เหมือนยกฮ่องกงมาไว้อารีย์ สำหรับ Tsim Sha Tsui Fried Pork ร้านน้องใหม่สุดฮอต ในโครงการ Gump's Ari ที่ต้องการนำเสนอความอร่อยของหมูทอดสไตล์ฮ่องกง ให้คนไทยได้ลิ้มลอง ภายในร้านเล็กๆ สีสันสดใส ที่ไม่ว่าใครก็อยากตามไปเช็คอิน     ด้านหน้าร้านโดดเด่นด้วยกระเบื้องโมเสคสีรุ้ง ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินของฮ่องกง ชวนให้สะดุดตา ภายในเลือกใช้โทนสีเขียวเป็นหลัก ตกแต่งด้วยภาพตึกสายรุ้ง (Choi Hung Estate) และโปสเตอร์หนังฮ่องกงยุค 90 เข้ากับโคมไฟโทนสีส้มสลัวได้เป็นอย่างดี       เริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ หมูทอดฮ่องกง ข้าวผัดกานาฉ่าย (169.-) หมูสันนอกหอมนุ่มฟู ที่พิถีพิถันในการหมักและทอด เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสวยหุงด้วยไขมันไก่ผัดกับกานาฉ่าย เสริมรสด้วยน้ำพริกเผาเซี่ยงไฮ้สูตรพิเศษ และซุปมะนาวดอง กินเพลินไม่เลี่ยน       ต่อด้วย เต้าหู้เฟรนช์ฟราส์ ซอสมะขาม (79.-) เต้าหูเฟรนช์ฟรายส์ ทอดมาแบบหอมกรอบ ไม่อมน้ำมัน จิ้มกินกับซอสมะขามรสเปรี้ยวหวาน หรือจะเลือกเป็น ถั่วแขกผัดพริกเกลือ (89.-) ความหวานกรอบจากถั่วแขก เข้ากันได้ดีกับความเผ็ดร้อนจากพริกกระเทียม       ต่อกันที่ เต้าหู้สดราดซอสเกาลูน (89.-) เต้าหู้เนื้อนุ่มนิ่ม ราดซอสเกาลูนสูตรเฉพาะของทางร้าน โรยด้วยปลาโอแห้ง หอมกลมกล่อม     อีกเมนูที่พลาดไม่ได้ เกี๊ยวจีนแพกวางตุ้ง (129.-) เกี๊ยวหมูอบที่ทางร้านนำมาทอดให้เป็นแพกรอบๆ แป้งบาง เนื้อหมูแน่น เต็มปากเต็มคำ  

Tag:

Yingsita ร้านอาหารสไตล์เชฟเทเบิลที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยอารีย์ นำเสนอประสบการณ์แห่งรสชาติโดยเชฟหญิงสิตา-ฟ้ามณัณญา ฉัตรภูติ หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรายการ Top Chef Thailand Season 2  จากแรงบันดาลใจที่อยากอนุรักษ์อาหารไทย จึงค้นคว้าทั้งจากตำรับตำราและศึกษาจากกูรูด้านอาหาร ผสานสูตรลับเฉพาะตัวมารังสรรค์จานเด็ดในแบบรสมือหญิงสิตาที่เธอให้นิยามว่า “อาหารอ้างอิงจากสมัยก่อน”         เมนูของเชฟจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เพื่อให้ได้วัตถุดิบดีที่สุดตามธรรมชาติ ซึ่งเชฟจะเดินสายไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อตามหาของดีจากท้องถิ่น เพื่อให้สายกินอย่างเราได้ลุ้นไปกับเมนูสุดเซอร์ไพรส์ที่จะทยอยเสิร์ฟให้ลิ้มรสตั้งแต่ต้นจนจบคอร์ส ในบรรยากาศของร้านที่อบอุ่นเสมือนนั่งอยู่ใต้ถุนบ้านคุณยาย ห้อมล้อมด้วยข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือนสมัยก่อน รวมถึงเครื่องเทศและเครื่องปรุงรสบรรจุโหลจัดวางอย่างเป็นระเบียบ รวมถึงมุมครัวไทยที่เราจะได้เห็นขั้นตอนการปรุงแบบเพลินตาเพลินใจ         ในวันที่เราไปเชฟเริ่มปลุกต่อมรับรสด้วย ปั้นสิบนึ่ง แป้งนุ่มห่อไส้ที่ทำจากปลาช่อนผัดกับ 3 เกลอ รสชาติเค็มมัน หากเคี้ยวหมดคำแล้ว เชฟแนะนำให้จิบน้ำมะม่วงพริกเกลือตาม เพียงเท่านี้เราก็พร้อมรับมือกับอีกหลากหลายเมนูที่คอยอยู่       เริ่มที่น้ำพริกนครบาล สูตรตกทอดจากเจ้าพระยาในกรมพระนครบาลสมัยก่อน เชฟเลือกใช้ปลาเนื้ออ่อนโขลกรวมกับส่วนผสมอื่นๆ ใส่ส้มซ่าทั้งน้ำและผิวเพิ่มรสเปรี้ยวและกลิ่นหอมสดชื่น วางบนข้าวสวยพอดีคำ โรยกากหมูเจียวใหม่เพิ่มรสเค็มมัน เคี้ยวพร้อมกันแล้วนัวเข้ากันไปหมด     ขนมจีนเส้นสด 2 ปู ขนมจีนเส้นสดจับพอดีคำ ราดน้ำยาปูรสเข้มหอมกลิ่นพริกแกงตำใหม่ที่อุดมด้วยสมุนไพรและเครื่องเทศ ใส่เนื้อปูฉีกและใบชะพลู ขนาบข้างด้วยปูนิ่มทอดและผักสดตามฤดูกาล     ข้าวคลุกกะปิและน้ำชุบหญิงสิตา ฉายาธิดากะปิของเชฟหญิงสิตาได้มาเพราะความหลงใหลในกลิ่นและรสชาติจนต้องออกเดินทางตามหากะปิที่ดีที่สุดจากแหล่งต่างๆ อาทิ ระนอง ชุมพร สมุทรสงคราม และพบว่าแต่ละแหล่งมีความโดดเด่นไม่เหมือนกัน จึงเริ่มซื้อสะสมและทดลองปรุงในหลายเมนู โดยเฉพาะเมนูนี้แค่ตักเข้าปากคำแรกก็รู้สึกว้าวแล้ว  

Tag:

ทองย้อยคาเฟ่ คาเฟ่ชื่อเก๋ที่ขายขนมหวาน แต่ไม่ได้หวานเฉพาะขนมเพราะหอมหวานอบอวลไปทั้งร้านด้วยการประดับประดาด้วยดอกไม้หลากสี เสมือนนั่งละเลียดขนมอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้       ร้านนี้เป็นที่รวมของขนมไทยโบราณหาทานยาก ใครที่ชื่นชอบขนมไทยคงยิ้มแก้มปริเพราะมาที่เดียวก็ได้ละเลียดครบทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ตะโก้เผือก ตะโก้ใบเตย ข้าวเหนียวมูนหน้าต่างๆ ขนมชั้น ขนมต้ม กล้วยเชื่อม มันเชื่อม เอาเป็นว่าเยอะมาก ละลานตาไปหมด สำหรับสายเฮลท์ตี้ที่ได้แต่ยืนเมียงมองเพราะอยากลองรสชาติบ้าง แต่ก็แอบห่วงเรื่องสุขภาพและรอบเอว อยากให้คลายความกังวลเพราะทองย้อยเน้นรสหวานในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อให้ทุกคนได้ละเลียดกลิ่นรสได้อย่างเพลิดเพลินและไม่รู้สึกผิด     ห้ามพลาด Golden Set สำหรับคู่ซี้ได้อิ่มท้องกำลังดี ในเซ็ตมีเค้ก 2 ชิ้น ขนมไทย 9 อย่าง เครื่องดื่มเย็นและชาร้อน เสิร์ฟในภาชนะสุดหรูสีทองเปล่งประกาย เหมาะกับการถ่ายภาพลงโซเชียลที่สุด       ต่อกันที่เครื่องดื่มยอดนิยม กระเจี๊ยบโซดาโยเกิร์ตปั่น รสหวานน้อย เปรี้ยวนิดๆ อุณหภูมิภายนอกจะร้อนแค่ไหน ถ้าได้แก้วนี้ติดมือไปด้วย รับรองเย็นสบายหายหงุดหงิด     แก้วนี้ก็ห้ามพลาด เลมอนปั่นท็อปด้วยรวงผึ้ง กลิ่นหอมเลมอนช่วยกระตุ้นความสดชื่น บวกกับรสเปรี้ยวอมหวานที่ผสานกันได้อย่างลงตัว ไฮไลท์ยังอยู่ที่รวงผึ้งหวานฉ่ำชิ้นโตที่วางไว้ด้านบน ยกตำแหน่งเครื่องดื่มแก้วโปรดแห่งปีให้เลย สำหรับคนรักขนมไทยที่แอบปันใจให้เค้กและเบเกอรี่ มาที่นี่ไม่ผิดหวังเพราะมีวาไรตี้ที่อลังการไม่น้อยหน้า ปลื้มสุดคือเค้กบัวลอย ผสานเสน่ห์ของโลกตะวันออกเข้ากับโลกตะวันตก กะทิหวานมันออกเค็มนิดๆ กินกับเม็ดบัวลอยแป้งหนึบหนับ เข้ากันได้ดีกับเค้กนุ่มๆ หวานหอมละมุนลิ้น     ประทับใจจนคำสุดท้าย!

