หากินที่ไหนไม่ได้ ต้องทำเอง เค้กไข่เนื้อนุ่มๆ สีเหลืองจากเนื้อฟักทองนึ่งสุก สีเหลืองธรรมชาติ มีเนื้อฟักทองกระจายทั่วชิ้นเค้ก ส่วนผสม (จำนวน 9 ชิ้น) ไข่ไก่เบอร์สอง 4 ฟอง ฟักทองนึ่งสุก 3/4 ถ้วย แป้งเค้ก 3/4 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา กะทิ 1/4 ถ้วย น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา วิธีทำ ตอกไข่ใส่ชาม แยกไข่แดงไข่ขาว ชามไข่แดงใส่เนื้อฟักทองนึ่ง กะทิ น้ำมัน แป้งเค้ก และเกลือ คนให้เข้ากัน พักไว้ ชามไข่ขาวใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ ตีให้พอเข้ากัน ค่อยๆ ใส่น้ำตาล ตีต่อจนขึ้นฟูและหมดน้ำตาล ไข่ขาวเป็นโฟมอยู่ตัว ตักส่วนผสมไข่ขาวใส่ชามไข่แดง ตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากัน เทส่วนผสมไข่แดงลงในชามไข่ขาวที่เหลือ ตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากันทั่ว เทใส่ถาดอบที่รองด้วยกระดาษรองอบ เกลี่ยให้ทั่ว นำถาดขนมใส่ลงในถาดน้ำร้อน นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เวลา 45-50 นาทีจนสุก ปิดไฟ เปิดฝาเตาอบเล็กน้อยให้คลายความร้อน พักไว้ให้เย็น ตัดเป็นชิ้น จัดใส่จานเสิร์ฟ

ชิฟฟอนเนื้อนุ่มๆฟูๆ สอดไส้ครีมรสหวานเบาละมุน กลมกล่อมกินเพลิน ส่วนผสม (ทำได้ 9-10 ชิ้น) แป้งเค้ก 3/4 ถ้วย น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ นมสดรสจืดอุ่นๆ 1/4 ถ้วย ผงฟู 1/4 ช้อนชา ไข่แดงเบอร์หนึ่ง 3 ฟอง เกลือป่น 1/4 ช้อนชา กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา ไข่ขาวเบอร์หนึ่ง 3 ฟอง ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/4 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย วิปปิงครีม 1 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ผสมแป้งเค้ก ผงฟู  นมสดอุ่น เกลือ กลิ่นวานิลลา ไข่แดง และน้ำมันพืช คนให้เข้ากันทั่ว พักไว้ ตีไข่ขาวพอเป็นฟองหยาบๆ ใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ ตีต่อจนเป็นฟองละเอียด ค่อยๆ ใส่น้ำตาล ตีต่อจนน้ำตาลละลายหมด และไข่ขาวอยู่ตัวตั้งยอด ตักส่วนผสมไข่ขาวใส่ในแป้ง ตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์คัปเค้ก นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 165 องศาเซลเซียส เวลา 20-25 นาทีจนสุกเหลือง ตีวิปปิงครีมกับน้ำตาลไอซิงเข้าด้วยกันจนอยู่ตัว เจาะคัปเค้กตรงกลาง โรยน้ำตาลไอซิงเล็กน้อยให้ทั่ว บีบวิปครีมใส่ตรงกลาง       

คอร์นเบรด (Cornbread) เป็นขนมปังประเภท Quick Bread ชนิดหนึ่ง เนื้อขนมปังจะเป็นแบบที่คนสมัยนี้เรียกว่า “ปังสายฝอ” คือร่วนนิดๆ แข็งหน่อยๆ เหมือนเพื่อนร่วมสายเดียวกันที่ป้าเจี๊ยบชอบทำคือ โซดาเบรด (Soda Bread) ซึ่งเคยบอกวิธีทำไปแล้ว ปังจำพวกนี้กินอิ่มท้องมากค่ะ นิยมกินกับซุปหรือสตู   ป้าเจี๊ยบรู้จักคอร์นเบรดสมัยที่เรียนอยู่เท็กซัสค่ะ เป็นอาหารประจำถิ่นเลยก็ว่าได้ ไม่เคยกินคอร์นเบรดของที่อื่น กินแต่เท็กซัสคอร์นเบรด ซึ่งเพื่อนเท็กซัสบอกว่าต่างจากที่อื่นตรง “ไม่ใส่น้ำตาล”   ตั้งแต่เรียนจบมาสามสิบกว่าปี ไม่ได้กินอีกเลย ถือว่านานจัด!   และแล้วป้าเจี๊ยบไปเที่ยวทะเลประจวบคีรีขันธ์ แวะเที่ยวโน่นนี่นั่นจนไปถึงด่านสิงขร เดินชมตลาดชายแดน พลันสายตาเหลือบเห็นกระทะทาจีน (Tagine) สไตล์โมร็อกโกที่ตามหามานาน ตัวกระทะเป็นเหล็กหล่อ (Cast Iron Skillet) ขนาด 8 นิ้ว ส่วนฝาเป็นเซรามิกสีขาวลายเขียว สุดแสนดีใจ รีบซื้อโดยไม่ลังเล กลับมาถึงบ้านจัดการเผากระทะให้พร้อมใช้งาน   ป้าเจี๊ยบอยากทำอาหารโมร็อกโกด้วยทาจีนค่ะ แต่กระทะเหล็กหล่อทำให้นึกถึงคอร์นเบรดขึ้นมาซะงั้นเพราะเท็กซัสคอร์นเบรดของแท้ดั้งเดิมต้องอบด้วยกระทะเหล็กหล่อเท่านั้น หุหุ   อยากกินก็ต้องทำสิคะ วัตถุดิบสำคัญที่รีบจัดการหามาคือแป้งข้าวโพดแบบที่เรียกว่า คอร์นมีล (Cornmeal) หรือโพเลนตา (Polenta) ซึ่งเป็นเนื้อข้าวโพดบดหยาบๆ สีเหลืองๆ เมื่อได้มาแล้วป้าเจี๊ยบทำกินเป็นอาหารเช้าทันทีค่ะ เพราะส่วนผสมอย่างอื่นมีอยู่แล้ว   เริ่มด้วยการเตรียมชามแห้ง มีคอร์นมีล 1 ถ้วยตวง แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วยตวง ผงฟู 1/2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1/2 ช้อนชา ร่อนรวมกันด้วยตะแกรงแล้ววางพักไว้ เปิดเตาอบเตรียมไว้ที่ปุ่มความร้อน 190 องศาเซลเซียส หรือ 375 องศาฟาเรนไฮต์ ปุ่มไฟบน-ล่าง   จากนั้นลงมือทำชามเปียกด้วยการใช้ตะกร้อมือตีไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟอง น้ำมันคาโนล่า 1/2 ช้อนโต๊ะ นมสดรสจืด 1/2 ถ้วยตวงจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี นำไปเทลงในชามแห้ง ใช้พายซิลิโคนตะล่อมส่วนผสมแค่พอให้เข้ากัน ใส่นมสดรสจืด 1/2 ถ้วยตวงเพิ่มลงไป แล้วคนตะล่อมแค่พอให้เข้ากันอีกครั้ง ที่ไม่คนนานๆ เพราะเกรงว่าขนมปังจะไม่ขึ้นฟูค่ะ วางพักไว้   ป้าเจี๊ยบใส่น้ำมันคาโนล่า 1 ช้อนโต๊ะ และเนยสดรสจืด 1/2 ช้อนโต๊ะลงในกระทะเหล็กหล่อ ยกขึ้นตั้งบนเตาไฟ คนเนยให้ละลายเข้ากับน้ำมัน รอจนร้อนมีควันขึ้นจึงเทส่วนผสมในชามเปียกลงในกระทะ ใช้พายซิลิโคนเกลี่ยให้เสมอกัน แล้วยกเข้าเตาอบ ตั้งปุ่มเวลา 30 นาที   ระหว่างรอป้าเจี๊ยบชงกาแฟ เตรียมเนยแท้และน้ำผึ้งออกมาไว้สำหรับราดคอร์นเบรด แล้วทำเครื่องเคียงง่ายๆ เพิ่มนิดหน่อย มีไข่คน เบคอน มะเขือเทศย่าง อิอิ   ติ๊ง! ครบเวลา...ได้เท็กซัสคอร์นเบรดสีน้ำตาลทองหอมฉุย เป็นเช้าที่รู้สึกว่าตัวเองอายุย้อนกลับไปสามสิบกว่าปี ฮา!  

