เรือโป๊ะซีฟู๊ด โดยแสนสมบูรณ์ ร้านอาหารทะเลตั้งอยู่ในซอยหลังเซ็นทรัลบางนา ร้านนี้ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย สดใหม่ และราคาไม่แพง ดูแลโดย เชฟภู-ภัทระ สังวาลย์ เชฟฝีมือดีที่นำประสบการณ์การเป็นเชฟในโรงแรม และทายาทรุ่นลูกของร้านอาหารทะเลชื่อจากจังหวัดชลบุรีอย่างแสนสมบูรณ์  มาบริหารร้าน เสริมสร้างเมนูอร่อยได้เป็นอย่างดี       ร้านเป็นตู้คอนเทนเนอร์สีฟ้าสดใส ภายในตกแต่งด้วยธีมกะลาสีเรือน่ารักๆ บรรยากาศอบอุ่นแสนสบาย เหมาะกับการรับประทานอาหารในครอบครัว เราเริ่มด้วยเมนูที่เป็นที่มาของชื่อร้าน ผัดเรือโป๊ะโบราณ (สูตรชาวเล) ผัดอาหารทะเลสูตรพิเศษของคุณยาย ใส่เนื้อปลากระพงขาว ปลาหมึก กุ้ง และหอยเชลล์ผัดกับพริกขี้หนูสวน พริกไทย กระเทียมและเครื่องเทศอีกหลายชนิดโขลกเข้ากัน กินแล้วรสเผ็ดร้อนกระจายทั่วปาก ดับกลิ่นคาวจากอาหารทะเลได้ดี และยังช่วยเรื่องเลือดลมอีกด้วย       ต่อมาเป็นเมนูฮิต ยำสามไข่ ที่มีไข่ปูม้า ไข่ปลาเรียวเซียว และไข่แมงดา พระเอกของจานเป็นไข่แมงดาสีเขียวแตกต่างจากที่อื่น เพราะใช้แมงดาจาน จึงมีเนื้อสัมผัสนุ่มเคี้ยวมันและมีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ ใครไม่ชอบกลิ่นของแมงดา ลองชิมจานนี้ดูแล้วจะเปลี่ยนใจ     เมนูใหม่ที่เชฟอยากให้ลองคือ ปลาทูฉู่ฉี่ ใช้ปลาทูโป๊ะจาก จ.ชลบุรี สดใหม่ไม่มีกลิ่นคาว แถมยังตัวใหญ่และเนื้อนุ่ม เมื่อกินคู่กับน้ำแกงฉู่ฉี่สีแดงสวย รสชาติเข้ากันสุดๆ รสชาติเผ็ดกลมกล่อมกำลังดี     ที่ห้ามพลาดคือ กุ้งแม่น้ำเผา ที่นี่มีให้เลือกหลายขนาด เราชิมกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ขนาด 4 ตัว/กิโลกรัม ผ่าครึ่งตัวเห็นมันกุ้งสีเหลืองน่ารับประทาน เชฟเลือกกุ้งสาวที่เพิ่งลอกคราบ เนื้อจึงเด้งและฟู เมื่อกินคู่กับมันกุ้ง ได้กลิ่นหอม รสชาติหวานมัน เต็มปากเต็มคำ     ต่อมาเป็น ปูม้านึ่ง ปูม้านี้ส่งตรงจากอ่างศิลา ต้มและแกะสดๆ ทุกวัน เชฟใช้ปูหน้าหาด ตัวเล็กแต่เนื้อแน่น รสหวานและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เป็นเมนูที่เชฟบอกว่า ใครได้ลองแล้วต้องกลับมากินที่ร้านกันทุกคน  อย่าลืม น้ำจิ้มซีฟู๊ด สูตรเด็ดของเชฟ รสเผ็ดจัดจ้านของพริกขี้หนูสวนเม็ดเล็ก ตามด้วยรสเปรี้ยว เค็ม ไม่เน้นหวาน กินกับอาหารทะเลแล้วแซ่บถึงใจ     ปิดท้ายด้วย ยำปลาดุกฟู จานนี้ความอร่อยอยู่ที่ปลาดุกฟู คัดเฉพาะเนื้อ ไร้แป้ง เคี้ยวมันกรุบกรอบเข้ากันได้ดีกับเครื่องยำ จานนี้รสชาติเผ็ดและเปรี้ยวกล่อมกล่อมกำลังดี ยิ่งมีมะม่วงดิบมาเสริมรสเปรี้ยวของน้ำยำ กินแล้วสดชื่นสุดๆ     อย่าลืมปิดท้ายด้วยไอศกรีมทุเรียนที่ช่วยเสริมความฟินให้กับมื้อนี้