Tag:

ถึงแม้ว่าจะเป็นถนนพาดสายจะเป็นเส้นทางสายสั้น ๆ ที่ขนานไปกับถนนเยาวราช แต่ก็คึกคักไปด้วยผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิถีชีวิตของคนไทยเชื้อสายจีนที่ตั้งรกรากกันบริเวณนี้มาช้านาน ทำให้บริเวณนี้รุ่มรวยไปด้วยร่องรอยทางวัฒนธรรมมากมาย รวมถึงพิกัดร้านรวงที่น่าแวะไปเยือน และหนึ่งในนั้นก็คือร้านกาแฟเอ็กเต็งผู่กี่ ที่เดินทางผ่านกาลเวลามานานกว่าร้อยปีแล้ว         บรรยากาศของร้านกาแฟเอ็กเต็งผู่กี่ในวันนี้ผิดไปจากบรรยากาศเมื่อวันวานราวพลิกฝ่ามือ จากสภากาแฟโบราณกลายเป็นร้านกาแฟสไตล์จีนโมเดิร์น ที่เชื้อเชิญให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเยือน         แต่ถึงรูปลักษณ์ภายนอกของร้านจะเปลี่ยนแปลงไป ในเรื่องของเมนูที่เป็นจุดขายมาตั้งแต่รุ่นอากงก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เริ่มต้นด้วย ชุดอาหารเช้า พิเศษ ที่ประกอบไปด้วย ไข่ดาว 2 ฟอง ไส้กรอก 4 ชิ้น แฮม อีก 2 ชิ้น เป็นเมนูอาหารเช้าที่ทำให้คนในครอบครัวกินจริง ๆ นับเป็นการเริ่มต้นวันแบบไม่หนักไม่เบา แต่จริง ๆ แล้วชุดอาหารเช้าที่ร้านนี้ก็พร้อมเสิร์ฟให้แวะเข้ามาเติมพลังตลอดทั้งวัน     ต่อด้วย ขนมปังปิ้งทาสังขยาไข่โบราณ สูตรเฉพาะของร้านที่มีมานานกว่า 100 ปี ที่ใช้กะทิผสมกับไข่ ไม่ใส่แป้ง และไม่ใส่วัตถุกันเสีย ต่อด้วย ขนมจีบกุ้ง สูตรอาม่า ขนาดกำลังดี ได้สัมผัสนุ่มเด้งจากไส้กุ้งเต็มคำ นอกจากนี้ยังมีติ่มซำอื่น ๆ ให้ลิ้มลองด้วยทั้งขนมจีบหมู ขนมจีบปู ฮะเก๋า ซาลาเปาไส้ต่าง ๆ เช่น ครีม หมูสับ หมูแดง พุทรา ถั่วดำ และไข่เค็มลาวา ที่ทางร้านทำเอง         สำหรับเครื่องดื่มสุดคลาสสิคของร้านก็ต้องยกให้กับ กาแฟโบราณ ที่ใช้เมล็ดโรบัสต้านำมาคั่วเองแบบโบราณ โดยผสมเนยและน้ำตาลลงไปด้วย จึงมีเอกลักษณ์อยู่ที่กลิ่นไหม้จากการคั่วที่หอมเตะจมูกทันทีที่จิบ อีกแก้วหนึ่งคือ ชานมซีลอน ที่ใช้ชาจากศรีลังกา กลิ่นหอมเข้มข้น หวานสดชื่น       ถ้าอยากได้บรรยากาศจีน ๆ ในย่านจีนของแท้ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด  

Tag:

ไม่ต้องนั่งไทม์แมชชีนย้อนอดีต เพราะขับรถมาที่นี่ง่ายกว่า...คาเฟ่สุดประทับใจแห่งปีที่เรามีโอกาสไปเยือน ขอยกให้ Deva Manor (เดวา มานัวร์) อดีตพระตำหนักใหญ่แห่งวังเทเวศร์ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของ “พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาท” ซึ่งวันนี้มีอายุถึง 126 ปี ได้ถูกพลิกฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งภายใต้การดูแลของผู้พันแซม “พ.อ.เฟื่องวิชชุ์ อนิรุทธเทวา” โดยรีโนเวทภายในแบบร่วมสมัย แต่ยังคงรักษาคุณค่าและความสง่างามของสถาปัตยกรรมไว้ดุจเดิม         ด้วยบรรยากาศสุดคลาสสิกจึงเป็นหมุดหมายของการถ่ายพรีเว็ดดิ้ง พิธีหมั้น งานแต่งงาน รวมถึงงานสังสรรค์อย่างเป็นส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่าต้องสำรองที่นั่งล่วงหน้าเท่านั้น               สำหรับลูกค้าวอล์กอินที่มาเป็นกลุ่มและอยากเดินชมสถานที่โดยรอบ รวมถึงบริเวณชั้นบนซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นห้องที่ประทับ ภาพประดับผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือถ้วยโถโอชา ก็มีเจ้าหน้าที่พร้อมนำชมและให้ข้อมูล                 ส่วนเมนูอาหารจะเน้นประเภทจานเดียว อิ่มง่ายสบายท้อง อาทิ ข้าวผัดพระตำหนัก ข้าวผัดกับน้ำพริกสูตรพระตำหนัก  น้ำพริกสูตรโบราณที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น รสเปรี้ยวเค็มเผ็ด ทีเด็ดอยู่ที่กลิ่นหอมสมุนไพร เพิ่มดีกรีความเข้มข้นนัวเค็มด้วยกากหมูเจียวใหม่ แล้วตัดรสเผ็ดร้อนด้วยหมูยอและไข่ต้มยางมะตูม     ต่อด้วยซีซาร์สลัด จานอร่อยย่อยง่าย เน้นผักปลอดสารคลุกเคล้ากับน้ำสลัดสูตรเด็ด โรยชีสพาเมซาน กินแกล้มกับเบคอนทอด และขนมปังบาแกตต์หอมเนย     ส่วนใครที่มองหามุมนั่งชิลเล่นยามบ่าย แนะนำชุดน้ำชาที่มาพร้อมขนมหวานหลากชนิด มีทั้งขนมไทยและเบเกอรี่ ละเลียดเพลินเข้ากับบรรยากาศที่สุด             ไม่ต้องหาไทม์แมชชีนย้อนอดีตให้ยุ่งยาก เพราะขับรถมาที่นี่ง่ายกว่าเยอะ

Tag:

