Big Fish กลายเป็นซิกเนเจอร์ของห้องอาหารริมทะเลในแบรนด์แมริออทไปแล้ว เราเคยได้ชิมที่หัวหินมาแล้ว แต่ต้องบอกว่ามันมีความเหมือนและต่างกัน สิ่งที่เหมือนกันดูจะเป็นเรื่องของบรรยากาศริมทะเล แต่ที่แตกต่างกันน่าจะเป็นการรวมเอาบาร์เครื่องดื่มเข้ามาด้วย ซึ่งดีและเข้ากับบรรยากาศริมทะเล       บิ๊กฟิชเปิดรับลมทะเลจากทุกทิศทาง จึงเหมาะกับทั้งการนั่งดื่มและกินอาหารตลอดทั้งวัน ส่วนเมนูอาหารยังคงเป็นซีฟู้ดและสเต๊ก โดยเลือกใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นภูเก็ต ปลาและอาหารทะเลก็รับซื้อจากชาวประมงโดยตรง รับรองว่าสดจากทะเลแน่นอน     เราแนะนำให้สั่งอาหารกินเล่นก่อน Crab Cake with Cucumber Salad เค้กเนื้อปูที่อาจจะไม่ได้ดูแปลก แต่มาพร้อมสลัดแตงกวาและน้ำจิ้มที่กินแล้วก็คล้ายน้ำจิ้มทอดมัน ตามด้วย Grilled Pumpkin & Mango with Romaine, Cashew Nuts, Tomato and Honey Mustard Dressing สลัดผักสดกรอบที่มีไฮไลต์อยู่ที่ฟักทองย่างเพิ่มความหอมหวานเข้ากับเดรสซิง     ส่วนอาหารจานอื่นๆ แนะนำ Spaghetti with Seafood, Chili and Tomato Sauce สปาเกตตีผัดซอสมะเขือเทศที่ใส่พริกเข้าไปเพิ่มรสจัดจ้านกับอาหารทะเลสดอร่อย Baked Sea Bass Fillet Marinated with Thai Herbs Wrapped in Banana Leaf ปลากะพงหมักสมุนไพรห่อใบตองแล้วย่าง เนื้อปลาออกมาหวานหอมสมุนไพร       ปิดท้ายด้วย Duck Confit with Caramelized Apple and Rocket Leaves เป็ดกงฟีที่ผิวนอกกรอบ เนื้อในฉ่ำ กินกับแอปเปิลย่างที่ออกเปรี้ยวหวาน  

เดอะ รอว์ บาร์ น่าจะตอบโจทย์คนรักซีฟู้ดได้ดีที่สุด เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมอาหารทะเลชั้นเยี่ยม โดยเฉพาะออยสเตอร์ทั้งหมด 16 สายพันธุ์ที่นำเข้าจากฝรั่งเศส อเมริกา ไอร์แลนด์ ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ถูกใจตัวไหนก็ให้พนักงานแกะให้ลิ้มลองกันแบบสดๆ เลยที่หน้าบาร์ อีกหนึ่งพระเอกคงต้องยกให้ล็อบสเตอร์ที่ทางร้านการันตีความสด นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบชั้นดีอีกเพียบ ทั้งหอยเชลล์ฮอกไกโด เนื้อวากิว ทูน่า และอูนิ       เมนูแนะนำ Beyond Oyster รวมความอร่อยไว้ในคำเดียว ทั้งออยสเตอร์ อูนิ คาเวียร์ และไข่แดงนกกระทาได้ทั้งความมันและรสชาติเค็มนิดๆ จากท้องทะเล   Grilled Baby Corn ข้าวโพดอ่อนย่างคลุกเคล้ากับปาปริกา วางบนซอสที่ทำจากชีสเฟตาและชีสพาร์เมซาน   Grilled Lobster Spicy Roasted Garlic แคนาเดียนล็อบสเตอร์ย่างแบบสุกกำลังดี อร่อยกับซอสรสเข้มข้น   Roll Set เลือกสั่งได้ทั้ง Lobster Roll, Alaska Roll, Crab Meat Roll, Shrimp Roll และ Po'boys เครื่องเคราแน่น ซอสอร่อยกลมกล่อม 

จั่วหัวไว้แบบนี้อย่าเพิ่งตกใจ หญิงใหญ่แค่อยากชวนให้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง นึกถึงความรู้สึกแรกที่ได้อ่านนิทานเรื่องพิน็อคคิโอที่ถูกปลาวาฬยักษ์กลืนลงไปในท้อง แต่ด้วยความฉลาดเจ้าหุ่นไม้ลงมือจุดไฟให้เกิดควัน ปลาวาฬจึงจามฮัดชิ้วเอาพิน็อคคิโอและพ่อออกมา  นี่เป็นคอนเซ็ปต์สุดสนุกของร้านซีฟู้ดน้องใหม่ Burn Whale สยามสแควร์ซอย 2 ของคู่รัก คุณนิว-ธนกร และคุณชิ-ชลธิชา ที่จำลองภายในร้านให้เป็นเรือ ตั้งแต่บันไดวน รวมถึงกิมมิคเป็นฝูงปลา ผ้าใบ สมอเรือ แห ส่วนที่บอกว่าเป็นพุงปลาวาฬก็เพราะร้านนี้มีกุ้ง หอย ปู ปลาให้เลือกสั่งแบบไม่อั้น (เหมือนปลาวาฬที่ซัดสัตว์ทะเลซะเต็มพุง) เลือกได้ทั้งเมนูอะลาคาร์ตและแบบบุฟเฟต์ แนะนำว่าสั่งบุฟเฟต์คุ้มกว่า 599 บาท กินได้ 1 ชั่วโมงครึ่ง จัดเต็มทั้งกุ้งก้ามกราม กุ้งขาว ปูม้า ปูทะเล กั้งกระดาน หมึกกระดอง หมึกหอม หมึกสาย หอยแครง หอยหวาน ฯลฯ ซึ่งทางร้านจะปิ้งมาให้เรียบร้อยพร้อมกิน มีซีฟู้ดให้เลือกหนำใจขนาดนี้ แอบถามคุณนิวถึงได้รู้ว่าที่บ้านของคุณชิ ทำธุรกิจเกี่ยวกับประมงอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี อาหารทะเลจึงส่งตรงจากบ้านแบบรับประกันความสด หญิงใหญ่สายโหยอยู่เป็นทุนเดิมจึงสั่งมาชุดใหญ่อย่างที่เห็น และขอให้คะแนนกั้งกระดานร้านนี้ชนะไปสวยๆ เพราะไซส์ใหญ่ เนื้อแน่นหวานอร่อย ไม่ใช่กั้งจิ๋วเนื้อหด (บางครั้งก็คิดว่านั่นกั้งหรือกุ้ง) ส่วนน้ำจิ้มก็ตำเองทุกวัน ที่นี่จะมีรสหวานนำนิดหน่อยตามสไตล์คนเพชรฯ จิ้มกับซีฟู้ดได้ฟีลไปอีกแบบ อีกเมนูแนะนำคือของกินเล่นอย่างปูนิ่มทอด กรอบอร่อย ไม่อมน้ำมัน และหอยนางรมสด เสิร์ฟเย็นเจี๊ยบ พร้อมน้ำพริกเผาและหอมเจียว ใครจะมาลองชิม ขอกระซิบไว้ว่าที่ร้านมีที่นั่งค่อนข้างจำกัด ควรโทรมาสำรองโต๊ะล่วงหน้าจะได้นั่งกินได้ฟินๆ  จะได้รู้ว่าอร่อยจนต้องเผาปลาวาฬนั้นเป็นอย่างไร