เดี๋ยวนี้จะกินบุฟเฟ่ต์ทั้งทีต้องไม่ธรรมดา เพราะที่โรงแรมเลอ เมอริเดียน กรุงเทพฯ และแบรนด์เลอ เมอริเดียนทั่วโลก จัดคอนเซปต์ใหม่เป็นบุฟเฟ่ต์ที่ผสมไลฟ์สไตล์การมีความสุขกับการใช้ชีวิต     ที่ห้องอาหารเลเทส เรซิพี อาหารที่นี่ได้รับแรงบันดาลใจจากแถบทะเลเมดิเตอเรเนียน โดยเฉพาะอาหารที่มีความโดดเด่นจากแถบเมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส จนถึงบริเวณเมืองพอตโตฟิโน่ ประเทศอิตาลี       G&C ไปมาแล้วขอบอกว่าห้ามพลาด เริ่มตั้งแต่มุมอาหารทะเลออนไอซ์พร้อมน้ำจิ้มหลากหลาย พาสต้าสเตชั่นมีให้เลือกทั้งเส้นและซอสเชฟปรุงใหม่ร้อนๆ มุมอาหารย่างหอมๆ พิซซ่าอบร้อน รวมทั้งอาหารจานหลักแบบสั่งได้ไม่อั้น อาทิ ซุปทะเล เป็ดกงฟี แก้มวัวตุ๋นซอสทรัฟเฟิล ฯลฯ หากเลี่ยนอาหารฝรั่งก็พุ่งไปที่มุมส้มตำที่สั่งให้เชฟทำแบบแซ่บถูกใจเราได้เลย           สุดท้ายอย่าลืมเผื่อท้องไว้สำหรับของหวานนานาชนิด และแพคเกจเครื่องดื่มที่มีให้เลือกตามชอบ จัดเต็มสมเป็นวันหยุดไปเลย           ข้อมูล มื้อกลางวัน (วันจันทร์ – วันเสาร์ เวลา 12:00-14:30 น.) ราคา 900 บาท มื้อค่ำ (วันพฤหัสบดี - วันเสาร์ เวลา 18:00-21.30 น.) ราคา 1,100 บาท มื้อบรันช์วันอาทิตย์ (เวลา 12:30-16:30 น.) ราคา 1,700 บาท *ราคาสุทธิต่อท่าน และรวมเครื่องดื่มแบบไม่อั้น)

ไม่เพียงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิปที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ซึ่งสะท้อนศิลปวัฒนธรรมแบบไทย-จีน แต่ “ล้ง 1919” ยังมีร้านอาหารอร่อยน่าสนใจที่เหล่านักชิมไม่ควรพลาด หนึ่งในนั้นคือ “โรงสี” (หรือโรงสีริมน้ำที่หลายคนเรียกกันติดปาก) ร้านอาหารสไตล์ Authentic Thai Seafood ในเครือ Iberry ที่ยังคงรสชาติจัดจ้านแบบไทย แต่เน้นหนักไปที่อาหารทะเลนานาชนิดแบบที่ไม่ต้องเดินทางไกลไปต่างจังหวัดก็อร่อยกับเมนูซีฟู้ดสดใหม่ได้สบายๆ       เราชอบบรรยากาศร้านที่ผสมผสานความร่วมสมัยกับกลิ่นอายในแบบจีนได้อย่างลงตัว โดยคุณปลา - อัจฉรา บุรารักษ์ ตั้งใจรีโนเวทโดยรักษาโครงสร้างของอดีตโรงสีข้าวเก่าแก่แห่งท่าเรือหวั่งหลีไว้ให้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเพดานสูงให้ความรู้สึกโปร่งสบายไม่อึดอัดและการหยิบวัสดุเก่า เช่น กระสอบข้าวและหลังคากระเบื้องเดิมมาตกแต่งผนัง หรือการนำราวบันไดเก่ามาซ่อมแซมใหม่ใช้เป็นพนักเก้าอี้และที่กั้นโซนต่างๆ ในร้าน ส่วนใครอยากดื่มด่ำกับวิวริมแม่น้ำที่นี่ก็มีโซนเอาต์ดอร์ให้นั่งรับลมเย็นๆ กันอีกด้วย         เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยกับเมี่ยงกลีบบัว เมนูสุดเก๋ที่นำดอกบัวหลวงมาห่อเครื่องต่างๆ แทนใบชะพลูที่เราคุ้นเคย โดยเด็ดกลีบมาเรียบร้อยง่ายต่อการหยิบ กินกับน้ำจิ้มเมี่ยงสูตรเด็ดที่เคี่ยวจนข้นนานหลายชั่วโมง ต่อด้วยห่อหมกขนมครกเนื้อปู ความลงตัวของเนื้อปู