เติมฝันของฟู้ดดี้ให้เป็นจริงจนได้! เมื่อ “Kanori Hand Roll Bar” ร้านซูชิแฮนด์โรลแสนอร่อยขยายโลเคชั่นมาอยู่ที่ ไอคอนสยาม สาขาแรกของฝั่งธนฯ ตัวร้านตั้งอยู่บริเวณชั้น G โซน The Veranda กับการตกแต่งเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น คุมโทนด้วยสีขาวครีมสบายตา มีเคาน์เตอร์บาร์ที่นั่งล้อมรอบทีมเชฟขณะทำซูชิโรลคำต่อคำ เรียกได้ว่าดูไปกินไปอย่างเพลิดเพลินใจ เดินเข้าไปด้านในจะพบกับห้องไพรเวท 8 ที่นั่งเหมาะมากสำหรับนักกินที่ต้องการอร่อยแบบส่วนตัว ซึ่งมีเฉพาะสาขาไอคอนสยามเท่านั้น มาพูดถึงเรื่องอาหารกันบ้าง จุดเด่นของ Kanori Hand Roll Bar ที่หลายคนติดใจคือเป็นซูชิแฮนด์โรลทำสดใหม่คำต่อคำ ประกอบด้วยข้าวญี่ปุ่นหุงน้ำส้มสายชูอย่างดี ปั้นกับวัตถุดิบชั้นเลิศทั้งจากในเมืองไทยและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีให้คุณเลือกทั้งแบบอาละคาร์ต หรือเซ็ต 4-7 โรลล์ แต่สาขาไอคอนสยามจะพิเศษเพราะมีเซ็ตพรีเมี่ยม อย่าง โอโทโร่ ล็อบสเตอร์ อูนิ และ The Unagi สเปเชี่ยลโรลเพิ่มเข้ามา ถือเป็นตัวเลือกที่หลากหลายให้นักชิมมากขึ้น (ว้าว) คำแรกขอลองเป็น Blue Crab หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่ใครชิมก็เป็นอันหลงรัก ซูชิโรลที่อัดแน่นด้วยปูเนื้อหวานจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไข่กุ้ง เคี้ยวสนุก และอะโวคาโด ครีมมี ตามด้วย Hotate (Yuzukosho) โดดเด่นด้วยหอยเชลล์โฮตาเตะเนื้อสดหวาน ทาซอสพริกผสมส้มยูซุ รสเปรี้ยวเผ็ดกลมกล่อม เมนูนี้ก็ขายดี Salmon Bomb เอาใจคนรักแซลมอนโดยเฉพาะด้วยแซลมอนเนื้อหวานชิ้นโตๆ ไข่กุ้ง เคี้ยวเพลิน อะโวคาโด และซอสปูสูตรลับรสกลมกล่อม ไปกันต่อกับ Bontan Ebi ได้สัมผัสของกุ้งโบตั๋นเนื้อสดเด้ง เติมความเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดด้วยมะนาวซีก Akami Tsuke เพื่อนทูน่าเลิฟเวอร์โดยเฉพาะ โรลทูน่าส่วนอากามิเนื้อสดฉ่ำ (ไขมันน้อย) หมักโชยุโฮมเมดรสเค็มพอเหมาะ อร่อยใจหายขอยกให้ Avocado Truffle เพราะได้รสละมุนจากซอสทรัฟเฟิลโฮมเมด อะโวคาโดชิ้นโต และความกรุบกรอบของแป้งเทมปุระแบบล้นๆ ห้ามพลาดกับพรีเมียมซูชิแฮนด์โรลอย่าง Lobster Bomb ซูชิโรลเต็มคำที่ประกอบด้วย ล็อบสเตอร์เนื้อหวานเด้งจากเกาะภูเก็ต แป้งเทมปุระและไข่กุ้งกรุบกรอบ โรยด้วยต้นหอมและซอสสูตรเฉพาะรสหวานปนเค็ม ปิดท้ายด้วย The Unagi Extra Uni เมนูพิเศษที่มีเฉพาะสาขาไอคอนสยามเท่านั้น ได้สัมผัสเนื้อนุ่มรสหวานจากปลาไหลญี่ปุ่น เพิ่มความฟินเกินพิกัดด้วยอูนิรสหวาน (เราสั่งเยอะเป็นพิเศษ) จากเกาะฮอกไกโด อร่อยมาแรงแซงทางโค้ง

Hide Dine & Wine เหมาะมากสำหรับคนที่มองหามื้อดินเนอร์เงียบ ๆ กับคนรู้ใจ หรือนัดครอบครัว ชวนเพื่อนสนิทมาแฮงก์เอาต์ตามโอกาสพิเศษต่างๆ เพราะที่นี่เป็นไวน์บาร์ลับที่สามารถเข้าไปซ่อนตัวจากความวุ่นวายกลางเมืองเพื่อมาใช้ช่วงเวลาแสนพิเศษด้วยกัน ไม่ว่าจะนั่งจิบเครื่องดื่มพร้อมเสพบรรยากาศ เคล้าเสียงดนตรีบรรเลงเพราะๆ หรือตั้งใจมารับประทานอาหารมื้อหนักก็เข้าท่า เพราะที่นี่เน้นอาหารสไตล์ Modern European ที่ผสมผสานกลิ่นอายญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เสิร์ฟจานใหญ่ในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนนั่งอยู่ในบ้านเพื่อนที่เต็มเปี่ยมด้วยแรงฮีลใจ จานซิกเนเจอร์แนะนำเป็น BERRIES & WILD ROCKET ร็อกเก็ตสลัดราดเดรสซิงเบอร์รีรสเปรี้ยวสดชื่น มีเบอร์รีสดให้เคี้ยวเพลิน ต่อด้วย ASARI SOUP ซุปหอยตลับต้มสาเก หอยตัวใหญ่ต้มสุกกำลังดี ซดร้อนๆ คล่องคอมาก MENTAIKO BREAD SPREAD ขนมปังบาแก็ตเสิร์ฟคู่ครีมชีสท็อปด้วยไข่ปลาเมนไทโกะ ถัดมาคือ SMOKED DUCK อกเป็ดรมควันย่างจนหนังกรอบแต่เนื้อยังนุ่มอยู่ เสริมรสด้วยส้มซันคิสเคิร์ดและเบอร์รีซอส ตามด้วย KANIMISO WITH CRAB MEAT สปาเกตตีผัดกับมันปูซูไวหรือคานิมิโซะ มีเนื้อปูก้อนโตท็อปด้านบน MACKEREL CRUDO เนื้อปลาแมกเคอเรล ครูโด เบิร์นไฟเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหอม กินกับน้ำซุปดาชิ ยิ่งกินกับขิงดองบอกเลยว่ารสตัดกันได้อร่อยมาก UNAGI TOAST ที่ร้านใช้ Thousand Layers ท็อปหน้าด้วยปลาไหลญี่ปุ่น ได้ความหอมฉ่ำเนยจากขนมปังตัดกับซอสรสเปรี้ยวนิดๆ คล้ายมายองเนสปรุงรส ปิดท้ายด้วย PARMA MELON พาร์มาแฮมท็อปบนเมลอนรสหอมหวานมีครีมยูซุเพิ่มความสดชื่นกินกับไวน์เข้ากันได้ดีมาก เราสั่งม็อกเทลรสหวานอมเปรี้ยวมาจิบคู่กับอาหาร แนะนำ BERRY MIX และ LYCHEE ช่วยตัดรสได้ดี ได้ความหวาน เปรี้ยว ซ่าสดชื่น ทุกจานคิดและสร้างสรรค์จากความชอบของเจ้าของร้านที่สั่งสมมาจากการเที่ยว-กิน ตามแลนด์มาร์กต่างๆ นำมาครีเอตจนเกิดเป็นเมนูไฮไลต์ที่เสิร์ฟวันนี้

