ปรับโฉมใหม่จนแทบไม่หลงเหลือเค้าเดิมของ Fifty Five สเต๊กเฮาส์ของโรงแรมเซ็นทาราฯ หลังจากปิดปรับปรุงไปนานกว่าครึ่งปี Uno Mas ก็เผยโฉมให้ได้อิ่มอร่อยกันในรูปแบบของทาปาสและอาหารเมดิเตอร์เรเนียน     จุดเด่นของอูโน มาส อยู่ที่บรรยากาศโอเพนแอร์บนอาคารสูงใจกลางกรุงเทพฯบนชั้น 54 ให้เราใกล้ชิดกับวิวมุมสูงรับลมเย็นโดยไม่มีกระจกคั่นกลางภายในตกแต่งให้มีกลิ่นอายสไตล์มัวริซตามเมืองของเชฟชาอูนในโมร็อกโก มีทั้งหมด 3 โซน ไวน์เซลลา ทาปาสแอนด์รอว์บาร์ และไดนิงเด็ค     ส่วนเรื่องอาหารหายห่วงด้วยรสมือของเชฟจวน ทานา ดอท ชาวสเปนจากเมืองวาเลนเซีย ทีพร้อมปรุงรสชาติอาหารสแปนิชและเมดิเตอร์เรเนียนให้เราได้ชิมอย่างจุใจ ด้วยความที่เชฟเป็นชาววาเลนเซียจึงเล่าให้ฟังว่าบ้านเกิดของเขามีสภาพแวดล้อมที่ดี ล้อมรอบด้วยภูเขาและทะเล อาหารแถบนี้จึงมีทั้งอาหารทะเล เห็ด และเนื้อสัตว์ ต่างจากบางเมืองที่ใกล้ชิดเฉพาะทะเล   เชฟพาเราออกท่องเที่ยวสเปนผ่าน Tapas Tour ให้เราเลือกท่องเที่ยวได้ 2 เส้นทาง Valencia และ Madrid ที่มีทาปาสเด่นๆ อย่าง Mock Tuna on Ice แตงโมหั่นให้ดูเหมือนทูน่าแช่ในแซงเกรียไวน์แดง รสฉ่ำหวานสดชื่น     Escalivada ผักอบกับแอนโชวี GambasPilPil กุ้งอบกับกระเทียม ปาปริกา คาเยน และน้ำมันมะกอก เนื้อเด้งหวานอร่อยหอมเครื่องเทศ นอกจากทาปาส A Selection of Joselito Cold Cuts โคลด์คัตชั้นดีก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี       ภายในร้านมีเตาอบ Josper Charcoal Oven ซึ่งทำเป็นหลุมไฟใช้ถ่านไม้เป็นเทคนิคที่น่าสนใจใช้ทำจานซิกเนเจอร์ เช่น Cochinillo หมูอบที่เชฟจวนบอกว่าต้องใช้หมูที่มีอายุ 1 สัปดาห์หมักกับเครื่องเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน แล้วอบที่อุณหภูมิต่ำนานกว่า 10 ชั่วโมง จานนี้มีพิธีกรรมอย่างการใช้จานสับหมูแล้วโยนจานทิ้งให้แตก เชฟบอกว่าทำกันมานานแล้ว หนังหมูกรอบเนื้อในฉ่ำนุ่มด้วยไขมันและเนื้อที่ไม่มากนัก กินกับซอสเรดโมโจกรีนโมโจ เกรวี และเชฟเพิ่มแจ่วมาให้      จานเด่นที่ใช้หลุมไฟ PaellasValencianawith Chicken & Seafood ปาเอลญาสูตรวาเลนเซียหุงกับไก่และอาหารทะเล เชฟจวนบอกว่าแต่ละเมืองก็จะมีปาเอลญาต่างกันไปตามวัตถุดิบในท้องถิ่น จานนี้อร่อยที่มีเนื้อไก่มาเพิ่มเนื้อสัมผัสให้ข้าว มีกลิ่นหอมของซัฟฟรอน มาพร้อมกุ้งแลงกูสทีน หอยกาบ และหอยแมลงภู่     แล้วห้ามพลาดของหวานอย่าง Warm Churros หอมหวานด้วยซินนามอนจิ้มกับซอสช็อกโกแลตเวโรน่า

คาเฟ่ใหม่ที่แฝงตัวอยู่ในตึกขนาดกะทัดรัดที่ตั้งเดียวกับ Casa Pagoda ร้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งซึ่งกลายเป็นเพื่อนบ้านอันแสนอบอุ่นให้ผู้มาเยือนได้แวะพักละเลียดอาหารสไตล์ Market Comfort Food ที่เน้นความอร่อยสดใหม่ของวัตถุดิบตามฤดูกาล แถมยังน่ารักบอกแหล่งที่มาอย่างชัดเจนในเมนูอีกต่างหาก และหากใครยังไม่รู้ ที่นี่มีกาแฟซิงเกิลออริจินจากโปรตุเกส พร้อมด้วยชาคุณภาพดีจากแบรนด์ Tea Atelier ของคุณส้ม-ธิติกานต์ หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านอีกด้วย     เมนูแนะนำ Breakfast Burrito อร่อยกับอาหารเช้าขนาดเหมาะมือ ด้วยเบอร์ริโตไส้ไข่คน ไส้กรอก ควินัว ชีส และอะโวคาโด เสิร์ฟพร้อมซอสสูตรพิเศษและเผือกทอด   Creamy Triple Mushroom ซุปครีมจากเห็ด 3 ชนิด ได้แก่ เห็ดกระดุม ชิเมะจิ และชิตาเกะ เนื้อบางเบาให้รสสดชื่นจากครีมพาร์สลีย์   Kale ‘BLT’ Salad สลัดเคลและมะเขือเทศออร์แกนิกจานโต ท็อปปิงด้วยเบคอนกรอบ มาพร้อมน้ำสลัดโยเกิร์ต   Luka’s Soda หรือ ชรัมบ์ (Shrub) ม็อกเทลสีสวยจากสตรอว์เบอร์รีและโรสแมรี่ไซเดอร์ที่ให้รสชาติเปรี้ยวหอมอมหวานไม่เหมือนใคร  