ปาร์ตี้สุดมันส์ต้องที่ Ssamthing Together ร้านปิ้งย่างเกาหลีระดับพรีเมียมเปิดใหม่ในศูนย์การค้าเมกาบางนาที่ทุกคนจะได้สนุกสนานไปกับช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน ยิ่งกินแบบซัมซึ่งเป็นวัฒนธรรมการกินแบบห่อก็ยิ่งฟิน เริ่มด้วยหยิบผักสด คีบเนื้อวาง ตามด้วยเครื่องเคียงตามชอบ เหยาะซอสโคชูจังและซอสซัมจังนิดหน่อย จากนั้นอ้าปากกว้างๆ เพราะกินแบบซัมต้องคำโตๆ รับรองสนุกยกแกงค์เหมือนนั่งแฮงก์เอาท์อยู่กลางกรุงโซล       ภายในร้านกว้างขวางนั่งชนแก้วกันได้แบบไม่กวนใจโต๊ะข้างๆ ส่วนการตกแต่งเน้นความสดใสด้วยไฟนีออนหลากสี ดูเกาหลี๊เกาหลีที่สุดล่ะ และพลาดไม่ได้กับวัตถุดิบสดใหม่ที่สั่งได้ทั้งแบบเซ็ตและอะลาคาร์ต รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สุดฮิตที่ต้องมีติดทุกโต๊ะ       เมนูแนะนำเริ่มที่ Signature Together Set ชุดพิเศษรวมหมู ในชุดมีหมูสามชั้นชิ้นใหญ่ไม่หั่น หมูสามชั้นสไลซ์ หมูสันคอ หมูสไลซ์ หมักซอสและโรยงาหอมๆ ถ้าถูกใจชิ้นไหนเป็นพิเศษก็สั่งเพิ่มได้ในแบบอะลาคาร์ต และในด้านเมนูอะลาคาร์ตเองก็ยกขบวนวัตถุดิบชั้นดีมาให้สายตี้เลือกคีบกันแบบไม่ซ้ำ อาทิ ซี่โครงหมูสามชั้น ซี่โครงหมักซอสสูตรเฉพาะ หอมกลิ่นซอสและกระเทียม เนื้อนุ่มนวลใช้มีดเลาะเบาๆ ก็หลุดจากกระดูกอย่างง่ายดาย             ไส้ใหญ่วัวกับไส้หมูต้ม 2เมนูที่นั่งดูซีรีส์เกาหลีแล้วรู้สึกอยากกินตามที่สุด ย่างไส้ให้ผิวเกรียมนิดๆ แล้วคีบใส่ปาก เซอร์ไพรส์ที่เคี้ยวง่ายไม่เหนียวเลย จากนั้นจิบเครื่องดื่มแก้วโปรดตาม เข้ากันกว่านี้ไม่มีแล้ว     ปลาย่างเกลือ เนื้อปลาสดเหมือนเพิ่งยกขึ้นจากทะเล ย่างร้อนๆ  เค็มปลายลิ้น จานนี้อร่อยได้แบบไม่ต้องพึ่งซอส     ปิดท้ายแบบฟินๆ กับไข่ตุ๋นชีส ไข่ตุ๋นเนื้อเนียน รสชาติกลมกล่อมหอมมันจากชีส ใส่ข้าวโพดหวานเพิ่มเนื้อสัมผัสหนึบๆ อร่อยลิ้น     ปาร์ตี้สุดมันส์ ต้องปาร์ตี้แบบซัมคำโตๆ ที่ร้าน Ssamthing Together

Tag:

นับตั้งแต่มีรถไฟฟ้ามาจอดถึงใจกลางย่านเยาวราช การมาเยือนย่านจีนที่แสนโด่งดังนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป และดูเหมือนว่าเยาวราชในช่วงบ่ายของวันก็คึกคักไม่ต่างจากเยาวราชในยามค่ำคืนสักเท่าไร       หนึ่งในพิกัดที่ช่วยสร้างสีสันในกับเยาวราชในช่วงกลางวันสุดร้อนระอุ เราขอมุ่งตรงไปที่ซอยเจริญกรุง 14 ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านไอศกรีม JingJing Ice-cream Bar and Café ที่มาพร้อมกับไอศกรีมโฮมเมดหลากหลายรสชาติที่น่าลองไปหมดทุกอย่าง!     เรามีโอกาสได้พูดคุยกับคุณปู ชุตินาถ ทัศนานุพันธ์ เจ้าของร้านและเป็นผู้รังสรรค์ไอศกรีมมากหน้าหลายตาที่อวดโฉมอยู่ในตู้แช่เย็น เธอเล่าถึงแรงบันดาลใจมากมายหลายเรื่องราวที่นำมาสู่การครีเอทเมนูไอศกรีมที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร     “ปูพยายามซื้อวัตถุดิบที่หาได้ในย่านนี้ ที่สำเพ็งมีร้านน้ำส้มเจ้าอร่อยเราก็จะไปซื้อจากร้านเขามาทำเป็นไอศกรีม เราจะเลือกเฉพาะส้มในฤดูหนาวที่มีรสชาติหวานกว่าช่วงอื่น ๆ มาทำ ซึ่งเป็นช่วงที่ตรงกับเทศกาลตรุษจีนพอดี เราเลยมักจะดึงส้มมาเป็นเมนูพิเศษในช่วงตรุษจีน หรือเวลาไปเจอวัตถุดิบแปลกใหม่ในตลาดเยาวราชอย่างเช่น พุทรา เราก็หยิบเอาพุทราแห้งมาเชื่อมทำเป็นไอศกรีมซอร์เบต์ หรือบ๊วยดองก็เอามาทำเป็นไอศกรีมรสบ๊วย เราเคยได้แรงบันดาลใจจากอาหารจีนด้วย เช่น เมนูไอศกรีมข้าวต้มกินคู่กานาฉ่ายและเห็ดผัด เป็นเมนูพิเศษในช่วงเดือนกินเจ หรือบางทีเรานั่งกินเย็นตาโฟอยู่ก็เกิดความสนใจเลยไปซื้อซอสเย็นตาโฟมาทำเป็นไอศกรีม เสิร์ฟกับเกี๊ยวกรอบ เป็นเมนูสีชมพูเสิร์ฟในเดือนแห่งความรัก”       นอกจากแรงบันดาลใจมากมาย หนึ่งในความโดดเด่นของไอศกรีมจิงจิงคือรสชาติ สี และกลิ่นที่ล้วนมาจากวัตถุดิบจริง ๆ โดยไม่ใส่สารปรุงแต่งเพิ่มเติม เป็นการล้อไปกับชื่อร้านได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว     แต่ถ้าพูดถึงเมนูยอดนิยมของทางร้าน คุณปูแนะนำเป็นไอศกรีมรส ชีสพาย รสชาตินุ่มนวลกลมกล่อม มาพร้อมกับซอสราดหลายรสชาติ ทั้งบลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ และคาราเมล ที่สาวกชีสพายจะต้องร้องว้าวเหมือนได้กินชีสพายในเวอร์ชั่นที่เย็นสดชื่น     อีกหนึ่งรสชาติคือ เบอร์รี่รวมซอร์เบต์ ไอศกรีมที่วีแกนก็กินได้ รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ตัดเลี่ยนกับไอศกรีมนมรสชาติอื่น ๆ ได้ดี สมกับเป็นอีกหนึ่งรสชาติ Best Seller ประจำร้าน     นอกจากจะเป็นร้านที่โดดเด่นเรื่องไอศกรีมแล้ว ยังมีเมนูอาหารและเครื่องดื่มสไตล์คาเฟ่ที่น่าลองไม่แพ้กัน นั่นก็คือ แพนเค้กกล้วยคาราเมล ซึ่งเป็นเมนูที่มาจากความชอบส่วนตัวของคุณปูเอง ด้วยความนุ่มของแพนเค้กนั้นช่างเข้ากับกล้วยคาราเมลที่ผัดจนชุ่มฉ่ำหวานเข้าเนื้อเสียเหลือเกิน     ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มเย็น ๆ ชื่นใจเพิ่มพลังระหว่างวันกับ เอสเพรสโซน้ำส้ม เมนูกาแฟเย็นที่ให้ทั้งความขมและหอมเป็นเอกลักษณ์ของกาแฟเข้มข้นเข้ากับความเปรี้ยวนิดหวานหน่อยของน้ำส้มคั้นสดแสนจะลงตัว     เป็นร้านไอศกรีมที่มาแล้วติดใจทั้งในรสชาติและความแปลกใหม่จริง ๆ !