เพิ่มสีสันให้ซีนอาหารในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องกับโครงการ “EA” (เอ-ญ่า) Rooftop at The Empire บนชั้น 56 - 58 อาคาร The Empire Tower และล่าสุดกับร้านอาหารอิตาเลียนร่วมสมัยโดยเชฟมิชลินสตาร์คนดัง เชฟเปาโล อายราวโด (Paolo Airaudo) นำอาหารอิตาเลียนที่น่าค้นหาในแบบของเขามาให้นักกินได้ลิ้มลองกันที่ Sartoria by Paolo Airaudo (ซาร์โทเรีย บาย เปาโล อายราวโด) โดยเชฟเปาโลสร้างชื่อจากการใช้กรรมวิธีสมัยใหม่มารังสรรค์อาหารอิตาเลียนคลาสสิกให้พลิกโฉมอย่างสร้างสรรค์ และครอบครองดาวมิชลินถึง 6 ดวงจากร้านของเขาในประเทศต่างๆ ทั้งสเปน ฮ่องกง และอิตาลี “Sartoria” แปลว่า “การตัดเย็บ” สื่อถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบที่มาจากห้องเสื้อแห่งแรกของโลกที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ตกแต่งในโทนสีน้ำตาลเข้มและน้ำเงินที่เรียบหรู ล้อไปกับเฟอร์นิเจอร์รูปทรงโค้งมนละม้ายส่วนโค้งเว้าของหุ่นลองเสื้อ มีโชว์รูมแสดงการทำพาสตาสด และโซน Open Kitchen ขนาดใหญ่ดุจเวทีสุดอลังการ เป็นครัวเปิด 100% ด้วยความตั้งใจให้แขกได้มีส่วนร่วมในทุกประสบการณ์ ไม่ว่าจะดูเชฟปรุงอาหารใกล้ๆ หรือพูดคุยเกี่ยวกับอาหาร เชฟเปาโลมอบหมายให้ เชฟอเลส โดนาท (Ales Donat) เป็นหัวหน้าเชฟผู้ดูแลห้องอาหารแห่งนี้ พร้อมนำเสนอนิยามใหม่ของอาหารอิตาเลียนด้วยแรงบันดาลใจจากความงดงามของเมืองฟลอเรนซ์และแคว้นทัสคานี คัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลชั้นเลิศจากทั้งยุโรป ญี่ปุ่น และประเทศไทย มารังสรรค์เป็นมื้ออาหารอันน่าจดจํา คอร์สเมนูมีให้เลือกระหว่าง L’ESSENZA 6 คอร์ส ราคา 3,980++ บาท และ L’OPERA COMPLETA 8 คอร์ส ราคา 5,980++ บาท รวมทั้งมีเมนูไวน์แพร์ริ่งด้วย เริ่มเปิดประสบการณ์ด้วยการชมครัวเปิดใกล้ๆ และพูดคุยกับเชฟอเลส ถึงหลากหลายวัตถุดิบชั้นเลิศที่เราจะได้ลิ้มลองกัน ทั้งพืชผักนานาชนิด ซิตรัสสายพันธุ์ต่างๆ ผลไม้แปลกๆ อย่าง Tamarillo จากออสเตรเลีย ทรัฟเฟิลดำจากทัสคานี น้ำส้มสายชูบัลซามิก 40 ปี น้ำมันมะกอกพิเศษของเชฟเปาโล ซีฟู้ดจากญี่ปุ่น กุ้งแดงจากสเปน และเป๋าฮื้อจากเกาหลี เป็นต้น จากนั้นผ่อนคลายก่อนมื้ออาหารไปกับชาแก่นตะวันรสเข้มข้นหยดน้ำมัน Bhudda’s Hand ก่อนเริ่มลิ้มลอง Snacks ได้แก่ ทาร์ตเล็ตต์เบียร์ ทาร์ตบางกรอบใส่ถั่วหวานฉ่ำ ตามด้วยโคลด์คัตในแบบที่แปลกตา มูสแฮมมอร์ตาเดลลา รสแฮมครีมมี โคนทำจากแป้งโดว์พาสตา โรยหน้าพิสตาชิโอสับ และ ไข่ตุ๋นไข่หอยเม่น เสิร์ฟร้อนในซุปกลมกล่อมละมุนมาก ตามด้วย The Bread ขนมปังอบใหม่ร้อนๆ จิ้มกินกับน้ำมันมะกอกพิเศษที่กลิ่นและรสจัดเต็ม คอร์ส L’ESSENZA 6 คอร์ส เริ่มต้นด้วยสตาร์ทเตอร์เย็นจานซิกเนเจอร์ของเชฟเปาโล Hamachi งดงามราวกุหลาบที่กำลังเบ่งบาน เนื้อปลาฮามาจิดรายเอจ 1-2 วันก่อนนำมาเคียวร์เพิ่มรสชาติ ปลาเนื้อมันรสหวานละมุนลิ้นเสริมรสด้วยน้ำมันใบชิโสะและคอมบุ เสิร์ฟในซุปกะหล่ำปม (kohlrabi juice) ให้กลิ่นสโมกกีและรสสดชื่น ใส่หัวไชเท้าสีชมพู (watermelon radish) เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบ ทอปด้วยสาหร่ายพวงองุ่น ทั้งสวยและอร่อยมาก จานต่อมาดีงามไม่แพ้กัน Duck Cappeletti พาสตาโฮมเมดรูปหมวดสอกไส้ขาเป็ดกงฟีบดกับสมุนไพรรสกลมกล่อมราดด้วยซอสเนยและใบไทม์ ครีมมีละมุนลิ้นทั้งตัวแป้งและไส้ ไม่รู้สึกถึงเท็กซ์เจอร์ที่เป็นเส้นของเนื้อเป็ดเลย ตามด้วยจานข้าวสีสดใส Risotto Carabinero ริซอตโตรสเข้มข้นด้วยพาร์มีซานและพาร์สลียุโรปที่ให้สีเขียวเข้มสะดุดตา ทอปด้วยคาราบิเนรอส หรือกุ้งแดงสเปนเนื้อหวานฉ่ำ ใส่ส้มคัมควอตฝานบางและยูสุเจลให้รสเปรี้ยวอมหวานตัดความครีมมีอย่างลงตัว เมนคอร์ส Kinmedai ปลาคินเมไดดรายเอจเนื้อแน่นย่างให้หนังตึงและหอมสโมกกี เคียงกับข้าวโพดอ่อนย่าง พูเร่ข้าวโพด และหอมดอง ราดซอสแชมเปญเพิ่มรสสดชื่น เรียบง่ายแต่อร่อยถึงรสชาติวัตถุดิบ และสนุกไปกับสัมผัสหลากหลายยามเคี้ยว คั่นด้วยของหวานล้างปาก Granita กรานิตาตะไคร้และข่าบนเจลมะพร้าวอินฟิวส์กับใบโหระพาไทย ทอปด้วยสโนว์โคโคนัทหอมหวาน เป็นรสชาติแบบไทยที่น่าประทับใจ ปิดท้ายด้วย The Apple ของหวานที่รวมความอร่อยจากแอปเปิล ไม่ว่าจะเป็นเอสพูมาแอปเปิล เจลแอปเปิล ชิปส์แอปเปิล ผงแอปเปิล ผสมผสานกับเจลาโตซอลต์เต็ดคาราเมลใส่ผิวเลมอน ปิดท้ายด้วยการหยดน้ำส้มสายชูบัลซามิกหมักเข้มข้นอายุ 40 ปีของเชฟเปาโล 2-3 หยด ให้กลิ่นรสหอมหวานผสานทุกอย่างให้เข้ากัน จบมื้อด้วย Petit Fours เปี่ยมสีสัน เริ่มจาก Darth Vader เจลลีวิสกี้รสเข้มซิกเนเจอร์ของเชฟเปาโล ถูกใจแฟน Star Wars แน่นอน ตามด้วย ราสป์เบอร์รีมาร์ชเมลโล ช็อกโกแลตดาร์คพราลีนและชาไทย ชูว์สอดไส้กล้วยและกานาชและยูสุเจล ทาร์ตเสาวรสทอปด้วยเมอร์แรงก์อิตาเลียน และผลไม้ล้างปาก สตรอว์เบอร์รีจากญี่ปุ่น แก้วมังกรสีเหลืองรสหวานฉ่ำ และ Tamarillo ผลไม้รสคล้ายมะเขือเทศออกขมนิดๆ ใส่เจลคาลามันซีตัดรสขม   ความสร้างสรรค์และพิถีพิถันที่อัดแน่นเต็มเปี่ยมนี้ เปลี่ยนภาพจำที่เรามีต่ออาหารอิตาเลียนไปเลย อยากลิ้มลองอาหารอิตาเลียนในมุมมองใหม่ระดับเชฟมิชลินไม่ควรพลาด

เรียกได้ว่าเป็นพิกัดมหาชนของช่วงเวลานี้เลยก็ว่าได้สำหรับ Sunspirit Bangpu ร้านอาหารวิวดีริมทะเล โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากชายฝังเมดิเตอร์เรเนียนและบ้านสวนริมทะเลในลอสแองเจลิสที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่ทันสมัยและเปี่ยมด้วยความอบอุ่นจากโทนสีที่ใช้ ทุกพื้นที่ดีไซน์ให้ใกล้ชิดธรรมชาติตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงบริเวณตัวอาคารที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็หันไปเจอการเชื่อมต่อพื้นที่ให้เข้ากับหิน ต้นไม้ และน้ำทะเล ยิ่งใครมาช่วงเย็นก็สามารถเดินถ่ายรูปเช็กอินตามมุมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวของร้าน พร้อมสัมผัสแดดอุ่นๆ และความสงบของท้องฟ้าเคล้ากลิ่นอายลมทะเลแบบพาโนรามา นอกจากบรรยากาศจะดีแล้วอาหารก็อร่อยไม่แพ้กันเพราะทะเลคือหัวใจหลักของครัว ที่ร้านจึงเน้นเสิร์ฟเมนูหลากสัญชาติที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นย่านบางปู ไฮไลต์อยู่ที่ซีฟู้ดทะเลไทยนำมาปรุงอย่างพิถีพิถันและเสิร์ฟวัตถุดิบสดใหม่ทุกออเดอร์ไม่ว่าจะมื้อกลางวันของครอบครัว หรือแม้กระทั่งมื้อเย็นสุดโรแมนติกท่ามกลางวิวทะเล อย่าพลาด Crab Curry with Betel Leaves แกงคั่วปูใบชะพลู เมนูอาหารใต้รสเข้มข้นให้เนื้อปูแน่นชาม จัดเสิร์ฟคู่ขนมจีนกินเข้ากันได้เป็นอย่างดี ต่อด้วย Crispy Morning Glory Salad ยำผักบุ้งชุบแป้งทอดจนเหลืองกรอบ กินกับน้ำยำรสแซ่บหอมกลิ่นพริกเผา ด้านในมีเนื้อกุ้งและถั่วลิสงให้เคี้ยวเพลิน ถัดมาคือ Pork Chop สเต๊กหมูชิ้นใหญ่ เคียงด้วยผักย่าง มันบดทรัฟเฟิล เสริมรสด้วยซอสพริกไทยดำแสนอร่อย และ Angel Hair AOP Seafood พาสตาผัดพริกแห้งกระเทียมซีฟู้ด ให้เครื่องแน่นแบบไม่หวง ได้รสเผ็ดถึงเครื่อง ใครเป็นสายนั่งชิลริมทะเลก็อย่าลืมสั่งครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่าง Strawberry Smoothie สตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ตปั่นจนเนื้อเนียนละเอียด ให้รสหอมหวานนวลๆ หรือจะเป็น Sunset Whisper ซิกเนเจอร์ค็อกเทล ได้รสเข้มจากไวน์โรเซ่ จิน และมอสคาโต เพิ่มความสดชื่นด้วยเลมอนและโซดาเล็กน้อย เพียงแค่ 40 นาที จากกรุงเทพฯ ก็สามารถสัมผัสกับความเรียบง่ายที่เติมเต็มใจได้อย่างไม่รู้ตัว

ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนแล้วที่ Duet by David Toutain (ดูเอ็ท บาย เดวิด ทูแทง) ห้องอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยโดย เชฟเดวิด ทูแทง (David Toutain) เชฟมิชลิน 2 ดาวจากปารีส ร่วมกับเชฟวาลองแต็ง ฟูอาซ (Valentine Fuache) พร้อมนำเสนอจานอร่อยสุดสร้างสรรค์จากวัตถุดิบตามฤดูกาล ภายใต้บรรยากาศกลาสเฮาส์แสนสวยบนชั้น 7 โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ (The Ritz-Carlton, Bangkok) คอร์สเมนูใหม่ประจำฤดูใบไม้ผลิ “Spring Menu” มาพร้อมหลากหลายเมนูที่สดใหม่และงดงามดุจงานศิลปะ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Racines, Fleurs et Feuilles” เป็นภาษาฝรั่งเศสหมายถึง Roots, Flowers and Leaves ดึงเอาความอร่อยของพืชพันธุ์และสมุนไพรที่งอกงามยามฤดูหนาวผ่านพ้นทั้งในส่วนของ “ราก ดอก และใบ” มาสู่จานอาหาร อาทิ แนสเซอร์เทียม ฮอร์สแรดิช บรอนซ์เฟนเนล และต้นกระเทียมป่า ปรุงด้วยเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสอย่างพิถีพิถัน และอย่างที่รู้กันว่าฤดูใบไม้ผลิมีระยะเวลาไม่ยาวนาน เราจึงอยากชวนให้รีบมาลิ้มลองสีสันและรสชาติแห่งฤดูกาลนี้กัน ประทับใจแรกพบด้วย Snacks 3 คำ Nasturtium ชูรสเผ็ดอ่อนๆ จากดอกแนสเซอร์เทียมผสานกลิ่นเย็นสดชื่นของเอพิเซีย Miso โรลครีมโฟมมิโสะขาวรสอ่อนโยนผสานกับเรนโบว์แรดิชกรุบกรอบ ปิดท้ายด้วย Horseradish เบนเย่ (Beignet) หรือโดนัทโฮมเมดสไตล์ฝรั่งเศสสอดไส้เมล็ดมัสตาร์ดและฮอร์สแรดิชรสเผ็ดซ่าทอปด้วยบีตรูตพูเร่ รสจัดจ้านแต่สดชื่นเรียกความอยากอาหาร แนะนำให้จับคู่กับไวน์หรือเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอลล์เพื่อความเพลิดเพลินยิ่งขึ้น คอร์สแรก Bronze Fennel หอยนางรม Ostra Regal ที่มีความครีมมีเคียงมากับถั่วชิกพี ทอปด้วยบรอนซ์แฟนเนลที่ให้กลิ่นและรสหวานปนเย็นซ่านิดๆ ขับให้โดดเด่น ตามด้วย Tarragon ลิ้มรสความหวานกรอบของหน่อไม้ฝรั่งต้นอวบ ตัดด้วยรสเปรี้ยวหอมซิตรัสของส้มคัมควอต เพิ่มความสดชื่นด้วยทาร์รากอนซอร์เบต์ ตามด้วยขนมปังอบใหม่เสิร์ฟกับเนยผสมน้ำมันเซจ จานถัดมา Kaffir Lime จับคู่เนื้อปูม้ากับซอสเห็ดมอเรล ผสานความอร่อยจากผืนป่าและท้องทะเลด้วยน้ำมันมะกรูดดึงความสดชื่น ตามด้วย Bear Garlic พืชป่าตระกูลเดียวกับกระเทียมและหอมที่หมีมักกินหลังออกจากฤดูจำศีลเพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหาร นำมาทำเป็นพาสตากระเทียมที่รสชัดแต่ไม่แรงให้กลิ่นหอมอ่อนๆ คอร์สต่อมา Basil เนื้อหมึกฝานเป็นเส้นเล็กๆ เข้ากับถั่วกรีนพีที่หวานและกรอบ ราดซอสที่ชวนสดชื่นจากกลิ่นโหระพา และ Wasabi ปลาพ็อลล็อกเนื้อนุ่มสอดแทรกกลิ่นรสเผ็ดซ่าของวาซาบิ เสิร์ฟเคียงกับจานหน่อไม้ฝรั่งขาวในโฟมครีมรสละมุน จานหลัก Seaweed เนื้อแกะย่างนุ่มและหอมไร้กลิ่นคาว จับคู่อย่างน่าสนใจกับสาหร่ายและไข่หอยเม่นที่ให้รสเค็มอ่อนๆ ของทะเลและรสหวานอูมามิ มากับจานเคียงมันบดเนื้อเนียนและเนื้อแกะตุ๋นจนนุ่มละลายในปาก ตามธรรมเนียมฝรั่งเศสต้องคั่นด้วยจานชีส ซึ่งเสิร์ฟเป็น Fleurs de Lacs ชีสเนื้อครีมมีเข้มข้นที่หอมอบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้นานาพรรณ เสิร์ฟกับโทสต์ซาวร์โดฟรุตเบรดและเจลลีใบมะเดื่อดอง ก่อนเข้าสู่ Trou Normand ของหวานเคลียร์พาเล็ตต์ที่อินสไปร์จากวัฒนธรรมการดื่มคาลวาโดส (Calvados เหล้าแอปเปิล) ของแคว้นนอร์มังดี แอปเปิลซอร์เบต์และเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ ทอปด้วยไลม์ฟิงเกอร์ ตามด้วย Verbena ของหวานจากสมุนไพรที่ให้กลิ่นเลมอนชวนสดชื่น ทอปด้วยเจลลีทำจากเหล้ามักกอลลีของเกาหลีรสละมุน เสิร์ฟกับซอร์เบต์มะนาวและไบไทม์ อร่อยและรีเฟรชมาก ก่อนปิดท้วยด้วย Petit Fours “ทาร์ตเบียร์” ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินวาฟเฟิลกับเบียร์แบบเบลเยียมที่เชฟชื่นชอบ ให้รสเบียร์เข้มข้นทั้งหอมและขมดึงดูดใจ Duet by David Toutain Spring Menu รวมความสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิมาไว้ในจานอาหารอย่างน่าประทับใจ ชวนให้เพลิดเพลินไปกับการจับคู่วัตถุดิบอันแตกต่างเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จนถึงศิลปะในการจัดจานที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจทุกรายละเอียด มาสัมผัสรสชาติอันลึกล้ำของวัตถุดิบในฤดูใบไม้ผลิกันได้ตั้งแต่วันนี้

ฟู้ดดี้คนไหนกำลังรอ “เมนูใหม่” จาก Ma Maison ร้านอาหารไทยโฮมคุกตำรับคุณหญิงสิน เศรษฐบุตร ภรรยาสุดที่รักของนายเลิศ คงได้สมหวังแล้วคราวนี้ เพราะเขาเพิ่งเปิดตัวจานอร่อยใหม่ๆ มาเอาใจคนรักอาหารไทยและซีฟู้ดโดยเฉพาะ พร้อมเสิร์ฟแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลิ้มลองแล้วยังได้รื่นรมย์กับสวนสวยรื่นรื่นของบ้านปาร์คนายเลิศอีกด้วย เมนูแรกคือ จุ๋ยก้วย แป้งข้างจ้าวรูปถ้วยเนื้อนุ่มเด้ง กินกับไชโป๊ผัดรสเค็มปนหวาน ราดด้วยน้ำจิ้มสูตรลับรสเผ็ดเล็กน้อย ต่อด้วย ยำยอดมะระหวานกุ้งสด ยอดมะระกรุบกรอบ คลุกเคล้ากับกุ้งเนื้อเด้งและน้ำยำรสเปรี้ยวเผ้ดจี๊ดจ๊าด หลนเนื้อปูก้อน ก็น่าสนใจ หลนรสหวานนุ่มนวล เสริมความอร่อยด้วยเนื้อปูก้อนโตๆ และไข่ปูครีมมี กินกับผักสดนานาพันธุ์ แกงเทโพปลาสละแดดเดียว เปลี่ยนจากเนื้อหมูนุ่มนิ่ม มาเป็นปลาสละแดดเดียวรสเค็มกลมกล่อมก็เข้าม่าไม่แพ้กัน ตามด้วย กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่น่าอร่อย สีเหลืองทองเนื้อฉ่ำใน ได้รสเค็มเล็กๆ ของเกลือป่น เติมความเผ็ดร้อนด้วยพริกไทย ยังอยู่กันที่เมนูซีฟู้ดอย่าง ปลาหมึกผัดกะปิกระเทียมโทน ปลาหมึกเนื้อหนึบชิ้นใหญ่ๆ มิ๊กซ์กับกะปิรสนัวจากคลองโคน เสริมรสหวานละมุนด้วยกระเทียมโทน   ปิดท้ายด้วย ส้มฉุน  ของหวานคลายร้อนสไตล์ไทยๆ ที่กินได้ทุกฤดูกาล รสหวานของน้ำเชื่อมส้มซ่า เข้ากันได้ดีกับผลไม้ต่างๆ อย่าง ส้ม ลิ้นจี่ สละ และทับทิม   เป็นอีกหนึ่งร้านที่มาแล้วไม่เคยผิดหวัง

Tag:

ครั้งแรกในไทยกับแบรนด์ช็อกโกแลตที่นักชิมทั่วโลกต่างชื่นชม เมื่อ Läderach (แล เดอ รัค) แบรนด์ช็อกโกแลตระดับพรีเมียมจากสวิตเซอร์แลนด์ ได้ฤกษ์เปิดสาขาแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้า เอ็มควอเทียร์ ใจกลางกรุงเทพฯ โดยการนำเข้าของ Gill Capital กลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกมากมายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเปิดตัวในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการขยายตลาดของแบรนด์ Läderach ในเอเชีย แต่ยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่จะได้สัมผัสกับ ช็อกโกแลตแฮนด์คราฟต์คุณภาพเยี่ยม ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดโกโก้ชั้นเลิศจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลก จนถึงการใช้วัตถุดิบสดใหม่จากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งแบรนด์ให้ความสำคัญทั้งเรื่องคุณภาพและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคมในทุกกระบวนการผลิต เมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ FrischSchoggi (ฟริช-ช็อกกี้) หรือ "ช็อกโกแลตสด" ช็อกโกแลตแผ่นทำมือที่ใช้ถั่วและผลไม้พรีเมียมผสมผสานกับช็อกโกแลตสวิสคุณภาพสูง ที่มาพร้อมกับช็อกโกแลตประเภทต่าง ๆ เช่น พราลีน ทรัฟเฟิล และขนมที่เคลือบช็อกโกแลต เหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษ คุณ Philippe Lassaux CEO ของ Gill Capital Thailand & Cambodia กล่าวว่า การเปิดร้าน Läderach สาขาแรกในไทยครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการขยายธุรกิจตลอดปี 2568 เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคชาวไทยที่มองหาช็อกโกแลตคุณภาพระดับสากล “เอ็มควอเทียร์เป็นศูนย์การค้าที่สะท้อนไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีรสนิยมได้อย่างลงตัว จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดในการเปิดตัวแบรนด์ Läderach สู่เมืองไทย” แวะมาสัมผัสช็อกโกแลตสวิสระดับพรีเมียมที่ Läderach สาขาแรกในไทยที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์กันได้แล้วตั้งแต่วันนี้