ขนมปังสุขภาพอย่างขนมปังข้าวโอ๊ต เพิ่มกากใยจากข้าวโอ๊ตในขนมปัง ทำกินเองได้ง่ายๆ ด้วย 3 ขั้นตอน แค่นี้เราก็มีขนมปังอร่อยๆ เก็บไว้กินกับชาและกาแฟได้ ส่วนผสม (สำหรับ 10 ชิ้น)                                             ข้าวโอ๊ต 50 กรัม                              น้ำร้อน 1/2 ถ้วย                              ไข่ไก่ 1 ฟอง                              เนยสดเค็มละลาย 50 กรัม                              น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ                        ยีสต์ผง 2 ช้อนชา                          แป้งขนมปัง 250 กรัม                              เกลือป่น 1/4 ช้อนชา วิธีทำ แช่ข้าวโอ๊ตกับน้ำร้อน พักไว้ 15 นาทีจนข้าวโอ๊ตนิ่ม ผสมแป้งขนมปัง น้ำตาล เกลือ และยีสต์ผงเข้าด้วยกัน ใส่ข้าวโอ๊ตที่แช่น้ำร้อนไว้ ใส่ไข่ไก่ นวดให้พอเข้ากัน ใส่เนยสด นวดต่อจนแป้งเข้ากันและไม่มีผงแป้ง  พักแป้งไว้ 45 นาทีจนขึ้นเป็น 2 เท่า นำแป้งโดมานวดไล่อากาศ โรยแป้งนวล ตัดแป้งโดเป็นก้อนเล็ก 10 ก้อนเท่าๆ กัน คลึงให้กลม พักแป้งไว้ 10 นาที นำแป้งที่พักแล้วมาคลึงให้เป็นแผ่นกว้างตามความยาวของพิมพ์ ม้วนให้เป็นแท่ง เก็บริมแป้ง แล้ววางลงในพิมพ์ให้ริมแป้งอยู่ด้านล่าง   พักแป้งโดอีกครั้งประมาณ 15 นาทีจนขึ้นเป็น 2 เท่า ทาหน้าขนมด้วยไข่แดงผสมนมสดให้ทั่ว โรยข้าวโอ๊ต นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส  เวลา 15-18 นาทีจนสุกเหลือง ยกออกจากเตา ทาหน้าด้วยเนยให้ทั่ว

ฮาโลวีนปีนี้ มาทำคุกกี้หลอนๆ แบบน่ารักๆ กินกัน ทำเก็บไว้กินก็ได้ ทำตามสูตรนี้ “คุกกี้พีนัต” ไม่ผิดหวังแน่นอน แถมอร่อยถูกใจ ส่วนผสม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 250 กรัม เนยสดรสเค็ม 120 กรัม เนยถั่ว 1/4 ถ้วย น้ำตาลทรายขาวเม็ดละเอียด 1/3 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย เกลือป่น 1/8 ช้อนชา ผงฟู 1/2 ช้อนชา ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 1 ฟอง ช็อกโกแลตละลาย, ช็อกโกแลตกลม, ลูกตาน้ำตาล วิธีทำ ตีเนยสดกับเนยถั่วเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว และเกลือ ตีต่อให้เข้ากันจนเป็นครีม ใส่ไข่ไก่ตีต่อให้เข้ากัน ใส่แป้งสาลี และผงฟู ตีให้เข้ากัน ปั้นเป็นก้อนกลมเรียงใส่ถาด กดให้แบนเล็กน้อย นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 15-17 นาทีจนสุก บีบช็อกโกแลตเป็นเส้นทำเป็นขาแมงมุมและสำหรับวางช็อกโกแลตกลม ติดลูกตาน้ำตาล พักไว้จนช็อกโกแลตแข็งตัว

“ยายเจี๊ยบ”   ใช่ค่ะ...ป้าเจี๊ยบเป็นยายแล้ว ตั้งแต่น้องแพรมีลูกชายมาให้เป็นเพื่อนเล่น  ป้าเจี๊ยบตั้งชื่อจริงให้ว่า “คชา” น้องแพรตั้งชื่อเล่นว่า “พีแคน”   ยายกับหลานติดกันเป็นตังเมสิคะ ครั้งหนึ่งพีแคนเคยได้ยินน้องแพรบ่นป้าเจี๊ยบว่าอย่าตามใจพีแคนมาก ป้าเจี๊ยบตอบไปว่า “เด็กทุกคนควรมียายไว้ตามใจนะ”  พอหันไปถามพีแคนว่ามียายไว้ทำไม พีแคนตอบทันทีว่า “มีไว้ตามใจพีแคน”...ฮา   ปีนี้พีแคนอายุครบ 5 ปีค่ะ ทักษะทางภาษาดีมาก ใช้คำศัพท์ยากๆ ได้ถูกกาลเทศะ เพราะยายพูดคุยด้วยภาษาปกติของยาย ถ้าไม่เข้าใจพีแคนจะถามเองว่าคำนั้นคืออะไร ป้าเจี๊ยบก็อธิบายและยกตัวอย่างให้ฟัง   ก่อนจะถึงวันเกิดป้าเจี๊ยบถามว่า “พีแคนอยากได้เค้กวันเกิดแบบไหนครับ”   เด็กน้อยของยายมาแปลก ไม่พูดไม่จา หยิบบล็อกไม้มาต่อ วางซ้อนกันเป็นทรงอาคารสูง 3 ชั้น หยิบชิ้นเลโก้เสาธงวางไว้บนสุด แล้วบอกยายสั้นๆ “เอาแบบนี้ครับ” เอิ่ม ยายก็ต้องหาวิธีทำให้ได้สินะ หุหุ   ป้าเจี๊ยบไม่ถามว่าอยากได้เค้กอะไรเพราะพีแคนไม่กินเค้ก ชอบกินช็อกโกแลต ขมๆ ก็กินได้ ชอบเป็นพิเศษคือบราวนี่ แต่ต้องไม่หวาน ไม่มีอัลมอนด์หรือวอลนัตผสมอยู่ด้วย ป้าเจี๊ยบคิดว่าบราวนี่กึ่งคุกกี้น่าจะเหมาะสำหรับทำเป็นเค้กแบบที่พีแคนต้องการ ทำช็อกโกบาร์สิคะ   ป้าเจี๊ยบเตรียมชามแห้งมีแป้งสาลีอเนกประสงค์ (ร่อนแล้ว) 1/4 ถ้วยตวง  โกโก้ผง 1/4 ถ้วยตวง ผงฟู 1/4 ช้อนชา ใช้ตะกร้อมือคนๆ ให้เข้ากันดี   ทำชามเปียกโดยใช้ตะกร้อมือตีไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟองกับน้ำตาลทรายแดง (ร่อนแล้ว) 1/2 ถ้วยตวงจนน้ำตาลละลาย ใส่เนยแท้รสเค็ม (ละลาย) 1/4 ถ้วยตวงลงไปตีต่อให้เข้ากัน   จากนั้นเทชามแห้งพร้อมกับช็อกโกแลตชิปกึ่งหวาน 1/2 ถ้วยตวงลงไปในชามเปียก ใช้พายซิลิโคนตะล่อมไปเรื่อยๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน เทลงถาดสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดประมาณกว้าง 5 นิ้ว ยาว 7 นิ้ว ปูกระดาษรองอบไว้แล้ว ใช้พายเกลี่ยให้ผิวหน้าเรียบเสมอกัน ยกถาดกระแทกเบาๆ กับผิวโต๊ะ 2-3 ครั้ง นำเข้าเตาอบ ซึ่งตั้งปุ่มความร้อนไว้ 160 องศาเซลเซียส ปุ่มไฟบน-ล่าง ปุ่มเวลา 15 นาที   เมื่อได้ยินเสียงติ๊ง ป้าเจี๊ยบยกถาดออกมาวางให้เย็นสนิท นำไปพักไว้ในตู้เย็น 1 ชั่วโมง แล้วนำออกมาวางบนโต๊ะ ยกกระดาษรองอบขึ้น ใช้มีดพลาสติกตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมผืนผ้าลักษณะเดียวกับบล็อกไม้ของพีแคน ป้าเจี๊ยบจะสร้างแค่ 2 ชั้น นับดูแล้วต้องใช้ 18 ชิ้น จึงตัดด้านกว้าง 3 แถว ด้านยาว 6 แถว ได้ 18 ชิ้นพอดี   ขณะที่กำลังจะนำช็อกโกบาร์มาขึ้นรูป พีแคนเดินเข้ามาในครัวถามว่ากินได้มั้ย ป้าเจี๊ยบให้เลยค่ะ เพราะพีแคนเป็นเด็กที่กินยาก กินให้ก็ดีแล้ว ฮ่าๆ พอเริ่มตั้งเสา พีแคนกลับมาอีก ขออีกชิ้น เห็นหน้าแล้วปฏิเสธไม่ลง ยิ้มตาหยีถือช็อกโกบาร์ชิ้นที่สองเดินออกไป   ป้าเจี๊ยบเหลือช็อกโกบาร์แค่ 16 ชิ้น ต่อเสร็จก็พบว่าบล็อกช็อกโกบาร์ไม่แข็งแรงเหมือนบล็อกไม้ โครงสร้างจึงโย้เย้ พยายามอยู่ 3-4 รอบ ปรับเปลี่ยนการวางเพื่อจัดตั้งให้ตรง ใช้ไม้จิ้มฟันยึดก็ไม่สำเร็จ เครียดเลยค่ะ   พอพีแคนกลับเข้ามาเยี่ยมๆ มองๆ อีกป้าเจี๊ยบบอกว่า “ยายพยายามตั้งให้ตรง แต่มันไม่เหมือนของพีแคนทำไงดีล่ะ” “แบบนี้ก็ได้ครับ” เฮ้อ! ได้ยินแล้ว ยายขอกอดแน่นๆ โล่งอกไปที   จัดงานเลี้ยงวันเกิดให้พีแคนเสร็จ ป้าแจงส่งรูปถ่ายของพีแคนกับเค้กวันเกิดไปอวดเพื่อนๆ ปรากฏว่าป้าจิ๋ม-ศรีศัย วิศรุตเวช มีหลานยายชื่อนีโอ เกิดหลังพีแคนหนึ่งวัน ส่งข้อความมาขอทำตามแบบนี้บ้าง ป้าเจี๊ยบตอบว่ายินดีสิคะ   ป้าจิ๋มใช้บราวนี่อัลมอนด์ที่ตัวเองทำขาย ชิ้นเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ต่อกันแล้วแข็งแรงกว่าของป้าเจี๊ยบ   อย่างไรก็ดี จะโย้เย้หรือตั้งตรง เด็กน้อยทั้งสองก็ปลื้มเค้กวันเกิดที่คล้ายปราสาทศิลาแลงโบราณนี้มากมาย   