Tag:

หลังจากปิดชั่วคราวในช่วงของวิกฤตโควิด -19 ตอนนี้ Brasserie 9 ร้านอาหารฝรั่งเศสรสเลิศแห่งซอยสาทร 6 ก็กลับมาเปิดอีกครั้ง นอกจากคอนเซ็ปต์ “Authentic French Cuisine” อาหารฝรั่งเศสรสต้นตำรับขนานแท้ ปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่ที่ส่งตรงจากแหล่งคุณภาพ อาทิ ปลาจากประเทศฝรั่งเศส แซลมอนจากประเทศนอร์เวย์ เนื้อและแกะสัญชาติออสเตรเลียแล้ว ยังเพิ่มเติมด้วยความหลากหลายของประเภทอาหารมากขึ้น     งานนี้ทางร้านได้ราฟาเอล คินิโม เชฟชาวฝรั่งเศสมากฝีมือจากเมืองลียง (Lyon) ประเทศฝรั่งเศส มาช่วยครีเอทแนวคิดและเมนูอร่อยต่างๆ โดยในร้านบราสเซอรี่ไนน์จะมีอยู่ 3 องค์ประกอบหลักด้วยกัน ส่วนแรกเป็น The Brass บาร์ค็อกเทลนั่งชิลชิคๆ บรรยากาศสนุกเสิร์ฟอาหารนานาชาติ สำหรับใครที่อยากเปิดประสบการณ์การกินแบบพรีเมี่ยมต้องนี่ Le 9 ร้านอาหารฝรั่งเศสคลาสสิกฉบับ Fine Dining แพร์ริงกับไวน์ชั้นเลิศจากนานาประเทศที่สายกินตามหา       และสุดท้ายเป็นในส่วนของ Brasserie 9 ที่โดดเด่นด้วยอาหารฝรั่งเศสสไตล์เรียบง่ายและคุ้นเคย เข้ากันดีกับบรรยากาศสบายๆ สวนดอกไม้นานาพันธุ์ห้อมล้อมบ้านสีขาวหลังโตสไตล์โคโลเนียล ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีขาว-ดำ ตามผนังประดับด้วยรูปสถานที่สำคัญอันสวยงามของประเทศฝรั่งเศส มองแล้วทำให้เจริญอาหารยิ่งนัก       เรียกน้ำย่อยกันด้วย Saumon Fumé Maison (490 บาท) แซลมอนคุณภาพเนื้อสด ที่ส่งตรงมาจากประเทศนอร์เวย์ แร่เป็นชิ้นพอดีคำ รมควันหอมๆ ในแบบฉบับของร้าน รสเค็มละมุน เสิร์ฟคู่กับครีมชีสหอมมัน และผักสดชนิดต่างๆ     ตามมาติดๆ กับเมนูแสนอร่อยอย่าง Dover Sole Meunière (1790 บาท) ปลาโดเวอร์โซลชิ้นโตๆ จากประเทศฝรั่งเศส ทอดในน้ำมันน้อยๆ ให้หอม ได้สัมผัสเนื้อแน่นนุ่ม ฉ่ำใน เข้ากันดีกับซอสเนยสูตรลับของทางร้านในสไตล์ฝรั่งเศสแท้ๆ เสิร์ฟเคียงมันฝรั่ง และเบบี้แครอต     Cotelettes d'agneau (1300 บาท) ซี่โครงแกะชั้นดีสัญชาติออสเตรเลีย เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เนื่องจากผ่านกรรมวิธี Slow Cooking มิกซ์ไปกับความกรุบกรอบของ Pistachio Crust ราดซอสไวน์แดงรสกลมกล่อม เสริมทัพความอร่อยด้วยมันบดเนื้อเนียน และราตาตุย สตูผักรสต้นตำรับ อาหารคลาสสิกของประเทศฝรั่งเศส     ของหวานเป็น La Dernière Danse (320 บาท) เค้กช็อกโกแลตวาลาเยิ้มๆ รสเข้มข้น โดนใจคนรักช็อกโกแลตเป็นที่สุด เข้าคู่กันกับไอศกรีมวานิลลาโฮมเมด รสหวานมัน ดาร์กช็อกโกแลตรูปหอไอเฟลเก๋ไก๋ วิปครีม และเบอร์รีต่างๆ     เครื่องดื่มเป็น Berry Sparkle (195 บาท) ม็อกเทลสีแดงสวย รสเปรี้ยวอมหวานซาบซ่านี้ได้มาจากน้ำราสป์เบอร์รีสด ไซรัปทับทิม และน้ำโซดา     และค็อกเทลซิกเนเจอร์อย่าง Bon Vivant Negroni (350 บาท) เหล้าจิน คาเคานิบส์ เวอร์มุทสตรอว์เบอร์รี รวมเป็นรสชาติร้อนแรง เหมาะกับสายดื่มตัวจริง     ร้านก็สวยอาหารก็อร่อยจะมีอะไรดีไปกว่านี้ล่ะ

Tag:

กำลังมองหาช่วงเวลาพักผ่อนกับมื้ออาหารแบบจัดเต็มในวันหยุดสุดสัปดาห์กันอยู่หรือเปล่า? ห้องอาหาร Flow แห่งโรงแรม มิลเลนเนียม ฮิลตัน ได้กลับมาอีกครั้งพร้อมรูปโฉมใหม่ กับความสดใส สนุกสนาน และสเตชั่นอาหารปรุงสดใหม่ ๆ และยังบรรยากาศดีเหมือนเดิมด้วยวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่สุดแสนจะผ่อนคลาย         บอกได้เลยว่ามื้อสายวันอาทิตย์ที่ห้องอาหาร Flow ในคราวนี้จัดเต็มมาพร้อมกับ 16 สเตชั่นหลักให้เลือกกินอย่างละลานตา โดยมีสเตชั่นเด็ด ๆ ที่ห้ามพลาดคือ Premium Seafood on Ice อาหารทะเลนำเข้าสดใหม่จากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นปูอลาสกา กุ้ง หอย และหอยนางรมจาก Normandy และ Fin de claire ที่มีเชฟมาแกะให้บริการกันต่อหน้าแบบสด ๆ กันเลย และสำหรับใครที่ชื่นชอบปลาที่แล่กันสด ๆ ก็ต้องตรงไปที่ Whole Fish Live Cutting Demonstration ที่มีเชฟมาโชว์แล่ปลาทูน่าและปลาแซลมอนแบบทั้งตัว เลือกได้เลยว่าอยากชิมส่วนไหนเป็นพิเศษ           เอาใจสายฟัวกราส์กันบ้างกับ Unlimited Foie Gras Station ตับห่านที่ใช้การปรุงแบบ Pan-seared ปรุงสดใหม่แบบจานต่อจานสั่งได้ไม่อั้น และยังมาพร้อมกับ Castaing foie gras สัมผัสรสเนียนนุ่มที่มีให้เลือกถึง 4 ชนิด เลยทีเดียว ไม่ไกลกันนั้นก็เป็นสเตชั่น Spectacular Live Carving Station ที่พกพาเมนูมาอย่างหลากหลายหมุนเวียนไปในแต่ละอาทิตย์ เช่น เนื้อวากิวจากออสเตรเลีย โทมาฮอว์ค หรือกุ้งแม่น้ำ โดดเด่นด้วยวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมและ การเลือกใช้เตา Josper ซึ่งสามารถควบคุมอุณหภูมิในการย่างได้ตามความต้องการ ทำให้ทุกเมนูอร่อยขึ้นไปอีกขั้น               ต่อกันที่ Cold Cuts & Charcuterie Room จัดเต็มกับเนื้อดรายเอจหลากชนิด คัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพพรีเมียมโดย Juan Pedro Domecq และ Iberico Petra Negra ส่งตรงจากประเทศสเปน ส่วนห้องข้าง ๆ กันนั้นก็คือสวรรค์สำหรับคนรักชีส Cheese Library ที่คัดสรรชีสเด็ดๆ ทุกประเภทมากกว่า 14 ชนิด ทั้งชีสนำเข้าจากต่างประเทศและชีสที่ผลิตแบบโลคอลภายในประเทศไทย อย่างเช่น ชีสของโครงการหลวง ซึ่งมีกรรมวิธีการผลิตแบบ low carbon footprint เรียกได้ว่าอร่อยและยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย     สำหรับใครที่ชื่นชอบอาหารสไตล์เอเชียน ต้องแวะมาอีกมุมหนึ่งของห้องอาหารก็จะพบกับ Asian Specialties Corner เมนูสูตรเด็ดในแต่ละอาทิตย์ด้วยเมนูพิเศษจากเชฟหมุนเวียนมาให้ลิ้มลอง ทั้งอาหารไทยเมนูแนะนำคือ พะแนงเนื้อ จีนจัดเต็มทั้งหมูหัน หมูกรอบ  และอาหารอินเดียสูตรต้นตำรับจากเชฟชาวอินเดียแท้ๆ     และจุดที่เราขอยกให้เป็นทีเด็ดสุด ๆ ของมื้อสายวันอาทิตย์ของโรงแรม มิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ ก็คือ Dessert Theatre ขนมหวานสุดอลังการฝีมือรังสรรค์จาก เชฟ Urs Rohrbach, Chef de Pastry แห่งห้องอาหาร Flow จัดเต็มเมนูของหวานทั้งเค้ก ทาร์ต พาย และสารพันของหวานกว่า 20 รายการ โดยเฉพาะชีสเค้ก และเค้กช็อกโกแลตแบบฉบับมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ ที่ใคร ๆ ต่างก็รู้จัก นอกจากนี้ยังมีสเตชั่น Teppanyaki Ice Cream ที่สามารถเลือกไอศกรีมกับท็อปปิ้งมาผัดรวมกันได้ตามใจชอบ         ตลอดระยะเวลา 3 ชั่วโมงเต็ม นอกจากจะได้เต็มอิ่มกับอาหารนานาชาติสุดหลากหลายแล้ว ยังมีบทเพลงดนตรีสุดเพราะ ๆ ขับร้องโดยพืช ภาคิน The Voice เคล้าคลอไปพร้อม ๆ กัน   **พิเศษแพ็กเกจเครื่องดื่มไม่อั้น** 1,299 บาทสุทธิ/ ท่าน* ฟรีโฟลว์สปาร์คกลิงไวน์ ไวน์ สุรา เบียร์ ค็อกเทล น้ำผลไม้ น้ำอัดลม และน้ำแร่ 11.30 น. – 12.00 น. ให้บริการที่ ThreeSixty Jazz Lounge ชั้น 32 (ยกเว้นค็อกเทล) 12.00 น. – 15.00 น.  ให้บริการที่ห้องอาหาร Flow **สำหรับเดือนมกราคม 2565** OH MY Brunch! 2565 โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ ขอมอบของขวัญเริ่มต้นปีใหม่ ด้วย OH My Brunch! ราคาพิเศษตลอดเดือนมกราคม 2565 ราคา 1,799 บาทสุทธิ/ ท่าน  (จากราคาปกติ 2,200 บาท)   เมื่อซื้อบัตรกำนัลล่วงหน้าผ่านทาง LINE SHOPPING เท่านั้น http://bit.ly/LineMyShopMHB

