อยากจะดูกวางไม่ต้องไปสวนสัตว์ให้เหนื่อยแล้วค่ะ เพราะร้านปีหนึ่งมีกวางให้ดู ที่นี่คือ ร้านอาหารและคาเฟ่สบายๆริมทางรถไฟศาลายา ที่ไม่ได้มีดีแค่รสชาติอาหาร แต่วิวยังดีมากอีกด้วย ตัวร้านเป็นเรือนกระจก ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์มินิมอล ด้านหลังร้านเป็นทางรถไฟ และมีสวนหย่อมเล็กๆ ไว้สำหรับนั่งจิบกาแฟชิลๆ     ขึ้นชื่อว่าเป็นคาเฟ่กวาง ก็ต้องมีกวางให้ดูให้เล่น อย่างน้องปีหนึ่ง กวางประจำร้าน ที่ทางร้านจะพาน้องออกมาเดินเล่นในสวนให้ลูกค้าได้ถ่ายรูปและเล่นกับน้องทุกวัน 11.00น. และ 16.00น.     ไม่ได้มีดีแค่กวางนะจ๊ะ แต่ร้านนี้ยังมีอาหารที่รสชาติอร่อยๆอย่าง พิซซ่าต้มยำกุ้ง พิซซ่าโฮมเมดแป้งบางกรอบ ทาหน้าด้วยซอสพิซซ่ารสชาติเผ็ดหวาน โรยหน้าด้วยชีสยืดๆ กุ้งเนื้อแน่น และเครื่องสมุนไพรไทย ให้ได้รสชาติต้มยำแท้ๆ หรือจะเป็นยำหอยแครง รสชาติจัด เครื่องแน่น หอยสด อร่อยลงตัว เสิร์ฟในกลีบหัวปลี หมูสามชั้นทอดน้ำปลา หนังกรอบ เค็มกำลังดี ถ้าได้ข้าวสวยร้อนๆจะวิเศษสุดๆ           เครื่องดื่มสุดเอ็กซ์คลูซีฟจากทางร้านคือ ปีหนึ่ง ซิกเนเจอร์ ร้อน เป็นชาเขียวเข้มข้นผสมนม และยังมีแฮงก้า ชาไทยผสมกาแฟอเมริกาโน่ และยังมีเครื่องดื่มสูตรเฉพาะอีกหลากหลายเมนู สายคาเฟ่ต้องห้ามพลาด       การเดินทางก็ไม่ยาก เพราะร้านตั้งอยู่หลังสำเพ็ง ศาลายา ห่างจากมหาวิทยาลัยมหิดลเพียง2ป้ายรถเมล์เท่านั้น เดินทางก็ง่าย ราคาก็เป็นมิตร ต้องไปลองสักครั้งแล้วค่ะ

ยอมรับว่าครั้งแรกที่ได้ยินชื่อร้านอะเหน่ รู้สึกแปลกใจในชื่อและอยากรู้ถึงที่ไปที่มาของการตั้งชื่อ ซึ่งความจริงแล้วเกิดจากคุณอ๊อนเจ้าของร้าน มีความตั้งใจอยากเปิดร้านนี้เพื่อเป็นของขวัญให้กับคุณยาย และคำที่ใช้เรียกก็คือคำว่า อะเหน่ ซึ่งแปลว่าคุณยาย (มาจากภาษาจีนไหนหลำ) นั่นเอง     อีกหนึ่งความตั้งใจหรือความใส่ใจของร้านนี้คือ ทุกจานที่เกิดขึ้นล้วนนั้นเป็นการปรุงสดใหม่จานต่อจาน ไม่ใส่ผงชูรส เน้นความเรียบง่ายและคัดเลือกวัตถุดิบซีฟู้ดสดใหม่เท่านั้น       เริ่มต้นกันด้วยเมนูแรกอย่างข้าวกุ้งแม่น้ำซอสไข่เค็มมันกุ้ง กุ้งแม่น้ำตัวโตๆ มาพร้อมไข่เค็มรสชาติกลมกล่อมหอมมันกำลังดี ราดลงบนข้าวสวยร้อนๆ มันช่างเข้ากันดีเหลือกัน ต่อด้วยโคตรเนื้อก้ามปูหมาล่าราดข้าว เนื้อปูเน้นๆ ผัดกับผงหมาล่าแสนหอมราดบนข้าวสวยร้อนๆ เสิร์ฟพร้อมกับไข่ดาวเป็นใครก็อดใจไม่ไหวแถมด้วยข้าวขยำไข่ปู ที่มาพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดสุดแซ่บ พร้อมด้วยข้าวที่ผัดด้วยมันปู และยังมีก้ามปูด้านข้างตกแต่งมาในจานอย่างสวยงามอีกด้วย กินคู่กันแล้วเข้ากันมากๆ เลยค่า         ตัดเลี่ยนอีกนิดด้วยหมูสับหมาล่า หมูสับติดมันนิดๆ ผัดสุกกำลังดี แถมยังได้ความเผ็ดร้อนจากผงหมาล่าที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป กินกับข้าวก็อร่อย หรือจะกินเล่นก็อร่อยไม่แพ้กัน     ของกินเล่นก็มีนะ อย่างเปาะเปี๊ยะกุ้งแม่น้ำ เนื้อแน่นๆ ของกุ้งแม่น้ำและเครื่องแน่นๆ ลักษณะภายนอกอาจไม่เหมือนเปาะเปี๊ยะเพราะเขาเอาแป้งมาทำให้มีลักษณะเหมือนเส้นหมี่ ขอบอกเลยว่ามันกรอบมากทุกคำที่กัดต้องได้ยินเสียงความกรอบอย่างแน่นอน     มาถึงเมนูที่น่ารักๆ อย่างซาลาเปา ทางร้านก็มีให้เลือกถึง 4 ไส้ด้วยกันคือ เปาส้มไข่เยิ้ม สีสันสดใสน่ารัก กัดเข้าไปแล้วได้รสชาติส้มแบบเต็มปากเต็มคำ เปาไข่ช็อค เป็นการมิกซ์กันระหว่างไข่เค็มและช็อคโกแลตเรียกได้ว่าลงตัวอย่างมาก เปากุ้งน้ำมันงา เนื้อกุ้งแน่นๆ พร้อมน้ำมันงาหอมๆ กินทีไรก็ยังชอบทุกครั้ง และเปาเห็ด เหมาะสำหรับคนที่กินมังสวิรัติ         ปิดท้ายด้วย ชากระเพราอัญชัน หอมกลิ่นชาอ่อนๆ แถมเมื่อดื่มเข้าไปแล้วยังได้สัมผัสความเย็นเบาๆ ที่ปลายลิ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่เรียกความสดชื่นได้ดีจริงๆ    

