ชอบ แต่ประโยชน์ของกระเจี๊ยบก็อยู่ตรงเมือกนี้เอง กระเจี๊ยบยังมีเส้นใยที่ช่วยในการทำงานของลำไส้ให้ดูดซึมสารอาหารได้ง่าย ส่งผลให้ระบบขับถ่ายดี ช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี และเส้นใยนี้ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ จึงเหมาะมากสำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน   แต่การกินกระเจี๊ยบสำหรับบางคนไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเมือกที่เป็นยางในฝัก ทั้งเนื้อสัมผัสของผักบางคนอาจจะรู้สึกว่าหยาบ ถ้าไม่ใช่กระเจี๊ยบฝักอ่อน หรือไม่ทำให้สุกดีก็จะรู้สึกกระด้างและเหนียว ในทางการครัวของคนหลากหลายชาติที่กินกระเจี๊ยบก็มีวิธีที่จะช่วยให้เมือกในกระเจี๊ยบน้อยลงหรือหายไปและกินได้อร่อย คนที่นิยมกินกระเจี๊ยบมากที่สุดน่าจะเป็นคนอินเดียที่นิยมนำมาผัดใส่เครื่องเทศ ต้มรวมลงไปในแกงต่างๆ จนนุ่ม ถ้านำมาผัดจะหั่นตามขวางประมาณ 1 เซนติเมตร แล้วผัดกับน้ำมันใส่เกลือและขมิ้นเล็กน้อย ผัดไปจนสลดจะทำให้เมือกหายไป แล้วจึงนำมาผัดใส่เครื่องเทศอีกที ทำให้กินได้อร่อย ส่วนคนตะวันออกกลางนิยมนำมาทอดในน้ำมันร้อนท่วมให้กระเจี๊ยบรัดตัวแล้วตุ๋นกับซอสมะเขือเทศ กินเป็นเครื่องเคียงกับเนื้อสัตว์ต่างๆ คนญี่ปุ่นนำมาชุบแป้งทอดเป็นเทมปุระ นำมาย่างเป็นผักย่างกินกับเนื้อย่าง หรือนำมานึ่ง ลวก กินรวมในผักสลัด ส่วนคนไทยนิยมนำมาต้มจิ้มกินกับน้ำพริก และประเทศเพื่อนบ้านเช่นพม่าที่กินกระเจี๊ยบกันมากนิยมนำมาใส่ในแกงส้ม   ส่วน สลัดกระเจี๊ยบสไตล์เสฉวน นี้เป็นสลัดที่มีรสเผ็ดนิดๆ น้ำสลัดมีสีแดงหอมกลิ่นเครื่องเทศตามสไตล์เสฉวน ใส่ครีมงาเพื่อให้น้ำสลัดข้นและหอมกลิ่นงา ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เป็นเมนูที่ชวนกิน กินอร่อย และทำไม่ยากเลย   ใครที่อยากลองกินกระเจี๊ยบผักสุขภาพที่นึกไม่ออกว่าจะทำอะไร หรืออยากลองเปลี่ยนเมนู เมนูนี้ตอบโจทย์เลย Spicy Sichuan Okra Salad สลัดกระเจี๊ยบสไตล์เสฉวน ส่วนผสม กระเจี๊ยบ ประมาณ 150 กรัม น้ำมันพืช 6 ช้อนโต๊ะ ต้นหอม หั่นยาว 3 ต้น กระเทียมสับหยาบ 4-5 กลีบ โป๊ยกั๊ก 1 ดอก อบเชย ยาว 2 นิ้ว 1 แท่ง พริกเสฉวน หรือชวงเจีย 1 ช้อนโต๊ะ พริกแห้งแดงชนิดเกล็ด 1 ช้อนโต๊ะ งาขาว 1 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมน้ำสลัด น้ำมันกระเทียม ครีมงา หรืองาบด 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนชา วิธีทำ ลวกกระเจี๊ยบในน้ำเดือด 2 นาที ตักขึ้นแช่ในน้ำใส่น้ำแข็งไว้ ทำน้ำมันกระเทียมโดยใส่ต้นหอม กระเทียม พริกเสฉวน โป๊ยกั๊ก และอบเชย ในกระทะใบเล็กใส่น้ำมัน ตั้งไฟปานกลางจนกระเทียมเป็นสีเหลืองทอง (ประมาณ 10 นาที) ในชามผสมใส่พริกแห้ง งาขาว เตรียมไว้ กรองน้ำมันกระเทียมที่ทำไว้ร้อนๆ ใส่ลงในส่วนผสมพริก คนให้เข้ากัน พักไว้สักครู่ ทำน้ำสลัดโดยผสมงาบด เกลือ น้ำตาลทราย และซีอิ๊วขาวในชามผสม เตรียมไว้ กรองน้ำมันพริกใส่ในส่วนผสมงาบด คนให้เข้ากัน ชิมรส เตรียมเป็นน้ำสลัด หยิบกระเจี๊ยบใส่ตะแกรง พักให้สะเด็ดน้ำ ผ่าครึ่งตามยาว เรียงใส่จาน ราดน้ำมันสลัดที่เตรียมไว้ โรยหน้าด้วยงาขาว