เนื้อปลากระพง และพริกแกงรสเข้มข้นที่ร้านโขลกเอง เสิร์ฟบนจานดินเผาเหมือนเตาขนมครกให้เปิดฝาตักกินกันสนุกๆ       มาถึงจานหลัก เราแนะนำตำถาดอโยธยา ไฮไลต์คือกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่เนื้อสดหวานส่งตรงจากอยุธยา เผาสดตามสั่งแบบร้อนๆ มันกุ้งเยิ้มๆ มาพร้อมส้มตำไทยใส่กุ้งแห้งตัวโต หมูยอ ไหลบัว เส้นขนมจีน และผักสดหลากชนิด ถ้ายังไม่อิ่มลองสั่งแกงส้มเหลืองปลากะพงไหลบัวดอกขจร รสจัดจ้านเผ็ดร้อน ปลากะพงเนื้อแน่น ไหลบัวกรุบกรอบ ไปกันได้ดีกับดอกขจรที่ขอบอกว่าไม่ต้องกลัวเหม็นเขียว เพราะเชฟลวกดอกขจรก่อนนำไปแกง กินกับข้าวสวยร้อนๆ สักจานรับรองว่าฟิน หรือถ้ารสชาติจัดจ้านเกินไป แนะนำให้สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ อย่างน้ำตะไคร้ใบเตย หอมหวานกำลังดีที่ทำสดใหม่แก้วต่อแก้วมาช่วยดับความเผ็ดร้อนและเรียกความสดชื่นได้เป็นอย่างดี      

Big Fish กลายเป็นซิกเนเจอร์ของห้องอาหารริมทะเลในแบรนด์แมริออทไปแล้ว เราเคยได้ชิมที่หัวหินมาแล้ว แต่ต้องบอกว่ามันมีความเหมือนและต่างกัน สิ่งที่เหมือนกันดูจะเป็นเรื่องของบรรยากาศริมทะเล แต่ที่แตกต่างกันน่าจะเป็นการรวมเอาบาร์เครื่องดื่มเข้ามาด้วย ซึ่งดีและเข้ากับบรรยากาศริมทะเล       บิ๊กฟิชเปิดรับลมทะเลจากทุกทิศทาง จึงเหมาะกับทั้งการนั่งดื่มและกินอาหารตลอดทั้งวัน ส่วนเมนูอาหารยังคงเป็นซีฟู้ดและสเต๊ก โดยเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นภูเก็ต ปลาและอาหารทะเลก็รับซื้อจากชาวประมงโดยตรง รับรองว่าสดจากทะเลแน่นอน     เราแนะนำให้สั่งอาหารกินเล่นก่อน Crab Cake with Cucumber Salad เค้กเนื้อปูที่อาจจะไม่ได้ดูแปลก แต่มาพร้อมสลัดแตงกวาและน้ำจิ้มที่กินแล้วก็คล้ายน้ำจิ้มทอดมัน ตามด้วย Grilled Pumpkin & Mango with Romaine, Cashew Nuts, Tomato and Honey Mustard Dressing สลัดผักสดกรอบที่มีไฮไลต์อยู่ที่ฟักทองย่างเพิ่มความหอมหวานเข้ากับเดรสซิง     ส่วนอาหารจานอื่นๆ แนะนำ Spaghetti with Seafood, Chili and Tomato Sauce สปาเกตตีผัดซอสมะเขือเทศที่ใส่พริกเข้าไปเพิ่มรสจัดจ้านกับอาหารทะเลสดอร่อย Baked Sea Bass Fillet Marinated with Thai Herbs Wrapped in Banana Leaf ปลากะพงหมักสมุนไพรห่อใบตองแล้วย่าง เนื้อปลาออกมาหวานหอมสมุนไพร       ปิดท้ายด้วย Duck Confit with Caramelized Apple and Rocket Leaves เป็ดกงฟีที่ผิวนอกกรอบ เนื้อในฉ่ำ กินกับแอปเปิลย่างที่ออกเปรี้ยวหวาน  

