สายชีสต้องร้องว้าวกับเมนูนี้ เนื้อขนมปังมันฝรั่งนุ่มๆ นวลละมุนหอมมันเข้ากับชีสเยิ้มๆ ด้านใน กินเพลินจนหยุดไม่อยู่ ส่วนผสม มันฝรั่งหัวใหญ่ 2 หัว แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/2 ถ้วย น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมไส้ มันฝรั่งหัวใหญ่ 1 หัว มายองเนส 2 ช้อนโต๊ะ ชีสมอซซาเรลลา 1 1/2 ถ้วย วิธีทำ หั่นมันฝรั่งทั้ง 2 ส่วน เป็นชิ้นใหญ่ นำไปต้มให้สุก ตักมันฝรั่งต้มสุก 2 หัว ใส่ชามผสม บดให้ละเอียด ใส่แป้งสาลี นวดให้เข้ากัน พักไว้ เตรียมไส้โดยบดมันฝรั่งต้มที่เหลือให้ละเอียด ใส่มายองเนส ผสมให้เข้ากัน นำส่วนผสมแป้งมารีดให้เป็นแผ่น ใส่ชีส ตามด้วยส่วนผสมมันบด แล้วโรยชีสอีกครั้ง รวบแป้งปิดไส้ให้มิด กลับเอาด้านที่รวบแป้งลง กดให้แบน แล้วใช้ไม้รีดแป้งรีดให้แบน ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน ทาน้ำมันบางๆ ใส่ขนมปังลงทอดให้สุกเหลือง กลับอีกด้านลงทอดให้สุกเหลือง ตัดเป็นชิ้นใส่จาน โรยพาร์สลีย์ เสิร์ฟร้อนๆ

เคยกินแต่กุยช่ายแป้งหนานุ่ม ลองเปลี่ยนมากินแบบแผ่นบางกรอบ จิ้มน้ำจิ้มสูตรเด็ด รับรองว่ากินเพลินถูกใจแน่นอน ส่วนผสม กุยช่าย 180 กรัม แป้งข้าวเหนียว 3 ช้อนโต๊ะ แป้งมัน 1/4 ถ้วย แป้งข้าวเจ้า 3/4 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำมันรำข้าว 3 ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด 3/4 ถ้วย วิธีทำ หั่นต้นกุยช่ายยาว 1 เซนติเมตร ใส่ชามผสมไว้ ใส่เกลือและน้ำมันรำข้าว คลุกให้เข้ากัน ขยำให้ผักช้ำ พักไว้ ผสมแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน แป้งข้าวเจ้า และน้ำสะอาด คนให้เข้ากัน ใส่กุยช่าย คนให้เข้ากัน เทใส่ถาดที่ทาน้ำมัน นำไปนึ่งในน้ำเดือดจนสุก ตัดเป็นชิ้น ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน ใส่กุยช่ายนึ่งลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักใส่จาน เสิร์ฟกับน้ำจิ้ม

ตรุษจีนวันรวมญาติประจำปีที่นอกจากมีเมนูคุ้นเคยอย่างหมู เป็ด ไก่แล้ว ปีนี้ชวนพี่น้องมาล้อมวงทำติ่มซำ เมนูที่เคยกินกันในภัตตาคารแต่ก็สามารถทำเองที่บ้านได้ โดยเฉพาะวันที่มีสมาชิกพร้อมหน้า เป็นกิจกรรมสนุกๆ ในเทศกาลสำคัญนี้ อย่าง เผือกทอด แป้งเผือกห่อไส้ไก่รสเข้มข้นทอดจนฟูกรอบ เชื่อกันว่าการงานจะได้เฟื่องฟูตลอดทั้งปี เป็นเมนูตั้งโต๊ะที่เหมาะกับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองในวันตรุษจีน ส่วนผสมไส้ เนื้ออกไก่หั่นเต๋า 500 กรัม เห็ดหอมสดหั่นเต๋าเล็ก 1 ถ้วย เห็ดหอมแห้งสับ 1/2 ถ้วย กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า 1/2 ถ้วย ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 2 ช้อนชา พริกไทยขาว 1 ช้อนชา ไข่ไก่ 3 ฟอง แป้งมันฮ่องกง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันสำหรับผัดเล็กน้อย วิธีทำ ผัดกระเทียมกับหอมหัวใหญ่จนสุก ใส่เห็ดหอมสดและเห็ดหอมแห้ง ผัดให้เข้ากัน ใส่เนื้อไก่ ตามด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย เกลือและพริกไทย ผัดจนเนื้อไก่สุก เติมน้ำเล็กน้อย รอจนเดือด ใส่ไข่ ผัดจนสุก จากนั้นใส่แป้งมันฮ่องกงผสมน้ำเล็กน้อย ผัดจนงวดแล้วตักขึ้น พักไว้ ส่วนผสมเผือกทอด (สำหรับ 2-4 ที่) เผือกหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมใหญ่ 500 กรัม แป้งฮะเก๋า 300 กรัม น้ำเปล่า 200 กรัม น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา น้ำมันหมู (แช่เย็นจนแข็ง) 100 กรัม ผงฟู 1 ช้อนชา น้ำจิ้มบ๊วยตามชอบ วิธีทำ นึ่งเผือกนาน 45 นาทีจนสุกนิ่ม บดให้เนื้อเนียนละเอียด เตรียมไว้ ต้มน้ำเปล่าให้เดือด ใส่ลงในแป้งฮะเก๋า คนให้แป้งละลายเข้ากัน (แป้งจะเป็นก้อน) ค่อยๆ แบ่งแป้งใส่ลงในเผือก ใส่น้ำตาลทราย เกลือ และผงฟู นวดจนเนื้อเนียน ใส่น้ำมันหมูลงไปนวดให้เข้ากันจนเนื้อเนียน (ใส่แป้งเพิ่มได้ถ้าเผือกดูเหลว) คลุมพลาสติกสำหรับห่ออาหาร นำไปแช่ในตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมงหรือข้ามคืน นำแป้งออกมานวดสักครู่แล้วคลึงให้เป็นแท่งยาว แบ่งออกเป็นก้อนละ 40 กรัม ปั้นเป็นก้อนกลมแผ่ให้เป็นแผ่น ใส่ไส้ที่เตรียมไว้ จับแป้งห่อไส้เหมือนลูกรักบี้ ใช้มือจับเป็นฐานเพื่อวางได้ ด้านบนจับให้เป็นจีบบาง อุ่นน้ำมันสำหรับทอดให้ร้อน 170 องศาเซลเซียส วิธีเช็กใช้ตะเกียบจุ่มลงในน้ำมันถ้ามีฟองรอบๆ แสดงว่าใช้ได้ วางเผือกบนกระชอนตักทอด จุ่มลงทอดในน้ำมันให้ท่วม 2 วินาที ยกขึ้น ค่อยๆ จุ่มลงในน้ำมันอีกครั้ง ยกขึ้นช้าๆ ให้ผิวเผือกเป็นเกล็ดจนเกือบถึงยอด จากนั้นจุ่มลงทอดในน้ำมันให้ท่วมฟูจนเป็นสีทองสวย เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มบ๊วย