สีม่วงอมแดงของบีตรูตชวนแปลกตาและชวนชิม นำไปดองในน้ำส้มสายชูให้ได้รสก่อน หั่นบางๆ แล้วม้วนเรียงบนจานให้สวยงาม   ส่วนผสมสำหรับแช่บีตรูต บีตรูต 3-4 หัว | น้ำเปล่า 2 ถ้วย | น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 2 1/2 ถ้วย | น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย | เกลือทะเล 2 ช้อนโต๊ะ | ใบกระวาน 1 ใบ | ลูกผักชี 1 ช้อนโต๊ะ | พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ | ผิวเลมอน 1 ผล (ไม่ใส่ก็ได้)   วิธีทำ ปอกเปลือกบีตรูต เตรียมไว้ ต้มส่วนผสมทั้งหมดให้เดือดสักครู่ พักไว้ให้คลายร้อน ใส่บีตรูตลงในขวดโหลแช่ (ล้างให้สะอาดลวกน้ำร้อน) เทน้ำส้มสายชูที่ต้มไว้ให้ท่วม ปิดฝา พักไว้ในตู้เย็นประมาณ 5 วัน สไลซ์บีตรูตเป็นแผ่นบาง ม้วนให้สวยงามแล้วนำจัดลงจาน ตกแต่งด้วยซอสฟักทอง ครีมเฟรช (Crème Fraîche) มัสตาร์ดชนิดเม็ด (Wholegrain Mustard) และผักชีลาวให้สวยงาม ราดด้วยน้ำสลัดมัสตาร์ด ส่วนผสมและวิธีทำน้ำสลัดมัสตาร์ด มัสตาร์ดชนิดเม็ด (Wholegrain Mustard) 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำมันมะกอก 4 ช้อนโต๊ะ | น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ | น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ | ผิวเลมอน 1 ช้อนชา | ผักชีลาวสับ 2 ช้อนชา | เกลือทะเลและพริกไทยสำหรับปรุงรสเล็กน้อย ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมรสตามชอบ ส่วนผสมและวิธีทำซอสฟักทอง (สำหรับ 1-2 ที่) เนื้อฟักทองหั่นเต๋า 1 ถ้วย | น้ำสต๊อกผัก  250 มิลลิลิตร | กระเทียมจีน 3-4 กลีบ | ครีม 1/2 ถ้วย | เนย 1 ช้อนโต๊ะ | เกลือทะเล และพริกไทยดำสำหรับปรุงรสเล็กน้อย ต้มฟักทองในน้ำเดือดจนสุกนุ่มใส่ลงในโถปั่นอาหาร ใส่น้ำสต๊อกผัก กระเทียม ครีม และเนย ปรุงรสด้วยเกลือทะเลและพริกไทยดำ ชิมรสตามชอบ

ส่วนผสม (สำหรับ 1-2 ที่) บัตเตอร์นัตสควอช (น้ำหนักประมาณ 400 กรัม) 1 ผล น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ วอลนัต 2 ช้อนโต๊ะ ไพน์นัต 1 ช้อนโต๊ะ ลูกฟิกอบแห้ง 2 ช้อนโต๊ะ กรูตองขนมปังโฮลวีตตามชอบ เกลือทะเลและพริกไทยสำหรับปรุงรส ผักสลัดตามชอบ ส่วนผสมและวิธีทำเดรสซิงโยเกิร์ต โยเกิร์ต 1/2 ถ้วย | ครีมเฟรช 3/4 ถ้วย | น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมรส แล้วปรุงตามชอบ วิธีทำ ปอกเปลือกบัตเตอร์นัตสควอช ผ่าครึ่งคว้านไส้ออก วางบัตเตอร์นัตสควอชบนเขียง นำตะเกียบวางขนาบข้าง (เพื่อเวลาหั่นบัตเตอร์นัตสควอชจะไม่ขาด) จากนั้นใช้มีดสไลซ์ให้มีระยะห่างเท่าๆ กัน วางในถาดอบ โรยน้ำมันมะกอก เกลือทะเลและพริกไทยเล็กน้อย นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180-200 องศาเซลเซียส นาน 15-25 นาที หรือจนสุกนุ่ม จัดใส่จานเสิร์ฟ วางผักสลัด กรูตอง วอลนัต ไพน์นัต และลูกฟิก ราดเดรสซิงโยเกิร์ตเล็กน้อยให้สวยงาม เสิร์ฟพร้อมกับถ้วยเดรสซิงโยเกิร์ต