แรกเห็นก็สะดุดตากับความเก๋ไก๋สไตล์ย้อนยุคของ รส คิทเช่น มุมแฮงก์เอาท์ชวนนั่งหลังเลิกงานที่ไม่ควรพลาด เสน่ห์ของร้านคือสีสันสดใสในบรรยากาศคาเฟ่ไทยสมัยก่อนที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานผสานกลิ่นอายลูกทุ่งนิดๆ จุดรวมสายตาแรกแบบไม่ได้นัดหมายของทุกคนเมื่อเดินเข้ามาในร้านคงอยู่ที่ไฟนีออนสีสดใสรูปเสือร้องไห้บนผนัง สื่อถึงเมนูไฮไลท์และสัญลักษณ์ความจัดจ้านถึงเครื่องของอาหารไทยที่ใครได้ลองก็ต้องเทใจให้         เริ่มเปิดสำรับกับไฮไลท์เสือร้องไห้ เชฟใช้เนื้อ Gain Fed 150 วันจากออสเตรเลียสโลว์คุกนานถึง 2 ชั่วโมงเพื่อคงความนุ่มนวลฉ่ำลิ้น เสิร์ฟมาบนเตาเพิ่มความฟินและกลิ่นหอมจากการย่าง ก่อนคีบเข้าปากอย่าลืมจุ่มน้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ดรับรองอร่อยน้ำตาเล็ด ขนาดไม่ใช่มีทเลิฟเวอร์ยังต้องสั่งเพิ่มคิดดู!       จานต่อมายำรถทัวร์ รวมที่สุดของวัตถุดิบอย่างแซลมอนเนื้อนุ่มเคี้ยวเต็มปากเต็มคำ ตามด้วยโฮตาเตะและหอยนางรมตัวใหญ่ที่ทั้งสดและหวาน เมนูนี้พนักงานจะยำวัตถุดิบทั้งหมดบนโต๊ะกับเครื่องพล่า ให้เรานั่งชมไปหิวไปก่อนเจริญอาหารกันต่อ         ลาบเป็ดคองฟี ลาบรสเด็ดปรุงจากเครื่องในเป็ดสับ เหยาะน้ำมันเห็ดทรัฟเฟิลเสริมกลิ่นหอมกระตุ้นความอยากอาหาร ด้านบนวางสะโพกเป็ดตุ๋นในน้ำมัน 2 ชั่วโมง แค่ใช้ช้อนกดเบาๆ เนื้อก็หลุดร่อนไม่ต้องออกแรง       ปลากะพงทอดขมิ้น ปลากะพงหมักกับขมิ้นสดและผงขมิ้นเพิ่มดีกรีความหอมอีกเท่าตัว เชฟจะแล่เป็นชิ้นให้กินสะดวก ทอดกรอบๆ หอมๆ เสิร์ฟคู่สมุนไพรทอดและน้ำจิ้มรสจี๊ดจ๊าด       คอนซอมเม่แซ่บ เปลี่ยนน้ำซุปสไตล์ยุโรปด้วยเครื่องต้มแซ่บแบบไทยเคี่ยวรวมกับเนื้อวากิวที่ผ่านการหมักนานกว่า 6 ชั่วโมงจนได้รสชาติที่กลมกล่อมและหอมกรุ่น เวลากินให้เทน้ำซุปร้อนๆ ลงบนชิ้นเนื้อซึ่งจะค่อยๆ เปลี่ยนสีและสุกนุ่มกำลังดี       มาถึงของหวานห้ามพลาด ได้แก่ ส้มฉุน ขนมโบราณหวานเย็นชื่นใจที่เดี๋ยวนี้หากินยากแล้วยกเว้นมาร้านนี้ หรือจะสั่งบัวลอยไข่หวาน สักถ้วยมาช่วยล้างปากก็เข้าทีดีเหมือนกัน         ส่วนเครื่องดื่มสุดป๊อบเป็นค็อกเทลไทยที่มีให้เลือกหลากหลาย อาทิ รสอุทัย รสเปรี้ยวพอดีๆ จากส่วนผสมของน้ำยาอุทัยและน้ำมะเม่า กลิ่นหอมเย็นๆ คลาสสิกมาก       หรือจะลองลำยองสองใจ น้ำมะลิแต่งกลิ่นด้วยเปลือกส้มและดอกมะลิ เป็นใครก็หลงใหลในความหวานซ่อนเปรี้ยวของแก้วนี้   วันไหนนึกอยากแฮงก์เอาท์แบบย้อนยุค ไม่ต้องพึ่งไทม์แมชชีนก็ฟินได้ทุกวันที่ รส คิทเช่น

เป็นใครก็คงตื่นเต้นเมื่อได้ข่าวเครือซูกิชิที่สายกินยกให้เป็นตัวจริงเรื่องปิ้งย่างอาหารเกาหลี เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่สุดคิวท์ในลุคคาเฟ่ที่สดใสชวนนั่ง แม้ฉีกแนวไปนิดแต่ไม่ทิ้งคอนเซปต์อาหารแฟมิลีที่ปาร์ตี้ได้ทั้งบ้าน ไม่เฉพาะเมนูเกาหลีที่เชี่ยวชาญยังจัดเต็มเมนูไทย จีน ญี่ปุ่น ตะวันตก รวมถึงฟิวชั่นเก๋ๆ ที่แค่เห็นก็ตาลุกวาว         ด้านเครื่องดื่มก็ไม่น้อยหน้าปล่อยทีเด็ดไม่ยั้งทั้งชา กาแฟ และน้ำผลไม้ที่มิกซ์แอนด์แมทส่วนผสมหลายอย่างเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เกิดเป็นเมนูสุดว้าวที่เห็นแล้วอยากลองให้ครบทุกแก้ว         เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยกับมันฝรั่งเบคอนอบชีส มันฝรั่งอบบดละเอียดนุ่มเนียนลิ้น หอมกลิ่นเนยและชีส ด้านบนวางเบคอนและชีสแน่นๆ เสิร์ฟร้อนๆ ให้ดึงได้ยืดสุดแขน       ถ้าไม่จุใจสั่งเกี๊ยวซ่าไข่กุ้งชีสลาวา เกี๊ยวซ่าทอดแบบกรอบนอกฉ่ำใน ไส้เป็นไข่กุ้งเคี้ยวกรุบมัน ราดซ้ำด้วยชีสเข้มข้นสุดครีมมี่       สลับมาตัดเลี่ยนกับสลัดโรลดอกไม้กุ้งและปูอัดอลาสก้า โรลขนาดพอดีคำ ห่อไส้กุ้ง ปูอัด และกลีบดอกไม้สดปลูกแบบออร์แกนิกส์ ชูรสชาติด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวแซ่บ       ส่วนจานหลักอยากให้ลองสปาเก็ตตีคาร์โบนารา เส้นเหนียวนุ่มฉ่ำครีมซอส รสชาติเค็มมันที่สำคัญหอมกลิ่นชีสมาก       ต่อกันที่สเต๊กไก่ย่างจิ้มแจ่ว ไก่หมักเครื่องปรุงจนเข้าเนื้อเข้าหนังนำมาย่างพอสุกทั่วถึง หอมอบอวลด้วยกลิ่นควันไฟจางๆ เสิร์ฟคู่น้ำจิ้มแจ่วรสจัดจ้าน เคียงด้วยผักสดที่ช่วยลดทอนความเลี่ยน       สำหรับของหวานล้างปากแนะนำ ซีซันเชนจ์ บิงซู 3 รส 3 ความอร่อย เริ่มด้วยความหอมหวานและเข้มข้นของมัตฉะจากญี่ปุ่น รสเปรี้ยวจากสตรอเบอร์รี และหวานฉ่ำจากมะม่วงน้ำดอกไม้สุก       ส่วนเครื่องดื่มต้องลองวิทซี ซิลค์ ที ชาเย็นกับผลไม้รสเปรี้ยวที่มอบความสดชื่นปิดท้ายมื้อได้อย่างรื่นรมย์     ดีต่อใจ-อิ่มต่อพุงแบบนี้ คงต้องยกให้เป็นจุดรวมพลใหม่ของทุกคนในครอบครัวแล้วล่ะ!