ผสมแป้งคุกกี้ครั้งเดียวสามารถทำคุกกี้น่ารักรูปผลไม้ได้หลากหลายรูปทรง เพื่อให้คุกกี้น่ากินมากขึ้น ส่วนผสมแป้งคุกกี้ เนยสดรสเค็ม 450 กรัม น้ำตาลไอซิง 360 กรัม เกลือป่น 1 ช้อนชา ไข่ไก่ 3 ฟอง กลิ่นวานิล 2 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 900 กรัม วิธีทำ ตีเนยสดกับน้ำตาลไอซิงและเกลือเข้าด้วยกัน พอให้เนยเปลี่ยนสี ใส่ไข่ไก่และกลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากัน ใส่แป้งสาลี ตีให้เข้ากัน แบ่งเป็นก้อน ห่อด้วยพลาสติกใส แช่เย็นไว้ คุกกี้พีช (Peach Cookies) ส่วนผสม แป้งคุกกี้ 300 กรัม เนยสดรสเค็ม 20 กรัม      สีผสมอาหารสีส้ม สีผสมอาหารสีชมพู น้ำตาลทรายขาวสำหรับคลุก ส่วนผสมไส้ ครีมชีส 150 กรัม น้ำตาลไอซิง 1/4 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา วิธีทำ ผสมแป้งคุกกี้กับเนยสดให้เข้ากัน แบ่งแป้งปั้นเป็นก้อนกลมๆ ขนาดพอดีคำ เรียงใส่ถาดอบ กดให้แบนเล็กน้อย นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เวลา 12-15 นาทีจนสุกหอม พักไว้ให้เย็น ผสมครีมชีสกับน้ำตาลไอซิง คนให้เข้ากันจนเป็นครีม ใส่กลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน นำคุกกี้มาคว้านเนื้อออกที่ส่วนท้ายของขนม พักไว้ ผสมสีชมพูและสีส้มกับน้ำเปล่า โดยผสมถ้วยละสี นำคุกกี้ที่คว้านเนื้อออกแล้วมาชุบสี ในหนึ่งชิ้นชุบส้มและสีชมพู คลุกน้ำตาลให้ทั่ว เรียงใส่ถาดโดยหงายเอาด้านที่คว้านเนื้อขึ้น บีบไส้ครีมชีสใส่ แล้วประกบคุกกี้ 2 ชิ้นให้ติดกัน เรียงใส่จานเสิร์ฟ

ผสมแป้งคุกกี้ครั้งเดียวสามารถทำคุกกี้น่ารักรูปผลไม้ได้หลากหลายรูปทรง เพื่อให้คุกกี้น่ากินมากขึ้น ส่วนผสมแป้งคุกกี้ เนยสดรสเค็ม 450 กรัม น้ำตาลไอซิง 360 กรัม เกลือป่น 1 ช้อนชา ไข่ไก่ 3 ฟอง กลิ่นวานิลา 2 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 900 กรัม วิธีทำ ตีเนยสดกับน้ำตาลไอซิงและเกลือเข้าด้วยกัน พอให้เนยเปลี่ยนสี ใส่ไข่ไก่และกลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากัน ใส่แป้งสาลี ตีให้เข้ากัน แบ่งเป็นก้อน ห่อด้วยพลาสติกใส แช่เย็นไว้ คุกกี้แตงโม (Watermelon Cookies) ส่วนผสม แป้งคุกกี้ 490  กรัม สีผสมอาหารสีเขียวแอปเปิล สีผสมอาหารสีแดง ช็อกโกแลตชิป วิธีทำ  แบ่งแป้งคุกกี้เป็น 3 ก้อน ก้อนแรกน้ำหนัก 250 กรัม ก้อนที่ 2 น้ำหนัก 120 กรัม และก้อนที่ 3 น้ำหนัก 120 กรัม ผสมแป้งก้อนที่ 1 กับสีแดงให้เข้ากัน นำไปแช่เย็นไว้ ผสมแป้งก้อนที่ 2 กับสีเขียวให้เข้ากันนำไปแช่เย็นไว้ แป้งก้อนที่ 3 เป็นแป้งสีขาวไม่ต้องผสมสี รีดแป้งสีเขียวให้เป็นแผ่นหนา 0.3 เซนติเมตร พักไว้ แล้วรีดแป้งสีขาวให้เป็นแผ่นบางเท่าสีเขียว นำแป้งสีขาวมาประกบแป้งสีเขียวแล้วตัดขอบให้เสมอกัน นำแป้งสีแดงมาคลึงเป็นแท่งยาวเท่าความยาวของแป้งสีขาวและสีเขียว แล้วม้วนให้แป้งติดกัน ห่อด้วยพลาสติกใส แช่เย็นไว้จนแป้งคุกกี้แข็ง นำแป้งคุกกี้มาหั่นตามขวางหนา 0.5 เซนติเมตร เรียงใส่ถาดสำหรับอบ ติดด้วยช็อกโกแลตชิป และบางส่วนนำแป้งวงกลมมาหั่นครึ่ง เรียงใส่ถาดอบ ติดด้วยช็อกโกแลตชิป นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เวลา 12-15 นาทีจนสุกหอม พักไว้ให้เย็น

ผสมแป้งคุกกี้ครั้งเดียวสามารถทำคุกกี้น่ารักรูปผลไม้ได้หลากหลายรูปทรง เพื่อให้คุกกี้น่ากินมากขึ้น ส่วนผสมแป้งคุกกี้ เนยสดรสเค็ม 450 กรัม น้ำตาลไอซิง 360 กรัม เกลือป่น 1 ช้อนชา ไข่ไก่ 3 ฟอง กลิ่นวานิลา 2 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 900 กรัม วิธีทำ ตีเนยสดกับน้ำตาลไอซิงและเกลือเข้าด้วยกัน พอให้เนยเปลี่ยนสี ใส่ไข่ไก่และกลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากัน ใส่แป้งสาลี ตีให้เข้ากัน แบ่งเป็นก้อน ห่อด้วยพลาสติกใส แช่เย็นไว้ คุกกี้กีวี (Kiwi Cookies) ส่วนผสม แป้งคุกกี้ 490 กรัม สีผสมอาหารสีเขียวแอปเปิล งาดำ วิธีทำ แบ่งแป้งคุกกี้เป็น 2 ก้อน ก้อนแรกน้ำหนัก 300 กรัม ก้อนที่ 2 น้ำหนัก 80 กรัม ผสมแป้งก้อนที่ 1 กับสีเขียวให้เข้ากัน นำไปแช่เย็นไว้ แป้งก้อนที่ 2 เป็นแป้งสีขาวไม่ต้องผสมสี คลึงแป้งสีเขียวให้เป็นแผ่นหนาประมาณ 1 นิ้ว กว้าง 4 นิ้ว และยาว 8 นิ้ว พักไว้ นำแป้งสีขาวมาคลึงเป็นแท่งยาววางบนแป้งสีเขียวแล้วม้วนให้แน่น คลึงเบาๆ ให้เป็นแท่งทรงรี ห่อด้วยพลาสติกใส แช่เย็นไว้จนแป้งคุกกี้แข็ง นำแป้งมาหั่นตามขวางหนา 0.5 เซนติเมตร เรียงใส่ถาดอบ แล้วติดงาดำรอบๆ แป้งสีขาว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เวลา 12-15 นาทีจนสุกหอม พักไว้ให้เย็น