ส่วนผสม (สำหรับ 1-2 ที่) มะเขือเทศสเต๊ก 1-2 ผล มะเขือเทศโรมาสีส้ม 3-4 ผล มะเขือเทศเชอร์รี 3-4 ผล มะเขือเทศสีเขียว 1 ผล หอมแขกหั่นแว่น 1/2 หัว เซเลรีขูดเป็นเส้นบาง 1 ก้าน น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเลมอน 3 ช้อนโต๊ะ ผิวเลมอน 1 ช้อนชา โฮลเกรนมัสตาร์ด 1 ช้อนชา ใบสะระแหน่ซอย 2 ช้อนชา เกลือทะเลและพริกไทยสำหรับปรุงรสตามชอบ วิธีทำ สไลซ์มะเขือเทศเป็นชิ้นบางตามชอบ เตรียมไว้ ทำน้ำสลัดโดยใส่น้ำมันมะกอก น้ำเลมอน ผิวเลมอน โฮลเกรนมัสตาร์ด และใบสะระแหน่ซอย ปรุงรสด้วยเกลือทะเลและพริกไทย คนให้เข้ากัน เรียงเนื้อมะเขือเทศลงจาน วางหอมแขก และเซเลรี ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ให้สวยงาม เสิร์ฟพร้อมกับถ้วยเดรสซิง

ส่วนผสม (สำหรับ1-2 ที่) ผักวอเตอร์เครสเบตง 200 กรัม อะโวคาโดสไลซ์ 1 ผล เนื้อส้มซันควิก 1 ผล น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสด 3/4 ถ้วย ใบมาร์จอแรม 1 กิ่ง เมล็ดควินัวป๊อป 2 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเลและพริกไทยสำหรับปรุงรสเล็กน้อย วิธีทำ ล้างผักวอเตอร์เครสให้สะอาด เด็ดก้านอ่อน เตรียมไว้ ผสมน้ำส้มสด น้ำมันมะกอก ใบมาร์จอแรม เกลือและพริกไทย ปรุงแล้วชิมรสตามชอบ ใส่ผักในชามผสมใบใหญ่ ใส่น้ำสลัดที่เตรียมไว้ คลุกให้เข้ากันอย่างเบามือ ใส่จานเสิร์ฟ ตกแต่งด้วยเนื้อส้ม อะโวคาโดสไลซ์ และเมล็ดควินัวป๊อป

เมนูสลัดแบบชาวเมดิเตอร์เรเนียน ใช้ถั่วเลนทิลที่อุดมไปด้วยโปรตีน ไฟเบอร์ และแร่ธาตุอื่นๆ คลุกกับน้ำสลัดรสเปรี้ยวสดชื่นจากเลมอนและหอมหวานจากน้ำผึ้ง โรยหน้าด้วยชีสเฟตาและเมล็ดทับทิมสีสันดูน่ากิน   ส่วนผสมน้ำสลัด (สำหรับ 2-4 ที่) น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชูหมักจากไวน์แดง 1 ช้อนโต๊ะ โฮลเกรนมัสตาร์ด 1 ช้อนชา น้ำเลมอน 1-2 ช้อนโต๊ะ ผิวเลมอน 1-2 ช้อนชา เกลือทะเลและพริกไทยดำสำหรับปรุงรสเล็กน้อย วิธีทำน้ำสลัด (สำหรับ 2-4 ที่) ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในถ้วย ผสมให้เข้ากัน ชิมรส ปรุงตามชอบ เตรียมไว้ ส่วนผสม ถั่วเลนทิล 1 ถ้วย น้ำเปล่า 2-3 ถ้วย แตงกวาญี่ปุ่นหั่นเต๋า 1/3 ถ้วย พริกหวาน 3 สีหั่นเต๋า 1/3 ถ้วย หอมแขกหั่นเต๋า 1/3 ถ้วย มะเขือม่วงย่างหั่นเต๋า 1/3 ถ้วย      ผักโขม (Baby Spinach) 1 ถ้วย ใบพาร์สลีย์สับ 1 ช้อนโต๊ะ ใบมินต์ซอย 1 ช้อนโต๊ะ ชีสเฟตาสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย เมล็ดทับทิมสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย วิธีทำ ต้มถั่วเลนทิลในน้ำเดือดด้วยไฟปานกลางประมาณ 15-20 นาทีจนถั่วสุก (ระวังอย่าต้มนานเกินไปถั่วจะเละ) ตักขึ้นล้างด้วยน้ำเย็นทันที พักใส่กระชอนไว้ ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ปรุงรสด้วยน้ำสลัดที่เตรียมไว้ คลุกให้เข้ากัน ชิมรส ตักสลัดใส่ชามเสิร์ฟ โรยชีสเฟตาและเมล็ดทับทิมให้สวยงาม

ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันไปทั่วโลกแล้วว่าอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนเป็นอาหารสุขภาพชั้นเยี่ยมที่ช่วยลดการเกิดโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ เบาหวาน โรคอ้วน เราจึงเห็นร้านอาหารสไตล์นี้แพร่สะพัดไปทั่วโลกพร้อมกับวัตถุดิบที่ขึ้นชื่อว่ากินแล้วสุขภาพดี อย่างเช่น น้ำมันมะกอก มะเขือเทศ ผักใบเขียว พริกหวาน ชีส ความโดดเด่นของอาหารเมดิเตอร์เรเนียนที่นิยมไปอย่างรวดเร็วคือ วิธีการปรุงง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อน และรักษาคุณค่าอาหาร รสชาติจากธรรมชาติของพืชพรรณธัญญาหารไว้ให้มากที่สุด เมนูที่โดดเด่นมาก เช่น สลัด ซึ่งมีผักสลัดใบเขียว มะเขือเทศ  ใช้ผลไม้สดหรือแห้งให้มีรสหวาน ถั่วเปลือกแข็ง ลูกมะกอก ชีส และน้ำมันมะกอกเป็นส่วนสำคัญของน้ำสลัด เพิ่มรสเปรี้ยวด้วยเลมอน และหวานจากน้ำผึ้ง   ชีสจัดได้ว่าเป็นอาหารสำคัญของผู้คนในแถบนี้ แม้ว่าชาวตะวันตกจะนิยมกินชีสแต่มักจะเป็นชีสจากนมวัว แต่อาหารเมดิเตอร์เรเนียนมีชีสที่โดดเด่นซึ่งทำจากนมแกะและนมแพะอย่างชีสเฟตา (Feta Cheese) หรือชีสจากนมแพะ (Goat Cheese) ซึ่งมีกรรมวิธีเหมือนการทำชีสทั่วไป แต่ใช้นมแพะแทนนมวัว นมแพะมีโปรตีนขนาดเล็กทำให้ระบบย่อยอาหารดูดซึมไปใช้ได้ง่ายกว่า มีโปรตีนมากกว่า และยังเหมาะกับผู้ที่แพ้แล็กโทสในนมวัว   ชีสนมแพะยังมีสารสำคัญต่างๆ เช่น แคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส  มีวิตามินต่างๆ กรดไขมันดี กรดไขมันไม่อิ่มตัว และมีเนื้อสัมผัสให้เลือกหลากหลาย ทั้งเนื้อนุ่ม เนื้อร่วน และเนื้อหนึบ แต่ก็เป็นชีสที่มีกลิ่นเฉพาะของนมแพะซึ่งหลายคนอาจจะไม่คุ้นชิน คุณค่าทางโภชนาการชีสนมแพะ 100 กรัม ให้พลังงาน 300 แคลอรี โปรตีน 21.3 กรัม ไขมัน 21.7 กรัม และคาร์โบไฮเดรต 0.7 กรัม สลัดสูตรนี้ Fig & Goat Cheese Salad มีชีสนมแพะเป็นส่วนผสมสำคัญ ยังมีลูกฟิกที่ช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัส คุณค่าอาหาร และรสหวานตามธรรมชาติด้วย ฟิกเป็นผลไม้ท้องถิ่นของเมดิเตอร์เรเนียนมาตั้งแต่ยุคโบราณ ปัจจุบันปลูกได้มากที่ประเทศตุรกี อียิปต์ โมร็อกโก และแอลจีเรีย บ้านเราได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักแพร่หลายเมื่อประมาณ 10 กว่าปีมานี้ในฐานะผลไม้สุขภาพ ได้รับความนิยมจนมีการปลูกในบ้านเราแต่รสจะไม่หวานและเนื้อในจะไม่มีสีแดงนัก   ลูกฟิกหรือที่บางคนเรียกว่า “มะเดื่อฝรั่ง” อุดมไปด้วยโพแทสเซียมซึ่งช่วยขับเกลือออกจากร่างกาย ลดอาการบวมน้ำ และป้องกันความดันโลหิตสูงได้ดี ลูกฟิก 100 กรัม มีโพแทสเซียม 170 มิลลิกรัม และมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เต็มเปี่ยม ส่วนฟิกแห้งอุดมไปด้วยแคลเซียมซึ่งช่วยป้องกันกระดูกเปราะบาง และมีธาตุเหล็กที่ช่วยป้องกันอาการอ่อนเพลีย เสริมภูมิต้านทาน ป้องกันโรคโลหิตจาง