ชาร์โคลบาร์สุดเท่ของกลุ่มเพื่อนสนิท 4  คนจากรั้ววิทยาลัยดุสิตธานี ที่รวมตัวกันอีกครั้ง หลังออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้านอาหารมานานหลายปี ชื่อร้านหมายถึงดวงดาวอันสุกสว่างในภาษาอิตาเลียน สื่อถึงเปลวไฟบนเตาถ่านซึ่งเป็นไฮไลต์ของทางร้าน เสิร์ฟเมนูปิ้งย่างสไตล์อิซากายะของญี่ปุ่นที่ผสมผสานกับเมนูอาหารตะวันตกอย่างสลัดและพาสตาได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีเบียร์นำเข้าหลากหลายแบรนด์ให้ลูกค้าได้เพลิดเพลินกับการกินดื่มหลังเลิกงาน   เมนูแนะนำ Astro Treasure ซีฟู้ดพาสตาจานยักษ์ ล้อมรอบด้วยหอยเชลล์เนื้อแน่น  กุ้งแม่น้ำตัวโต ปลาหมึกเนื้อเด้งเข้ากับพาสตาคาร์โบนาราสุดครีมมี่    Vocalno Ribs ซี่โครงหมูย่าง เนื้อนุ่มล่อนจากกระดูก ความเก๋อยู่ที่การจุดไฟบนซอสก่อนเสิร์ฟให้ตื่นเต้นกันถึงโต๊ะ    Belly Belly หมูสามชั้นย่างด้วยถ่านไม้โกงกาง กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย เคลือบผิวนอกด้วยซอสน้ำผึ้งเพิ่มความหอมหวาน กินคู่ซอสฮอลลันเดสมิโซะอร่อยเข้ากัน   Virgin Earth เฟรบเป้สีสวยสดชื่นจากแครอต สับปะรด เสาวรส และฝรั่ง

ร้านอาหารชื่อน่ารักที่ทำให้คิดถึงบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงอันเป็นช่วงเวลาที่เชฟหน่อยหนึ่งในหุ้นส่วนร้านชื่นชอบมากที่สุด จนอยากให้ทุกคนสัมผัสความอบอุ่นเหล่านี้ผ่านอาหารไทยสไตล์คอมฟอร์ตฟู้ดรสจัดจ้าน (และหน้าตาดี) ที่เน้นความใส่ใจในการคัดเลือกวัตถุดิบ ด้วยการนำผักพื้นบ้านกลับมาให้เราได้กินพร้อมระลึกถึงวันวาน อีกทั้งที่นี่ยังมีอาหารยุโรปที่เกิดจากการตีความรสชาติใหม่ที่เรารับรองว่าคุณต้องร้องว้าว!       เมนูแนะนำ Rice Noodle with Southern Curry and Crab แกงปูปักษ์ใต้รสจัด เสิร์ฟพร้อมขนมจีนและผักพื้นบ้านอย่างสะเดา ใบบัวบก ใบชะมวง และมะเฟือง   Spicy Grilled Beef Salad เนื้อวัวส่วนหัวไหล่หมักตะไคร้ย่างจนหอม คลุกเคล้ากับน้ำยำสูตรเดียวกับน้ำพริกแสร้งว่าและมะเขือเปราะ รสชาติจี๊ดจ๊าดสะใจ   Grilled Pork Chop สเต๊กหมูทีโบนชิ้นโตกินคู่ซอสเนยและริคอตตาชีสโฮมเมด แถมยังมาพร้อมกับข้าวโพด มันฝรั่ง และถั่วลิสงผัดพริกไทยส่งกลิ่นหอมกรุ่น   Apple Crumble Pie แปลงโฉมพายแอปเปิลให้กลายเป็นทาร์ตอบกรอบ ปิดหน้าด้วยไส้แอปเปิลผัดกับอบเชยรสหอมหวาน ท็อปปิงด้วยครัมเบิลและไอศกรีมวานิลลาราดซอสคาราเมล

ด้วยเสียงเรียกร้องอยากชิมเมนูอร่อยหน้าตาน่ากินทั้งที่อยู่ในตำราอาหารและที่เธอปรุงโชว์ทุกสัปดาห์ มาดามตวง-อุบลรัตน์ ช่อธีระพฤกษ์ พิธีกรและเจ้าของรายการมาดามตวง Food Work จึงตัดสินใจเปิดร้านอาหาร Rosemary by Madame Tuangร้านแรกในบรรยากาศบ้านหลังใหญ่สีขาวสบายตาที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Casual All Day Dining เสิร์ฟอาหารสไตล์ยูโรเปียนคอนเทมโพรารีที่เราขอเรียกว่าเป็นเมนูอร่อย (ตามใจ) สไตล์มาดามตวง เพราะนอกจากจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งรสชาติและหน้าตา ที่นี่ยังมีเมนูพิเศษที่มาดามคิดค้นหมุนเวียนมาให้ชิมกันตลอดแบบมาเมื่อไรเป็นต้องเซอร์ไพรส์กันแน่นอน       เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยกันด้วย Black Magic with Honey ขนมปังโรลสีดำเนื้อนุ่มที่ซ่อนความอร่อยไว้ด้านในกับไส้ชีสเยิ้มๆ หอมมันที่ทำจากชีส 3 ชนิดคือ มอซซาเรลลาพาร์เมซาน และเชดดาร์ เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมกับน้ำผึ้งที่กินคู่กันได้อร่อยลงตัวสุดๆ      ต่อด้วยเมนูยอดนิยมอย่าง Egg Onsen ไข่ที่ซูสวิดจนนุ่มเยิ้มน่ากิน มาพร้อมครีมเห็ดทรัฟเฟิลรสกลมกล่อม มันบดสูตรพิเศษ และชีสพาร์เมซานอบกรอบ      มาถึงจานหลักเอาใจคนรักเนื้อกับ Beef Tenderloin สเต๊กเนื้อแองกัสนำเข้าจากออสเตรเลียที่มาดามย้ำว่าเลือกใช้เฉพาะเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยธัญพืช 150 วัน ไม่ผ่านการแช่แข็ง เสิร์ฟพร้อมมันบดและซอสที่เลือกได้ทั้งซอสไวน์แดงและซอสพริกไทยดำ     ส่วนใครชอบปลาต้องลองจานเด็ดสไตล์ Classic French อย่าง Grilled Sea Bream with Caper Lemon Butter Sauce ปลาซีบรีมนำเข้าจากฝรั่งเศส เนื้อมันนุ่มแต่ไม่เละ ย่างจนหนังกรอบ ราดซอสเนยใส่เคเปอร์และเลมอนเพิ่มรสชาติ      ถ้าอยากกินซีฟู้ดแบบจัดเต็มแนะนำ Seafood King ที่มีทั้งบอสตันล็อบสเตอร์ไซส์ใหญ่พิเศษย่างสุกกำลังดี ปลาหมึกทอดกรอบ หอยแมลงภู่สเปนอบไวน์ขาว มาพร้อมซอสทาร์ทาร์และน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด รวมทั้งมูสแซลมอนเนื้อเนียนกินกับขนมปังเซียบัตตา    นอกจากนี้ยังมีเซ็ต High Tea  ที่อัดแน่นไปด้วยของหวานและเบเกอรี่ เสิร์ฟพร้อมชาจาก TWG ให้สาวๆ ได้จิบชายามบ่ายกันแบบสวยๆ อีกด้วย  