คูชิอะเกะ (Kushiage) คือการนำอาหารมาเสียบไม้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ ซีฟู้ด หรือผักต่างๆ ที่หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำไปชุบแป้งและเกล็ดขนมปังแล้วทอดจนเหลืองกรอบ รากบัวสอดไส้ในรูปแบบคูชิอะเกะ แม้จะเป็นอาหารที่ใช้เทคนิคแบบญี่ปุ่น แต่ด้วยความหมายของรากบัวที่สื่อถึงความสมบูรณ์ จึงทำให้เมนูนี้เป็นอาหารว่างที่เหมาะกับเทศกาลตรุษจีนด้วยเช่นกัน ส่วนผสม รากบัว 200 กรัม เนื้อหมูบด 100 กรัม รากผักชี 1 ราก กระเทียม 1 กลีบ พริกไทยขาว 1/2 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 60 กรัม ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำเย็น 4 ช้อนโต๊ะ เกล็ดขนมปังป่น 1 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับทอด น้ำจิ้มบ๊วยเจียสำหรับเสิร์ฟ เลมอนสำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทย นำไปเคล้ากับเนื้อหมูบด ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว หั่นรากบัวเป็นท่อน ใช้มือจับรากบัวกดลงไปในส่วนผสมเนื้อหมูบด กดซ้ำจนเนื้อหมูดันตัวเข้าไปจนทะลุที่อีกด้านของรากบัว ปอกเปลือกรากบัว ใช้ไม้เสียบที่ด้านข้างของรากบัว ทิ้งระยะทุก 1 เซนติเมตร แล้วหั่นรากบัวหนา 1 เซนติเมตร ผสมแป้งสาลี ไข่ไก่ และน้ำเย็น บดเกล็ดขนมปังให้ป่นดี พักไว้ ตั้งน้ำมันที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นำรากบัวชุบแป้งเปียก ตามด้วยเกล็ดขนมปัง แล้วนำลงทอดจนสุกมีสีเหลืองทอง เสิร์ฟกับน้ำจิ้มบ๊วยเจียและเลมอน

ตรุษจีนวันรวมญาติประจำปีที่นอกจากมีเมนูคุ้นเคยอย่างหมู เป็ด ไก่แล้ว ปีนี้ชวนพี่น้องมาล้อมวงทำติ่มซำ เมนูที่เคยกินกันในภัตตาคารแต่ก็สามารถทำเองที่บ้านได้ โดยเฉพาะวันที่มีสมาชิกพร้อมหน้า เป็นกิจกรรมสนุกๆ ในเทศกาลสำคัญนี้ อย่าง ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้ง เนื้อกุ้งหมักอย่างดีห่อด้วยแป้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อหนึบ เชื่อว่ากินแล้วอายุยืน เป็นเมนูตั้งโต๊ะที่เหมาะกับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองในวันตรุษจีน ส่วนผสมแป้ง (สำหรับ 2-4ที่) แป้งข้าวเจ้า 10 ช้อนโต๊ะ แป้งถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ แป้งฮะเก๋า 4 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1 ช้อนชา น้ำเปล่า 470 มิลลิลิตร น้ำมันสำหรับทาถาดนึ่ง วิธีทำ ผสมแป้งทุกชนิดกับเกลือให้เข้ากัน ใส่น้ำทีละน้อยนวดให้เป็นก้อน จากนั้นนวดต่อประมาณ 5 นาทีแล้วใส่น้ำที่เหลือจนหมด คนจนแป้งละลาย ตั้งลังถึงรอให้น้ำเดือด วางถาดสำหรับนึ่ง นึ่งถาดให้ร้อนประมาณ 3 นาที ทาน้ำมันที่ถาดเล็กน้อย ตักแป้งที่เตรียมไว้ (คนก่อนตัก) ประมาณ 1/2 ถ้วยใส่ถาด หมุนถาดให้แป้งแผ่ออกเต็มเสมอกัน ปิดฝา นึ่งนาน 3 นาทีหรือจนแป้งสุก ค่อยๆ แซะลอกแป้งออกใส่ในถาดที่ทาด้วยน้ำมัน พักไว้ ส่วนผสมไส้กุ้ง กุ้งตัวเล็กแกะเปลือก 200 กรัม น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา เบกกิงโซดา 1/8 ช้อนชา น้ำมันงา 1 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา แป้งข้าวโพด 1/2 ช้อนชา พริกไทยขาว 1/4 ช้อนชา ส่วนผสมน้ำจิ้ม ต้นหอมซอย (ส่วนสีขาว) 1 ต้น ขิงหั่นแว่น 6 ชิ้น ซีอิ๊วขาว 2 1/2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 3 ช้อนชา น้ำ 1/3 ถ้วย ซอสหอยนางรม 1 ช้อนชา น้ำมัน 1 ช้อนชา วิธีทำ ล้างกุ้งให้สะอาด ซับให้แห้ง ผสมน้ำตาลทรายกับเบกกิงโซดาแล้วราดบนกุ้ง คลุกให้เข้ากัน หมักไว้ที่อุณหภูมิห้อง 30 นาที นำไปแช่ตู้เย็นพักไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง นำกุ้งออกมาล้างผ่านน้ำ 5 นาที ซับน้ำเบาๆ ให้แห้งด้วยกระดาษทิชชูทำครัวหรือผ้าขาวบาง ใส่ในชามผสม ใส่น้ำมันงา เกลือ แป้งข้าวโพด และพริกไทยขาว คลุกให้เข้ากัน พักไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง นึ่งกุ้งในน้ำเดือดประมาณ 8 นาทีหรือจนสุก (อย่านึ่งนานเนื้อกุ้งจะแข็ง) ทำน้ำจิ้มโดยใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ ตั้งไฟอ่อนคนให้งวด ชิมรส พักให้เย็น กรองขิงและต้นหอมออก วางกุ้งเรียงบนแป้งก๋วยเตี๋ยวแล้วม้วนให้เป็นหลอด โรยต้นหอมซอยตกแต่ง จัดเสิร์ฟกับน้ำจิ้ม

ตรุษจีนวันรวมญาติประจำปีที่นอกจากมีเมนูคุ้นเคยอย่างหมู เป็ด ไก่แล้ว ปีนี้ชวนพี่น้องมาล้อมวงทำติ่มซำ เมนูที่เคยกินกันในภัตตาคารแต่ก็สามารถทำเองที่บ้านได้ โดยเฉพาะวันที่มีสมาชิกพร้อมหน้า เป็นกิจกรรมสนุกๆ ในเทศกาลสำคัญนี้ อย่างเมนู ขนมจีบไส้หมู แป้งเหนียวนุ่มนำมาห่อไส้หมูสับ จับจีบคล้ายถุงเงินถุงทอง เป็นเมนูตั้งโต๊ะที่เหมาะกับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองในวันตรุษจีน ส่วนผสมไส้หมู (สำหรับ 2-4 ที่) เนื้อหมูสับ 400 กรัม เนื้อกุ้งสับ 100 กรัม ขิงขูด 1 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมสับ (เฉพาะส่วนสีขาว) 2 ช้อนโต๊ะ มันหมูหั่นเต๋า 1/4 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ ไข่ขาว 1 ฟอง แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ แผ่นแป้งเกี๊ยวสำหรับห่อ ส่วนผสมน้ำจิ้ม ซีอิ๊วขาว 4 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ ขิงซอยตามชอบ วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในอ่างผสม (ยกเว้นไข่ขาว) นวดให้เข้ากัน ประมาณ 8-10 นาที ใส่ไข่ขาว นวดต่อให้เข้ากัน จากนั้นนวดให้เหนียวโดยนำหมูสับที่ผสมไว้ฟาดกับอ่างผสมประมาณ 5 นาที แล้วแช่ไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ห่อขนมจีบโดยทาน้ำริมขอบแป้งทั้ง 2 ด้าน ใส่ไส้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ จับจีบพับเข้าหากันจนครบให้สวยงาม เรียงใส่เข่งไม้ไผ่ นำไปนึ่งในน้ำเดือด 8-10 นาที จัดใส่จานเสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้ม ทำน้ำจิ้มโดยใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในชามผสม คนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย ใส่ขิงซอย

หอมอร่อยกินเพลินๆ กับสูตรคุกกี้ที่ผสมกระเทียมนิด ชีสหน่อย รสกลมกล่อม ส่วนผสม เนยสดเค็มนิ่ม 115 กรัม น้ำตาลไอซิง 3/4 ถ้วย ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 1 ฟอง กระเทียมขูดละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ ชีสพาร์เมซานป่น 1/2 ถ้วย แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/2 ถ้วย พาร์สลีย์สับ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ คนเนยสดให้อ่อนตัว ใส่น้ำตาลไอซิง คนให้เข้ากันจนขึ้นฟูเล็กน้อย ใส่ไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน ใส่กระเทียมและชีส คนให้เข้ากัน ใส่แป้ง คนให้เข้ากัน ใส่พาร์สลีย์แล้วคนให้เข้ากัน บีบแป้งลงในถาดอบ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 18-20 นาที

หอมกรอบอร่อย เนื้อในนุ่มกัดแล้วฟินๆ สุด สำหรับเมนูหมั่นโถวย่างเนยสด จิ้มกับดิปนมข้นหรือสังขยาก็ดีทั้งสอง ส่วนผสม (ทำได้ 8 ชิ้น) แป้งเค้ก 300 กรัม ผงยีสต์ 2 ช้อนชา ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำสะอาด 1/2 ถ้วย เนยขาว 2 ช้อนโต๊ะ เอสพี (SP) 1 ช้อนชา เนยสดนิ่มสำหรับทาก่อนย่าง นมข้นหวาน หรือสังขยาตามชอบ วิธีทำ ผสมแป้งกับยีสต์และผงฟู คนให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำสะอาด เทลงในอ่างผสมแป้ง นวดให้เข้ากัน ใส่เนยขาวและเอสพี นวดต่อจนแป้งเริ่มเนียน คลึงเป็นก้อนกลม พักแป้งไว้ 10 นาที ตัดแบ่งแป้งน้ำหนักก้อนละ 75-80 กรัม คลึงเป็นก้อนกลมเรียงไว้ รีดแป้งแต่ละก้อนให้ยาวแล้วม้วนเป็นท่อนยาว วางบนกระดาษไขที่ตัดไว้ วางแป้งเรียงในถาดให้ห่างกัน พักไว้ประมาณ 30-45 นาที หรือจนขึ้น เรียงแป้งใส่ลังถึง นึ่งในน้ำเดือด ใช้ไฟกลางค่อนข้างแรง นึ่งประมาณ 12 นาทีหรือจนสุก พักไว้ให้เย็น ทำหมั่นโถวย่างเนยโดยกรีดหมั่นโถวแบ่งเป็นชิ้นๆ อย่าให้แป้งขาด ทานเนยตามร่องที่กรีดไว้ นำไปย่างให้หอม จัดใส่จานเสิร์ฟกับนมข้นหวาน หรือสังขยารสตามชอบ

ถ้าถามว่าการลดน้ำหนักแนวทางใดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน น่าจะเป็น IF เพราะคนทักทายคำนี้กันอย่างคุ้นเคยจนดูเป็นคำทั่วไปที่ทุกคนต้องรู้จัก   IF หรือ Intermittent Fasting เป็นแนวทางการลดน้ำหนักที่ไม่เคร่งครัดเรื่องอาหารว่าจะกินอะไร แต่เน้นว่าใน 1 วันเรามีเวลากินอาหาร (Feeding) ได้ช่วงไหน และมีเวลาอด (Fasting) ช่วงไหนจึงดูไม่ยุ่งยากหรือขวนขวายว่าต้องหาอะไรมากิน เพียงแต่กำหนดเวลากินของตัวเราเท่านั้น และที่ดูจะสะดวกขึ้นอีกเพราะช่วงเวลาอดหรือกินได้ก็ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่จะกินอาหารเย็นเร็วหน่อย ช่วงอดก็จะเป็นเวลานอนซึ่งไม่ต้องกินอยู่แล้ว และเริ่มกินมื้อเช้า เป็นต้น การกำหนดเวลาจะเริ่มจากใน 24 ชั่วโมงอาจจะแบ่งเวลาอดอาหาร 14 ชั่วโมง ช่วงเวลาที่กินได้ 10 ชั่วโมง แล้วก็เพิ่มเป็นช่วงอด 16 ชั่วโมง ช่วงกินได้ 8 ชั่วโมง อันเป็นตัวเลขยอดฮิต 16/8 ซึ่งชาว IF จะทักทายกันราวกับรหัสลับ เมื่อคุ้นชินแล้วก็จะเพิ่มเป็น 20/4 หรืออดวันเว้นวัน หลักการของแนวทางนี้เชื่อว่าเมื่อเรากินอาหารเข้าไปร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเพื่อให้อินซูลินนำอาหารเข้าไปในเซลล์ ร่างกายจะได้พลังงานจากอาหารที่เรากินเข้าไปเป็นหลัก เมื่อเรากินอาหารบ่อยๆ อินซูลินก็จะหลั่งบ่อย ไขมันที่ถูกสะสมไว้ก็ไม่ได้ถูกใช้หรือใช้น้อย เราจึงอ้วน ดังนั้นเราก็ควรกินน้อยลงในเวลาที่กำหนดเพื่อให้ร่างกายใช้ไขมันที่สะสมไว้ ทำให้เราผอมลง พุงยุบ และรูปร่างปราดเปรียวขึ้น แต่การอดนี้จะต้องใช้เวลาไปสักระยะหนึ่งจึงจะเห็นผล มีการศึกษาพบว่าถ้า IF ไปประมาณ 3 สัปดาห์ รอบเอวจะเริ่มลดลง ถ้าทำไปเรื่อยๆ สัก 2 เดือน น้ำหนักควรจะหายไป 8%   แนวทางนี้แม้ดูจะไม่ต้องวุ่นวายกับการหาอะไรกิน แต่ถ้ากินของที่ไม่ย่อยยาก หรืออาหารสุขภาพบ้างก็น่าจะช่วยให้ร่างกายดีขึ้น อย่างเช่นมันเทศอบสไตล์ญี่ปุ่น มันเทศเป็นพืชที่ทุกคนอาจจะกลัวว่ากินแล้วอ้วนเพราะมีคาร์โบไฮเดรตเป็นหลัก แต่อาจจะไม่รู้ว่าเป็นคาร์โบไฮเดรตชั้นดีที่ให้พลังงาน กินแล้วอิ่มท้อง ไม่เปลี่ยนเป็นแป้งและน้ำตาลเหมือนกับคาร์โบไฮเดรตที่ได้จากข้าวหรือพืชชนิดอื่น จึงไม่เพิ่มน้ำตาลในร่างกาย บางคนจึงกินมันเทศเพื่อช่วยลดน้ำหนักเพราะอิ่มท้องดี นอกจากกินแล้วไม่อ้วน เนื้อสีเหลือง หรือเหลืองอมส้มของมันเทศยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเบตา-แคโรทีนชั้นเยี่ยม มีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ทั้งยังเป็นแหล่งของแคลเซียมซึ่งช่วยให้ฟันและกระดูกแข็งแรง ช่วยลดปัญหากระดูกพรุนที่ทำให้กระดูกเปราะและหักง่ายของผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ต้องการแคลเซียมมากกว่าปกติอีกด้วย   การกินมันเทศง่ายๆ คือต้มกับน้ำตาลใส่ขิงซึ่งดูธรรมดาๆ ถ้านำมันเทศมาเผาดูจะเป็นเมนูสุขภาพแนวรักษ์โลก แต่ถ้านำมาตกแต่งขึ้นอีกนิดก็จะชวนเตะตาน่ากินยิ่งขึ้น อย่างเมนูนี้ที่นำมาเผาจนสุก นำเนื้อมาผสมกับไข่แดง ใส่วิปปิงครีมให้เนื้อเนียน และตักใส่เปลือกมันเทศแล้วนำไปอบอีกครั้ง จะดูชวนกิน น่ากิน และกินได้อร่อยขึ้น   เมนูนี้ว่าไปแล้วก็ไม่ได้จำกัดเฉพาะของชาว IF แต่คนทั่วไปที่รักสุขภาพหรือชอบกินของอร่อยก็น่าลองทำดู ส่วนผสม มันเทศ (พันธุ์ญี่ปุ่น) หัวขนาดกลาง 3 หัว เนยจืด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ ไข่แดง 1 ฟอง วิปปิงครีม 1/4 ถ้วย วานิลลา 1/2 ช้อนชา ไข่แดง (สำหรับทาหน้า) 1 ฟอง งาดำคั่ว สำหรับโรยหน้าเล็กน้อย วิธีทำ ล้างมันให้สะอาด อาจจะแช่น้ำสักครู่แล้วใช้แปรงนุ่มๆ ขัดเปลือกมันให้สะอาด (เพราะเมื่ออบแล้วสามารถกินเปลือกได้) พักให้แห้งสักครู่ ห่อมันด้วยฟอยล์ทีละหัว ใช้ส้อมจิ้มให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 50-60 นาทีจนสุกทั้งหัว (ใช้ไม้แหลมจิ้มผ่านได้ตลอดทั้งหัว) นำออกจากเตาอบ เปิดฟอยล์ออก และพักไว้สักครู่ให้คลายร้อน ผ่าครึ่ง (พยายามอย่าให้เปลือกหัก เพราะจะต้องใส่มันลงในเปลือกเพื่อนำไปอบ) ใช้ช้อนตักเนื้อมันออก (ให้มีเนื้อมันติดที่เปลือกประมาณ 1/4 นิ้ว) แล้วยีเนื้อมันผ่านกระชอนให้เนื้อนุ่ม พักไว้ ใส่เนยลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟอ่อน พอเนยละลายใส่เนื้อมัน น้ำตาลทราย คนให้ละลาย ใส่ไข่แดง คนเร็วๆ ให้เข้ากัน ใส่วิปปิงครีมและวานิลลา คนจนเนื้อเนียนเข้ากัน ยกลงจากเตา ตักมันใส่ในเปลือกมันให้เต็มพูน ดูสวยงามน่ากิน ทาไข่แดง นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียส นาน 3-4 นาทีจนหน้าเหลืองเป็นสีน้ำตาลไหม้นิดๆ นำออกจากเตาอบ โรยงาดำ รับประทานร้อนๆ

น้องแพรมีสมญาว่า “สาวชาเขียว” สั่งชาเขียวปั่นหวานน้อยมาดื่มทุกวัน!   น้องแพรชอบโมจิ  ซื้อโมจิมากินบ่อยๆ เวลาไปเดินเล่นตามศูนย์การค้า ผ่านร้านขายโมจิ โดยเฉพาะแบบที่มีไส้เป็นไอศกรีมรสต่างๆ เป็นต้องถามป้าเจี๊ยบทุกครั้งว่า “กินมั้ย?” แน่นอนว่าโมจิที่น้องแพรสั่งต้องมีอันหนึ่งเป็นชาเขียว   ความชอบชาเขียวและโมจิของน้องแพรทำให้ป้าเจี๊ยบอยากทำ “กะลอจี๊” ขนมไทยพื้นบ้านเชื้อชาติจีนที่มีเนื้อสัมผัสแบบโมจิให้น้องแพรชิมค่ะ เพราะถามแล้วว่ารู้จักกะลอจี๊มั้ย คำตอบคือ “ไม่เคยได้ยินค่ะ”   นัดหมายกันเรียบร้อยป้าเจี๊ยบลงมือทำกะลอจี๊แบบผสมผงชาเขียวที่เรียกว่า “มัตฉะ” และหวังว่าน้องแพรจะชอบ  ของที่ไม่เคยกินป้าเจี๊ยบจะทำไม่มากค่ะ ถ้าน้องแพรชอบสามารถทำเพิ่มได้ เพราะทำง่าย แต่ที่สำคัญคือขนมแบบนี้อุดมทั้งคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล กินแค่สำราญปากก็พอ อิอิ   เริ่มด้วยการใส่แป้งข้าวเหนียว 75 กรัม แป้งมัน 5 กรัม มัตฉะ 5 กรัม เกลือป่น 1/8 ช้อนชาลงในชาม ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมกลมกลืนกัน แล้วค่อยๆ เทน้ำร้อน 65 กรัมลงไปทีละนิดขณะที่ใช้พายซิลิโคนคนให้แป้งซึมซับน้ำ จากนั้นใช้มือนวดแป้งจนเนียนนุ่ม  รวบแป้งเป็นก้อนกลม วางพักไว้ 15 นาที   เนื่องจากทำปริมาณน้อย ป้าเจี๊ยบไม่ใช้วิธีนึ่งนะคะ ต้มเอาสะดวกกว่า ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ กะปริมาณน้ำให้สูงจากก้นหม้อประมาณ 10 เซนติเมตร  นำไปตั้งไฟ   ระหว่างรอให้น้ำเดือดนำแป้งที่พักไว้มาแบ่งเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน ปั้นเป็นลูกกลมๆ แล้วกดลงให้เป็นแผ่นแบนๆ ความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร เมื่อน้ำเดือดใส่แผ่นแป้งทีละแผ่นลงไปต้มจนสุก สังเกตความสุกได้จากการที่แผ่นแป้งลอยขึ้นมาค่ะ ป้าเจี๊ยบใช้กระชอนตักออกมาวางพักห่างๆ กันบนตะแกรงเพื่อให้สะเด็ดน้ำ แล้วสเปรย์น้ำมันรำข้าวให้ทั่วแผ่นเพื่อจะได้ไม่ติดกับภาชนะที่วาง พักไว้ก่อน รอน้องแพรมาถึงจึงจะทอดค่ะ เพราะกะลอจี๊จะอร่อยเมื่อกินร้อนๆ   กะลอจี๊ทั่วไปเมื่อทอดแล้วจะคลุกน้ำตาลผสมงาดำงาขาวคั่วหอมๆ กับถั่วตัดที่บุบหยาบๆ แต่ป้าเจี๊ยบขอทำแบบพิเศษให้น้องแพรสักหน่อยค่ะ เน้นถั่วมากกว่าน้ำตาล   ชามเครื่องคลุกของป้าเจี๊ยบมีน้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ งาดำงาขาวคั่วบุบหยาบๆ 1 ช้อนโต๊ะ กับสารพัดถั่วอบที่บุบๆ รวมกัน  มีเม็ดมะม่วงหิมพานต์ 1 ช้อนโต๊ะ พิสตาชิโอ 1 ช้อนโต๊ะ วอลนัต 1 ช้อนโต๊ะ และอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะ ใช้ตะกร้อมือคนๆ ให้ส่วนผสมทั้งหมดกลมกลืนเข้าด้วยกัน   เมื่อน้องแพรมาถึงแล้วป้าเจี๊ยบตั้งกระทะก้นแบนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 7 นิ้วบนเตา ใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันรำข้าวพอให้สูงกว่าก้นกระทะนิดหน่อย  คีบแผ่นแป้งลงทอดจนเหลืองกรอบทั้งสองด้านแล้วนำขึ้นมาวางพักบนกระดาษซับน้ำมัน   ป้าเจี๊ยบใช้กรรไกรตัดแป้งทอดเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ลงไปในชามเครื่องคลุก ใช้ช้อนคนๆ ให้เครื่องคลุกติดแป้งทอด คีบชิ้นแป้งทอดที่คลุกแล้วใส่จาน โรยหน้าด้วยเครื่องคลุกอีกครั้ง  พร้อมเสิร์ฟให้น้องแพรชิม   “นี่ค่ะ มัตฉะกะลอจี๊ใหม่สดจากเตา!” น้องแพรใช้ส้อมจิ้มกะลอจี๊อุ่นๆ ใส่ปาก เคี้ยว แล้วยิ้มตาหยี “อร่อยค่ะ! คล้ายโมจิ แต่มีกรอบๆ ด้วย”  ป้าเจี๊ยบก็ยิ้มหน้าบานสิคะ  

กระแสของ มินิเอแคลร์ กลับมาบูมอีกครั้งเราจะพลาดได้ยังไง สูตรนี้จะทำกินเล่นหรือทำเป็นของขวัญช่วงเทศกาลก็ดีไม่แพ้กันเลย ส่วนผสมแป้งเอแคลร์ น้ำเปล่า 1 ถ้วย เนยสดเค็ม 1 ถ้วย (120 กรัม) น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา เกลือป่น 1/4 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/3 ถ้วย ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 4 ฟอง ส่วนผสมครีม นมสด 2 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ไข่แดงเบอร์หนึ่ง 5 ฟอง แป้งข้าวโพด 1/3 ถ้วย เนยสดเค็ม 2 ช้อนโต๊ะ กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา วิธีทำ ทำครีมโดยอุ่นนมสดกับน้ำตาลทรายครึ่งหนึ่ง และเกลือให้พอร้อน พักไว้ คนไข่แดงกับน้ำตาลทรายที่เหลือเข้าด้วยกันจนเป็นสีเหลืองนวล ใส่แป้งข้าวโพด คนให้เข้ากัน ใส่นมที่ต้มไว้ครึ่งหนึ่ง คนให้เข้ากันแล้วเทกลับลงในนมที่เหลือ ใส่กลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน ตั้งไฟกวนจนส่วนผสมสุกข้น ใส่เนย คนให้เข้ากัน ปิดด้วยพลาสติกใส พักไว้จนเย็น ทำแป้งเอแคลร์โดยต้มน้ำ เนยสด น้ำตาลทราย และเกลือให้เดือด ใส่แป้ง คนให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกลง คนแป้งให้คลายความร้อน ใส่ไข่ทีละฟอง คนให้เข้ากันจนครบไข่ไก่ 4 ฟอง ใส่ถุงบีบแล้วบีบใส่ถาดอบให้แป้งมีขนาด 1 นิ้ว บีบห่างกัน 1.5 นิ้ว นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ตั้งเวลา 20 นาที จนขนมสุกพองและสีเหลืองสวย ยกออกจากเตา พักไว้ให้เย็น ใส่ครีมลงในถุงบีบ บีบใส่แป้งเอแคลร์จนเต็ม จัดให้สวยงาม

เข้าสู่ช่วงเทศกาลแห่งความสุข ลองทำเมนูคุกกี้ฉบับง่ายๆ อย่างแคชชูนัต ที่ได้ความอร่อยจากตัวแป้งร่วนๆ และสัมผัสหนึบหนับของผลไม้อบแห้ง หอมอบอวลกลิ่นควันเทียน เหมาะเป็นของฝากชั้นเลิศเลยล่ะ ส่วนผสม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/2 ถ้วย         แป้งเค้ก 1 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 3/4 ถ้วย                  เกลือป่น 1/2 ช้อนชา เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบสับ 1/4 ถ้วย แครนเบอร์รีแช่น้ำให้นิ่ม บีบน้ำออก 3 ช้อนโต๊ะ ลูกเกดหั่นชิ้นเล็กแช่น้ำให้นิ่ม บีบน้ำออก 2 ช้อนโต๊ะ สับปะรดอบแห้งหั่นชิ้นเล็กแช่น้ำให้นิ่ม บีบน้ำออก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะพร้าว 6 ช้อนโต๊ะ เนยขาวละลาย 4 ช้อนโต๊ะ เทียนอบขนม วิธีทำ เตรียมอ่างผสมร่อนแป้งทั้ง 2 ชนิด และน้ำตาลไอซิงเข้าด้วยกัน ใส่เกลือป่น คนให้เข้ากัน ทำหลุมตรงกลาง ใส่เนยขาวละลาย คนให้เข้ากัน ใส่น้ำมันมะพร้าว คลุกให้เข้ากัน ยีเบาๆ ให้แป้งเป็นเม็ดเล็กเหมือนทราย ใส่เม็ดมะม่วงหิมพานต์ แครนเบอร์รี ลูกเกด และสับปะรด คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเข้ากัน นำส่วนผสมมาอัดใส่พิมพ์ แล้วกดด้วยก้านกดให้แน่น เรียงคุกกี้บนถาดที่รองกระดาษไข นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ไฟบน-ล่าง ไม่เปิดพัดลม ประมาณ 15-17 นาที พักให้ขนมเย็น เรียงขนมใส่ภาชนะ ใส่เทียนอบขนม จุดไฟ ดับไฟแล้วปิดฝา อบไว้จนกว่าจะนำมาเสิร์ฟ

ในประเทศลาตินอเมริกาและนิวเม็กซิโก ตามร้านอาหารและร้านกาแฟจะพบของทอดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมบ้าง สามเหลี่ยมบ้าง กลมบ้าง ใส่ในกระจาดขนมปังทานเคียงกับอาหาร หรือบางทีก็เป็นของหวานหรือของทานเล่นราดน้ำผึ้งหรือโรยน้ำตาลไอซิง ขนมนั้นเรียกว่า “Sopaipilla” (Sopapilla, Sopaipa, Cachanga)   ขนมนี้คล้ายขนมทอดของฝรั่งเศส แต่เนื้อเบาและพองกว่า มีทั้งรสหวานและเค็ม บางทีมีไส้เป็นเนยแข็ง ถั่วกวน (Refried Beans) และอื่นๆ ทานเป็นของหวานหรือของทานเล่น   แต่เมื่อ 200 ปีมาแล้วในรัฐนิวเม็กซิโกมีคนเริ่มเอามาใส่ไส้ครีมชีส จึงกลายเป็น Sopapilla Cheesecake ใช้แป้ง Crescent Rolls สำเร็จรูปที่มีขายทั่วไปเป็นส่วนประกอบหลัก บางแห่งก็ใช้แป้งพัฟเพสตรี (Puff Pastry) สำเร็จรูปเช่นกัน เพราะเนื้อจะเบาและกรอบกว่า ไม่ว่าแป้งจะเป็นอย่างไร ไส้จะทำด้วยครีมชีส น้ำตาล เนย และใส่กลิ่นตามชอบ หลายคนอาจจะลองทำดู   ส่วนผสมแป้ง น้ำอุ่น 100 กรัม น้ำตาลทราย (1) 5 กรัม ยีสต์ผง 13 กรัม เนยนุ่ม 113 กรัม นมอุ่น 100 กรัม ไข่เบอร์ 0 1 ฟอง น้ำตาลทราย (2) 65 กรัม เกลือ 5 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 500 กรัม วิธีทำ ใส่น้ำอุ่นลงในอ่างผสม เติมน้ำตาลทราย (1) และยีสต์ คนให้เข้ากัน และให้ขึ้นเป็นฟอง (8 นาที) เติมเนย นม ไข่ น้ำตาลทราย (2) เกลือ และแป้ง 260 กรัม ตีด้วยหัวตีรูปตะขอให้เข้ากัน จากนั้นค่อยๆ ใส่แป้งครั้งละ 30 กรัม จนเนื้อแป้งเนียนและไม่ติดอ่าง ทำเป็นก้อนกลมและพักแป้งให้ขึ้นสองเท่า ส่วนผสมไส้ ครีมชีสพักให้นุ่ม 455 กรัม น้ำตาลทราย 250 กรัม เนยละลาย 113 กรัม วานิลลา 1 ช้อนชา อบเชยป่น 1 ช้อนโต๊ะ อุปกรณ์ พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 13×9 นิ้ว วิธีทำ ตีครีมชีสกับน้ำตาลทราย 150 กรัมจนเนื้อเนียน เติมวานิลลา แบ่งแป้งที่ขึ้นแล้วออกเป็น 2 ส่วนเท่าๆ กัน คลึงออกเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมผืนผ้าเท่าขนาดพิมพ์ทั้ง 2 แผ่น ทาพิมพ์ด้วยเนยและกรุด้วยกระดาษไข ให้ขอบกระดาษสูงกว่าขอบพิมพ์เพื่อยกขนมออกจากพิมพ์ได้ง่าย เทครีมชีสลงบนแผ่นแป้งและเกลี่ยให้ทั่ว นำแป้งอีกแผ่นปิดทับครีมชีส ปิดขอบให้รอบ ราดเนยละลายให้ทั่ว ผสมน้ำตาลที่เหลือกับอบเชย โรยหน้าให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส นาน 30-35 นาทีหรือจนแป้งสุกดี

ความหลากหลายของขนมปังและดิปต่างๆ ทำให้มื้อปาร์ตี้นี้สนุกสนาน จัดวางขนมปังชนิดที่ชอบ เช่น ขนมปังพิซซาโฮมเมดกับดิปที่ทำเองง่ายๆ อย่างดิปกระเทียมกับผักโขมและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ใส่ใบโหระพาอิตาเลียนให้รสชาติมันอร่อย ส่วนผสม (สำหรับ 4-6 ที่) ขนมปังชนิดที่ชอบ เช่น ขนมปังพิซซา ขนมปังคันทรี ขนมปังฝรั่งเศส ขนมปังขาไก่ ลูกมะกอกดอง แฮม โคลด์คัตและชีสตามชอบ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกออร์แกนิก 100% และดิปต่างๆ สำหรับเสิร์ฟคู่ขนมปัง ส่วนผสมและวิธีทำขนมปังพิซซา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 500 กรัม ยีสต์แห้ง 8 กรัม น้ำอุ่น 1 1/3 ถ้วย เกลือป่น 1 1/2 ช้อนชา น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกออร์แกนิก 100% 1 ช้อนโต๊ะ ออริกาโนป่น น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกออร์แกนิก 100% เกลือทะเลสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย ผสมยีสต์กับน้ำอุ่น พักไว้สักครู่ให้ยีสต์ทำงาน ใส่แป้งในอ่างผสม เทยีสต์ผสมน้ำอุ่นลงตรงกลาง ใส่เกลือป่นและน้ำมันมะกอก ใช้มือนวดผสมให้เข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกห่ออาหารพักไว้ที่อุณหภูมิห้องประมาณ 30 นาที โรยแป้งบนโต๊ะบางๆ นำแป้งมานวดบนโต๊ะให้เป็นก้อนกลม แล้วแบ่งให้ได้ 5 ก้อนเท่ากัน วางบนถาดที่โรยแป้งไว้ ใช้พลาสติกห่ออาหารคลุมพักไว้ประมาณ 30 นาที นำแป้งออกมาคลึงให้เป็นแผ่นกลม ทาน้ำมันมะกอกบนถาดอบเล็กน้อย วางแป้ง โรยออริกาโน น้ำมันมะกอก และเกลือทะเลให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 250 องศาเซลเซียส ประมาณ 10-15 นาทีจนมีสีเหลืองสวย ยกลงและตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยม พักไว้ให้เย็นบนตะแกรง ส่วนผสมดิปกระเทียมอบกับผักโขมและเม็ดมะม่วงหิมพานต์ กระเทียมกลีบใหญ่ 10 กลีบ เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 1 ถ้วย ผักโขมเบบี้ (Baby Spinach) 2 ถ้วย ใบโหระพาอิตาเลียน 1/2  ถ้วย น้ำเลมอน 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกออร์แกนิก 100% 1/4 ถ้วย เกลือทะเลและพริกไทยดำบดหยาบสำหรับปรุงรสเล็กน้อย ราดน้ำมันมะกอกเล็กน้อยบนกระเทียมให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 20 นาทีจนสุกนุ่ม พักให้คลายร้อน ปอกเปลือกออกแล้วใส่ลงในเครื่องบดสับ ตามด้วยส่วนผสมทั้งหมด (ถ้าน้ำมันน้อยค่อยๆ ใส่ทีละนิด) ปั่นให้เข้ากันจนละเอียด ใส่กล่อง ราดน้ำมันมะกอกเล็กน้อย ปิดฝา แช่เย็นเตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำดิปแอนโชวี กระเทียมปอกเปลือก 1/2 ถ้วย แอนโชวี 1/4 ถ้วย เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์ สกัดจากมะกอกออร์แกนิก 100% 2 ช้อนโต๊ะ ดับเบิลครีม 1 ช้อนโต๊ะ (หรือใส่นมสดแทนได้) นมจืด 2/3 ถ้วย ปั่นส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันจนละเอียด ใส่กล่อง ปิดฝา แช่เย็นเตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำดิปมะเขือเทศ มะเขือเทศสดหั่นเต๋า 1 ถ้วย กระเทียมสับหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ มะเขือเทศอบแห้งในน้ำมัน (Sundried Tomato) หั่นเต๋า 1/3 ถ้วย Italian Herbs Seasoning 1 ช้อนชา พาร์สลีย์สับ และมะกอกดำหั่นชิ้นเล็กสำหรับโรยหน้า เกลือทะเลและพริกไทยบดหยาบสำหรับปรุงรส ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ชิมและปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยตามชอบ ใส่กล่อง ปิดฝา แช่เย็นเตรียมไว้

ใครเคยกินพิซซาญี่ปุ่นบ้าง แผ่นกลมๆ มีผักซอยผสมอยู่ ใส่ทั้งปูอัด เบคอน แฮม หรือหนวดปลาหมึกยักษ์ แต่คลิปนี้มาทำแบบเสียบไม้ ใส่แป้งบางเหมือนแพนเค้ก ใส่ผัก แฮม แล้วม้วนทำแบบอาหารสตรีทฟู้ด ราดด้วยซอสหมู และมายองเนส อร่อยตามแบบฉบับทำเอง         ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย น้ำเปล่า 3/4 ถ้วย เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ไข่ไก่ 1 ฟอง กะหล่ำปลีซอย 1 ถ้วย ต้นหอมญี่ปุ่นซอย 1 ต้น แครอตซอย 1/2 ถ้วย แฮมแผ่น 3 แผ่น มายองเนส ซอสหมูทอดตามชอบ วิธีทำ ผสมแป้ง เกลือป่น ไข่ไก่ และน้ำเปล่า คนให้เข้ากัน พักไว้ ตั้งกระทะทำเครป ทาน้ำมันบางๆ พอกระทะร้อน วางแฮม ตักส่วนผสมแป้งใส่ให้ทั่ว   โรยกะหล่ำปลี แครอต และต้นหอม เกลี่ยให้ทั่ว แล้วตักส่วนผสมแป้งราดทับผักอีกเล็กน้อย ทอดจนแป้งสุกเหลือง กดให้ผักติดกับแป้ง กลับเอาหน้าผักลงทอดต่อ ทาด้วยซอสหมูทอดให้ทั่ว ใช้ไม้ตะเกียบวางกลางแป้งค่อนไปทางปลาย แล้วม้วนโดยใช้พายยางช่วยม้วนให้แน่น ตักใส่จาน ราดซอสหมูทอด และมายองเนสให้ทั่ว โรยต้นหอมญี่ปุ่นซอย 

เนรมิตมื้อเช้าแบบเดิมๆ ให้อร่อยน่ารับประทานยิ่งขึ้นด้วยเมนู แฮชบราวน์วัฟเฟิล กินพร้อมเบคอนกรอบ และซอสชีสเยิ้มๆ กินเพลินจนหยุดไม่อยู่ ส่วนผสม (จำนวน 3 ที่) มันฝรั่ง 2 หัว แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/4 ถ้วย ไข่ไก่ 1 ฟอง พริกไทยป่น 1 ช้อนชา เกลือป่น 1/2 ช้อนชา เบคอนทอด 3 ชิ้น น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย ส่วนผสมซอสชีส เนยสดเค็ม 1 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ นมสดรสจืด 3/4 ถ้วย ชีสเชดดาร์ชนิดแผ่นสีส้ม 6 แผ่น วิธีทำ เตรียมซอสชีสโดยใส่เนยสดลงในหม้อ ตั้งไฟให้ละลาย ใส่แป้งข้าวโพด ผัดให้เข้ากัน ใส่นมสด คนให้เข้ากันจนข้น ใส่ชีสแผ่น คนจนชีสละลายหมด ปิดไฟ คนต่อสักครู่พอให้ชีสคลายความร้อน เตรียมไว้ ปอกเปลือกมันฝรั่งแช่น้ำไว้สักครู่ไม่ให้ดำ แล้วขูดให้เป็นเส้นๆ ใส่ชามผสมไว้ ใส่ไข่ไก่ แป้ง ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ใส่น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย ผสมให้เข้ากัน ตั้งเตาวัฟเฟิลทาน้ำมันบางๆ ให้ทั่ว ตักส่วนผสมมันฝรั่งใส่ ปิดฝาอบจนสุก จัดใส่จาน ราดซอสชีส เบคอนกรอบ โรยต้นหอม เสิร์ฟร้อนๆ

เมนูกินเพลินคุณประโยชน์เพี๊ยบ โดยมีส่วนผสมทั้งกล้วยหอม ข้าวโอ๊ตและบีตรูต หอมสีสวยแถมอร่อยด้วย ส่วนผสม กล้วยหอม 2 ผล ข้าวโอ๊ต 1 1/2 ถ้วย แป้งข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 3/4 ถ้วย นมอัลมอนด์ 1/2 ถ้วย วอลนัตอบสับ 1/2 ถ้วย อัลมอนด์แท่งอบสุก 1/4 ถ้วย      ช็อกโกแลตชิป 1/4 ถ้วย บีตรูตต้มสุกบดละเอียดคั้นน้ำออก 1/2 ถ้วย วิธีทำ บดกล้วยหอมให้ละเอียด ใส่นมอัลมอนด์ และน้ำตาลทรายแดง คนให้เข้ากันทั่ว ใส่บีตรูต ข้าวโอ๊ต และแป้งข้าวโอ๊ตลงไปผสมให้เข้ากัน ใส่วอลนัต อัลมอนด์ และช็อกโกแลตชิป คนให้เข้ากัน ตักเป็นก้อนใส่ถาดอบที่รองด้วยกระดาษ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เวลา 20 นาทีหรือจนคุกกี้แห้ง ยกออกจากเตา พักไว้

เมนูของกินเล่นหอมมันจากชีส โดยเพิ่มประโยชน์ด้วยบรอคโคลี อร่อยกินเพลิน ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) บรอกโคลี 1 ดอก ไข่ไก่ 1 ฟอง หอมหัวใหญ่สับ 1/2 หัว ชีสผสม (เชดดาร์ มอซซาเรลลา พาร์เมซาน) 3/4 ถ้วย เกล็ดขนมปัง 1/2 ถ้วย พาร์สลีย์สับ 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา พริกไทยป่น 1 ช้อนชา ซอสมะเขือเทศผสมมายองเนส วิธีทำ ลวกบรอกโคลีในน้ำเดือดให้สุก ตักขึ้นแช่น้ำเย็นให้หายร้อน ใส่ตะแกรงพักให้สะเด็ดน้ำ นำไปบดให้ละเอียด ตักใส่ชามผสม ใส่ไข่ไก่ หอมหัวใหญ่ เกล็ดขนมปัง พาร์สลีย์ เกลือป่น พริกไทย และชีสรวม ผสมให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนเท่าๆ กัน วางเรียงในถาดอบ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-25 นาทีหรือจนสุก จัดใส่จานเสิร์ฟกับซอสมะเขือเทศผสมมายองเนส

หนึ่งในขนมคลาสสิกของอเมริกาที่ทำกันมานานแล้วคือ Snickerdoodle คุกกี้หน้าตาไม่สวย มีลายแตกๆ คลุกน้ำตาลผสมผงอบเชย บางทีกรอบ บางทีก็นุ่มเหนียว ขึ้นอยู่กับส่วนผสม ทำง่าย เวลาทำจะหอมกลิ่นอบเชยไปทั่วบ้าน   ขนมนี้ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิด แต่ตำรามีพิมพ์ไว้ในปลายศตวรรษที่ 19 บางคนบอกว่าทำตามแบบขนมของพวกเยอรมันที่อยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย   “สนิกเกอร์ดูเดิล” เป็นขนมที่มีคนชอบกันมาก จึงทำให้เกิดขนมอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น ไอศกรีม โดนัท ขนมปัง ฉบับนี้เราจะมาทำสนิกเกอร์ดูเดิลเค้กกัน ทานแบบขนมปังเป็นอาหารเช้าก็ได้ ทานเล่นเป็น Coffee Cake ได้ตลอดวัน ส่วนผสมจะเพิ่มเติมอะไรที่ชอบก็ได้   ขนมง่ายๆ ที่ทำเองได้ไม่ยาก   ส่วนผสม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 260 กรัม แป้งเค้ก 65 กรัม ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ เกลือ 6 กรัม เนยพักไว้ให้นุ่ม 227 กรัม น้ำตาลทราย 275 กรัม อบเชยป่น 2 ช้อนชา ไข่ไก่เบอร์ 0 3 ฟอง วานิลลาผง 1/2 ช้อนโต๊ะ ซาวร์ครีม 180 กรัม (ใช้กรีกโยเกิร์ตแทนก็ได้) ชิป (Chip) เม็ดเล็ก เช่น ช็อกโกแลตชิป 150 กรัม (รสอะไรก็ได้ตามชอบ ไม่ใส่เลยก็ได้) น้ำตาลทราย 25 กรัม ผงอบเชย 10 กรัม อุปกรณ์ พิมพ์ขนาด  7.5 × 4 × 2.5 นิ้ว และ 7.5 × 4 × 3.5 นิ้ว ทาเนยกรุกระดาษไขเตรียมไว้ วิธีทำ ใส่เนย น้ำตาล เกลือ และอบเชยในโถปั่น ตีจนฟู (ไม่มีโถปั่น ใช้ที่ตีตะกร้อมือไฟฟ้าก็ได้) เติมไข่ทีละฟองและตีพอเข้ากัน เติมวานิลลาและซาวร์ครีม ตีให้เข้ากันดี ใส่ชิป ผสมแป้งทั้ง 2 ชนิดและผงฟูใส่ลงในโถปั่น คนพอเข้ากันดี แบ่งส่วนผสมใส่ 2 พิมพ์ให้เท่าๆ กัน (ไม่ควรเกิน 2/3 ของพิมพ์) โรยน้ำตาลผสมอบเชยให้ทั่วหน้า โรยหนาๆ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส พิมพ์ขนาดเล็ก 45 นาที พิมพ์ขนาดใหญ่ 60 นาที

ฟักทองสัญลักษณ์ในเทศกาลฮัลโลวีน ตัดแต่งเป็นถ้วยใส่ชีสฟองดู อบจนชีสยืด เสิร์ฟคู่กับนาโชชิป ฟักทองชิป และมันม่วงชิปแผ่นบางกรอบ ดิปกับชีสยืดเยิ้มเหมาะกับการปาร์ตี้ในวันฮัลโลวีน ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่) ฟักทอง (ผลเล็ก) 1 ผล น้ำมันมะกอกเล็กน้อย นาโชชิป ฟักทองชิป และมันม่วงชิปสำหรับเสิร์ฟ ส่วนผสมชีสฟองดู ชีสสำหรับทำฟองดู 1 กล่อง พาร์สลีย์สับสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย และพริกไทยดำบดปริมาณตามชอบ วิธีทำ ตักเนื้อฟักทองออกให้เป็นถ้วย วางบนถาดอบ ทาน้ำมันมะกอกให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ประมาณ 30-40 นาที อุ่นชีสสำหรับทำฟองดูให้เดือด ตักใส่ถ้วยฟักทอง นำเข้าเตาอบต่อประมาณ 5 นาทีจนหน้าเป็นสีน้ำตาลสวยและไหม้เล็กน้อย ยกออกจากเตาอบ โรยพาร์สลีย์สับ และพริกไทยดำบด เสิร์ฟพร้อมนาโชชิป ฟักทองชิป และมันม่วงชิป