ยิ่งกว่านั้นลูกฟิกแห้งยังเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำและไม่มีไขมัน มีกากใยสูง เหมาะกับผู้ต้องการลดน้ำหนัก ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด   ว่าไปแล้วสลัดสูตรนี้มีทั้งผักใบเขียว ชีสนมแพะ ลูกฟิกแห้ง น้ำมันมะกอก น่าจะเป็นตัวอย่างของอาหารเป็นยาได้อย่างดี อาหารง่ายๆ จนหลายคนอาจจะมองข้าม แต่มีคุณค่าอาหารที่ไม่ควรมองข้ามเลย และจะว่าไปแล้วก็เหมาะกับยุคสมัยที่เราชอบพูดกันว่าไม่มีเวลาทำอาหาร เพราะใช้เวลาไม่นานและไม่ต้องมีประสบการณ์ในการทำอาหาร   ก็ได้อาหารอร่อยมีคุณค่ามาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว ส่วนผสม ผักสลัดใบเขียว เช่น ผักร็อกเก็ต 2 ถ้วย ลูกฟิกแห้งหั่นเป็นชิ้นบาง 3-4 ผล ชีสนมแพะหักเป็นชิ้นเล็ก 1 ถ้วย ถั่วอัลมอนด์คั่วหั่นหยาบ 1/3 ถ้วย น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชูบัลซามิก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนชา เกลือและพริกไทยอย่างละเล็กน้อย วิธีทำ ผสมน้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชูบัลซามิก น้ำผึ้ง เกลือ และพริกไทย ตีให้เข้ากันเป็นน้ำสลัด จัดผักสลัดใส่จาน ใส่ลูกฟิก ใส่น้ำสลัด คลุกให้เข้ากันเบาๆ โรยหน้าด้วยชีสนมแพะ ถั่วอัลมอนด์ รับประทานทันที

เมื่อวานนี้ไปเจอ ส้มคัมควอท (Kumquats) ที่คนไทยเรียกกันง่ายๆ ว่า “คำขวด” เคยกินที่พี่สาวของพี่วาณิชปลูกเอง หวานหอม ไม่มีเม็ด แต่พันธุ์ที่ส่งมาขายไทยแลนด์มีเม็ด เราต้องเอาเม็ดออกก่อนนะคะ พอเอามาตำส้มตำจะอร่อยมากสำหรับคนที่ชอบกินผิวส้ม   ส่วนผสม ส้ม “คำขวด” ประมาณ 15 ผล (ผ่า 4 เอาเม็ดออก) มะละกอสับ 1 ถ้วย มะเขือเทศพันธุ์เนื้อ 1 ผล กระเทียมไทย 10 กลีบ พริกขี้หนู ตามชอบ ถั่วลิสงคั่ว บุบเบาๆ 2 ช้อนโต๊ะ กุ้งแห้งคั่วให้หอม ตามชอบ ส่วนผสมน้ำส้มตำ น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลาร้าปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ตำถั่วลิสงหยาบๆ ตักใส่ถ้วย ตำกุ้งแห้งหยอกๆ ตักใส่ถ้วย ตำพริกกับกระเทียม ใส่เครื่องปรุงน้ำส้มตำลงไปทั้งหมด หั่นมะเขือเทศใส่ลงไป ตามด้วยมะละกอ และส้ม “คำขวด” ย้ำๆ สากให้เข้าน้ำเข้าเนื้อ ชิมรสให้ได้ตามที่ชอบ ใส่กุ้งแห้งและถั่ว คลุกให้เข้ากัน ผักแนมวันนี้เป็นใบกระท่อมกับยอดมะยมอ่อนค่ะ

จานสลัดสีสันสุดแฟนซีที่ใช้ผลไม้ตระกูลซิตรัสหลากหลายชนิด เช่น ส้ม เลมอน และเกรปฟรุต นำมาจัดเรียงใส่จานให้มีสีตัดกันดูน่ากิน กินคู่กับชีสบูร์ราตาเนื้อนุ่มรสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ส้มซันคิสต์ 1 ผล เกรปฟรุต 1 ผล มะนาว 1 ผล เลมอน 1 ผล ส้มโอทับทิมสยามแกะเป็นกลีบ 1/4 ถ้วย เมล็ดทับทิม 1/4 ถ้วย ชีสบูร์ราตา 2 ก้อน ถั่วพิสตาชิโอสับ 1 ช้อนโต๊ะ ดอกไม้กินได้และใบมินต์สำหรับตกแต่ง ส่วนผสมเดรสซิง น้ำส้มสด 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ ผิวส้มหั่นเส้น 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ เกลือและพริกไทยสำหรับปรุงรสเล็กน้อย วิธีทำ ปอกเปลือกและหั่นเนื้อผลไม้ทั้งหมดให้เป็นชิ้นบางพอดีคำ แช่ตู้เย็น พักไว้ ทำเดรสซิงโดยผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมรส จัดเรียงเนื้อส้มใส่จานให้สวยงาม วางชีสบูร์ราตา ราดเดรสซิง โรยถั่วพิสตาชิโอและเมล็ดทับทิมเล็กน้อย ตกแต่งด้วยดอกไม้และใบมินต์ให้สวยงาม