ในที่สุด Farm to Table แห่งที่ 2 ก็ถือกำเนิดขึ้นหลังจากที่ คุณจอย เจ้าของร้านซุ่มเตรียมการมานานกว่า 2 ปีเต็มปล่อยให้คนรักอาหารสุขภาพรอคอยกันอยู่สักพักใหญ่ ที่นี่ไม่ได้เปลี่ยนไปเฉพาะการตกแต่งที่ดูโตขึ้นโดยรีโนเวตอาคารสมัยรัชกาลที่ 5 อายุเกือบ 200 ปีให้กลายเป็นสไตล์คอนเทมโพรารีที่ยังคงโครงสร้างเดิมของอาคารเอาไว้ คุณจอยยังเพิ่มไอเดียให้เมนูไอศกรีมรสชาติใหม่ดูสนุกและชวนท้องร้องมากขึ้นด้วย     คุณจอยเล่าให้ฟังว่าฟาร์มทูเทเบิลไฮน์เอาต์ เลือกใช้วัตถุดิบจากฟาร์มออร์แกนิกของครอบครัวในจังหวัดเชียงรายมาทำเป็นอาหารสไตล์โฮมเมดเหมือนเคย ซึ่งต่างจากฟาร์มทูเทเบิลออร์แกนิก คาเฟ่ ตรงที่มีเมนูใหม่โดยคิดสูตรร่วมกันกับน้องที่เรียนจบจากโอแฮป ทำให้อาหารมีความซับซ้อน ชวนว้าว และมีความเป็นไทยเพิ่มขึ้น ฉีกรูปแบบจากร้านเดิมที่อร่อยง่ายๆ และมีรสชาติตรงไปตรงมา อย่างการจับขนมไทยมาคู่กับไอศกรีมรสชาติต่างๆ เราว่าคุณจอยทำออกมาได้ผ่านฉลุย     จานที่ยกให้เป็นนัมเบอร์วันคือ ไอศกรีมมะพร้าวอัญชัน เสิร์ฟกับข้าวตอกตั้ง ไอศกรีมมะพร้าวน้ำหอมรสละมุนผสมกับน้ำอัญชัน กินกับข้าวตอกตั้งเหนียวหนึบ แนะนำว่าให้ตักไอศกรีมเข้าปากสลับกับขนม รับรองว่ากินเพลินจนคำสุดท้าย     ต่อด้วย ไอศกรีมงาดำและงาขาว กินกับบัวลอยมันหวาน ไอศกรีมงาดำและงาขาวรสหวานหอม เข้ากันกับบัวลอยหวานมันเคี้ยวหนึบหนับ ราดน้ำกะทิรสเค็ม ไอศกรีมถั่วแระญี่ปุ่นก็อร่อยไม่เป็นรองเมนูไหน ถั่วแระญี่ปุ่นเค็มๆ มันๆ ผสมกับไอศกรีมวานิลลากลิ่นหอม กินแล้วสดชื่น       หรือใครอยากอิ่มท้องขึ้นมาหน่อยต้อง สลัดไก่อบ ไฮไลต์จานนี้นอกจากผักสลัดสีสวยปลอดสารแล้ว ไก่อบเนื้อนุ่มและน้ำสลัดข้าวหอมมะลิส่งตรงจากเชียงใหม่ก็ทำให้ใจละลายไปไม่น้อยกว่ากัน      ปิดท้ายด้วยกาแฟเฟรนช์เพรส เมล็ดกาแฟออร์แกนิกจากเชียงใหม่ กลิ่นหอม รสเข้มกำลังดี ดื่มอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลาย เป็นการจบมื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบสำหรับร่างกายและจิตใจจริงๆ       

ถึงจะมาแค่คนเดียวแต่เราก็เชื่อว่าเหล่าเอลฟ์ (ชื่อแฟนคลับวงซูเปอร์จูเนียร์) เป็นต้องฟิน (และอร่อย) กันถ้วนหน้า กับร้านฮอตดอกบรรยากาศชิวที่สุดหล่อ "ชเวซีวอน" ร่วมลงขันกับน้องสาวคนสวย นำเสนอเมนูฮอตดอกแนวใหม่ซึ่งมาพร้อมหน้าและเครื่องเคียงอย่างมันฝรั่งกรอบเกลียวเสียบไม้ทอดร้อนๆ ที่ขอบอกว่าดูเหมือนเป็นของกินเล่นแบบนี้ แต่กินเพลินๆ แล้วอิ่มจริงจังไม่ใช่เล่นเหมือนกัน     เมนูแนะนำ Kimchi Chilli Dog ฮอตดอกหน้าซอสพริกและกิมจิ ราดชีสเชดดาร์หอมมัน   Somtam Dog ฮอตดอกสูตรใหม่หน้าส้มตำแบบไทยๆ เผ็ดกำลังดี   Coleslaw Dog ฮอตดอกหน้าสลัดโคลสลอว์ใส่ข้าวโพดย่างและพริกดองเพิ่มรสชาติ   Tornado Potato มันฝรั่งเกลียวเสียบไม้ทอดร้อนๆ มีให้เลือกทั้งรสชีสเผ็ด มะพร้าว และหัวหอม

A House ร้านอาหารฟิวชันและบาร์ในรูปแบบเท่ๆ ของหุ้นส่วนทั้ง 5 คนที่รักเสียงเพลงเฮาส์ โดยมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ My House is Your House สร้างความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านด้วยบรรยากาศและแนวเพลงที่ฟังสนุกและไม่เสียงดังจนเกินไป เหมาะมานั่งพูดคุยกันพร้อมกินอาหารที่ครีเอตโดยคุณหม่อน หนึ่งในหุ้นส่วนร้าน ซึ่งนำไอเดียจากการไปเรียนเลอ กอร์ดอง เบลอมาทำเมนูสไตล์ฟิวชัน (ไทย-เวสเทิร์น) เหมาะกินคู่กับค็อกเทลสูตรพิเศษ หรือใครชอบเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ ก็มีให้เลือกครบจบในที่เดียว        เมนูแนะนำ   Duck Crêpes with Red Curry Paste เป็ดย่างคลุกเคล้าซอสแกงเผ็ดและชีส ห่อด้วยแป้งตอร์ติญา เสิร์ฟพร้อมอาจาดและซอสแกงเผ็ด    Spicy Crab Pasta พาสตาเส้นเหนียวนุ่มรสจัดจ้าน แน่นด้วยเนื้อปู โรยไข่ปลาแซลมอนเพิ่มความอร่อยก่อนเสิร์ฟ   Sausage Party ไส้กรอกรวม กินคู่กับหัวหอมทอดและมันฝรั่งบด   Fish & Chips เนื้อปลาชุบแป้งทอดทั้งกรอบและหอม กินกับมันฝรั่งทอดจิ้มซอสสูตรพิเศษของที่ร้านเข้ากันอย่าบอกใคร

หากคุณคิดว่า Nineteens Up เป็นบาร์เครื่องดื่มที่ให้มาแฮงก์เอาต์ยามค่ำคืนล่ะก็คุณคิดผิด เพราะที่นี่เป็นมากกว่านั้น คุณสตีฟ เจ้าของร้านบอกว่าที่นี่เป็นบาร์กิจกรรมหรือ Activity Bar ที่มีมากกว่าเครื่องดื่ม และเปิดตั้งแต่สายไล่ไปจนถึงดึกดื่น      คำว่า "บาร์กิจกรรม" ก็ดูเหมือนจะไม่ได้เกินเลยไปจากที่พูดมา เช่น บอร์ดเกม โต๊ะปิงปอง และโต๊ะพูล ให้เป็นคอมมูนิตี้ของเพื่อน ไม่เพียงแวะมากินดื่มแล้วกลับบ้าน แต่มาสนุกกับการใช้ชีวิตในบรรยากาศสนุกๆ ของสตรีทอาร์ต ที่ได้ศิลปินมาช่วยกันแต่งแต้มเรื่องราวของกิจกรรมภายในร้านบนผนัง     ช่วงกลางวันยังมีบริการส่งอาหารด้วย รวมถึง Rotate Kitchen ครัวเปิดด้านนอกที่จะหมุนเวียนเชฟมาปรุงอาหารมื้อพิเศษเดือนละครั้ง ที่นี่ได้เชฟไอซ์ที่เกิดและเติบโตในซิดนีย์ ออสเตรเลีย มาช่วยทำอาหารฟิวชันรสจัดจ้าน ส่วนคุณสตีฟไปเป็นขาประจำที่ร้านของเชฟที่ชื่อว่าปูติดปีก ก่อนที่จะตัดสินใจปิดร้านของตัวเองแล้วมาจับมือกัน     รสชาติอาหารของเชฟไอซ์ค่อนข้างจัด หยิบนี่ผสมนั่นอย่างสนุกสนาน จนเราเองก็ไม่กล้าพูดเต็มปากว่าเป็นไทยฟิวชัน Spicy Salmon Steak เป็นหนึ่งในจานที่รสชาติดี ลืมไปได้เลยแซลมอนกับซอสครีมๆ มันๆ จานนี้ทอดเฉพาะหนังปลาให้กรอบ ส่วนเนื้อปลาใช้กรดมะนาวทำให้สุกแบบเซบีเช กินกับน้ำยำผสมซัลซาที่มีตะไคร้และใบมะกรูดมาด้วย     ส่วนจานนี้เก๋มาก พาสตาหมึกดำไข่ปู เส้นดำโฮมเมดผัดพริกกระเทียมกับเนื้อปูและไข่ปู แถมยังมีฮ่อยจ๊อปูอีกลูก ฮ่อยจ๊อปูนี่เป็นเมนูเดลิเวอรียอดนิยม และ Pull Beef Sandwich แซนด์วิชย่างไส้เนื้อวัวฝอย พริกฮาลาเปโย ผักดอง และชีส 3 ชนิด        ส่วนเครื่องดื่มเน้นเบียร์สดที่มี 10 แท็ป โดยยก 2 แท็ปให้กับคราฟต์เบียร์ไทย คุณสตีฟ แนะนำ Liefmans เบียร์ผลไม้กลิ่นราสป์เบอร์รีที่ให้รสเปรี้ยวตัดเลี่ยนอาหารได้ดี      ส่วนค็อกเทลก็มีแม้ว่าจะรสไม่ได้เป๊ะแบบบาร์ค็อกเทลแต่สำหรับสายแฟลร์ที่นี่ก็มีดี Impressionist ค็อกเทลสีสวยที่มีดีตรงลีลาผสม    

แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นคาเฟ่ของ BIGBANG กลุ่มนักร้องเคป๊อปที่ฮอตที่สุดในเวลานี้ แต่ที่นี่กลับให้อารมณ์ที่แตกต่างไปจากสไตล์เพลงและการแต่งตัวของพวกเขาอย่างสิ้นเชิง ที่นี่มาในลุคโปร่งสดใสพร้อมรับแสงธรรมชาติภายใต้กลาสเฮาส์ แต่แฟนคลับก็อย่าเพิ่งบ่นอิดออด เพราะยังมีเอ็มวีและเพลงของหนุ่มๆ เปิดคลอ เพื่อให้เราละเลียดเมนูสุดอร่อยสไตล์โฮมเมดกันแบบสุขล้นไปถึงขั้วหัวใจ       เมนูแนะนำ Egg Sandwich แซนด์วิชไข่หน้าเปิดอร่อยเด่นที่เนื้อขนมปังซาวร์โดเนื้อนุ่มหนึบ   Lemon Mascarpone Tart ทาร์ตเลมอนเนื้อกรอบนอกนุ่มใน เต็มคำด้วยชีสมาสคาร์โปเนที่แฝงรสเปรี้ยวหอมนิดๆ ลงตัว   Tiramisu เมนูเด็ดที่น่าจะทำให้เหล่าแฟนคลับหลงรัก จากความเข้มข้นของชีสมาสคาร์โปเนที่ผสานกับกาแฟ พร้อมด้วยหมี Krunk ทำจากผงช็อกโกแลตโผล่หน้ามาทักทาย   Mango Bingsu บิงซูชามยักษ์สูตรอร่อยส่งตรงจากเกาหลี อร่อยเก๋ด้วยเกล็ดน้ำแข็งนมเนื้อนุ่ม มะม่วงชิ้นโต และซอสมะม่วงสุดเข้มข้น

ร้านบรรยากาศโฮมมี่เล็กกระทัดรัดของสองสาวชื่อเหมือน "ฝ้ายและฝ้าย" ที่ตอนแรกตั้งใจทำร้านให้เป็นเหมือนชอปขนาดย่อมไว้ขายของแฮนด์เมดน่ารักกรุบกริบ ทำไปทำมาเมื่อลูกค้าเริ่มถามหาอาหารมากขึ้น ทั้งสองคนจึงเริ่มคิดเมนูเครื่องดื่มสูตรพิเศษ รีเควสให้รุ่นน้องที่รู้จักทำไอศกรีมโฮมเมดสูตรเฉพาะที่ร้าน (เราแนะนำรสอัญชันลาเต้) รวมถึงให้คุณแม่ทำเมนูแสนอร่อยที่ถึงแม้จะมีให้เลือกไม่มาก แต่ก็หมุนเวียนสับเปลี่ยนเมนูใหม่ให้ได้ลองชิมกันอยู่เรื่อยๆ             เมนูแนะนำ ข้าวแกงกะหรี่หมูตุ๋นสูตรคุณแม่ หมูเนื้อนุ่มที่ผ่านการตุ๋นนานถึง 2 วัน หอมกลิ่นเครื่องเทศเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ และสลัด   สปาเกตตีไก่อบ สูตรโบราณ เนื้อไก่นุ่มและน้ำสตูรสกลมกล่อม กินกับสปาเกตตีเส้นเหนียวนุ่มเข้ากันอย่าบอกใคร    สคอน เนื้อแน่นเสิร์ฟกับแยมสตรอว์เบอร์รีโฮมเมดและคอตเตจครีมรสละมุนหอมมัน    น้ำธรรมดา เปรี้ยว หวาน หอม ดื่มแล้วสดชื่นจากส้มจี๊ด มะนาว และไซรัปดอกไม้ 