เดอะ รอว์ บาร์ น่าจะตอบโจทย์คนรักซีฟู้ดได้ดีที่สุด เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะออยสเตอร์ทั้งหมด 16 สายพันธุ์ที่นำเข้าจากฝรั่งเศส อเมริกา ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ถูกใจตัวไหนก็ให้พนักงานแกะให้ลิ้มลองกันแบบสดๆ เลยที่หน้าบาร์ อีกหนึ่งพระเอกคงต้องยกให้ล็อบสเตอร์ที่ทางร้านการันตีความสด นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบชั้นดีอีกเพียบ ทั้งหอยเชลล์ฮอกไกโด เนื้อวากิว ทูน่า และอูนิ       เมนูแนะนำ Beyond Oyster รวมความอร่อยไว้ในคำเดียว ทั้งออยสเตอร์ อูนิ คาเวียร์ และไข่แดงนกกระทาได้ทั้งความมันและรสชาติเค็มนิดๆ จากท้องทะเล   Grilled Baby Corn ข้าวโพดอ่อนย่างคลุกเคล้ากับปาปริกา วางบนซอสที่ทำจากชีสเฟตาและชีสพาร์เมซาน   Grilled Lobster Spicy Roasted Garlic แคนาเดียนล็อบสเตอร์ย่างแบบสุกกำลังดี อร่อยกับซอสรสเข้มข้น   Roll Set เลือกสั่งได้ทั้ง Lobster Roll, Alaska Roll, Crab Meat Roll, Shrimp Roll และ Po'boys เครื่องเคราแน่น ซอสอร่อยกลมกล่อม 

จั่วหัวไว้แบบนี้อย่าเพิ่งตกใจ หญิงใหญ่แค่อยากชวนให้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง นึกถึงความรู้สึกแรกที่ได้อ่านนิทานเรื่องพิน็อคคิโอที่ถูกปลาวาฬยักษ์กลืนลงไปในท้อง แต่ด้วยความฉลาดเจ้าหุ่นไม้ลงมือจุดไฟให้เกิดควัน ปลาวาฬจึงจามฮัดชิ้วเอาพิน็อคคิโอและพ่อออกมา  นี่เป็นคอนเซ็ปต์สุดสนุกของร้านซีฟู้ดน้องใหม่ Burn Whale สยามสแควร์ซอย 2 ของคู่รัก คุณนิว-ธนกร และคุณชิ-ชลธิชา ที่จำลองภายในร้านให้เป็นเรือ ตั้งแต่บันไดวน รวมถึงกิมมิคเป็นฝูงปลา ผ้าใบ สมอเรือ แห ส่วนที่บอกว่าเป็นพุงปลาวาฬก็เพราะร้านนี้มีกุ้ง หอย ปู ปลาให้เลือกสั่งแบบไม่อั้น (เหมือนปลาวาฬที่ซัดสัตว์ทะเลซะเต็มพุง) เลือกได้ทั้งเมนูอะลาคาร์ตและแบบบุฟเฟต์ แนะนำว่าสั่งบุฟเฟต์คุ้มกว่า 599 บาท กินได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง จัดเต็มทั้งกุ้งก้ามกราม กุ้งขาว ปูม้า ปูทะเล กั้งกระดาน หมึกกระดอง หมึกหอม หมึกสาย หอยแครง หอยหวาน ฯลฯ ซึ่งทางร้านจะปิ้งมาให้เรียบร้อยพร้อมกิน มีซีฟู้ดให้เลือกหนำใจขนาดนี้ แอบถามคุณนิวถึงได้รู้ว่าที่บ้านของคุณชิ ทำธุรกิจเกี่ยวกับประมงอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี อาหารทะเลจึงส่งตรงจากบ้านแบบรับประกันความสด หญิงใหญ่สายโหยอยู่เป็นทุนเดิมจึงสั่งมาชุดใหญ่อย่างที่เห็น และขอให้คะแนนกั้งกระดานร้านนี้ชนะไปสวยๆ เพราะไซส์ใหญ่ เนื้อแน่นหวานอร่อย ไม่ใช่กั้งจิ๋วเนื้อหด (บางครั้งก็คิดว่านั่นกั้งหรือกุ้ง) ส่วนน้ำจิ้มก็ตำเองทุกวัน ที่นี่จะมีรสหวานนำนิดหน่อยตามสไตล์คนเพชรฯ จิ้มกับซีฟู้ดได้ฟีลไปอีกแบบ อีกเมนูแนะนำคือของกินเล่นอย่างปูนิ่มทอด กรอบอร่อย ไม่อมน้ำมัน และหอยนางรมสด เสิร์ฟเย็นเจี๊ยบ พร้อมน้ำพริกเผาและหอมเจียว ใครจะมาลองชิม ขอกระซิบไว้ว่าที่ร้านมีที่นั่งค่อนข้างจำกัด ควรโทรมาสำรองโต๊ะล่วงหน้าจะได้นั่งกินได้ฟินๆ  จะได้รู้ว่าอร่อยจนต้องเผาปลาวาฬนั้นเป็นอย่างไร