เมนูสเต๊กหมูเพื่อคนรักสุขภาพ เลือกใช้เนื้อหมูสันนอกไม่ติดมัน นำมาหมักกับน้ำปลาสูตรลดโซเดียม (Low Sodium) ได้ทั้งความหอมและรสชาติ ย่างจนสุกกำลังดี กินคู่กับผักสลัดโรลและน้ำจิ้มรสเด็ด   ส่วนผสมหมูสันนอกย่าง (สำหรับ 1 ที่) หมูสันนอกหั่น (หนา 1 เซนติเมตร) 50 กรัม น้ำปลาสูตรลดโซเดียม 1/4 ช้อนชา อัลมอนด์สไลซ์อบ 1 ช้อนโต๊ะ   ส่วนผสมสลัดโรล แผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะญวนข้าวกล้อง 1 แผ่น ผักสลัดฟิลเลย์ไอซ์เบิร์ก 2 ใบ ผักสลัดเรดคอรัล 2 ใบ แตงกวาญี่ปุ่นหั่นแท่ง 2 ชิ้น แครอตหั่นแท่ง 2 ชิ้น ผักชีฝรั่ง 2 ใบ   ส่วนผสมน้ำจิ้ม น้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิล 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายสูตรแคลอรีต่ำ 1 ช้อนชา พริกขี้หนูแดงซอย 1 ช้อนชา หัวไชเท้าขูดเส้น 1 ช้อนชา   วิธีทำ หมักเนื้อหมูกับน้ำปลา นวดแล้วพักไว้ประมาณ 15-30 นาที นำไปย่างบนกระทะจนสุก หั่นสไลซ์เป็นชิ้นพอดีคำ เตรียมไว้ ทำน้ำจิ้มโดยใส่ส่วนผสมทั้งหมดแล้วคนเข้าด้วยกัน เตรียมไว้ นำแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะญวนชุบน้ำให้นุ่ม วางผักสลัด แตงกวาญี่ปุ่น แครอต และผักชีฝรั่ง พับแผ่นแป้งขึ้นมาครึ่งหนึ่งของผัก แล้วม้วนให้แน่น วางสลัดโรลจัดเรียงให้สวยงาม พร้อมสเต๊กหมู โรยอัลมอนด์สไลซ์ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้ม

สันในไก่เนื้อนุ่มหมักในน้ำที่ผสมน้ำตาลและเกลือเพื่อให้เนื้อไก่มีรสชาติ เสิร์ฟกับผักสลัดและผลไม้สดสีสันสวยงาม กับเดรสซิงโกโก้ที่มีรสเปรี้ยวและหวานนิดๆ ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อสันในไก่ 6 ชิ้น น้ำมันมะกอกและเนยจืดสำหรับย่างเล็กน้อย ผักสลัด ผักอองดีฟสีเขียวและสีม่วง (Endive) ผักเคล ส้มซันควิก เกรปฟรุต มะเขือเทศเชอร์รีสีเหลือง เมล็ดทับทิม โกโก้นิบส์ ส่วนผสมน้ำสลัดโกโก้ น้ำส้มสายชูไวน์ขาว 1 ถ้วย หอมแดงสับ 1/3 ถ้วย กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ ผงโกโก้ 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา น้ำมันคาโนล่า 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่นเล็กน้อย วิธีทำ ล้างเนื้อสันในไก่ให้สะอาด แช่ในน้ำเกลือผสมน้ำตาลทราย (น้ำเปล่าประมาณ 1 ถ้วย : เกลือทะเล 2 ช้อนชา : น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ) หมักไว้ 8 ชั่วโมงหรือข้ามคืน ตักขึ้นซับน้ำให้แห้ง ปรุงรสด้วยพริกไทยเล็กน้อย ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ย่างไก่ด้วยไฟปานกลางค่อนข้างแรงให้เนื้อไก่สุกทั้ง 