เจลาโต ต่างกับไอศกรีมทั่วไปยังไง? อธิบายง่ายๆ ก็เป็นไอศกรีมสไตล์อิตาเลียนที่มีอากาศอยู่ในเนื้อไอศกรีมน้อยกว่าไอศกรีมทั่วไปทำให้เนื้อแน่นกว่า และยังมีส่วนประกอบของไขมันน้อยกว่า และเสิร์ฟที่อุณหภูมิสูงกว่า (ถ้าเย็นมากไปจะแข็งจนตักไม่ได้) เวลาเสิร์ฟก็ไม่ต้องตักเป็นลูกๆ แต่ใช้ไม้พายตักซ้อนกันเป็นชั้นๆ ได้เลย ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ เวลาที่เราทานเจลาโตจึงได้รสชาติเข้มข้นเต็มรสและรสสัมผสที่แน่นเต็มคำ ถูกใจใครหลายๆ คน         ร้าน Ampersand ก็เป็นร้านเจลาโตที่เราติดตามมาตั้งแต่เปิดสาขาแรก ด้วยรสชาติที่เข้มข้นถึงใจ และคุณยิ้ม เจ้าของร้านยังชอบคิดรสชาติแปลกๆ ใหม่ๆ ออกมาให้ลิ้มลองอยู่เรื่อยๆ หลายๆ รสก็กลายมาเป็นรสยอดนิยม ทั้งรสดาร์ค ช็อกโกแลต, ซอร์เบต์ รสส้มยูสุ, รสสตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้ก หรือรสเครื่องดื่มหรือดอกไม้ต่างๆ อาทิ รสโอวัลติน, รสชาเอิร์ล เกรย์ และรสลาเวนเดอร์ ก่อนจะย้ายมาอยู่ที่เซ็นทรัลเวิล์ด ชั้น 7         จนตอนนี้ก็ได้โอกาสขยับขยายเพิ่มสาขามาเอาใจคนรักเจลาโตย่านทองหล่อกันบ้าง และร้านนี้ก็จะกลายมาเป็นสาขาแฟล็กชิพด้วย โดยร้านแห่งใหม่นี้สวยงามน่าเช็คอินมากๆ ด้วยบรรยากาศสีขาว–ทอง แซมน้ำเงิน มีรูปไอศกรีมซ่อนอยู่ทุกที่ ตั้งแต่บนกระเบื้องพื้นนำเข้าร้าน บนประตูกระจกที่เปิดสู่ซอยทองหล่อ 13 และเครื่องหมาย & ที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ก็ถูกนำมาตกแต่งอย่างน่ารัก มีเมนูอื่นๆ นอกจากเจลาโต ได้แก่ Gelato Shake ซึ่งเราสามารถเลือกเจลาโตรสที่ชอบมาปั่นกับนมเป็นเครื่องดื่มรสเข้มข้นได้ หรือเมนู Frappe ก็มีให้เลือกหลายรสชาติ ทั้งส้มยูสุ สตรอว์เบอร์รี่ มัทฉะ       ด้านเจลาโตที่เป็นตัวเอกของร้าน เคล็ดลับของเนื้อเนียนแน่นและรสชาติที่เข้มข้นคือทำจากนมออร์แกนิกและส่วนผสมจากธรรมชาติทั้งหมด ไม่แต่งกลิ่นหรือสี ส่วนรสพิเศษๆ ที่มีมาแล้วทำไมหมดเร็วจัง อย่าง 2 รสพิเศษที่ออกมาในโอกาสเปิดสาขาทองหล่อนี้ Rose และ Sakura & Sake ก็หมดเร็วมากๆ นั่นเพราะใช้วัตถุดิบจากต่างประเทศที่คุณยิ้มพบตอนเดินทางแล้วหิ้วกลับมาเอง หรือฝากเพื่อนๆ หิ้วมาให้ ซึ่งหากหมดแล้วก็หมดเลย เพราะงั้นขอแนะนำว่าถ้าเจอรสพิเศษที่ถูกใจ ไม่ต้องลังเล ซื้อเป็นควอตซ์กลับมากินต่อที่บ้านด้วยเลยดีที่สุด  

ร้านคาเฟ่สีฟ้าขนาดเล็กริมถนนราชพฤกษ์ของเชฟอ๊อฟ-อักษรากรณ์ อดีตเชฟจากโรงแรมห้าดาว ซึ่งเดิมทีตั้งใจเปิดเป็นบรันช์คาเฟ่ แต่อยากให้ลูกค้าเข้าถึงเมนูของที่ร้านง่ายขึ้น จึงมาลงตัวที่อาหารสไตล์คอมฟอร์ตฟู้ด กินง่าย ไม่ซับซ้อนเกินไป อาทิ Sloppy Joe ซอสเนื้อเข้มข้นกินคู่ขนมปังกระเทียมสูตรพิเศษ นอกจากนี้ยังมีเมนูพาสตาแบบดั้งเดิม รวมถึงขนมและเครื่องดื่ม ซึ่งเชฟอ๊อฟลงครัวด้วยตัวเองแบบจานต่อจาน       เมนูแนะนำ Hot Chocolate Marshmallow อุ่นเครื่องด้วยเครื่องดื่มร้อน ช็อกโกแลตรสเข้มจากฝรั่งเศสตัดกับรสหวานของมาร์ชแมลโลว์ย่างไฟ ก่อนกินอย่าลืมคนช้าๆ ให้ละลายเข้ากัน   Egg in Hash มันฝรั่งแฮชบราวน์ทอดกรอบ ผัดกับหอมแดง เห็ด และเบคอน ท็อปด้วยโพชเอ้กราดซอสฮอลลันเดสสูตรเฉพาะ   Velvet and Fries เมนูบรันช์สำหรับคนตื่นสาย วัฟเฟิลเรดเวลเวตชีสโฮมเมด เสิร์ฟพร้อมไก่ทอดชิ้นโต ไข่ดาว และสลัดผักสด ราดน้ำสลัดบัลซามิกฮันนี่   Sweet Potato Custard ขนมสุดเก๋ คัสตาร์ดมันม่วงทำเลียนแบบขนมหม้อแกงแบบไทยๆ เสิร์ฟคู่ไอศกรีมมะพร้าวเชอร์เบต โรยหอมเจียวปิดท้าย  

เราแวะมาที่ Hazel’s Ice Cream Parlour and Fine Drinks หลายครั้งแล้ว เราเชื่อว่าตอนนี้ทุกอย่างลงตัวแล้วทั้งไอศกรีมอาติซานที่นำเอาไอศกรีมคลาสสิกมาทวิสต์ใหม่ รวมถึงค็อกเทลก็เช่นกัน   หลังจากเปิดเฮเซล โซนถนนจักรพรรดิพงษ์ก็กลายเป็นอาณาจักรความอร่อยของคุณโจ๊ก-สมเกียรติ ไพโรจน์มหกิจ และเพื่อนๆ เป็นที่เรียบร้อย หลังจากปั้น Sevenspoon และ Mad Moa ขึ้นมาก่อนหน้านี้ แว่วว่าจะใช้พื้นที่ข้างร้านทำเป็นร้านสุดแดงแรงฤทธิ์ ซึ่งเปิดตัวขายบาร์บีคิวในงาน Made my legacy มาแล้ว     เฮเซลเริ่มต้นจากต่อมอยากของคุณโจ๊กที่ไปเห็นและอยากได้เครื่องพิมพ์เก่า แต่ไม่มีที่เก็บจนเจ้าของปล่อยให้เช่าทั้งโรงพิมพ์ พอเช่าแล้วก็ต่อยอดกลายเป็นร้านไอศกรีมผสมกับบาร์ตามที่เห็น ซึ่งคุณโจ๊กหาข้อมูลมาพบว่าเครื่องพิมพ์เกิดในยุคเดียวกับที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกห้ามขาย จึงอาศัยร้านขายยาเป็นหน้าร้านแทน เช่นเดียวกับที่นี่ที่อาศัยโรงพิมพ์เป็นธีมหลัก     เฮเซลได้ทาง Farm to Table ช่วยทำไอศกรีม 60% เป็นไอศกรีมเหล้าที่ยังคงแอลกอฮอลล์ไว้เต็มๆ คำ (วันก่อนเราแอบเห็นคุณจอย ฟาร์มทูเทเบิ้ล เอาแกลลอนใส่เบียร์กลับบ้าน ไม่รู้แอบจิบไปบ้างหรือเปล่า 555) ส่วนซอสไอศกรีมเป็นทางคุณโจ๊กทำเอง    The Great Grandma Hazel Sundae ไม่มีแอลกอฮอล์ มาแนวซันเดย์ ไอศกรีมวานิลลากับช็อกโกแลต ราดด้วยซอสช็อกโกแลต Marou และแยมส้ม      จากนั้นเป็น Rum Raisin Ice Cream ไอศกรีมรัมเรซินกับเมอแรงก์ราดคาราเมล แต่เราสนใจไอศกรีมเหล้ามากกว่า Bourbon Vanilla ที่นำเอาไอศกรีมรสยอดนิยมไปผสมกับเบอร์เบินซึ่งให้ทั้งความหอมของฝักวานิลลาและกลิ่นของเบอร์เบินที่ดูเหมือนเข้ากันดี กินกับแยมส้มและเมอแรงก์        และไฮไลต์ The Green Fairy Sundae ไอศกรีมแอบซินที่รสไม่หนักเหมือนเหล้าแอบซิน หอมๆ กับซอสคาราเมล ไซรัปมินต์ เปลือกส้มโอเชื่อม และเชอร์รี ตัวนี้ดีมากเลย     ปิดท้ายด้วยค็อกเทล Punchline วิสกี้ ผสมลิเคียวร์เฮเซลนัตและลิเคียวร์สมุนไพร มาแนวสปิริตฟอร์เวิร์ด แก้วต่อมาเป็น Made in the shade วิสกี้ผสมลิเคียวร์ดอกเอลเดอร์ ไซรัปเชอร์รี และบิตเตอร์ เปรี้ยวหน่อยๆ ดื่มง่ายกว่าตัวแรก และ Bourbon Chocolate เบอร์เบินที่ดร็อปช็อกโกแลตลงไป กินกับดาร์กช็อกโกแลต สายช็อกโกแลตเหล้าน่าจะชอบ       

เชื่อว่าเหล่าฟู้ดดี้คงดีใจกันยกใหญ่ เมื่อร้าน All Day Breakfast จากย่านอีสต์ไซด์ชื่อดังประจำนครนิวยอร์กได้ฤกษ์เสิร์ฟความอร่อยถึงเมืองไทย สิ่งสำคัญที่ทำให้ร้านนี้ชนะใจใครต่อใครก็มาจากวัตถุดิบชั้นเยี่ยมที่คัดสรรมาโดยเฉพาะ จนออกมาเป็นสูตรลับความอร่อยของแพนเค้กเนื้อนุ่มฟูมีโพรงอากาศ วัฟเฟิลสุดนุ่มที่เข้าคู่กับไก่ทอดรสเลิศได้อย่างเหมาะเจาะ พร้อมด้วยเนยเมเปิลไซรัป (Maple Butter) สูตรพิเศษที่หากินที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว     เมนูแนะนำ Farmer's Plate อาหารเช้าจานใหญ่ ไข่คนนุ่มๆ เสิร์ฟพร้อมไส้กรอกโรสแมรี่โฮมเมด มะเขือเทศอบ และขนมปังซาวร์โด   Chicken & Waffles เมนูซิกเนเจอร์สุดอร่อย ไก่เนื้อนุ่มทอดร้อนๆ วางบนวัฟเฟิลชิ้นโต ราดซอสน้ำผึ้งทาบาสโก กินคู่กับเนยเมเปิลไซรัป   Black Angus Cheeseburger เบอร์เกอร์เนื้อแองกัสชิ้นโตฉ่ำชีสเชดดาร์ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด และโคลสลอว์   Blueberry Pancake with Warm Maple Butter แพนเค้กเนื้อฟู 3 ชิ้นใหญ่ท็อปปิงด้วยบลูเบอร์รีเชื่อม ราดด้วยเนยเมเปิลไซรัปสีนวลหอมหวานละมุน

เรียกว่าเป็น "ซูชิเบอร์เกอร์เจ้าแรกในบ้านเรา" ก็ว่าได้ คุณบูมและหุ้นส่วนได้นำคอนเซ็ปต์ Fast Food But Not Junk Food มาเป็นตัวชูโรง ซูชิเบอร์เกอร์หน้าตาเก๋ไก๋ ข้าวปั้นแน่นๆ กินแล้วไม่เลอะเทอะ ทำขึ้นใหม่เฉพาะตอนสั่งเท่านั้น ใช้วัตถุดิบนำเข้ามาครีเอตเป็นไส้ต่างๆ มากกว่า 10 ไส้ พ่วงด้วยซาชิมิ โรล ดงบุริ สลัด เบเกอรี่ และเครื่องดื่มเป็นตัวเสริมทัพให้พนักงานออฟฟิศได้อิ่มท้องกินสะดวกและรวดเร็ว แถมยังใจดีมีพื้นที่ Working Space ให้ใช้ปลั๊กไฟและเล่น WiFi กันได้ยาวๆ       เมนูแนะนำ Beef and Foie Gras Sushi Burger ซูชิเบอร์เกอร์เนื้อออสเตรเลียหอมกรุ่นเข้ากันกับฟัวกราส์นุ่มชุ่มลิ้น เพิ่มรสชาติด้วยไข่หวานและซอสสูตรพิเศษ   Salmon Teriyaki Sushi Burger ซูชิเบอร์เกอร์แซลมอนย่าง โรยหน้าด้วยแป้งเทมปุระกรุบกรอบ ราดซอสเทอริยากิหวานหอม กินแกล้มกับผักกาดแก้ว แตงกวาญี่ปุ่น และไข่หวาน   Dragon Sushi Burger เบอร์เกอร์ญี่ปุ่นหน้าปลาไหลชิ้นใหญ่เต็มคำ โรยไข่กุ้งเคี้ยวกรุบและไข่หวาน แกล้มกับผักเรดโอ๊ก    Volcano Roll โรลกระทะร้อนมีทีเด็ดตรงหอยเชลล์นุ่มแน่น โรยด้วยชีสเค็มๆ มันๆ

Cocotte Farm Roast & Winery ร้านอาหารสไตล์บิสโทรจุดนัดพบสุดฮอตย่านพร้อมพงษ์ที่มีหัวใจสำคัญคือ “Slow Food Movement” ซึ่งใส่ใจวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม เลือกบริโภคอาหารจากธรรมชาติท้องถิ่นเพื่อพัฒนาระบบนิเวศที่ยั่งยืน ช่วยสนับสนุนเกษตรกรชาวไทย โดยใช้เวลาเฟ้นหาวัตถุดิบในร้านมากกว่า 1 ปี เช่น ไก่ ผัก ผลไม้จากเชียงใหม่และโครงการหลวง ขนมปังอาร์ติซานจากเอกมัย ใช้ของตามฤดูกาลและส่งตรงถึงร้านทุกเช้า คุณแมคซอง เลอบาทซ์ ผู้จัดการร้านที่เป็นหุ้นส่วนอธิบายคอนเซปต์ของร้านให้เราฟัง     การตกแต่งเป็นสไตล์โมเดิร์นรัสติกเท่ๆ ที่ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ เช่น โต๊ะไม้ตัวยาวเนื้อสวยจากเชียงใหม่  มีซุ้มชีสคล้ายตลาดในฝรั่งเศส มีเนื้อแปรรูปชนิดต่างๆ ชีสจากยุโรปและเชียงรายให้เลือกตามความชอบ ครัวเป็นแบบครัวเปิดโชว์ให้เห็นขั้นตอนการทำอาหาร โดยมีเชฟเจอริโก้ แวน เดอร์ วูฟ เป็นผู้ควบคุมความอร่อย     เชฟแนะนำให้เราเริ่มด้วยโคลด์คัตและชีสซึ่งมีหลายขนาดให้เลือกตามความชอบ เราชิม Farmer Board ที่มีชีสและโคลด์คัตอย่างละ 3 ชนิด มาพร้อมนัตอบและผลไม้อบแห้งไว้กินเรียกน้ำย่อยคู่กับเครื่องดื่ม เช่น ไวน์หรือค็อกเทลที่ทำจากรัมของภูเก็ต ต่อด้วยเมนูสุดเฮลท์ตี้อย่าง Organic Vegetables ใช้ผักจากโครงการหลวงอย่างเบบี้แครอต หน่อไม้ฝรั่ง ต้นกระเทียม หัวไช้เท้า เห็ดนำมาลวกและย่าง กินกับมูสข้าวโพดหวานย่างและขนมปังกรอบ ราดด้วยวีเนแกรตทรัฟเฟิล ถูกใจคนรักผักแน่นอน     มาถึงจานหลักคือ Wagyu Rump Steak เนื้อออสเตรเลียวากิวมาร์เบิลระดับ 7 ย่างสุกปานกลาง เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบด หน่อไม้ฝรั่งย่าง และซอสตามชอบ เนื้อมีกลิ่นหอมและนุ่มเข้ากับน้ำจิ้มแจ่วรสจัดที่เราเลือก      ปิดท้ายด้วยขนมหวาน Paris Bangkok แป้งชูซ์สูตรจากปารีส ไส้เป็นครีมพาลีนเฮเซลนัต กินกับมะม่วงกงฟีและแยมมะพร้าว รสชาติของขนมฝรั่งเข้ากับผลไม้จากเมืองไทยได้เป็นอย่างดี     สมกับที่เชฟเจอริโก้ขึ้นดอยไปอยู่กับชาวบ้านเพื่อค้นหาวัตถุดิบสดใหม่อยู่หลายเดือน

วัฒนธรรมอาหารของเม็กซิกันมีจุดเด่นอยู่ที่การกินดื่มในมื้อเดียวแบบแยกไม่ออก กินอาหารตบด้วยเตกีล่า ซึ่ง Slanted Taco : Authentic Mexican Cantina แบรนด์ใหม่ในเครือของ Whisgars บาร์วิสกี้ และ Craft คราฟต์เบียร์บาร์ นำเอาวัฒนธรรมการกินสุดพีคนี้มาให้เราได้รู้จัก  ที่นี่ได้ตัวเชฟฮอเฮย์ เบอร์นาล เชฟชาวเม็กซิกันอยู่เบื้องหลังอาหารเม็กซิกันหลายร้านในกรุงเทพฯ มาช่วยคิดเมนูอาหาร       เตกีล่าถือว่าเป็นจุดเด่นของร้าน ที่นี่ยังไม่ใช่บาร์เตกีล่าที่ดีที่สุดแต่ตามแผนแล้วทางร้านก็จะรวบรวมแบรนด์เตกีล่ามาให้ได้มากที่สุด Tequila ตัวหลักที่ใช้เป็น El Jimador มาพร้อมกับเกลือมะนาว และ Sangrita ที่มีส่วนผสมของน้ำผลไม้ ซอสทาบาสโก และซอสวูสเตอร์ไชร์ เตกีล่ายังเป็นต้นทางของการทำเครื่องดื่มดังอย่างมาร์การิตาที่มีให้เลือกทั้งแบบเผ็ด Devil Margarita “Machurat” ผสมทาบาสโก หรือแบบหวาน Honey Margarita ผสมน้ำผึ้ง         ส่วนอาหารจุดเด่นอยู่ที่แป้งทาโก้ซึ่งทำสดใหม่ก่อนเสิร์ฟเท่านั้น Tacos “El Chilango” แป้งข้าวโพดโฮมเมดทำสดใหม่ ไส้เนื้อไก่อบ เนื้อหมูอบซอส และเนื้อวัวย่าง เลือกได้ว่าจะกินกับซอสเผ็ดระดับไหนจาก 3 ระดับ ส่วนอาหารเม็กซิกันจานอื่นๆ ก็น่าสนใจ Tostada แป้งกรอบหน้าไก่ ถั่ว ซาวร์ครีม และเฟตาชีส Choriqueso ไส้กรอกหมูโฮมเมดอบชีส หน้าตาคล้ายลาซานญา ก่อนกินห่อด้วยแป้งตอร์ติญา El Mojado เบอร์ริโตอบชีสและซอสเอ็นชิลาด้า            ที่อร่อยสุดๆ ยกให้ Fajita เนื้อวัวย่างนุ่มๆ บนกระทะร้อนห่อกับตอร์ติญา ชีส ซาวร์ครีม กัวกาโมเล ตามด้วยซอสเผ็ด    

