ชาวฝั่งธนได้เวลาไปตามรอย เมื่อ ‘ต๋องเต็มโต๊ะ’ ร้านอาหารเหนือดีดรีมิชลินไกด์จากเชียงใหม่ที่ไม่ว่าใครก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอร่อยถูกปากคนกรุงเทพ มาเปิดสาขาใหม่แถวพุทธมณฑลสาย 2 ซึ่งยกเมนูพื้นบ้านจากสาขาต้นตำรับมาเสิร์ฟให้เหล่าคนเมืองได้ลิ้มลอง สำหรับสาขานี้มาพร้อมกับมู้ดอบอุ่นในบ้านไม้สองชั้น รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่และสวนสีเขียวร่มรื่น ให้กลิ่นอายเหมือนนั่งอยู่ที่นิมมานเบาๆ คลายความคิดถึงเชียงใหม่ได้ไม่น้อยเลย ทางร้านเสิร์ฟ ออร์เดิร์ฟเมือง (235.-) เซ็ตเรียกน้ำย่อยที่ประกอบไปด้วย น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อ ง จิ้นส้ม ไส้อั่ว หมูยอ ไข่ต้ม แคปหมู และผักลวก เสิร์ฟมาบนแบบจานใหญ่อร่อยได้หลายคน ต่อด้วย แอ็บหมู เนื้อหมูปรุงรสเข้มข้นกับเครื่องแกง ก่อนจะนำไปย่างด้วยไฟอ่อนจนสุกดี เสิร์ฟมาในใบตองน่ารับประทาน และ ปูอ่อง (95.-) มันปูนาตีผสมกับไข่จนเข้ากันแล้วนำไปย่างจนแห้งกำลังดี หอมมันจิ้มกับข้าวเหนียว กินแล้วเพลินสุดๆ อีกเมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่อยากให้พลาด แกงคั่วเห็ดถอบ (155.-) หรือแกงคั่วเห็ดเผาะแบบไม่ใส่กะทิ ที่ทางร้านใช้เครื่องแกงทำเอง รสชาติเผ็ดนิดเค็มหน่อยอร่อยลงตัว โดยยังมีเมนูกินง่ายๆอย่าง ผักหวานผัดไข่ ที่ผัดมาแบบฉ่ำน้ำ หอมกลิ่นกระเทียม รสชาติกลมกล่อม และ จอผักกาด 100.-) น้ำซุปใส รสเปรี้ยวเค็ม ซดแล้วคล่องคอสุดๆ

The Local ร้านอาหารไทยขนาดกว้างขวางที่เน้นเสิร์ฟอาหารไทยคัดสรรวัตถุดิบจากท้องถิ่น ไม่ว่าจะหายากหรือหาง่าย แต่ The Local ก็จะพยายามหามาให้ได้ และเมื่อนำมาปรุงรสแล้ว ต้องได้รสชาติหลากหลายในหนึ่งคำ แม้แต่ตัวอักษรในชื่อร้าน The Local แต่ละตัวก็มีที่มา L - Local เลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่น O - Original นำความคิดสร้างสรรค์มาใช้จนเกิดเป็นเมนูที่มีแค่ที่นี่ C - Culture ตกแต่งอาหารโดยถ่ายทอดความเป็นไทยในแบบ The Local A - Authentic แสดงความถ่องแท้ของอาหารไทยผ่านเมนูแต่ละจาน และ L - Learning ทำให้คนที่ได้ลิ้มลองเกิดการเรียนรู้ที่มาของรสชาติที่ได้รับ เริ่มจากอันดามัน โอเชียน เมนูเปิดต่อมรับรสโดยเสิร์ฟปลามงที่นำเข้าจากทะเลอันดามัน ผ่านการเอจมาแล้ว 4 วัน ราดซอสที่ทำจากส้มซ่า ได้รสเปรี้ยวนำ มีชมพู่รสหวานตาม ตกแต่งด้วยสาหร่ายพวงองุ่น เมื่อกินรวมกับปลามงแล้วสดชื่น ด๊องแด๊งซาวน้ำ เส้นด๊องแด๊งซึ่งนิยมในภาคอีสาน แต่ทางร้านทำเส้นเอง นำมาทำซาวน้ำได้รสหวานนิดๆ ตัดเปรี้ยวด้วยส้มซ่า ส้มโอทับทิบสยาม สับปะรด ส่วนชมพู่ได้ความหวานฉ่ำ กินกับไข่นกกระทายางมะตูม และลูกชิ้นผสมเนื้อปู กุ้ง และหมู ตกแต่งด้วยดอกดาหลาสีชมพูแดงสวยงาม ซี่โครงเนื้อต้มเค็มกะทิ เสิร์ฟซี่โครงชิ้นใหญ่ เนื้อนุ่มมาก เข้าปากแล้วแทบละลาย เมนูสุดท้ายสีสันสดใส แกงเผ็ดเนื้อย่างใบชะมวง เนื้อย่างสุก กำลังดี ไม่เหนียว เครื่องแกงหอมมัน พร้อมใบชะมวงและพริกสด ไม่ใช่แค่ความเป็นไทยที่แสดงผ่านอาหาร แต่ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นไทยพื้นบ้านผ่านการตกแต่งร้าน ซึ่งคุณแคนได้แรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อและคุณแม่ ชาวดำเนินสะดวกและคนตรัง เช่น ชะลอม กระบุง ภาพวาดคนไทยกินข้าวล้อมวงกัน ทั่วทั้งร้านแทบไม่มีจุดไหนที่ไร้ซึ่งกลิ่นอายของวัฒนธรรมความเป็นไทยเลย

แฟนๆ ของ คาเฟ่ ชิลลี่ คงคุ้นเคยกับอาหารตำรับอีสานรสชาติจัดจ้านถึงใจที่ปรุงด้วยความชำนาญ (รับประกันความนัว) อีกทั้งยังเลือกใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นอย่างดีโดยเฉพาะน้ำปลาร้า และผักพื้นบ้านตามฤดูกาลที่ให้กลิ่นรสโดดเด่น จัดเสิร์ฟได้อย่างสวยงามเข้ากับสีสันภายในร้าน สำหรับสาขาใหม่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ไฮไลต์อยู่ที่อาหารจานเด็ด 21 เมนูจาก 20 จังหวัดในภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็น ป่นปลาทู (จังหวัดอุดรธานี) นำเนื้อปลาทูทอดไปโขลกกับเครื่องอย่างพริกย่าง หอมแดง กระเทียม ปรุงรสให้จัดจ้าน แนมด้วยผักสดและไข่ต้ม ลาบเป็ดยโสธร (จังหวัดยโสธร) ความอร่อยอยู่ที่ใช้เนื้อเป็ดไล่ทุ่งที่ชาวบ้านเลี้ยงปล่อย เนื้อแน่น ไขมันน้อย นำมารวนแล้วปรุงให้ถึงรส โรยด้วยหนังเป็ดทอดรอบและกระเทียมเจียวหอมๆ ต่อกันที่ ส้มตำด๊องแด๊ง (จังหวัดเลย) เมนูขวัญใจ เส้นด๊องแด๊งนุ่มหนึบเคี้ยวสนุก ตำกับเครื่องส้มตำให้แซ่บนัว โดรยด้วยเม็ดกระถินและพลาดไม่ได้เลยสำหรับ แหนมย่างใบมะยม (จังหวัดขอนแก่น) แหนมหมักเองด้วยข้าวเหนียวคั่ว ย่างจนหอม รสเปรี้ยวนำตามด้วยรสเค็มนิดๆ เวลากินแล้วได้รสฝาดและมันจากใบมะยมด้วย แนมด้วยพริกและผักสด นอกจากนี้ยังมีเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ‘คาเฟ่ ชิลลี่ อีสานแอพ’ ที่นำของกินเล่นอย่างไส้กรอกอีสาน หมูยอ หมูทอด ไก่ทอดชิลลี่ และแหนบเสียบไม้ จัดเสิร์ฟมาอย่างสวยงามอารมณ์เดียวกับไปกินอาฟเตอร์นูนที แกงลาวเห็ดถอบ ที่มีให้กินทั้งปี น้ำแกงหอมใบย่านาง รสชาตินัวลิ้น ตามด้วย ขลุกขลิกซี่โครงอ่อนทอด ชิ้นพอดีคำ ชุบแป้งทอดให้กรอบแล้วเคล้ากับซอสและเครื่องลาบ รวมถึงเมนูลูกครึ่งฝรั่ง-อีสาน แกะนิวซีแลนด์ย่างจิ้มแจ่ว ซี่โครงแกะหมักเครื่องเทศแล้วย่างให้สุกพอดี ด้านในยังชุ่มฉ่ำ จิ้มน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ดเข้ากันดีเชียว อิ่มคาวแล้วล้างปากด้วยของหวาน ไอศกรีมสดม้านิลมังกร ไอศกรีมกะทิหอมมันรายล้อมด้วยเครื่องเคียง 7 แบบทั้งข้าวเหนียวมูน ถั่วลิสง วุ้นมะพร้าว เส้นซาหริ่ม เฉาก๊วย ลูกชิด และลอดช่อง การันตีว่าหายเผ็ดแน่นอน