2 ด้าน ใส่เนย ปิดไฟ พักไว้ และสไลซ์เป็นชิ้นบาง ทำน้ำสลัดโดยใส่น้ำส้มสายชูไวน์ขาว ใส่หอมแดงและกระเทียมลงในหม้อซอส ยกขึ้นตั้งไฟ ต้มให้งวดลงครึ่งหนึ่ง กรองออก ตักแบ่งออกมา 2 ช้อนโต๊ะ นำไปผสมกับผงโกโก้ คนให้ละลายเข้ากัน จากนั้นใส่น้ำมันคาโนล่า และน้ำผึ้ง ชิมและปรุงรสเพิ่มตามชอบ วางผักสลัด เนื้อไก่ โรยด้วยโกโก้นิบส์ เสิร์ฟคู่กับน้ำสลัดโกโก้

ในงานปาร์ตี้ผู้ร่วมงานอาจจะรับประทานอาหารไม่พร้อมกัน จัดสลัดบาร์ DIY มีให้เลือกทั้งผักและน้ำสลัดได้เอง จัดเรียงผักและเครื่องสลัดลงถาดให้สวยงาม วางน้ำสลัดโฮมเมด และน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นให้เลือกได้ตามใจชอบ ส่วนผสม (สำหรับ 4-6 ที่) ผักสลัดชนิดที่ชอบ เช่น กรีนโอ๊ก เรดโอ๊ก ผักกาดคอส ชีสพาร์เมซานขูด มะเขือเทศเชอร์รี ขนมปังกรูตอง ถั่ววอลนัต ถั่วพิแคน แครนเบอร์รีอบแห้ง แอปริคอตอบแห้ง เบบี้แครอต ปาร์มาแฮม น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น และน้ำสลัดโฮมเมด ส่วนผสมและวิธีทำน้ำสลัดบัลซามิกกรีกโยเกิร์ต น้ำส้มสายชูบัลซามิก 1/4 ถ้วย น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 1/2 ถ้วย กรีกโยเกิร์ต 1/3 ถ้วย มัสตาร์ด 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา กระเทียมสับ 2 ช้อนชา เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรส ผสมส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน คนด้วยตะกร้อมือจนเนื้อเนียน ชิมและปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือและพริกไทย ใส่กล่อง ปิดฝา แช่เย็นเตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำน้ำสลัดอิตาเลียน น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 3/4 ถ้วย น้ำส้มสายชูหมักจากไวน์แดง 1/4 ถ้วย ไทม์ป่น 1 ช้อนชา ออริกาโนป่น 1 ช้อนชา Italian Herbs Seasoning 1 ช้อนชา กระเทียมสับ 3 ช้อนชา น้ำผึ้ง 3 ช้อนชา ชีสพาร์เมซานขูด 2 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเล พริกไทยบดหยาบสำหรับปรุงรส ผสมทุกอย่างแล้วตีด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน ชิมและปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือ พริกไทย ใส่กล่อง ปิดฝา แช่เย็นเตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำน้ำสลัดซีซาร์ กระเทียมสับละเอียด 2 กลีบ (ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ) แอนโชวีสับ 2 ช้อนชา มัสตาร์ด 1 ช้อนชา วูสเตอร์ซอส 1 ช้อนชา มายองเนส 1 ถ้วย ชีสพาร์เมซานขูด 1/2 ถ้วย เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรส ผสมทุกอย่างแล้วตีด้วยตะกร้อมือให้เข้ากัน ชิมและปรุงรสเพิ่มด้วยเกลือ พริกไทย ใส่กล่อง ปิดฝา แช่เย็นเตรียมไว้

สลัดกุ้งย่างจานใหญ่ ทั้งผักสดกรอบ กุ้งเนื้อหวาน ราดด้วยน้ำสลัดรสเปรี้ยว เผ็ดติดปลายลิ้นนิดๆ กินแล้วสดชื่น เป็นน้ำสลัดที่ทำง่ายๆ เพราะใช้ซอสที่มีติดครัวอยู่แล้ว ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่) กุ้งลายเสือขนาดกลางแกะเปลือกผ่าหลัง 6-10 ตัว ผักสลัดมิกซ์ 200 กรัม ผักชี 1/4 ถ้วย สะระแหน่ 1/4 ถ้วย มะเขือเทศเชอร์รีผ่าครึ่ง 6-8 ผล เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบบุบหยาบ 1/4 ถ้วย เกลือทะเล พริกไทยดำบดหยาบ น้ำมันมะกอกเล็กน้อย ส่วนผสมน้ำสลัด น้ำมะขาม 3 ช้อนโต๊ะ ซอสพริกศรีราชา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนชา น้ำมันคาโนล่า 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ หมักกุ้งลายเสือด้วยเกลือ พริกไทยดำ และน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ย่างกุ้งบนกระทะให้สุก พักไว้ จัดวางผักสลัดมิกซ์ ผักชี สะระแหน่ มะเขือเทศเชอร์รี และกุ้งย่างบนจานสำหรับเสิร์ฟ โรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์บุบ ผสมส่วนผสมน้ำสลัดให้เข้ากัน ชิมรส และปรุงเพิ่มตามชอบ ราดน้ำสลัดให้ทั่ว เสิร์ฟทันที

  เนื้อส่วนเสือร้องไห้คือเนื้อส่วนอกหรือ Brisket ย่างให้สุกปานกลาง นำมายำกับน้ำยำรสเด็ด เค็มเผ็ดถึงใจ ตัดรสให้สดชื่นด้วยแตงกวาและใบสะระแหน่   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) เนื้อเสือร้องไห้ 200 กรัม หอมแขกสไลซ์ 1/4 ถ้วย สะระแหน่ 2 กิ่ง แตงกวาซอย 3 ผล ผักชีฝรั่งซอย 1/4 ถ้วย ส่วนผสมน้ำยำ น้ำมะขามเปียก 1/4 ถ้วย น้ำปลาร้า 1/4 ถ้วย น้ำตาลเคี่ยว 1 ช้อนโต๊ะ ซอสพริก 1/4 ถ้วย น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ผล พริกป่น 1-2 ช้อนชา พริกแดงตำหรือปั่น 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ย่างเนื้อให้สุกปานกลาง พักสักครู่ สไลซ์เป็นชิ้นบางพอดีคำ ผสมส่วนผสมน้ำยำทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมและปรุงรสเพิ่มตามชอบ ใส่เนื้อและผักทั้งหมดในชามผสม ตักน้ำยำใส่ เคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จาน วางสะระแหน่ และพริกแห้งทอด เสิร์ฟพร้อมผักตามชอบ

  ยำรสแซ่บสูตรนี้น้ำยำใส่น้ำปลาร้ารสเค็มนัว และรสเผ็ดร้อนจากพริกป่น เครื่องยำมีทั้งเส้นขนมจีน หมูยอ และผักสมุนไพรต่างๆ ที่เพิ่มกลิ่นให้ยำจานนี้อร่อย   ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) หมูยอหั่นชิ้นลวก 1 ถ้วย ขนมจีน 2 จับ หอมแดงซอย 1/4 ถ้วย ถั่วฝักยาวซอย 1/4 ถ้วย ต้นหอมซอย 1/4 ถ้วย ผักชีฝรั่งซอย 1/4 ถ้วย ผักแนม เช่น แตงกวา ผักชี ต้นหอม ผักชีฝรั่ง และผักสลัด ส่วนผสมน้ำยำ น้ำตาลปี๊บเคี่ยว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลาร้า 4 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ พริกป่น 1/2-1 ช้อนโต๊ะ พริกซอย 4-5 เม็ด วิธีทำ ผสมส่วนผสมน้ำยำให้เข้ากัน ชิมรส และปรุงตามชอบ พักไว้ ในชามผสมใส่หมูยอ หอมแดง ถั่วฝักยาว ขนมจีน และน้ำยำ เคล้าให้เข้ากันเบาๆ ใส่ต้นหอม และผักชีฝรั่ง เคล้าให้ทั่ว ตักใส่จานเสิร์ฟพร้อมผักแนมตามชอบ