หากคุณเป็นคนที่ชอบการตกแต่งครัวและชอบอาหารฟิวชันคงต้องถูกใจร้านนี้ Binova Gallery & Restaurant ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหารและแกลเลอรีชุดครัวที่นำเข้าจากประเทศอิตาลี     ตัวร้านดูโปร่งโล่งน่านั่งเพราะผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกใส พื้นที่ชั้นล่างจัดเป็นร้านอาหารขนาด 20 ที่นั่ง ส่วนชั้น 2 และ 3 เป็นโซนส่วนตัวสามารถจัดงานเลี้ยงและสัมมนาได้ภายใต้บรรยากาศครัวสวยทันสมัยชวนให้เจริญอาหาร     คุณจาตุรนต์ ศานต์ตระกูล เจ้าของร้านบอกกับเราว่าต้องการเพิ่มพื้นที่จากร้านขายของแต่งบ้าน O.H.M. ที่นำเข้าอยู่แล้ว จึงขยายบริเวณนี้เป็นร้านอาหารที่มีทั้งอาหารจานเดียวง่ายๆ ในมื้อกลางวันและอาหารเย็นสไตล์ฟิวชัน โดยได้เชฟศักดิ์สิทธิ์ หอมจำปา ผู้มีประสบการณ์จากร้านอาหารญี่ปุ่นและยุโรปเป็นผู้สร้างสรรค์เมนูอร่อย   เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย Seafood Salad สลัดซีฟู้ดรสจัดที่นำกุ้ง หอย และปลาหมึกมาย่างจนสุกหอม เสิร์ฟพร้อมผักสลัดสดกรอบและแซลมอนรมควันรสเค็ม ราดด้วยน้ำสลัดคล้ายน้ำยำรสชาติจัดจ้านถึงใจ     ต่อด้วย Seared Scallop Truffle หอยเชลล์จากฮอกไกโดย่างสุกพอดีกับซอสที่ใช้ปลาแห้งโบนิโตะผัดกับน้ำส้มบัลซามิก จานนี้มีรสหลากหลายทั้งรสหวานจากหอยเชลล์ รสเค็มจากปลาแห้งญี่ปุ่น รสเปรี้ยวนิดๆ จากน้ำส้มบัลซามิกและเพิ่มความมันด้วยวอลนัตอบ     หากยังไม่อิ่มลองสั่ง Crab Cake เนื้อปูล้วนๆ ผสมกับพริกหวาน 3 สี รากผักชี และกระเทียมกลิ่นหอม ปั้นเป็นชิ้น คลุกกับแป้ง ไข่ และเกล็ดขนมปัง ทอดจนกรอบ กินกับซอสมายองเนสโฮมเมดที่ใส่กระเทียมสับกลิ่นหอมและอร่อยเข้ากัน     ปิดท้ายด้วยซุปร้อนๆ อย่าง Mixed Mushroom in a Clear Soup ต้มยำเห็ดน้ำใสลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เพราะเชฟใช้ปลาแห้งญี่ปุ่นทำน้ำซุป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันงา น้ำมะนาว และพริกแห้งทอด รสเปรี้ยวและเผ็ดนิดๆ ช่วยให้สดชื่นขึ้นทันที     กินอิ่มแล้วจะไปชอปชุดครัวหรือดูเครื่องครัวต่อสะดวกเลย

ถึงเวลาที่สตีมซีฟู้ดอาหารยอดฮิตทั้งในจีนและสิงคโปร์จะมาโลดแล่นในบ้านเรากันแล้ว คุณโทนี่ หนึ่งในหุ้นส่วนชาวจีนเล่าว่าข้อดีของสตีมซีฟู้ดคือได้ความสุกกำลังพอดี ไม่เละเหมือนการต้ม แถมที่ร้านยังใช้หม้อสั่งทำพิเศษ ชั้นบนเป็นถาดสำหรับนึ่ง ส่วนด้านล่างเป็นหม้อข้าวต้มให้น้ำซีฟู้ดจากการนึ่งค่อยๆ ไหลลงไปเพิ่มรสชาติให้ข้าวต้มช้าๆ  ส่วนน้ำจิ้มมีให้เลือก 7 รสชาติตามชื่อร้านคือ  สับปะรด โหระพา ไทยซีฟู้ด ซอสขิง ซีอิ๊ว เต้าหู้ และกระเทียม       เมนูแนะนำ Steam Seafood ทีเด็ดอยู่ที่ล็อบสเตอร์เนื้อแน่นนำเข้าจากฝรั่งเศสและอเมริกา รวมทั้งเมนูสารพัดหอย อาทิ หอยเชลล์ หอยหวาน หอยตลับ หอยแมลงภู่ ฯลฯ กินคู่น้ำจิ้ม 7 รสชาติ   ล็อบสเตอร์ผัดไข่เค็ม เนื้อล็อบสเตอร์เด้งๆ ผัดกับไข่เค็มรสชาติกลมกล่อม แนมด้วยหมี่กรอบที่รองจานมา   ปูผัดข้าวทอด สูตรเด็ดของเชฟ เหมือนปูทะเลผัดพริกกระเทียมแต่อร่อยกว่าตรงที่มีข้าวทอดกรอบๆ ให้เคี้ยว    Saniovese เนื้อสันในนุ่มๆ เสิร์ฟแบบมีเดียมแรร์ เข้ากับซอสไวน์แดงรสออกฝาดนิดๆ