ผสมแป้งคุกกี้ครั้งเดียวสามารถทำคุกกี้น่ารักรูปผลไม้ได้หลากหลายรูปทรง เพื่อให้คุกกี้น่ากินมากขึ้น ส่วนผสมแป้งคุกกี้ เนยสดรสเค็ม 450 กรัม น้ำตาลไอซิง 360 กรัม เกลือป่น 1 ช้อนชา ไข่ไก่ 3 ฟอง กลิ่นวานิลา 2 ช้อนชา แป้งสาลีอเนกประสงค์ 90 กรัม วิธีทำ ตีเนยสดกับน้ำตาลไอซิงและเกลือเข้าด้วยกัน พอให้เนยเปลี่ยนสี ใส่ไข่ไก่และกลิ่นวานิลลา ตีให้เข้ากัน 3ใส่แป้งสาลี ตีให้เข้ากัน แบ่งเป็นก้อน ห่อด้วยพลาสติกใส แช่เย็นไว้ วิธีทำคุกกี้รูปแอปเปิล (Apple Cookies) ส่วนผสม แป้งคุกกี้ 470  กรัม สีผสมอาหารสีเขียวแอปเปิล สีผสมอาหารสีแดง ช็อกโกแลตชิป    วิธีทำ แบ่งแป้งคุกกี้เป็น 3 ก้อน ก้อนแรกน้ำหนัก 300 กรัม ก้อนที่ 2 น้ำหนัก 120 กรัม และก้อนที่ 3 น้ำหนัก 50 กรัม ผสมแป้งก้อนที่ 2 กับสีแดงให้เข้ากัน นำไปแช่เย็นไว้ ผสมแป้งก้อนที่ 3 กับสีเขียวให้เข้ากัน นำไปแช่เย็นไว้ นำแป้งสีแดงมารีดเป็นแผ่นหนา 0.3 เซนติเมตร แล้วตัดขอบให้เสมอกัน นำแป้งสีขาวมาคลึงเป็นแท่งยาวเท่าความยาวของแป้งสีแดง ทำร่องไว้ด้านบนและด้านล่าง แล้วนำไปวางบนแป้งสีแดง ม้วนให้แน่น คลึงแป้งสีเขียวให้เป็นเส้นยาว นำมาติดด้านบนที่ทำร่องไว้ให้เป็นขั้วแอปเปิล ห่อด้วยพลาสติกใส แช่เย็นไว้จนแป้งคุกกี้แข็ง นำแป้งคุกกี้มาหั่นตามขวางหนา 0.5 เซนติเมตร เรียงใส่ถาดสำหรับอบ ติดด้วยช็อกโกแลตชิป นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เวลา 12-15 นาทีจนสุกหอม พักไว้ให้เย็น

ขนมสีน้ำตาลเข้มจากแคว้นโมเดนา (Modena) ในอิตาลี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั่วประเทศและมีร้านขนมทำตามกันมากมาย ขนมนี้เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 จากคน 2 คน  คนหนึ่งชื่อ Gollini เป็นเชฟที่มีความสามารถมากในเมือง Vignola อีกคนเป็นสถาปนิกชื่อดังผู้มาสานงานของไมเคิลแอนเจโล (Michelangelo) ต่อหลังจากเสียชีวิต และเป็นสถาปนิกหลักในการสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ในนครวาติกัน Gollini ทำเค้กช็อกโกแลตขึ้นมาก้อนหนึ่งซึ่งเขาเรียกว่า “เค้กดำ” ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Torta Barozzi เพื่อเป็นเกียรติแก่สถาปนิกชาวเมืองเดียวกัน   จนทุกวันนี้ร้านขนม Gollini ในเมือง Vignola แคว้นโมเดนายังเปิดอยู่ และขาย Torta Barozzi ตำรับดั้งเดิม ขนมนี้เหมือนกับของที่ขายดีทั่วไป เมื่อฮิตก็ต้องมีคนทำเลียนแบบมากมาย ถึงแม้ส่วนผสมจะคล้ายคลึงกันแต่ก็คงไม่เหมือนของแท้ดั้งเดิม หลานของ Gollini จึงนำตำรา Torta Barozzi ไปจดทะเบียนเมื่อ 80 ปีที่แล้ว ส่วนผสมดั้งเดิมจะมีอัลมอนด์และถั่วลิสง เค้กนี้จะอบในพิมพ์สี่เหลี่ยม เวลาเสิร์ฟจะตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมทานกับชีสมาสคาร์โปเนที่ผสมกับน้ำส้มสายชูบัลซามิก 3-4 หยด แต่เมื่อออกนอกแถบโมเดนาไปแล้วมักจะเสิร์ฟกับ Salted Caramel หรือบางทีก็ทานกับทั้งสองอย่าง   ขนมนี้ทำไม่ยาก มีรสเข้มข้นของช็อกโกแลตที่หลายคนน่าจะชอบ   ส่วนผสม ไข่ไก่เบอร์ 0 4 ฟอง น้ำตาลทราย 130 กรัม ช็อกโกแลตดำ 230 กรัม เนย 150 กรัม อัลมอนด์ผง 100 กรัม กาแฟผง 20 กรัม เหล้ารัม 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ แยกไข่ขาว ไข่แดง เตรียมไว้ สับช็อกโกแลตและละลายในหม้อตุ๋นกับเนย ตีไข่แดงกับน้ำตาลจนเข้ากันดี เติมอัลมอนด์ผงและกาแฟ ใส่ช็อกโกแลตที่ละลายไว้ ตีไข่ขาวจนตั้งยอดแข็ง ตะล่อมลงในส่วนผสมไข่แดง เติมเหล้ารัม กรุถาดอบสี่เหลี่ยมด้วยกระดาษไขและทาเนยให้ทั่ว ใส่ส่วนผสม นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาทีหรือจนสุกทั่ว นำออกจากเตาอบ วางบนตะแกรงพักไว้จนเย็นก่อนยกออกจากพิมพ์ ตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมชิ้นไม่ใหญ่มาก เพราะเค้กนี้เนื้อหนักและรสเข้มข้น ทานกับชีสมาสคาร์โปเนที่ตีกับน้ำส้มบัลซามิก 3-4 หยด

เค้กข้าวโอ๊ตสุขภาพ ไร้แป้ง หวานน้อย หวานอมเปรี้ยวจากผลไม้แห้งอย่างลูกเกด แครนเบอร์รี่ และแอปเปิล ส่วนผสม ข้าวโอ๊ต 2 1/2 ถ้วย นมถั่วเหลือง 1 1/2 ถ้วย ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 3 ฟอง น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย เกลือป่น 1 ช้อนชา ผงฟู 2 ช้อนชา แอปเปิลหั่นชิ้นเล็ก 1 ผล ลูกเกดดำ ลูกเกดเหลือง แครนเบอร์รีแห้ง วิธีทำ แช่ข้าวโอ๊ตในน้ำนมถั่วเหลือง 10 นาที ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายแดง เกลือ และผงฟูเข้าด้วยกัน ใส่ส่วนผสมข้าวโอ๊ตที่แช่นมถั่วเหลืองไว้ ผสมให้เข้ากัน ใส่แอปเปิลครึ่งหนึ่ง ผสมให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์เค้ก โรยแอปเปิลที่เหลือ ลูกเกดดำและเหลือง และแครนเบอร์รีให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส เวลา 40 นาทีจนสุก

“อร่อยมากกกกก”   น้องแพรพูดขึ้นทันทีที่กินเข้าไปหนึ่งคำ แล้วก็กินหมดไปหนึ่งชิ้นอย่างรวดเร็ว ตามด้วยชิ้นที่ 2 โดยไม่มีเว้นวรรค!   นั่นคือ พุดดิงขนมปัง ป้าเจี๊ยบเพิ่งลองทำเป็นครั้งแรกค่ะ เคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่คิดจะทำเพราะเคยเห็นแล้วจากหลายแหล่ง ดูไม่น่าจะเป็นอะไรที่อร่อยสำหรับตัวเอง   แต่ที่คิดทำขึ้นมาครั้งนี้เพราะมีนัดกับแป๋ว-วันทนี ตันพลีรัตน์ เพื่อนครุฯ จุฬาฯ ซึ่งบ้านอยู่ในซอยเดียวกัน เธอไลน์มาบอกให้ไปเอามะนาว จะไปมือเปล่าก็กระไรอยู่ จะเอามะกรูดไปแลกมะนาวรึก็ไม่มี...ฮา!   เมื่อมองไปรอบๆ ตัว เห็นกล่องขนมปังมันฝรั่งที่เพิ่งทำไว้วางอยู่ข้างถุงขนมปังโฮลวีตที่น้องแพรซื้อมาทิ้งไว้เมื่อ 2-3 วันก่อน คำว่าพุดดิงขนมปังก็แวบขึ้นมาในสมองทันที   ป้าเจี๊ยบทำแบบไม่มีสูตรมาก่อนนะคะ ทำแบบที่คิดว่าควรจะเป็น ทำไปชิมไป ทำเสร็จแล้วชิมอีกครั้ง ถึงรู้ว่าอร่อยมาก รีบจดบันทึกทันทีว่าตัวเองใส่อะไรไปบ้าง...อิอิ   เริ่มจากถ้วยที่ใช้อบ ป้าเจี๊ยบใช้ถ้วยอะลูมินัมฟอยล์เบอร์ 4432 ซึ่งมีรูปร่างเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 5x3x1.5 นิ้วจำนวน 2 ถ้วย   เตรียมลูกเกดดำ 1 ช้อนโต๊ะ ลูกเกดเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้ากับเหล้ารัม 1 ช้อนชา วางพักไว้   ตัดขอบขนมปังออก หั่นเป็นลูกเต๋าขนาดประมาณ 1 นิ้ว ให้ได้ขนมปังมันฝรั่ง 1 ถ้วยตวง และขนมปังโฮลวีต 1 ถ้วยตวง แล้วจัดขนมปังที่หั่นไว้ใส่สลับกับลูกเกดในถ้วยอบจนแน่นเต็ม   จากนั้นใช้ตะกร้อมือตีไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟองกับน้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ จนน้ำตาลละลายหมด แล้วเทนมสดตราหมีสเตอริไลซ์ 1 กระป๋อง (140 มิลลิลิตร) และเนยแท้รสเค็มละลาย 5 ช้อนโต๊ะลงไป  คนต่ออีกนิดให้ส่วนผสมเข้ากัน   ป้าเจี๊ยบตักส่วนผสมใส่ลงในถ้วยอบที่บรรจุขนมปังไว้ ซึ่งจะได้เต็มขอบถ้วยอบทั้ง 2 พอดี ใช้ช้อนกดชิ้นขนมปังเบาๆ ให้เปียกส่วนผสมทั่วทุกชิ้น โรยหน้าด้วยถั่วอัลมอนด์หั่นซีกและเม็ดน้ำตาลคาราเมล   นำเข้าอบในเตาติ๊งโดยวางถ้วยอบทั้ง 2 บนตะแกรงชั้นกลาง ตั้งปุ่มความร้อน 165 องศาเซลเซียส ปุ่มไฟล่าง ปุ่มเวลา 20 นาที พอได้ยินเสียงติ๊ง เปิดมาตรวจสอบให้แน่ใจว่าสุกดี โดยใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มดูพบว่าไม้ออกมาแห้งสนิทแสดงว่าสำเร็จแล้ว   ป้าเจี๊ยบนำพุดดิงขนมปัง 1 ถ้วยไปแลกมะนาวมาเป็นที่เรียบร้อย ส่วนอีกถ้วยถูกกำจัดอย่างรวดเร็วโดยน้องแพร...ฮา!  

ซาเบล่ (Sablé) ในภาษาฝรั่งเศสมีความหมายถึง “ทราย” สื่อถึงเนื้อสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ของคุกกี้ เนื้อของขนมฝรั่งเศสนี้ความร่วนของเนื้อคุกกี้มาจากการขึ้นโดด้วยการใช้เนยเย็น ตัดกับส่วนผสมของแห้งจนเป็นเม็ดร่วนเหมือนเนื้อทราย ก่อนที่จะผสมด้วยของเหลวให้พอจับตัวเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วคลึงเป็นแผ่น ตัดเป็นรูปทรงตามต้องการ ส่วนผสม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม น้ำตาลไอซิง 100 กรัม เนยจืด (เย็น) 100 กรัม ไข่แดง 2 ฟอง น้ำเย็น 2 ช้อนชา กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา เกลือ 1/8 ช้อนชา ไข่ไก่สำหรับทาหน้า วิธีทำ นำแป้งสาลี น้ำตาลไอซิง และเกลือใส่ในเครื่องบดสับ เดินเครื่อง 10 วินาที ใส่เนยเย็นที่หั่นเป็นก้อน เดินเครื่องจนส่วนผสมจับตัวกันเป็นเม็ดเล็กๆ ตีไข่แดง น้ำเย็น และกลิ่นวานิลลาให้เข้ากัน ใส่ลงในส่วนผสม เดินเครื่องให้ผสมจับตัวกันเป็นก้อน หยุดเครื่องทันที รีดส่วนผสมให้มีความหนาประมาณ 3-4 มิลลิเมตร พักในตู้เย็นเป็นเวลา 10 นาที เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส โปรแกรมไฟบน-ไฟล่าง เตรียมถาดอบรองกระดาษไข ตีไข่ไก่เพื่อใช้สำหรับทาหน้าคุกกี้ กรองเพื่อให้เนียนดี ใช้พิมพ์คุกกี้กดโดที่คลึงไว้ตามขนาดที่ต้องการ ทาหน้าบางๆ ด้วยไข่ นำกลับไปแช่เย็น 15 นาที แล้วนำออกมาทาไข่อีกครั้ง ใช้ส้อมกรีดหน้าให้เป็นลายสวยงาม อบคุกกี้เป็นเวลา 15 นาที พักให้เย็นลง พร้อมรับประทาน

อาหารทุกชนิดเหมือนสิ่งอื่นๆ ในสังคมนี้ ซึ่งผ่านการเปลี่ยนแปลงไปตามความนิยมเช่นเดียวกับแฟชั่น หลายปีมานี้คนไทยนิยมกินมาการอง (Macaron) ขนมชิ้นกลมๆ เล็กๆ มีหลากสีหลายรส ต่อมาก็เป็นครัวซองต์นิยมกินกันทั่วเมือง มีทั้งใส่ไส้และมีหน้าหลากหลาย ในขณะที่ประเทศต้นตอยังเป็นแบบธรรมดาดั้งเดิมอยู่   ในสหรัฐอเมริกาก็มีขนมผสมผสานระหว่าง 2 ชนิด เช่น Cronuts และ Brookie เกิดขึ้นมากมาย ในช่วงโควิด-19 ผู้คนถูกกักสถานที่ คนในเมืองส่วนมากจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ใช้ชีวิตกักตัวกันอย่างเรียบง่าย ทำอาหารกินกันเองตามบ้าน   ในประเทศฝรั่งเศสการทำอาหารและขนมจึงนิยมกลับไปแนว “Roustic” ซึ่งหมายถึงการทำง่ายๆ ธรรมดา เรียบง่าย ไม่ประดับอะไรมากมาย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ ทำอาหารและขนมจากของที่มีในบ้าน ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้น แต่ความนิยมในการทำอาหารแนวนี้ก็แพร่หลายมากขึ้น จะเห็นร้านขนมส่วนใหญ่ขายทาร์ตแบบ Roustic ซึ่งไม่ได้มีเฉพาะขนม แต่รวมถึงอาหารด้วย จนรวบรวมเป็นหนังสือตำราอาหารแนวนี้   ฉบับนี้เรามาทำทาร์ตง่ายๆ ที่ผู้เขียนทำมาตั้งแต่เด็ก และทำทานเสมอ ทาร์ตแนวนี้มักทำจากแป้ง Pȃte Brisée หรือ Pȃte Sablée ซึ่งเป็นแป้งทาร์ตที่ทำง่าย ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษอะไร ทาร์ตประเภทนี้มีทั้งเค็มและหวาน ฉบับนี้เราทำทาร์ตพลัมและทาร์ตแอปเปิล ซึ่งเป็นทาร์ตหวาน ส่วนมากจะทาด้วยซอสแอปเปิล ถ้าไม่ทาซอสก็ต้องใส่ผลไม้มากหน่อย   อาหารแนวรูสติกไม่มีรูปแบบและกฎเกณฑ์ตายตัว เวลาทำไม่ต้องกลัวเรื่องจะไม่สวย เพราะบางครั้งความสวยก็อยู่ที่ความไม่ต้องมีรูปแบบแน่นอนนั่นเอง   ทาร์ตผลไม้ ส่วนผสม Pȃte Sablée แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม แป้งข้าวโพด 50 กรัม น้ำตาลไอซิง 75 กรัม เนยพักไว้ให้นุ่ม 150 กรัม ไข่ไก่เบอร์ 1 1 ฟอง เกลือ 1/4 ช้อนชา วิธีทำ ผสมส่วนผสมทุกอย่างด้วยเพสตรีคัตเตอร์ (Pastry Cutter) หรือปั่นใน Food Processor จนทุกอย่างเข้ากัน ห่อกระดาษไขแช่ตู้เย็นไว้ 1 ชั่วโมง นำมาคลึงโดยรองและทับด้วยกระดาษไข คลึงแป้งเป็นรูปร่างตามที่ต้องการ แล้วใส่ไส้ที่ชอบ เช่น แอปเปิล ลูกพลัม โรยน้ำตาลทรายและอบเชยป่น นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 1 ชั่วโมงจนผลไม้สุก ทาร์ตไส้ซอสแอปเปิล พลัม และบลูเบอร์รี ทำซอสแอปเปิล (ใช้แอปเปิลแดงหรือเขียวที่เก็บไว้นานหรือใหม่ก็ได้) ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่หม้อตั้งไฟจนสุกนุ่ม พักให้เย็น หั่นพลัมทั้งเปลือกเป็นชิ้นตามชอบ หั่นแอปเปิลเป็นชิ้นเท่าๆ กับพลัม คลึงแป้ง ทาด้วยซอสแอปเปิล เรียงแอปเปิล พลัม และบลูเบอร์รี (วางเรียงตามชอบ จะมากหรือน้อยก็ได้) โรยผงซินนามอน ถ้าจะให้หอมโรยผงวานิลลาด้วยก็ได้ พับขอบแป้งขึ้น จับแป้งให้สวยงามตามชอบ ทาขอบแป้งด้วยไข่ขาว โรยน้ำตาลทรายหรืออัลมอนด์สไลซ์ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 1 ชั่วโมงหรือจนผลไม้สุก

ขนมปังเนื้อนุ่มฉ่ำเนย สีสวยงามน่ากิน สอดไส้มะม่วงรสเปรี้ยวอมหวาน ตัดรสด้วยครีมคัสตาร์ด และเสาวรสรสเปรี้ยว ตกแต่งด้วยดอกไม้สวยงามน่ารัก ส่วนผสมแป้งบริออช (สำหรับ 16 ที่) แป้ง T45 135 กรัม แป้ง T55  34 กรัม ยีสต์สด 8 กรัม เกลือป่น 3 กรัม น้ำตาลทราย 20 กรัม ไข่แดง 42 กรัม นมสด 100 กรัม เนยจืดเย็น 60 กรัม ส่วนผสมแป้งบริออชโกโก้ แป้ง T45 135 กรัม แป้ง T55  17 กรัม ผงโกโก้ 17 กรัม ยีสต์สด 8 กรัม เกลือป่น 3 กรัม น้ำตาลทราย 20 กรัม ไข่แดง 42 กรัม นมสด 100 กรัม เนยจืดเย็น 60 กรัม วิธีทำ ใส่ส่วนผสมแป้งบริออชทั้งหมดลงในโถตี ยกเว้นเนย ตีด้วยหัวตะขอใช้ความเร็วต่ำ 5 นาที และความเร็วสูง 8 นาที เช็กเนื้อแป้ง (เนื้อเนียน) แล้วจึงใส่เนยเย็น ผสมด้วยความเร็วต่ำจนเข้ากับเนื้อแป้ง หมักแป้งครั้งที่ 1 ในอุณหภูมิห้อง (25 องศาเซลเซียส) นาน 20 นาที นำไปแช่ตู้เย็นข้ามคืนก่อนนำมาใช้ แบ่งแป้งให้ได้ 16 ชิ้น ชิ้นละ 25 กรัม แป้งบริออชโกโก้ทำวิธีการเดียวกัน ขึ้นรูปโดให้เป็นแท่งยาวคล้ายขนมปังบาแกตต์ ยาวประมาณ 25-30 ซม. วางแป้งโดทั้ง 2 สีให้ขนานกัน บิดเป็นเกลียว และขดให้เป็นก้อน วางลงในพิมพ์วงกลมขนาด 8 ซม. สูง 3 ซม. หรือวางในถ้วยฟอยล์ หมักแป้งครั้งที่ 2 ที่อุณหภูมิ 28 องศาเซลเซียส ความชื้น 80% นาน 1-1.15 ชั่วโมง ทาไข่ (Egg Wash) ให้ทั่ว ใส่ไส้มะม่วงแช่แข็งตรงกลางของแป้งโด นำเข้าเตาอบเปิดพัดลมที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียสนาน 12-15 นาที ยกลง พักให้เย็น ทาด้วยเกลซใส ใส่คัสตาร์ดเสาวรสตรงกลาง ตกแต่งด้วยใบสะระแหน่ และดอกไม้ให้สวยงาม ส่วนผสมและวิธีทำไส้มะม่วงแช่แข็ง เสาวรสบด 157 กรัม มะม่วงบด 157 กรัม น้ำตาลทราย 94 กรัม แป้งข้าวโพด 16 กรัม น้ำเปล่า 35 กรัม ผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันในหม้อ ละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่าเทใส่หม้อ ยกขึ้นตั้งไฟให้เดือดและส่วนผสมข้น เทใส่พิมพ์ซิลิโคนครึ่งวงกลมขนาด 4.5 ซม. แช่ในช่องแช่แข็งจนแข็งตัว ส่วนผสมและวิธีทำไส้คัสตาร์ดเสาวรส เสาวรสบด 93 กรัม น้ำเปล่า 93 กรัม น้ำตาลทราย 68 กรัม ไข่แดง 20 กรัม แป้งข้าวโพด 17 กรัม เนื้อเสาวรสสด 90 กรัม เนยจืด 10 กรัม ผิวมะนาวขูด 1 กรัม อุ่นเสาวรสบด น้ำเปล่า และน้ำตาลทรายในหม้อ ผสมไข่แดงกับแป้งข้าวโพดให้เข้ากันในชามผสมแยกไว้ ค่อยๆ เทเสาวรสลงในชามไข่แดง คนส่วผสมให้เข้ากัน กรองแล้วนำกลับไปตั้งไฟต่อ ใส่เนื้อเสาวรสสดลงไป พอส่วนผสมเริ่มข้น ใส่เนยลงไปคนให้เข้ากัน ยกลง พักให้เย็น ใส่ผิวมะนาว

จากแอปเปิลสตรูเดิลของหวานดั้งเดิมจากประเทศออสเตรีย ที่ห่อแอปเปิลด้วยแป้งพายแล้วอบจนเหลืองกรอบ มาแปลงโฉมให้หน้าตาสวยโมเดิร์นในสไตล์ฝรั่งเศส ส่วนผสม (สำหรับทาร์ตขนาด 16 ซม. 1 พิมพ์) ส่วนผสมและวิธีทำบราวน์บัตเตอร์คุกกี้อบเชย ดาร์กบราวน์บัตเตอร์แช่เย็น 60 กรัม ไข่ไก่ 30 กรัม น้ำตาลทรายแดง 50 กรัม อบเชยป่น 1 กรัม ผิวเลมอนขูด 1/2 ผล เกลือป่น 1.5 กรัม แป้ง T45 125 กรัม วอลนัตสับ 30 กรัม ผสมส่วนผสมของแห้งกับดาร์กบราวน์บัตเตอร์จนได้เป็นเนื้อทราย ใส่ไข่ลงไป นวดจนได้เป็นโดเนื้อยืดหยุ่น แช่เย็นอย่างน้อย 1 ชั่วโมง นำโดออกมารีดให้หนา 3 มม. ตัดด้วยคัตเตอร์พิลโลว์ (Pillow Cutter from Silikomart) จากนั้นประกบด้วยแผ่นซิลิโคน และนำเข้าช่องแช่แข็ง เมื่อโดแข็งจัดนำออกมาเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส นาน 10-15 นาที ส่วนผสมและวิธีทำแป้งชูซ์ น้ำเปล่า 55 กรัม นมสด 55 กรัม เนยจืด 50 กรัม เกลือป่น 1 กรัม น้ำตาลทราย 1 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 60 กรัม ไข่ไก่ 125 กรัม ผสมน้ำ นมสด เนยจืด เกลือป่น และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน ตั้งไฟจนส่วนผสมเดือด ใส่แป้ง คนจนส่วนผสมจับตัวเป็นก้อนแป้ง เทส่วนผสมแป้งใส่ในเครื่องตีโดยใช้หัวตีใบไม้ด้วยความเร็วต่ำประมาณ 2 นาที ค่อยๆ ใส่ไข่ลงในโถผสมช้าๆ จนได้เนื้อเนียนและขึ้นเงา ตักแป้งชูซ์ใส่ถุงบีบ ใช้หัวบีบวงกลมเบอร์ 6 บีบลงบนแผ่นซิลิโคนให้ได้ขนาด 8 มม. จนถึง 2 ซม. วางแผ่นแครกคาแรงลงบนชูซ์ อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 210 องศาเซลเซียส แล้วลดอุณหภูมิให้เหลือ 180 องศาเซลเซียส นำชูซ์เข้าอบด้วยระบบไอน้ำประมาณ 10 นาที จากนั้นเปิดปล่องระบายไอน้ำ และอบต่อที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียสประมาณ 15-20 นาที ส่วนผสมและวิธีทำแครกคาแรง (Craquelin) เนยจืด 25 กรัม น้ำตาลทรายแดง 30 กรัม แป้งสาลีอเนกประสงค์ 30 กรัม ผสมส่วนผสมทั้งหมดจนได้เป็นเนื้อเพสต์ นำมารีดโดยใช้กระดาษรองอบ 2 แผ่นประกบให้ได้แผ่นบางที่สุด แช่แข็ง และนำมาตัดเป็นขนาดที่ต้องการ ส่วนผสมและวิธีทำวิปกานาชแอปเปิลเขียว  วิปปิงครีม 360 กรัม เนื้อแอปเปิลเขียวบดละเอียด 80 กรัม ไวต์ช็อกโกแลต 110 กรัม เหล้าคาลวาโดส (Calvados) 20 กรัม เจลาตินแผ่นแช่น้ำ 2 กรัม ต้มวิปปิงครีมและแอปเปิลเขียวบดละเอียดให้ร้อน เทใส่อ่างผสมไวต์ช็อกโกแลต ใส่เจลาติน นำไปปั่นให้เข้ากัน ใส่เหล้าคาลวาโดส นำไปกรองและแช่เย็นข้ามคืน ส่วนผสมและวิธีทำแอปเปิลคาราเมลไลซ์ น้ำตาลทราย (1) 125 กรัม เนยจืด 60 กรัม น้ำแอปเปิล 125 กรัม น้ำตาลทราย (2) 12 กรัม เพกติน (NH Pectin) 2 กรัม แอปเปิล 4 ผล ใส่น้ำตาลทราย (1) ลงในหม้อ ตั้งไฟให้เป็นคาราเมล ใส่เนย ใส่น้ำแอปเปิล ต้มให้เดือด พักไว้สักครู่ ผสมน้ำตาลทราย (2) กับเพกติน ค่อยๆ เทใส่หม้อคาราเมล ตั้งไฟต้มให้เดือดอีกครั้ง หั่นแอปเปิลเป็นรูปทรงที่ต้องการ เช่น ลูกบอล หรือหั่นเสี้ยว เรียงใส่ถุงสุญญากาศ ใส่น้ำเชื่อมคาราเมลที่ต้มไว้ลงไป ปิดถุงด้วยเครื่องสุญญากาศ นำเข้าอบด้วยระบบไอน้ำที่อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-30 นาที จนแอปเปิลสุกเล็กน้อย แช่ถุงลงในน้ำเย็นจัดผสมน้ำแข็งทันที ส่วนผสมและวิธีทำโดสตรูเดิลคาราเมลไลซ์ (Caramelized Strudel Dough) แป้ง T55 300 กรัม น้ำเปล่า 150 กรัม น้ำมันพืช 40 กรัม เกลือป่น 5 กรัม บราวน์บัตเตอร์ 30 กรัม น้ำตาลทราย 50 กรัม อบเชยป่น 2 กรัม ผสมแป้ง น้ำ น้ำมัน และเกลือป่น จนกระทั่งกลูเตนในแป้งทำงาน แช่เย็นไว้จนกว่าจะใช้ จากนั้นจึงนำมารีดตามความหนาที่ต้องการ ตัดโดเป็นชิ้นวางบนถาดประมาณ 1 ใน 3 ของถาดอบที่ปูถาดด้วยกระดาษรองอบ ทาบราวน์บัตเตอร์ และโรยน้ำตาลทรายผสมอบเชยป่นให้ทั่ว ตัดแบ่งโดที่เหลือเป็น 4 ชิ้นเท่าๆ กัน ทาบราวน์บัตเตอร์ โรยน้ำตาลทรายผสมอบเชยป่น ตัดโดให้มีขนาดที่ต้องการ ปิดด้วยแผ่นซิลิโคน แช่แข็งนาน 30 นาที นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 5-10 นาทีจนเป็นสีน้ำตาลทอง เมื่ออบไปได้ครึ่งทาง นำออกมาตัดเป็นรูปทรงตามที่ต้องการ ส่วนผสมและวิธีทำรัมลูกเกด น้ำเปล่า 200 กรัม ลูกเกด 40 กรัม เหล้ารัม 80 กรัม ต้มลูกเกดกับน้ำจนนุ่ม กรองน้ำออก พักให้เย็น และเติมเหล้ารัมลงไป ส่วนผสมและวิธีทำเจลแอปเปิลเขียว น้ำแอปเปิลเขียว 300 กรัม น้ำเชื่อมกลูโคส 50 กรัม ผงวุ้น 2.5 กรัม ผสมทั้งหมดให้เข้ากันในหม้อ ตั้งไฟต้มจนเดือด จากนั้นพักให้เย็น เมื่อเซ็ตตัวจะได้เนื้อสัมผัสแบบเจล ส่วนผสมและวิธีทำแอปเปิลคอมเพรส แอปเปิลเขียว 4 ผล น้ำแอปเปิลเขียว 50 กรัม กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) 2 กรัม                  ตักแอปเปิลเป็นลูกบอล ใส่แอปเปิลและส่วนผสมทั้งหมดลงในถุงสุญญากาศ นำเข้าเครื่องสุญญากาศด้วยแรงดันสูงสุด พักไว้ ของตกแต่งและวิธีการประกอบ ดอกแอปเปิล และแอปเปิลพิงก์เลดี้หั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็ก ตีวิปกานาชแอปเปิลเขียวให้ขึ้นฟู ตักใส่ถุงบีบที่ใส่หัวบีบแซงโอโนเร (Saint Honore Nozzle) เตรียมไว้ บีบวิปกานาชลงบนขอบของคุกกี้ ตักแอปเปิลคาราเมลไลซ์ใส่ตรงกลาง วางแผ่นแป้งสตรูเดิลและบีบวิปกานาช ตัดแป้งชูซ์ วางแป้งสตรูเดิลไว้ด้านล่าง ใส่รัมลูกเกด และแอปเปิลคาราเมลไลซ์ลงในแป้งชูซ์ บีบวิปกานาชบนหน้า ใส่แอปเปิลคาราเมลไลซ์สับลงในแป้งชูซ์ที่เหลือ นำไปวางบนครีม ตกแต่งด้วยส่วนผสมที่เหลือให้สวยงาม

ส่วนผสมและวิธีทำคุกกี้มะพร้าว (สำหรับ 2-4 ที่) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 162 กรัม เกล็ดมะพร้าว 74 กรัม เนยจืด 162 กรัม น้ำตาลไอซิง 75 กรัม เกลือป่น 2 กรัม ไข่ไก่ 25 กรัม ตีเนย น้ำตาลไอซิง และเกลือป่นให้เข้ากันเป็นเนื้อครีม ใส่ไข่ลงผสม ใส่แป้งสาลี และเกล็ดมะพร้าวลงผสมพอเข้ากัน เทใส่ถาดรองด้วยกระดาษรองอบ ปาดเป็นแผ่นหนาประมาณ 3-5 มม. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียสนาน 15 นาที หรือจนสุกได้สีสวยเสมอกัน กดที่ผิวคุกกี้แล้วอยู่ตัว ถ้ายังนิ่มให้อบต่อโดยลดอุณหภูมิลงเป็น 150 องศาเซลเซียสนาน 5-10 นาที นำออกจากเตาพักให้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำฐานชีสเค้ก คุกกี้มะพร้าว 220 กรัม เนยจืดละลาย 90 กรัม บดคุกกี้ให้ละเอียด เติมเนยละลายลงผสมให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์ขนาด 2 ปอนด์ กรุรอบพิมพ์ด้วยแผ่นพลาสติกใสเพื่อให้แกะออกจากพิมพ์ได้ง่าย กดคุกกี้ให้แน่นเสมอกัน แช่ในช่องแช่แข็งประมาณ 1 ชั่วโมงจนอยู่ตัว ส่วนผสมและวิธีทำถั่วดำต้มกะทิและซอสน้ำกะทิ เนื้อถั่วดำกระป๋องต้มสุกพักให้สะเด็ดน้ำ 120 กรัม หัวกะทิ 250 กรัม น้ำเปล่า 50 กรัม น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม เกลือป่น 2 กรัม ใบเตย 1 ใบ ต้มหัวกะทิกับน้ำให้พอร้อน ใส่น้ำตาลปี๊บ เกลือป่น และใบเตย ต้มจนน้ำตาลละลาย และเดือดเบาๆ คนเป็นระยะไม่ให้กะทิแตกมัน ชิมและปรุงรสเพิ่มตามชอบ ใส่ถั่วดำลงต้มให้เข้าเนื้อ และถั่วสุกนุ่มตามชอบ ตักเนื้อถั่วดำต้มกะทิขึ้นสะเด็ดน้ำพักไว้ น้ำกะทิที่เหลือต้มไฟอ่อนต่อจนข้นเป็นซอส พักไว้ให้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำครีมชีสน้ำกะทิ ซอสน้ำกะทิ 40 กรัม วิปปิงครีม 120 กรัม ครีมชีส 250 กรัม น้ำตาลไอซิง 60 กรัม ผงเจลาติน 8 กรัม น้ำร้อน 40 กรัม ตีวิปปิงครีมให้ขึ้นฟูเหมือนเนื้อโยเกิร์ต แช่เย็นพักไว้ ละลายเจลาตินในน้ำร้อน เตรียมไว้ ตีครีมชีสกับน้ำตาลไอซิงจนขึ้นฟูเนื้อเบา เติมซอสน้ำกะทิลงผสมให้เข้ากัน ใส่เจลาตินที่ละลายไว้ลงผสม คนให้เข้ากันดี ตะล่อมส่วนผสมครีมชีสน้ำกะทิกับวิปครีมให้เข้ากันดี ส่วนผสมและวิธีทำถั่วดำต้มน้ำตาลและถั่วดำกวน ถั่วดำกระป๋องพักให้สะเด็ดน้ำ 120 กรัม น้ำเปล่า 120 กรัม น้ำตาลทราย 50 กรัม ใบเตย 1 ใบ ต้มน้ำให้ร้อน ใส่น้ำตาลทราย และใบเตยลงต้มจนเดือดและน้ำตาลละลาย ใส่ถั่วดำ ต้มไฟอ่อนให้เดือดเบาๆ ประมาณ 5 นาทีจนถั่วสุกนุ่มและมีรสหวานเข้าเนื้อ ตักเนื้อถั่วดำต้มน้ำตาลประมาณ 50 กรัม พักให้สะเด็ดน้ำเพื่อใช้ตกแต่งหน้าเค้ก ปั่นถั่วดำต้มน้ำตาลที่เหลือในโถปั่นให้ละเอียด เทใส่หม้อตั้งไฟอ่อนคนจนเนื้อข้นขึ้น ถั่วดำจับตัวเป็นก้อนได้ พักไว้ให้เย็น ส่วนผสมและวิธีทำดาร์กช็อกโกแลตถั่วดำกานาชดริป ดาร์กช็อกโกแลต 50% 200 กรัม วิปปิงครีม 200 กรัม ถั่วดำกวน 40 กรัม เนยจืด 10 กรัม ละลายดาร์กช็อกโกแลต วิปปิงครีม ถั่วดำกวน และเนยจืดผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน พักให้เย็น ใส่ถุงบีบเตรียมไว้ตกแต่งหน้าชีสเค้ก ส่วนผสมและวิธีทำครีมเปรี้ยว ซาวร์ครีม 50 กรัม น้ำตาลไอซิง 5 กรัม ผสมซาวร์ครีมกับน้ำตาลไอซิงให้เป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่ถุงบีบไว้สำหรับหยอดตกแต่งหน้าชีสเค้กแทนหน้ากะทิ ส่วนผสมและวิธีประกอบเค้ก ฐานคุกกี้มะพร้าว 2 ปอนด์ ข้าวเหนียวดำมูน 150 กรัม ถั่วดำต้มกะทิ (พักให้สะเด็ดน้ำ) 120 กรัม ครีมชีสน้ำกะทิ 450 กรัม ซาวร์ครีม 50 กรัม ดาร์กช็อกโกแลตถั่วดำกานาชดริป 450 กรัม ถั่วดำต้มน้ำตาล (พักให้สะเด็ดน้ำ) 50 กรัม ใส่ข้าวเหนียวดำมูนลงบนฐานคุกกี้ที่เตรียมไว้ ตามด้วยถั่วดำต้มกะทิลงบนข้าวเหนียว เทครีมชีสน้ำกะทิลงไป เคาะไล่ฟองอากาศ และปาดหน้าครีมให้เรียบเสมอกัน นำไปแช่แข็งให้อยู่ตัว ตกแต่งหน้าชีสเค้กด้วยดาร์กช็อกโกแลตถั่วดำกานาชดริป ใส่ถั่วดำต้มน้ำตาล และบีบด้วยซาวร์ครีมให้สวยงาม

ส่วนผสมและวิธีทำครัวซองต์ (สำหรับ 4 ที่) แป้ง T45 860 กรัม เกลือป่น 17 กรัม น้ำตาลทราย 70 กรัม น้ำตาลมะพร้าว 30 กรัม น้ำผึ้ง 20 กรัม กะทิ 360 กรัม ผิวมะกรูด 10 กรัม ยีสต์ 45 กรัม น้ำ 150 กรัม ดรายบัตเตอร์ (Dry Butter) 500 กรัม ผสมส่วนผสมทั้งหมดลงในโถตี ยกเว้นดรายบัตเตอร์ ตีผสมด้วยหัวตีตะขอ ใช้ความเร็วต่ำประมาณ 5 นาที จากนั้นตีด้วยความเร็วปานกลาง 12-15 นาที พักโดข้ามคืนในตู้เย็น รีดแป้งโดเป็นแผ่น วางดรายบัตเตอร์ที่รีดเป็นแผ่นไว้ตรงกลางแป้งโด พับแป้งด้านข้างมาทับดรายบัตเตอร์ให้แป้งห่อดรายบัตเตอร์ รีดดรายบัตเตอร์ให้ทั่วแผ่นแป้งโดและพับแบบดับเบิลเทิร์น (Double Turn) นำเข้าพักในตู้เย็น 30 นาที แล้วจึงรีดแป้งและพับแบบซิงเกิลเทิร์น (Single Turn) พักแป้งในตู้เย็นไว้ 30 นาที ก่อนนำมารีดขั้นตอนสุดท้าย รีดแป้งบาง 3 มม. ตัดเป็นทรงสามเหลี่ยม ขนาด 38x8 ซม.ม้วนแป้งจากฐานขึ้นไปบนยอดสามเหลี่ยมเป็นทรงครัวซองต์และวางบนถาดอบ พักแป้งในตู้ปรู๊ฟนาน 2 ชั่วโมง ทาไข่ไก่ (Egg Wash) บนครัวซองต์ให้ทั่ว นำเข้าเตาอบลมร้อนที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียสนาน16 นาที นำออกมาพักให้เย็นบนตะแกรง ส่วนผสมและวิธีทำพริกแกงฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ ส่วนผสมเครื่องแกง พริกชี้ฟ้าแห้งแช่น้ำ 40 กรัม ตะไคร้ 30 กรัม ข่า 15 กรัม กระเทียมไทย 15 กรัม ผิวมะกรูด 5 กรัม รากผักชี 8 กรัม พริกไทยขาวเม็ด 2 กรัม เกลือป่น 5 กรัม กะปิ 10 กรัม ส่วนผสมแกงฉู่ฉี่ เนื้อกุ้งแม่น้ำ 400 กรัม หัวกะทิ 400 กรัม กะทิกลาง 200 กรัม น้ำตาลมะพร้าว 30 กรัม น้ำปลา 20 กรัม ใบมะกรูด และพริกชี้ฟ้าซอย (สำหรับตกแต่ง) กะทิ 100 กรัม แป้งข้าวเจ้า 1 กรัม ตำเครื่องแกงจนละเอียด ผัดหัวกะทิกับน้ำพริกแกงฉู่ฉี่จนแตกมัน ใส่กะทิกลางต้มจนเดือด ปรุงรสเล็กน้อย แล้วเคี่ยวต่อ ใส่กุ้งปิดฝาจนกุ้งสุกดี ปรุงและชิมรส ใส่ใบมะกรูดซอย คนต่อเล็กน้อย ปิดไฟและปิดฝา พักไว้ ทำกะทิราดหน้าโดยตั้งหม้อใส่กะทิกับแป้งข้าวเจ้า ตั้งไฟปานกลางคนจนส่วนผสมข้น ปิดไฟ พักไว้ ส่วนผสมและวิธีทำพริกแกงฉู่ฉี่มันกุ้งสเปรด น้ำพริกแกงฉู่ฉี่ 40 กรัม มันหัวกุ้ง 50 กรัม กะทิ 50 กรัม น้ำตาลมะพร้าว 10 กรัม น้ำปลา 5 กรัม ตั้งหม้อใบเล็กผัดน้ำพริกแกง กะทิ และมันกุ้งจนแตกมันเล็กน้อย ชิมและปรุงรส ปิดไฟ พักไว้ ส่วนผสมและวิธีทำโฟมซอสฉู่ฉี่ น้ำพริกแกงฉู่ฉี่ 80 กรัม กะทิ 120 กรัม น้ำตาลมะพร้าว 15 กรัม น้ำปลา 15 กรัม แซนแทนกัม (Xanthan Gum) 1 กรัม ตั้งกระทะผัดพริกแกงกับกะทิจนสุกหอม ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าวและน้ำปลา ใส่ผงแซนแทนกัม กรองใส่กระบอกฉีดโฟมอัดแก๊สเพื่อฉีดโฟม พักไว้ ส่วนผสมและวิธีทำเจลอาจาด น้ำตาลทราย 120 กรัม น้ำส้มสายชู 80 กรัม เกลือป่น 4 กรัม น้ำเปล่า 200 กรัม หอมแดง 20 กรัม ผงวุ้น 2 กรัม พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบสำหรับตกแต่ง ต้มน้ำตาลทรายกับน้ำส้มสายชู เกลือ และน้ำเปล่า ใช้ไฟปานกลางคนให้ละลาย ใส่หอมแดง ต้มสักครู่แล้วกรองออก ใส่ผงวุ้น ต้มให้เดือดอีกครั้ง เทใส่ถาดแช่ตู้เย็นจนเซ็ตตัว ปั่นวุ้นที่เซ็ตตัวแล้วจนเป็นเนื้อเจล ใส่ขวดบีบ เตรียมไว้ วิธีทำผงใบมะกรูด ลวกใบมะกรูด 10 ใบในน้ำเดือด ประมาณ 8-10 วินาที ตักขึ้นใส่น้ำเย็นจัด และพักให้แห้ง นำมาตากแห้งในเครื่องอบอาหารอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส นาน 2 ชั่วโมง หรือจนใบมะกรูดแห้งกรอบ นำใบมะกรูดมาป่น และร่อนจนเป็นผงละเอียด วิธีจัดจาน ผ่าครึ่งครัวซองต์ ทาฉู่ฉี่สเปรดบนครัวซองต์ วางเนื้อกุ้งแม่น้ำ บีบโฟมซอสฉู่ฉี่ข้างครัวซองต์ บีบเจลอาจาดรอบๆ ตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ ผงใบมะกรูด และดอกไม้ตามชอบ  

พุดดิงเนื้อหนึบได้รสหวานจากกล้วยตาก กินคู่กับซอสบัตเตอร์สกอตช์และไอศกรีมวานิลลาอร่อยลงตัว ทำเป็นเค้กชิ้นเล็กน่ารัก ปักด้วยเทียนวันเกิดให้สวยงาม   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) กล้วยตาก 200 กรัม น้ำร้อน 3/4 ถ้วยตวง เบกกิงโซดา 1 ช้อนชา ส่วนผสมเนื้อเค้ก เนยจืด 85 กรัม น้ำตาลทรายแดง 3/4 ถ้วยตวง ไขไก่ (เบอร์ 2) 2 ฟอง แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/2 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา เบกกิงโซดา 1 ช้อนชา ผงฟู 1 ช้อนชา วิธีทำ หั่นกล้วยตากเป็นชิ้นเล็กๆ แช่ในน้ำร้อนผสมเบกกิงโซดา พักไว้ให้นุ่ม ตีน้ำตาลทรายแดงกับเนยในเครื่องตีจนขึ้นฟู ใส่ไข่ไก่ลงไป ตีให้เข้ากัน ใส่กล้วยตากที่นุ่มแล้วลงไปผสม ใส่ส่วนผสมของแห้งทั้งหมดลงไปผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ประมาณ 20-30 นาทีจนสุก ยกออกจากเตา พักไว้และคว่ำออกจากพิมพ์ ส่วนผสมซอสบัตเตอร์สกอตช์ เนยจืด 125 กรัม น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย ครีม 3/4 ถ้วย เกลือ 1/4 ช้อนชา ผสมทุกอย่างลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งไฟจนเดือดเบาๆ 5 นาที ยกลง พักให้เย็น และตักใส่ถุงบีบ วิธีประกอบ วางสติกกี้พุดดิงลงบนจานสำหรับเสิร์ฟ บีบซอสบัตเตอร์สกอตช์บนเค้กให้สวยงาม เสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมวานิลลา