หมูคลุกเกล็ดขนมปังทอดยอดฮิตของญี่ปุ่น หอมกลิ่นพริกไทยดำ ทอดจนสีเหลืองทอง เสิร์ฟพร้อมกับแกงกะหรี่ไทยลูกครึ่งแกงพะแนง รสกลมกล่อมจากถั่วลิสงที่อยู่ในพริกแกง โรยหน้าด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์เพิ่มความกรุบกรอบ   ส่วนผสม (สำหรับ 1-2 ที่)  เนื้อหมูสันคอ 1-2 ชิ้น แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ เกล็ดขนมปัง 1 ถ้วย ไข่ไก่ 2 ฟอง เกลือทะเล 1 ช้อนชา พริกไทยดำเม็ด (คั่วบด) ตราไร่ทิพย์ 1/2 ช้อนชา น้ำมันสำหรับทอด ข้าวหอมมะลิหุงสุก วิธีทำ ทุบเนื้อสันคอหมูให้แผ่และบางลงเล็กน้อย ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยดำ นำไปคลุกกับแป้งสาลีผสมแป้งข้าวโพด ไข่ไก่ และเกล็ดขนมปังตามลำดับ นำลงทอดในน้ำมันใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อนประมาณ 3 นาที จากนั้นใช้ไฟแรงทอดต่อประมาณ 2 นาที จนหมูสุกและสีเหลืองสวยงาม  ส่วนผสมแกงกะหรี่ไทยทวิสต์ พริกชี้ฟ้าแห้ง 5 เม็ด (แช่น้ำให้นิ่ม) | พริกจินดาแห้ง 5 เม็ด (แช่น้ำให้นิ่ม) | ข่าสับ 2 ช้อนชา | ตะไคร้สับ 2 ต้น | หอมแดง 5 หัว | กระเทียม 5 กลีบ | ผิวมะกรูด 1 ช้อนชา | พริกไทยดำเม็ด ตราไร่ทิพย์ 1/2 ช้อนชา | กะปิ 1 ช้อนชา | ลูกผักชี (คั่ว) ตราไร่ทิพย์ 1/2 ช้อนชา | ยี่หร่า (คั่ว) ตราไร่ทิพย์ 1/4 ช้อนชา | ผงกะหรี่ 2 ช้อนชา | เกลือทะเล 1 ช้อนชา | ถั่วลิสงป่น ตราไร่ทิพย์ 1 ช้อนโต๊ะ | กะทิ 2 ถ้วย | น้ำตาลมะพร้าว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ | น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ | ใบมะกรูดซอยและพริกชี้ฟ้าซอยสำหรับตกแต่ง | เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (สับหยาบ) และงาดำ (คั่ว) ตราไร่ทิพย์ สำหรับโรยหน้า | ขิงดอง | น้ำมันรำข้าวสำหรับผัด   วิธีทำ โขลกพริกชี้ฟ้าแห้ง พริกจินดา ลูกผักชี ยี่หร่า ข่า ตะไคร้ พริกไทย ผิวมะกรูด และเกลือให้พอแหลก ใส่หอมแดง กระเทียม และกะปิ โขลกให้เนื้อเนียนละเอียด ใส่ถั่วลิสงและผงกะหรี่ โขลกให้เข้ากันเล็กน้อย  ผัดพริกแกงกับน้ำมันรำข้าวจนสุกหอม เติมกะทิเคี่ยวให้พอเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าว ชิมรสตามชอบ ใส่ใบมะกรูดซอยเล็กน้อย ตักข้าวใส่จานเสิร์ฟ หั่นหมูทอดวางด้านข้าง ราดแกงกะหรี่ ตกแต่งด้วยใบมะกรูดซอย พริกชี้ฟ้าซอย และขิงดอง โรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์และงาดำให้สวยงาม 

เปลี่ยนจากข้าวอาร์โบริโอ (Arborio) เป็นข้าวบาร์เลย์ได้เนื้อสัมผัสหนึบเม็ดอวบสวย คลุกกับครีมต้มข่าแห้ง รสเข้มข้นหอมเครื่องสมุนไพร กินคู่กับกุ้งลายเสือย่างและน้ำจิ้มพริกเผา   ส่วนผสม กุ้งลายเสือ (น้ำหนัก 300 กรัม) 2 ตัว ข้าวบาร์เลย์ ตราไร่ทิพย์ (แช่น้ำข้ามคืน) 1 ถ้วย น้ำสต๊อกไก่ 2 ถ้วย น้ำมะพร้าวอ่อน 2 ถ้วย กะทิ 1 ถ้วย วิปปิงครีม 1/3 ถ้วย หอมแดงซอย 3 หัว รากผักชี 2 ราก ข่าหั่นแว่น 2-3 ชิ้น ตะไคร้ซอยแฉลบ 2 ต้น ใบมะกรูดฉีก 2-3 ใบ น้ำปลา 2 ช้อนชา น้ำมะขามเปียกเข้มข้น ตราไร่ทิพย์ 2 ช้อนชา พริกไทยขาวป่น ตราไร่ทิพย์ 1/4 ช้อนชา เกลือทะเลตามชอบ ใบมะกรูดซอยและพริกชี้ฟ้าแดงซอยสำหรับตกแต่ง น้ำมันผักชีสำหรับโรยหน้า น้ำจิ้มพริกเผาสำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ ต้มข้าวบาร์เลย์กับน้ำสต๊อกไก่และเกลือเล็กน้อยจนสุกนุ่ม พักไว้ แกะเปลือกกุ้งลายเสือ (เก็บเปลือก) ใช้ไม้แหลมเสียบเนื้อกุ้งที่ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยขาวเล็กน้อย นำไปย่างในกระทะให้สุก (อย่าให้สุกมากเนื้อจะแข็ง) ในหม้อผัดเปลือกกุ้ง หอมแดง รากผักชี ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดให้พอหอม ใส่น้ำมะพร้าวอ่อน กะทิ และวิปปิงครีม ต้มให้เดือด ใส่น้ำมะขามเปียก น้ำปลา และเกลือ ชิมรสตามชอบ ต้มประมาณ 10 นาที กรองเครื่องสมุนไพรออก ใส่ข้าวบาร์เลย์แล้วต้มให้ส่วนผสมข้นเป็นครีม พักไว้ ตักข้าวบาร์เลย์ใส่จาน วางเนื้อกุ้งลายเสือย่าง ตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าซอยและใบมะกรูดซอย ก่อนเสิร์ฟโรยน้ำมันผักชีให้สวยงาม เสิร์ฟกับน้ำจิ้มพริกเผา

ลูกอยากกินริซอตโต แต่แม่หาซื้อข้าวอิตาเลียนไม่ได้ ไปคว้าเอา Spanish Short Grains ซึ่งเราก็เป็นกังวลกลัวข้าวจะไม่มีแป้งละลายออกมา เลย Hack ด้วยการใส่ซุปเห็ดเข้มข้นของแคมเบลส์ ได้ผลดีเกินคาด แต่ที่บังเอิญมีในตู้เย็นคือเห็ดพอร์ชินีแห้ง กลิ่นหอมอร่อยจริงๆ   ส่วนผสม ข้าวสเปนเม็ดสั้น 300 กรัม | เห็ดพอร์ชินีแห้ง 60 กรัม (ใช้แชมปิญองสดก็ได้ค่ะ ประมาณ 300 กรัม) | หอมแดงแขกหัวใหญ่หั่นเต๋าจิ๋ว 1/2 หัว (ใช้หอมหัวใหญ่แทนได้) | กระเทียมจีน ครึ่งหัว | ไวน์ขาว 1 ถ้วย | เนย 50 กรัม | เกลือ พริกไทย ปาปริกา พาร์สลีย์ และเครื่องเทศอื่นๆ ที่ชอบ | น้ำสต๊อก 1 ลิตร++ | ชีสพาร์เมซานหรือเกาด้า 70 กรัม++ | น้ำมันมะกอก | กุ้งสด 500 กรัม (ปอกเปลือก ผ่าหลัง) | แคมเบลส์ ซุปครีมเห็ดชนิดเข้มข้น ประมาณ 3/4 กระป๋อง | น้ำตาลนิดหน่อย (แอบใส่อย่าให้ฝรั่งเห็น)   ส่วนผสมและวิธีทำน้ำสต๊อก โครงไก่ 2 โครง | เปลือกกุ้ง หัวกุ้ง | น้ำเปล่า ประมาณ 4 ลิตร | หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว | กระเทียมจีน 1/2 หัว | พริกไทยบุบ ตามชอบ | ผงปรุงรสสำเร็จรูป 1 ช้อนโต๊ะ (ถ้ามีก้านเซเลรี และหัวแครอต ใส่ลงไปด้วย) เอาโครงไก่และเปลือกกุ้งใส่หม้อ เติมน้ำเปล่า ตั้งไฟแรง พอน้ำเดือดพล่าน ช้อนฟองออก เติมเครื่องที่เหลือทั้งหมด ตั้งไฟอ่อนๆ จนได้น้ำสต๊อกเข้มข้น วิธีทำข้าวริซอตโต ใส่เห็ดในภาชนะ ใส่น้ำแค่พอท่วม แช่นานมากจนเห็ดอ่อนตัว บีบน้ำออก กรองน้ำเห็ดด้วยตะแกรงถี่ๆ เก็บไว้รวมกับน้ำสต๊อก ใส่น้ำมันมะกอกลงในกระทะเทฟลอนประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ใส่เห็ดลงไปผัดให้หอม ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยแค่ติดปลายนิ้ว ตักขึ้น พักไว้ เติมน้ำมันมะกอกลงในกระทะ ใส่กระเทียมลงไปผัดให้สุกหอม ใส่หัวหอมตามลงไปผัดจนสุกใส ในช่วงนี้ถ้ามีอาการติดกระทะ เหยาะน้ำมันมะกอกนิดหน่อย ใส่ข้าวลงไปผัด คนข้าวเบาๆ อย่างสม่ำเสมอ จนข้าวรับความร้อนอย่างทั่วถึง เม็ดข้าวด้านนอกเริ่มใส ใส่เห็ดที่ผัดไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน ใส่ไวน์ขาวลงไป คนเบาๆ จนเดือด ตักน้ำสต๊อกผสมกับน้ำแช่เห็ดให้ได้ประมาณ 2 ลิตร เติมน้ำสต๊อกครั้งที่หนึ่งประมาณ 1 ลิตร น้ำจะท่วมข้าว เร่งไฟให้น้ำเดือดแล้วรีบหรี่เป็นไฟค่อนข้างอ่อน ใส่พริกไทย ปาปริกา และอื่นๆ เช่น พาร์สลีย์หรือเครื่องเทศโพรวองซ์ คนข้าวเบาๆ พอน้ำเริ่มแห้ง ชิมดูนะคะ (อย่าให้เค็มเพราะเราจะใส่ซุปข้นที่ค่อนข้างเค็มทีหลัง) แอบเติมน้ำตาลได้เลย เป้าหมายของเราคือข้าวต้องอัลเดนเต ข้าวที่ใช้หุงนี้สุกยาก ต้องเติมน้ำสต๊อกอีก 2 ครั้ง เมื่อข้าวเกือบสุก ใส่กุ้งสดลงไป พอข้าวสุกได้ที่เติมแคมเบลส์ซุปครีมเห็ดลงไป คนให้เข้ากัน เติมน้ำสต๊อกนิดหน่อย พอให้แฉะกำลังดี เติมเนยแข็งขูดประมาณ 70 กรัม และเนยจืดประมาณ 50 กรัม คนจนเนยทั้งสองละลาย ชิมรสดูนะคะ ถ้าอ่อนไปก็เติมซุปข้น เราเติมลงไปประมาณ 3/4 กระป๋อง   ตักใส่จาน โรยเนยแข็งและพริกไทย ไม่อยากบอกว่าลูกชายกินไป 3 จาน

Chef Billy Bautista ผู้มาพร้อมกับรอยยิ้มและลีลาในการทำอาหารเม็กซิกันอย่างมีสีสัน เชฟจากซานฟรานซิสโกและเป็นผู้นำเทรนด์อาหารเม็กซิกันเข้ามาในเมืองไทยนานกว่า 15 ปี ทำอาหารผ่านการตีความของเมนูเม็กซิกันในแบบ “Mission Style” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเม็กซิโก เท็กซัส และแคลิฟอร์เนียซึ่งเป็นการปรุงโดยใช้ฟืน ไฟ และควัน ผสมผสานกับรสชาติและสีสันในแบบของเชฟบิลลี่ สามารถไปลิ้มลองได้ที่ร้าน La Monita, ร้าน Billy's Smokehouse และร้าน Santiaga เมนูมื้อสายจากเชฟบิลลี่ ไข่ทอดหรือไข่ต้มเสิร์ฟกับข้าวหุงซอสมะเขือเทศสไตล์เม็กซิกันและตอร์ติญา กินคู่กับไส้กรอกโชริโซและซอสมะเขือเทศผสมกับพริกเม็กซิกัน   ส่วนผสมซอส หอมหัวใหญ่ 1/4 หัว พริกเม็กซิกัน (Jalapeno) 1/2 ลูก (เอาเมล็ดออก) มะเขือเทศสุก 3-4 ผล พริกป่น 1/2 ช้อนชา ออริกาโนแห้ง 1/4 ช้อนชา น้ำมันมะกอก 2 ช้อนโต๊ะ เกลือทะเลและพริกไทยสำหรับปรุงรสเล็กน้อย วิธีทำ ย่างมะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ และพริกเม็กซิกันให้สุก นำมาปั่นกับส่วนผสมทั้งหมด ปรุงรสตามชอบ เตรียมไว้   ส่วนผสมเครื่องเคียง ไส้กรอกโชริโซสด 1 ชิ้น | ไข่ไก่ 2 ฟอง | แป้งตอร์ติญาแบบข้าวโพดหรือสาลี 2 แผ่น | หอมแดงดอง 10 กรัม | หอมหัวใหญ่หั่นเต๋า 20 กรัม | ผักชี (สำหรับตกแต่ง) | พริกฮาลาเปโยสด (สำหรับตกแต่ง) | ข้าวเม็กซิกันตามชอบ | ถั่วแดงบดตามชอบ   วิธีทำ ตั้งกระทะใส้ไส้กรอกโชริโซผัดจนสุกและแตกตัว พักไว้ จากนั้นอุ่นตอร์ติญา ทอดไข่ดาวให้สุกตามชอบ ราดซอสลงบนจาน วางแป้งตอร์ติญา ไข่ดาว ไส้กรอกโชริโซ ถั่วแดงบด และข้าวเม็กซิกันลงในจาน โรยหอมหัวใหญ่ ผักชี ตกแต่งด้วยพริกฮาลาเปโยและหอมแดงดอง

ส่วนผสม ข้าวญี่ปุ่น 2 ถ้วย น้ำเปล่า 2 1/2 ถ้วย น้ำมันมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ ซอสถั่วเหลือง 1/3 ถ้วย ปลาคัตสึโอะ 2 ช้อนโต๊ะ มิริน 2 ช้อนโต๊ะ สาหร่ายคอมบุ 1 แผ่น เต้าหู้ญี่ปุ่น (Abura-age) 4-5 ชิ้น น้ำส้มสายชูและมิรินสำหรับคลุกข้าวเล็กน้อย ส่วนผสมสำหรับตกแต่ง สลัดแซลมอน | ไข่หวาน | สาหร่ายปรุงรส | ไข่ปลาแซลมอน | งาดำ | ข้าวโพดต้มสุก | ผงโรยข้าว   วิธีทำ ล้างข้าวญี่ปุ่น 3-4 ครั้งจนน้ำสะอาดและใส ใส่น้ำเปล่า แช่ไว้ 10-15 นาที ใส่น้ำมันมะพร้าว หุงจนข้าวสุก ใส่น้ำส้มสายชูและมิรินเล็กน้อย คลุกให้ทั่ว ต้มซอสถั่วเหลือง ปลาคัตสึโอะ มิริน สาหร่ายคอมบุ และน้ำเปล่า 2 ถ้วย ต้มจนเดือด นำเต้าหู้ลงแช่ ปิดไฟ พักไว้ประมาณ 10-15 นาที ตักขึ้น บีบน้ำออก ผ่าครึ่งเต้าหู้ ตักข้าวใส่ ใส่เครื่องต่างๆ ตามชอบ วิธีทำข้าวปั้นลูกเจี๊ยบ หั่นเต้าหู้ให้ได้ 4 ชิ้น ปั้นข้าวเป็นก้อนเล็กและก้อนใหญ่ประกบกัน นำแผ่นเต้าหู้ปิดด้านบน ตกแต่งให้น่ารักสวยงามตามชอบ

โปเก้โบว์ล (Poke Bowl) ข้าวหน้าสลัดปลาดิบ เมนูสุขภาพจากฮาวายที่มากับกลิ่นอายวัฒนธรรมอาหารญี่ปุ่น สูตรนี้มาในรูปแบบวีแกนโดยทดแทนสลัดปลาดิบด้วยบีตรูตอบดองแบบง่ายๆ ในน้ำส้มสายชูหวาน เคียงมาด้วยท็อปปิงหลากสีสันหลากเนื้อสัมผัส ส่วนผสม ข้าวญี่ปุ่น โชยุ น้ำมันงา แตงกวาญี่ปุ่น อะโวคาโด ถั่วแระญี่ปุ่น แครอต กะหล่ำม่วง ข้าวโพดต้มสุก ขิงดอง                    เลมอน งาขาวคั่ว     ต้นหอมซอย บีตรูตดอง บีตรูต 2 หัว น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1  ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา วิธีทำ เตรียมบีตรูตดองโดยปอกเปลือกบีตรูต ห่อด้วยฟอยล์ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เวลา 30 นาที หรือจนสุกดี ระหว่างที่อบบีตรูต ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย และเกลือ นำเข้าไมโครเวฟให้ละลายแล้วพักให้เย็นลง หั่นบีตรูตอบเป็นชิ้นเต๋าขนาด 1 เซนติเมตร ใส่ลงในน้ำส้มสายชูหวาน เคล้าให้เข้ากัน พักในตู้เย็น 3 ชั่วโมง จัดเสิร์ฟโดยตักข้าวใส่ชาม พรมด้วยโชยุ น้ำมันงา วางบีตรูตดองที่มุมหนึ่งบนหน้าข้าว ตกแต่งด้วยแตงกวาญี่ปุ่น อะโวคาโด ถั่วแระญี่ปุ่น แครอต กะหล่ำม่วง ข้าวโพดต้มสุก ขิงดอง งาขาวคั่ว ต้นหอม และเลมอน พร้อมรับประทาน

อีกหนึ่งเมนูประจำบ้านที่ทำกินและอิ่มท้องได้ง่ายๆ เมนูโปรดของลูกทั้งสองอีกเช่นกันคือ ผัดกะเพราหมูสับคั่วแห้ง ใช้พริกหลากหลายชนิดทั้งแห้งและสดแต่ไม่เผ็ดมาก ปรุงรสให้เค็มและหวานนิดๆ กินคู่กับไข่ดาวกรอบไข่แดงเยิ้มๆ ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) หมูสับ 1 1/2 ถ้วย ใบกะเพรา 1 ถ้วย พริกชี้ฟ้าเหลือง 2 เม็ด พริกขี้หนูแห้ง 2 เม็ด พริกจินดาแดง 2 เม็ด กระเทียมไทย 5-6 กลีบ น้ำมันรำข้าวสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา ไข่ไก่ 2 ฟอง วิธีทำ โขลกพริกชี้ฟ้าเหลือง พริกขี้หนูแห้ง พริกจินดาแดง และกระเทียมไทยให้เข้ากัน ผัดพริกที่โขลกไว้กับน้ำมันให้พอหอม ใส่หมูสับ ผัดให้เข้ากันดี เร่งไฟแรงแล้วคั่วให้พอแห้ง ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว น้ำปลาและน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ใส่ใบกะเพรา ผัดเร็วๆ ให้เข้ากัน ทอดไข่ดาวโดยตั้งน้ำมันให้พอร้อน แยกไข่ขาวและไข่แดงเตรียมไว้ ใส่ไข่ขาวทอดให้กรอบ วางไข่แดงลงตรงกลาง ตักขึ้น เสิร์ฟพร้อมผัดกะเพราหมูสับและข้าว

คนที่อยากลดน้ำหนักเชื่อแน่ว่าต้องรู้จักแนวทาง IF หรือ Intermittent Fasting แนวทางที่ช่วงเวลากินอาหารสำคัญกว่าอาหารที่กิน บางคนรู้สึกว่าแนวทางนี้สบายๆ ไม่กดดันเรื่องว่ากินอะไรได้กินอะไรไม่ได้ แต่ต้องปรับเวลาชั่วโมงความหิวและสร้างวินัยในการกินให้อยู่ในเวลาที่กำหนดเป็นหลัก แนวทางนี้เชื่อว่าถ้าเรากินอาหารบ่อยๆ ร่างกายจะได้พลังงานจากอาหารเป็นหลัก แต่เมื่อเราอดอาหารในเวลาที่กำหนดร่างกายจะดึงไขมันที่สะสมไว้มาใช้ ซึ่งจะทำให้เราผอมลง โดยอาหารที่กินก็ไม่กำหนดว่าต้องเป็นเนื้อสัตว์ หรือกินผักเป็นหลัก แต่สำหรับคนรักสุขภาพแล้วการเลือกกินอะไรที่เป็นประโยชน์น่าจะดีกับร่างกายมากกว่า เช่น ข้าวผัดปลาแห้งกับน้ำพริกระกำ เมนูพื้นบ้านไทยๆ ที่มีรสชาติ   เมนูนี้ถ้าว่าไปแล้วมีสารอาหารครบหมู่เพราะมีคาร์โบไฮเดรตจากข้าว โปรตีนจากปลาช่อนแห้ง ปลาช่อนมีโอเมกา-3 ตามที่เรารู้กัน น้ำพริกที่มีสมุนไพรและคุณค่าอาหารหลากหลาย ผักแนมเป็นผักพื้นบ้านได้วิตามินและกากใยอาหาร จุดเด่นของน้ำพริกนี้คือระกำ ผลไม้ที่เป็นพืชสกุลเดียวกับสละที่มีหน้าตาคล้ายกันมาก ระกำเป็นผลไม้ฉ่ำน้ำรสเปรี้ยวกว่าสละที่มีรสอมเปรี้ยวอมหวาน มีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น มีสารต้านอนุมูลอิสระ และมีสารเบตา-แคโรทีนที่ช่วยบำรุงสายตา   ระกำกับสละนั้นคล้ายกันมากจนอาจเกิดความสับสนได้ ระกำผลจะป้านและกลมกว่า สละผลจะยาวรี เนื้อแน่นและมีน้ำน้อยกว่า ระกำเนื้อฉ่ำน้ำรสเปรี้ยวกว่า เม็ดใหญ่ สละมีรสอมเปรี้ยวอมหวานและเม็ดเล็กกว่า แต่ทั้งคู่มีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่จรุงใจ   รสของระกำที่เปรี้ยวและหอมคนไทยจึงนิยมนำมาทำอาหาร เช่น ไก่บ้านต้มระกำ ใส่ในยำ และนำมาตำน้ำพริกในเมนูนี้ แต่ปัจจุบันคนไม่นิยมรสเปรี้ยวและชอบกินสละมากกว่า ระกำจึงหายไปจากตลาดและมีสละมาแทน เมนูนี้ใช้ชื่อน้ำพริกระกำซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิม แต่ใช้สละแทนระกำ   น้ำพริกของไทยจัดว่าเป็นอาหารสุขภาพเพราะส่วนผสมพื้นฐานมีสมุนไพรหลากหลาย เช่น กระเทียม พริก ได้โปรตีนจากกุ้งแห้ง กะปิ มีรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม หวาน จากมะนาว น้ำตาลปึก และน้ำปลา เป็นอาหารครบรสอร่อยที่มีคุณค่าทางอาหาร น้ำพริกเมนูนี้ใส่ระกำช่วยเพิ่มรสให้ชวนกินยิ่งขึ้น และใส่มะอึกฝานบางๆ ซึ่งจะช่วยให้มีรสเปรี้ยวอย่างกลมกล่อม   น้ำพริกนี้จะกินกับข้าว ปลา ผัก เหมือนกินน้ำพริกอื่นๆ ก็ได้ แต่เรานำข้าวไปผัดกับปลาช่อนที่ตำจนฟู ให้เนื้อปลากับข้าวผสมผสานกันก่อน และใส่น้ำพริกไปช่วยเพิ่มรสให้อร่อยและมีกลิ่นหอม ใส่หอมเจียวที่มีกลิ่นหอมดับกลิ่นคาวปลา กลายเป็นอาหารจานเดียวที่ครบรส ได้วิตามินจากผักพื้นบ้าน เช่น มะเขือเปราะ กระเจี๊ยบ ขมิ้นขาว หรือแม้แต่ผักสลัดใบเขียวที่มักมีติดตู้เย็นไว้ก็นำมากินร่วมกันเพิ่มสารอาหารได้   ว่าไปแล้วข้าวผัดปลาแห้งน้ำพริกระกำเป็นเมนูพื้นบ้านจานเดียวของไทยที่กินได้ง่ายๆ แม้ว่าวิธีการทำจะมีหลายขั้นตอนถ้าเปรียบเทียบกับอาหารง่ายๆ ในปัจจุบัน แต่ถ้าได้ทำและชิมเชื่อว่าจะเป็นอาหารสุขภาพทางเลือกที่จะทำให้คิดถึงอยู่เสมอ ข้าวผัดปลาแห้งน้ำพริกระกำ ส่วนผสมข้าวผัดปลาแห้ง ข้าว 1 1/2 ถ้วย | ปลาช่อนแห้งหรือแดดเดียวทอดตำให้ฟู 1/3 ถ้วย | หอมเจียว วิธีทำ  ผัดปลาแห้งกับน้ำมันหอมเจียวเล็กน้อยจนเหลืองกรอบ ใส่ข้าวลงไปผัดให้เข้ากัน พักไว้   ส่วนผสมน้ำพริกระกำ พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด พริกขี้หนูสวน 5-7 เม็ด กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ กุ้งแห้งตำละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ กะปิ 2 ช้อนชา เนื้อสละฝานบางประมาณ 3/4 ถ้วย มะอึก 1-2 ผล น้ำตาลปึก 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาวตามชอบ (ถ้าไม่เปรี้ยว) วิธีทำ ตำพริกชี้ฟ้าให้ละเอียด ใส่พริกขี้หนู และกระเทียม บุบให้เข้ากัน ใส่กุ้งแห้งและกะปิ ตำส่วนผสมจนเข้ากัน ขูดขนมะอึกออก ล้างให้สะอาด ฝานบางใส่รวมกัน ใส่สละแล้วตำเบาๆ ใส่น้ำตาลปึก น้ำปลา ตำและคลุกให้เข้ากัน ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม หวาน หรือตามชอบ ใส่น้ำพริกลงคลุกกับข้าวที่ผัดไว้ให้ทั่ว ชิมรส ถ้าไม่เค็มเติมเกลือเล็กน้อย จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยหอมเจียว กินกับผัก เช่น มะเขือเปราะ ใบกระถิน ขมิ้นขาว         

รสกลมกล่อมที่แตกต่างของข้าวตุ๋นสูตรนี้มาจากความหวานของน้ำสต๊อกกุ้ง และไข่เค็มบดที่ช่วยเพิ่มมิติให้กับเนื้อสัมผัสและรสชาติของข้าวตุ๋น ส่วนผสม กุ้งขาว 400 กรัม เกลือ 1/2 ช้อนชา รากผักชี 2 ราก กระเทียม 3 กลีบ พริกไทยขาว 1/2 ช้อนชา น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ น้ำสะอาด 1 1/2 ลิตร เหล้าจีน 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา ข้าวหอมมะลิ 180 กรัม ไข่เค็มไชยา 1 ฟอง ขิง ต้นหอม ผักชี สำหรับเสิร์ฟ วิธีทำ ซาวข้าวหอมมะลิ สะเด็ดน้ำ พักไว้ โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทย พักไว้ แกะกุ้ง แยกส่วนหัวและเปลือกกุ้งออกมา นำเนื้อกุ้งไปแช่เย็น พักไว้ นำหัวกุ้งและเปลือกไปโขลกกับเกลือ แล้วนำไปผัดกับน้ำมัน พร้อมด้วยสามเกลอ ผัดจนสุกหอม ประมาณ 3-5 นาที ใส่น้ำสะอาดลงไป พอเดือด ช้อนฟอง ลดไฟ ต้มประมาณ 5 นาที แล้วกรองน้ำสต๊อกกุ้ง ใส่น้ำสต๊อกกุ้งกลับลงในหม้อพร้อมด้วยข้าว ปรุงด้วยเหล้าจีน และซีอิ๊วขาว ตั้งไฟ พอเดือดปิดฝาลดไฟลงต่ำ ตุ๋นข้าว 30 นาที เปิดฝา ตักเนื้อไข่เค็มใส่ในกระชอน บดใส่ลงในข้าวตุ๋น ใส่กุ้งที่พักไว้ลงไป คนเบาๆ จนกุ้งสุก ตักเสิร์ฟ โรยหน้าด้วยขิง ต้นหอม และผักชี

เมนูพื้นบ้านจากจังหวัดอุตรดิตถ์ที่เชฟอ้อมนำมารังสรรค์ได้อย่างน่าสนใจ โดยนำแป้งหมักที่ทำจากข้าวสังข์หยดแล้วนำไปห่อกับหัวไชเท้าดรายเอจเนื้อสัมผัสกรอบๆ และมันแกวผัดสามเกลอ กินคู่กับน้ำยำรสแซ่บ   ส่วนผสมและวิธีทำแป้งข้าวพัน แป้งหมัก 10 กรัม | แป้งมัน 10 กรัม | น้ำเปล่า 10 กรัม | น้ำมัน 2 กรัม | เกลือ 1/10 ช้อนชา ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกัน เนื้อแป้งต้องไม่เหลวหรือข้นจนเกินไป จากนั้นตักเนื้อแป้งที่ได้ไปนึ่งบนผ้าขาวบางบนน้ำเดือดจัด (คล้ายกับการทำข้าวเกรียบปากหม้อ) นึ่งสักครู่จนแป้งสุกใส ส่วนผสมและวิธีทำมันนึ่ง มันหวานสีส้มและสีม่วงอย่างละ 1 หัว | เผือก 1 หัว สไลซ์มันและเผือกเป็นแผ่นบางประมาณ 1 เซนติเมตร นำไปต้มจนสุก เตรียมไว้ ส่วนผสมและวิธีทำเนยถั่ว ถั่วลิสงเราะเปลือกทอด 220 กรัม | น้ำมัน 20 กรัม ปั่นส่วนผสมเข้าด้วยกันจนเป็นเนื้อเนียน พักไว้ ส่วนผสมและวิธีทำหัวไชเท้าผัดเนยถั่ว หัวไชเท้าดรายเอจสไลซ์ 65 กรัม | เนยถั่ว 30 กรัม | น้ำตาลโตนด 30 กรัม | เกลือ 2 กรัม | น้ำลวกหัวไชเท้า 70 กรัม  ลวกหัวไชเท้าให้อิ่มน้ำแล้วผัดกับส่วนผสมที่เหลือจนงวด ชิมรสตามชอบ ปิดไฟ พักไว้ ส่วนผสมและวิธีทำมันแกวผัดสามเกลอ มันแกวหั่นเส้น 140 กรัม | รากผักชี 7 กรัม | กระเทียมไทยปอกเปลือก 5 กรัม | พริกไทยขาว 1 กรัม | เกลือ 2 กรัม | น้ำตาลทรายขาว 10 กรัม ตำรากผักชี กระเทียม และพริกไทยให้เข้ากัน นำไปผัดกับน้ำมันจนหอม ใส่มันแกวลงไปผัด ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ ส่วนผสมและวิธีทำน้ำยำข้าวพันผัก น้ำขิงดอง 120 กรัม | กระเทียมสับ 20 กรัม | พริกชี้ฟ้าแดง 20 กรัม | หอมแดงสับ 20 กรัม | ก้านผักชีไทยสับ 10 กรัม | ใบหูเสือซอยเล็ก 5 กรัม | พริกแห้งเม็ดใหญ่ 1 กรัม | พริกแห้งเม็ดเล็ก 1/2 เม็ด | เกลือ 1 กรัม  ผสมส่วนผสมเข้าด้วยกัน ชิมและปรุงรสตามชอบ วิธีจัดจาน นำแผ่นแป้งข้าวพันห่อหัวไชเท้าผัดเนยถั่ว มันแกวสามเกลอ หัวไชเท้าดรายเอจ มันส้ม มันม่วง และเผือก ตกแต่งด้วยใบหูเสือ เสิร์ฟพร้อมน้ำยำข้าวพันผัก

เมนูที่นำไอเดียมาจากข้าวผัดกิมจิ (Bokkeumbap) ของเกาหลี แต่นำมาหุงในกระทะปาเอลยาของสเปน รสชาติเข้มข้น ได้กลิ่นหอมของแฮมเกาหลี (Spam) ท็อปด้วยเครื่องซีฟู้ดแบบจัดเต็ม   ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่) ข้าวญี่ปุ่นเชียงราย 1 ถ้วย | ข้าวกล้องหอมมะลิ 1 ถ้วย | น้ำสต๊อกไก่ 3 ถ้วย | หอมหัวใหญ่สับ 3/4 ถ้วย | น้ำมัน 3 ช้อนโต๊ะ | โคชูจัง 3 ช้อนโต๊ะ | พริกป่นเกาหลี 2 ช้อนโต๊ะ | แฮมเกาหลีหั่นเต๋าเล็ก (Spam) 1/2 ถ้วย | กิมจิ 1/2-1 ถ้วย   ซีฟู้ด เนื้อกุ้งขาวแกะเปลือก | ปลาหมึกกล้วยหั่นแว่น (ลวกพอสุก) | เนื้อปลาค้อด | หอยแมลงภู่ชิลี   วิธีทำ อุ่นกระทะปาเอลยาให้ร้อน ใส่น้ำมัน หอมหัวใหญ่ และแฮมเกาหลี ผัดให้พอหอม ใส่โคชูจังและพริกป่นเกาหลี ผัดต่อสักครู่ ใส่ข้าวญี่ปุ่นและข้าวกล้อง ผัดสักครู่ ใส่น้ำสต๊อก ต้มให้เดือดสักครู่ คนเป็นระยะแล้วลดเป็นไฟกลาง ต้มนาน 20-30 นาทีจนข้าวสุกประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ เรียงซีฟู้ดลงบนข้าว ปิดฝา ตั้งไฟต่อประมาณ 15 นาทีจนสุก ก่อนเสิร์ฟใส่กิมจิ เลมอนหั่นชิ้น และสาหร่ายเส้นปรุงรสให้สวยงาม

อาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารที่นิยมไปทั่วทุกมุมโลก นอกจากจะอร่อย โดดเด่น ยังได้ชื่อว่าเป็นอาหารสุขภาพชั้นเยี่ยม คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีอายุยืน และอายุยืนมากจนกินเนสส์บุ๊กได้บันทึกไว้ ความเป็นอาหารสุขภาพของคนญี่ปุ่นอยู่ในวิถีชีวิตที่กินกันทุกวัน คนญี่ปุ่นกินปลาดิบที่จัดว่ามีโอเมกา-3 สูง กินสาหร่ายที่มีโปรตีน ธาตุเหล็ก กินเต้าหู้ที่เป็นโปรตีนจากพืชชั้นเยี่ยม กินอาหารตามธรรมชาติและฤดูกาล เครื่องปรุงสำคัญล้วนมีประโยชน์ เช่น มิโซะ และนัตโตะ   มิโซะ ถั่วเหลืองหมักและบดที่ใส่ในซุปมิโซะเป็นที่รู้จักกันทั่วไป แต่นัตโตะก็เป็นถั่วเหลืองหมักที่ยังเป็นเมล็ดอยู่ ถ้าจัดประเภทก็น่าจะเป็นพี่หรือน้องของมิโซะ และอยู่ในครอบครัวเดียวกันกับเทมเป้ ถั่วหมักสุขภาพของชาวอินโดนีเซีย เต้าเจี้ยวของจีน ถั่วเน่าของชาวล้านนา   นัตโตะ กำลังฮิตในวัยรุ่นที่รักสุขภาพ แม้ว่าในอดีตจะมีคนไม่กล้าลองชิมเพราะมีกลิ่นฉุนเฉพาะตัวสูง นัตโตะเป็นถั่วเหลืองหมักดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น วิธีการทำเริ่มแรกต้องนำถั่วไปนึ่งให้สุกก่อน แล้วหมักด้วยเชื้อแบคทีเรีย Bacillus Subtilis จากนั้นนำไปบ่มโดยการห่อด้วยฟางข้าวจนเมล็ดถั่วเหลืองเป็นเมือกมียางเหนียวๆ ซึ่งเกิดจากการย่อยโปรตีนระหว่างการหมัก และมีกลิ่นฉุนมากจนเหมือนของที่เสียแล้ว คนทั่วไปเรียกกันว่า “ถั่วเน่า”   แต่เมือกเหนียวๆ ที่อยู่บนเมล็ดถั่วเหลืองกลิ่นฉุนๆ นี่เองที่มีประโยชน์สุดยอด เพราะเป็นแหล่งของโปรตีนชั้นดีเทียบเท่ากับเนื้อสัตว์ มีวิตามินบี 12 วิตามิน K2 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพของกระดูก ช่วยเรื่องกระดูกพรุนและข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุได้อย่างดี มีโปรไบโอติกส์ จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ช่วยปรับสภาพสมดุลในลำไส้ และช่วยลดทั้งดวามดันโลหิตและคอเลสเตอรอล นัตโตะ 100 กรัม ให้พลังงาน 212 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยสารอาหารที่สำคัญ เช่น โปรตีน 18 กรัม คาร์โบไฮเดรต 14 กรัม ไขมัน 11 กรัม แคลเซียม 217 มิลลิกรัม เหล็ก 8.6 มิลลิกรัม และโพแทสเซียม 729 มิลลิกรัม   ด้วยกลิ่นฉุนอันร้อนแรงนี้คนญี่ปุ่นกินกันอย่างไร? กลิ่นดูจะไม่ใช่อุปสรรคสำหรับชาวญี่ปุ่นเลยเพราะมีวิธีการกินนัตโตะที่ง่ายมาก เพียงแค่ใส่โชยุ มัสตาร์ดเล็กน้อย คนจนเป็นยางเหนียวยืด วางบนข้าวร้อนๆ และคลุกให้เข้ากันก็เป็นอาหารเช้าอันโอชะ หรือใส่ไข่ดิบคนให้เข้ากัน ใส่โชยุ ต้นหอมญี่ปุ่นซอยกินกับข้าว ซึ่งชาวญี่ปุ่นหลายคนบอกว่าตอนเด็กๆ แม่จะทำให้กินก่อนไปโรงเรียน   แต่สำหรับคนต่างวัฒนธรรมเช่นบ้านเราจะมีวิธีกินอย่างไรดี? เด็กวัยรุ่นที่ชอบทดลองอาหารใหม่ๆ หลากหลาย การกินแบบคนญี่ปุ่นดูไปด้วยกันได้ แต่สำหรับคนไม่คุ้นชินกับกลิ่นอาจจะมีวิธีกินหลากหลาย เช่น ผสมในมันฝรั่งบดทำเป็นโครเกตต์ ผสมกับเนื้อทำเป็นแฮมเบอร์เกอร์ แต่เมนูที่ฮอตฮิตและดูจะถูกใจคนไทย ชาวต่างชาติหรือแม้แต่คนญี่ปุ่นยุคใหม่เองคือกินกับกิมจิ ผักดองของเกาหลีที่จัดเป็นอาหารสุขภาพเช่นกัน   วิธีการนั้นง่ายมากเพียงแค่ทำตามการกินของคนญี่ปุ่น แล้วท็อปกิมจิ เหยาะน้ำมันงาเล็กน้อย คลุกให้เข้ากันกินกับข้าวร้อนๆ รสของกิมจิที่เค็ม เปรี้ยว เผ็ด เข้ากันได้ดีหรือช่วยกลบกลิ่นและรสของนัตโตะ ทำให้ชวนกิน กินอร่อยขึ้นมาทันทีอย่างไม่น่าเชื่อ เรียกได้ว่าเป็นการดับเบิลโปรไบโอติกส์ไปในมื้อเดียวกัน   เมนูนี้จึงจัดได้ว่าเป็นเมนูสุขภาพของคนรักสุขภาพอย่างไม่มีพรมแดนก็ว่าได้ เพราะกินกันได้ทั่วโลก วิธีทำนั้นก็ง่ายมากไม่ต้องปรุงผ่านความร้อนใดๆ เลย คนที่ชอบอ้างว่าไม่มีเวลาทำกับข้าวดูจะใช้อ้างไม่ได้กับเมนูนี้   นัตโตะและกิมจิล้วนเป็นอาหารดั้งเดิมมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ชวนให้คิดว่าอาหารสุขภาพที่เราค้นหาอยู่ใกล้ตัวนี้เอง เป็นของธรรมดาๆ ที่ไม่ต้องปรุงแต่งมาก   เชื่อไม่เชื่อก็ดูได้ว่าคนญี่ปุ่นมีอายุยืนกันมานานแล้ว นัตโตะ & กิมจิ ส่วนผสม ข้าวหุงสุก (ร้อน) 1 ถ้วย นัตโตะ 1 กล่องเล็ก กิมจิ 3/4 ถ้วย น้ำมันงาเล็กน้อย งาบดสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย วิธีทำ แกะนัตโตะออกจากกล่อง ใส่โชยุและมัสตาร์ดที่อยู่ในกล่อง คนไปทางเดียวกันจนเป็นเมือกยืดสีขาว วางบนข้าวร้อนๆ วางกิมจิ เหยาะน้ำมันงา โรยงา คลุกทั้งหมดให้เข้ากัน รับประทานทันที

จานหลักต้องไม่พลาด “ข้าวยำปักษ์ใต้” เมนูข้าวกับเครื่องสมุนไพรซอยและกลีบดอกดาหลา ดอกไม้พื้นถิ่นที่มีรสเปรี้ยวอ่อนๆ ใช้ข้าวสังข์หยดผสมกับเนื้อเกาลัด ราดซอสน้ำบูดูรสชาติเค็มหวานกลมกล่อม ท็อปด้วยไข่หอยเม่นเพื่อเพิ่มความครีมมี่ จัดจานสไตล์แบบมินิมอล   ส่วนผสมข้าว (สำหรับ 2-4 ที่) ข้าวสักข์หยด 2 ถ้วย เนื้อเกาลัดหั่นเต๋า 1/2 ถ้วย น้ำสต๊อกทะเล 2 1/2 วย วิธีหุงข้าว ใส่ข้าวและน้ำสต๊อก หุงจนข้าวสุกเมล็ดร่วน ใส่เนื้อเกาลัดผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้ ส่วนผสมน้ำบูดู น้ำบูดู 1 ถ้วย น้ำตาลมะพร้าว 1/2 ถ้วย หอมแดง 2 หัว ตะไคร้บุบ 2 ต้น ข่าบุบ 2-3 แว่น ใบมะกรูดฉีก 5-6 ใบ วิธีทำน้ำบูดู ใส่ส่วนผสมทั้งหมดต้มรวมกันให้เดือดประมาณ 10-20 นาที (หมั่นช้อนฟองออก) จนข้นขึ้น กรองออกแล้วพักให้เย็น เตรียมไว้ เครื่องสมุนไพรข้าวยำ ใบมะกรูด ดอกดาหลา ตะไคร้ ใบชะพลู หอมแดง มะม่วงเปรี้ยว เนื้อส้มโอ ถั่วฝักยาว และรากบัว ซอยละเอียดอย่างละเล็กน้อย มะพร้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ เนื้อกุ้งแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ ข้าวพอง 1 ช้อนโต๊ะ ไข่หอยเม่น 2 ตัว วิธีจัดจาน ตักข้าวใส่ในพิมพ์วงกลม วางลงกลางจาน วางไข่หอยเม่นบนหน้า วางเรียงเครื่องเคียงสมุนไพรอย่างละเล็กน้อยไว้รอบจาน ราดด้วยน้ำบูดู

ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) ข้าวเหนียวแช่น้ำ 1 คืน 1 ถ้วย ข้าวหอมมะลิ 1/2 ถ้วย วิธีหุงข้าว ล้างข้าวเหนียวให้สะอาดจนน้ำใส นำไปผสมกับข้าวหอมมะลิ ห่อใส่ผ้าขาวบางที่ชุบน้ำแล้ว นำไปนึ่งน้ำเดือดประมาณ 15-20 นาที จนข้าวสุก ปิดไฟแล้วพักไว้ ส่วนผสมหมูตุ๋น เนื้อหมูสันคอหั่นชิ้นเล็ก 500 กรัม กระเทียมจีน 3 กลีบ รากผักชี 2 ราก พริกไทย 1 1/2 ช้อนชา (ตำรวมกัน) น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ ผงพะโล้ 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 1 ถ้วย น้ำมันเล็กน้อย วิธีทำ ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่น้ำตาล เครื่องที่ตำไว้ ผัดจนหอมและน้ำตาลเป็นคาราเมล ใส่เนื้อหมู ผัดต่อสักครู่ ใส่ซอสปรุงรสต่างๆ เติมน้ำให้พอท่วม เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 30 นาที หรือจนเนื้อนุ่ม เครื่องเคียง (สำหรับ 1 ชิ้น) ผักกาดคอส 2-3 ใบ ปาท่องโก๋ 2 ชิ้น กุนเชียงหั่นเส้น 1 ชิ้น เต้าหู้อบกรอบ 1 ช้อนโต๊ะ หัวไชเท้าดองหั่นเส้น 1 ช้อนโต๊ะ แตงกวาดอง 1 ช้อนโต๊ะ หมูตุ๋น 2 ช้อนโต๊ะ มายองเนสเล็กน้อย งาดำสำหรับโรยหน้า วิธีทำ ตักข้าวประมาณ 1 ถ้วย วางบนเสื่อม้วนข้าวที่ห่อด้วยพลาสติกสำหรับห่ออาหาร เกลี่ยข้าวให้ทั่ว หนาประมาณ 1 เซนติเมตร ราดมายองเนสเล็กน้อย วางเรียงเครื่องต่างๆ ไว้ตรงกลาง ม้วนข้าวให้แน่น แล้วห่อด้วยพลาสติกสำหรับห่ออาหาร ม้วนปลายทั้งสองด้านให้แน่น เตรียมไว้ แกะพลาสติก โรยงาดำให้สวยงาม เสิร์ฟทันที

เมนูกะเพราที่เราคุ้นเคย เสิร์ฟแปลกใหม่ในชามหินร้อนแบบข้าวยำเกาหลีบิบิมบับ ผัดข้าวกับซอสหอมกลิ่นกะเพรา กินคู่กับเนื้อวัวออสเตรเลียย่างสุกปานกลาง พร้อมไข่แดงดองน้ำปลาโฮมเมด และกะเพรากรอบ   ส่วนผสมซอสผัด (สำหรับ 2 ที่) ซอยหอยนางรม 4 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำซอสผัด ผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เตรียมไว้ ส่วนผสมไข่ดอง (สำหรับไข่ 6 ฟอง) น้ำปลา 1/2 ถ้วย น้ำเปล่า 2 ถ้วย น้ำตาลมะพร้าว 3 ช้อนโต๊ะ ไข่แดง 6 ฟอง กระเทียมหั่นแว่น 3 กลีบ พริกขี้หนูสวนซอย 3 เม็ด วิธีทำไข่ดอง ตั้งหม้อใส่น้ำปลา น้ำเปล่า และน้ำตาลมะพร้าว คนให้เข้ากัน ต้มไฟปานกลางประมาณ 10 นาที พอเดือดปิดไฟ พักให้เย็น ใส่ไข่แดง กระเทียม และพริกขี้หนูลงแช่น้ำดองในภาชนะที่มีฝาปิด แช่ตู้เย็นนาน 1 คืน ส่วนผสมข้าวผัดกะเพรา ข้าว 2 ถ้วย เนื้อวัวออสเตรเลีย 1 ชิ้น พริกขี้หนูสวน 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ พริกแห้ง 1 ช้อนชา ใบกะเพรา 1/4 ถ้วย ซอสสำหรับผัด 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชสำหรับผัดเล็กน้อย เกลือทะเลและพริกไทยดำเล็กน้อย ใบกะเพราทอดกรอบสำหรับตกแต่ง วิธีทำ สับกระเทียม พริกขี้หนูสวน พริกแห้ง และใบกะเพราเข้าด้วยกันให้ละเอียด ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่เครื่องที่สับไว้ลงผัดให้พอมีกลิ่นหอม ใส่ข้าว ผัดให้เข้ากัน ใส่ซอสที่เตรียมไว้ ผัดให้ทั่ว ชิมรส ปิดไฟ ตักใส่ชามหินบิบิมบับ โรยเกลือและพริกไทยบนเนื้อ พักไว้สักครู่ ย่างบนกระทะด้วยไฟแรงให้สุกตามชอบ ตักเนื้อขึ้นพักไว้ หั่นเสิร์ฟขนาดพอดีคำ วางเนื้อบนข้าว โรยใบกะเพราทอดกรอบ วางไข่ดองน้ำปลา เสิร์ฟทันที

เนื้อทูน่าสดเกรดซาชิมิหั่นชิ้นพอดีคำ คลุกเคล้ากับน้ำยำและสมุนไพรไทย ปรุงด้วยน้ำปลาสูตรลดโซเดียม (Low Sodium) เสิร์ฟพร้อมข้าวไรซ์เบอร์รีผสมควินัว เมนูยำเพื่อสุขภาพ รสชาติถึงเครื่องและอร่อย   ส่วนผสม ข้าวไรซ์เบอร์รีผสมควินัว (หุงสุก) 80 กรัม เนื้อปลาทูน่าสดหั่นเต๋า 100 กรัม   ผักสลัด แตงกวาญี่ปุ่นหั่นเต๋า 40 กรัม พริกหวานเหลืองหั่นเต๋า 20 กรัม มะเขือเทศเชอร์รีผ่าครึ่ง 30 กรัม แอปเปิลแดงหั่นเต๋า 30 กรัม   ส่วนผสมน้ำยำสมุนไพร น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลาสูตรลดโซเดียม 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายสูตรแคลอรีต่ำ 1 ช้อนชา พริกขี้หนูแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ ผักชีฝรั่งซอย 1 ช้อนชา ตะไคร้ซอย 1 ช้อนชา ใบมะกรูดซอย 1 ช้อนชา หอมแขกซอย 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมซอย 1 ช้อนชา ผักชีเล็กน้อยสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ทำน้ำยำโดยผสมน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลทราย และพริกขี้หนูลงในชามผสม คนให้เข้ากัน คลุกเนื้อปลาทูน่าหั่นเต๋ากับน้ำยำให้ทั่ว ใส่ผักชีฝรั่ง ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแขก และต้นหอม คลุกให้เข้ากัน ทำสลัดโดยคลุกผักทั้งหมดเข้าด้วยกัน จัดจานเสิร์ฟโดยวางยำปลาทูน่าสมุนไพร เสิร์ฟพร้อมข้าวไรซ์เบอร์รีผสมควินัว และผักสลัด ตกแต่งด้วยผักชีให้สวยงาม

วันก่อนมีงานเลี้ยงเน้นที่อาหารทำจากเนื้อปู จึงเกิดเมนูนี้ขึ้นมา อร่อยแปลกไปจากข้าวผัดปูธรรมดา ครั้งนี้ไม่ได้ให้สัดส่วนไว้นะคะ ผัดตามรสที่แต่ละบ้านชอบ เครื่องปรุง ข้าว กรรเชียงปู ไข่ ซีอิ๊วฉูปัง เกลือ น้ำตาลทราย ผงปรุงรส รสหมู พริกไทย กระเทียม ต้นหอม ผักชี พริกชี้ฟ้าแดง น้ำมันหมู เครื่องปรุงปูกรอบ กรรเชียงปู ไข่ (ตีจนไข่เป็นเนื้อเดียวกัน) แป้งทอดกรอบ เกล็ดขนมปังแบบเกล็ดเล็กๆ น้ำมันปาล์มสำหรับทอด วิธีทำ คลุกข้าวกับไข่ดิบให้เข้ากัน ไข่ดิบจะทำให้ข้าวกระจายไม่เกาะกัน ใส่น้ำมันหมูลงในกระทะ เจียวกระเทียมให้หอม ใส่ซีอิ๊วฉูปังนิดหน่อยลงไป คนให้หอม ใส่ข้าวลงผัดให้ไข่ที่หุ้มข้าวสุก ใส่กรรเชียงปู ปรุงรสด้วยผงปรุงรส เกลือ น้ำตาลทราย และพริกไทย ชิมให้ได้รสที่ชอบ ใส่ต้นหอมซอย ผัดให้สุกเขียว ตักข้าวผัดปูใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ทำปูกรอบโดยคลุกกรรเชียงปูกับแป้งทอดกรอบแบบแห้ง เสร็จแล้วนำไปชุบลงในไข่ดิบ จากนั้นคลุกกับเกล็ดขนมปัง ทอดปูในกระทะที่ใส่น้ำมันจนท่วม น้ำมันต้องร้อนถึงอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส ทอดจนเกล็ดขนมปังเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดแต่งบนจานข้าวผัดปูของเรา โรยผักชี และพริกชี้ฟ้าแดงให้สีสวย

ด้วยกระแสตอบรับอย่างล้นหลามกับร้านอาหารไทยชื่อดัง “สำรับสำหรับไทย” ที่นำเสนอเมนูไทยโบราณ ซึ่งต้องจองคิวนานกว่าเดือน ทำให้เชฟปริญญ์ ผลสุข เดินหน้าสร้างโปรเจ็กต์ที่ 2 กับร้านอาหารไทยแนวใหม่อย่าง วิลาศ (VILAS)  อาหารไทยโบราณที่ผสมผสานวัตถุดิบของต่างชาติ นำเสนอในรูปแบบใหม่ที่เชฟให้คำนิยามว่า “อาหารไทยประดิษฐ์” ก้าวแรกเมื่อเดินเข้าไปในร้านให้ความรู้สึกเรียบง่าย ทางเดินสีครีมดูสะอาดตา ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สไตล์วาบิซาบิ เชฟปริญญ์เข้ามาทักทายด้วยท่าทางสบายๆ กับเสื้อยืดสีฟ้าดูสดใส ก่อนที่จะคุยกันถึงร้านวิลาศเราไม่พลาดถามถึงเส้นทางการทำอาหารของเชฟกว่าจะเดินทางมาจนถึงปัจจุบันเป็นอย่างไร เชฟเล่าด้วยท่าทางสบายๆ ว่าตอนเด็กๆ ชอบทำกับข้าวกับคุณยาย พอโตขึ้นไปเรียนด้านวิศวกรแต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยพื้นฐานการทำเบเกอรี่ซึ่งที่บ้านทำขายจึงได้ไปเรียนคอร์สระยะสั้น 3 เดือนที่โรงแรมโอเรียนเต็ล หลังจากนั้นมีโอกาสไปทำงานร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ 1 ดาวที่ร้านน้ำ (Nahm) ในกรุงลอนดอน กับเชฟเดวิด ทอมสัน (David Thompson)   หลังจากนั้นก็เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำอาหารในประเทศต่างๆ บวกกับความสนใจของตนเองที่มีต่ออาหารไทยโบราณ และศึกษาจากตำราโบราณหลายเล่มอย่างแม่ครัวหัวป่าก์ ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ตำราหม่อมส้มจีน เป็นต้น จนนำมาทำเป็นเมนูในร้านสำรับสำหรับไทย   ด้วยความที่ชอบศึกษาเรียนรู้เรื่องอาหารทั้งไทยและเทศ เมื่อศึกษาอย่างจริงจังถึงที่มาของอาหารและวัตถุดิบเชฟก็บอกว่า “ที่มาของส่วนผสมและวัตถุดิบที่เราเห็นไม่ได้เป็นของชาติใดชาติหนึ่ง เรารับและแลกเปลี่ยนกันมาตั้งแต่อดีต” ส่วนในปัจจุบันคนไทยก็นิยมอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอมากาเสะจึงนำความคิดนี้มาสอดแทรกอยู่ในเมนูของร้านวิลาศ เป็นอาหารไทยที่ใช้วัตถุดิบญี่ปุ่นซึ่งอยากจะล้อเลียน เมื่อให้เชฟให้คำจำกัดความอาหารของร้านวิลาศ เชฟปริญญ์ให้คำตอบว่า “ผมไม่อยากจำกัดความว่าร้านของผมเป็นร้านอะไร และเป็นอาหารแนวไหน เพียงแค่อยากให้มาลองชิมอาหารของผมเท่านั้น อาจพูดว่าเป็นอาหารไร้สัญชาติก็ว่าได้ เพราะใช้วัตถุดิบจากทั่วทุกพรมแดน” แต่ละเมนูของร้านวิลาศจึงอาจจะเซอร์ไพรส์คนกิน เช่น เมี่ยงไข่หอยเม่น เสิร์ฟบนกลีบบัวหลวงสีม่วงคล้ายเมี่ยงคำ แต่มีใบโอบะใช้ห่อมะพร้าวคั่วและเครื่องสมุนไพรต่างๆ บนหน้าวางไข่หอยเม่น วัตถุดิบญี่ปุ่นราคาแพงที่คนไทยนิยมชมชอบ และถ้ามองให้ดีกลีบบัวนี้วางอยู่บนแผ่นที่มีร่องคล้ายสังกะสีซึ่งดูขัดแย้งกันและอาจจะอยากล้อเลียน เช่นเดียวกับขนมเบื้องวิลาศ แป้งขนมเบื้องวางเสิร์ฟบนภาชนะที่เป็นทรงขนมปังบาแกตต์ กินกับตับปลาต้มเค็มที่ซูวีดจนเนื้อนุ่ม ความคิดหยอกล้อขัดแย้งเช่นนี้มีสอดแทรกอยู่ในทุกเมนู ดูเหมือนกับเมนูที่เชฟนำเสนอในฉบับนี้ แกงกะหรี่ไท (ไท แปลว่า อิสระ) ซึ่งอยากจะล้อเลียนแกงกะหรี่ญี่ปุ่น แกงกะหรี่ที่ไม่ใส่ผงกะหรี่ แต่ใส่สมุนไพรและขมิ้นให้มีกลิ่นหอมเด่น เนื้อแกงข้นจากลูกเกาลัดที่บดใส่ลงไปในแกง ซึ่งได้แนวคิดมาจากตำราโบราณ แกงกะหรี่ไทนี้กินกับข้าวญี่ปุ่นหุงกับกะทิ และยำผักดองอย่างดอกเกสรชมพู่มะเหมี่ยวและมะเฟืองที่ตัดรสเข้ากันลงตัว   เรียกได้ว่าเป็นเมนูสร้างสรรค์จากอดีตที่ล้อเลียนปัจจุบันบนความสนุกสไตล์เชฟปริญญ์ แกงกะหรี่ไท ส่วนผสมเนื้อตุ๋น (สำหรับ 1-2 ที่) เนื้อแก้มวัว 1 กิโลกรัม  หัวกะทิ 1/2 ลิตร น้ำ 1 ลิตร ข่าบุบ 1/3 ถ้วย    ตะไคร้ 1/3 ถ้วย หอมแดง 1/3 ถ้วย วิธีทำ จี่เนื้อแก้มวัวบนกระทะร้อนจัดด้านละ 1 นาที นำเนื้อที่จี่แล้วใส่หม้อ ใส่น้ำ หัวกะทิ ข่าบุบ ตะไคร้ และหอมแดง ตุ๋นจนเนื้อเปื่อยนุ่ม (เก็บน้ำที่ตุ๋นเนื้อไว้) ส่วนผสมพริกแกง (สำหรับ 2-4 ที่) พริกชี้ฟ้าแห้ง 2-3 เม็ด กระเทียมไทยปอกเปลือก 2 ช้อนโต๊ะ หอมแดงปอกเปลือก 1/3 ถ้วย รากผักชี 2 ช้อนชา ขมิ้นสด 4 ช้อนชา พริกไทยขาว 1/4 ช้อนชา ลูกผักชีคั่ว 2 ช้อนชา เกลือ 1/4 ช้อนชา เกาลัดคั่วสุก 2 ช้อนโต๊ะ ส่วนผสมแกงกะหรี่ไท พริกแกงกะหรี่ 1/3 ถ้วย หัวกะทิ 1 ถ้วย น้ำตุ๋นเนื้อ 1 ถ้วย เนื้อแก้มวัวตุ๋นหั่นประมาณ 1 1/2 ถ้วย  น้ำตาลมะพร้าว 2 ช้อนชา น้ำปลา 2 ช้อนชา เกาลัดอบสุก 5 เม็ด น้ำมะพร้าว น้ำส้มเขียวหวาน น้ำส้มซ่า และเม็ดเกาลัดอบสุก ปริมาณตามชอบ หอมแดงเจียว และเกาลัดหั่นบางทอดกรอบสำหรับตกแต่ง วิธีทำ ตำส่วนผสมพริกแกง (ยกเว้นเกาลัด) เข้าด้วยกันจนละเอียด จากนั้นใส่เม็ดเกาลัดคั่วสุก ตำให้เข้ากัน ตั้งกระทะผัดพริกแกงกับหัวกะทิพอแตกมัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าวและน้ำปลา เติมน้ำตุ๋นเนื้อแก้มวัว ใส่เนื้อแก้มวัว เคี่ยวต่อจนน้ำเข้าเนื้อประมาณ 1-2 ชั่วโมงจนเนื้อเปื่อยนุ่ม ปิดไฟ ชิมรส ปรุงรสตามชอบ ใส่เกาลัดอบสุก ตามด้วยน้ำมะพร้าว น้ำส้มเขียวหวาน และน้ำส้มซ่า ตักใส่ชามเสิร์ฟ โรยด้วยเกาลัดทอด และหอมเจียว เสิร์ฟคู่กับข้าวญี่ปุ่นหุงกะทิ และยำผักดอง

“มิโซะ” เต้าเจี้ยวบด เครื่องปรุงรสที่ขาดไม่ได้ในครัวญี่ปุ่น ถั่วเหลืองหมักรสเค็มนี้นอกจากใช้ทำซุปมิโซะที่เราคุ้นเคยแล้ว ยังนำมาผสมกับเครื่องปรุงนานาชาติอย่างมัสตาร์ดรสฉุนผสมกับมิโซะทำเป็นซอสราดหอยเชลล์ย่างแบบดงบุริได้อร่อย หรือมิโซะผสมกับฮัมมัสถั่วบดเครื่องจิ้มสไตล์ตะวันออกกลางทำเป็นดิปรสเค็มมันกินกับผักย่าง หรือใช้มิโซะผสมกับโคชูจัง เครื่องปรุงรสเผ็ดเค็มของเกาหลี ปรุงเป็นน้ำซุปราเมงมีรสชาติหอมอร่อยแปลกใหม่ที่น่าลิ้มลอง   ส่วนผสม (สำหรับ 4 ที่) หอยเชลล์ญี่ปุ่น 500 กรัม น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ เนยจืด 1/2 ช้อนโต๊ะ MARUKOME IKKYU SAN MISO 2  ช้อนโต๊ะ มิริน 1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มสายชูหมักจากข้าว 1 1/2    ช้อนโต๊ะ โชยุ 1/2 ช้อนชา มัสตาร์ด 1/2 ช้อนชา น้ำเปล่าเล็กน้อย ข้าวญี่ปุ่นสำหรับเสิร์ฟ งาขาวคั่ว และต้นหอมซอยสำหรับโรยหน้า วิธีทำ ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันมะกอก และย่างหอยเชลล์ให้สุกสีเหลืองสวย ตักขึ้นพักไว้ ในกระทะใบเดิมใส่เนย MARUKOME IKKYU SAN MISO มิริน น้ำส้มสายชู โชยุ มัสตาร์ด และน้ำเปล่า คนให้เข้ากันแล้วต้มพอเดือด ใส่หอยเชลล์ลงคลุกให้เข้ากันและซอสเคลือบหอยทั่ว ตักหอยเชลล์และซอสราดบนข้าว โรยด้วยงาขาว และต้นหอมซอย

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ที่) ข้าว 2 ถ้วย Ryotei No Aji FD Karyu (มิโซะชนิดเม็ดหยาบกึ่งสำเร็จรูป) 2 ช้อนตวง (ช้อนตวงที่มากับผลิตภัณฑ์) เนื้อปลาเก๋าหั่นชิ้น 4-6 ชิ้น กุ้ง 4 ตัว ปลาหมึกหั่นแว่น 4-6 ชิ้น ต้นหอมญี่ปุ่นซอย 1/4 ถ้วย สาหร่ายจีน 1/4 ถ้วย วิธีทำ ต้มข้าวในน้ำจนนุ่ม ใส่มิโซะชนิดเม็ด Ryotei No Aji FD Karyu ลงไป คนให้เข้ากัน ชิมและใส่เพิ่มได้ตามชอบ ลวกเนื้อปลา กุ้ง และปลาหมึกในน้ำเดือดให้พอสุก ใส่ซีฟู้ดลงในข้าว ต้มรวมกันสักครู่ ใส่ต้นหอมญี่ปุ่นซอย และสาหร่ายจีน