พอได้ข่าวครัวบรรเลง-สาทร ย้ายบ้านใหม่มาปักหลักย่านสุขุมวิทในชื่อครัวบรรเลง 33 แฟนคลับคนรักอาหารไทยอย่างเราย่อมไม่พลาดตามมาลิ้มลองความอร่อยที่คุ้นปาก และหลังจากได้ลองชิมก็พบว่าอาหารสูตรประจำบ้านของหุ้นส่วนร้านทุกคนยังเข้มข้นถึงเครื่องเหมือนเดิม       นอกจากชูจุดเด่นที่เมนูอาหารไทยด้านบรรยากาศภายในร้านยังช่วยเสริมให้เจริญอาหารมากยิ่งขึ้น เพราะอบอวลด้วยความรู้สึกอบอุ่นชวนผ่อนคลาย เหมือนนั่งกินข้าวในบ้านที่สงบเงียบและตกแต่งอย่างเรียบง่ายในโทนสีเย็นตา ระหว่างรออาหารเลือกพักสายตาชมภาพบนผนังหรือวิวภายนอกผ่านกระจกก็เพลิดเพลินจนลืมเวลา         ทางร้านยกขบวนเมนูไฮไลท์ของร้านมาประจำการที่นี่อย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นผัดไทยกุ้งสดที่หอมกลิ่นคั่วกระทะ เส้นเล็กเหนียวนุ่มผัดกับซอสสูตรโบราณเคี่ยวจากน้ำตาลปี๊บและน้ำมะขามเปียก ใส่เครื่องแน่นทั้งเต้าหู้และกุ้งตัวโต โรยกากหมูเจียวมาให้เคี้ยวเพลินๆ       ต่อด้วยเมนูที่คนรักแกงโบราณจะไม่ยอมมองข้ามอย่างเด็ดขาดคือแกงรัญจวนเนื้อ เนื้อร่องซี่โครงนุ่มหนึบในน้ำแกงรสเผ็ดร้อนเจือกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกะปิเผา แค่ได้กลิ่นก็ฟินแล้ว       มาถึงเมนูโปรดของหลายคน สตูว์ลิ้นวัว ลิ้นวัวนุ่มเนียนลิ้นไร้กลิ่นสาบกวนใจในน้ำสตูว์ที่ผ่านการเคี่ยวนานจนเข้มข้นถึงเครื่อง ใส่แครอทและหอมใหญ่เพิ่มรสหวานตามธรรมชาติ อร่อยจนต้องขอเติมข้าว       สาขานี้ยังเพิ่มอาหารจานเดียวเหมาะกับช่วงเวลาเร่งรีบของชาวออฟฟิศ อาทิ หมูทอดผัดหมี่ครัวบรรเลง ความพิเศษอยู่ที่เส้นหมี่นุ่มๆ ผัดซอสรสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟคู่หมูทอดสไลด์บางที่เนื้อนุ่มฉ่ำจากสูตรลับของร้าน ถือเป็นการจับคู่ที่อร่อยลงตัวมาก       หรือจะลองข้าวผัดพริกขิงกากหมู ข้าวผัดพริกขิงหอมกลิ่นเครื่องแกงและสมุนไพร โรยกากหมูเจียวใหม่ใส่มาให้เคี้ยวกรุบกรอบ เหยาะน้ำปลาพริกบีบมะนาวอีกนิดหน่อย กินแนมกับผักสด เคี้ยวเพลินเผลอเดี๋ยวเดียวหมดจาน เมนูของร้านมีไม่มากแต่คัดสรรเฉพาะทีเด็ด ไม่ว่าสั่งจานไหนก็อร่อยถูกใจทั้งนั้น  

หลังจากประสบความสำเร็จกับ 2 สาขาแรกที่โดนใจเหล่านักกินด้วยหลากหลายเมนูอาหารสไตล์ยูโรเปี้ยน “BLACKJACK caffe” ก็ได้เวลาเอาใจสายหวานกันบ้างกับสาขาที่ 3 ในโครงการ Canopy ซอยเอกชัย 87ที่มาพร้อมเมนูของหวานหน้าตาน่ากินตัดกับบรรยากาศร้านโทนสีขาวดำสุดเท่ได้อย่างลงตัว         ด้วยความตั้งใจที่อยากให้ร้านนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความสุขแสนหวาน (และอร่อย) ทุกเมนูจึงสร้างสรรค์อย่างตั้งใจและเลือกใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ โดยเฉพาะเนยคุณภาพดีที่ให้ความกลมกล่อมหอมมัน ไม่ว่าจะเป็น Double Chocolate Lava ช็อกโกแลตลาวาเข้มข้น มาพร้อมไอศกรีมวานิลลา วิปครีม และสตรอว์เบอร์รีสด และ Green Tea Toast โทสต์ชาโคลหอมเนย เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมชาเขียวและซอสชาเขียวหอมหวาน       ส่วนใครชอบผลไม้ เราแนะนำ Banana Caramel Pancake แพนเค้กเนื้อแน่น ท็อปด้วยกล้วยเคลือบคาราเมลและไอศกรีมวานิลลา ราดซอสคาราเมลเพิ่มความอร่อย และ Strawberry Chocolate Waffle วาฟเฟิลชิ้นโตราดซอสช็อกโกแลต กินกับสตรอว์เบอร์รีสดรสเปรี้ยว พร้อมไอศกรีมช็อกโกแลตแล้วเข้ากันสุดๆ       สนับสนุนผลิตภัณฑ์โดย  

ใครที่ชื่นชอบการกินหมูต้องเขยิบมาใกล้ๆ เพราะวันนี้เราจะไปพาไปร้าน คอหมูพระราม 5 ร้านอาหารที่จะทำให้คุณหลงรักการกินหมูอย่างที่ไม่เคยมีมากก่อน     เริ่มแรกก่อนที่จะเปิดร้านนี้ เชฟยีสต์ นกุล กวินรัตน์ ตั้งใจให้เป็นเพียงโปรเจกต์เล็กๆ ขายเมนูหมูปิ้งธรรมดา แต่บังเอิญเป็นความโชคดีที่ได้พื้นที่แถวย่านพระราม 5 มาแบบใหญ่โต เลยทำให้โปรเจกต์ที่คิดไว้ตอนนี้ขยายขนาดขึ้นมาอย่างที่เห็น     หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมร้านนี้ถึงขายแต่หมู ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเชฟยีสส์คิดว่า ร้านที่ขายหมูโดยเฉพาะไม่ได้มีให้เห็นมากมายเท่าไร ประกอบกับคุณแม่ของเชฟไม่กินไก่และไม่กินเนื้อวัว จึงทำให้ร้านเน้นขายแต่หมู   แต่จะให้เปิดร้านทั่วไปเหมือนคนอื่นๆ ก็คงไม่ใช่ ทางร้านเลยเพิ่มกิมมิกเล็กๆ โดยการนำรถเข็นแบบไทยๆ ที่มีเสิร์ฟน้ำพริกและผักสดแบบบุฟเฟต์ที่ให้ลูกค้าสามารถตักกินได้อย่างจุใจแบบฟรีๆ กันไปเลย ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกเต้าเจี้ยว น้ำพริกปลาร้า น้ำจิ้มแจ๋ว หรือน้ำพริกไข่เค็ม ขอแค่ตักไปแล้วต้องกินให้หมดเท่านั้น เพราะเจ้าของร้านเชื่อว่าแต่ละคนย่อมมีรสชาติที่ถูกใจแตกต่างกันไป     เริ่มต้นกันด้วยคอหมูย่างมาในรูปแบบของกับข้าว อัดแน่นไปด้วยคอหมูย่างเน้นๆ ชนิดที่เรียกว่าแทบจะล้นจาน กัดเข้าไปแล้วรู้สึกนุ่มลิ้นเป็นที่สุด ไม่เหนียว และที่สำคัญยังมีกลิ่นหอมจากเครื่องเทศที่คลุกเคล้ามาอีกด้วย ถัดมาเป็นข้าวราดหมูชาชูซาเตี๊ยะ แค่ฟังชื่อก็ดูน่าสนใจแล้ว จริงๆ แล้วจานนี้คือหมูชาชูฉ่ำซอสสูตรเฉพาะจากทางร้าน แถมมีกระเทียมเจียวโรยด้านบนเพื่อช่วยเพิ่มกลิ่นหอมอีกด้วย เป็นใครก็แทบจะอดใจไม่ไหวแล้ว         สำหรับใครที่ชื่นชอบแกงกะหรี่ต้องจัดเลยกับแกงกะหรี่ระแวงใส่กุนเชียงย่าง (แกงระแวงคล้ายๆ กับพะแนง แต่เติมขมิ้นลงไป ทำให้มีสีสันเหลือง) รสชาติเหมือนแกงกะหรี่ไทยแต่จะอ่อนกว่าเท่านั้น เพื่อให้ทุกคนกินได้ จานนี้พร้อมด้วยกุนเชียงหอมๆ ใส่เสริมมาช่วยเพิ่มให้อาหารจานนี้สมบูรณ์แบบมากขึ้น     ปิดท้ายกันด้วยเมนูของหวานอย่าง ไข่กบ นกปล่อย บัวลอย ไอ้ตื้อ 2.0 แม้ว่าชื่ออาจจะฟังดูแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่มันก็คือลอดช่องน้ำกะทิ ใส่เม็ดแมงลัก ข้าวพอง และข้าวเหนียวดำนั่นเอง กินตบท้ายมื้ออาหารก็ทำให้ชื่นใจไม่ใช่น้อย    

หากใครเคยรู้สึกเกร็งและไม่รู้ว่าอาหารสไตล์เชฟเทเบิลเป็นอย่างไรแล้วล่ะก็ เราอยากชวนทุกคนมาลิ้มลองความอร่อยจากฝีมือของ 2 เชฟสาวความสามารถอย่าง คุณโบว์ จากเลอ กอร์ดอง เบลอ ประเทศอังกฤษ และคุณอ้อ ที่เคยมีประสบการณ์จากร้านอาหารชื่อดังระดับโลกอย่าง Gaggan มาร่วมกันทำเชฟเทเบิลในคอนเซ็ปต์ Casual Fine Dining เพื่อให้ทุกคนได้อิ่มเอมไปกับอาหารและบรรยากาศ ราวกับมาเที่ยวบ้านเพื่อน โดยจำกัดที่นั่งในแต่ละวันไว้เพียง 12 ที่ พร้อมกับคอร์สความอร่อยแบบไม่ระบุสัญชาติ ซึ่งจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกๆ 3 เดือน หรือ Quarter ตามชื่อร้าน         สำหรับธีมแรกประเดิมร้านเปิดมีชื่อว่า “Nice to Meat You” ซึ่งจะเป็นการเลือกใช้เนื้อสัตว์หลากชนิดมาปรุงเป็นอาหารในแต่ละจาน คุณโบว์เริ่มต้นเปิดต่อมรับรสด้วย Welcome Drink เครื่องดื่มรสเปรี้ยวหวานจากส่วนผสมของน้ำลิ้นจี่ มะนาว และใบมินต์ปลูกเอง ตามด้วย Beach หอยเชลล์เนื้อนุ่มหวานและไข่ปลาแซลมอนลูกกลมโตที่เพิ่มรสสดชื่นด้วยซอสมะม่วงผสมเจลจากส้มยูซุ       จากนั้นเป็น Afternoon Tea in the Garden เมนูชวนตื่นเต้นด้วยการพรีเซนต์จานแบบสวนสวย โดยในกาจะเป็นคอนซอมเม่หรือซุปใสที่เกิดจากการต้มกระดูกเป็ด กระดูกไก่ และผักนานาชนิด ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมง จนได้ซุปรสหวานกลมกล่อมสีเหลืองทองกินคู่กับพาสตาตอร์เตลลีนี (Tortellini) ทรงดอกไม้ที่สอดไส้เนื้อเป็ดซูวีด 14 ชั่วโมงและผักดอง     ไฮไลต์ยังไม่หมดเพียงเท่านี้เพราะยังมี Ground and Grain รีซอตโตผัดซอสเห็ดและชีสพาร์เมซาน เสิร์ฟพร้อมกับเนื้อวัวออสเตรเลียย่างจนนุ่มหั่นชิ้นเต๋าพอดีคำที่เข้าคู่กับ Black Winter Truffle เห็ดทรัฟเฟิลหอมๆ ได้อย่างลงตัว แล้วจบคอร์สด้วย Dark Forest ที่แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นของหวานแต่ก็ยังคงคอนเซ็ปต์การใช้เนื้อสัตว์ เมื่อเค้กช็อกโกแลตและไอศกรีมวานิลลาที่อยู่ตรงหน้าได้ซ่อนครัมเบิลที่ทำจากไก่และเป็ดเอาไว้เซอร์ไพร์สเรากันอีกด้วย       ส่วนใครมีเวลาไม่มากก็มีอาหารแบบจานเดียวให้เลือกกัน อาทิ Tiger Prawn with Garlic Chili Oil กุ้งลายเสือเนื้อแน่นเด้งเสิร์ฟพร้อมน้ำมันพริกแห้งและกระเทียมกินคู่กับขนมปังบาแกตต์นาบกระทะกับน้ำมันมะกอก และ Beef Stir Fried Kaprao Rice ข้าวผัดกะเพรารสชาติจัดจ้านหอมกลิ่นกระทะและน้ำมันจากการทอดเนื้อ เสิร์ฟคู่กับสเต๊กเนื้อวากิว A5 ฉ่ำหวานนุ่มลิ้น       ถ้าบีฟเลิฟเวอร์ได้ลอง รับรองมีเกลี้ยงจาน!

เสน่ห์ของขนมไทยนอกจากความหอมหวานกลมกล่อมด้วยส่วนผสมที่ลงตัวของแป้ง กะทิ และน้ำตาลแล้วก็คือความพิถีพิถันช่างประดิดประดอยของคนทำเพื่อให้ขนมทุกชิ้นรสชาติถูกปากและมีหน้าตาสวยงามชวนกิน อย่างเช่นที่เสน่ห์ ร้านขนมไทยไซส์เอสที่ดูอบอุ่นชวนนั่งได้นานๆ โดยเฉพาะเวลาที่ได้นั่งมองเจ้าของร้านบรรจงหยอดขนมทีละชิ้นๆ เพลินจนลืมเวลาไปเลย       เสน่ห์ของร้านนี้อีกอย่างคือขนมในแต่ละวันอาจจะไม่เหมือนกัน เพราะหากเจ้าของร้านพบวัตถุดิบที่น่าสนใจในวันนั้นเราก็อาจได้ลิ้มลองขนมชิ้นใหม่ๆ         ส่วนขนมไทยยอดนิยมที่หากินยากอย่างขนมบุหลันดั้นเมฆ ถึงแม้จะทำทุกวันแต่ก็มักไม่ทันขาย เพราะหลายคนตกหลุมรักขนมไทยโบราณที่มีรสชาติกลมกล่อมจากส่วนผสมของแป้งเหนียวๆ นุ่มๆ กับไส้ไข่แดงหวานๆ หอมๆ ชนิดนี้ตั้งแต่ได้ลองกินครั้งแรกแล้ว ดังนั้นพอนึ่งสุกปุ๊บก็แทบจะหมดปั๊บ หลายคนต้องสั่งจองล่วงหน้ากันพลาดเลยทีเดียว       รวมไปถึงขนมถ้วยที่ขายดีไม่น้อยหน้า เพราะเปลี่ยนจากหน้ากะทิมาเป็นหน้านวล ตบท้ายด้วยการหยอดสังขยารสชาติเค็มๆ หวานๆ สีสันดูน่ากิน ใครกำลังมองหาของฝากอยากให้ลองมอบเป็นขนมไทย รับรองสุขใจผู้ให้ ถูกใจผู้รับแน่นอน    

ทีรูมสุดเก๋กลางซอยอารีย์ที่เต็มไปด้วยชาจากหลายประเทศทั่วโลกทั้งชาฝรั่ง ชาจีน ชาญี่ปุ่น ชาตุรกี ชาดอกไม้ รวมถึงชาผลไม้ เพื่อให้คนรักชาเพลิดเพลินได้ไม่รู้จบ ด้านการตกแต่งร้านทำได้เก๋สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็นในบรรยากาศย้อนยุคนิดๆ และแฝงความสดใสร่าเริงชวนให้ตื่นตัวไว้ทุกอณูทั้งจากสีสันและกิมมิกชวนมอง อาทิ ภาพเพนต์รูปกาน้ำชานานาชาติบนผนังร้าน แต่จุดรวมความสนใจคงหนีไม่พ้นเคาน์เตอร์ที่มีชาดริปบาร์สำหรับทำเครื่องดื่มเย็นอย่างชาเขียว ชากุหลาบ และชาอัญชันที่เรียงรายชวนชิม         จุดเด่นจากจำนวนชาที่มีมากถึง 40 ชนิด คนรักชาจึงสนุกกับการเลือกจิบได้ไม่ซ้ำ แต่ถ้ายังลังเลเลือกไม่ถูกทางร้านก็มีคำแนะนำพอเป็นแนวทาง อาทิ ชุดชาร้อน O-Melon ชาอูหลงเบลนด์กับเลมอน ความขมของชาบางเบาติดปลายลิ้นเจือรสเปรี้ยวอ่อนๆ ของเลมอน จิบแล้วชื่นใจ แนะนำให้สั่งชุดขนมไทยรวม มาจับคู่ก็ยิ่งชูรสไม่ว่าจะเป็นทองหยิบ ทองหยอด ตะโก้ เม็ดขนุน ฝอยทอง ลูกชุบ กลีบลำดวน และตะโก้ เสิร์ฟคำเล็กคำน้อยน่ารักชวนกิน         สำหรับคนไม่ชอบชาร้อนลองสั่ง Red Rose Iced Latte ชากุหลาบลาเต้ ทางร้านใช้ชาอูหลงเบลนด์กับกลีบกุหลาบจริงๆ (ไม่ใช้น้ำเชื่อมกลิ่นกุหลาบ) กลิ่นหอมจรุงชวนเคลิบเคลิ้ม    

  แดดร่ม ลมตกแบบนี้ จูงมือแฟนหรือชวนเพื่อนมาแฮงค์เอ้าท์ที่ “โรงรส” ร้านอาหารไทยบรรยากาศสบายๆ ด้านล่างตกแต่งแบบไทยด้วยเฟอร์นิเจอร์สีทองและกรมท่า มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยา       แถมชั้นบนเปิดโล่งให้ได้กินลมชมวิวพระปรางวัดอรุณ นอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว ยังจะได้รูปสวยๆ ไว้อัพไอจีเก๋ๆ อวดเพื่อนอีกด้วย     มาพูดถึงเรื่องอาหารกันบ้างดีกว่าเริ่มกันที่เมนูซิกเนเจอร์อย่างข้าวผัดโรงรส ข้าวสวยร้อนๆคลุกน้ำพริกลงเรือ กินคู่กับไข่เค็มไชยาที่มีความหอมมัน แถมยังมีกุ้งเนื้อหวานตัวโตๆ เสียบไม้รสเปรี้ยวหวาน     ต่อกันด้วยโรตีแกงเขียวหวาน โรตีทอดใหม่กรอบๆ กินคู่กับแกงเขียวหวานรสชาติเผ็ดนำ หวานตาม เนื้อไก่แน่นๆ มะเขือกรอบๆ กับพริกขี้หนูสด รสชาติเข้มข้นถึงใจแน่นอน       แถมด้วยของว่างโบราณอย่าง แตงโมปลาแห้ง แตงโมเนื้อชุ่มฉ่ำหั่นเต๋าชิ้นพอดีคำ กินคู่กับปลาแห้งคลุกน้ำตาลและหอมเจียว กระซิบนิดนึงว่าร้านนี้ใช้ปลาแห้งคัดพิเศษส่งตรงจากสิงห์บุรีเท่านั้น กินคู่กันแล้วรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที เหมาะกับอากาศประเทศไทยที่ร้อนอบอ้าวจริงๆ     ลิ้มบรรยากาศดีๆ แล้ว อย่าลืมลองค็อกเทลสูตรพิเศษจากทางร้านอย่างบ้องเพชรฆาต ที่เสิร์ฟในบ้องไม้ไผ่ ใช้เหล้าไทยอย่างแสงโสม ผสมกับเสาวรสและมะม่วง รสชาติหวานเปรี้ยวขมปลาย แต่ยังคงความหอมของเสาวรส ทำให้เมนูนี้เป็นเมนูขายดีของทางร้าน     ต่อด้วยกะลาสี เครื่องดื่มค็อกเทลปั่นที่เสิร์ฟในติหมาใบจากที่สั่งทำพิเศษจากสุราษฎร์ธานี ผสมผสานน้ำกะทิ สับปะรด และWhite Rum รสชาติเข้มข้นเย็นชื่นใจ     ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่ม Detox ที่ใช้ผักโขมปั่นผสมกับเสาวรสและมะม่วง รสชาติเปรี้ยวหวานทานง่าย ใครที่คิดว่าผักโขมปั่นจะต้องขมและเหม็นเขียวต้องมาลองค่ะ เพราะมันดีต่อใจจริงๆ  

กาลครั้งหนึ่งยังไม่นานเท่าไหร่ที่เราได้มีโอกาสมานั่งชิลร้านนี้และประทับใจจนต้องไปซ้ำอีกหลายครั้งในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน บรรยากาศร้านมาในธีมเทพนิยายใส่ใจการออกแบบทุกซอกมุม ดูจากภายนอกเหมือนร้านจะเล็กแต่เมื่อเดินเข้ามาก็เหมือนโลกด้านในจะกว้างใหญ่เกินจริง เราสามารถนั่งชิลได้ทั้งวันแบบไม่รู้เบื่อเพราะนอกจากบรรยากาศดียังมีเมนูชวนกินรอให้สั่งเยอะมาก         แรกพบก็สะดุดตาจนต้องรีบสั่งมาฟินเป็นชิ้นแรก Dark Beer Cake เค้กช็อกโกแลตเนื้อแน่นสีดำ หอมกลิ่นเบียร์จางๆ ชวนรื่นรมย์ ด้านบนเป็นชั้นครีมชีสโฮมเมดรสเปรี้ยวกำลังดี ช่วยตัดรสหวานของเนื้อเค้กและคาราเมลฉ่ำๆ ได้อย่างลงตัว     ส่วนจานหลักอยากให้ลอง Roti Tomyam แค่ยกมาเสิร์ฟก็เลิฟแล้วเพราะอบอวลด้วยกลิ่นหอมของเครื่องต้มยำ ส่วนแป้งโรตีก็ทั้งนุ่มและกลมกล่อมโปะหน้าด้วยชีสเยิ้มๆ ยังไม่พอเพราะไฮไลท์คือกุ้งตัวใหญ่ที่ใส่มาให้อีกหลายตัว เป็นใครก็ไม่อยากวางช้อน     ส่วนเครื่องดื่มแนะนำ Orange Coffee ที่สุดของความสดชื่นมีชีวิตชีวาจากส่วนผสมของน้ำส้มคั้นสด สลับด้วยชั้นเอสเปรสโซช็อตเข้มข้น     อีกแก้วที่อยากให้ลอง April Fruit Day เมนูสุดฟรุ้งฟริ้งรสหวานเปรี้ยวฉ่ำซ่าจากส้มและผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ดื่มแล้วสดชื๊นสดชื่น สาวๆ ที่รักสุขภาพห้ามพลาด     ปิดท้ายด้วย Lotus Latte กาแฟรสละมุนใช้ดอกบัวของโครงการหลวงเป็นสัญลักษณ์ กลิ่นหอมของดอกไม้เพิ่มความรื่นรมย์ยามจิบกาแฟได้อีกเท่าตัว  

ถ้าพูดถึงคาเฟ่หลายอาจจะนึกว่าต้องมีเฉพาะในเมืองหลวง หรือย่านใจกลางเมืองเท่านั้น แต่ปัจจุบันย่านปริมณฑลก็มีร้านเกร๋ๆ เหมือนกันอย่าง Sugale’ Cafe ตั้งอยู่ในโครงการ The One ซอยวัดลาดปลาดุก จังหวัดนนทบุรีนั่นเอง ถึงแม้ร้านจะไม่ได้อยู่ในเมืองแต่ขอบอกเลยว่าเรื่องรสชาติไม่แพ้ใครที่นี่อย่างแน่นอน       หน้าร้านมีจุดเด่นที่ทำให้สังเกตได้ง่ายคือ นางฟ้าตัวใหญ่ท่าทางยิ้มแย้มถือไม้คาถาสีสันสวยงาม ภายในร้านให้บรรยากาศอบอุ่นผ่อนคลายสบายๆ เหมาะสำหรับมานั่งเล่น นั่งชิล หรือนั่งเม้าท์มอยกับเพื่อนๆ และคนในครอบครัวจริงๆ ค่ะ     ตัวไฮไลท์เด็ดของร้านนี้ที่ห้ามพลาดเลยคือ บิงซูทุเรียน จัดเต็มกับทุเรียนชิ้นโตๆ หอมนุ่มละมุนมาก ยิ่งได้กินกับบิงซูเย็นๆ ด้วยแล้วยิ่งทำให้เมนูนี้น่าไปโดนมาก แต่ขอบอกนิดนึงนะคะว่ามีเฉพาะช่วงทุเรียนเท่านั้น มาต่อกันด้วย Mix Fruit Toast โทสชิ้นใหญ่หอมกลิ่นเนยแบบสุดๆ ที่สำคัญเนื้อสัมผัสกำลังพอดีไม่แข็งหรือนิ่มจนเกินไป รายล้อมด้วยผลไม้สดใหม่ แถมยังมีไอศกรีมลูกใหญ่ เป็นใครก็อดใจไม่ไหวอย่างแน่นอน       Tea Brown Sugar ชานมไข่มุกพ่นไฟที่กำลังเป็นที่ฮอตฮิตอยู่ ร้านนี้ก็มีเช่นกัน ตัวไข่มุกเด้งดี๋ง แถมยังมีความหอมจากชานมอีกด้วย อะไรมันจะลงตัวขนาดนี้ Rainbow Soda น้ำผลไม้โซดาสีสันสดใสให้อารมณ์เหมือนเรนโบว์ อากาศร้อนๆ แบบนี้เรียกความสดชื่นได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ แต่ถ้าใครชื่นชอบเครื่องดื่มร้อนๆ ที่นี่ก็มี มัจฉะกรีนที (ร้อน) หอมกลิ่นชาเขียวแบบสุด ไม่หวานเกินไปเหมาะสำหรับจิบเพลินๆ ระหว่างรอเพื่อนมากค่า         ปิดท้ายกันด้วยเมนูอาหารอย่าง สปาเกตตีขี้เมาทะเล รสชาติจัดจ้านเผ็ดกำลังดี หวานกำลังโดน มาครบทุกรสชาติ แถมยังอัดแน่นด้วยอาหารทะเลอีกด้วย เป็นอีกจานที่ต้องไปโดนจริงๆ  

ไม่น่าเชื่อว่าย่านสุดฮิปอย่างอารีย์จะมีบาร์ลับๆ ซ่อนอยู่กับเขาด้วย เพราะล่าสุดโครงการ Aqua อารีย์ ได้ต้อนรับบาร์น้องใหม่ที่มาพร้อมคอนเซปต์และบรรยากาศที่ไม่ซ้ำใครในชื่อ Honest Mistake Bar     ถ้าจะแปลความหมายของชื่อร้านก็คงหมายถึง “การกระทำผิดแบบใสซื่อบริสุทธิ์” ซึ่งนั่นได้สะท้อนผ่านการตกแต่งในสไตล์จีนย้อนยุคที่ชวนให้นึกถึงสมัยเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้หรือยิปมันอย่างไรอย่างนั้น กล่าวกันว่าถึงแม้ฉากหน้าจะดูสวยงามมีสีสันและเป็นฝรั่งจ๋า แต่ความเป็นจริงแล้วยุคนี้กลับเป็นยุคมืดของจีน เพราะพวกเขาต้องทนทุกข์จากสภาวะสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้คนส่วนใหญ่ในสมัยนั้นเลือกที่จะประกอบอาชีพทุจริต ที่นี่จึงได้จำลองบรรยากาศของบ่อนคาสิโนในสมัยก่อนที่ตบตาเราด้วยการตกแต่งเป็นโรงรับจำนำ ดังนั้น วิธีแสดงตัวก่อนเข้าเราเลยต้องแลกชิพกับน้องหน้าโรงรับจำนำประกันไว้ก่อน       เมื่อแลกของเป็นที่เรียบร้อยก็ให้เดินเลียบไปหลังร้าน เพื่อขึ้นบันไดต่อไปยังชั้นสองที่ได้จำลองเป็นห้องควบคุมและสังเกตการณ์ ชั้นนี้จึงเต็มไปด้วยกล้องวีดีโอวงจรปิดที่ทำให้เราได้เห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในบาร์ทั้งหมดผ่านจอทีวีเก่าๆ แถมด้วยโปสเตอร์ลวดลายจีนที่เพิ่มกลิ่นอายความขลังและชสนให้น่าถ่ายรูปเก็บไว้มากขึ้นไปอีก       จากนั้นก็ได้เวลาเดินขึ้นไปยังชั้นสามอันเป็นที่ตั้งของบ่อนและบาร์ที่รอเหล่านักพนัน (อย่างเราๆ) มานั่งจิบเครื่องดื่ม เครื่องดื่มที่เราอยากแนะนำก็มี Hor Nang Lohm หรือ “หอนางโลม” ค็อกเทลที่ผสมผสานความหวานและเปรี้ยวจากส่วนผสมของเหล้ารัม ผสมสีสันของใบเตย รสชาติของมะพร้าว เสิร์ฟในแก้วชาโบราณพร้อมด้วยกลีบดอกบัวเพิ่มความหอม     หรือจะลอง Chicken Dinner ที่ได้แรงบันดาลใจจากวลีติดปากของนักเดิมพันที่มักพูดว่า Winner Winner Chicken Dinner เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของจินและเหล้าบ๊วยที่เติมรสสดชื่นของแตงกวาและน้ำมะนาว แล้วอย่าลืมปิดท้ายด้วย Peach Don't Bluff วิสกี้ที่เพิ่มรสหอมหวานด้วยเหล้าพีชและกล้วยหอม ตัดรสด้วยมะนาว แถมยังเก๋ไก๋ด้วยการรมควันชาอู่หลงที่ส่งควันฉุยให้กับเราก่อนดื่ม       เอาเป็นว่าอารีย์เขามีบาร์ลับแล้วนะ

หากตั้งใจมากินอาหารจีนแบบดั้งเดิมที่มีให้เลือกละลานตา “ยุ้งฉาง” อาจไม่ใช่จุดหมายปลายทางที่ถูกใจ แต่ถ้าใครอยากมาชิมความอร่อยที่ไม่เหมือนใครในแบบ Neo Chinese ที่ “เชฟแอ๋–กุลพล สามเสน” ตั้งใจสร้างสรรค์ด้วยการหยิบเอาเส้น “เปี๋ยง เปี๋ยง เมี่ยน” บะหมี่ขึ้นชื่อของซีอานมาเป็นหัวใจหลักและปรับความเนียนนุ่มให้กินง่ายขึ้นในสไตล์ของตัวเอง       นอกจากนี้บรรยากาศของยุ้งฉางที่ให้ความรู้สึกเหมือนก้าวเข้ามาในโรงเตี๊ยมสุดฮิปก็ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจขึ้นไปอีก ทั้งประตูไม้บานใหญ่ โต๊ะเก้าอี้ไม้ และถ้วยชามรามไหแบบจีนโบราณ ที่เชฟแอบกระซิบว่าไปเสาะหามาจากลำปางด้วยแรงบันดาลใจและความหลงใหลในยุคราชวงค์จีนต่างๆ     มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งนี้ เราก็ไม่ขอพลาดเมนูเด็ดอย่างเปี๋ยงหมูสามชั้นตุ๋นย่างในน้ำซุปกระดูกหมูโครงไก่ ทีเด็ดของจานนี้ยังอยู่ที่หมูสามชั้นตุ๋นในน้ำซอสจนได้ที่ ก่อนนำมาย่างไฟจนหอม ส่วนน้ำซุปก็แสนกลมกล่อมลื่นคอและไม่มันเลี่ยนจนเกินไป ต่อด้วยเปี๋ยงเนื้อวัวสับผัดผงกะหรี่โปะไข่แดงดิบ ที่ได้แรงบันดาลใจจากเมนูก๋วยเตี๋ยวเนื้อสับที่หลายคนคุ้นเคย แต่นำเนื้อวัวผักผงกะหรี่ท็อปด้วยไข่แดงดิบมาราดบนเส้นเปี๋ยงแทน ซึ่งออกมาเข้ากันอย่างลงตัว         ส่วนเมนูกินเล่นก็อร่อยไม่ธรรมดา โดยเฉพาะเกี๊ยวหมูน้ำลายไหล เกี๊ยวหมูนึ่งราดน้ำซอสที่ดัดแปลงมาจากเมนูดังของชาวจีนเสฉวนอย่างโขวสุ่ยจีหรือไก่น้ำลายไหลที่ให้รสชาติเปรี้ยวหวานเค็มกลมกล่อม แต่ถ้ายังไม่(อิ่ม)จุใจ ลองสั่งข้าวผัดยุ้งฉาง เมนูซิกเนเจอร์ที่เชฟผัดจนเมล็ดข้าวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ และหอมกระทะ ใส่ทั้งหมูแดง หมูสามชั้น และผักดองสับมาเพิ่มอีกสักจานก็เข้าที    

ใครหลงรักผัดกะเพราไข่เป็ดกรอบแสนอร่อยของร้าน Easy Buddy แบบหมดใจ ลองเพิ่มความจริงจังในการกินขึ้นอีกนิด ด้วยการจองคิวไปดินเนอร์มื้อพิเศษแบบ Chef’s Table ของเชฟบัดดี้-ถมธนัตถ์ หทโยดม ในบ้านหลังอบอุ่น ซอยเย็นอากาศ 2 ที่นำความสุขของการกินแบบ ‘เด็กอ้วน’ มาเป็นลูกเล่น (เชฟเล่าให้ฟังว่าเอ็นจอยอีตติ้งจนน้ำหนักขึ้น 8 กิโลฯ) แต่ละคอร์สจึงเกิดขึ้นมาจากความสนุก กินแล้วสำราญใจ บวกกับประสบการณ์ที่ได้รับจากการเดินทางในหลายประเทศ จึงกลายมาเป็นเมนูที่ให้เราอิ่มเอม และหากสังเกตให้ดี แต่ละเมนูจะมีความกรุบกรอบอันเป็นความชอบส่วนตัวซุกซ่อนอยู่         คอร์สเมนูของเชฟบัดดี้มีทั้งหมด 10 คอร์สด้วยกัน (อ่านชื่อเมนูได้จากโปสการ์ดบนโต๊ะที่ออกแบบมาได้เก๋มากๆ ถูกใจก็นำกลับไปเขียนส่งต่อให้เพื่อนได้นะ ) เริ่มจากจานเบาๆ แต่กระตุ้นความหิวได้เป็นอย่างดี อาทิ Tortilla ที่เชฟนึกสนุกเปลี่ยนจากข้าวซูชิแบบญี่ปุ่นมาเป็นแป้งตอติญ่า มาพร้อมโชยุครีม แล้วท็อปด้านบนด้วยบาฟุนอูนิหอมมันจากฮอกไกโด หรือจะเป็น Choux Craquelin ชูซ์หน้ากรอบ ตรงกลางใส่ไส้ไอศกรีมฟัวกราส์หอมๆ มันๆ ส่วนรอบๆ เป็นฟัวกราส์ที่นำไปวิปกับครีม ปิดฝาก่อนแล้วกินทั้งคำ ได้หลายเนื้อสัมผัสในคำเดียว       Truffle-Paloe-Lamb ที่เชฟปิ๊งไอเดียระหว่างนั่งกินข้าวหมูแดง นึกอยากทำอาหารไทยที่นำทรัฟเฟิลมาใช้แล้วไม่เขินอาย ไม่ยัดเยียดเกินไป เกิดเป็นเมนูสุดสนุก ใช้ข้าวเม่าดอยจากเชียงรายเหนียวหนึบ ผัดกับฮิจิกิและทรัฟเฟิล เสิร์ฟกับเนื้อแกะนำไปซูวีก่อนแล้วจี่บนกระทะให้หอม เคียงมาด้วยเซียร์ฟัวกราส์นุ่มละมุน และแอบซ่อนลูกเล่นอย่างเจลพริกน้ำส้มไว้ใต้ใบไม้เล็กๆ บนจาน ราดซอสพะโล้ทรัฟเฟิลรสเข้มข้นก่อนเสิร์ฟ     และอีกคอร์สที่เราประทับใจ Shima Aji Refresher ไอศกรีมยุซุพลัมรสเค็มๆ หวานๆ ด้านล่างมีหอมเจียวและเบคอนกรอบๆ ซ่อนอยู่ เสิร์ฟมากับปลาชิมาจิซาชิมิที่เชฟนำไปหมักก่อน     กินแล้วเรียกความสดชื่นได้สมชื่อเชียวล่ะ

คาเฟ่สไตล์โฮมมี่ย่านเมืองทองธานีแห่งนี้ให้บริการทั้งแบบนั่งชิลและ Drive Thru ความน่ารักของร้านคือบรรยากาศที่อบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งมิตรภาพและความเป็นกันเอง เสมือนเป็นจุดนัดพบของคนรักในสิ่งเดียวกัน ทางร้านจะสรรหาเมล็ดกาแฟพันธุ์ดีจากทั่วโลกมาให้ลูกค้าได้ลิ้มลองรสชาติและสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ เช่นเดียวกับขนมและเครื่องดื่มที่จะหมุนเวียนเมนูออกมาเรียกเสียงกรี๊ดอยู่เสมอ         เครื่องดื่มสุดฮอตยกตำแหน่งให้ Iced Latte ลาเต้เย็นเน้นความเข้มข้นของกาแฟและนมสดแท้ 100% ไม่ผสมน้ำเชื่อมและนมข้นหวาน รสชาติกลมกล่อมหอมมันกำลังดี     เก๋อีกระดับกับ Cubic Latte นำกาแฟไปทำเป็นก้อนน้ำแข็ง ตีฟองนมเย็นเพิ่มความเข้มข้นปนหวานมัน แม้น้ำแข็งละลายก็ยังอร่อยได้จนหยดสุดท้าย     ส่วนคนไม่ดื่มกาแฟก็มีทางเลือกที่หอมกรุ่นละมุนลิ้นเช่นเดียวกันกับเมนูชาเขียวเลมอน รสชาติเปรี้ยวอมหวานดื่มแล้วปลุกความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า สั่งมากินคู่เบเกอรีอบสดจากเตา อาทิ Almond Croissant เคี้ยวหนึบหอมมัน หรือสโคน รสชาติดั้งเดิมสักชิ้นก็ฟินแล้ว      

ใครกำลังมองหามุมสงบหลบความวุ่นวายจากภายนอก ลองแวะมาที่คาเฟ่สไตล์อินดัสเตรียลวินเทจที่จำลองโรงจอดเครื่องบินเก่าให้เป็นร้านนั่งชิลและถ่ายรูปเล่น ท่ามกลางเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจที่หาชมได้ยาก รับรองว่าหายเบื่อเป็นปลิดทิ้งทั้งยังได้เพลิดเพลินไปกับกาแฟเกรดพรีเมียมที่ทางร้านรวบรวมมาจากหลายแหล่ง อาทิ ดอยช้าง อินโดนีเซีย และบราซิล หากอยากรู้ความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกาแฟแต่ละชนิด บาริสตาใจดียินดีให้ข้อมูล!         เริ่มต้นเนิบๆ ชิลๆ ได้ฟีลลิ่งไปอีกแบบกับเมนู Café Latte กาแฟร้อนท็อปฟองนม จิบอุ่นๆ ละมุนลิ้น     วันไหนอุณหภูมิทะลุองศาเดือด เลือกคลายร้อนด้วย Mocha Mint กาแฟผสมมินต์เข้มข้นหอมสดชื่น ช่วยดับความร้อนรุ่มเปลี่ยนเป็นความชุ่มฉ่ำได้ในทันที     ส่วนใครไม่ดื่มกาแฟก็มีทางเลือก Real Matcha ชาเขียวญี่ปุ่นคุณภาพดี ชงสดใหม่แก้วต่อแก้วเพื่อรสสัมผัสเข้มข้นแบบต้นตำรับ เลือกดื่มแบบร้อนก็ได้อารมณ์ญี่ปุ่นแท้ๆ หรือดื่มแบบเย็นก็สดชื่นคลายร้อนสไตล์ไทย นั่งเพลินๆ แล้วปิ๊งเฟอร์นิเจอร์ในร้านอยากได้เป็นของสะสมชิ้นใหม่ ลองสอบถามราคาไม่แน่ว่าอาจได้ของถูกใจในราคาย่อมเยาก็ได้นะ    

Woodbrook คาเฟ่สายชิลริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโฮสเทล Urby บนถนนทรงวาดที่เหล่าฮิปสเตอร์และคนรักการถ่ายรูปไม่ควรพลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บภาพสวยๆ โซนริมน้ำที่เราสามารถเอนกายเอกเขนกบนเบาะใหญ่ที่ชวนให้ผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน รวมทั้งกิมมิกห้ามพลาดในส่วนของเครื่องดื่มกับการเทช็อตกาแฟเก๋ๆ เอาใจคนชอบถ่ายรูปได้มีภาพเด็ดเก็บเป็นที่ระลึก         แก้วแรกขอมอบให้คนรักคุกกี้แอนด์ครีม Brook Mountain นอกจากความหวานมันของนมสด ชาไทย และไซรัป ยังมีดีเทลสนุกให้เคี้ยวกรุบกรอบจากคุ้กกี้บดหยาบในแก้ว     ต่อด้วยเมนูเก๋ของสายหวาน Kaolud Affogato เกาลัดปั่นราดด้วยช็อตกาแฟ ควรชิมเกาลัดปั่นก่อนเพื่อลิ้มรสประสบการณ์แรก จากนั้นเทช็อตกาแฟคนให้เข้ากันแล้วจิบช้าๆ เพื่อค้นพบความสดชื่นอีกระดับ     ส่วนแก้วนี้ Woodwoof ชาเย็นใส่ Coffee Jelly ทำจากกาแฟอะราบิกา 100% ก็น่าลองไม่แพ้กัน ทางร้านยังมีเมนูสุดครีเอทที่ชวนดื่มอีกหลายเมนู ทั้งรสชาติและสีสันการนำเสนอบอกเลยว่าตื่นตาตื่นใจไม่รู้จบ!  

หลายคนคงเคยพบประสบการณ์ร้านคาเฟ่ที่มีดีแต่เครื่องดื่ม ส่วนรสชาติของอาหารไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย เราจึงอยากชวนคุณมาร้านนี้เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำอีกครั้ง ไม่เพียงความหลากหลายของอาหารที่สร้างสีสันชวนกินให้กับร้าน พ่อครัวยังมือหนักจัดเต็มปรุงถึงเครื่องถึงรส สั่งจานไหนก็ได้ใจไปเต็มๆ นอกจากพื้นที่ของคาเฟ่ยังมีส่วนของที่พักแนวโฮสเทลเก๋ๆ ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศสักคืนสองคืน ไม่ต้องรอให้ถึงวันหยุดก็แวะมาชิลได้สบายๆ           เปิดตัวด้วยเมนูของคนรักสุขภาพกับ Caesar Salad เสิร์ฟในถ้วยทำจากแป้งพาย ควรทุบให้แตกแล้วคลุกเคล้าเข้ากับผักสลัดเพื่อสัมผัสความกรุบกรอบ ความสดชื่นของผักสดปลอดสาร และครีมสลัดโฮมเมดไปพร้อมกัน     ต่อด้วย Bouillabaisse Soup ซุปที่อุดมไปด้วยความสดชื่นจากท้องทะเล ใส่เครื่องเคราอัดแน่นเต็มหม้อไม่ว่าจะเป็นกุ้ง หมึก หอยแมลงภู่ ในน้ำซุปหอมๆ ปรุงรสชาติเผ็ดร้อน ยิ่งซดยิ่งคล่องคอ หอมและอร่อยจนหยดสุดท้าย     ส่วนเครื่องดื่มที่อยากให้ลองแนะนำ Piccolo Rose กาแฟใส่ไซรัปกุหลาบนำเข้าจากอังกฤษ หอมละมุนแบบธรรมชาติ     ต่อด้วย Fresh Mint Americano เหมาะสำหรับคนชอบดื่มกาแฟดำแต่ก็แอบเบื่อรสชาติเดิมๆ หรือคนเพิ่งเริ่มดื่มกาแฟก็สามารถดื่มได้แบบง่ายๆ เมนูนี้เน้นความสดชื่นจากมินต์และเลมอนคั้นสด ความเย็นและหอมสดชื่นของมินต์กับความเปรี้ยวสดใสของเลมอน ผสานความเข้มข้นของ Espresso ไม่ว่าอากาศจะร้อนสักแค่ไหนถ้าได้แก้วนี้ก็สดใสได้ทั้งวันแล้ว