นาทีนี้ใครจะฮอตเท่า จิ๊นทอดป้าตือ ร้านอาหารเหนือมื้อดึกราคาน่ารักในซอยวิภาวดี 16/33 ของคุณตือ-สมบัษร ถิระสาโรช สุดยอดออร์แกไนเซอร์มือทองที่มีแฟนคลับมารอคิวตั้งแต่ยังไม่เปิดร้าน เมนูของป้าตือเป็นอาหารเหนือที่กินง่ายและอิ่มท้อง เน้นของทอดร้อนๆ ไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอด หมูสามชั้นทอด หมูยอทอด ปลาทูทอด แคปหมู รวมถึง ไส้อั่วย่าง และไข่ต้ม (ที่ต้องกินคู่น้ำปลาทิพรสฝาสีชมพู) แต่ที่ยกให้เป็นทีเด็ดคือน้ำพริกหนุ่มและน้ำพริกแดง ที่ตำรสจัดแบบไม่ยั้งมือ มาพร้อมผักต้มและผักกาดดอง กินกับของทอดกรอบๆ เค็มๆ ตอบโจทย์คนหิวยามดึกอย่างที่สุด ใครอยากมาชิมบ้างเราแนะนำให้มาเร็วหน่อย ทางร้านเริ่มแจกบัตรคิวประมาณ 19.00 น. แล้วเริ่มให้สั่งอาหารราวๆ 19.30 - 20.00 น.เป็นต้นไป อร่อยจริงไหมต้องลองมาพิสูจน์

ชาวฝั่งธนฯ คนไหนเป็นแฟนคลับอาหารเหนือต้องปักหมุด Ginger Farm Kitchen Wooden House” ร้านอาหารเหนือออร์แกนิกมิชลิน 5 ปีซ้อน (Bib Gourmand) ที่ครั้งนี้เลือกมาปักหมุดในย่านพุทธมณฑลสาย 1 (เอาใจชาวฝั่งธนฯ โดยเฉพาะ) บ้านสไตล์ล้านนาอายุกว่าร้อยปีที่ล้อมรอบด้วยสวนร่มรื่นและยังเอาใจคนรักสัตว์ด้วยคอนเซ็ปต์ Pet Friendly อีกด้วย บริเวณโดยรอบมีทั้งต้นไม้น้อยใหญ่และพืชผักสวนครัวที่ทางร้านปลูกเอง เมื่อเข้ามาจะพบกับพื้นปูนเปลือยดิบเท่เข้าคู่กับผนังไม้เก่าคลาสสิก ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สั่งทำในสไตล์ Modern Rustic Farm ให้กลิ่นอายของฟาร์มแบบยุโรป   พื้นที่ด้านบนประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์จากร้าน Ginger Farm Kitchen สาขาเชียงใหม่แทบทุกชิ้น ทั้งโต๊ะ-เก้าอี้ไม้ และงานอาร์ตแสนสวยที่แซมอยู่บนผนังไม้สีน้ำตาลแก่ดูแล้วช่างเพลินใจ พร้อมที่จะอิ่มเอมกับจานอร่อยสไตล์ล้านนาที่ทำมาจากวัตถุดิบคุณภาพ อาทิ ผักออร์แกนิกที่ทางร้านปลูกเอง เนื้อหมู Natural Pork ปลอดสารเร่งเนื้อแดง เนื้อไก่และไข่ไก่อารมณ์ดี ใส่ใจและจริงจังตรงตามคอนเซ็ปต์ ‘From Farm to City’   เรียกน้ำย่อยด้วย เมี่ยงคะน้า คะน้าออร์แกนิกกรุบกรอบ ห่อเครื่องเคราต่างๆ อย่าง หอมแดง ขิง กุ้งแห้ง ถั่วลิสง แคบหมูโฮมเมด พริกสดและมะนาว ราดด้วยน้ำซอสสูตรเฉพาะรสหวานกลมกล่อมกำลังดี ตามด้วย ลาบหมูแบบเหนือ ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทีเด็ดของร้าน หมูสับคลุกเคล้ากับเครื่องในลวกสุกพอดีไม่มีกลิ่นคาว และพริกลาบรสเผ็ดได้ใจ ต่อด้วยอีกจานที่จี๊ดจ๊าดไม่แพ้กัน ยำแซลมอนสด จานปลา 2 สัญชาติ แซลมอนสดราดด้วยน้ำยำรสเด็ดที่ผสมผสานความนัวของปลาร้าโฮมเมดได้อย่างลงตัว ใครชอบกินเมนูที่หากินได้ยาก ต้องลอง น้ำพริกข่าเห็ด รสเผ็ดร้อนของน้ำพริกไปด้วยกันได้ดีกับเห็ดนึ่งรสหวาน และผักสดเคียง กินกับข้าวสวยร้อนๆ เข้ากันดีเลย หรือจะเป็นจานฟิวชั่นอย่าง สปาเก็ตตีครีมปูอ่องเบคอน เส้นสปาเกตตีอัลเดนเต้ผัดพร้อมซอสครีมที่เพิ่มความหอมมันด้วยปูอ่องตำรับซิกเนเจอร์ของทางร้านเข้าไปด้วย เสริมด้วยรสเค็มละมุนจากเบคอนและความเผ็ดร้อนจากพริกแห้ง ยกนิ้วให้เลย   ต่อด้วยเมนูพิเศษที่เสิร์ฟเฉพาะสาขานี้ กุ้งแม่น้ำคั่วพริกเกลือ ใช้กุ้งแม่น้ำตัวโตเนื้อสดหวาน คั่วจนได้รสเค็มเผ็ดจัดจ้านหอมกลิ่นกระทะเป็นที่สุด ตามด้วย แกงผักหวานปลาสลิด แกงขลุกขลิกแบบภาคเหนือรสกลมกล่อม ใส่ผักหวาน มะเขือเทศ และวุ้นเส้นลงไป หอมปลาสลิดกรอบๆ เค็มๆ  เป็นจานที่กินง่ายกว่าที่คิด แนะนำเลย จากนั้นล้างปากด้วยของหวาน เค้กแครอต เนื้อนุ่มฟูรสหวาน หอมกลิ่นซินนามอนอ่อนๆ ตัดด้วยรสครีมมีของครีมชีส จิบคู่ ชาขิงออร์แกนิก รสนุ่มที่แฝงด้วยความเผ็ดซ่า ชุ่มคอ เติมรสหวานฉ่ำด้วยน้ำผึ้งจากเมืองเชียงใหม่ เสิร์ฟคู่ทองม้วนกรุบกรอบ   ส่งความอร่อยจากเชียงใหม่สู่พุทธมณฑลสาย 1 ให้ลิ้มลองแล้ววันนี้

รังสรรค์เมนูใหม่มาเปิดประสบการณ์สายฟู้ดอีกแล้วสำหรับ Saawaan ร้านอาหารไทยฟิวชั่นไฟน์ไดน์นิงในย่านสาทรใต้ดีกรีมิชลินหนึ่งดาว 3 ปีซ้อน นำทีมความอร่อยโดย เชฟเอิร์ธ - ศริตวรรธน์ วันวิชิตกูร เชฟอาหารไทยมากฝีมือจากเกาะภูเก็ต ศิษย์เก่า Le Gordon Bleu Dusit Culinary ที่เคยบรรเลงฝีมือในร้านอาหารชื่อดังอย่าง Mezzaluna และ Nitan มาแล้ว แทกทีมกับเชฟเปเปอร์ - อริสรา จงพาณิชกุล เชฟขนมหวานที่ศึกษาการทำขนมจากโรงเรียน Gastronomicom แห่งประเทศฝรั่งเศส สมศักดิ์ศรีผู้ร่วมก่อตั้งร้านขนมหวาน ICI ลิ้มลองเมนูใหม่ที่เชฟเอิร์ธใช้เทคนิคแก่นแท้ของอาหารไทยดั้งเดิมอย่าง การต้ม การนึ่ง การหมัก และการย่างบนเตาถ่าน จากการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นทั่วเมืองไทยบวกกับการปรุงรสจัดจ้านในแบบฉบับของอาหารใต้ เสิร์ฟมาในบรรยากาศโมเดิร์นที่ทางร้านใช้สีดำเป็นโทนหลักในการตกแต่ง เสมือนสวรรค์ในความมืดมิดที่ให้คุณเต็มอิ่มกับ Vibe แห่งความดิบเท่ทันสมัย ประเดิมด้วย Raw ปูม้าดองมะม่วงสด เชฟใช้ปูม้าเนื้อหวานจากจังหวัดระนอง หมักกับสาหร่ายและน้ำปลาโฮมเมด ห่อด้วยมะม่วงสดสามฤดูรสเปรี้ยวอมหวาน เคล้ารสเปรี้ยวสดชื่นจากเจลลี่มะเขือเทศ ราดซอสสูตรเฉพาะที่ทำจากน้ำมะม่วงและเม็ดมะม่วงหิมพานต์รสหอมมัน ตามด้วย Fermented หมูผัดเคย คอหมูเนื้อนุ่มจากจังหวัดราชบุรี ผัดพร้อมเคยที่ผ่านกระบวนการหมักด้วยเกลือและน้ำตาลมานานกว่า 3 วัน ตัดด้วยรสเปรี้ยวจากโฟมสับปะรด ที่เกิดจากสับปะรดหมักกับกระเจี๊ยบ เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบด้วยมันแกว หลายคนชอบ Yum ยำไข่ดาว ฐานล่างเป็นไข่ขาวและไข่แดงอิ่มเอม เพิ่มรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะอึก และความจัดจ้านจากน้ำยำไข่แดง ต่อกับ Boiled ต้มกะทิเนื้อเค็ม สูตรเด็ดของคุณยายของเชฟเอิร์ธ เอ็นจอยกับ French Charolais Beef Araignee ฉ่ำลิ้น สมญานามเนื้อที่ดีที่สุดแห่งประเทศฝรั่งเศส เข้ากันดีกับยอดมะพร้าวกรุบกรอบ หอมแดงดอง และรสกลมกล่อมของน้ำกะทิเคี่ยวกระดูกวัวอย่างดี หนึ่งในจานไฮไลต์ Steamed ปลาหมึกนึ่งมะนาว ปลาหมึกคุณภาพสัมผัสหนึบหนับจากจังหวัดระนอง มิ๊กซ์กับรสเปรี้ยวกลมกล่อมของผลไม้ตระกูลซิตรัสอย่าง  ส้มซ่า ส้มจี๊ด มะนาวและมะกรูด เสริมด้วยรสเค็มจากซอสสูตรเฉพาะที่ทำจากซีฟู้ดและกุ้งแห้ง Charcoal น้ำพริกใบทำมัง อาหารท้องถิ่นของภาคใต้ กั้งเนื้อหวานที่ส่งมาจากเกาะภูเก็ต มิ๊กซ์ซอสสูตรเด็ดเข้มข้น ก่อนนำไปย่างบนเตาถ่านให้หอม เสิร์ฟพร้อมน้ำพริกรสนุ่มนวลที่ทำจากใบทำมังและส่วนหัวของกั้ง ยังมี Curry แกงไก่หยวกกล้วย อร่อยกับไก่ตัวอ้วนอายุ 120 วัน (ส่วนอกและน่อง) ที่นำเข้าจากเทือกเขาพิเรนีสแห่งประเทศฝรั่งเศส จิ้มน้ำซอสรสเข้มข้น ที่ได้จากหยวกกล้วยผสมกับน้ำส้มจี๊ด ใบแว่นแก้ว สโมกกลิ่นขมิ้นหอมฟุ้ง กินกับ ข้าวมันปลีกล้วยรสละมุน ที่ภายในอัดแน่นไปด้วยเครื่องในไก่ฝรั่งเศส ของหวานเป็น ถั่วกรอบแก้ว ขนมโปรดของเชฟเปเปอร์ในสมัยเด็ก แผ่นงากรอบๆ และถั่วลิสง ไปด้วยกันได้ดีกับช็อกโกแลตกานาชรสเข้ม และครีมเนยถั่วโฮมเมดหวานมัน เสิร์ฟเคียงไอศกรีมวานิลลาชื่นใจจากฝักวานิลลาแห่งจังหวัดเชียงราย เข้ากันลงตัวอะไรอย่างนี้

อีกหนึ่งร้านในเครือ “ซาว” ของอีฟ-ณัฐธิดา พละศักดิ์ ที่นอกจากเมนูอีสานและแจ่วฮ้อนสุดแซ่บอีหลีที่หลายคนต่างเคยได้มาลองแล้ว ล่าสุดกับการเสิร์ฟ All Day Breakfast รสชาติคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น ไข่กระทะ ปากหม้อ ก๋วยจั๊บญวน ก็บอกเลยว่าอร่อยไม่แพ้ไปกินที่อุบลราชธานีเลยทีเดียว แม้ว่ารสชาติอาหารจะจัดจ้านขนาดไหนแต่การตกแต่งของร้านกลับอบอุ่นนั่งสบาย ตกแต่งในสไตล์บ้านไม้โทนน้ำตาลกลางสวนที่ล้อมรอบด้วยกระจกใส ชวนให้ได้มู้ดโลคอลแม้อยู่ใจกลางเมือง เริ่มที่จานอาหารเช้าเมนูใหม่อย่าง ซาวไข่กระทะร้อน (285.-) ประกอบด้วย ไข่ดาว ไข่นกกระทา หมูรวนภูพานสกลนคร ไส้กรอกหมูหนังกรอบ หมูยอหนังอุบล และขนมปังกรอบ จับคู่กับอเมริกาโน่ร้อน จากเมล็ดกาแฟภาคเหนือไทย เป็นเซ็ตอร่อยที่เริ่มต้นวันได้ดี ต่อที่เมนูรสแซ่บ ตำซั่วเส้นก๋วยจั๊บกากหมู (250.-) ตำซั่วรสเด็ดที่เปลี่ยนจากเส้นขนมจีนเป็นเส้นก๋วยจั๊บญวนเหนียวนุ่ม กินพร้อมเส้นมะระกอกรุบกรอบและกากหมูเจียว หลากหลายเท็กเจอร์ในคำเดียว จับคู่กับ คอหมูทอดปลาร้า (350.-) คอหมูที่ทอดจนหนังกรอบกำลังดีแต่เนื้อในยังนุ่มชุ่มฉ่ำ เคลือบด้วยน้ำปลาร้าสไตล์เกาหลี หวานเค็มเผ็ดครบรสลงตัว ปิดท้ายด้วย อ่อมแก้มวัว (320.-) น้ำแกงรสเค็มเผ็ดหอมสมุนไพรและผักชีลาว ซึมเข้าเนื้อส่วนแก้มวัวที่ตุ๋นจนนุ่มเปื่อยกว่า 5 ชั่วโมง ซดแล้วโล่งคอเป็นที่สุด

ใครที่เป็นแฟนคลับ The Deck ร้านกินดื่มริมแม่น้ำเจ้าพระยาในซอยประตูนกยูง ต้องแวะเวียนมาเช็คอินที่ The Gate Grand Palace ร้านอาหารน้องใหม่ในเครือเดียวกัน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณมุมถนนมหาราชติดท่าเรือท่าช้าง และเหมาะแก่การแวะเติมพลังก่อนหรือหลังการเข้าชมความงามของวัดพระแก้วหรือวัดพระศรีรัตนศาสดารามยิ่งนัก The Gate Grand Palace ตกแต่งร้านด้วยโทนสีสดใส เขียว แดง และทอง ซึ่งตั้งใจให้สอดคล้องกับโทนสีในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยเฉพาะโทนสีแดงซึ่งเป็นสีเดียวกับประตูวัดพระแก้ว โซนด้านนอกจัดพื้นที่ให้สามารถนั่งรับประทานอาหารและจิบเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ พร้อมเพลิดเพลินกับสายลมเย็นจากแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงแดดร่มลมตกด้วย นอกจากบรรยากาศจะชวนให้นั่งชิลแล้ว ยังพร้อมบริการด้วยอาหารเอเชียฟิวชั่นรสชาติถูกปากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ ยำมะม่วง 3 อย่าง 3 รส กุ้งทอด เมนูกินเล่นที่ใช้มะม่วงเขียวเสวยรสชาติมันกรอบ มะม่วงน้ำดอกไม้รสหวานอมเปรี้ยว และมะม่วงแก้วขมิ้นรสหวานมัน หั่นชิ้นพอดีคำ ยำในสไตล์ไทยพร้อมกุ้งทอดและหอยเชลล์สไลซ์ รสชาติน้ำยำกลมกล่อม พอมีความแซ่บให้ถูกปากคนไทยและไม่เผ็ดร้อนเกินไปสำหรับคนต่างชาติ  สลัดเนื้อสันในโคขุนย่างราดน้ำสลัดญี่ปุ่น เนื้อสันในย่างสุกกำลังดี เนื้อในฉ่ำนุ่มเคี้ยวอร่อย กินพร้อมผักสลัดสดกรอบเป็นจานที่บีฟเลิฟเวอร์ต้องรัก ผัดไทยกรอบ เมนูซิกเนเจอร์ที่โดดเด่นจนทุกโต๊ะต้องสั่ง เสิร์ฟผัดไทยกุ้งสดรสชาติเข้มข้นสลับชั้นกับเส้นผัดไทยทอดกรอบ ตักกินไปพร้อมกันได้ทั้งความนุ่มหนึบผสานความกรุบกรอบที่อร่อยลงตัว ข้าวผัดดีปลาหมึก กุ้ง ข้าวผัดสีดำจากดีหมึกเรียงเม็ดสวย มีไข่รวนสีขาว-เหลืองโปะหน้ามาตัดกับสีดำของข้าว ส่งกลิ่นหอมยวนใจ เหยาะน้ำปลาพริกเพิ่มอีกนิด อร่อยติดใจ สั่งแกงกะหรี่หมูในน้ำผลไม้มากินไปด้วยกันก็เสริมความอร่อยให้ทับทวี เนื้อหมูเคี่ยวจนนุ่ม น้ำแกงกะหรี่เข้มข้นกลมกล่อม หรือจะลองเมนูฟิวชั่นยอดนิยมอย่างพิซซ่าแกงมัสมั่นเนื้อ แป้งพิซซ่าบางกรอบสไตล์อิตาเลียน แต่งหน้าด้วยแกงมัสมั่นเนื้อรสเข้มข้นหอมเครื่องเทศสไตล์ไทย โรยด้วยชีส อบสดใหม่ร้อนๆ จากเตา หรือจะลองพิซซ่ากะเพราหมู ก็รสชาติดีไม่น้อยหน้ากัน อิ่มของคาวแล้วต่อด้วยของหวานอย่าง ขนมครก 2 สีหน้าช็อกโกแลต/ทุเรียน และไอศกรีมเลมอนเชอร์เบต ในหนึ่งจานมีทั้งขนมครกจากแป้งข้าวเจ้าโรยหน้าช็อกโกแลต และแป้งไรซ์เบอร์รีโรยหน้าทุเรียน ให้เลือกชิม กินพร้อมไอศกรีมเลมอนเชอร์เบตที่เชฟคัดสรรมาให้แล้ว หรือจะลอง ขนมบ้าบิ่น “ท่าช้าง” ทรงเครื่องมะพร้าวอ่อน ก็รสชาติดี หวานน้อย อร่อยถูกใจ  ใครไม่สันทัดขนมไทยจะเลือกเมนู มะม่วงสุก+ข้าวเหนียวดำฟักทอง ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี ก็เข้าทีดีไม่น้อย  หรืออยากลิ้มลองเมนูหวานเย็นอย่าง ลอดช่องในลูกมะพร้าวอ่อนปอกเปลือก ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ยังมีเมนูอีกมากมายพร้อมเครื่องดื่มดับกระหายให้เลือกสรรได้ตามชอบในราคาสบายกระเป๋า The Gate Grand Palace ตั้งอยู่บนถนนมหาราช ติดท่าเรือท่าช้าง บริเวณหัวมุมอาคารราชนาวีสโมสร เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-19.00 น. โทร. 0-2163-4619, 08-2752-4993

ทำความรู้จักกับอาหารภูเก็ตให้ลึกซึ้งมากขึ้นอีกนิดที่ ภูเก็จ ร้านอาหารหน้าใหม่ในตึกเก่าย่านเยาวราช ที่ต้องการนำเสนออาหารแบบเปอรานากัน หนึ่งในวัฒนธรรมอาหารเก่าแก่ของชาวภูเก็ต ซึ่งผสมผสานเทคนิคการปรุงอาหารสไตล์จีนฮกเกียน มลายูและไทยไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว สำหรับอาหารแบบเปอรานากันนั้นมีความหลากหลายทางวัตถุดิบและรสชาติตามแต่พื้นที่ โดยเชฟกร-ฐาปกร เจ้าของร้านก็ได้หยิบเอาอาหารภูเก็ต หนึ่งในจังหวัดที่มีวัฒนธรรมเปอรานากันอันแข็งแรงมาเป็นจุดเริ่มต้นคอนเซ็ปต์เมนู และทำการปรับแต่งเติมรสชาติให้เข้าถึงง่ายแฝงไปด้วยกลิ่นอายของอาหารใต้เบาๆ พร้อมเสิร์ฟมาในหน้าตาที่โมเดิร์นสวยงามชวนประทับใจ เริ่มที่ หลนหอยเชลล์กระทงกรอบ แป้งกระทงชาโคลกรอบสอดไส้หลนกะทิเค็มมัน ท็อปด้วยหอยเชลล์ฮอกไกโดเนื้อหนึบเด้งกินเพลิน ต่อด้วย หมูฮ้องทอดภูเก็ต หมูสามชั้นตุ๋นที่นำไปทอดจนเนื้อด้านนอกกรอบแต่ภายในยังชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมผักดอง ตามด้วย แกงตู้มี่ปลาเก๋า แกงสไตล์มาเลเซียมีส่วนผสมของผักแพว สะระแหน่ ดาหลา เนื้อสัตว์ใช้เป็นปลาเก๋าลวกและเบิร์นไฟให้หนังกรอบเล็กน้อย เพิ่มความน่ากินอีกเท่าตัว ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง โอ้เอ้วกุหลาบลิ้นจี่ ถ้วยนี้อัดแน่นมาด้วยเกล็ดน้ำแข็งบด และเหล่าผลไม้ กินพร้อมโอ้เอ้วเนื้อหนึบๆ หรือจะเลือกเป็น ซอร์เบต์มะพร้าวโฮมเมด จากน้ำมะพร้าวและกะทิ กินพร้อมชูครีมกรอบไส้มะพร้าวคั่ว และทองม้วนบด ก็เติมเต็มความสดชื่นได้ดีไม่แพ้กัน

“บ้านขนิษฐา ไทยควิซีน” สุขุมวิท 23 ร้านอาหารไทยในตำนาน พร้อมแล้วสำหรับการกลับมาต้อนรับลูกค้าบนทำเลใหม่ในซอยเดิม ที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นไทยในบรรยากาศบ้านโบราณ 2 ชั้น รองรับได้ทั้งโซนห้องแอร์เย็นสบาย หรือจะเป็นโซนเอาต์ดอร์ร่มรื่นด้วยแมกไม้ ภายในร้านกว้างขวาง สบายตาด้วยผนังสีขาวแต่งแต้มลวดลายพันธุ์ไม้เลื้อยสีสดใส และบานหน้าต่างขนาดใหญ่ โซนเอาต์ดอร์ยังมีบาร์เครื่องดื่มให้นั่งชิลกันเบาๆ สำรับอาหารของ “บ้านขนิษฐา ไทยควิซีน” ยังคงคอนเซ็ปต์อาหารไทยที่มีทั้งอาหารต้นตำรับ อาหารชาววัง และอาหารโบราณ ที่เน้นการใช้วัตถุดิบคุณภาพดีจากแหล่งผลิตเลื่องชื่อ อาทิ น้ำตาลจากราชบุรี ส้มโอจากอัมพวา ปลาร้าจากสิงห์บุรี น้ำบูดูจากปัตตานี น้ำปลาจากระยอง เป็นต้น ผสมผสานกับของสดขึ้นชื่ออย่างกุ้งแม่น้ำอยุธยาหรือปลากุเลาจากตากใบ ปรุงตามสูตรต้นตำรับของครอบครัว ขณะเดียวกันก็มีเมนูไทยทวิสต์ที่ปรุงเสิร์ฟกันมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการนำลิ้นจี่มาทำแพนงเป็ดลิ้นจี่ หรือแกงเผ็ดเป็ดย่างองุ่น ฉู่ฉี่กุ้งมังกรแคนนาเดียน เป็นต้น ด้วยความหลากหลายบวกกับความทันสมัยของอาหารทำให้บ้านขนิษฐา ไทยควิซีน ครองใจคออาหารไทยและยังเป็นร้านยอดนิยมสำหรับการรับรองเพื่อนฝูงต่างชาติมานานนับ 30 ปี เมนูกินเล่นแนะนำให้ลอง เมี่ยงกลีบบัวสัตบงกช-ส้มโอนครชัยศรี จัดมาพอดีคำกินพร้อมน้ำราดขลุกขลิกรสเข้มข้น ยำส้มโอบ้านขนิษฐา รสกลมกล่อมกินเพลินๆ ใครชอบเมนูทอดต้องสั่ง รวมมิตร Appetizers ครบครันทั้งทอดมันปลา ทอดมันกุ้ง เปาะเปี๊ยะทอด และไก่ทอด หรือจะเคี้ยวเพลินๆ กับเมนู กุ้งตะไลข้าวตัง 2 สี ก็เข้ากันดี ต่อด้วยเมนูกินอิ่มอย่าง แกงเผ็ดเป็ดย่างองุ่นในลูกฟักทองที่แกะสลักอย่างประณีต รสชาติแกงเผ็ดเข้มข้นกลมกล่อม กุ้งอยุธยาผัดทรงเครื่อง กุ้งแม่น้ำตัวโตหั่นชิ้นพอคำพร้อมครื่องเคราผัดกับซอสขลุกขลิกจนเคลือบทุกอณู โรยใบกะเพราทอดกรอบ ปูนิ่มผัดผงกะหรี่ ปูนิ่มทอดกรอบชุ่มด้วยซอสผงกะหรี่รสชาติถูกใจ ปลากะพงทอดน้ำปลาเสิร์ฟพร้อมยำมะม่วงและน้ำจิ้มซีฟู้ด เนื้อปลาสดหวานทอดร้อนๆ หั่นชิ้นให้ตักกินง่าย แสร้งว่ากุ้งแม่น้ำปลาดุกฟู กุ้งย่างสุกกำลังดีมาพร้อมปลาดุกฟูราดยำมะม่วงรสเปรี้ยว หวาน เผ็ดกำลังดี หรือจะเป็นน้ำพริกลงเรือปลาดุกฟู-หมูหวาน กินพร้อมผักลวกและผักสด เป็นเมนูที่ครบรสความอร่อย แล้วปิดมื้อด้วยขนมหวานหลากหลายรายการ อาทิ ส้มฉุน ขนมไทยโบราณให้ความสดชื่น บัวลอยบ้านขนิษฐา แป้งนุ่มน้ำกะทิอร่อย หรือจะลอง บุหงัด ที่หลายคนรู้จักในชื่อบวดรวมมิตรที่นับวันจะหากินยากขึ้นทุกที ยังมี ขนมเปียกปูนใบเตยกะทิสด เนื้อนุ่มๆ กินพร้อมน้ำกะทิรสหอมหวานมันกำลังดี ขนมโคก็รสชาติดีไม่เบา หรือจะเป็นเมนูขายดีอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง-ไอศกรีมกะทิสด อิ่มแล้วจะนั่งชิลต่อในโซนเอาต์ดอร์ก็ผ่อนคลายดีไม่น้อย

ฟู้ดดี้คนไหนเป็นแฟนคลับอาหารไทย และซีฟู้ดต้องปักหมุด “Paii” ร้านอาหารไทยโมเดิร์น – ซีฟู้ดที่ดูแลโดยเชฟโจ - วีรเกติ์ นิลาย เชฟอาหารไทยฝีมือดีที่รังสรรค์จานอร่อยจากซีฟู้ดจากแหล่งคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นปูทะเลจากจังหวัดสมุทรสงคราม หมึกกล้วยจากจังหวัดชลบุรี หอยเชลล์นำเข้าจากเกาะฮอกไกโด หอยนางรมสัญชาติฝรั่งเศส และหอยแมลงภู่ตัวใหญ่จากประเทศนิวซีแลนด์ โดยคำว่า Paii ชื่อร้านจะสื่อถึง ‘การพายเรือ’ เพื่อนำซีฟู้ดสดเด้งจากทะเลสู่ใจกลางกรุงฯ ควบคู่กับการยกย่อง ‘หลวงสาทรราชายุกต์’ ผู้ก่อตั้ง The House on Sathorn โลเคชั่นของร้าน บ้านเก่าหลังงามสไตล์โคโลเนียลสีเหลืองนวลใน W Bangkok ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ดื่มด่ำกับความงดงามของสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ร่วมกับความหรูหราของศิลปะไทยในยุคเก่า และงานอาร์ตร่วมสมัยของไทย อย่าง งานประติมากรรมปูนปั้น ภาพถ่าย ภาพวาด และผ้าแขวนผนังเก่าแก่ ซึ่งสะท้อนถึงความขลังของสถานที่แห่งนี้ เรียกน้ำย่อยกันก่อนกับ ข้าวเกรียบ สไตล์โฮมเมดกรุบกรอบทอดร้อนๆ มีให้คุณเลือกอร่อยทั้งข้าวเกรียบรสดั้งเดิมและรสแครอต เสิร์ฟคู่น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว ที่ทำมาจากน้ำเสาวรสและพริกแห้ง ต่อด้วย ลาบหนวดปลาหมึกยักษ์ย่าง หนวดปลาหมึกยักษ์คลุกอย่างดีจนได้สัมผัสนุ่มหนึบ ท็อปด้วยสมุนไพรต่างๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วรสเผ็ดกลมกล่อม ทะเลต้มข่าแห้ง จานนี้แหละทีเด็ด ซีฟู้ดเนื้อหวานอย่าง หอยเชลล์ ปูม้า กุ้งตัวใหญ่ และปลาหมึกหนึบๆ คลุกเคล้ากับซอสต้มข่ารสครีมมี ได้กลิ่นหอมของสมุนไพรเต็มพิกัด ตามด้วยจานเด็ดอย่าง ฉู่ฉี่กุ้งแม่น้ำ กุ้งแม่น้ำตัวบิ๊กเบิ้มเนื้อแน่นหวาน ย่างเตาถ่านจนส่งกลิ่นหอมเตะจมูก ราดซอสฉู่ฉี่รสเข้มข้น ได้รสเผ็ดเล็กๆ จากเครื่องแกงสูตรเด็ดของเชฟ ข้าวผัดทะเล เมนูคอมฟอร์ดฟู้ดที่พลาดไม่ได้ ข้าวเรียงเม็ดสวยหอมกลิ่นกระทะ ผัดพร้อมซีฟู้ดสดเด้งอย่าง กุ้งลายเสือตัวอวบ หอยเชลล์ที่เรารักและปลาหมึก ก่อนกินบีบมะนาวซีกเล็กน้อย เติมพริกน้ำปลาหน่อยอร่อยเลย ในด้านของหวานต้องนี่ ทีรามิสุชาไทย ขนมเลดี้ฟิงเกอร์ที่เปลี่ยนจากชุบน้ำกาแฟมาเป็นชาไทยหอมกรุ่น สลับชั้นกับชีสมาสคาโปนหอมมัน โรยหน้าด้วยผงโกโก้ชั้นดี Coconut Sundae ไอศกรีมกะทิในแบบฉบับโฮมเมดรสหวานหอม (ได้ใจสายหวานสุดๆ) เข้ากันดีกับทับทิมกรอบ ขนมปังใบเตย สาคู มะม่วงสุกและขนุน ส่วนใครเป็นสายดื่มเราแนะนำ Fp Eden ค็อกเทลสีขาวนวลที่มีส่วนผสมของเหล้าจินกลิ่นเบอร์รี แอปเปิ้ลว้อดก้า น้ำสับปะรด น้ำมะนาว และเพิ่มสัมผัสนุ่มนวลด้วยฟองไข่ขาว ปิดท้ายด้วยค็อกเทลสุดป็อปประจำร้าน Mali Wal ที่เป็นการรวมตัวกันของชาอัญชันสีม่วงสวย มะลิ มินต์ โซดาและสปาร์กลิงไวน์ ใครยังดื่มไม่หนำใจเราแนะนำให้ไป The Bar ต่อเลย

ออกเดินทางไปต่างจังหวัดในวันที่อากาศสบายๆ แล้วแวะไปอิ่มท้องให้สบายกายกับมื้อโปรด Prod. (โปรด-จุด) ร้านเปิดใหม่ใจกลางพัทยาเหนือที่เปิดมาได้ไม่กี่เดือนแต่กระแสตอบรับดีมาก เพราะร้านนี้นำเสนออาหารไทยเเนวฟิวชัน ผสมผสานทั้งเทคนิคและรสชาติได้อย่างลงตัว จัดจานสวยงามแถมแฝงสตอรีที่สนุกสนานอยู่ในทุกเมนู ถือเป็นอีกหนึ่งร้านเดสติเนชันที่ถ้ามาพัทยาเหนือเเล้วห้ามพลาด! ชื่อร้านมาจากคำว่า Produce กับ Products รังสรรค์เมนูผ่านคอนเซ็ปต์ “Fin-to-Scale” ใช้ทุกส่วนของวัตถุดิบตั้งแต่เนื้อไปจนถึงกระดูกนำมารังสรรค์ได้อย่างคุ้มค่า เลือกวัตถุดิบจากแหล่งชุมชนเพื่อคุณภาพที่สดใหม่ ปรุงอย่างพิถีพิถันและใส่ใจจนเกิดเป็นความประทับใจเมื่อได้ชิม บรรยากาศของร้านตกแต่งสไตล์กลาสเฮาส์ดูร่มรื่น บานกระจกตัดกับสีน้ำเงินดูสวยหรูหรา เมื่อถึงช่วงกลางวันจะได้รับแสงแดดอ่อนๆ ที่สาดส่องลอดผ่านทำให้รู้สึกอบอุ่นจนเกิดเป็นไวบ์ดีๆ อีกทั้งมุมคาเฟ่ไว้มาถ่ายรูปแล้วอัปลงโซเชียลเก๋ๆ อีกด้วย สำหรับเมนูอาหารก็โดดเด่นเช่นเดียวกับจานรสชาติสุดแซ่บ แสร้งว่าไข่ปลา ไข่ปลาเรียวเซียวสดคลุกกับน้ำยำแสร้งว่าสูตรชาววังแท้ กัดแล้วแตกโพละในปาก ตักกินคู่กับแผ่นข้าวเกรียบสาหร่ายสุดฟิน! สำหรับเมนูไฮไลต์ คัสตาร์ดต้มข่าปลาสลิดฟู น้ำต้มข่าที่เสิร์ฟในรูปแบบของคัสตาร์ด น้ำซุปหอมกระดูกปลาที่เชฟเล่าว่าใช้เวลาในการเคี่ยวนานมาก เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อปลาสลิดทอดกรอบ เรียกว่าใช้ทุกส่วนจริงๆ ตรงตามคอนเซ็ปต์ ต่อมา เนื้อแองกัสซูวีดย่างทาทากิ เนื้อวัวทาทากิที่ผสมผสานสไตล์ไทย-ญี่ปุ่นไว้ได้อย่างลงตัว เนื้อนุ่มหอมละมุน มาพร้อมกับมะระดองพอนสึแบบญี่ปุ่น ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากผิวมะนาว รสชาติเข้ากันได้อย่างลงตัว และเมนู ปลากะพงเวตเอจเกล็ดฟูทอดน้ำปลา ปลากะพงนำไปหมักในน้ำเย็น (Wet-Aged) แล้วทอดโดยใช้เทคนิคการทอดแบบญี่ปุ่นจนได้เกล็ดปลาที่ฟูกรอบ ราดด้วยซอสน้ำปลารสเด็ด กินคู่กับข้าวร้อนๆ บอกเลยว่าเผลอแป็บเดียวข้าวหมดจาน ปลาอินทรีย์ดรายเอจซ่อนกลิ่น (หมักเกลือรมควัน) เนื้อปลาอินทรีย์สด ที่ซื้อจากตลาดสะพานปลา เชฟเลือกใช้เฉพาะส่วนหางแล้วนำไปดรายเอจนาน 7 วันจนเนื้อแน่น รสชาติเข้มข้น หอมหลิ่นรมควันอ่อนๆ กินคู่กับซอสซีอิ๊วขิงรสหวานสูตรพิเศษ ใครสายแซ่บมาแล้วต้องสั่ง ชาบูต้มยำน้ำใสปลากะพงดรายเอจ เนื้อปลากะพงที่เชฟดรายเอจจนเนื้อแน่น นำไปลวกในน้ำชาบูต้มยำรสแซ่บเผ็ดร้อนจนเนื้อเด้ง ตักซดคู่กับน้ำซุปบอกเลยว่าเด็ด นอกจากอาหารคาวที่อร่อยจนลืมว่าจะต้องขับรถกลับกรุงเทพแล้ว ก็อย่าลืมปิดท้ายด้วยขนมหวานไทยและเครื่องดื่มรสเปรี้ยวซ่า ก็จะเป็นการจบมื้อแบบฟินๆ ไปแล้วอย่าลืมสั่งเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเปลือกกุ้งมาลิ้มลองด้วย

เปลวไฟที่ร้อนระอุและลุก “โฌณ” สู่ตำรับเมนูอาหารไทยที่เล่าขานตำนานใหม่กับ โฌณ (Choen Restaurant) ร้านอาหารไทยกึ่งไฟน์ไดนิงย่านเยาวราชกับคอนเซ็ปต์ Thai Cuisine from Fire & Wood ที่ทำให้เราได้ลิ้มลองกับเซ็ตเมนู “Choen Palace” ซึ่งอิงจากอาหารต้นตำรับชาววัง แสดงถึงภาพลักษณ์ความหรูหรา และการกิน รังสรรค์ในรูปแบบของ “วังโฌณ” การทำอาหารภายใต้ความท้าทาย ที่เชฟมิวเล่าว่า “ทำอาหารแบบจริง! หรือ Live-Fire Cooking” ในครัวเปิดที่เราสามารถมองเห็นเชฟกำลังปรุงอาหารได้อย่างตื่นตาตื่นใจ โดยเชฟเล่าว่า “ความผูกพันและการคลุกคลีกับเปลวไฟทำให้รู้สึกถึงการทำอาหารโดยใช้ฟืน ซึ่งเป็นอะไรที่ท้าทายเหมือนได้ทำอาหารจริงๆ เพราะไฟถ่านควบคุมความร้อนยาก ต้องใช้ใจและความรู้สึกที่แท้จริง!” ด้วยกรรมวิธีของการใช้ฟืนในการปรุง เป็นความดิบที่ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับการผสมผสานรสชาติกับความสวยงามและหรูหราของอาหาร “ชาววัง” โดยนำมาเล่าใหม่ในฉบับของ “วังโฌณ” โดยอาหารแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่ Grand Garden, Throne Room และ Bedchamber ทั้งหมด 9 เมนู เริ่มจาก ขนมครกไทยโกยากิ แป้งขนมครกบางกรอบใส่ซอสหมึกดำและปลาหมึกหอมย่าง ท็อปด้วยขิงอ่อนและเม็ดมะตูมแขกเพื่อเพิ่มความสดชื่น และเป็นการเปิดต่อมรับรสได้อย่างดีเยี่ยม ต่อด้วย ซูชิอย่างไทย ข้าวเหนียวชุบไข่ได้แรงบันดาลใจจากข้าวจี่ นำไปย่างไฟอ่อนๆ ให้ได้ความหอมจากกลิ่นฟืนเบาๆ กินคู่กับปลาเก๋าที่นำไปทำให้เป็นปลาส้ม มีรสเค็มอ่อนๆ แล้วห่อใบชะพลู หยิบกินเหมือนกับซูชิ จานต่อมาที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจทั้งรสชาติและได้รสต้มข่าที่แท้จริง ต้มข่าแห้งบ้านโอศถานนท์ เป็ดตุ๋นกับกะทิและข่าป่า หอมกลิ่นสมุนไพร ที่นำเสนอเป็นในรูปแบบต้มข่าแบบโบราณ ที่จะต้องมีน้ำพอขลุกขลิก เสิร์ฟพร้อมกุ้งแม่น้ำย่าง ก่อนกินบีบน้ำมะนาวเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความสดชื่น กินคู่กับพริกเผา พะแนงไก่ปิ้งใส่ทับทิม ปีกไก่สอดไส้ด้วยเครื่องพริกแกง นำไปย่างจนสุกและหอมกำลังดี ราดด้วยซอสพะแนงรสเข้มข้น กินกับมะละกอดิบดองและเมล็ดทับทิม ช่วยตัดเลี่ยน ถือเป็นอีกจานที่ผสมผสานรสชาติออกมาได้เป็นอย่างดี สำหรับอีกจานที่โดดเด่น และนำเสนอรสชาติได้อย่างน่าสนใจ แกงคั่วปูอย่างวังปัตตานี ปูเนื้อขาวสวย เนื้อหวานฉ่ำที่บ่งบอกถึงความสด เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำแกงรสเข้มข้นและร้อนแรง หอมเครื่องเทศ ได้สัมผัสกรอบนิดๆ จากก้านออดิบ หรือ พืชตระกลูบอนและข้าวหอมมะลิ ปิดท้ายจานขนมหวานสุดตื่นตาตื่นใจ เพชรบุรีชีสเค้กหม้อแกงเผือก ชีสเค้กหน้าไหม้เนื้อแน่น มาพร้อมกับการโชว์เบิร์นหน้าเค้ก ควันพุ่งออกมาอย่างน่าตื่นเต้น กินคู่กับครัมเบิลและซอสบลูเบอร์รี ได้สัมผัสกรุบกรอบและเปรี้ยวหวานนิดๆ เป็นการปิดมื้อได้อย่างสมบูรณ์ รสชาติอาหารไทยที่รังสรรค์ผ่านจินตนาการได้อย่างน่าประทับใจ

เรียกได้ว่าเป็นเรื่องราวดีๆ รับต้นปี 2024 เมื่อมีร้านอาหารไทยแห่งใหม่ KHAAN (ขาล) ของเชฟอ้อม-สุจิรา พงษ์มอญ เจ้าของรางวัล MICHELIN Young Chef Award 2021 ได้เปิดบ้านหลังใหม่พร้อมนำเสนออาหารไทยพื้นบ้านทั้ง 4 ภาค ผสมผสานระหว่างอาหารชาววังและสตรีทฟู้ดเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างน่าสนใจ ผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อเป็นการบอกเล่าถึงเรื่องราวของอาหารและวัฒนธรรมการกินของคนในแต่ละถิ่นให้ทุกคนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น ภายใต้บ้านหลังสีแดงอันโดดเด่น ดีไซน์อันเรียบหรูผสมผสานความเป็นไทยออกมาได้อย่างชัดเจน พร้อมกับป้ายชื่อร้านที่ตั้งจากปีนักษัตรของเชฟ “ปีขาล” และสื่อถึงการบอกเล่า “ขาน” ถึงความอร่อยและให้ทุกคนได้สนุกกับประสบการณ์กับอาหารไทยในแนวของเชฟออ้อม เพราะที่นีไม่ได้เสิร์ฟในแบบดั้งเดิม แต่ผ่านการปรุงรสชาติและใส่แนวคิดอย่างสร้างสรรค์ลงในแต่ละเมนูได้อย่างน่าประทับใจ จนออกมาเป็นเทสติ้งเมนูทั้ง 11 คอร์ส เริ่มด้วยอะมุสบุช 4 คำ ตัวแทนจาก 4 ภาค ที่เสิร์ฟมาบนรากไม้สวยงาม ภาคใต้ ไข่ตุ๋นแกงคั่วเนื้อปู เชฟนำเสนอแกงคั่วปูได้อย่าน่าสนใจ รสชาติเผ็ดถึงเครื่อง หอมกลิ่นสมุนไพร เรียกได้ว่าเปิดมื้อได้อย่างร้อนแรง สำหรับภาคตะวันออก หมูชะมวง เชฟรังสรรค์ได้แปลกใหม่หนังหมูนำมาทำให้กรอบบางกินคู่กับซอสชะมวง ภาคกลาง เมี่ยงดอกบัว ที่นำไอเดียจากขนมเค้กสาลี่จากจังหวัดสุพรรณบุรี และภาคเหนือปิดท้ายด้วยความสดชื่น สับปะรดภูแลเผาแช่น้ำทับทิมและเสาวรส เป็นการเปิดต่อมรับรสและเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี จานสุดประทับใจ หอยเชลล์ลาบเมือง เนื้อหอยเชลล์ดิบจากญี่ปุ่น เสิร์ฟกับซอสหอยแมลงภู่ผสมผักแพรวให้ความสดชื่นและเผ็ดชาอ่อนๆ กินคู่กับผักกาดก้านหอม หรือ โอซุ่น ได้ความสดชื่นเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี สำหรับจานอยากเล่าขานให้ทุกคนต้องมาลิ้มลองคือ ข้าวพันผัก จานพื้นบ้านจากจังหวัดอุตรดิตถ์คล้ายกับข้าวเกรียบปากหม้อ ทำจากข้าวสังข์หยดหมัก นำไปโม่แล้วนึ่งจนเป็นแผ่นแป้ง คลุมบนไส้หัวไชเท้าดรายเอจผัดกับพีนัตบัตเตอร์ มันแกว มันม่วง มันส้ม และเผือก ราดซอสขิงผสมกับใบหูเสือ ได้รสสดชื่นและเนื้อสัมผัสที่เข้ากันได้อย่างลงตัว ถัดมา ต้มข่าหอยนางรม เชฟนำต้มข่าสมัยก่อนมาบรรจบกับสมัยใหม่ได้อย่างน่าสนใจ หอยนางรม (Belon Oyster) เสิร์ฟในซุปเห็ดออริจิแช่กับเครื่องต้มข่า ท็อปด้วยโฟมหอยตะโกรมกรามขาว รสครีมมี ที่เชฟแนะนำว่าเวลากินให้ผสมกัน ระหว่างมื้อคั่นด้วย น้ำพริกอ่อง ที่เชฟตั้งใจเสิร์ฟแบบเย็นทำเป็นกรานิตามะเขือเทศ ได้กลิ่นและรสชาติของสมุนไพรอ่อนๆ เปรี้ยวนิด ช่วยล้างปากได้เป็นอย่างดี หลังจากที่ได้ล้างปากไปสักเล็กน้อยแล้วก็เริ่มจานหลักกับ แกงบุ่มไบ่ แกงโบราณตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่เชฟทำรสชาติออกมาได้อย่างเข้มข้น  กินคู่กับเนื้อแกะจากประเทศออสเตรเลียที่เชฟนำไปอบจนได้เนื้อสัมผัสที่ฟูกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวบาสมาติกหุงอย่างเทศ สีสันสวยงามเม็ดข้าวร่วนกำลังดี และต่อด้วยจานขนมหวาน ฟักท๊อง ฟักทอง เมนูขนมหวานที่มาพร้อมกับ Live Station ที่ใช้ทุกส่วนของฟักทองได้อย่างน่าสนใจ กินคู่กับไอศกรีมฟักทองและเนื้อฟักทองเชื่อม กลิ่นหอมมัน หวานกำลังดี ปิดท้ายด้วย Pettit four 4 คำ ได้ไอเดียมาจากทั้ง 4 ภาคเหนือ ข้าวดุกงาดำ ทำเป็นทรงบุหรี่กินคู่กับงาขี้ม่อน ภาคใต้ ขนมด้วงดอกดาหลา มาร์ชเมลโลรูปตัวหนอนกินคู่กับกลีบดอกดาหลา ลอดช่องแตงไทย น้ำกะทิ ทาร์ตข้าวเหนียวดำสอดไส้เผือกกวน ท็อปด้วยลอดช่องใบเตย มะปี๊ด ช็อกโกแลตจากจังหวัดระยอง สอดไส้เจลและแยมที่ทำมาจากส้มมะปี๊ด เป็นคอร์สอาหารไทยที่นอกจากจะได้ลิ้มรสความอร่อยแล้ว ยังได้เดินทางไปยังจังหวัดต่างๆ ทั้ง 4 ภาคอีกด้วย

เดินทางมาถึงสาขาที่ 3 กันแล้วสำหรับ Co-limited” ร้านอาหารอีสาน เนื้อย่าง สตรีทฟู้ด ของคุณหมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ห้องเสื้อ Asava แทกทีมกับคุณยูกิ ศรีกาญจนา เจ้าของแบรนด์ NARA Thai Cuisine ที่สายฟู้ดชื่นชอบ โดยสาขาใหม่นี้ตั้งอยู่ใน EMSPHERE ห้างฯ ใหม่ใจกลางกรุงฯ ย่านพร้อมพงษ์ ตัวร้านโดยเด่นด้วยสีสันสดใส อย่าง สีส้ม เหลือง เขียว และตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์ไทยเช่นเคย ขอเปิดด้วย ส้มตำ โคลิมิเต็ด ซิ่ง ให้คุณอร่อยกับส้มตำที่ชอบ เราเลือกตำไทยครบรส เสิร์ฟพร้อมคอหมูย่างหอมๆ ฉ่ำลิ้น ข้าวเหนียวนึ่ง และซอสแจ่วรสเด็ด ยำขนมจีน หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ที่ใครมาต้องลิ้มลอง ขนมจีนเหนียวนุ่ม รายล้อมด้วยเครื่องเคราต่างๆ อย่างแหนม หมูยอ ปลากรอบ กระถิน หอมแดง ก่อนกินราดน้ำยำรสเปรี้ยวเผ็ด และน้ำปลาร้ารสเค็มนัวลงไป ตามด้วย เนื้อย่าง ที่ทางร้านใช้เนื้อเซอร์ลอยน์ เนื้อสันนอกหมักอย่างดี ย่างบนเตาร้อนๆ จนส่งกลิ่นหอม ให้สัมผัสชุ่มฉ่ำ จิ้มซอสแจ่วรสเปรี้ยวเผ็ด ก้ามปูอบวุ้นเส้นไข่ปู เมนูใหม่แกะกล่องของทางร้าน วุ้นเส้นเหนียวนุ่ม อบพร้อมก้ามปูทะเลชิ้นโต เนื้อแน่นหวาน และไข่ปูมหาศาลที่เรารัก เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด   กุ้งแม่น้ำจัมโบ้อบวุ้นเส้นไข่ปู จานนี้ทำเอาสายฟู้ดน้ำลายสอไปตามๆ กัน กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่เนื้อแน่น มันกุ้งเยิ้มๆ ครีมมี เข้ากันดีกับวุ้นเส้นอบ และน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน ตามด้วย เล้งหมู กระดูกหมูเนื้อเปื่อยนุ่ม อยู่ในน้ำซุปน้ำตกรสเข้มข้น กินกับข้าวสวยร้อนๆ เข้ากัน ของหวานต้องนี่เลย ลอดช่อง ลอดช่องโฮมเมดเนื้อนุ่ม หอมกลิ่นใบเตย เสิร์ฟเคียงขนมปังชิ้นหนา ราดน้ำตาลโตนดรสหวานนุ่มนวล ตบท้ายด้วย มะตูมน้ำผึ้งโซดา ได้รสหวานฉ่ำ ซาบซ่าเต็มพิกัด

นักชิมคนไหนไปเดินเที่ยว Emsphere (BTS พร้อมพงษ์) แล้วอยากชิมอาหารไทยรสเลิศ เราแนะนำ “NARA Thai Cuisine” ร้านอาหารไทยตำนานกว่า 20 ปีที่เปิดทำการตั้งแต่พ.ศ. 2546 ของคุณยูกิ-นราวดี ศรีกาญจนา โดดเด่นเรื่องการใช้วัตถุดิบคุณภาพ ปรุงรสจัดจ้านตามสไตล์อาหารไทยดั้งเดิม และจัดจานออกมาให้สวยงามน่าลิ้มลอง โดยที่สาขานี้จะเน้นเสิร์ฟเมนูดาวเด่นเท่านั้น แต่ก็ยังมีของหวานและเครื่องดื่มไว้เอาใจสายหวานนะ ต้อนรับด้วย ข้าวปูผัดผงกะหรี่ เมนูเด่นดังประจำร้าน ปูก้อนเนื้อหวานปริมาณล้นๆ ผัดพร้อมเครื่องเคราและซอสกะหรี่รสกลมกล่อม กินพร้อมข้าวสวยอิ่มเอม ตามด้วย ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้งแม่น้ำย่าง เส้นเหนียวนุ่ม ซู้ดพร้อมน้ำซุปต้มยำรสจัดจ้าน ได้ความเปรี้ยวและเผ็ดกำลังดี ท็อปด้วยกุ้งแม่น้ำตัวโตเนื้อแน่น มันเยิ้มๆ ข้าวผัดแกงเขียวหวานเนื้อ ข้าวสวยเรียงเผ็ด ผัดพร้อมเครื่องแกงเขียวหวานสูตรเฉพาะของร้านนารา รสเข้มข้นพอเหมาะ เข้ากันดีกับเนื้อย่างชุ่มฉ่ำ ผัดไทยไก่กรอบ ผัดไทยครบรส บีบมะนาวซีกเล็กน้อย ไปด้วยกันได้ดีกับหนังไก่กรอบไม่อมน้ำมัน Mango Mango เซ็ตขนมหวานสำหรับคนรักมะม่วงโดยเฉพาะ ประกอบด้วยข้าวเหนียวมะม่วงรสหวานมัน และสมูตตี้มะม่วงรสหวานฉ่ำ ปิดท้ายด้วย ชาไทย เครื่องดื่มโดนใจใครหลายคน ตัวชาจะมีรสเข้มกลิ่นหอมฟุ้ง ผสมนมข้นและนมสดครีมมี จิบเพลินไปเลยงานนี้

The Deck by Arun Residence ร้านอาหารไทยที่สามารถพาคนรู้ใจหรือครอบครัวไปนั่งชิล ชมวิวสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมมองพระปรางค์วัดอรุณฯ ได้แบบไม่รู้เบื่อ The Deck by Arun Residence ถือเป็นร้านอาหารไทยในตำนาน เพราะทำหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยอาหารไทยรสดั้งเดิมมาเป็นเวลานานกว่า 17 ปี แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือทางร้านได้เพิ่มลิสต์เมนูใหม่เข้ามา เน้นเสิร์ฟเป็นอาหารไทยฟิวชัน เพื่อที่จะตอบโจทย์ลูกค้าให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เมนูแนะนำได้แก่ พล่าปลาแซลมอน มะม่วงเปรี้ยวชุบแป้งทอดกรอบ กินคู่แซลมอนหั่นเต๋าทอด และน้ำยำรสจัดจ้าน พิซซาผัดกะเพราหมูอบน้ำผึ้ง พิซซาแป้งบางที่อบจนกรอบ แต่งหน้าด้วยคอหมูเนื้อนุ่ม ได้รสเค็มมันจากชีส และหอมกลิ่นใบกะเพรา ต่อด้วย ทอดมันหอยหวาน ทอดมันชิ้นโตทอดแบบไม่อมน้ำมัน ให้รสเค็มและเผ็ดเล็กน้อย แต่หอมกลิ่นเครื่องแกงชัดเจน ตัดรสเปรี้ยวหวานด้วยน้ำจิ้มรสเด็ด หรือจะสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มากินคู่กันก็อร่อยไม่น้อย นอกจากอาหารจะรสเลิศแล้ว ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในพิกัดห้ามพลาดของคนรักการถ่ายภาพ ด้วยบรรยากาศริมแม่น้ำที่เป็นเดสติเนชันยอดฮิต เพราะตัวร้านตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดอรุณฯ ทำให้ทุกคนสามาถถ่ายรูปคู่กับพระปรางค์วัดอรุณฯ ได้แบบ 180 องศาทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ และด้านบนสุดยังมีรูฟท็อปบาร์ให้นั่งรับลมเย็นๆ ได้อีกด้วย

ส่งท้ายปี 2023 อย่างสวยงามด้วยการพาคนสำคัญไปเช็คอินที่ “Supanniga Eating Room สาขาท่าเตียน” (MRT สยามไชย) ร้านอาหารไทยตำรับ 80 ปี ของคุณธนาวลัย เหล่าเราวิโรจน์ หลานสาวผู้ได้แรงบันดาลใจ และสูตรอร่อยมาจากคุณยาย สมศรี จันทรา หญิงสาวชาวจังหวัดตราดที่รักการทำอาหารอย่างยิ่งยวด ก่อนย้ายไปอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดขอนแก่น แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ทิ้งเรื่องงานในครัว เพราะความสุขของคุณยายคือการได้ทำอาหารให้ลูกหลานชิม ลิ้มลองอาหารไทยโฮมคุกที่มีกลิ่นอายของภาคตะวันออกและภาคอีสาน รื่นรมย์กับบรรยากาศสบายๆ อบอุ่นราวกับได้มากินมื้ออร่อยที่บ้านเพื่อน เฟอร์นิเจอร์หลากสีสัน ทั้งสีเหลืองที่สื่อถึงดอกสุพรรณิการ์ สีส้มอิฐของเครื่องปั้นดินเผา และสีฟ้าเย็นๆ ของแม่น้ำ ตกแต่งด้วยไหมมัดหมี่ของดีแห่งแดนอีสาน เข้ากันกับวิวแสนสวยของแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาว ที่กระทบแสงพระอาทิตย์จนส่องประกายระยิบระยับงดงามราวกับภาพวาด เรียกน้ำย่อยด้วย ชุดอาหารทานเล่นสุพรรณิการ์ ที่รวมของว่างสไตล์ไทยหากินยากมาไว้ในจานเดียว ได้แก่ ม้าฮ้อ ส้มเขียวหวานกินพร้อมตัวไส้รสหวานเค็ม เมี่ยงหยอง ใบชะพลูห่อหมูหยอง ส้มสด มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง ราดน้ำตาลอ้อยเคี่ยวรสหวานกลมกล่อม และ ข้าวตังน้ำพริกกากหมู ข้าวตังโฮมเมดกรุบกรอบ จับคู่น้ำพริกกากหมูสูตรเด็ดของร้าน ตามด้วย กะหล่ำทอดน้ำปลาดี กะหล่ำปลีทอดอย่างดีส่งกลิ่นหอม ราดน้ำปลาโฮมเมดสูตรเฉพาะของจังหวัดตราด หมูชะมวง เมนูเด็ดของร้าน เนื้อหมูสามชั้นนุ่มๆ เคล้าเครื่องแกงรสเปรี้ยวผสมเค็ม มีความหวานเล็กๆ และความเผ็ดร้อนจากพริกไทย ซดน้ำซุปร้อนๆ กันกับ ต้มข่าปลากะพงมะพร้าวอ่อน ปลากะพงเนื้อสดแน่น อยู่ในน้ำซุปต้มข่ารสนุ่มนวล ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเนื้อมะพร้าว จานนี้โดนใจหลายคน ผัดไทยกุ้งสด เส้นจันท์เหนียวนุ่ม ผัดพร้อมน้ำซอสมะขามรสเข้มข้น ไม่ต้องปรุงก็อร่อย ท็อปด้วยกุ้งเนื้อหวานตัวโตๆ ล้างปากด้วย ข้าวเหนียวมะม่วง มะม่วงสุกน้ำดอกไม้รสหวานฉ่ำ เสิร์ฟเคียงข้าวเหนียวมูนโฮมเมด ราดกะทิรสเค็มนิดๆ ส่วนเครื่องดื่มเราชี้เป้า ส้มจี๊ดฟี๊ด ม็อกเทลดาวเด่นประจำร้าน ได้รสเปรี้ยวซาบซ่าจากน้ำส้มจี๊ดสด และน้ำแร่สปาร์กลิง และ ชาใจเย็นเย็น สีฟ้าแสนสวยนี้ทำมาจากดอกอันชัญ ชาคาโมมายล์ และชาเปปเปอร์มินต์ จิบแล้วเย็นใจเสียนี่กระไร

ใครเป็นแฟนคลับ  “The Siam Tea Room” ร้านอาหารไทยโมเดิร์นและเบเกอรี่ชื่อดังจากโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ต้องปลื้มใจ เพราะตอนนี้ทางร้านได้ขยายสาขาใหม่ไปที่โครงการ Asiatique The Riverfront บ้านสีขาวสไตล์เฮอริเทจหลังงามติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในโอ่อ่าด้วยผนังสีขาวและกระจกใส ชั้นสองเป็นห้องรับรองที่มีทั้งพื้นที่จัดงานเลี้ยง ห้องไพรเวทส่วนตัว และโต๊ะนั่งริมระเบียงที่มองเห็นวิวปังๆ ทั้งสวนสวยร่มรื่นและแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาว ในส่วนของอาหาร The Siam Tea Room สาขา เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ ได้ เชฟอ้น - อนุกูล พูลพิพัฒน์ หัวหน้าเชฟแผนกอาหารไทยประจำโรงแรมฯ ที่มีประสบการณ์ทำอาหารไทยมากว่า 10 ปี มานำทีมความอร่อย โดยเชฟจะใช้วัตดุดิบท้องถิ่นของไทย บวกกับสูตรอาหารประจำบ้านของตัวเอง ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย ดัดแปลงเป็นสไตล์ของเชฟอ้อน จนกลายเป็นอาหารไทยโมเดิร์นรสอร่อยและหน้าตาดีในที่สุด เรียกน้ำย่อยด้วยของกินเล่นขายดีอย่าง เปาะเปี๊ยะทอดสอดไส้กุ้ง ทอดร้อนจี๋ ได้รสชาติความหวานของกุ้งตัวอวบ บวกกับแป้งปอเปี๊ยะกรุบกรอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มบ๊วยรสหวาน หมูสะเต๊ะ ของว่างสไตล์ไทยที่ใครๆ ต่างก็หลงรัก หมูเนื้อนุ่มหอมกลิ่นขมิ้นอ่อนๆ กินกับน้ำจิ้มอาจาด และขนมปังปิ้ง ต่อด้วย ยำส้มฉุนปลาสลิดฟู ยำส้มฉุนสูตรคุณยายรสเปรี้ยวอมหวาน เสิร์ฟเคียงปลาสลิดฟูกรุบกรอบ ไม่อมน้ำมันแต่อย่างใด และหมูหวานรสกลมกล่อม ต้มยำปลากะพงน้ำใส ก็เข้าที่ ปลากะพงเนื้อสดแน่น อยู่ในน้ำซุปต้มยำรสเปรี้ยวเผ็ด เสิร์ฟมาในห้อไฟร้อนฉ่า ข้าวซอยปูนิ่ม หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน เส้นสดเหนียวนุ่ม เข้ากันดีกับน้ำแกงข้าวซอยรสเข้มข้น ได้ความหอมมันจากหัวกะทิชั้นดี ท็อปด้วยเนื้อปูชิ้นใหญ่ และปูนิ่มกรอบนอกนุ่มใน ตัดเลี่ยนด้วยเครื่องเคียงแสนอร่อย ซี่โครงหมูอบข้าวคั่วน้ำจิ้มแจ่ว ซี่โครงหมูชิ้นโตๆ เนื้อนุ่มร่อนเพราะผ่านการอบอย่างดี ทาด้วยซอสสูตรเฉพาะรสเค็มเผ็ดเล็กๆ จิ้มน้ำจิ้มแจ่วมะขาวรสจัดจ้านพอดี ของหวานเราสั่ง ขนมปังสังขยาใบเตย ขนมปังหนานุ่มปิ้งให้หอม ราดสังขยาใบเตยสูตรเฉพาะของทางร้าน รสหวานมันแบบจุใจ ตกแต่งด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน และ กล้วยไข่ไอศกรีมชาไทย กล้วยไข่ชุบแป้งทอด ไปด้วยกันได้ดีกับไอศกรีมชาไทยรสสดชื่น และซอสคาราเมล ไว้คราวหน้าจะมาลองเมนูใหม่ๆ อีกแน่นอน

'กิ๋น-ก่อ' ไม่ได้เป็นแค่ชื่อร้าน แต่เป็นคำเชิญชวนด้วยใจที่อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนได้รับประทานอาหารเหนือฝีมือคุณแม่ของเจ้าของร้าน รังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างประณีตก่อนส่งตรงเข้ามายังเมืองกรุง ในซอยสวนหลวง 1 หรือ ซอยจุฬา 12 กลิ่นอายของภาคเหนือไม่ได้ถูกถ่ายทอดผ่านเมนูอาหารเท่านั้น เพราะบรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติ เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อมอบความอบอุ่นให้แก่แขกของลูกชาย(เจ้าของร้าน) ให้สัมผัสได้ถึงความเป็นอยู่ภายใต้ความสงบและเป็นกันเอง เหมือนได้ไปเที่ยวที่บ้านเพื่อนชาวเหนือ ส่วนรายการอาหารล้วนเป็นเมนูพื้นบ้านสูตรเฉพาะของครอบครัว ทุกจานเสิร์ฟพอชชันใหญ่ ให้รสชาติเข้มข้น และอัดแน่นไปด้วยเครื่องแบบไม่มีกั๊ก เพราะทางร้านถือคติที่ว่า 'ทุกคนที่เข้ามากินข้าวในบ้านเรา จะต้องอิ่มท้องกลับไป' แนะนำ ขนมจีนน้ำเงี้ยว มีความหอมเป็นเอกลักษณ์จากเครื่องเทศ ให้รสชาติเค็ม เผ็ด และเปรี้ยว เสิร์ฟมาพร้อมท็อปปิงแบบไม่ยั้ง ข้าวซอยไก่เส้นอุด้ง น้ำแกงสีเหลืองสวยจากพริกแกงเหลือง ให้เนื้อสัมผัสเนียนละเอียดแต่มีรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นกะทิอบอวลในปาก กินคู่น่องไก่ชิ้นใหญ่และเส้นอุด้งเหนียวนุ่ม และ ข้าวซอยผัดแห้งเนื้อวากิว เส้นชาโคลราดน้ำข้าวซอยพอขลุกขลิก ท็อปด้วยเนื้อวากิวและไข่กุ้ง ได้ความหอมมันจากโฟมกะทิ และเพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้วยบะหมี่กรอบให้เคี้ยวเพลินๆ ตัดเลี่ยนด้วย น้ำลิ้นจี่โซดา และ ยูซุโซดา มีความหอม หวาน และเปรี้ยว เติมความสดชื่นได้ดีมาก บอกเลยว่ามื้อนี้ลำขนาด!