ใครกำลังมองหาร้านอร่อยบรรยากาศแสนสบายนาทีนี้ไม่มีที่ไหนจะเหมาะไปกว่า “Shelly House” ร้านบรันช์สไตล์ออสเตรเลียเปิดใหม่แห่งซอยสาทร 2 ตัวร้านเรียกได้ว่าถอดแบบมาจากบ้านที่ตั้งอยู่บนชายหาด Shelly Beach หนึ่งในหาดชวัญใจนักท่องเที่ยวประจำเมืองซิดนีย์อย่างไรอย่างนั้น บ้านสีขาวที่ล้อมล้อมด้วยกระจกใส ที่ภายในสาดส่องด้วยแสงธรรมชาติ เข้ากันดีกับโทนสีน้ำเงินคราม และเขียว ที่สื่อถึงคลื่นทะเลซู่ๆ และต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นอยู่รอบริมชายหาด พร้อมเสิร์ฟมื้อสาย All Day Dining สไตล์ออสเตรเลียที่ชูเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบ ไม่เน้นการปรุงแต่งมากนัก มีทั้งเมนูคลาสสิกคุ้นเคย ได้แก่ แซนด์วิชหน้าเปิด สเปาเก็ตตี้ เบอร์เกอร์ สมูตตี้โบวล์ หรือจะเป็นจานอร่อยแบบฉบับเมดิเตอร์เรเนียน ที่เสริมเรื่องความหลากหลายให้ฟู้ดดี้ชาวต่างชาติอย่าง ฮัมมูส ชักชูก้า มูซาก้า ฟาลาเฟล และสลัดต่างๆ นอกจากนี้ยังมีขนมอบโฮมเมด กาแฟ และสมูตตี้เพื่อคนรักสุขภาพอีกด้วย จานแรกเป็น Kale Salad สลัดผักเคลชามใหญ่ที่ประกอบด้วยผักเคลสด กรุบกรอบ ผักเคลย่าง ฟักทองบัตเตอร์นัตหอมมัน ลูกฟิก รสหวาน ราดน้ำสลัดโยเกิร์ตรสครีมมี ผสมผักชีลาวหอมๆ ตามด้วย Shakshuka อาหารเช้าสไตล์แอฟริกัน ที่โดดเด่นด้วยไข่ดาวอิ่มเอม ซอสมะเขือเทศโฮมเมดรสเปรี้ยวกลมกล่อม ตัดเลี่ยนด้วยเครื่องเทศต่างๆ และพริกปาปริกา ไปต่อกับอาหารเช้าสไตล์เมดิเตอเรนเนียนอย่าง Crispy Turkish Eggs ไข่ดาวสไตล์ตุรกี เข้ากันดีกับโยเกิร์ตรสเข้มข้น ผสมน้ำมันกระเทียมและเนย เพิ่มความเผ็ดร้อนสักนิดด้วยพริกอาเลปโป กินคู่แฟลตเบรดโฮมเมดพองๆ หรือจะลอง Beetroot บีตรูตสีแดงสวย ดองในน้ำมันมะกอกชั้นดี ท็อปด้วยปูเนื้อหวาน คนรักเส้นต้องเลิฟ Linguine with Clams and Fresh Herbs เส้นลิงกวินีเหนียวนุ่ม ผัดพร้อมหอยกาบตัวอ้วน เนื้อหวาน โรยด้วยสมุนไพรหอมๆ เด็กอ้วนถูกใจ Bacon & Egg Roll เบอร์เกอร์ชิ้นโตๆ น่าอร่อยที่ให้คุณเอ็นจอยกับขนมปังบันโฮมเมดเนื้อนุ่มปู ประกบเบคอนเนื้อนุ่มฉ่ำในที่เรารัก เบคอนทอดกรอบ ไข่คน ผักสด ราดด้วยซอสศรีราชาและมายองเนสรสกระเทียม หนึ่งในเมนูขายดี Grill Fish Fillet, Butter Tomato Dashi, Mushrooms ปลากระพงย่างเนื้อฉ่ำ หนังกรอบเกรียม ล้อมรอบด้วยซุปดาชิรสกลมกล่อม ที่ทำมาจากเห็ดและมะเขือเทศ ของหวานเราเลือกเป็น Sticky Date Pudding พุดดิ้งอินทผาลัมเนื้อแน่นรสหวาน เสิร์ฟมาอุ่นๆ กินคู่ไอศกรีมวานิลลาโฮมเมดรสหอมมัน ฟินเกินคำบรรยาย จิบคู่ Summer Berries สมูตตี้สีแดงรสเปรี้ยวอมหวานที่เป็นการรวมตัวกันของผลไม้ตระกูลเบอร์รี แตงโม และส้ม ปิดท้ายด้วย Pina Colada รสหวานละมุน หอมกรุ่นนุ่มนวลของน้ำสับปะรดและนมมะพร้าว มากประโยชน์ เหมือนได้นั่งชิลกินของอร่อยในบ้านตากอากาศเลย

หลังจากส่ง Baan Dalaa by Angkana มาเป็นขวัญใจสายฟู้ดเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้เชฟแอนนี่ - อังคณา​ ก็สานต่อความอร่อยบทใหม่ที่เอาใจคนรักอาหารใต้เช่นเคย เพิ่มเติมคือรสเผ็ดจัดจ้านสมคำล่ำลือว่านี่คืออาหารใต้ตำรับเกาะพะงันแท้ๆ กับ ครัวลูกสาวใต้ บายอังคณา ร้านอาหารใต้ป้ายแดงใหม่เอี่ยมของเชฟแอนนี่ ที่เสิร์ฟอาหารคอมฟอร์ดฟู้ดสไตล์ดินแดนใต้ กินง่ายๆ ในแบบฉบับแกงราดข้าว แน่นอนว่าวัตถุดิบส่วนใหญ่ยังคงลำเลียงมาจากเกาะพะงัน เน้นรสชาติร้อนแรงตามแบบฉบับลูกสาวชาวใต้ พร้อมให้คุณลิ้มลองแล้วได้ที่ เซ็นทรัล ศาลายา (บริเวณชั้น 1) จานแรกเป็น หมูคลุกโคลน เมนูกินง่ายๆ ที่ใครชิมต่างก็ชอบ หมูสามชั้นโดนใจเด็กอ้วน คลุกเคล้ากับกะปิรสเค็มนัวจากตำบล คลองโคน ตามด้วย สะตอผัดกุ้งและหมู สะตอแสนอร่อยที่คนรักอาหารไทยเลิฟ มิ๊กซ์กับกุ้งเนื้อเด้งจากแดนใต้ หมูสับ เพิ่มรสเค็มและเผ็ดได้ที่ด้วยกะปิอย่างดี และพริกแกงตำเอง ติดใจจริงๆ กับ แกงไก่กล้วยดิบ ที่เชฟแอนเลือกใช้เป็นกล้วยน้ำว้าเนื้อแน่น เข้ากันดีกับไก่เนื้อนุ่มและน้ำซุปรสครีมมี มีความหวานปลายลิ้นเล็กๆ คั่วกลิ้ง หนึ่งในเมนูขายดีตลอดการ หมูสับเนื้อแน่นนุ่ม มิ๊กซ์กับพริกแกงใต้สูตรเด็ดของเชฟแอน อร่อยจัดจ้าน แกงส้มปลาทูสดมะละกอ แกงส้มใต้รสจัดจ้าน ที่เติมความอร่อยด้วยมะละกอ และปลาทูสดตัวใหญ่บิ๊กเบิ้ม แก้เผ็ดด้วย ไข่พะโล้ จานอร่อยคอมฟอร์ดฟู้ดของสายฟู้ดหลายคน เพราะรสหวานละมุน บวกกับเนื้อหมูที่ตุ๋นจนเนื้อเปื่อยนุ่ม ยังไม่อิ่มสั่ง ปลาทูทอด ที่ทางร้านใช้เป็นปลาทูสดเนื้อเด้งจากเกาะพะงัน ทาด้วยขมิ้นเพื่อดับกลิ่นคาวและเสริมความหอม ปิดท้ายด้วย ไก่ก้อนทอด ไก่ก้อนลูกกำลังกินเนื้อฉ่ำใน รสเค็มเล็กๆ กินกี่ชิ้นก็เพลิน รสชาติดีติดไปหมดทุกอย่าง

ได้คะแนนเต็มจากคนรักติ่มซำไปแบบล้นพ้นจริงๆ สำหรับ Dim Sum Afternoon Tea ชุดน้ำชายามบ่ายติ่มซำแสนอร่อยจาก HEI YIN ร้านอาหารจีนกวางตุ้งขนานแท้ ณ Gaysorn Village ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากจีนกวางตุ้งโบราณ ซึ่งถือกำเนิดมาจากเมืองกวางโจวที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศอย่าง ซีฟู้ด และผัก-ผลไม้ตามฤดูกาล ผู้นำความอร่อยคือเชฟแจ็คกี้ ชาน เชฟชาวฮ่องกงเจ้าของประสบการณ์การทำอาหารกว่า 40 ปี พร้อมให้คุณดื่มด่ำกับชุดน้ำชายามบ่ายที่ประกอบด้วยติ่มซำโฮมเมด (ทั้งคาวและหวาน) เสิร์ฟพร้อมชาจีนพรีเมี่ยม 8 ชนิด หรือจะเปลี่ยนเป็นค็อกเทลหรือม็อกเทลตามฤดูกาลก็อร่อยไม่แพ้กัน  ขอเริ่มจาก ซุปเกี๊ยวเซี้ยงไฮ้กุ้งหมูกังป๋วย เกี๊ยวตัวอ้วนแป้งบางกริบ สอดไส้หมูและกุ้งเนื้อเด้ง อยู่ในน้ำแกงกังป๋วยรสนุ่มนวลกินเพลิน ตามด้วย ถ้วยทองฟรุ๊ตสลัด แป้งปอเปี๊ยะสีเหลืองทองกรุบกรอบ เข้ากับดีกับสลัดผลไม้รสครีมมีสดชื่น ท็อปด้วยกุ้งตัวโต เผือกทอดทะเล ที่ทำเป็นรูปหงษ์สีขาวสง่างาม เผือกเนื้อแน่นเนียน ผสมกับซีฟู้ดสดเด้ง ราดน้ำจิ้มบ๊วยรสหวานเข้ากัน เราชอบ พายทุเรียน มากมาย แป้งพัฟเพสทรีสีชมพู สอดไส้ทุเรียนกวนโฮมเมดรสหวาน กลิ่นหอม ใครได้ลองเป็นอันติดใจ ซาลาเปาลูกเกดแอปเปิ้ล รูปลูกท้อน่าลิ้มลองเป็นที่สุด ซาลาเปาแป้งนิ่ม เข้ากันดีกับรสเปรี้ยวอมหวานของแอปเปิ้ลและลูกเกด คนรักติ่มซำถูกใจ สาหร่ายม้วน ติ่มซำลูกใหญ่ที่ทำจากกุ้งเนื้อแน่น เข้าคู่ปลาเก๋าเนื้อสด ปิดท้ายด้วย ฮะเก๋าปลาทองนำโชค ฮะเก๋ารูปปลาทองตัวอ้วน น่ารักน่ากิน ไส้กุ้งข้างในทั้งนิ่มทั้งเด้ง จิบคู่ชาจีนพรเมี่ยม 8 ชนิดที่ครั้งนี้เราเลือกเป็น ชาทิกวนอิม รสนุ่มนวลจิบง่าย หอมกลิ่นดอกไม้ปลายลิ้น หรือสายดื่มจะเลือกเป็นค็อกเทลหรือม็อกเทลก็ย่อมได้

Sarnies คาเฟ่ที่มีต้นกำเนิดจากสิงคโปร์ นอกจากจะเสิร์ฟกาแฟหอมกรุ่นแล้ว ยังบริการอาหารหลากหลายเมนู ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 สาขาทั่วกรุงเทพ ได้แก่ สาขาเจริญกรุง 2 แห่ง สาขาตลาดน้อย สาขาเพลินจิต และสาขาสุขุมวิท 37 แต่ละที่มีลูกค้าประจำซึ่งส่วนใหญ่คือผู้พักอาศัยของคอนโดย่านนั้นแวะเวียนเข้าออกตลอดวัน เชฟธีโอเชฟประจำร้านมีความถนัดในการทำอาหารเอเชียและฝรั่งเศส และสั่งสมฝีมือในการเป็นผู้ช่วยเชฟร้านดัง รวมถึงที่ Connaught Bar บาร์เจ้าของรางวัลอันดับ 1 ในรายการ World’s 50 Best Bars ปี 2020 และ 2021 จนได้นำหลักการและไอเดียมาใช้กับร้าน Sarnies ที่สาขาสุขุวิทผ่านเมนูฟิวชันน่ากินหลายสิบเมนู จานแรกขอรับประกันความอร่อยสำหรับคนชอบกินเส้น Mentaiko salmon pasta รสกลมกล่อม Miso kombu eggs benedict เมนูที่ตั้งใจผนวกรวมความเป็นญี่ปุ่นและความเป็นตะวันตกเข้าด้วยกันผ่านเมนูไข่เบเนดิกต์ท็อปด้วยซอสฮอลแลนเดซผสมคอมบุมิโซะ แทรกด้วยแซลมอนอะบูริ ต้นหอมผัดเครื่องปรุงชิจิมิ โทการาชิ Wood fired donabe rice ข้าวอบหม้อดินสไตล์ญี่ปุ่น รวมส่วนผสมอร่อยทั้งหมูชาชูน้ำผึ้งเคี้ยวนุ่ม ต้นหอม เห็ดที่หมักรสชาติมาแล้ว รวมถึงผสมซุปมิโซะเล็กน้อยให้รสกลมกล่อม และปิดท้ายด้วยไข่แดงออร์แกนิก และห้ามพลาดเด็ดขาดกับพิซซาเปปเปอโรนีโฮมเมด จัดเต็มด้วยชีสสตราเซียเทลลา ก่อนเสิร์ฟเพิ่มความพิเศษโดยราดน้ำผึ้งเพื่อความหวานละมุน ไม่แปลกใจที่จะชื่อเมนู Land of milk & honey ความพิเศษของร้าน Sarnies ที่หลายคนนชอบคือการเปลี่ยนสไตล์การตกแต่งร้านให้เข้ากับพื้นที่ในแต่ละสาขา อย่างเช่นสาขาสุขุมวิทจะเน้นความมินิมอลแบบญี่ปุ่น ส่วนสาขาเจริญกรุงจะตกแต่งสไตล์ลอฟต์ เป็นต้น   ใครลองแล้วน่าจะชอบกันนะ

คลายความเหนื่อยล้าจากการทำงานที่ The Mesh Bar & Restaurant เสิร์ฟบรรยากาศการรับประทานอาหารรูปแบบใหม่ในธีมสปอร์ตบาร์ใจกลางเมืองย่านสุขุมวิท มื้อกลางวันไว้ใจได้กับเมนูอาหารหลากสไตล์หลายสัญชาติ แล้วเปลี่ยนมู้ดสู่การแฮงเอาต์สุดชิคยามค่ำคืนภายใต้คอนเซ็ปต์ "DINE – DRINK - PLAY" ภายในร้านบรรยากาศโปร่งโล่งสบาย โดดเด่นด้วยบาร์ขนาดใหญ่ ด้านข้างเป็นเวทีดนตรีสดที่มีโต๊ะวางเรียงรายหลายมุมห้อง ตรงกลางมีโต๊ะพูลไว้สำหรับเล่นสังสรรค์ รวมถึงมีบอร์ดเกมไว้ลับคมสมองกับเพื่อนๆ ส่วนเมนูอร่อยของเดอะ แม็ช ก็พร้อมเสิร์ฟทั้งอาหารไทย เวสเทิร์น แลฟิวชัน ที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดยเชฟมากประสบการณ์ แนะนำเมนูซิกเนเจอร์ที่ต้องลอง ได้แก่ ข้าวซอยไก่เส้นเฟตตูชินีหมึกดำ รสเข้มข้นหอมกลิ่นเครื่องเทศ ยำส้มโอ ยำรสจัดจ้านเข้ากันได้ดีกับส้มโอรสหวานฉ่ำน้ำ ท็อปด้วยกุ้งตัวโต โรยด้วยทับทิมสีสวย ส้มตำไทย ได้รสเปรี้ยวอมหวานตามแบบฉบับของส้มตำไทย มีกุ้งแห้ง แคบหมู และถั่วลิสงคั่วเพิ่มความอร่อย หมูสามชั้นหมักกรอบ หมูสามชั้นทอดจนเหลืองกรอบ เสิร์ฟพร้อมซอสชิมิชูรีและผักกวางตุ้งย่าง และ เดอะแม็ชเบอร์เกอร์ เบอร์เกอร์เนื้อชิ้นใหญ่ที่ราดซอสรสเข้มข้นและชีสมาให้แบบไม่หวง เพิ่มสีสันให้ชีวิตก่อนหมดวันด้วยเครื่องดื่มที่คัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น เบียร์ท้องถิ่นรสชาติดี หรือค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่สร้างสรรค์อย่างลงตัว ไฮไลต์อยู่ที่ Mesh Beer เบียร์พิเศษภายใต้คอนเซ็ปต์ Best Brews™ ช่วยเติมไฟให้คนวัยทำงานสุดๆ

หลังจากปักหมุดที่เยาวราชได้ไม่นาน “Claypot King” ร้านอาหารจีนโฮมคุกเปิดใหม่แกะกล่องก็ขยายโลเคชั่นมาที่ เดอะเซอร์เคิล ราชพฤกษ์ เอาใจชาวฝั่งธนฯ กันบ้าง ตัวร้านตกแต่งสไตล์จีนโมเดิร์นที่เน้นจากใช้สีมงคลของเมืองจีนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นสีแดงที่สื่อถึงความโชคดีมีความสุข และสีเขียว อันหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ รุ่งเรืองและร่มเย็น บวกกับไวบ์สว่างไสวที่ได้จากแสงธรรมชาติอันส่องผ่านกระจกใส ยิ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นเสมือนได้กินของอร่อยที่บ้าน ในส่วนของอาหาร Claypot King ถือคติ ‘อาหารคือยา’ รสชาติเชงเชงไร้ผงชูรส กลมกล่อมและมีประโยชน์ที่ได้มาจากสูตรเด็ดกว่า 30 ปีของอาม่า จานอร่อยสไตล์จีนที่ต้องเสิร์ฟร้อนๆ อย่าง ซุปตุ๋นเครื่องยาจีนซึ่งใช้เวลาเคี่ยวนาน 6 ชั่วโมง หรือจะเป็นข้าวอบหม้อดิน ที่ทำจากธัญพืช 5 สี และข้าวหอมมะลิหุงน้ำสต็อกไก่ ทำสดใหม่หม้อต่อหม้อ เรียกได้ว่าเป็นอาหารโฮมคุกที่กินง่าย และเหมาะสำหรับทุกวัย จากแรกเราสั่ง แฮ่กึ๊น สีเหลืองทองทอดร้อนจี๋ ได้สัมผัสเด้งนุ่มของกุ้งเนื้อหวาน กินคู่น้ำจิ้มบ๊วย ต่อด้วยหนึ่งในเมนูขายดี ข้าวไก่อบหม้อดิน ที่โดดเด่นด้วยข้าวหอมมะลิหุงน้ำสต๊อกไก่รสกลมกล่อม ท็อปด้วยเนื้อไก่ส่วนสะโพกเนื้อแน่นนุ่ม หมักอย่างดีเป็นเวลากว่า 1 วัน ด้วยน้ำซอสสูตรพิเศษที่ทำจากขิงและน้ำตาลมะพร้าว ยังมีกุนเชียงหมูมันน้อย และเห็ดหอมตุ๋นที่อร่อยไม่แพ้กัน ตามมาติดๆ กับ ข้าวซี่โครงหมูอบซอส โดยทางร้านใช้ซี่โครงหมูชิ้นโต หมักกับซอสสูตรเด็ดรสหวานละมุน ตุ๋นจนเนื้อซี่โครงนุ่มร่อน ซดน้ำซุปร้อนๆ กับ ไก่ดำตุ๋นยาจีน ไก่ดำทั้งตัวตุ๋นกับเครื่องยาจีนที่ช่วยบำรุงกำลัง รสชาติเชงเชงเหมาะแก่การเยี่ยมไข้เป็นอย่างยิ่ง ยังมี ไก่ตุ๋นโสม เมนูบำรุงร่างกายสไตล์จีนที่ใช้ไก่บ้านตัวอ้วนๆ เนื้อนุ่มฉ่ำ อยู่ในน้ำแกงโสมรสนุ่มนวล ซดได้เพลินๆ หลายคนชอบ กระเพาะหมูตุ๋นพริกไทย กระเพาะหมูใบใหญ่ที่ล้างจนสะอาด เข้ากันดีกับน้ำแกงกระดูกหมูเคี่ยวอย่างดี ก่อนเติมพริกไทยดำที่คุณสามารถเลือกความเผ็ดร้อนได้อย่างตามใจ หรือจะลอง หูฉลามเป๋าฮื้อน้ำแดงตุ๋นหม้อดิน จานอร่อยเลอค่าที่อยู่คู่กับภัตตาคารจีนมาเนิ่นนาน เอ็นจอยกับหูฉลามพรีเมี่ยมที่เรารัก เพิ่มเติมความฟินด้วยเป๋าฮื้อตัวใหญ่เนื้อหนึบ เข้ากันกับรสเปรี้ยวกลมกล่อมของจิ๊กโฉ่ว   สายหวานห้ามพลาด โอนีแปะก๊วย ขนมมงคลของชาวจีนรสหวานละมุนที่ ประกอบด้วยเผือกกวนโฮมเมดเนื้อเนียน แปะก๊วยมากประโยชน์ และพุทราจีนรสหวาน ส่วนเครื่องดื่มต้องนี่ เห่งหยิ๊ง นมอัลมอนสไตล์จีนที่รสชาติไม่เหมือนใคร ปิดท้ายด้วย ชาหอมหมื่นลี้ ชาร้อนรสนุ่ม มีกลิ่นหอมละมุนของดอกไม้อ่อนๆ นอกจากช่วยตัดเลี่ยนและซดคล่องคอแล้ว ยังช่วยลดไขมันอีกด้วย อร่อยมีประโยชน์ กินแล้วอบอุ่นหัวใจ

Bianca ร้านอิตาเลียนในเครือ lova Hospitality ที่ตกแต่งสไตล์มินิมอลสบายตาในเอ็มสเฟียร์ ดูเรียบง่ายใช้สีน้อยเน้นขาว-เขียว แต่รสชาติไม่ธรรมดา ไม่เช่นนั้นคงไม่เห็นทั้งชาวไทยและต่างชาติเต็มร้าน Jeriko Van Der Wolf เชฟใหญ่ของร้านเบียงกาฝึกวิชาเข้าครัวมาตั้งแต่เด็ก แถมเลือกเรียนโรงเรียนเฉพาะทางด้วยความมุ่งมั่นที่จะรังสรรค์อาหารสร้างความสุขให้คนกิน ประเดิมกันด้วยขนมปังฟอคคาเซียหลากหลายสไตล์ Bruschetta Nduja ฟอคคาเซียท็อปสตราเซียเทลลาชีส พริกหยวกกงฟี และ Nduja (ซาลามีรสเผ็ดของอิตาลี) Bruschetta Caprese ท็อปสตราเซียเทลลาชีส ใส่มะเขือเทศกงฟี และเพสโตโหระพา Bruschetta Truffle เนื้อสัมผัสครีมมี่จากทั้งมูสตับไก่และชีสพาร์เมซาน โรยหัวหอมดองและทรัฟเฟิล จานหลักเป็นพิซซา Coppa Stagionata มอสซาเรลลาชีสจัดเต็มหน้า และ Coppa Di Parma ใส่มะเขือเทศเชอร์รี โหระพา เพิ่มสตราเซียเทลลาชีส สโมคหอมๆ ให้คะแนนเต็มสิบไม่หัก ซิกเนเจอร์ของร้าน Bianca’s Lasagna เสิร์ฟในกระทะร้อน โบโลเนสหมูและเนื้อฉ่ำๆ กับซอสมะเขือเทศ มีทั้งชีสพาร์เมซานและริคอตตา ท็อปใบโหระพากลิ่นหอมและสร้างสีสัน เมนูนี้เหมือนยกทะเลมาไว้ตรงหน้า Risotto Pescatore ข้าว Carnaroli เม็ดสวยใส่กุ้ง หอยตัวเบิ้ม ปรุงกับซุปซีฟู้ดและซอสซัลซาเวร์เด ไม่ลืมใส่สตราเซียเทลลาชีสเพิ่มความมันนัว Bianca’s Tiramisu ของหวานที่เชฟถึงกับออกปากว่าต้องลองเพราะอร่อยที่สุดในกรุงเทพ! เนื้อเนียนนุ่ม หอมกาแฟ ไม่หวานเลี่ยน อร่อยจริงอย่างที่เชฟบอก และยังโชว์การเสิร์ฟด้วยการดึงที่ครอบออกให้ไหลลงมาบนจานเคลือบลายดูสวยงามเหมือนงานศิลปะ ล่าสุด มีให้เลือกอร่อยเพิ่มอีกร้านแล้วนั่นคือร้าน Holy Belly ร้านใหม่ในเครือเดียวกัน โดยร้านนี้จะเสิร์ฟ All Day Roast ทั้งเนื้อและไก่ รวมถึงอาหารอิตาเลียนอื่นๆ ที่ให้บรรยากาศเหมือนกินอยู่ที่บ้านกับครอบครัว   รีบพุ่งตัวเข้าเอ็มสเฟียร์กันด่วนๆ

G&C กลับมาเยือน Patt Bangkok ร้านอาหารไฟน์ไดนิงที่นำเสนออาหารยุโรปร่วมสมัยผสานกลิ่นอายจีนของ เชฟบิ๊ก-อรรถสิทธิ์ พัฒนเสถียรกุล อีกครั้ง ซึ่งใครเป็นแฟนของเชฟส์เทเบิลลับในโรงพิมพ์ “อยากทำแต่ไม่อยากกิน” ต้องจดจำเชฟผู้เปี่ยมเอเนอร์จีคนนี้ได้ดี และที่เรากลับมาครั้งนี้เพราะได้ข่าวว่าเชฟบิ๊กปลุกปั้นเมนูสำหรับฤดูกาลใหม่ของร้าน “Chapter 2” เสร็จแล้ว “จากที่คิดไว้ว่าจะปรับเมนูใหม่ทุก 3 เดือน ตอนนี้ผมจะปรับทุก 2 เดือนแล้วครับ” เชฟบิ๊กเล่าอย่างเปี่ยมพลังงานเหมือนทุกที นั่นเพราะเขากำลังสนุกกับการเฟ้นหาวัตถุดิบที่น่าสนใจจากทั่วโลกมาสร้างสรรค์เมนูใหม่ๆ ในแบบของต้วเอง ให้แขกทั้งขาประจำและขาจรได้ลิ้มลองกัน อาหารของ Patt Bangkok ต่างจากร้านอื่นๆ ของเชฟบิ๊ก เพราะยกระดับสู่ความเป็นไฟน์ไดนิงเต็มรูปแบบ สำหรับเมนูใน “Chapter 2” จะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นในการนำเสนออาหารโมเดิร์นยูโรเปียนโดยมีอิทธิพลของอาหารจีนมาผสมผสาน สร้างความแตกต่างด้วยวัตถุดิบและซอสที่มีเอกลักษณ์ ออกมาเป็นหลากหลายจานอร่อยใหม่ อาทิ จานเรียกน้ำย่อย Oyster Ostra Regal Gold จากฝรั่งเศส เกลซด้วยซอสพอนสึ ทอปด้วยโฟมหอยตลับให้รสชาติของทะเล เคียงมากับคิวคัมเบอร์มินต์ไลม์เชอร์เบตที่ให้ความเปรี้ยวสดชื่น วางมาบนหอมแดงเจียวและพริกเผาโฮมเมดเพิ่มรสชาติและสัมผัสกรอบ เสิร์ฟกับซอสกระถินคาเวียร์ ชวนให้นึกถึงสไตล์การกินหอยนางรมแบบไทยๆ ในรูปแบบที่เลิศหรู อีกจานที่เราชอบมาก Lobster ซึ่งเชฟนำส่วนหางและก้ามมาย่างถ่านบินโจตัน เนื้อหวานและชุ่มฉ่ำมาก เสิร์ฟกับซอสล็อบสเตอร์บิสก์หอมเข้มข้น เคียงด้วยผักโขมและพูเรเห็ดชิตาเกะ ทอปด้วยซอสฮอลันเดสขิง ในจานยังมี ติ่มซำบอล ที่ทำจากเนื้อล็อบสเตอร์ห่อแป้งปอเปียะทอดกรอบซอสเอ็กซ์โอ อร่อยและเคี้ยวเพลินไปกับสัมผัสหลากหลาย จานหลักในฤดูกาลนี้คือ Duck Pithivier พัฟฟ์อบสอดไส้เนื้อเป็ดและฟัวกราส์ ผสานรสด้วยรากบัว เสิร์ฟกับซอสฮอยซินสไตล์จีนและทรัฟเฟิล มีทั้งความเข้มข้นและหอมละมุน เป็นอีกจานที่จะทำให้เราหลงรักร้านนี้ได้ไม่ยาก ด้านของหวานจานใหม่ Soufflé ซูเฟล่สอดไส้ชีสบรีเค็มนัวกลมกล่อม ตัดรสด้วยเคิร์ดพุทราจีนคาราเมลไลซ์และรากบัวจีน เสิร์ฟกับสับปะรด 3 แบบ เจลลีสับปะรด สับประรดคาราเมลไลซ์ และไอศรีมสับปะรดขิง ให้รสเปรี้ยวอมหวานสดชื่น ของหวานจานนี้เชฟบิ๊กคิดขึ้นในโอกาสที่ครอบครัวได้ต้อนรับสมาชิกใหม่คือลูกสาวคนแรกของเชฟนั่นเอง Patt Bangkok ตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจาก Press Room หรือห้องพิมพ์เก่าแก่ของยุโรปผสานความหรูหราของ Opera House สอดแทรกด้วยรายละเอียดที่สื่อถึงการพิมพ์อย่างประตูห้องไพรเวตที่จำลองมาจากห้องพิมพ์แห่งแรกของโลก ตัวเรียงพิมพ์ประดับเป็นชื่อร้าน หรือม้วนพิมพ์เหนือครัวเปิด ทั้งหมดล้วนสื่อถึงโรงพิมพ์ที่ตั้งร้านซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวของเชฟบิ๊กเอง โดยจะมีมินิมิวเซียมตรงโถงทางเข้ามายังลิฟต์จัดแสดงแท่นพิมพ์และอุปกรณ์การพิมพ์ยุคก่อนไว้ด้วย จากเชฟส์เทเบิลอยากทำแต่ไม่อยากกินสู่ Patt Bangkok บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของเชฟบิ๊กที่ค้นหาและรังสรรค์รสชาติความอร่อยใหม่อยู่เสมอ อย่างที่บอกว่าทางร้านจะปรับเมนูทุก 2 เดือน ไม่อยากพลาดความอร่อยใน Chapter 2 ต้องรีบแล้ว

ภายในโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท มีห้องอาหารเลิศรสหลายสัญชาติ ซึ่ง Jaras ก็เป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งมีคุณจรัสพิมพ์ ลิปตพัลลภ ผู้เป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งชื่อห้องอาหารแห่งนี้ ปัจจุบันอาหารส่วนใหญ่ที่เสิร์ฟผ่านกระบวนการคิดของเชฟอิฐ เชฟผู้ผ่านเส้นทางอาชีพนี้ในร้านอาหารดังๆ มาแล้วหลายแห่ง เขาเลือกนำเสนออาหารไทยชาววังในรูปแบบไฟไดน์นิงเพราะช่วงนี้ถือเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่ ต้องใช้ความสร้างสรรค์เพิ่มให้ทุกคนที่มาจดจำได้ เชฟและทีมงานใช้เวลาประมาณ 2 เดือน ก็สามารถสร้างสรรค์เมนูที่นำเสนออย่างมีเอกลักษณ์ ส่วนใหญ่เลือกใช้วัตถุดิบที่เลี้ยงและปลูกในไทย อาทิ กุ้งจากหัวหิน ปูจากเขาตะเกียบ น้ำตาลโตนดของประจวบฯ ปูจากเขาตะเกียบ ฯลฯ เริ่มเสิร์ฟด้วย Amuse Bouche รวม 4 ความอร่อยทั้งเมี่ยงคำน้ำตาลโตนด ล่าเตียงปูห่อไข่รูปตาข่าย ไข่ปลาคาเวียร์ซึ่งความพิเศษคือมาจากปลาที่เลี้ยงในหัวหิน (ซึ่งในไทยมีที่เดียวเท่านั้นที่เลี้ยงได้) และทอดมันกุ้งนำเสนอรูปทรงรังนกสวยงาม เมนูต่อมาสะเต๊ะปลาเก๋าหัวหิน คัดสรรปลาเก๋าหนัก 5 กก. เพราะเนื้อแน่นกำลังอร่อย อาจาดใส่สับปะรดประจวบฯ รสหวาน ต้มโคล้งปลาเก๋า นำมารมควันได้กลิ่นหอม รสเปรี้ยวจากน้ำมะขาม ทีเด็ดยกให้ซุปรังนกเนื้อปู กงซอเมเปลือกกั้ง หน้าตาคล้ายกระเพาะปลาแต่ไม่ข้นเท่า พอให้ซดคล่องคอ ต้องบอกว่าบรรยากาศของห้องอาหารจรัสที่ล้อมด้วยกระจกสองมุมทำให้เห็นท้องฟ้าและวิวทะเลหัวหินสุดลูกหูลูกตา ไปในวันฟ้าเปิดยิ่งสวย ประทับใจมาก ถ้ามากินมื้อเย็นก็คงได้เห็นวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยไปอีกแบบ 

ร้านอาหารอิตาเลียนเก่าแก่ Enoteca รางวัลมิชลิน ถูกตกแต่งด้วยไวน์หลายชนิดสมกับความหมายของชื่อร้าน (Enoteca แปลว่า ห้องเก็บไวน์) หลังจากเชฟ Federico Orrú ผู้เดินทางจากเมืองมิลาน ใช้ชีวิตผจญภัยโดยการเดินทางท่องเที่ยวและทำงานในร้านอาหารมาหลายแห่งจนมาถึงประเทศไทย เชฟพกใจที่รักการทำอาหารจากอิทธิพลของคุณเม่ และความสร้างสรรค์ของตนเองใส่กระเป๋าเดินทางมาเพื่อเปิดใช้อีกครั้งที่นี่ เป็นการผสมผสานความเป็นต้นตำรับและความเป็นตัวเองนำเสนอผ่านอาหารหน้าตาสวยงามคู่รสชาติที่อร่อยไม่แพ้กัน Tartare di di Tonno ทาทาร์ทูนาครีบน้ำเงิน เพิ่มความสดชื่นด้วยไข่ปลาลัมป์ฟัช ตูเลหมึกดำ หยดกระเทียม และ Basil pearls เห็ด Morels ยัดไส้เนื้อนกพิราบรสหวานฉ่ำ ผิวนอกของเห็ดค่อนข้างนุ่มหยุ่น เมื่อกัดลงถึงเนื้อนกพิราบจะได้ความกรอบของเนื้อพรีเมียมที่นำมาปรุง กินกับบัลซามิกที่หมักมานาน 12 ปี ท็อปด้วยรากผักชีฝรั่งและผักร็อกเก็ต ขาแกะสไลด์ ชุบแป้งสมุนไพร เสิร์ฟคู่พัฟมันฝรั่งและถั่วบอร์ล็อตติ (บางคนอาจรู้จักในชื่อถั่วแครนเบอร์รี) อย่าลืมราดซอสไธม์เพื่อความลงตัวมากขึ้น ของคาวอลังการขนาดนี้ ของหวานก็ไม่น้อยหน้าเสิร์ฟมาเป็นต้นเลยทีเดียว! ต้นที่ว่าคือต้นไม้จำลองหลากสีสันประดับตกแต่งด้วยชิ้นมาการอง และขนมปังไส้ช็อกโกแลต ขนมปังไส้ครีม และลูกอมคาราเมล เป็นกิมมิกที่นอกจากสวยแล้ว ยังทำให้เพลิดเพลินกับการค้นหาขนมเหมือนได้เล่นเกมอีกด้วย เราลองให้เชฟเลือกว่าชอบเมนูไหนที่สุด เชฟบอกใจอยากเลือกทุกเมนูที่เสิร์ฟเพราะล้วนมาจากความตั้งใจ แต่ขอยกให้ทาทาร์ทูนาเป็นเมนูเด็ดยามบ่ายและเห็ดไส้นกพิราบเป็นของดีของรอบดินเนอร์ ใครมาแล้วคิดไม่ออกว่าจะกินอะไร สั่งตามเชฟแนะนำไปได้เลย

เมื่อนึกถึงอาหารง่ายๆ ที่เป็นเมนูประจำวันสามารถทำกินอยู่บ้านพร้อมนั่งจิบแก้วโปรดได้อย่างฟินๆ น่าจะเป็นเรื่องที่ดูอบอุ่นใจไม่น้อย แล้วถ้าเกิดอยากเปลี่ยนบรรยากาศกลายเป็นมีคนทำให้กิน รสชาติและหน้าตาอาหารต่างไปจากเดิม แต่ยังคงรู้สึกโฮมมี นั่งยาวๆ พร้อมเม้าท์มอยจิบน้ำเก๊กฮวย ไวน์ หรือเครื่องดื่มมีฟองอื่นๆ ที่เลือกมาให้เข้ากับอาหาร SoupSip เป็นอีกหนึ่งร้านที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานแต่ก็ครบจบทุกฟังก์ชันที่กล่าวมา SoupSip (ซุปซิป) ร้านอาหารไทย-เอเชียนฟิวชันที่ต้องการเสิร์ฟเมนูประจำวันให้เข้าถึงง่ายแต่ใส่ความไม่ธรรมดาเข้าไปโดยใช้เทคนิคการปรุงสมัยใหม่ นำเสนอในสไตล์ไทยประยุกต์เสิร์ฟบนรูฟท็อปบรรยากาศดีของ Kitsch Hotel ไฮไลต์ของร้านจะเป็นอาหารไทยโมเดิร์นที่ยกระดับข้าวต้มกุ๊ยและเมนูกับข้าวยามค่ำคืนให้มีมิติของรสชาติและหน้าตาอาหารต่างไปจากเดิม จากเมนูธรรมดาๆ ให้กลายเป็นจานใหม่ที่น่าลิ้มลอง รังสรรค์โดยใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่ตั้งใจแสวงหาและยึดคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญก่อนนำมาสร้างมูลค่าพร้อมถ่ายทอดรสชาติผ่านจานนั้นๆ หากพูดถึงด้านการตกแต่งทางร้านก็ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะสไตล์ Kitsch ที่หยอกล้อไปกับโรงแรม ดีไซน์ให้ดูสวย ทันสมัย และเข้าถึงง่าย ใส่ความสบายเข้าไปให้ดูน่ามาพักผ่อนหย่อนใจไปกับเสียงเพลง ชมวิวกลางเมือง และลิ้มรสชาติของอาหาร สามารถมาแฮงเอาต์กับเพื่อนและจอยกับครอบครัวได้ในทุกวัน เมนูเด็ดห้ามพลาดเป็น ข้าวต้มเรือโป๊ะ ข้าวต้มแห้งที่สามารถกินได้ทั้งแห้งและน้ำ ให้เครื่องแน่น เสิร์ฟกับน้ำซุปรสกลมกล่อม เสริมรสเครื่องทะเลที่นำไปผัดกับพริกเหลืองและสามเกลอให้หอม ต่อด้วย กุ้งแช่วาซาบิ รสแซ่บถึงใจ ถัดมาคือ ยำปลาหวาน ใช้ปลาข้างหลืองทอดราดน้ำยำรสจัดจ้าน มีเนื้อส้มให้เคี้ยวเพลิน ตามด้วย เป็ดพะโล้ เชฟนำเป็ดไปกงฟีในน้ำมันให้หนังกรอบแต่เนื้อในยังฉ่ำ ราดด้วยซอสพะโล้เข้มข้น ต่อด้วย ต้มจืดผักกาดดองหอยนางรม ได้รสกลมกล่อม หอมกลิ่นผักกาดดอง ซดร้อนๆ คล่องคอดีเชียว ครีบปลากระเบนย่างซอสน้ำพริกเผา ซอสให้รสคล้ายต้มยำน้ำข้นแต่เสิร์ฟแบบแห้ง กินกับครีบปลากระเบนชิ้นใหญ่จากจังหวัดระนอง ต่อด้วย หมูบะเต็ง หมูทอดจนกรอบ โรยด้วยหัวไชเท้าและเปลือกเลมอนขูด ถัดมาคือ หอยตลับผัดพริกเผาเหล่ากันมา ให้รสเผ็ดร้อนยิ่งกินกับข้าวต้มยิ่งฟิน และ ผักบุ้งฝอยผัดกะปิ ได้รสเข้มข้นจัดจ้าน หอมกลิ่นกะปิ จะกินกับข้าวสวยหรือข้าวต้มก็อร่อยไม่แพ้กัน เป็นอีกแลนด์มาร์คที่น่ามาสังสรรค์ยามค่ำคืน

Volti Tuscan Grill & Bar ห้องอาหารของ โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ ที่รวบรวมความอร่อยของอาหารอิตาเลียนหลายเมืองโดยเชฟบรูโน เฟอร์รารี ผู้จากบ้านมาไกลหลายปี เชฟบอกว่าในแต่ละพื้นที่ของอิตาลีมีวัตถุดิบให้เลือกนำมาประกอบอาหารมากมาย โดยเฉพาะนอกเมืองใหญ่อย่างเมือง Abruzzo ที่เขาจากมา แต่นักท่องเที่ยวมักติดรสชาติอาหารจากในเมืองซึ่งถูกดัดแปลงจากเมื่อก่อน เขาจึงตั้งใจนำตำรับอาหารของอิตาลีมาเผยแพร่ให้คนต่างชาติได้รู้จัก เรียกน้ำย่อยกันก่อนด้วย Carpaccio เนื้อแบล็กแองกัสเทนเดอร์ลอยด์สไลด์บางชิ้นสี่เหลี่ยม ท็อปด้วยมะเขือเทศเชอร์รี ผักร็อกเก็ต เลมอน และขนาบข้างด้วยชีสพาร์มิจาโน เรจจาโน จานนี้รสออกเปรี้ยว Carbonara ใส่กวนชาเล ชีสเปโกริโน และไข่แดง คาโบนาราที่นี่จะไม่ค่อยเหมือนที่อื่น เพราะนอกจากรสจะเข้มข้นกว่าแล้ว เชฟยังใช้เส้นสปเกตตีโฮลวีตยี่ห้อ Mancini Pastificio Agricolo จากฝีมือเกษตรกรชาวอิตาเลียน ซึ่งเนื้อสัมผัสอาจจะแข็ง และไม่นุ่มแบบคาโบนาราทั่วไป แต่เชฟคอนเฟิร์มว่านี่คือรสชาติดั้งเดิมของอิตาลีที่หากินได้ยากแล้วในตอนนี้ นอกจากคุณภาพของวัตถุดิบ รูปลักษณ์ที่ดึงดูดใจของอาหารแต่ละจานก็เป็นสิ่งที่คำนึงถึงเช่นกันโดยเฉพาะในยุคโซเชียล Porchetta หรือหมูสามชั้นย่าง จึงออกมาสีสันสวยงามที่สุดเพราะเป็นเมนูเด็ดและได้ชื่อว่าเป็น Chef’s Hometown Specialty เนื้อสัมผัสนุ่มคล้ายเยลลี่ สาวกหมูสามชั้นต้องลอง Foie Gras บนขนมปังบริยอช เชอร์รีนำเข้าจากอิตาลี หอมหัวใหญ่ผัดจนเป็นคาราเมล และ Mango Puree ส่วน Tenderloin Black Angus Rossini ชิ้นใหญ่ กรอบนอกฉ่ำใน เสิร์ฟพร้อมฟัวกราส์ ผักโขม และทรัฟเฟิลดำ Pistachio Experience เค้กถั่วลาวาแสนละมุน ใช้พิสตาชิโอนำเข้าจากเมือง Sicily มาพร้อมไอศกรีมพิสตาชิโอ ครัมเบิล และโรยพิสตาชิโอปิดท้าย ส่วนคนที่ชอบความหอมของกาแฟอย่าลืมลอง Tiramisu ที่เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูง ส่งกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ มาที่เดียวแต่จะได้ลิ้มรสความอร่อยจากหลายเมืองในอิตาลีที่มาจากวัตถุดิบชั้นเลิศ และฝีมืออันเลื่องลือของเชฟบรูโนและทีมงาน

ไม่ได้แวะเวียนมาซะนานเลยอยากชวนนักกินมาอัปเดตความอร่อยที่ Zuma Bangkok ร้านอิซากายะร่วมสมัยสุดปังแห่ง The St. Regis Bangkok ที่ครั้งนี้มาพร้อมกับเซ็ตมื้อกลางวันใหม่เอี่ยมอ่อง “Ebisu Lunch” ประกอบด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย 2 เมนู ซุปมิโซะ จานหลัก 1 เมนูในราคา 999++ บาท หากใครเป็นสายหวานจะเพิ่มขนมหวานสุดฟิน (บวกเพิ่ม 200 บาท) ก็ไม่ว่ากัน พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศร้านใหม่ ที่การรีโนเวทได้แรงบันดาลใจมาจากธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม และไฟ สอดประสานไปกับสุนทรียศาสตร์แบบญี่ปุ่นร่วมสมัย ทั้งครัวเปิดกว้างขวาง บาร์ซูชิ ห้องเก็บไวน์ที่รวมรวมไลน์ไวน์ชั้นดีมากกว่า 400 รายการ นอกจากนี้ยังมีห้องไพรเวทสำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ส่วนพื้นที่เทอเรสแสนสดใสก็ถูกเพิ่มหลังคาผ้าใบเพื่อบดบังสายแสงแดดจ้า และสายฝนพรำ จานเรียกน้ำย่อยเราสั่งเป็น Chicken Yakitori ไก่เนื้อแน่นคลุกเคล้ากับซอสเทริยากิรสหวานละมุน ย่างบนเตาถ่านร้อนฉ่า เติมความเผ็ดเล็กๆ ด้วยพริกป่นญี่ปุ่น ต่อด้วย White Shrimp Tempura กุ้งขาวเทมปุระทอดร้อนจี๋ จิ้มกับมายองเนสโฮมเมดที่เชฟผสมพริกปุ่นลงไปด้วย ก่อนกินบีบมะนาวซีกเล็กน้อย จานหลักเราเลือกเป็น Shogayaki Chicken Donburi ข้าวด้งอิ่มเอมหน้าไก่ย่างหนังกรอบเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เสริมกลิ่นหอมๆ และรสเผ็ดพอเหมาะด้วยต้นหอมและพริกป่นญี่ปุ่น ก่อนราดด้วยซอสเทริยากินรสหวานเข้มข้น ตัดเลี่ยนด้วยซุปมิโซะร้อนๆ ซดคล่องคอ ส่วนของหวานจะเป็น Homemade Mochi โมจิสไตล์โฮมเมดที่มีทั้งรสมัตฉะสุดละมุน และรสสตรอว์เบอร์รีรสหวานอมเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมมะม่วงรสหวานฉ่ำ และผลไม้สดตามฤดูกาล ก่อนมาทบทวนความหลังกันด้วยคาราวานเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Avocado Salad สลัดอะโวคาโดขวัญใจสุขภาพ เติมรสเปรี้ยวมอหวานด้วยเดรสซิ่งเลมอนและน้ำผึ้ง โรยหน้าด้วยเกล็ดเทมปุระกรุบกรอบ Sliced Yellowtail ปลาฮามาจิเนื้อสดฉ่ำในซอสพอนสึรสเปรี้ยวกลมกล่อม และน้ำกระเทียมดอง ตามด้วย Wagyu Gyoza เกี๊ยวซ่าแป้งบางกริบ สอดไส้เนื้อวากิวหอมกรุ่น เข้าคู่ซอสทรัฟเฟิลยุซุรสละมุน เลิฟมากกับ Grilled Asparagus หน่อไม้ฝรั่งกรุบกรอบกินง่าย ย่างบนเตาถ่านหอมๆ ราดด้วยซอสวาฟู รสเปรี้ยวละมุน หอมกลิ่นน้ำมันงา จานนี้ก็ขายดี Sweet Corn ข้าวโพดหวานกินง่ายๆ อาบซอสเนยมิโซะรสกลมกล่อม ก่อนนำไปย่างบนเตาถ่านร้อนจี๋ เอาใจคนรักซูชิด้วย Mixed sushi เซ็ตซูชิแบบจัดเต็มที่ให้คุณอร่อยเด็ดกับซาชิมิเนื้อสดเด้งต่างๆ อย่าง แซมมอน มากุโระ โอโทโร่ นอกจากนี้ยังมีข้าวปั้นหน้าปลาหางเหลือง ปลามาได (ปลากะพงญี่ปุ่น) โรลเทมปุระ และโรลสไปซี่ที่หลายคนรัก ยังไม่อิ่มสั่ง Miso Marinated Black Cod ปลาหิมะเนื้อนุ่ม หมักในซอสมิโซะโฮมเมดรสเค็มละมุน ก่อนห่อใบโฮบะแล้วนำไปย่าง ปิดท้ายด้วย Rib Eye Steak สเต็กเนื้อริบอายหั่นเต๋า ความสุกระดับมีเดียมแรร์ชุ่มฉ่ำ มิ๊กซ์กับซอสวาฟูรสเปรี้ยวพอเหมาะ โรยหน้าด้วยกระเทียมกรอบ หนึ่งในร้านอร่อยที่ไม่เสื่อมคลาย