Tag:

กลับมากับร้านใหม่ที่ย้ายเข้ามาในใจกลางซอยสุขุมวิท 36 มากขึ้น แต่ยัง “The Karaked” สาขานี้ยังคงคอนเซ็ปต์ความอร่อยแบบ “รสถึง เครื่องแน่น คุณภาพจัดเต็ม” เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือพื้นที่กว้างขวาง นั่งสบาย และจอดรถได้สะดวกมากขึ้น รวมทั้งการตกแต่งในสไตล์ยุโรปสุดเก๋ที่บอกเลยว่า แค่หน้าร้านก็ถ่ายรูปสวยปังทุกมุม     ที่นี่จัดเต็มทั้งอาหารไทยรสเข้มข้นจัดจ้านและของหวานสุดฮิตที่เจ้าของร้านย้ำว่า ทุกเมนูเป็นรสชาติที่ใช่ในสไตล์ของตัวเอง ซึ่งใช้แต่วัตถุดิบคุณภาพแบบไม่มีหวง เรียกว่าอิ่มอร่อยคุ้มค่าทุกคำ จะเป็นสายช่างกิน (หนัก) หรือคนรักคาเฟ่ก็ต้องโดนใจอย่างแน่นอน       มาถึงการะเกดสาขาแรกทั้งที เมนูเด่นห้ามพลาดมีทั้งผัดมาม่ากุ้งไข่กุ้งล้น เส้นมาม่าเหนียวนุ่มผัดคลุกเคล้ากับกุ้งตัวโตและซอสสูตรลับ พร้อมโรยหน้าไข่กุ้งจุใจเต็มจาน ต้มยำหมูสับ สูตรลับไม่ใส่น้ำพริกเผา แต่รสจัดจ้านกลมกล่อมหอมมะนาวแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม ที่สำคัญหมูสับแน่นทุกอณู และข้าวกะเพราหมูสับไข่ดอง หมูสับแน่นไม่แพ้จานไหน มาพร้อมไข่ดองน้ำปลา         ถ้ายังแซ่บไม่พอต้องต่อด้วยยำหมูบ้ายอ + ไข่แดงเค็มเต็มใบ ที่คัดหมูยอ กุ้งลวก และไข่เค็มอย่างดีมาผสมผสานน้ำยำรสจัดสะใจสไตล์การะเกด (เลือกใส่หรือไม่ใส่ปลาร้าได้ตามใจ) จะสั่งสตรอว์เบอร์รีโซดา เปรี้ยวหวานซ่าสดชื่น มาตัดรสชาติก็ยิ่งลงตัว       แล้วอย่าลืมสั่งขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา เมนูยอดนิยมอร่อยเด็ดด้วยแป้งบางนุ่มนวล ไส้ไข่เค็มลาวาหอมหวานกำลังดี กัดแล้วไส้ล้นฟินทุกคำ และแซนด์วิชโบราณ ที่รวมความอร่อยของขนมปังนุ่มๆ หมูหยอดอัดแน่น โบโลนาแฮมชิ้นโต และน้ำสลัดสูตรลับที่ร้านรับประกันว่าไม่มีใครเหมือนกลับไปอร่อยฟินที่บ้านกันต่อด้วยนะ    

Tag:

  ขอต้อนรับสู่ดินแดนแห่งโยเกิร์ต Yogurtland ร้าน Frozen Yogurt แบรนด์ดังจากแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกาที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Self-Serve ให้เราดีไซน์ถ้วยโปรดได้ด้วยตัวเอง เริ่มจากการโยเกิร์ต แล้วเลือกท็อปปิงที่มีให้เลือกแบบละลานตา จากนั้นนำไปชั่งน้ำหนักก็เป็นอันเรียบร้อย (ใครไม่อยากกินท็อปปิ้งก็เลือกกดเฉพาะโยเกิร์ตได้นะ)         โยเกิร์ตของ Yogurtland ทั้งหมดนำเข้าจากอเมริกาแบบควบคุมอุณหภูมิ รวมถึงใช้นมจากแคลิฟอร์เนียแบบ no-fat และ low-fat อร่อยและดีต่อสุขภาพสุดๆ แถมยังรสชาติไม่จำเจ เพราะเลือกได้ทั้งแบบ Tart คือรสออริจินัลและผลไม้รสเปรี้ยวที่ถูกใจคนรักโยเกิร์ตเป็นพิเศษ แบบที่ 2 คือแบบ Sweet เอาใจสายหวานทั้งรส New york Cheesecake, Salted Caramel,Brownie ฯลฯ และสุดท้ายคือ Sorbet รสชาติสดชื่นให้คนที่แพ้นมเพลิดเพลินได้จนหมดถ้วย       เราแนะนำรสเด่นอย่าง Plain Tart ไอศกรีมโยเกิร์ตรสออริจินัลที่จับคู่กับท็อปปิ้งตัวไหนก็เข้ากันดี Alphonso Mango Tart รสมะม่วงจากอินเดียที่นอกจากสีสวยแล้วยังเต็มไปด้วยรสเปรี้ยวหวานสดชื่น และ Salted Caramel Pecan หอมหวานคาราเมลเหมาะกับท็อปปิ้งอย่างโมจิเคี้ยวหนึบหนับและครัมเบิล ตักกินแล้วจะได้ 2 เลเยอร์คือไอศกรีมเย็นฉ่ำตามด้วยความกรุบกรอบ     นอกจากนี้ยังมีรสพิเศษตามฤดูกาลที่จะแวะเวียนมาโชว์โฉมให้ได้ชิมด้วย กินหมดแล้วอย่าลืมเก็บช้อนโยเกิร์ตสีสันสดใสกลับไปใช้ต่อที่บ้าน     น่ารักและย่อยสลายได้อีกด้วยนะ

Tag:

คนรักอาหารเช้าและเหล่าแฟนประจำของ Kay’s” ต้องตามไปเช็กอินสาขาใหม่ในซอยสุขุมวิท 49 ที่ครั้งนี้ขยับขยายมาในสไตล์ Restaurant เต็มรูปแบบให้อร่อยกันตั้งแต่เช้าจนค่ำในบรรยากาศแสนสบายด้วยแสงธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวกว้างขวาง โปร่งโล่ง น่านั่งชิลไปตลอดทั้งวัน         ไม่เพียงอาหารเช้าสไตล์ All Day Breakfast สูตรเด็ดจะมัดใจเราได้อยู่หมัดแล้ว สาขานี้ยังเติมความอร่อยอิ่มเอมทั้งมื้อบรันช์ยามสาย มื้อกลางวันสบายๆ และมื้อค่ำแสน ประทับใจฝีมือเชฟมากประสบการณ์ที่สร้างสรรค์แต่ละจานออกมาอร่อยเป็นเอกลักษณ์ ที่สำคัญใครอยากนั่งสังสรรค์ดื่มด่ำชมต้นมะกอกอายุมากกว่า 200 ปี กลางห้องกระจกของร้าน หรือเอนหลังรับลมเย็นๆ ในโซนเอาต์ดอร์ด้านนอก ที่นี่ยังมีคอกเทลบาร์รสเลิศ ทั้งแบบเบาๆ เบสจากชาและจัดเต็มสไตล์ Spirit Forward พร้อมเสิร์ฟในช่วงเย็นกันอีกด้วย เรียกว่าจะมาในช่วงเวลาไหนของวันก็เลือกได้ตามสไตล์       เราแนะนำ Breakfast Board เมนูอาหารเช้าเสิร์ฟบนกระดานไม้สุดเก๋ มีทั้งไข่ดาว เบคอนโฮมเมด แซลมอนรมควัน อะโวคาโด สลัดผัก โยเกิร์ตกราโนลา และขนมปังซาวร์โด และ Lobster Toast ขนมปังบริยอชโฮมเมดซิกเนเจอร์ของร้าน ท็อปด้วยล็อบสเตอร์เนื้อสดเด้งที่แสนจะเข้ากัน       หากยังไม่อิ่มลองสั่ง Scallop Salad สลัดผักนานาชนิด มาพร้อมหอยเชลล์เนื้อแน่นชิ้นโต หรือ Crab Arrabiata พาสต้าเส้นสดเหนียวนุ่มคลุกเคล้าซอสมะเขือเทศสไปซีสูตรเฉพาะและเนื้อปูจัดเต็ม       อย่าลืมปิดท้ายด้วย Ultimate French Toast เมนูของหวานยอดนิยมตลอดกาลที่ผสมผสานความอร่อยของขนมปังบริยอชกรอบนอกนุ่มใน กล้วยหอมชิ้นโต และครีมอัลมอนด์หอมหวาน โรยเบคอนเพิ่มความกรุบกรอบได้อย่างลงตัว หรือ Fruit basket Iced Tea ชาผลไม้หอมหวานแสนสดชื่นก็ช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี    

Tag:

พิกัดใหม่สำหรับการแวะมานั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ เคล้าแสงแดดยามเย็นในย่านเมืองเก่าพร้อมวิวริมคลองบางลำพู “Gaginang” (กากี่นั้ง) เป็นร้านที่เสิร์ฟอาหารจีนฮ่องกงรสชาติครบเครื่องเข้ากับบรรยากาศร้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์จีนได้อย่างน่าประทับใจ     ขึ้นชื่อว่าเป็นรูฟท็อป ก็ต้องใช้พลังขาในการเดินขึ้นบันไดไปถึงชั้น 4 เรียกเสียงหอบได้นิดหน่อยสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกแรง (แบบเรา) ที่นี่ต้อนรับทุกคนที่มาเยือนด้วยน้ำเก๊กฮวยเย็นสดชื่นแถมยังไม่หวานจนบาดคอ จิบได้อย่างเพลิดเพลิน เพียงแค่แป๊บเดียวก็ลืมความเหนื่อยไปเลย       คำว่า “กากี่นั้ง” นั้นหมายถึงความสัมพันธ์และมิตรภาพแบบ “คนกันเอง” และ 3 สิ่งที่อยู่ในร้านก็สามารถสะท้อนคำว่ากากี่นั้งออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ อย่างแรกคือ ‘ครอบครัว’ คนไทยเชื้อสายจีนซึ่งแสดงออกมาอย่างชัดเจนผ่านข้าวของประดับประดาร้านต่าง ๆ ซึ่งบางอย่างก็เป็นของสะสมประจำตระกูล เช่น บานประตูไม้แกะสลักและเก้าอี้ไม้สไตล์จีน อย่างต่อมาคือ มิตรภาพของชาวคราฟต์เบียร์ ที่ต้อนรับ ช่วยเหลือ และสนับสนุนกากี่นั้งอย่างอบอุ่นเมื่อเข้ามาเป็นหนึ่งในร้านที่นำเสนอเครื่องดื่มทางเลือกใหม่ฝีมือคนไทยผู้ประกอบการรายย่อยที่ล้วนมีฝีมือ และกากี่นั้งสุดท้ายคือคนรักชาวฮ่องกงผู้ส่งต่อและคิดค้นสูตรอาหารสไตล์ฮ่องกงขนานแท้แต่เพิ่มรสชาติให้คุ้นปากคนไทยมากขึ้น กลายเป็นเมนูเด็ดหลากหลายจานที่ค่อย ๆ ละเลียดกินไปเรื่อย ๆ คู่กับเครื่องดื่มที่ชื่นชอบ         เริ่มต้นด้วยของกินเล่นกรอบ ๆ เคี้ยวเพลินอย่าง ข้าวเกรียบกุ้ง ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำพริกเผาสำหรับจิ้มเพิ่มรสชาติ และ เกี๊ยวปลาท่าฉลอมทอด ที่ส่งตรงมาจากท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร ที่ให้รสชาติเนื้อปลาชัดเจน ถ้าอยากเพิ่มรสชาติก็มีน้ำจิ้มบ๊วยมาคู่กันด้วย     จากนั้นเข้าสู่อาหารจานหลัก เริ่มต้นด้วย หมูแดงสูตรฮ่องกงสูตรแดนนี่ทำเอง ที่ได้สูตรของเชฟร้าน Kwong Charsiu (คองชาซิว) จากจตุจักรมารังสรรค์ให้ จานนี้โดดเด่นด้วยหมูแดงส่วนสันคอชิ้มใหญ่หนานุ่ม หมักจนเข้าเนื้อ ไม่จำเป็นต้องพึ่งน้ำราดหมูแดง เสิร์ฟคู่กับคะน้าฮ่องกงให้กินคู่กัน     ต่อด้วย ผัดหมี่ฮ่องกง อาหารเส้นสูตรเด็ดที่ทางร้านเลือกใช้บะหมี่ไข่กุ้งของฮ่องกงมาผัดเข้ากับผักนานาชนิด ทำให้ได้กลิ่นหอม ๆ ของไข่กุ้งผสมผสานมาในทุกคำ     หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของร้านต้องยกให้กับ ไก่ทอดฉงชิ่ง ไก่ชุบแป้งทอดที่นำไปคั่วกับพริกฉงชิ่ง ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการทำหมาล่าและเหลือ จานนี้จึงได้รสชาติเค็มและเผ็ดจัดจ้านเลยทีเดียว     จานต่อมา มันฝรั่งเนื้อหั่นเต๋าผัดซอสพริกไทยดำ อีกเมนูที่ให้รสชาติจัดจ้านไม่แพ้กัน กินเพลินด้วยเนื้อกั่นชิ้นพอดีคำ คลุกเคล้าเข้ากับมันฝรั่งหั่นเต๋า ใส่พริกเข้าไปนิดหน่อยเพื่อเสริมรสเผ็ดทำให้กินเท่าไรก็ไม่เลี่ยน     ปิดท้ายด้วย หมึกทอกคั่วพริกเกลือสไตล์ฮ่องกง ที่ต้องบอกเลยว่ารสชาตินั้นจัดเต็มทั้งเผ็ดและเค็ม และก็เต็มปากเต็มคำไปกับปลาหมึกชิ้นใหญ่ คั่วเข้ากับพริก เหลือ และกระเทียม แบบที่ประทับใจตั้งแต่คำแรกที่กินเลยทีเดียว     ถ้าใครกำลังมองหาพิกัดชมพระอาทิตย์ยามเย็นไปพร้อม ๆ กับจิบเครื่องดื่มคู่กับแกล้ม รับรองว่ากากี่นั้งจะทำให้ประทับใจอย่างแน่นอน แต่ขอบอกก่อนว่าร้านจะเปิดแค่วันพฤหัสบดี-วันอาทิตย์ เท่านั้นนะ

Tag:

  เพราะเค้กจะเยียวยาทุกสิ่ง...ใครอยากลองกินเค้กที่ทั้งสวยและอร่อย อย่าพลาด Creamery ร้านขนมออนไลน์ฝีมือคุณส้ม กาญจนาวดี เจ้าของร้านสาวเก่งที่เล่าอย่างอารมณ์ดีว่า กว่าจะมาเป็นร้านออเดอร์แน่นเอี้ยดอย่างในตอนนี้ เธอเริ่มจากการทำขนมตามความชอบ ค่อยๆ หัดทำ ปรับสูตร และแบ่งปันคนใกล้ตัวชิมจนมาเป็นร้านขนมออนไลน์ (แบบจริงจัง)ในที่สุด เผลอแป๊บเดียวก็มาถึงปีที่ 5 แล้ว     ความเก๋ของร้าน Creamery คือขนมหน้าตาสวยงามประดับด้วยดอกไม้กินได้ดอกจิ๋ว เราชอบเค้กลอดช่องวัดเจษที่ขายดีสุดๆ ฉุดไม่อยู่ เนื้อเค้กชิฟฟอนใบเตยหอมละมุนสลับชั้นกับลอดช่องวัดเจษที่คุณส้มเคี่ยวกับกะทิอย่างดีและน้ำตาลมะพร้าว มีกะทิหลอดให้บีบลงไปก่อนกิน บอกเลยว่าฟินมาก         ส่วน Coconut Cake เค้กมะพร้าวก็เนื้อนุ่มเบามี ด้านบนมีเนื้อมะพร้าวอ่อนจากร้านเจ้าประจำนำมาเคี่ยวกับกะทิ และพลาดไม่ได้กับ Strawberry Souffle ซูเฟล่เนื้อเบานุ่มฟูมาพร้อมสตรอว์เบอร์รี่สดรสเปรี้ยวสดชื่น และ Butter Cake เนื้อเนียนในบ็อกซ์เซ็ตสุดน่ารัก     เหมาะแก่การซื้อฝากคนรู้ใจเป็นที่สุด   How to Order : สั่งขนมผ่าน FB : creamery2018 , IG : creamerybysom ,Line @sompunno สั่งจองล่วงหน้า 3-4 วัน ส่งผ่าน grab คิดค่าส่งตามระยะทาง หรือมารับด้วยตัวเอง (ย่านวิภาวดี)

Tag:

ชวนเหล่านักชิม ไปลิ้มรสความจัดจ้านเข้มข้นของอาหารเอเชียนสตรีทฟู้ด ที่ MHAN ร้านอร่อยจากจังหวัดเชียงใหม่ ที่มาเปิดบ้านหลังที่ 2 บนถนนพหลโยธิน ให้คนเมืองอย่างเราได้ตามไปเช็คอิน ฝากท้องยามหิวกันได้ตลอดวัน     ตัวร้านตกแต่งด้วยโทนสีขาวแดง ดูเรียบเท่ เข้าถึงง่าย เมื่อเดินเข้าไปด้านใน จะสะดุดตากับตัวอักษรภาษาจีนความหมายดีแซมอยู่บนผนังกระเบื้องร้านสีขาว และโซนห้องกระจกใสที่สามารถมองเห็นเชฟปรุงอาหาร เสมือนได้นั่งอยู่ในร้านอาหารสตรีทฟู้ดเก๋ๆ ที่มีกลิ่นอายความเป็นจีนผสมฮ่องกงเลยล่ะ       เรียกน้ำย่อยด้วย หมานฟรายส์ (119.-) เฟรนช์ฟรายส์ที่เปลี่ยนจากมันฝรั่งเป็นมะเขือยาวชุบแป้งทอด คลุกมากับซอสหวานสูตรพิเศษของทางร้าน หอมกรอบ เคี้ยวเพลิน     ต่อกันที่เมนูอิ่มท้อง หมี่หมานซีฟู้ด (169.-) เส้นราเมนเหนียวนุ่มผัดมากับซอสหมานสูตรพิเศษของร้าน รสเผ็ดหวาน เค็ม กินพร้อมซีฟู้ดเครื่องแน่นและไข่ออนเซนเยิ้มๆ อร่อยกลมกล่อม หรือจะเลือกเป็น ข้าวหน้าไก่ทอดซอสหมาน (149.-) ข้าวหอมนุ่มกินพร้อมไก่ทอดกรอบนอกฉ่ำใน ราดซอสหมานรสหวานกลมกล่อม         ตบท้ายด้วยของหวานอย่าง ทังหยวนไข่เค็ม (99.-) บัวลอยแป้งสีเหลืองสดใส เนื้อหนึบหนับ สอดไส้ไข่เค็มลาวา เสิร์ฟมาในนมสด หอมหวานมัน  

Tag:

ชี้เป้า Afternoon Tea เก๋ๆ ที่ Rendezvous ชั้น G โรงแรมแลนด์มาร์ค เหมือนยกต้นตำรับจากอังกฤษมาไว้ที่กรุงเทพฯ ล่าสุดปรับลุคสุดเอ็กคลูซีฟในโทนสีเข้ม เน้นโซฟาตัวใหญ่นั่งสบายและจัดเข้ามุมได้อย่างเป็นส่วนตัว เหมาะกับการชวนเพื่อนมานั่งเมาท์มอยอย่างออกรส  พร้อมสั่งชุด Afternoon Tea ที่นำพร็อพเก๋ๆ ชวนให้ระลึกถึงเมืองผู้ดีอังกฤษ ทั้งตู้โทรศัพท์และรถบัสแดงสไตล์อังกฤษที่พร้อมเคลื่อนขบวนความอร่อยที่มีทั้งเมนูคาวและหวานมาให้ละเลียดอย่างจุใจ       เมนูของคาว อาทิ Smoked Salmon Roll กลมกล่อมเต็มคำ กินแล้วอยากกินอีก Chicken Caesar Salad Roll  เนื้อไก่นุ่มฉ่ำในซอสสูตรเด็ด Pomelo and Crab Salad Cone สลัดปูและส้มโอ รสเปรี้ยวสดชื่น เสิร์ฟมาในโคนไซส์มินิ  เป็นต้น       ส่วนของหวาน อาทิ Salted Caramel Macaroon ถูกใจคนรักมาการอง เลือกกินกับแยมหรือคอตเทจชีสก็เข้ากันไปหมด Pistachios Financiers เนื้อสัมผัสหนึบนอกนุ่มใน ทำมาชิ้นใหญ่เต็มคำ เป็นใครก็เคี้ยวเพลิน อีกชิ้นที่เราชอบ Red Velvet Lamington เค้กเรดเวลเว็ท เนื้อนุ่มเบา รสหวานกำลังดี       ทุกเมนูจะเสิร์ฟมาเป็นคู่ เพื่อให้แชร์กันได้ไม่ต้องแย่งกัน นอกจากเมนูคาว-หวาน ยังมีเครื่องดื่มร้อนและเย็น เราเลือก ชาเอิร์ลเกรย์ เสิร์ฟในกาชงชาทำจากแก้ว กลิ่นหอมละมุน จิบคล่องคอ เข้ากันดีกับของว่างยามบ่าย และบรรยากาศแสนสบายของปลายหนาว     เพลินจนไม่อยากลุกกลับบ้าน!

Tag:

ยกให้เป็นหนึ่งในร้านครัวซองต์ที่พลาดไม่ได้เด็ดขาด สำหรับ Mikazuki ร้านครัวซองต์สไตล์ญี่ปุ่น ที่โดดเด่นด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบเกรดพรีเมียม นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และรังสรรค์ความอร่อยโดยเชฟชาวญี่ปุ่นมากประสบการณ์ ทำให้ได้ครัวซองต์ เนื้อกรอกนอกนุ่มใน ไส้ลาวาโฮมเมดอบสดใหม่วันต่อวัน โดยมีให้เลือกมากถึง 20 รสชาติ อาทิ       Snowy Custard Lava (69.-) รสนี้จะได้ความหอมมันละมุน จากนมเกรดพรีเมียม เข้ากันได้ดีกับแป้งครัวซองต์ ใครสายเบอร์รีต้องลอง Raspberry Panna Cotta Lava Croissant (79.-) ซอสราสป์เบอร์รีนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส ผสมกับครีมสดหอมมัน กินพร้อมแป้งครัวซองต์สูตรญี่ปุ่น อร่อยลงตัว       เมนูดาวเด่นยกให้ Classic Milo Croissant (69.-) จุดเด่นคือ ซอสลาวาที่ผสมผสานระหว่างไมโลและดาร์กช็อกโกแล็ต เข้มข้นถูกใจสายช็อกโกแลต หรือจะเลือกเป็น Salted Yolk Egg Lava Croissant (69.-) ครัวซองต์หอมมัน สอดไส้ไข่เค็มลาวา ที่ทางร้านเลือกไข่เค็มชั้นดีจากฟาร์มคุณภาพ โรยหน้าด้วยครัมเบิ้ลไข่เค็ม กินเพลิน       เราขอแนะนำ 2 รสชาติน้องใหม่ที่พลาดไม่ได้ คือ Strawberry Parfait Croissant (69.-) รสชาติหวานอมเปรี้ยวจากโยเกิร์ต ท็อปด้วยสตรอว์เบอร์รีกรอบ เคี้ยวเพลิน และ Tiramisu Croissant (59.-) หอมกลิ่นกาแฟเบาๆ หวานมัน กลมกล่อม       นอกจากนี้ สำหรับช่วงเทศกาลคริสต์มาส ทางร้านก็ได้ออกเซ็ตครัวซองต์ 3 รสชาติหน้าตาน่ารัก มาให้เราได้ลิ้มลอง Santa Claus (89 .-) ครัวซองต์ซานต้าคลอส เคลือบมาด้วยซอสราสป์เบอร์รี พานาคอตต้า รสเปรี้ยวอมหวานกินแล้วสดชื่น Rudolph (89 .-) ครัวซองต์กวางรูดอล์ฟ เคลือบด้วยซอสช็อกโกแลตเข้มข้น ตกแต่งด้วยเยลลี่รสสตรอว์เบอร์รี และ Christmas Tree (89 .-) ตัวนี้จะได้รสชาติของมัตฉะแท้เข้มข้น หวานปนขมอร่อยลงตัว     จะซื้อเป็นของฝาก หรือรับประทานเอง ก็ฟินไม่แพ้กัน   ช่องทางการสั่งซื้อ LINE ID : @MIKAZUKITH Delivery : LINEMAN, Grab, Robinhood

Tag:

ยกให้เป็นหนึ่งในร้านชาเขียวเดลิเวอรีคุณภาพดี ที่ชาวมัตฉะเลิฟเวอร์ต้องไม่พลาดสำหรับ Midori official ร้านชาเขียวโฮมเมด ที่มาพร้อมเมนูขนมหวาน และเครื่องดื่มสุดเข้มข้น อาทิ     Mr.Bush (150.-) มัตฉะนามะทิรามิสุ ที่ภายในแบ่งเลเยอร์มาแบบสวยงาม มัตฉะเลดี้ฟิงเกอร์หอมฉ่ำไซรัปกาแฟ สลับชั้นมากับมาสคาโปนชีสเนื้อเนียน ปิดทับด้วยผงชาเขียวเข้มข้น ท็อปด้วยไวต์ช็อกโกแลต กินพร้อมกันแล้วอร่อยลงตัวสุดๆ     Triple Cookies Set เซ็ตคุกกี้หน้าตาน่ารัก สำหรับช่วงเทศกาลคริสต์มาส แบ่งเป็น 3 รส คือ รส Uji Matcha สอดไส้ไวต์ช็อกโกแลต รส Red Velvet สอดไส้ครีมชีส หอมมัน และ รส Double Chocolate สอดไส้ช็อกโกแลตเข้มข้น กลมกล่อม     เครื่องดื่มของทางร้านเราได้ลองเป็น 01 The Den (120.-) มัตฉะลาเต้พรีเมียม รสอูมามิ หวานกำลังดี และ 03 The Reception (120.-) ชาเขียวโฮจิฉะ หอมกลิ่นใบชาคั่วอ่อน รสนุ่มนวล ละมุนดื่มง่าย     ช่องทางสั่งซื้อ Line: midori official IG: @midori.official_ Delivery : Grab, Robinhood, LINEMAN

Tag:

ใครที่กำลังมองหาของขวัญสุดพิเศษแทนใจในช่วงปีใหม่นี้ เค้กวุ้นดอกไม้และเหล่าเบเกอรี่จากร้าน The Sugary Art Desserts ตอบโจทย์แน่นอน เพราะนอกจากจะหน้าตาสวยงามชวนกินแล้ว รสชาติก็ยังหอมหวาน ใครได้ลิ้มลองเป็นต้องอิ่มเอมใจไปทั้งวัน     เริ่มด้วยเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน อย่าง Coconut Jelly วุ้นกะทิมะพร้าวน้ำหอมสูตรหวานน้อย ที่ทางร้านเลือกใช้สีจากธรรมชาติ ของผลไม้ อาทิ อัญชัน บีตรูต ฟักทอง ใบเตย มารังสรรค์เป็นดอกไม้ขึ้นอย่างประณีต หอมละมุน แถมแคลอรี ต่ำ ถูกใจสายหวานที่รักสุขภาพ       ต่อด้วย Apple Crumble ครัมเบิลกรอบนอกหนึบใน หอมกลิ่นเนย เข้ากันได้ดีกับซอสแอปเปิลสูตรพิเศษ รสเปรี้ยวอมหวาน เพิ่มความหอมด้วยชินนามอน ไม่ว่ากัดตรงไหนก็จะได้รสสัมผัสของแอปเปิลเต็มคำ     อีกตัวคือ Coconut Pie with Flower Cookies แป้งพายกรุบกรอบกินพร้อมซอสมะพร้าว ที่ผสมเนื้อและน้ำมะพร้าวน้ำหอมมาแบบเต็มปากคำ ด้านบนตกแต่งด้วยคุกกี้เนยสดรูปดอกไม้ น่ารับประทาน หอมหวาน กินเพลิน       ช่องทางสั่งซื้อ FB: http://m.me/Thesugarysweet Line: @thesugary IG: the.sugary

Tag:

บรรยากาศดีแบบนี้ใครมองหาร้านอาหารบนดาดฟ้ารับลมเย็น พร้อมวิวสวยของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงมาที่ 342 Bar ซอยวัดฆังฯ ได้เลย       342 Bar บาร์สวยบรรยากาศดีตั้งอยู่ชั้นบนของร้านต้นมะกอก ตกแต่งโทนสีน้ำเงินเข้มเข้ากับท้องฟ้าและสายน้ำ ในร้านมีที่นั่งทั้งแบบเอาท์ดอร์ รับลมห่มฟ้าได้แบบไม่มีอะไรกั้น หรืออยากจะนั่งแบบมีหลังคากั้นก็มีโซฟาให้เลือกหลายมุม       บรรยากาศยามเย็นชวนให้สั่งเครื่องดื่ม และอาหารมาแกล้มให้ครื้นเครง เริ่มจากเมนูที่ทุกคนต้องชอบคือ Grilled Sausage with Mashed Patato ไส้กรอกรวมย่าง ที่ใช้ไส้กรอกคุณภาพดีทำจากเนื้อหมูบดหยาบและละเอียดผสมกัน ใส่เครื่องเทศสูตรพิเศษตำรับเยอรมัน ให้กลิ่นหอมชวนกิน เสิร์ฟพร้อมมันบดเนื้อเนียนนุ่ม     อีกจานที่สายเนื้อต้องเน้นคือ BBQ Pork Ribs ซี่โครงหมูบาร์บีคิว ที่ย่างและรมควันนานกว่า 6-8 ชั่วโมง จนมีกลิ่นหอม เนื้อซี่โครงนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมเฟรนช์ฟราย และซอสบาร์บีคิวรสเข้มข้น     ส่วนสาวๆ ลองสั่งเมนูรสแซ่บอย่าง Spicy Green Salad with Salmon สลัดแซลมอนสุดแซ่บ ใช้เนื้อปลาแซลมอนจากประเทศชิลีสีส้มสวย ไขมันต่ำ ผักสลัดสดกรอบ และน้ำสลัดรสจิ๊ดจ๊าดเปรี้ยว เผ็ด     จานสุดท้ายเต็มอิ่มกับพาสตา Squid Ing Spaghetti A.O.P. สปาเก็ตตีเส้นหมึกดำผัดแห้งใส่พริก กระเทียม น้ำมันมะกอก กับซีฟู้ดอย่างหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้งจากสุราษฎร์ธานี และปลาหมึกกล้วยจากจังหวัดสมุทรสาคร เนื้อแน่นหวาน     ใครอยากนั่งริมระเบียงวิวดี แนะนำให้โทรจอง!

Tag: