เสาวรสเป็นผลไม้ที่มีรสชาติเอื้อต่อการทำแยม เปรี้ยวหวานมาครบ แต่การกะปริมาณน้ำตาลจะขึ้นอยู่กับความเปรี้ยวของเสาวรส การใส่เพกตินช่วยให้การกวนแยมง่ายขึ้น เพราะพอแยมใสขึ้นเงาก็ใส่เพกตินลงไป กะปริมาณให้ดี เราใช้วิธีค่อยๆ เติมจนได้ความข้นเท่าที่ต้องการก็หยุดเติม เท่าที่ทำมายังไม่เคยเติมถึง 1 % เพกตินนี้หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องทำเบเกอรี่ ที่เราซื้อมานี้ราคา 120 บาทต่อ 100 กรัม น่าจะใช้ได้นาน   ส่วนผสม เนื้อเสาวรส (รวมเม็ด) 200 กรัม  น้ำตาลทราย 80-100 กรัม (ขึ้นอยู่กับความเปรี้ยวของเสาวรส) น้ำมะนาวนิดหน่อย เกลือนิดเดียว เพกติน 1/4 ช้อนชาผสมกับน้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา วิธีทำ ผสมเสาวรสกับน้ำตาลทราย ใส่เกลือแค่ติดปลายนิ้ว กวนด้วยหม้อสเตนเลสค่อนข้างหนา กวนแบบเดือดจริงจัง ครู่เดียวก็ใสแล้วเพราะทำในปริมาณที่น้อยมาก ชิมรสดูก่อนแล้วค่อยเติมมะนาวและเพกตินผสมน้ำตาลทรายที่เตรียมไว้ ใส่ให้ข้นเท่าที่ชอบ

  ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ถั่วชิกพีในน้ำเกลือ 1 กระป๋อง มะเขือเทศหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า (400 กรัม) 1 กระป๋อง หอมหัวใหญ่หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 หัว โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 3/4 ถ้วย ผงขมิ้น 1 ช้อนชา พริกป่นแขก 1 ช้อนชา ผงการัมมาซาลา 1/2 ช้อนชา ขิงขูด 1/2 ช้อนชา กระเทียมขูด 1/2 ช้อนชา เกลือทะเล 1/2 ช้อนชา โรตีแช่แข็ง 4-8 แผ่น น้ำมันพืชสำหรับผัดและทอดเล็กน้อย   วิธีทำ ผัดหอมหัวใหญ่กับน้ำมันพืชเล็กน้อยจนสุกนุ่ม ใส่ขิงและกระเทียมขูด ผัดให้มีกลิ่นหอม ใส่มะเขือเทศ ผัดจนนุ่ม ใส่ผงขมิ้นและพริกป่นแขก ผัดจนเข้ากัน ใส่ถั่วชิกพี โยเกิร์ต รอให้เดือด ใส่การัมมาซาลาและเกลือ ต้มสักครู่ให้ทุกอย่างสุกนุ่ม ชิมและปรุงรสเพิ่มตามชอบ ตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่โรตีลงทอดให้เหลืองกรอบ เสิร์ฟพร้อมแกงถั่ว  

  น้ำพริกกุ้งเสียบต้นตำรับจะมีน้ำขลุกขลิกเป็นน้ำพริกกุ้งเสียบชนิดสด ตำกุ้งเสียบรวมกับพริกและสมุนไพรอื่นๆ แล้วโรยหน้าให้ดูน่ากิน   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) กุ้งเสียบ 1/2  ถ้วย กะปิ  1-1/2 ช้อนโต๊ะ กระเทียม 2 ช้อนโต๊ะ หอมแดง 1-1/2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนู  1-1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1  ช้อนชา น้ำปลา 1 ช้อนชา น้ำมะนาว  2 ผล ผักสดตามชอบ เช่น ขมิ้นขาว แตงกวา มะเขือ ใบเหลียง ลูกเหนียง สะตอ ผักกูด   วิธีทำ ห่อกะปิด้วยใบตอง ย่างหรืออบด้วยไฟอ่อนจนมีกลิ่นหอม พักไว้ ตำกระเทียม หอมแดง และพริกรวมกัน ใส่กุ้งเสียบครึ่งหนึ่ง ตำให้พอแหลก ใส่กะปิ น้ำตาลมะพร้าว ตำให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำมะนาว และน้ำปลา ผสมให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยกุ้งเสียบที่เหลือ เสิร์ฟพร้อมกับผักสดตามชอบ

  ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ผักสดหลายๆ ชนิดหั่นเป็นแท่ง เช่น เซเลรี เบบี้แครอต แตงกวาญี่ปุ่น พริกหวาน และแรดิช  400  กรัม เบชาเมลซอส 1 ถ้วย ชีสเชดดาร์ขูด  1/2 ถ้วย มัสตาร์ดน้ำผึ้ง (Honey Mustard) 2  ช้อนโต๊ะ วูสเตอร์ซอส  2  ช้อนโต๊ะ เกลือป่นและพริกไทยป่นเล็กน้อย   วิธีทำ ผสมเบชาเมลซอสร้อนๆ กับชีสเชดดาร์ ใส่มัสตาร์ดและวูสเตอร์ซอส คนให้ชีสละลายเข้ากัน ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟเป็นเครื่องจิ้มกับผักต่างๆ ตามชอบ

  ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) เนื้อปู  3  ถ้วย ครีมชีสพักให้นุ่ม 225 กรัม ซาวร์ครีม 3/4  ถ้วย น้ำเลมอน  1-1/2  ช้อนโต๊ะ วูสเตอร์ซอส 1 ช้อนชา ดิจองมัสตาร์ด  1 ช้อนชา พริกปาปริกาป่น 1 ช้อนชา พริกไทยดำบดหยาบ 1/2 ช้อนชา ชีสเชดดาร์ขูด 1/2  ถ้วย ขนมปังฝรั่งเศสหั่นชิ้นบางอบกรอบและแครกเกอร์ตามชอบ   วิธีทำ ผสมครีมชีส ซาวร์ครีม น้ำเลมอน วูสเตอร์ซอส ดิจองมัสตาร์ด พริกปาปริก าและพริกไทยดำ คนหรือปั่นส่วนผสมในเครื่องบดสับจนเนื้อเนียน ใส่เนื้อปูและชีสเชดดาร์ แล้วคนด้วยพายยางให้เข้ากัน เทใส่ชามกระเบื้องสำหรับอบ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสนาน 25-30 นาทีจนหน้ามีสีเหลืองสวย เสิร์ฟดิปปูร้อนๆ กับขนมปังและแครกเกอร์

  ฟักทองอบทั้งผลนุ่มอร่อย หอมมันด้วยเนื้อฟักทองบดผสมกับวิปปิงครีมและชีสพาร์เมซาน กินกับขนมปังปิ้งกรอบๆ อร่อยเพลินจนอิ่มไม่รู้ตัว   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ฟักทองไทยผลเล็ก 1 ผล เนื้อฟักทองญี่ปุ่นนึ่งบด 1 ถ้วย วิปปิงครีม 1/3  ถ้วย ลูกจันทน์ป่น (Nutmeg) 1/4 ช้อนชา เกลือป่น 1/4 ช้อนชา พริกไทยดำบดหยาบ 1/4 ช้อนชา ชีสพาร์เมซานขูด 1/2 ถ้วย ใบไทม์สด  2  กิ่ง ขนมปังปิ้งตามชอบ   วิธีทำ ผสมฟักทองบดกับวิปปิงครีม ปรุงรสด้วยลูกจันทน์ เกลือ พริกไทย ชีสพาร์เมซานครึ่งหนึ่ง และใบไทม์ คนให้เข้ากัน ตัดขั้วฟักทองและคว้านเมล็ดออก (ให้เหมือนถ้วย) ตักส่วนผสมใส่ผลฟักทอง นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียสนาน 30 นาที ยกออกมาโรยชีสพาร์เมซานที่เหลือ อบต่ออีก 10-15 นาทีจนฟักทองสุกนุ่ม เสิร์ฟร้อนๆ พร้อมขนมปังปิ้ง

  ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่) น้ำส้มคั้น 1 ถ้วย แป้งข้าวโพด 1 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย ผิวส้มขูด 1 ช้อนโต๊ะ เนยจืด 1 ช้อนโต๊ะ เนื้อส้มหั่นเสี้ยวเล็กน้อย วัฟเฟิลและไอศกรีมวานิลลาสำหรับเสิร์ฟ   วิธีทำ ผสมน้ำส้มกับแป้งข้าวโพด คนให้เข้ากันจนแป้งละลาย เทใส่หม้อ ใส่น้ำตาลและผิวส้ม ต้มด้วยไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน (ใช้ตะกร้อมือคนตลอดเวลา) จนเดือดข้น นานประมาณ 4 นาที พักไว้ให้เย็น ใส่เนื้อส้ม เสิร์ฟพร้อมวัฟเฟิลและไอศกรีมตามชอบ  

  ส่วนผสม (สำหรับ 4-6 ที่) แครนเบอร์รีแช่แข็ง 3-1/2 ถ้วย น้ำส้มคั้น 1/2  ถ้วย ผิวส้มขูด  1 ผล น้ำตาลทรายแดง  1/2  ถ้วย อบเชยป่นและลูกจันทน์เทศป่น (Nutmeg) อย่างละ  1/2  ช้อนชา โยเกิร์ตและกราโนล่าตามชอบ   วิธีทำ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ นำไปตั้งไฟปานกลางจนเดือด จากนั้นลดไฟอ่อนต้มต่ออีก 10-15 นาที (คนเป็นระยะ) จนซอสข้น พักไว้ให้เย็น เสิร์ฟซอสแครนเบอร์รีกับโยเกิร์ตและกราโนล่าตามชอบ

  ส่วนผสม (สำหรับ 4-6 ที่) สตรอว์เบอร์รีแช่แข็ง 450 กรัม น้ำตาลทราย 2/3  ถ้วย ผงทำแยมสำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเลมอน 2 ช้อนชา ผิวเลมอนขูด  1  ช้อนโต๊ะ สคอนและวิปครีมสำหรับเสิร์ฟ   วิธีทำ พักสตรอว์เบอร์รีแช่แข็งไว้นอกตู้เย็นจนหายแข็ง ถ้าผลใหญ่ให้ผ่าครึ่ง โรยน้ำตาลให้ทั่ว คนให้เข้ากัน ใช้พลาสติกใสคลุมหรือแร็ปและแช่เย็นไว้ 1 คืน เทสตรอว์เบอร์รีใส่หม้อ (ควรเป็นหม้อใหญ่เมื่อเดือดแล้วไม่ล้นหม้อ) ใส่ผงทำแยมสำเร็จรูป น้ำเลมอน ผิวเลมอน ตั้งไฟปานกลางนานประมาณ 20-30 นาที (คนเป็นระยะ) จนแยมงวดหรือหนืด ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น เสิร์ฟแยมพร้อมสคอนและวิปครีมตามชอบ หรือตักใส่ขวดที่แห้งและสะอาดจนเต็ม ปิดฝาและคว่ำขวดทันทีเพื่อไล่อากาศ รอจนเย็นและแช่ตู้เย็นไว้

  ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ชีสริคอตตา 1 ถ้วย (250 กรัม) ครีมชีสพักให้นุ่ม 1 ก้อน (226 กรัม) น้ำตาลไอซิง 3/4 ถ้วย ช็อกโกแลตชิปเม็ดเล็ก 1/2 ถ้วย เวเฟอร์หรือแครกเกอร์ชนิดไม่หวานปริมาณตามชอบ วิธีทำ ใช้ตะกร้อไฟฟ้าตีชีสริคอตตา ครีมชีส และน้ำตาลไอซิงนาน 3-4 นาทีจนฟู ใส่ช็อกโกแลตชิป คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมเวเฟอร์หรือแครกเกอร์ตามชอบ

  พี่หนับมีพี่สาวชื่อเจ๊หนี (ชื่อจีนค่ะ) ทำน้ำพริกกะปิอร่อยมาก ทำทีละอ่างใหญ่ เทคนิคอันไม่เหมือนใครของเจ๊หนีคือใส่น้ำส้มคั้น ส่วนที่เห็นสูตรนี้ใส่กะปิมาก เพราะบ้านเราที่แปดริ้วทำกะปิเองซึ่งหอมอร่อยมาก เราจึงนิยมใส่กะปิมากกว่ากระเทียม ถ้าใครใส่กะปิที่ขายทั่วไปให้ชิมดูก่อนนะคะ ถ้าเค็มมากให้ลดกะปิลง และถ้าจะทำน้อยๆ ก็ทอนสูตรลงค่ะ   ส่วนผสม กระเทียมไทยปอกเปลือกประมาณ 500 กรัม พริกขี้หนูสวน 75+75 กรัม พริกเหลือง 50+50 กรัม พริกจินดานิดหน่อย (ให้สีแดงสวย) มะอึกประมาณ 250 กรัม ส้มคั้นน้ำแบบค่อนข้างเปรี้ยวผลเล็กๆ ประมาณ 20 ผล น้ำมะนาวประมาณ 3 1/2 ถ้วย (ขึ้นอยู่กับปริมาณและรสน้ำส้มเขียวหวาน) กะปิ 600-700 กรัม (กะปิคุณภาพดีมาก ถ้าใช้กะปิทั่วไปที่เค็มจัดให้ลดปริมาณลง) น้ำตาลปี๊บ 450 กรัม         น้ำตาลทราย 200 กรัม น้ำปลา 1/4 ถ้วย (มากน้อยอยู่ที่ความเค็มของกะปิ) กุ้งแห้งป่น 1 1/2 ถ้วย มะเขือพวงบุบ 1 ถ้วย   วิธีทำ ตำกระเทียม พริกขี้หนูสวน 75 กรัม กะปิ พริกจินดา และพริกเหลือง 50 กรัม ตำจนกะปิเปลี่ยนสีเป็นสีอ่อนลง ค่อยๆ เติมกุ้งแห้งป่นจนหมด (ถ้าปั่นด้วย Food Processor ให้เอามาตำอีกรอบ) ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำตาลทรายทั้งหมดลงไปผสมให้น้ำตาลละลาย ใส่มะอึกซอยลงไป ย้ำให้ช้ำ วันนี้บังเอิญมีระกำเปรี้ยวมากๆ เลยใส่เนื้อระกำซอยลงไปด้วย 500 กรัม ปรุงรสด้วยมะนาวและน้ำส้มคั้น (ใส่น้ำส้มคั้น 1 1/2 ถ้วยก่อน ถ้าน้ำพริกข้นไปค่อยๆ เติมน้ำส้มคั้นที่เหลือ) น้ำปลา (ถ้าจำเป็น) ตักใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ บุบมะเขือพวง พริกขี้หนูสวน และพริกเหลืองใส่ลงไปลอยให้สีสวยและกลิ่นหอม น้ำพริกครกใหญ่นี้ทำแจกก็จะมีแต่คนชม ทำขายก็มีแต่จะร่ำจะรวย    

น้ำพริกง่ายๆ ที่ใส่มะม่วงเปรี้ยวสับฝอยลงไปตำ ได้รสเปรี้ยวสดชื่น เป็นน้ำพริกที่คนโบราณมักจะตำกันในหน้าแล้งที่มะนาวราคาแพง กินกับปลาสลิดทอดฟูและผักสด อร่อยจนไม่มีเวลาคุยกับใคร ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) มะม่วงเปรี้ยวสับฝอย 3/4 ถ้วย กระเทียม 3 กลีบใหญ่หรือ 7 กลีบเล็ก พริกชี้ฟ้าแดงหั่นเป็นข้อสั้น 1 เม็ด พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 3 เม็ด     กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มคั้น 1 ช้อนโต๊ะ กุ้งแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูสวนตามชอบ วิธีทำ  ห่อกะปิด้วยใบตองย่างไฟให้หอม ตำกระเทียม พริกชี้ฟ้า และพริกขี้หนูเม็ดใหญ่จนละเอียด ใส่กะปิและน้ำตาลปี๊บ ตำรวมกันจนเข้ากันดี ใส่มะม่วงที่สับไว้ โขลกเบาๆ พอให้ช้ำ เติมน้ำส้มคั้น กุ้งแห้งป่น คลุกให้เข้ากันดี ชิมรส ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยพริกขี้หนูสวนให้สวยงาม  เครื่องเคียง ปลาสลิดทอดฟู ผักสด เช่น ถั่วพู มะเขือเปราะ ขมิ้นขาว แตงกวา เป็นต้น วิธีทอดปลาสลิด ทอดปลาสลิดทั้งตัวให้ผิวตึงและสีน้ำตาลอ่อน พักไว้ให้เย็น ใช้มีดแล่กลางลำตัวเอาก้างปลาออก ใช้ส้อมตะกุยเนื้อปลาเบาๆ ให้ฟู และทอดในน้ำมันร้อนท่วม โดยคว่ำด้านเนื้อปลาลงในน้ำมันร้อน เริ่มแรกเนื้อปลาจะกระจายแต่ยังเกาะติดกันอยู่ กลับปลาและค่อยๆ ใช้ตะหลิวตะล่อมเนื้อปลามารวมกัน ทอดจนเนื้อปลาฟูเป็นสีเหลืองทอง