ชวนไปเอ็นจอยกับมัตฉะคุณภาพเยี่ยมในคาเฟ่น้องใหม่ไซส์กะทัดรัดย่านแบริ่ง ‘ Yume Matcha ’ ที่ตกแต่งร้านมาในบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นแบบสตรีท สามารถแวะเช็คอินถ่ายรูปเก๋ๆ กันได้ทุกมุม ทางร้านแบ่งเป็นโซนเอาต์ดอร์ที่ต้องสะดุดตากับเสาแดงโทริอิและถนนทางม้าลาย ซึ่งมีการจัดโซนที่นั่ง ไว้อย่างเป็นสัดส่วน ส่วนภายในตกแต่งมาแบบเรียบง่าย โดยมีเคาน์เตอร์บาร์อยู่กลางร้านให้เราสามารถมองเห็นทุกขั้นตอนการชงกันแบบสดใหม่แก้วต่อแก้ว ที่นี่เน้นเสิร์ฟเป็นมัตฉะเกรดพิธีการคู่กับขนมโฮมเมดที่ใครได้ลองเป็นต้องติดใจอย่าง Kagayame Matcha (160.-) มัตฉะเบลนด์สูตรพิเศษของร้าน ชงจาก Samidori และ Okumidori ให้รสชาติอูมามิมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ต่อด้วย Matcha Coconut  (140.-) แก้วนี้สดชื่นด้วยน้ำมะพร้าวสดผสานมากับ Kagayame Matcha หอมหวานดื่มง่าย หรือจะเลือกเป็น Matcha Dirty (120.-) โดยทางร้านเลือกใช้เป็นมัตฉะสายพันธุ์ คุเอ็นโนะ ที่แบ่งเลเยอร์กับนมสดมาอย่างสวยงาม รสชาตินุ่มนวลกลมกล่อม สำหรับขนมโฮมเมดแนะนำ Matcha Banoffee (150.-) ตัวฐานทำจากแครกเกอร์โอริโอ้บดไปด้วยกันได้ดีกับ ซอสมัตฉะจากมัตฉะเมืองอูจิ ตัดความเข้มข้นด้วยกล้วยหอมรสหวานละมุนและครีมสด ท็อปด้วยผงมัตฉะแบบไม่หวง รสหวานน้อย เข้ากันอย่างลงตัว Warabi Mochi (95.-) วาราบิโมจิกวนสด เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบกำลังดี คลุกมากับผงถั่วคินาโกะนำเข้าจากญี่ปุ่น ราดด้วยคุโรมิตซึกินเพลินสุดๆ

จากกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดของ Rintaro ร้านไอศกรีมเจ้าดังสัญชาติญี่ปุ่น ที่เปิดสาขาแรกย่านพระโขนงในโครงการ  W District และสาขา 2 ที่ซอยอารีย์ (พหลโยธิน 8) ล่าสุดได้ขยายความอร่อยมายังเจริญกรุงกับสาขาที่ 3 ใน โรงแรม เดอะ สลิล ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ สำหรับสาขานี้ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ริมสระน้ำของโรงแรม เป็นคาเฟ่ขนาดกะทัดรัด ใช้คู่สีน้ำเงิน-เหลือง ดูน่ารัก แถมยังมีมุมถ่ายรูปหลากหลายทั้งริมสระและวิวสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สามารถเดินถือไอศกรีมรสโปรดไปคลายร้อนได้อย่างหนำใจ แต่สิ่งที่ทำให้รินทาโรกลายเป็นหนึ่งในหวานใจของร้านไอศกรีมแสนโปรดคือไอศกรีมที่ทำสดใหม่ทุกวันจากวัตถุดิบคุณภาพ ปราศจากการใส่สีและสารเคมี อีกทั้งยังใช้น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ทำให้รสชาติและรสสัมผัสที่ได้มาจากธรรมชาติแท้ๆ ซึ่งทุกรสชาติรังสรรค์โดยคุณชิน-ชินทาโร นากาจิมะ เจ้าของร้านรินทาโร ที่นำจุดเด่นของผลไม้แต่ละชนิดและวัตถุดิบคุณภาพมาสร้างสรรค์เป็นรสชาติของไอศกรีม โดยวัตถุดิบที่เป็นตัวชูโรงเหล่านั้นมาจากเกษตรกรไทยในภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เกลือน่าน เสาวรสเชียงราย โกโก้ชุมพร สับปะรดสายพันธุ์ภูเก็ต ชาไทยโมจิ มังคุดนครราชสีมา และมะม่วงจากแหล่งที่ดีที่สุดในไทยมาครีเอตเป็นเมนูพิเศษที่เสิร์ฟเฉพาะสาขาเดอะสลิลเท่านั้น โดยคุณชินทาโรได้ขนไอศกรีมมาให้ลิ้มรสกว่า 20 รสชาติ สามารถเลือกชิมทุกรสได้ในราคาคำละ 5 บาท หรือใครที่มีรสในใจอยู่แล้ว จะสั่งเป็นถ้วยหรือโคนรสเมเปิลและรสช็อกโกแล็ตก็อร่อยได้ไม่ซ้ำใคร ในราคา 130 บาท (เลือกได้ 2 รสชาติ) เราเลือก Japanese Sweet Potato ไอศกรีมรสมันหวานญี่ปุ่น เนื้อเนียนละเอียด ได้รสหวานเล็กน้อย จับคู่กับ Camembert & Mixed Nuts Pralines กามองแบร์ชีสนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส มีส่วนผสมของอัลมอนด์ และวอลนัต รสหอมหวานละมุนลิ้น และ Chumphon Cacao หรือ โกโก้ชุมพร เข้ากันได้ดีกับ Cassis Orange คาสซิส ออเรนจ์ ได้ความเข้มข้นของโกโก้ตัดกับรสเปรี้ยวหวานสดชื่น อร่อยลงตัวมากๆ แต่นอกจากไอศกรีมที่ทำจากวัตถุดิบของไทยแล้ว ทางร้านยังมีไอศกรีมที่ทำจากวัตถุดิบของญี่ปุ่นมาเสริมทัพอีกด้วย เช่น มันหวานญี่ปุ่น งาดำโมจิ โฮจิฉะโมจิ ชาวเขียว และยูซุ อร่อยทุกรสชาติเลย

คาเฟ่ริมถนนข้าวหลามที่มีจุดขายเป็นครัวซองต์เกือบ 100 รายการจากเชฟฝีมือดีศิษย์เก่าเลอ กอร์ดอง เบลอ ที่หลงใหลในขนมสไตล์ฝรั่งเศส ครัวซองต์ผิวกรอบนุ่มใน ฉ่ำลิ้นด้วยเนยอย่างดีซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่ช่วยชูรสชาติความอร่อยและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว กลืนลงคอก็ยังอบอวลในปากและไม่ทิ้งคราบมันให้รำคาญใจ เช่นเดียวกับวัตถุดิบอื่นๆ ที่เชฟตั้งใจคัดสรรที่ดีที่สุด แม้ต้นทุนจะสูงแต่สวนทางกับราคาขาย เพราะเป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกเปิดร้านที่อยากให้คนรักครัวซองต์ได้กินขนมอร่อยแบบมีความสุขได้ทุกวัน บรรยากาศยังเหมาะเป็นจุดพักเช็คอินและถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก โซนห้องแอร์คุมโทนด้วยสีเขียวตัดด้วยลายเส้นสีทองหรูหราให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในคาเฟ่กลางกรุงปารีส ส่วนด้านนอกตกแต่งด้วยสัญลักษณ์และสถานที่ไฮไลท์ของฝรั่งเศสเช่นหอไอเฟล และลาเมซองโรส เป็นต้น สำหรับเมนูทั้งหมดอบร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟวันต่อวัน วางเรียงรายในตู้ให้เลือกสั่งได้ตามชอบ แนะนำเริ่มที่ Pain Au Chocolate ครัวซองต์สอดไส้ดาร์กช็อคโกแลต 70% ไม่หวานมาก ชิ้นนี้จับคู่กับเครื่องดื่มแก้วไหนก็เข้ากัน  Truffle Croissant ครัวซองต์ไส้เห็ดทรัฟเฟิลชีส เชฟใช้ Parmesan Cheese และ Mozzarella Cheese ผสมกับ Truffles Paste และ Truffle Oil ครัวซองต์ชิ้นนี้จึงหอมเนยเป็นพิเศษและยังเต็มไปด้วยรสสัมผัสของทรัฟเฟิลแบบเต็มปากเต็มคำ นอกจากไลน์ครัวซองต์ยังมีขนมอบที่ขายดีไม่เป็นรองคือ Garlic Cream Cheese ทำจากแป้งขนมปังสูตรฝรั่งเศสที่เนื้อสัมผัสหนึบแน่นกว่าทั่วไป ด้านในอัดแน่นด้วยครีมชีส เคลือบเนยกระเทียม อบจนฟูหอมขึ้นสีสวย รสชาติเค็มๆ มันๆ ไม่รู้สึกเลี่ยนแม้แต่น้อย หรือจะเป็น Pain Suisse แป้งกรอบหอมนุ่ม สอดไส้ครีมหวานมันด้านใน อีกชิ้นที่ขายดีมีเท่าไหร่ก็หมดคือ Almond Croissant เด่นที่อัลมอนด์สไลซ์ท็อปหน้าแน่นๆ ชิ้นนี้รสมีหวานนิดๆ ผสานความกรุบมัน เคี้ยวเล่นได้เพลินๆ หมดชิ้นไม่รู้ตัว อยากให้ลอง Apple Pie เชฟเปลี่ยนจากแป้งพัฟมาใช้แป้งครัวซองค์ สอดไส้ทำจากแอปเปิ้ลเขียวและแดงหั่นเต๋า ผัดกับเนยและเหล้ารัมจนนุ่มนวลแต่ยังมีเทกเจอร์สู้ลิ้นนิดๆ เป็นชิ้นที่ลองครั้งแรกแล้วอยากกินซ้ำ ในตู้ยังมีขนมอบอร่อยๆ วางอวดโฉมให้เราสนุกกับการเลือกซื้อ แต่คงต้องรีบไปแต่หัววัน เพราะหลายชิ้นไม่ทันบ่ายก็ขายหมดแล้ว    หากนั่งกินที่ร้านแล้วติดใจอยากซื้อกลับบ้านก็ไม่ต้องกังวล เพราะสามารถใส่ตู้เย็นไว้อยากกินเมื่อไหร่ก็หยิบมาอุ่นร้อนๆ ระดับความกรอบ หอม ฉ่ำลิ้นเหมือนนั่งกินที่ร้านไม่มีผิด

หนึ่งในร้านเก่าแก่ย่านบางแคที่ฟู้ดดี้มองข้ามไม่ได้ อย่างไรเสียต้องมีชื่อ “สิงห์ทองเบเกอรี” ร้านเบเกอร์รีในตำนานที่ขายมานานกว่า 60 ปีร่วมด้วย เมนูตัวตึงที่พลาดไม่ได้เลยคือ ‘ท๊อฟฟี่เค้ก’ หน้าแน่นๆ แป้งนุ่ม เรียกได้ว่าใครที่อยากลิ้มลองต้องรีบมาจับจองกันตั้งแต่ร้านเปิด ส่วนขนมอื่นๆ ก็ได้คะแนนความนิยมไปไม่น้อยเหมือนกัน ด้วยความที่รสชาติคุ้นลิ้นและราคาที่น่ารัก (มากมาย) ครั้งนี้เราแวะมาชิมที่สาขาท่ารถเมล์ ใกล้ๆ MRT บางแค (ทางออกที่ 3) เริ่มต้นจากเมนูในตำนานอย่าง ท๊อฟฟี่เค้ก ตัวแป้งเค้กแน่นนุ่มกำลังดี ท็อปด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์กรุบกรอบ เคล้าคาราเมลรสเค็มหวาน ตามด้วย โรลวานิลลา ทำสดใหม่วันต่อวัน แป้งนุ่มฟู หอมกลิ่นวานิลลาเล็กๆ กินพร้อมครีมรสหอมมัน หรือใครชอบ โรลกาแฟ ที่นี่ก็มีนะ ตัวแป้งยังคงนิ่มเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกลิ่นกาแฟรสเข้มพอเหมาะ ขนมปังเนยสด ชิ้นใหญ่จุใจ ตัวเนื้อแป้งเหนียวนุ่ม ท็อปด้วยเนยสดและน้ำตาลทราย ขนมปังไส้ไก่ ก็มี ชิ้นมินิน่ารัก ได้รสชาติไก่เต็มคำ พายข้าวโพด ก็ขายดี ได้ความกรุบกรอบจากแป้งพายอย่างเต็มพิกัด เข้ากันดีกับซอสข้าวโพดรสหวานมัน ต่อด้วย เนยแท่ง สำหรับใครที่ชอบความหวานมันเป็นพิเศษ ยังมี ครีมฮอร์น ที่เนื้อแป้งเหนียวนุ่ม สอดไส้ครีมรสหวานมันไว้อย่างมหาศาล จบด้วย เค้กกาแฟ รสหวานพอดี ตัวครีมหอมมันเคล้าเนื้อเค้กกาแฟฟูๆ นุ่มนิ่ม ตกแต่งหน้าด้วยลูกกวาดหลากสีสัน

“Manita Café” คาเฟ่บรรยากาศโฮมมี่ที่เสิร์ฟเค้กโฮมเมดหน้าตาดี มาแล้วกว่า 10 ปี ตัวร้านโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของหมู่บ้านศุภาลัยการ์เด้นวิว จังหวัดระยอง ห้องกระจกใสที่ล้อมรอบด้วยสวนสวยเขียวขจีร่มรื่น ด้านในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีฟ้าน้ำทะเลสดใส เข้ากันดีกับผนังสีขาวเพนต์ลายการ์ตูนน่ารักรูปหม่ามี้จูงมือลูกสาว ซึ่งเปรียบเสมือนตัวเจ้าของร้านและ ‘น้องนิต้า’ ลูกสาวของเธอนั่นเอง จึงไม่แปลกที่เมนูใน Manita Café จะเน้นเสิร์ฟเป็นจานอร่อยที่น้องนิต้าชอบ ไม่ว่าเป็นแซนด์วิช ขนมเค้กโฮมเมด และเครื่องดื่มสดชื่น ที่ตกแต่งมาอย่างจัดเต็ม น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับน้องๆ หนูๆ นั่งเอง ตัวแรกเราสั่ง Ham Cheese Sandwich หอมกรุ่นมาแต่ไกล ขนมปังปิ้งชิ้นโตๆ ผิวนอกเกรียมนิดๆ ประกบชีสเยิ้มครีมมีและแฮมรสเค็มที่เรารัก ต่อด้วย Double Chocolate Fudge ชิ้นนี้สำหรับสาวกช็อกโกแลตโดยเฉพาะ เค้กช็อกโกแลตสไตล์โฮมเมดรสเข้มข้น ตัวแป้งให้สัมผัสนุ่มฟู สลับชั้นกับพุดดิ้งช็อกโกแลตรสหวานกำลังดี ตกแต่งด้วยวิปครีมและทองคำเปลวหรูหรา Coconut Malibu Cake หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้าน เค้กมะพร้าวรสหวานมันเต็มพิกัดที่ได้จากกะทิสด เนื้อสัมผัสนุ่มแน่นกินเพลินๆ จิบคู่ Strawberry Shakerato Lemonade กาแฟเย็นสไตล์อิตาเลียนรสเข้มพอเหมาะ เคล้าน้ำสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน และน้ำเลมอน สดชื่น เอาใจคนรักกาแฟต่อเนื่องด้วย Manita Coffee Frappe กาแฟสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติจากเอสเปรสโซ่ช็อต  คาราเมล หอมหวาน ถั่วเฮเซลนัท ซินนามอน และเจลลี่ เนื้อนุ่มเด้ง จิบคลายร้อนชื่นใจ

ใครเป็นแฟนคลับร้านชีสบอร์ดเจ้าดังในโลกออนไลน์ อย่าง ‘Nokky's Charcuterie’ อย่าลืมตามไปเช็คอินความอร่อยกันที่ DATE by Nokky's Charcuterie ซึ่งเริ่มเปิดหน้าร้านในรูปแบบคาเฟ่และไวน์บาร์ได้ไม่นานนี้ พร้อมต้อนรับให้ทุกคนมาเอ็นจอยกับสารพัดเมนูชีสเกรดพรีเมียม ภายในร้านสุดน่ารักขนาดกะทัดรัดที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความอบอุ่น ตัวร้านด้านนอกตกแต่งออกมาได้สดใสจากโทนสีส้มชวนสะดุดตา ด้านในแบ่งออกเป็นชั้นลอยที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์ไว้ได้อย่างเป็นสัดส่วน  ส่วนชั้นล่างเป็นโต๊ะไม้ยาวตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่อยากนั่งแฮงค์เอาต์ จิบไวน์ชิลๆ พูดคุยกันได้สะดวกเลยล่ะ มาแล้วห้ามพลาด Charcuterie Set เราเลือกเป็น Original Set ไซส์ S ประกอบด้วยชีส 3 ชนิด คือ เชดดาร์ชีส บรีชีส และสโมกกูวดาชีส มาพร้อมตัวโคลด์คัตอย่างซาลามีและโชริโซ รวมถึงองุ่น แครนเบอร์รี อัลมอนด์ วอลนัต น้ำผึ้ง และแครกเกอร์ ต่อด้วย Signature Baked Brie (350.-) ชีสบรีอบร้อนชิ้นโต มีเนื้อสัมผัสคล้ายครีมราดมาด้วยซอสราส์ปเบอร์รีสูตรของร้าน กินคู่กับแครกเกอร์โรสแมรี่เข้ากันได้อยากลงตัว เครื่องดื่มแนะนำ Apple date (109.-) น้ำแอปเปิลหอมหวานที่นำไปต้มกับเครื่องเทศ 5 ชนิดเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติ ดื่มแล้วได้ความสดชื่นตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี

สัมผัสความน่ารักอบอุ่นละมุนใจที่ Daisie May's Home Cafe ในซอยเอกมัย 22 ที่คุณแยม ธัญญกัญญ์ เจ้าของร้าน ได้เนรมิตพื้นที่ชั้นล่างของบ้านให้กลายเป็นคาเฟ่บรรยากาศสบายๆ เรียบง่ายเป็นกันเอง พร้อมเสิร์ฟเมนู  All day breakfast สไตล์โฮมเมด ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ทานอาหารจากฝีมือคนในครอบครัว ภายในตกแต่งมาด้วยโทนสีเหลืองครีมชวนให้รู้สึกสดใสสบายตา เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนที่วางประดับไว้อยู่ทั่วทุกมุมร้าน โดยมีกิมมิกน่ารักๆ อย่างโซนเอาท์ดอร์หลังบ้าน ที่ทางร้านจัดเป็นสวนสไตล์อังกฤษ ซึ่งมาพร้อมกับน้ำพุ ชิงช้า และกระบะทรายสนามเด็กเล่นขนาดย่อม ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวใหญ่ ที่อยากพาน้องๆหนูๆ มานั่งชิล เล่นผ่อนคลายได้ตลอดวัน เมนูแรก Egg Benedict Easter Ham (245.-) ไข่เบเนดิกต์และแฮมชิ้นโตท็อปมาบนขนมปังซาวโดวจ์ ที่นำไปกริลล์และปรุงรสตามสูตรของร้าน ราดด้วยซอสฮอลันเดสโฮมเมด รสเข้มข้นกลมกล่อม ต่อด้วย Fried Seabass Soft Taco (250.-) แป้งทาโก้นิ่มอัดแน่นมาด้วยปลากระพงทะเลชุปแป้งทอดกรอบ ผักกะหล่ำม่วงซอย ผักชี และมะเขือเทศ เสิร์ฟพร้อมซอสดิปสไปซี่มาโย และครีมมีอะโวคาโดโฮมเมด Creamy Lemon Fettucine (295.-) เส้นพาสต้าเหนียวนุ่มคลุกเคล้ามากับซอสครีมเลมอนรสเปรี้ยวนิด เค็มหน่อย ท็อปด้วยแซลมอนชิ้นโตที่กริลล์มาได้สุกกำลังกิน แนะนำให้บีบมะนาวลงไปก่อนรับประทานเพื่อเพิ่มความสดชื่น ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน Apple Pie (250.-) แป้งพายเนื้อร่วนสอดไส้แอปเปิลพายหอมกลิ่นชินนามอนมาแบบฉ่ำๆ กินพร้อมไอศกรีมวานิลลา รสเปรี้ยวหวานตัดกันได้อย่างลงตัว

งานนี้เอาใจคนรักของหวานอย่างเต็มพิกัด เพราะเราจะพาไปชิมขนมโฮมเมดที่ The Lobby Lounge ในโรงแรม Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit ลิ้มลองของหวานต่างๆ ทั้งซิกเนเจอร์และเมนูฤดูกาล ที่เพียบพร้อมไปด้วยรสชาติฟินๆ และดีไซน์สวยเก๋ เหมาะแก่การซื้อเป็นของขวัญให้คนพิเศษ พร้อมเสพบรรยากาศฟิลดีโฮมมี่ปนหรูหราในแบบฉบับล็อบบี้เลาจ์ ชิ้นแรกเราสั่ง Blueberry Cheese Mousse Cake ตัวฐานเป็นครัมเบิ้ลกรุบกรอบที่เราคุ้นเคย ตามด้วยมูสบลูเบอร์รีเนื้อนุ่ม รสหวานหอม แซมด้วยรสเปรี้ยวของบลูเบอร์รีนิดๆ ท็อปด้วยบลูเบอร์รีสดมหาศาล ต่อด้วย Strawberry Tart ทาร์ตสตรอว์เบอร์รีในดวงใจสายหวาน ได้รสหอมมันจากครีมสูตรเฉพาะ ผสานกับผลสตรอว์เบอร์รีลูกโตฉ่ำ เข้ากันดีกับเนื้อทาร์ตกรุบกรอบที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นเนย Green Tea Cake เค้กรูปโดมสีเขียวน่าลิ้มลองนี้คือ เค้กชาเขียวสไตล์โฮมเมดที่หลายคนเลิฟ เนื้อเค้กนุ่มฟู เข้ากันดีกับครีมมัตฉะรสหวานพอดี และถั่วแดงกวนเนื้อเนียน จิบพร้อม Mango Milli มิลเชกมะม่วงสายพันธุ์น้ำดอกไม้ รสหวานฉ่ำกำลังดี ท็อปด้วยวิปครีมพูนๆ Matcha Cookies เครื่องดื่มที่ครีเอทจากคุกกี้มัตฉะ หนึ่งในขนมอบประจำโรงแรม ปั่นพร้อมนมสดคุณภาพ และ Unicorn Bubble Gum ที่ล่อใจเราด้วยสีสันสดใส โดดเด่นด้วยรสหวานหอมของไอศกรีมเรนโบว์ ดูดพร้อมวิปครีมปุกปุยและมาร์ชแมลโล ก่อนกลับอย่างลืมซื้อคุกกี้ไว้ไปจิบกับชาที่บ้านด้วย

คาเฟ่ฮอปเปอร์คนไหนมีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดระยองต้องลองแวะ “Luscious Garden Café” คาเฟ่สไตล์อังกฤษร่มรื่นที่เย้ายวนคุณด้วยอาหารโฮมคุกสูตรคุณแม่ และขนมอบร้อนๆ จากเตา มาพร้อมบรรยากาศเย็นสบายจากสวนสวยสไตล์อังกฤษ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี ที่คุณสามารถพาน้องหมาและแมวมาวิ่งเล่นได้อย่างสบาย (Pet Friendly)  ส่วนด้านในเป็นโซนห้องแอร์เย็นฉ่ำที่เน้นการตกแต่งด้วยสีขาวนวลเป็นหลัก ทั้งผนังอิฐแข็งแรง เฟอร์นิเจอร์ และเคาน์เตอร์บาร์รับออเดอร์ เรียกน้ำย่อยกันก่อนกับ สลัด Luscious เมนูดาวเด่นที่ใครมาก็ต้องสั่ง หมูย่างเนื้อนุ่มหอม กินกับไข่ต้มอิ่มเอม และผักสลัดกรุบกรอบ ราดน้ำสลัดสูตรเฉพาะที่ได้รสชาติหวานมันจากถั่ว มีเค็มปลายเล็กๆ ผสานกับความหอมของงาขาว ต่อด้วย ซุปเนื้อน่องลาย เนื้อคุณภาพตุ๋นได้ที่จนเนื้อสัมผัสนุ่ม อยู่ในน้ำซุปรสนุ่มนวลซดง่าย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเผ็ดแซ่บ มาทางฝั่งของหวานกับบ้างดีกว่า เค้กครีมสดผลไม้ ที่เราเทใจให้เลย เค้กวานิลลาเนื้อนุ่มฟู สลับชั้นกับครีมสดครีมมี ท็อปด้วยผลไม้สดต่างๆ เช่น ส้มแมนดาริน องุ่นแดง เบอร์รีและสตรอว์เบอร์รี ก่อนกินราดนมสดเข้มข้นลงไปฟินสุดๆ เค้กมะพร้าวใบเตย โดดเด่นด้วยความหวานมันจากครีมสดที่ทำจากน้ำมะพร้าวหวานฉ่ำ เค้กเนื้อฟู หอมกลิ่นหอมใบเตย จิบพร้อม Big Red Sun Milk Tea ชานมเคนยาหอมฟุ้งรสหวานมัน มีไข่มุกบุกให้คุณดูดเพลินๆ ท็อปด้วยครีมชีสสูตรเด็ดที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ ก่อนกลับจิบชาร้อนล้างปากสบายใจ

1 Degrees North Cafe & Eatery” คาเฟ่แสนสวยยืนหนึ่งในปั้ม PT 1 องศา อเวนิวของ 2 พี่น้องคาเฟ่ฮอปเปอร์อย่างคุณแก้มและคุณกิฟ ตัวร้านเป็นบ้านโมเดิร์นสีขาวโพนตัดด้วยสีน้ำตาลไม้ กระจกใสแผ่นใหญ่หลายบานทำให้เรามองเห็นด้านในที่ตกแต่งเป็นสไตล์มินิมอล เรียบง่ายแต่น่านั่ง เฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลอ่อน เข้ากันดีกับผนังสีขาวสะอาดตา เติมความมีชีวิตชีวาด้วยต้นไม้กระถางน่าชม เมนูแรกเราสั่งเป็น Cotta Series ชาไทยรสหวานมันที่เพิ่มความเข้มข้นอย่างเต็มพิกัดด้วยนมสดคุณภาพ และฟองนมตีสดที่ให้สัมผัสละมุนลิ้น ตามด้วย Butter Beer ที่เป็นการรวมตัวกันของน้ำโซดาซาบซ่าสดชื่น ไซรัปบัตเตอร์สกอตช์รสหวานหอม และครีมชีสครีมมีที่ให้รสเปรี้ยวเล็กๆ ตบท้ายด้วย Double Dalgona Coffee กาแฟรสเข้มพอดี ผสานกับความหวานละมุนของทัลโกนา และนมสดหอมมัน ด้านบนตกแต่งด้วยฮันนีคอมบ์กรุบกรอบ ยังมีเครื่องดื่มหลายตัวเลยที่น่าจิบ

สายฟู้ดคนไหนแวะเวียนมาที่อำเภอบ้านฉางแห่งจังหวัดระยองอย่าลืมปักหมุด “MISAHOUSE” คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นของคุณนุ้ย – ณัชชา สุขสุภกิจ บิวตี้บล็อกเกอร์คนเก่งผู้ซึ่งรักการทำขนม (โดยเฉพาะขนมญี่ปุ่น) เป็นชีวิตจิตใจ เธอศึกษาการทำขนมจนเชี่ยวชาญก่อนกลับมาสานต่อกิจการร้านนี้ของครอบครัว และพัฒนาคอนเซ็ปต์และการตกแต่งให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่า มิสะเฮาส์นั้นเน้นเสิร์ฟ ‘ขนมญี่ปุ่น’ ทำเองควบคู่กับเครื่องดื่มรสสดชื่นที่คุณนุ้ยมักคิดสูตรใหม่ๆ อยู่เสมอ เสิร์ฟในบรรยากาศที่ภายนอกเป็นสวนสวยร่มรื่น ส่วนภายในร้านให้คุณสบายตาไปกับโทนสีขาวครีมในแบบฉบับมินิมอล เมื่อถึงเวลายามเย็น ทางร้านจะเปลี่ยนเป็นบาร์นั่งชิลเอาใจสายดื่มโดยเฉพาะ และนอกจากคาเฟ่แล้ว ภายในพื้นที่นี้ยังมีโฮสเทลราคาดีที่เป็นอีกหนึ่งกิจการของคุณนุ้ยเช่นกัน ต้อนรับด้วย วาราบิ สไตล์โฮมเมดทำสดใหม่ทุกเช้า เนื้อนิ่มนุ่มรสหวานเล็กๆ คลุกเคล้าผงถั่วคินาโกะหวานมัน ก่อนกินราดน้ำตาลทรายแดงเคี่ยวคุโรบิซึลงไป ต่อด้วยขนมหวานที่หลายคนเลิฟ โมจิหยดน้ำ เนื้อนุ่มเด้ง กินเพลินๆ เสิร์ฟเคียงผงถั่วคินาโกะรสหวาน ซอสคุโรบิซึที่คุ้นเคย ตัดเลี่ยนด้วยชาร้อนรสนุ่ม สาวกขนมญี่ปุ่นอย่าลืมสั่ง บุรามันเจะ พุดดิ้งนมถั่วเหลืองนิ่มๆ ครีมมี่ ตัดด้วยรสหวานของผงถั่วคินาโกะ และน้ำตาลเคี่ยวโรบิซึ ตามมาติดๆ กับ โมจิซากุระ แป้งโดเมียวจิสุชมพูอ่อนหวาน สอดไส้ถั่วแดงกวนเนื้อเนียน ห่อด้วยใบซากุระหอมฟุ้ง ยังมีเบเกอรีน่าสนใจอย่าง ชีสเค้กเลมอน ครัมเบิ้ลกรุบกรอบเป็นฐานล่าง ตามด้วยครีมชีสรสเปรี้ยวนิดๆ และเลมอนเคิร์ดรสเปรี้ยวอมหวาน เครื่องดื่มแนะนำ Rosy Float ชาผลไม้หอมๆ ได้ความหวานจากไซรัปกุหลาบผสมกับน้ำโซดาซาบซ่า ท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลาชื่นใจ ส่วนใครคอกาแฟจะสั่ง Americano รสเข้มมาจิบช่วยกระตุ้นตอนเช้าก็ไม่ว่ากัน

ในยุคที่ใคร ๆ ก็หันมาสนใจสุขภาพ พยายามหลีกเลี่ยงน้ำตาลแต่ยังต้องการของหวานอยู่ ที่ Big Mouth Cafe ร้านไอศกรีมโฮมเมด บริเวณหัวมุมปากซอยปรีดี พนมยงค์ 21 นี้ ได้หันมารังสรรค์ไอศกรีมหลากหลายรสชาติขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ของคนยุคนี้อยากกินของหวานแบบไม่ต้องกังวลว่าน้ำตาลจะสูงหรือหุ่นจะเสีย Big Mouth Cafe ให้บรรยากาศที่แสนอบอุ่นราวกับอยู่บ้าน ภายในร้านนั้นดูโปร่งสบายด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่รอบทาง พร้อมด้วยมุมถ่ายรูปน่ารัก ๆ ทั่วร้าน เปิดแอร์เย็นฉ่ำเหมาะที่จะแวะมาหลบร้อนให้ช่วงบ่ายของวัน ด้วยแนวคิดของการรังสรรค์ไอศกรีมโฮมเมดที่ดีต่อสุขภาพ ที่นี่จึงมีตัวเลือกของไอศกรีมแบบไร้น้ำตาล แบบไขมันต่ำ ไปจนถึงไอศกรีมวีแกน พร้อมเสิร์ฟทั้งแบบกินที่ร้านและถ้วย Takeaway โดยล่าสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2566 นี้เพิ่งเปิดตัวรสชาติใหม่ทั้งหมด 5 รสชาติให้ได้ลิ้มลอง ได้แก่ Burnt Caramel, Cookies Monster, Coffee Almond, Matcha Matcha และ Vanilla Vanilla ในราคาถ้วยละ 89 บาท สำหรับไอศกรีมแบบสกูปที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนรสชาติมาให้ลิ้มลองกันอย่างไม่รู้เบื่อนั้น มีให้เลือกทั้งแบบถ้วยและแบบโคน โดยแบบถ้วยนั้นมีให้เลือก 2 ขนาดด้วยกัน คือ ถ้วยเล็กขนาด 1 สกูป ราคา 89 บาท และถ้วยใหญ่ขนาด 2 สกูป ราคา 150 บาท ส่วนของไอศกรีมโคน ที่ร้านมีทั้งโคนแบบธรรมดากับแบบชาโคลให้เลือก โดย 1 สกูป อยู่ที่ราคา 119 บาท และ 2 สกูป ราคา 180 บาท เมนูที่พลาดไม่ได้ยังมีอีกเพียบ โดยเฉพาะบรรดาเมนู Big Mouth Secret Bowls ที่ทางร้านได้หยิบเอาไอศกรีมในร้านหลากหลายรสชาติมารังสรรค์ใหม่เพิ่มเติมผลไม้และซูเปอร์ฟู้ดจนออกมาเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ เริ่มต้นด้วยเมนูน้องใหม่ล่าสุดของร้านที่มีชื่อว่า Cha Cha Bowl ที่ประกอบไปด้วยไอศกรีมรส Lemon Sherbet และรส Sky Yoghurt เป็นชมพูและสีฟ้าดูน่ารักสดใส ท็อปด้วยเมล็ดเจีย กราโนลา บลูเบอร์รี่ ธัญพืช โกจิเบอร์รี่ และรังผึ้งแท้ XXX Bowl เป็นเมนูโบว์ลเอาใจคนรักเบอร์รี่ โดยในถ้วยจะประกอบไปด้วยไอศกรีมรสมิกซ์เบอร์รี่ รสเสาวรส และรสสตรอว์เบอร์รี่ ส่วนด้านบนนั้นอัดแน่นด้วยเมล็ดเจีย  กราโนลา พร้อมด้วยสตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และโกจิเบอร์รี่เน้น ๆ พร้อมกับเพิ่มความหอมหวานด้วยซอสเนยถั่ว ส่วนใครที่อยากเติมความหวาน ต้องลองเมนู Sweet Tooth Bowl ที่เหมาะจะจับคู่กับไอศกรีมรส Burnt Caramel เป็นที่สุด เพราะถ้วยนี้มีทั้งซอสเนยถั่ว บิสกิต Biscoff  พร้อมด้วยเมล็ดเจีย กราโนลา กล้วย สตรอว์เบอร์รี่ และโกจิเบอร์รี่ รวมแล้วเป็นความหอมหวานที่สุดแสนจะบรรยาย Vegan Bowl เป็นตัวเลือกแบบไร้วัตถุดิบจากสัตว์ ซึ่งใน 1 ถ้วยนี้จะประกอบไปด้วยไอศกรีมมะพร้าวและไอศกรีมมิกซ์เบอร์รี่ โปะด้วยเมล็ดเจีย กราโนลา พร้อมด้วยผลไม้สดอย่างเสตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และโกจิเบอร์รี่ ตบท้ายด้วยซอสเนยถั่ว Dark Mood Bowl เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อคนรักช็อกโกแลตอย่างแท้จริง เพราะอัดแน่นไปด้วยกราโนลาช็อกโกแลตกับไอศกรีมรสช็อกโกแลตบราวนี่สุดเข้มข้น ที่ขาดไม่ได้คือเมล็ดเจียและกราโนลารสธรรมมชาติ พร้อมด้วยสตรอว์เบอร์รี่กับกล้วย ทวีคูณด้วยซอสช็อกโกแลตและโกโก้นิบส์ปิดท้าย ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ใครก็ชอบการจับคู่ระหว่างเบเกอรีกับไอศกรีม ต้องลอง Big Mouth Triple Three ครัวซองต์สอดไส้ไอศกรีม 3 ลูก หรือไม่ก็ Big Mouth Dokie Dokie ขนมปังแซนด์วิชเนื้อหอมนุ่มสอดไส้ไอศกรีม พร้อมเลือกท็อปปิ้งได้ตามใจชอบ ไม่ใช่แค่ไอศกรีมที่เป็นพระเอกของร้านเท่านั้น ยังมีเครื่องดื่มชา-กาแฟทั้งแบบร้อนและแบบเย็นให้ลิ้มลอง และถ้าไม่อยากออกจากบ้าน ที่ร้านก็มีบริการผ่านแอปพลิเคชั่นเดลิเวอร์รี่ด้วยเช่นกัน

ยกเมนูขนมยอดฮิตจากดินแดนอาทิตย์อุทัยมาไว้ที่ ชั้น 3 เกษรวิลเลจ Mont Blanc by Kyo Roll En แบรนด์น้องใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก Kyo Roll En กับเมนูหอมหวานและดีต่อใจอย่าง Matcha Mont Blanc มัตฉะมองบลังค์ที่พร้อมเสิร์ฟความเย็นฉ่ำและนุ่มละมุนครั้งแรกในไทยแบบไม่ต้องไปต่อแถวไกลถึงญี่ปุ่น ความพิเศษของ Matcha Mont Blanc คือความอร่อยหลายเลเยอร์ที่อัดแน่นในโคนกรุบกรอบ ชั้นล่างสุดคือ Matcha Kanten วุ้นมัตฉะคันเต็นนุ่มเบา ถัดมาคือ Honey Cake เค้กน้ำผึ้งหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม สลับชั้นด้วยครีมสด Matcha Crips กรุบกรอบ และไอศกรีมรสนมแบบ Sugar-free  แล้วปิดท้ายด้วย Matcha Mont Blanc เส้นนุ่มละเอียดที่ใช้เกาลัดจากเกียวโตผสมกับอูจิมัตฉะรสเข้มข้นที่คนชอบมองบลังค์ไม่ควรพลาด นอกจากจะเสิร์ฟได้น่าตื่นตาตื่นใจแล้วยังอร่อยด้วยนะ

BRIX at The Salil Journey Riverside สาขาใหม่แกะกล่องของ BRIX Dessert Bar คาเฟ่ขนมหวานชื่อดัง ที่มาเปิดใหม่บริเวณริมสระว่ายน้ำของ เดอะ สลิล ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ โรงแรมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านเจริญกรุง ตัวร้านดีไซน์ด้วยกระจกบานใหญ่รอบทิศ ทำให้บรรยากาศทั้งภายนอกและภายในร้านเชื่อมถึงกัน อีกทั้งยังใช้สีโทนสว่างดูโปร่งโล่งสบายตา ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ จะนั่งกินขนมเพลินๆ ในห้องแอร์ หรือนั่งที่โซฟารับลมมองวิวสระน้ำอันสวยหรูของโรงแรมก็ดีไม่น้อย ส่วนเมนูอร่อยของ BRIX Dessert Bar แน่นอนว่าต้องเป็นขนมหวานโฮมเมด อาหารแนวบรันช์ฉบับโฮมมี และเครื่องดื่มสุดฟิน ที่รังสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพด้วย ‘สูตรแห่งความสุข’ แนะนำเป็น Strawberry Fresh Cream วัฟเฟิลชิ้นโตกรอบนอกหนึบ ราดซอสสตรอว์เบอร์รีรสหวานเปรี้ยวเล็กน้อย ท็อปด้วยวิปปิงครีมรสละมุน และสตรอว์เบอร์รีสดชิ้นพอดีคำ จับคู่กับ Orange Oolong Tea น้ำส้มชาอูหลง ได้กลิ่นหอมของชาชัดเจน และมีรสเปรี้ยวสดชื่นชุ่มคอ เมนูถัดมาคือ Nutella Miracle Pancake แพนเค้กชิ้นหนานุ่ม เสิร์ฟคู่ครัมเบิล ไอศกรีม บราวนี่ และนูเทลลารสเข้มข้น กินพร้อมกันทุกองค์ประกอบอร่อยมาก อย่าลืมสั่ง Brixton (Butterfly Pea Flower Tea) หรือชาดอกอัญชัน เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูง ไล่เฉดสีได้อย่างสวยงาม มีกลิ่นหอมและรสสัมผัสของลิ้นจี่กับเลมอนช่วยเสริมรสได้ดีมาก นอกจากขนมหวานโฮมเมดแล้ว ยังมีค็อกเทลและม็อกเทลแบบต้นตำรับให้เลือกจิบชิลๆ ริมสระน้ำได้ต่อในช่วงเย็น อีกทั้งยังสามารถนั่งรับประทานของว่างแสนอร่อย เพลิดเพลินกับสมูทตีสุดสดชื่น พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศไปกับค่ำคืนแห่งการพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่มที่ Brix Mini Bar เช่นกัน

Mocha & Muffins คาเฟ่สุดน่ารักเหมือนบ้านหลังสีน้ำตาลพร้อมเปิดประตูต้อนรับทุกคน คาเฟ่นี้ตั้งอยู่ในบริเวณสวนปาริชาติ คอร์ท ที่ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ พร้อมกับเซ็ตเมนูใหม่ทั้งขนมอบและอาหารหลากหลายเมนูในสไตล์โฮมเมดเต็มอิ่มและจุใจมากกว่าเดิม ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสดใหม่ อบอวลด้วยบรรยากาศภายในบ้านที่แสนจะอบอุ่น ภายในตกแต่งคล้ายบ้านให้ความรู้สึกที่เป็นกันเองเหมือนเข้าไปอยู่ในบ้านของคนที่ชื่นชอบทำขนม เพราะฝาผนังตกแต่งด้วยอุปกรณ์เบเกอรี่ต่างๆ เมื่อเดินเข้ามาก็จะเห็นเคาเตอร์บาร์ตู้กระจกเต็มไปด้วยเมนูขนมอบที่เชฟของโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ เป็นผู้รังสรรค์เองทั้งหมดบอกเลยว่าดูน่ากินทุกเมนูแต่ถ้าเลือกไม่ถูกเขามีพนักงานสุดน่ารักคอยดูแลและแนะนำเราอยู่ตลอด เริ่มต้นมื้อสายแบบนี้ต้องเป็นเมนูเบาๆ อย่าง Burrata and Mango Salad เมนูสลัดที่มีผักร็อกเก็ตกินคู่กับชีสบูราตาเนื้อครีมมี ได้ความสดชื่นจากเนื้อมะม่วงสุกและเมล็ดทับทิมที่เสิร์ฟมาคู่กัน ราดด้วยน้ำสลัดบัลซามิกรีดักชันรสเปรี้ยวอมหวาน เผลอแป๊บเดียวก็หมดจาน นั่งสักพักหันไปเห็นโต๊ะด้านข้างเลยต้องขอสั่งตามกับเมนู Nordic Feast Breakfast เมนูมื้อเช้าสไตล์นอร์ดิกที่เสิร์ฟกับมาแบบจัดเต็ม เพราะประกอบไปด้วยขนมปังซาว์โดย่างด้วยเนยจนเนื้อชุ่มฉ่ำและท็อปด้วย Poached Egg หรือจะเลือกเป็นเมนูไข่อื่นๆ ก็เลือกสั่งได้ตามใจชอบ เสิร์ฟเคียงเป็น Smoke Salmon, Avocado, Mixed Berry และ Beef Pastrami หรือเนื้อวัวอบกับเครื่องเทศ ที่เชฟให้มาแบบจุกๆ  Cream of Mushrooms หรือซุปเห็ดรวมหลากชนิดเข้าไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Mutton Mushroom , Portobello รสชาติครีมมีเป็นที่สุด ซดร้อนๆ ก็คล่องคอ หรือจะหยิบขนมปังมาจุ่มกินก็ฟินไปอีกแบบ เมื่อความหิวและความน่ากินของแต่ละเมนูถึงจุดที่ฉุดไม่อยู่! เลยต้องลองสั่งเมนู Bacon, Egg and Cheese Bagel ขนมปังรูปทรงคล้ายโดนัทต้นกำเนิดจากประเทศโปรแลนด์ นำมาหั่นครึ่งแล้วย่างกับเนยทำเป็นมื้อเช้าสไตล์อเมริกันอัดแน่นไปด้วยเบคอน ไข่ดาว และเชดดาร์ชีสเยิ้มๆ เครื่องดื่มที่คาเฟ่ก็ออกเมนูใหม่เราได้ลองมาแล้วกับ Ice Matcha Espresso ชาเขียวรสเข้มข้นสลับชั้นให้เป็นเลเยอร์กับกาแฟ จิบเช้าๆ ก็สดชื่นตลอดทั้งวัน และอีกเมนูมิลค์เชค Banoffee Milk Shake ที่อร่อยและสดชื่นไม่แพ้กัน และที่พลาดไม่ได้ถ้าหากมาที่ Mocha& Muffins แล้วไม่สั่งก็ถือได้ว่ามาไม่ถึงกับเมนูเบเกอรี่และเพสตรีต่างๆ อาทิ Almond Caramel Muffins เมนูซิกเนเจอร์ที่มาแล้วต้องสั่ง กับ Blueberry Muffins มัฟฟินเนื้อแน่นผสมกับเนื้อบูลเบอร์รี และมาร้านนี้แล้วต้องอย่าลืมซิกเนเจอร์คู่ร้านอย่าง Sausage Roll แป้งพัฟเนื้อฟู และบางกรอบ มีส่วนผสมของเนยฝรั่งเศส ด้านในเป็นไส้กรอกสูตรโฮมเมดที่ไม่ว่าใครก็ตกหลุมรัก เป็นมื้อที่อร่อยๆและอบอุ่น ในคาเฟ่สไตล์โฮมมี่ใจกลางกรุงฯ

สร้างความตื่นเต้นให้กับคนรักชาอย่างเราไม่น้อย เมื่อร้านชาตะวันออก Peace 和 oriental teahouse เปิดตัวแบรนด์ 手 qraft. ร้านชานมไข่มุกที่จับคู่มากับ Oriental Croissants โดยสอดแทรกกลิ่นอายความเป็นตะวันออกมาในเมนูยอดนิยมที่ไม่เหมือนใคร ตัวร้านตั้งอยู่ในโลเคชั่นสุดป๊อปอย่างอารีย์ซอย1 ที่สร้างความสะดุดตาด้วยตึกโทนสีดำสนิท เมื่อเดินเข้าไปภายในจะพบกับเคานเตอร์บาร์และตู้กระจกใสที่เรียงรายมาด้วยครัวซองต์ชิ้นโต ส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนหิว บนชั้นสองของร้านจัดเป็นโซนสำหรับให้ลูกค้าขึ้นมานั่งจิบเครื่องดื่ม กินขนมกันแบบเพลิน ๆ เราได้ลองเป็น Froyu Snowfall (350.-) น้ำแข็งไสรสโยเกิร์ตมากคุณประโยชน์ ที่ซุกซ่อนโมจิหยดน้ำรสยูซุไว้ภายใน กินคู่กับ Tosuto หรือขนมปังจากแป้งญี่ปุ่น 2 ชนิด ที่นำไปแนบบนกระทะทีละด้านจนได้โทสต์กรอบนอกฉ่ำใน ท็อปด้วยชีสและน้ำตาลไหม้ ทานพร้อมกันอร่อยสดชื่นลงตัว มาแล้วต้องไม่พลาด Pastel roasted tieguanyin (145.-) ชาอู่หลงนมหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้ขาว ผสานมากับไข่มุกปั้นสดสีทองของทางร้าน เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบกินเพลินสุดๆ

หากพูดถึง ‘ชาไทย’ อย่างไรซะก็ต้องมีชื่อ “ปังชา” แห่งร้านลูกไก่ทอง อยู่ในลิสต์ที่สายหวานอยากลิ้มลองแน่นอน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นชาไทยดีกรีมิชลิน 4 ปีซ้อน ที่เจ้าของร้านอย่าง คุณแสงณรงค์ มนตรีวัต กับคุณกาญจนา ทัตติยกุล ใช้เวลาคิดและพัฒนาสูตรเป็นเวลากว่า 1 ปีเต็ม จุดเด่นคือเป็นชาไทยเบลนด์ 5 ชนิด อาทิ ชาใต้ ชาอูหลงจักรพรรดิ์ ชาแดง ชาดำ และชาซีลอน เพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้น หวานหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ครั้งนี้เราแวะมาจิบที่สาขาไอคอนสยาม (บริเวณชั้น G) บอกเลยว่าแฟนคลับร้านเขานี้เยอะมาก เริ่มชิมที่เมนูมิชลินไกด์แนะนำอย่าง ชาลูกไก่ทอง+ไข่มุก 3 ชาติ ชาไทยรสเข้มข้นที่ได้จากชาเบลนด์ 5 ชนิด ดื่มพร้อมไข่มุก 3 รสชาติฟินๆ อย่าง ไข่มุกชาดำ เนื้อหนึบหนับที่เราคุ้นเคย ไข่มุกแก้ว สีใสๆ ไซส์มินิ และไข่มุกชาไทย กลิ่นหอมฟุ้ง ต่อด้วย ชาลูกไก่ทอง สำหรับคนรักของหวานที่ชอบความคลาสสิก ชาไทยรสหอมมันเสิร์ฟเย็นๆ ที่คุณสามารภเลือกระดับความหวานได้อย่างตามใจ เป็นตัวเลือกที่ดีในวันอากาศร้อนๆ และ ชาลูกไก่ทองวิปครีม ชาเย็นชื่นใจสูตรเฉพาะประจำร้าน ท็อปด้วยวิปครีมชาไทยเนื้อนุ่มฟู รสหวานหอม ได้ใจสายหวานไปเต็มๆ สำหรับแก้วนี้

ย่านชานเมืองอย่างจังหวัดปทุมธานีก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใกล้กรุงเทพฯ ที่มีทั้งร้านอาหารวิวดีและคาเฟ่สวยๆ ที่สามารถแวะเวียนไปเที่ยวพร้อมฝากท้องยามหิวได้ เช่น Oliva Cafe คาเฟ่น้องใหม่แห่งเมืองปทุมฯ ที่พร้อมมอบฟีลยุโรปแบบไม่ต้องบินไปไกล ทั้งภายนอกและภายในร้านออกแบบตกแต่งในสไตล์นอร์ดิกผสมความเป็นมินิมอลมินิใจ ให้มู้ดแอนด์โทนอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านเพื่อน มีมุมพักผ่อนหลากโซน ส่วนจุดไฮไลต์ของที่นี่คือต้นโอลีฟขนาดใหญ่ อายุราว 250 ปี ยืนต้นสวยเด่นคอยต้อนรับแขกผู้มาเยือน นอกจากบรรยากาศที่น่ามาพักผ่อนหย่อนใจแล้ว เมนูอาหารก็ครบครันทั้งคาว-หวาน และเครื่องดื่มรสละมุน แต่เมนูที่โดดเด่นคงหนีไม่พ้นเบเกอรี่สูตรโฮมเมดรสหวานกำลังดี กินอร่อย อาทิ Mixed Berry Tart, Red Velvet Cake, Dark Chocolate Cake, Strawberry Shortcake และเมนูประจำฤดูกาลอย่าง Mayongchid Short Cake กับ Mayongchid Cheese Pie ทั้งหน้าตาและรสชาติให้คะแนนเต็มสิบไม่หัก   ส่วนใครต้องการกินมื้อหนัก ต้องสั่ง สปาเกตตีครีมซอสต้มยำทะเล เสิร์ฟจานใหญ่ด้วยกุ้ง และหอยแมลงภู่ กินคู่ซอสต้มยำรสจัดจ้าน ได้กลิ่นและรสชาติของเครื่องต้มยำแท้ๆ ต่อด้วยเมนู ฟิช แอนด์ ชิปส์ เนื้อปลาทอดสุกกำลังดีเคลือบด้วยแป้งบางกรอบสูตรเฉพาะของร้าน ไม่อมน้ำมันเลย และ ไก่ตุ๋นซอสสูตรลับ เนื้อน่องติดสะโพกตุ๋นจนนุ่มละลายในปาก หอมกลิ่นเครื่องเทศ กินคู่ผักต้ม อร่อยกลมกล่อม ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีทั้ง Coffee และ Non-Coffee แต่ที่อร่อยถูกใจช่วยดับกระหายได้ดีแนะนำเป็น Salted Caramel Coffee รสหวานละมุนลิ้น Choco Mint โกโก้เย็นรสเข้มข้น ได้กลิ่นหอมจากมินต์ และ Oliva Secret Americano Hot Coffee อเมริกาโนรสเข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟ หยุดครั้งหน้าจะไปอีก

แลนด์ดิ้งที่ The Emquartier มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว งานนี้ Café Kitsuné” คาเฟ่สุนัขจิ้งจอกสัญชาติฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น ขอเรียกกระแสให้คาเฟ่ฮ็อปเปอร์ตามไปเช็คอินกันรัวๆ กันบ้างกับสาขาใหม่ ใน ‘โครงการ Velaa Sindhorn Village’ ที่มาพร้อมแอเรียกว้างขวางขึ้น มีทั้งที่นั่งภายในร้านเย็นฉ่ำ โซนเสื้อผ้าและของที่ระลึกประจำแบรนด์ (สายช็อปฯ ปลื้มมาก) และโซนเอ้าท์ดอร์ชิลๆ ชมวิวถนนวิทยุเพลินๆ พร้อมให้สายฟู้ดเอ็นจอยไปกับเครื่องดื่มและขนมโฮมเมดซิกเนเจอร์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเมนูบรันช์นอกจากนั้นในยามค่ำคืนคาเฟ่แห่งนี้ยังเปลี่ยนเป็นไวน์บาร์บรรยากาศดี เหมาะสำหรับสายดื่มมากมาย เมนูแรกเราสั่งเป็น Matcha Azuki Roll โรลมัตฉะน่าลิ้มลอง ที่ให้คุณฟินไปกับเนื้อเค้กนุ่มนิ่ม ได้รสชาเขียวชัดเจน (ถูกใจทีเลิฟเวอร์) เคล้าครีมมัตฉะหอมๆ รสหวานพอดี และถั่วแดงกวนหอมมัน ต่อด้วย Matcha Strawberry Eclair เอแคลร์เนื้อกรอบนอกนุ่มใน กินพร้อมครีมมัตฉะรสหวานหอมละมุน ตัดกับซอสสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวานได้อย่างพอดิบพอดี สั่ง Yuzu Sorbet มาดับร้อนดีกว่า ไอศกรีมซอร์เบทเนื้อเนียน ได้รสเปรี้ยวสดชื่นจากส้มยูซุ และความหวานเล็กๆจากน้ำผึ้ง จิบคู่ Iced Yuzu & Honey อิตาเลียนโซดาแสนชื่นใจ ได้รสเปรี้ยวหวานจากส้มยูซุและน้ำผึ้งหวานฉ่ำ และ Iced La Fluer ไซรัปดอกไม้หอมฟุ้ง ผสานเฟรนช์วานิลลา และน้ำโซดาซาบซ่า จิบคลายร้อนได้เป็นอย่างดี

อยากกินเค้กอร่อยๆ แบบไม่รู้สึกผิดต้องที่ Veganerie ร้านวีแกน 100% แต่ไม่ใช่ชาววีแกน (อย่างเรา) ยังต้องขอแจม ทุกเมนูในร้านไม่มีไข่ นม เนย และปราศจากกลูเต็น เพราะเปลี่ยนมาเป็นธัญพืช นมถั่วเหลือง นมมะพร้าว และผลไม้ เรียกว่ารวบรวมไว้แต่ของที่ดีต่อใจดีต่อสุขภาพทั้งนั้น ส่วนใครที่กลัวว่าจะจืดชืดไร้รสชาติ บอกเลยว่าเคยกินเค้กแล้วฟินยังไง มาร้านนี้ก็ยังฟินได้เหมือนเดิมเป๊ะ เริ่มที่ Blueberry Cheese Pie นัมเบอร์วันของคนรักเค้ก ครีมชีสมันๆ นัวๆ ทำจากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์เต็มเมล็ด รสชาติโดยรวมออกเปรี้ยวอมหวานไม่ต่างจากครีมชีสทั่วไป กินแล้วดีต่อใจจริงๆ Red Velvet Cake เค้กสีแดงนุ่มฟูดุจกำมะหยี่ สีสวยๆ ได้จากบีทรูท สลับด้วยชั้นครีมชีส ตัดกินพร้อมกันตั้งแต่ฐานถึงด้านบน จะได้รสสัมผัสหวานนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ อร่อยเกินบรรยาย Carrot Cake กับ Pumpkin Pie เป็นเค้กที่เนื้อนุ่มเนียนลิ้น แทรกด้วยเนื้อแครอทและฟักทองแท้ๆ ใส่เน้นๆ เพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ชัดเจน หวานน้อยแต่อร่อยมาก Chocolate Mousse ใครเห็นแล้วกลัวความหวานขึ้นตา บอกเลยว่าคิดผิด ชิ้นนี้ทำออกมาดีมาก รสช็อกโกแลตเข้มข้น ขมปลายลิ้น กินแล้วรู้สึกว่ากินช็อกโกแลตจริงๆ ไม่ปลอม เนื้อเนียนละลายในปากช้าๆ ละเลียดเพลินให้คะแนนไม่ทัน   หน้าตาเค้กทุกชิ้นให้ 10ผ่าน ส่วนรสชาติก็เช่นกัน!