ในมุมเล็ก ๆ ท่ามกลางตึกสูงในย่านเพลินจิต ใจกลางกรุงเทพมหานคร Thai Niyom Cuisine หรือ ‘ไทยนิยม’ คือหนึ่งในพิกัดร้านอาหารไทยที่ไม่ควรพลาด ไม่ใช่แค่เป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติเท่านั้น ที่นี่ยังได้รางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ จากคู่มือมิชลินไกด์ ประจำประเทศไทยมาแล้ว 5 ปีซ้อน ด้วยแนวคิดหลักของร้านที่นำเอาอาหารตำรับท้องถิ่นจากทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทยมารวมกันไว้ในที่เดียว ในเมนูอาหารของไทยนิยมจึงมีตั้งแต่อาหารเหนือจรดใต้ ยิ่งไปกว่านั้นคือการเฟ้นหาวัตถุดิบที่ขึ้นชื่อที่สุดมาใส่ไว้ในจานอาหาร เพื่อให้ได้รสชาติแบบคนไทยนิยมอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น กะปิเคยตาดำคลองโคลน กระเทียมศรีสะเกษ หรือแม้แต่พริกแห้งจากสกลนคร บรรยากาศภายในร้านแฝงไปด้วยความสนุกสนานในกลิ่นอายไทยโมเดิร์น ประดับประดาไปด้วยของกระจุกกระจิกเช่น หัวโขนขนาดจิ๋ว ธงสีเหมือนอยู่ในเทศกาลงานวัด และชิงช้าสวรรค์ขนาดจำลอง สำหรับเมนูแรก เริ่มต้นที่อาหารเหนือก่อนกับ เชียงใหม่คอมโบ ขันโตกขนาดย่อม ที่จัดเต็มกับของเด็ดจังหวัดเชียงใหม่ ได้แก่ ไส้อั่ว เผ็ดร้อนจัดจ้านครบเครื่องสมุนไพร หมูทอดกาดหลวง หอมกลิ่นกระเทียมพริกไทยพร้อมด้วยน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง และแคปหมู ต่อกับ ข้าวซอยไก่ ที่โดดเด่นด้วยน้ำซุปกะทิเข้มข้น หอม มัน สมฐานะของเมนูซุปที่คนทั่วโลกชื่นชอบ มาพร้อมกับเส้นเหนียวนุ่มและไก่น่องโต เพิ่มเครื่องเคียงอย่างผักกาดดอง หอมแดง พริก หอมเจียว และบีบมะนาว เพิ่มรสชาติได้ตามใจชอบ มาสู่เมนูยำที่ไม่เหมือนใครกับ ยำอะโวคาโด้ ที่เป็นการจับคู่ระหว่างเนื้อครีมมี่ของอะโวคาโด้ เข้ากับรสชาติจัดจ้าน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด และแฝงไปด้วยความสดชื่นของน้ำยำน้ำตาลเคี่ยว จุดเด่นของจานนี้ยังอยู่ที่กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง และปลาจิ้งจ้างแห้ง ที่มาช่วยเสริมอรรถรส ให้เคี้ยวสนุกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ลงมาทางใต้กันบ้างกับเมนู หมูสามชั้นผัดเคยเค็ม อาหารท้องถิ่นของจังหวัดภูเก็ต รสชาติเค็มเปรี้ยวจากเคยเค็มที่ผัดคลุกเคล้าเข้ากับหมูสามชั้นหั่นบางกำลังดี พอให้เคี้ยวเพลินทั้งสัมผัสของเนื้อและหนัง ผสานด้วยกลิ่นหอมใบมะกรูด แนะนำให้บีบมะนาวเพื่อเพิ่มความหอมและรสเปรี้ยวที่มีมิติมากยิ่งขึ้น สำหรับใครที่ชอบของ (กลิ่น) แรง ต้องเจอกับ ผัดสามฉุน วุ้นเส้นผัดไข่ที่ประกอบไปด้วยของกลิ่นแรง 3 อย่าง ได้แก่ ชะอม สะตอ และกระเทียมโทนดอง เพิ่มพริกเข้าไปเล็กน้อย ถึงจะมีกลิ่นฉุนสมชื่อแต่กลับให้รสชาติที่เป็นมิตร มีความกลมกล่อมแบบกลาง ๆ ไม่เผ็ด ไม่เค็ม หรือไม่หวานจนเกินไป ส่วนของเครื่องดื่มที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน ต้องยกให้กับ ชาไทยมะพร้าวเผา ชาไทยสีส้มที่ขึ้นชื่อมาพร้อมกับน้ำมะพร้าวเผารสหวานเบา ๆ จากธรรมชาติ ได้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์จากทั้งชาและน้ำมะพร้าวผสมผสานกันอย่างลงตัว กลายเป็นชาไทยที่ได้ความพิเศษไม่เหมือนใคร ส่วนอีกแก้วหนึ่งคือ น้ำใบเตย ที่ทางร้านต้มเอง มาพร้อมไซรัปใบเตยแก้วเล็ก ๆ ให้เสริมความหวานได้ตามใจชอบ นับเป็นร้านอาหารที่อัดแน่นด้วยเมนูที่คนไทยนิยมสมชื่อจริง ๆ

พลพรรคนักชิมคนไหนแวะมาเที่ยวอำเภอหัวหินแล้วอยากกินมื้อเย็นสไตล์อิตาเลียนหรือไทย เราขอเชิญชวนไปที่ “Figs Restaurant” ร้านอาหารไทย-อิตาเลียนแห่งโรงแรมไฮแอท รีเจนซี หัวหิน ที่รวมความอร่อย 2 สไตล์มาไว้ที่เดียว ให้สายฟู้ดได้อร่อยกับอาหารไทยรสจัดจ้าน และอาหารอิตาเลียนรสเข้มข้นที่รังสรรค์จากเชฟสัญชาตินั้นๆ ต้อนรับด้วย Focaccia ขนมปังในแบบฉบับอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด เสิร์ฟพร้อมน้ำมันมะกอก เกลือและพริกไทย ตามด้วย ยำส้มโอ อาหารเรียกน้ำย่อยไทยโบราณรสชาติคุ้นเคย ส้มโอรสเปรี้ยวอมหวานคลุกเคล้ากับเครื่องเคลาต่างๆ มีกุ้งตัวโตเนื้อหวานอยู่ด้วย สามชั้นทอดน้ำปลา ของโปรดเราเลย สามชั้นทอดกรอบๆ เสิร์ฟคู่น้ำจิ้มหวานและน้ำจิ้มแจ่ว Burratina di Hua Hin Pesto Trapanese ชีสบูราต้าทำเองรสหอมมัน เคล้าไปกับน้ำมันมะกอก มะเขือเทศเชอร์รีและสมุนไพรต่างๆ Cotoletta alla Milanese ของว่างสไตล์อิตาเลียนแสนอิ่มเอม ลูกกลมๆ สีเหลืองทองนี้คือเนื้อหมูผสมกับมันบดและชีสพาร์เมซานครีมมี ต่อด้วย Crema di funghi ซุปครีมเห็ดรสหอมมัน เข้ากันดีกับขนมปังซาวร์โดปิ้งเกรียมๆ สาวกพาสตาต้องปลื้ม Ravioli Tagliolini Aalla Zucca ราวิโอลีสอดไส้ซอสฟักทอง ผัดพร้อมซอสครีมหอมมัน ยังมีจานซิกเนเจอร์อย่างStracciatella Prosciutto E Fichi พิซซาแป้งบางกรอบสไตล์โฮมเมดเสิร์ฟร้อนๆ ทาซอสมะเขือเทศสูตรลับ ท็อปด้วยลูกฟิกซ์ พาร์ม่าแฮม ใบร็อกเก็ต และชีสต่างๆ อย่าง พาร์เมซานและมอซซาเรลล่า อย่าเพิ่งอิ่มเพราะยังมี Pork Chop หมูติดกระดูกชุบแป้งทอดหอมๆ กินคู่กับมันบดเนื้อเนียนและซอสอะโวคาโดครีมมี ปลาเก๋าราดพริก ปลาเก๋าเนื้อแน่นหวาน ทอดอย่างดีไม่อมน้ำมัน ผัดพร้อมพริกสดร้อนแรง เข้าคู่ข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเลย ปิดท้ายด้วยขนมหวานอย่าง Tiramisu ของหวานสไตล์อิตาเลียนที่สายหวานเลิฟ ขนมเลดี้ฟิงเกอร์ชุ่มกาแฟ สลับชั้นกับชีสมาสคาโปนหอมมัน โรยหน้าด้วยผงโกโก้ ก่อนท็อปด้วยคุกกี้กาแฟกรุบกรอบ และ ขนมหม้อแกง จากเจ้าดังย่านเพชรบุรี รสหวานมันกำลังดี เข้าคู่กับหอมเจียว

ครัววันสุข เป็นร้านที่อิ่มตัวแตก แต่ก็อยากสั่งเพิ่มเรื่อยๆ เมนูเป็นอาหารพื้นบ้านและกับข้าวไทยโบราณจากวัตถุดิบหลักอย่างปลาพื้นถิ่น ปลาบางชนิดหากินยากมากแต่มาร้านนี้ไม่ผิดหวัง นำมาปรุงด้วยสูตรของบ้านที่ถึงเครื่องครบรส จนหลายคนยกให้เป็นร้านห้ามพลาดประจำจังหวัดชลบุรี คุณศักดา วันสุข เจ้าของร้านมาดเท่ เมนูจัดว่าเด็ด อาทิ ชุดคู่รัก แกงคั่วหอยหวานใบชะพลูที่มีดีกรีความเข้มข้นร้อนแรง จับคู่กับปลาทูหอมทอด ตัวใหญ่มันเยอะ ผิวนอกสุกเหลือง เนื้อแน่นหอมมัน ถือเป็นเนื้อคู่ที่เหมาะเจาะลงตัว ข้าวผัดวันสุข ข้าวผัดกับน้ำพริกเผา ใส่กุ้ง หมึก ไข่เค็ม ท็อปด้วยปลาทูหอมฟู กรุบกรอบเค็มมัน ตัดเลี่ยนด้วยผักพื้นบ้านรสเปรี้ยวอย่างใบชะมวงกับใบมะตูมแขก หมึกต้มน้ำดำ จำเพาะเจาะจงว่าต้องเป็นหมึกกะตอยจากเรือเล็กเท่านั้น เพื่อให้คงความสดไว้จนกว่าจะถึงปากลูกค้า จึงมีขายเป็นบางวัน หมึกเคี้ยวหนึบไร้กลิ่นคาว รสชาติเค็มหวาน ผสานกันอย่างลงตัว แกงไก่ลูกกล้วย อาหารพื้นบ้านหนองปรือ ปรุงคล้ายแกงป่า ใส่กล้วยน้ำว้าดิบที่เคี้ยวแล้วหนึบหนับกำลังดี เป็นเมนูแปลกลิ้นแต่ฟินมาก กินกับข้าวคั่วดอกเกลือเข้ากันที่สุด เมี่ยงลาบปลา ปลากระพงแดงทะเลคั่วจนแห้ง คลุกเคล้ากับสมุนไพรคั่ว กลิ่นหอมรัญจวนใจ เสิร์ฟพร้อมผักพื้นบ้านหากินยาก Cherry Blossom เห็นร้านบ้านๆ แต่ม็อกเทลอลังการอย่าบอกใคร นี่แค่เมนูเปิดตัว ยังมีให้ลองอีกหลายสูตร เด็ดๆ ทั้งนั้น อิ่มตัวแตกถ้วนหน้าล่ะงานนี้!

เพราะอาหารจากภาคตะวันออกมีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่แพ้ที่ไหน คุณสี่รัก คุณสุนิสา และคุณบุสรา 3 เพื่อนรักจึงยกความอร่อยมาไว้ใจกลางกรุงเทพ คุณสี่รักเล่าย้อนไปว่าเป็นคนจันทบุรีโดยกำเนิด (และเป็นเจ้าของโรงแรมมณีจันท์) ในช่วงวันหยุดเพื่อนๆ แวะไปเที่ยวที่บ้านอยู่เสมอเพราะติดใจในรสชาติของอาหารท้องถิ่น เมื่อมีโอกาสเปิดร้านในกรุงเทพฯ ทั้ง 3 คนจึงยกเมนูและวัตถุดิบขึ้นชื่อจากภาคตะวันออก ทั้งชลบุรี จันทบุรี ระยอง ตราด รวมถึงเมนูของชาวชอง ชนพื้นเมืองจันทบุรีมาไว้ด้วยกันเช่นเดียวกับคอนเซ็ปต์ร้าน Delicacy from the east  เริ่มมื้อนี้ด้วยต้มมะละกอ ซุปใสคล้ายกับต้มยำแต่กลมกล่อม ไม่เผ็ดร้อน ได้รสหวานจากมะละกอ และรสเปรี้ยวเล็กน้อยจากระกำ ใส่เร่วหอม สมุนไพรเมืองจันท์เพิ่มกลิ่นหอมให้ซดได้จนหมดชาม ตามด้วยเส้นจันท์ผัดปู เส้นจันท์เหนียวนุ่มเคลือบด้วยซอสผัดไทยสีสวยจากเครื่องแกงตำเอง ได้รสหวานละมุนจากน้ำตาลอ้อย ปรุงรสด้วยน้ำปลาจากจังหวัดตราด มาแล้วไม่สั่งเมนูผลไม้ก็เหมือนมาไม่ถึง แนะนำยำสละ ผลไม้ขึ้นชื่อเคล้ากับน้ำยำและอาหารทะเลสด กินแล้วสดชื่น ส่วนเมนูไฮไลต์คือข้าวคลุกพริกเกลือทะเลรวม การรวมตัวของกุ้ง ปลาหมึก กั้ง เคียงด้วยหมูแดงซึ่งเป็นของอร่อยของเมืองจันท์และเกี๊ยวปลาแป้งบางจากระยอง เสิร์ฟพร้อมน้ำพริก 3 อย่างคือน้ำพริกเกลือ (หรือน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบภาคตะวันออกที่ตำโดยใส่พริกกับเกลือลงไปก่อน) น้ำพริกปูไข่ที่ใช้ไข่ปูทะเล เข้มข้นหอมมัน และน้ำพริกกะปิที่ใช้กะปิดังจากเมืองจันท์ นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มอย่างน้ำมะปี๊ด และไอศกรีมทำเองที่มีถึง 19 รสชาติ รวมถึงผลิตภัณฑ์คัดสรรจากชุมชนที่ให้ซื้อกลับบ้านได้ แบบไม่ต้องขับรถไปถึงจันทบุรี

วิลาศ VILAS โลกคู่ขนานของอาหารไทยแนวใหม่ โดยเชฟปริญญ์ ผลสุข ที่ยังคงคอนเซ็ปร้านอาหารไทยโบราณ แต่นำเสนอในรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานความสมัยใหม่เข้าไปสอดแทรกในอาหาร ตามความหมายของชื่อร้าน วิลาศ หมายถึง ที่เป็นของยุโรป ซึ่งเป็นคำที่ชาวอินเดียในสมัยก่อนเรียกชาวตะวันตกโดยเฉพาะชาวอังกฤษ และวิลาส ที่แปลว่า งามอย่างมีเสน่ห์ ร้านตั้งอยู่ในตึกมหานครคิวบ์ เดสติเนชั่นแห่งใหม่ของร้านอาหารชื่อดังกลางเมืองหลวง ภายในร้านตกแต่งคลุมโทนสีแบบมินิมอล เฟอร์นิเจอร์จักสานสไตล์ญี่ปุ่น มีเคาเตอร์บาร์สำหรับนั่งกินและได้พูดคุยกับเชฟอย่างใกล้ชิด รวมถึงห้องอาหารแบบไพรเวทโซนอีกด้วย เมนูของร้านแม้จะเป็นชื่อไทยตามตำราโบราณแต่วัตถุดิบที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นของญี่ปุ่น ตามแนวคิดของเชฟที่ต้องการนำอาหารต่างประเทศซึ่งคนสมัยนี้นิยมมาสอดแทรก และให้ความรู้สึกเสียดสีประชดประชันพร้อมกันไปด้วย เมนูเรียกน้ำย่อย ขนมเบื้องวิลาศ แผ่นแป้งขนมเบื้องวางเสิร์ฟอยู่บนเครื่องปั้นดินเผารูปทรงคล้ายขนมบาแก๊ตของฝรั่งเศส เสิร์ฟพร้อมตับปลาต้มเค็มที่นำไปซูวีดจนเนื้อนุ่ม กินคู่กับเมล็ดทองหยอดจิ๋วเหมือนไส้หวาน และกระฉีกมะพร้าวอ่อนแทนไส้เค็ม เมนูที่น่าตื่นเต้นไม่แพ้กัน เมี่ยงไข่หอยเม่น ล้อเลียนมาจากเมี่ยงคำ เสิร์ฟบนกลีบบัวหลวงสีม่วงที่มีใบโอบะใช้ห่อมะพร้าวคั่วหอมและเครื่องสมุนไพรต่างๆ  มีไข่หอยเม่นญี่ปุ่นหรืออุนิของชื่นชอบยอดนิยมราคาแพงของคนสมัยนี้วางอยู่บนหน้า เมื่อเคี้ยวรวมกันแล้วจะสดชื่นจากกลิ่นน้ำส้มซ่า เมนูนี้วางเสิร์ฟอยู่บนแผ่นสแตนเลสที่มีร่องคล้ายแผ่นสังกะสี ชวนให้คนกินคิดว่าเชฟอยากจะล้อเลียนหรือเสียดสีอะไรอยู่ ฉู่ฉี่ปลาไหลย่าง ปลาไหลญี่ปุ่นตั้งชื่อตามการย่างปลาที่มีมีเสียงฉู่ฉี่ แต่เคลือบเนื้อปลาด้วยซอสน้ำปลาหวานที่ทำจากน้ำส้มมะขาม น้ำตาลปี๊บของไทย โรยหอมเจียว มะกรูดซอย และพริกชี้ฟ้าซอยทอดกรอบ   และยังมีแกงกะหรี่ไทข้าวมัน (ไท แปลว่า อิสระ) แกงกะหรี่ที่ไม่ใส่ผงกะรี่ แกงกับแก้มวัวตุ๋น กินกับข้าวมันกะทิที่หุงด้วยข้าวญี่ปุ่น ผักดองเกสรแชมพูมะเหมี่ยวและมะเฟือง ของหวานที่พลาดไม่ได้ ไอศกรีมขนมครก ผิวนอกเป็นแป้งขนมครกกรอบนอกสอดไส้ด้วยไอศกรีมกะทิหอมมัน เมนูอาหารไทยแนวใหม่ที่นักกินไม่ควรพลาดโดยเฉพาะแฟนคลับเชฟปริญญ์  

อิ่มเอมกับหลากหลายเมนูอาหารเช้าที่ WH Cafe คาเฟ่น้องใหม่ในเครือร้านอาหารไทยไฟน์ไดน์นิ่ง Wang Hinghoi (วังหิ่งห้อย) ที่เน้นเสิร์ฟเมนูสไตล์ All Day Breakfast เป็นหลัก การันตีความอร่อยด้วยรสมือเชฟจากวังหิ่งห้อย โดยเน้นการใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี บรรยากาศภายในร้านเต็มไปด้วยความสดชื่นจากต้นไม้น้อยใหญ่ซึ่งมาจากคอนเซ็ปต์ Delicious By Nature เปรียบเสมือนการจำลองป่าขนาดย่อมมาไว้ที่แห่งนี้ เมื่อบวกกับแสงธรรมชาติที่ทะลุผ่านเพดานกระจกฝ้าบานใหญ่ลงมาสู่ตัวร้าน ยิ่งชวนให้รู้สึกอบอุ่น ร่มรื่นสบายตา เริ่มด้วย Cloudy Egg Benedict (420.-) เมนูอาหารเช้าซิกเนเจอร์ที่ประกอบไปด้วย ไข่เบเนดิกต์ที่นำไข่ขาวไปตีจนขึ้นฟูสวยงามคล้ายก้อนเมฆ ท็อปมาบนอิงลิชมัฟฟินสัมผัสนุ่มหนึบ เสิร์ฟพร้อมไส้กรอกหมู เบคอนกรอบ ถั่วขาวในซอสมะเขือเทศ ผักย่าง และผักสลัด ต่อที่ Tomatoes Ricotta Toast (300.-) ขนมปังซาวร์โดทาสเปรดด้วยริคอตต้าชีส กินพร้อมมะเขือเทศหลากสีราดบัลซามิก หรือจะเลือกเป็น Quesadilla Ham & Cheese (280.-) เกซาดิยาแป้งบางกรอบ อัดแน่นมาด้วยแฮมชีสและเบคอนไข่ กินพร้อมซอสมะเขือ และสลัดอะโวคาโด   ในส่วนของเครื่องดื่มแนะนำ Avocado Peanut Butter (120.-) สมูทตีสำหรับสายสุขภาพที่นำอะโวคาโดไปปั่นรวมกับเนยถั่ว ท็อปด้วยครัมเบิ้ลพอให้เคี้ยวกรุบๆ หอมมันกลมกล่อม Strawberry Soda (120.-) เครื่องดื่มรสหวานสดชื่น จากน้ำสตรอว์เบอร์รี โดยนำเสนอมาในรูปแบบไอศกรีมแท่ง จุ่มลงในน้ำโซดาสุดซ่า รอละลายแล้วดื่มพร้อมกัน ชื่นใจเป็นที่สุด

“Waan Thai” ร้านขนมไทยโบราณในสำรับใหม่ของเชฟชุมพล แจ้งไพร ที่ตั้งอยู่ในทองหล่อซอย 9 เคียงข้าง R.HAAN ร้านอาหารไทยมิชลิน 2 ดาวหาตัวจับยาก ตัวร้านตกแต่งด้วยโทนสีเขียวซึ่งเป็นตัวแทนของใบตอง วัตถุดิบที่คนไทยสมัยก่อนใช้ห่อขนมหวาน บรรยากาศร้านโปร่งสบายตามแบบฉบับ Casual Dining ผนังสีเขียวไข่กาคาดสีทองหรู แซมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ที่มีลวดลายฉลุงดงาม เข้ากันดีกับพื้นไม้สีน้ำตาลอ่อน และเฟอร์นิเจอร์ อย่างโซฟาหนานุ่มสีเขียวใบเตย เก้าอี้หวาย และโต๊ะหินอ่อนเกลี้ยงเกลา พร้อมเสิร์ฟขนมไทยสไตล์ Modern Thai Twist ซึ่งเป็นขนมไทยโบราณรสชาติต้นตำรับ รังสรรค์มาจากวัตถุดิบคุณภาพในเมืองไทย ผ่านกรรมวิธีทันสมัย พร้อมกับตกแต่งจานให้ดูสวยงามและเป็นสากลมากยิ่งขึ้น ต้อนรับด้วยซิกเนเจอร์ประจำร้านอย่าง Waan Thai High Tea ชุดน้ำชายามบ่ายสไตล์ Modern Thai Twist ประกอบด้วย ช่อชมพูหวานไทย ของว่างในแบบฉบับไทยๆ แป้งสีชมพูสวยห่อไส้เห็ดหลากชนิดรสเค็มกลมกล่อม ไก่บ้านย่างยอดชา ชิ้นนี้ดีงาม ไก่บ้านเนื้อแน่น ทาซอสสูตรเฉพาะของของร้าน ย่างเตาถ่านให้หอม ขนมครกคาเวียร์ ผิวนอกกรอบเกรียม ภายในนุ่มนิ่ม ท็อปด้วยคาเวียร์จากโครงการหลวง เครปผัดไทย แป้งเครปสีเขียวทำมาจากใบต้นหอม เนื้อนิ่มๆ ห่อเส้นผัดไทยได้รสเข้มข้นของเครื่องผัดไทย โดดเด่นด้วยความเปรี้ยวจากน้ำมะขามเปียก ดาราทองไทย ขนมมงคลหากินยาก ที่เชฟดัดแปลงจากสูตรดั้งเดิมโดยการผสมไข่เค็มลงไปกวนกับถั่วจนเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นตกแต่งด้วยเมล็ดแตงโมกรุบกรอบเช่นเคย ขนมเบื้องเสวย แป้งกรอบๆ ปาดครีมสไตล์ไทยหวานๆ ห่อไส้ต่างๆ ได้แก่ ขนมไข่แมงดา (ทองหยอดจิ๋ว)มะพร้าวขูดกินสนุก ตามด้วย ช็อกโกแล็ตเชียงใหม่ไส้ชาไทย ช็อกโกแล็ตเชียงใหม่รสเข้มพอดี เข้ากันดีกับซอสชาไทยรสหวานมัน ใครชอบขนมอบต้องถูกใจ เค้กกะทิสดมะพร้าวน้ำหอม เค้กเนื้อนุ่มฟูเข้ากันดีกับครีมรสหวานฉ่ำที่ทำจากมะพร้าวอำเภอบ้านแพ้ว ของดีประจำจังหวัดสมุทรสาคร ท็อปด้วยเนื้อมะพร้าวเคี้ยวสนุก พร้อมจิบ ลาเต้ร้อน ที่ได้มาจากเมล็ดกาแฟไทย ผสมกับนมสดหอมมัน รวมได้เป็นรสเข้มแบบพอดี หรือใครเป็นทีเลิฟเวอร์เราแนะนำ ชาอูหลง นี่แหละ รสนุ่ม ดื่มง่าย จิบกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ จบเซ็ตอาฟเตอร์นูนทีแล้วยังไม่พอสั่ง เปียกปูนมะพร้าวหอมรมควัน มาลิ้มลองด้วย เปียกปูนเนื้อนุ่มที่รังสรรค์แป้ง มะพร้าวน้ำหอมและน้ำมะพร้าวเผา โรยด้วยมะพร้าวคลุกเกลือรสเค็มเล็กๆ ไปด้วยกันได้ดีกับครีมไข่ขาวหวานหอม ทับทิมสยามหวานไทย ทับทิมกรอบสีชมพูสวย ราดน้ำเชื่อมหวานฉ่ำ ตัดรสด้วยไอศกรีมกะทิหอมมันชื่นใจ เสิร์ฟมาในกะลามะพร้าว ที่ด้านล่างมีดรายไอซ์อลังการ ชีสเค้กหมอนทองหวานไทย หนึ่งในขนมหวานดาวเด่นประจำร้าน รสหวานหอมครีมมีนี้ได้มาจากเนื้อทุเรียนหมอนทอง และครีมชีสสด นอกจากจะได้ฟินกับขนมหวานแล้วร้านหวานไทยยังเสิร์ฟอาหารไทย a la carte จากร้าน R.HAAN อีกด้วย เราลองสั่ง ไส้กรอกปลาแนมชาววัง ไส้กรอกอีสานโฮมเมดทำจากหมู ข้าวโพดและเครื่องแกง เนื้อแน่น รสเผ็ดพอดี กินพร้อมใบเมี่ยง ปลาช่อนขูดทอด โรยด้วยผิวส้มซ่าหอมๆ ก่อนเสิร์ฟสโมกด้วยควันจากมะพร้าว สายฟู้ดเลิฟ ขนมจีนน้ำพริกชาววัง เส้นขนมจีนทำเอง เข้าปากพร้อมน้ำพริกรสหวานพอดีที่ทำจากกุ้งแม่น้ำ กุ้งฝอยทอดกรอบ ไข่ต้มยางมะตูมและผักแนมต่างๆ ยังมี ข้าวมันส้มตำคุณแม่ ส้มตำไทยรสหวาน เข้าคู่ไปกับข้าวมันเรียงตัวสวย น้ำพริกตาแดงรสเค็มเผ็ด หมูฝอยและผักสด จานนี้เด็ดมาก โรตีแกงเนื้อซี่โครงแองกัสบุรีรัมย์พริกขี้หนูสวน ซี่โครงแองกัสจากจังหวัดบุรีรัมย์ เคี่ยวกับน้ำแกงเขียวหวานรสนุ่มนวล จนได้เนื้อที่นุ่มร่อน เสิร์ฟพร้อมโรตีแผ่นบางสไตล์โฮมเมด ยังไม่อิ่มสั่ง ข้าวหน้าไก่กุนเชียง ไก่เนื้อแน่นรสเค็มแซมหวาน เข้ากันดีกับกุนเชียงชิ้นใหญ่ ท็อปด้วยไข่เป็ดออร์แกนิคจากจังหวัดจากชัยนาท ดองในนำมันรำข้าวและดอกเกลือ จิบพร้อมน้ำสมุนไพรอย่าง Betterfly Pea Honey Lemon น้ำอัญชันสีม่วงสวย รวมไปกับน้ำผึ้งหอมหวาน ตกแต่งด้วยรังผึ้งน่าอร่อย และ Lemon Mint ม็อกเทลรสเปรี้ยวซ่าสดชื่น เหมาะมากสำหรับจิบคลายร้อน

ชบาบาร์น ครัวอีสานวินเทจ ร้านเด็ดแห่งอุดรธานีที่อยากให้มาลองความแซ่บถึงทรวงดูสักมื้อ ตัวร้านซ่อนตัวอยู่ในสวนร่มรื่น ภายในตกแต่งแบบวินเทจสมชื่อ มีโคมไฟจากเครื่องจักสานประดับอยู่ทั่วร้าน       ที่ชบาบาร์นขึ้นชื่อเรื่องอาหารอีสานพื้นบ้านทั้งเมนูทั่วไปและเมนูหากินยาก แต่ละจานบอกเลยว่ารสเด็ด โดยเฉพาะเมนูขายดีประจำร้าน ตำลาวกะด้อใส่ต่อนปลาร้า ไม่ใช่แค่กลิ่นปลาร้าจะหอมฟุ้งเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมต่อนปลาแดกเพิ่มความนัว ได้รสเผ็ดถึงใจเพราะใส่ทั้งพริกแห้งและพริกสด กินแล้วหูตาสว่าง     ต่อด้วยห่อผักหอยแครงลวก หอยแครงตัวอวบ ลวกมาสุกกำลังดี แถมแกะออกจากเปลือกแล้วเรียบร้อย เสิร์ฟพร้อมเส้นขนมจีน (ข้าวปุ้น) น้ำจิ้มถั่วตำรสเด็ด น้ำจิ้มซีฟู้ด และผักพื้นบ้านอีกชุดใหญ่ วิธีกินก็ง่าย ตักหอยวางบนผัก ตามด้วยข้าวปุ้น ราดน้ำจิ้มลงไปแล้วห่อเป็นคำ อร่อยสมเป็นเมนูขึ้นชื่อ     ปิดท้ายด้วยเมนูคลาสสิกของชาวอุดรธานีอย่างลาบเป็ด ลาบเป็ดของร้านนี้เป็นลาบเป็ดหนังกรอบ เนื้อเป็ดสับเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เคี้ยวสนุก โรยหนังเป็ดทอดกรอบ รสเค็มนำแต่กลมกล่อม กินกับพริกทอดและใบมะกรูดทอดรอบ       มื้อนี้แซ่บหลาย

คนรักอาหารไทยคนไหนอยากลิ้มลองไทยฟู้ดจานคุณภาพ เราชี้เป้า “เรือนนพเก้า” เลย ร้านอาหารไทยรสดั้งเดิมที่นำทีมโดยเชฟปิ๊ก-คณิน สินพันธ์ พ่อครัวฝีมือขั้นเทพเจ้าของรางวัลเหรียญทอง TICC 2 ปีซ้อนจาก TICC, Thailand International Culinary Classic Thai Cuisine ผู้ซึ่งพัฒนาสูตรอร่อย และสร้างเรื่องราวในร้านแห่งนี้       เรือนนพเก้า ตั้งอยู่ในซอยสาทร 6 ตัวร้านได้แรงบันดาลในมาจากสถานที่รองรับผู้โดยสารท่าอากาศยานสุโขทัย ตึกทรงโมเดิร์นเรือนกระจก โดดเด่นด้วยอิฐมอญสีส้มที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้เขียวขจีนานาพันธุ์ ทำให้บรรยากาศโล่งโปร่งสบาย ด้านในตกแต่งสไตล์ไทยเก๋ๆ ที่ล้วนมาจากฝีมือของคนไทยทั้งหมด อาทิ อิฐสีเขียวมรกตบนผนังด้านหลังมาจากจังหวัดลำปาง โต๊ะไม้ไผ่จากจังหวัดปราจีนบุรี เก้าอี้ผ้าไหมแบรนด์จิม ทอมป์สัน ภาชนะต่างๆ ทั้งเครื่องเซรามิกแบรนด์เปรมประชาแห่งเมืองเชียงใหม่ และเครื่องทองเหลืองจากหมู่บ้านช่างทอง บ้านทองเหลือง เป็นต้น       ทางด้านอาหารที่ร้านเรือนนพเก้ามีจุดเด่นทั้งหมด 3 ประการ คือ วัตถุดิบใช้ของดีทั่วภูมิภาคของเมืองไทย ได้แก่ ข้าวหอมมะลิจากทุ่งกุลาร้องไห้แห่งจังหวัดสุรินทร์ น้ำมะพร้าวอ่อนออร์แกนิกจากจังหวัดราชบุรี ข้าวกล้องสามสีที่ปลูก ณ ท่าอากาศยานสุโขทัย ประการที่ 2 ทุกจานล้วนรังสรรค์โดยเชฟเจเนอเรชั่นใหม่ แต่หัวใจโบราณ กรรมวิธีและสูตรต่างๆ ล้วนแล้วแต่เป็นต้นตำรับตามตำราอาหารไทยโบราณ และจุดเด่นสุดท้ายคือ 9 เมนูดาวเด่นที่หารับประทานยาก ได้แก่       กุ้งซ่อนกลิ่น เมนูโปรดของเชฟปิ๊ก สูตรนี้ดั้งเดิมเป็นของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ผู้หญิงท่านแรกที่เขียนตำรับแม่ครัวหัวป่าก์ กุ้งแม่น้ำเนื้อสดเด้งเคล้ากับน้ำมะนาว เกลือ น้ำตาลทรายจนใส เข้ากันดีกับน้ำยำสไตล์ไทยที่โดดเด่นด้วยน้ำสะเออะกุ้ง และมันกุ้ง หอมกลิ่นส้มซ่า ท็อปด้วยข้าวตังกรุบกรอบ     กะปิคั่วผักสด น้ำพริกรสหวานละมุน ได้ความเผ็ดเล็กๆ จากพริกแห้งบางช้าง จังหวัดสมุทรสงคราม กินคู่กับผักสดพื้นบ้านที่ส่งตรงมาจากจังหวัดสุพรรณบุรี     ข้าวคลุกรัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นเมนูที่อยู่ในตำรับกับข้าว 600 ชนิด ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารที่เหลือในตู้กับข้าว นำมาเนรมิตเป็นเมนูอิ่มเอม โดยการนำข้าวสวยคลุกเคล้ากับไข่แดงเค็มและน้ำพริกเผา ผัดให้หอม เสิร์ฟพร้อมไก่ผัดกระเทียมเนื้อแน่น ปลาช่อนแดดเดียว ไข่เค็ม หมูหวานน้ำมะพร้าวอ่อน และผัดสดชนิดต่างๆ     ของหวานเราแนะนำ ขนมโคน้ำกะทิ เป็นขนมที่เชฟปิ๊กได้รับรางวัล Rice Plus Award จากกรมการค้าข้าวในปี 2018 แป้งผสมมันม่วงเนื้อนุ่มสีสวย ห่อไส้มะพร้าวรสหวานมัน ที่ครีเอทมาจากมะพร้าวทึนทึกผัดกับน้ำตาลมะพร้าว โรยด้วยข้าวพองไรซ์เบอร์รี และกลีบกุหลาบมอญออร์แกนิก     ยังมี ขนมทองโบราณ สูตรของท้าวทองกีบม้า ละม้ายคล้ายขนมทองเอก แต่เมนูนี้ใช้แป้งอัลมอนด์หอมมันมาทดแทน  จิบคู่ไปกับเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ ชาถวายตัว ชารสนุ่ม มีกลิ่นหอมรัญจวนที่ทำมาจากใบขลู่ สมุนไพรไทยที่ช่วยขับเหงื่อ ผสานไปกับใบบัวบก จำปี จำปา ลีลาวดีและกระดังงา       ประทับใจของหวานมากมาย

สายกินที่แวะมาหม่ำของอร่อยย่านเจริญกรุงอย่าลืมไปเก็บร้านนี้ “ข้าวหมูแดงนายฮุยนาครสนุก” ร้านข้าวหมูแดงที่มีตำนานกว่า 70 ปี (ตั้งแต่พ.ศ.2484) เจ้าของคือ นายหลี่ จู ฮุย ปัจจุบันสืบทอดมาถึงรุ่นที่ 3 โดยคุณมารศรี ลีลาสัมพันธ์เลิศ หลานสะใภ้มาถ่ายทอดความอร่อยให้ฟู้ดดี้หลายคนได้ลิ้มลอง บอกเลยว่าร้านนี้เขาขายดีตั้งแต่ยังอยู่โลเคชั่นเดิมที่ใต้โรงหนังนาครสนุกนู้นแล้ว       ความโดดเด่นของข้าวหมูแดงร้านนี้คือ องค์ประกอบหลักไม่ว่าจะเป็นข้าว น้ำซอส และเครื่องต่างๆ ครีเอทจากเตาถ่านทั้งหมด ตัวข้าวต้องใช้ข้าวเก่าเสาไห้ 100% หุงด้วยเตาถ่านเพื่อความหอม หมูแดงต้องใช้เนื้อสันนอก หมักอย่างพิถีพิถันตามแบบฉบับสูตรลับของทางร้าน ก่อนย่างด้วยเตาถ่าน กุนเชียงโฮมเมดจากเนื้อหมูติดมันคุณภาพ ทอดด้วยน้ำมันหมูถึงอร่อย ไข่พะโล้ยางมะตูมน่ากิน และทีเด็ดคือน้ำราดสูตรโบราณ รสหวานพอดี ไม่เหนียวจนเกินไป หอมกลิ่นงาอ่อนๆ       มาเริ่มชิมกันเลยดีกว่าพลาดไม่ได้กับ ข้าวหมูแดงรวม อิ่มเอมไปกับข้าวหมูแดงจานโตที่ประกอบไปด้วย เนื้อหมูแดงสัมผัสนุ่ม หมูกรอบ กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน กุนเชียงรสหวาน กระเพาะหมูไร้กลิ่นคาว ตับหมูและไข่พะโล้ ราดน้ำซอสสูตรพิเศษของทางร้าน รสหวานพอเหมาะไม่เลี่ยนแต่อย่างใด     และ ข้าวหมูแดง หมูแดงหั่นชิ้นพอดีคำ เนื้อนุ่มไม่เหนียว เนื่องจากผ่านการหมักมาย่างดี ก่อนถูกย่างให้หอมด้วยเตาถ่าน กินพร้อมน้ำราดสูตรโบราณรสหวานกลมกล่อม จะใส่ซีอิ๋วดำหรือน้ำส้มพริกดองก็อร่อยนะ  

"Marie Guimar" คือร้านอาหารไทยน่านั่งบนชั้น 28 อาคาร Wyndham Bangkok ที่พร้อมพาเราไปค้นพบรสชาติต้นตำรับในสมัยโบราณ โดยได้แรงบันดาลใจจาก “ท้าวทองกีบม้า” สตรีชาวโปรตุเกสผู้เปลี่ยนขนบการทำขนมในสมัยอยุธยาด้วยการผสานความอร่อยแบบตะวันตกจนกลายเป็นที่มาของขนมไทยหลากหลายในปัจจุบัน       ทุกเมนูของที่นี่ผ่านการปรุงอย่างพิถีพิถันโดย "เชฟโจ้ - ธนา ทวีถาวรสวัสดิ์" ที่สืบค้นและรวบรวมสูตรอาหารไทยโบราณในตำราเก่าแก่ รวมทั้งสูตรประจำตระกูลจากครอบครัวของตนเองมาตีความใหม่และนำเสนอให้เหมาะกับการรับรสของผู้คนในยุคนี้ รายล้อมไปด้วยบรรยากาศร้านโทนสีเขียวอ่อนกลิ่นอายชิโน-โปรตุกีส ที่พาเราย้อนกลับไปสู่ช่วงเวลาของท้าวทองกีบม้าในอดีตกาล         เราแนะนำให้เริ่มเรียกน้ำย่อยกับช่อมาลีไส้ปู หรือช่อม่วงที่นำมาตีความใหม่ผ่านเนื้อแป้งสีเขียวขาว สอดไส้เนื้อปูผัดกลมกล่อม และข้าวยำมารีกีมาร์ ที่รวมวัตถุดิบกว่า 20 ชนิด อาทิ ชะอม กระถิน ถั่วพู ใบชะพลู ดอกดาหลา ตะไคร้ ปลาป่น กุ้งแห้งป่น มะร้าวคั่ว กินกับข้าวเกรียบและน้ำบูดูสูตรเด็ดรสเค็มหวาน       แล้วต่อด้วยจานหลักอย่างแกงปูใบชะพลู เส้นหมี่ แกงปูสูตรเฉพาะของร้านที่ใส่ทั้งกระชายและขมิ้น กลมกล่อมหอมมัน กินกับเส้นหมี่และใบชะพลูทอด โต่งหมูย่าง เมนูหากินยากจากภาคอีสานตอนบน คอหมูย่างนุ่มๆ คลุกเคล้าน้ำยำรสเปรี้ยวหวานเค็มลงตัวที่ใช้กะปิแทนปลาร้า ใส่มะเขือเปราะ มะเขือพวง ถั่วฝักยาว และโหระพา และผัดสามหอม ผัดสามสหาย สะตอ ชะอม และกระเทียมดอง เพิ่มความอร่อยด้วยวุ้นเส้นและกุ้งตัวโต         นอกจากนี้ มารีกีมาร์ยังมีของหวานที่อร่อยเด็ดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเค้กมะตูม เนื้อแน่นหอมคาราเมลอ่อนๆ เสิร์ฟพร้อมผลไม้สดตามฤดูกาล ที่กินเพลินหมดแบบไม่รู้ตัว  

ไม่ไกลจาก BTS ราชดำริ เป็นที่ตั้งของร้านอรุณ (Arun Thai Cuisine) ร้านอาหารไทยแห่งใหม่จากสีฟ้ากรุ๊ปที่เพิ่ง Soft Opening ไปเมื่อช่วงต้นปี โดยนำเมนูต้นตำรับจากรสมือของคุณย่าอรุณศรี รัชไชยบุญ ผู้ก่อตั้งร้านสีฟ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความประณีต พิถีพิถัน ตั้งใจปรุงทุกจาน เพื่อให้ลูกหลานได้อิ่มเอมมาให้คนรักอาหารไทยได้ลิ้มลองสักครั้ง         มาถึงที่อรุณแล้วอย่าพลาดกุ้งกระเทียมคุณย่า เมนูเลื่องชื่อที่ทำเมื่อไหร่ก็ต้องมีคนขอเพิ่ม กุ้งตัวโตเนื้อสดเด้งผัดกับกระเทียม รากผักชี พริกไทย จนหอมฟุ้ง เด็ดที่มันกุ้งเยิ้มๆ กินกับข้าวหอมมะลิออร์แกนิคหอมนุ่มจากเกลุ่มเกษตรกรจังหวัดสุรินทร์และพริกน้ำปลาแล้วดีงาม       ต่อด้วยแกงเผ็ดเป็ดย่าง รสจัดจ้าน ใช้เป็ดย่างอันเป็นเมนูในตำนานจากสีฟ้ามาแกงกับพริกแกงแดงสูตรพิเศษ ครบรสเผ็ด เค็ม หวาน ตัดรสด้วยผลไม้รสเปรี้ยวอย่างสับปะรดและองุ่น ซี่โครงแกะย่างมะแขว่น ที่นำซี่โครงแกะไปหมักกับมะแขว่นของเด็ดจากภาคเหนือที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ย่างให้หอมฟุ้ง เสิร์ฟพร้อมผักสดสำหรับแกล้ม       นอกจากนี้ยังมีเมนูน่าลองอีกหลายจาน ไม่ว่าจะเป็น หมี่กรอบรสเข้มข้นหอมกลิ่นส้มซ่า ขนมเบื้องญวณแกงพริกขี้หนูเนื้อแกะ หลนปูทะล รวมถึงเครื่องดื่มชื่อเพราะอย่างฟ้าอรุณ ได้ความสดชื่นจากน้ำลิ้นจี่ น้ำกระเจี๊ยบ น้ำมะนาว และไซรัป Blue Grenadine และพันช์อรุณ ชื่นใจจากน้ำแตงโม น้ำส้ม และไซรัปพีช      

ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 17 ปีจากร้านครัวดุสิต สนามม้านางเลิ้ง สู่ร้าน จันทร์รพี ทำให้ร้านอาหารไทยบนถนนศรีอยุธยานี้ มีลูกค้าขาประจำอุดหนุนตลอดเวลา       “จันทร์รพี” ร้านอาหารไทยรสชาติต้นตำรับตั้งอยู่ที่สมาคมชาวจันทบุรี ร้านอาหารสไตล์ครอบครัว ที่เหมาะจะจัดงานเลี้ยงรุ่น หรือกินโต๊ะแชร์ มีเวทีเล็กๆ ให้ขึ้นไปโชว์พลังเสียงร้องเพลงแบบเป็นกันเอง     อาหารของที่นี่เป็นอาหารไทยภาคกลางตำรับจันทร์รพีที่มีเมนูเด็ดแนะนำได้แก่ ปากเป็ดทอด ต่างจากที่อื่นคือเสิร์ฟปากเป็ดทั้งปากไม่ผ่าครึ่ง ชิ้นใหญ่รสเค็มหวาน แทะเพลินๆ กับน้ำจิ้มแจ่วรสจัดจ้าน     กุ้งซอสมะขาม ใช้กุ้งแชบ๊วยสดๆ ขนาดกลาง ทำให้เนื้อกุ้งหวาน ไม่แข็ง ผัดกับซอสมะขามแท้คั้นใหม่ๆ จึงได้รสเปรี้ยวหวานเค็มสามรสกลมกล่อม โรยหน้าด้วยหอมแดงเจียวและพริกแห้งทอด     อีกจานที่ไม่เหมือนใครคือ หอยแครงผัดพริกเผา เป็นเมนูที่แนะนำให้โทรจอง หอยแครงตัวอวบอ้วนลวกในน้ำเดือดพอสะดุ้ง และใส่ในน้ำเย็นจัด เนื้อหอยจะเด้งหนึบ ผัดกับพริกน้ำพริกเผารสจัดจ้าน ขอบอกว่าลืมหอยลายผัดน้ำพริกเผาไปเลย     แกงเลียงกุ้งสด แกงเลียงกุ้งที่มีกลิ่นหอมของพริกไทยจากน้ำพริกแกงโขลกใหม่ๆ น้ำแกงเลียงสีส้มสวยเพราะใส่ทั้งฟักทองและกุ้งแห้ง รสเผ็ดร้อนถึงเครื่อง ใส่ผักสวนครัวที่ทางร้านปลูกเอง     สุดท้ายคืออาหารจานเดียวที่กินเมื่อไรก็อร่อย ข้าวคลุกกะปิ ใช้กะปิเคยอย่างดีจากจังหวัดพังงา ผัดกับข้าวจนมีกลิ่นหอมข้าวเม็ดร่วนสวย กับเครื่องเคียงครบครันทั้งหมูหวานรสกลมกล่อม กุนเชียง ไข่เจียวหั่นฝอย มะม่วงเปรี้ยว ฯลฯ     ทุกจานปรุงรสอย่างตั้งใจ จานใหญ่เหมาะให้เราได้เต็มอิ่มกับครอบครัว

“สำรับสำหรับไทย” ร้านอาหารไทยโดยเชฟปริญญ์ ผลสุข มาเปิดให้บริการแบบป๊อบอัพที่ห้องอาหารสไปซ์ มาร์เก็ต โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ จนถึงเดือนมกราคม 2565     เมนูสำรับอาหารไทยเปลี่ยนตามฤดูกาล ด้วยการคัดสรรวัตถุดิบ โดยเชฟปริญญ์ เชฟฝีมือระดับมิชลินสตาร์ เน้นการใช้พืชผักผลไม้ตามฤดูกาล โดยคัดสรรวัตถุดิบหายากจากแหล่งท้องถิ่นที่ดีที่สุด   โดยเชฟปริญญ์ตามรอยตำรากับข้าวสมัยโบราณ จากสูตรของแม่ครัวหัวป่าก์ ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงษ์ ตำรับสายเยาวภา มาตีความ และปรุงให้คนรุ่นใหม่ได้ลิ้มรสชาติที่หายไป อย่างเมนูที่เราได้ชิมนี้ เริ่มต้นจาก     ฟองเต้าหู้ทอดผงพะโล้ เมนูกินเล่นเรียกน้ำย่อยที่นำฟองเต้าหู้หั่นเป้นเส้นๆ ทอดกรอบปรุงรสด้วยผงพะโล้ โรยผักชีฝรั่งซอย กินเล่นอร่อย     เมี่ยงสละ กุ้งขาวนำไปจี่ได้กลิ่นหอม โรยกระเทียมเจียว หอมแดงเจียวและน้ำส้มซ่า กรุบกรอบจากแครกเกอร์ข้าวไรซ์เบอร์รี่ จานนี้ต้องบีบมันจากหัวกุ้งใส่ลงไปด้วยแล้วรวบใบชะพลูเคี้ยวไปในคำเดียว ได้กลิ่นหอมของส้มซ่า รสเปรี้ยวจากสละกินแล้วสดชื่น   ขนมเบื้องก้ามปูม้า ขนมเบื้องที่เชฟดัดแปลงมาจากสูตรโบราณ หน้าเป้นกรรเชียงปูม้า มะพร้าวคั่ว ใบมะกรูด แป้งขนมเบื้อหอมกรอบ รสเค็มหวานเข้ากัน     ห่อหมกปลาจาระเม็ด ปลาจาระเม็ดเนื้อแน่นนุ่ม ห่อด้วยใบเหลียง ห่อหมกรสเข้มข้น เค็มเผ็ด     ยำลองกองกับเป็ดย่าง เป็ดจากโคราชย่างสุกแบบปานกลางเนื้อนุ่มกลิ่นหอม ยำกับน้ำพริกเผา ออกรสหวานเค็ม ได้กลิ่นหอมจากโหระพา     ต้มส้มเนื้อแก้มวัว ต้มส้มตำรับสุราษฯ เนื้อแก้มวัวนุ่มเปื่อย ได้รสเปรี้ยวอ่อนๆ กลิ่นหอมจากพริกขิงผัด และใบกะเพรา     หลนเจ่าปลากุเลาเค้มกับผักทอดและผลไม้สด หลนที่ทำจากหมูบด ข้าวหมาก ปลากุเลาเค็ม แนบกับผลไม้สดอย่างส้มโอ และมะม่วงดิบ กินกับใบชะครามทอด     แกงตูมี้กุ้งกับมังคุดคัด อาหารมุสลิมภาคใต้อย่างเพอรันนากัน ตำรับสายเยาวภา แกงเหมือนแกงส้มแต่นำพริกแกงไปผัดกับน้ำมัน ปรุงรสด้วยส้มแขก ใส่กุ้งลายเสือ และมังคุดคัด หรือมังคุดห่าม น้ำแกงเป็นสีส้มแดงจัด มันแต่ไม่เผ็ดเพราะมีไขมันมาเคลือบลิ้น     ปลานึ่งแป๊ะซะญวณ จากตำรับแม่ครัวหัวป่าก์ที่ใช้ทั้งบีทรูทและแครอท เชฟปรับมาใช้บีทรูทเพียงอย่างเดียว ทำเป้นน้ำซีอิ๊วนึ่งกับปลา ได้สีชมพูม่วงสวยของบีทรูท กินกับน้ำจิ้มบ๊วยพริกกระเทียม ใส่ถั่วตัด เค็มเผ็ดครบรส     ลูกตาลน้ำกะทิกับไอศกรีมกะทิ และขนมงาทอด ไอศกรีมกะทิใบเตยหอมกลิ่นควันเทียน กับขนมงาทอดไส้พุทราจีน รสหวานนุ่มหอมกลิ่นงา     เชฟปริญญ์ ผลสุข เชฟฝีมือระดับมิชลินสตาร์ อดีตหัวหน้าเชฟแห่งศาลาริมน้ำ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ลกรุงเทพฯ ผู้มากด้วยประสบการณ์จากร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ Nahm สาขาลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อนที่จะย้ายกลับมาประจำสาขาที่เมืองไทยจนทำให้ร้าน Nahm สาขากรุงเทพฯ ติดอันดับ 1 ใน 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกและได้รับมิชลินหนึ่งดาวในปี 2561   จากความหลงใหลในเสน่ห์ของอาหารไทยต้นตำรับ เชฟปริญญ์ จึงได้เริ่มก่อตั้งร้าน “สำรับสำหรับไทย” บนถนนมหาเศรษฐ์ กรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2560 ไว้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้เรื่องอาหารและสามารถพูดคุยอย่างเป็นกันเองหน้าเคาน์เตอร์ครัวเปิด เหมือนทานกับข้าวที่บ้าน โดยเชฟจะคง เอกลักษณ์ของการปรุงอาหารไทยสมัยโบราณให้คนรุ่นใหม่ได้ลิ้มรสชาติที่หายไปและหาทานได้ยากในปัจจุบัน โดยนำสูตรมาจากตำรากับข้าวสมัยโบราณ เลือกหลากหลายเมนูมาปรุง โดยคัดสรรวัตถุดิบหายากจากแหล่งท้องถิ่นที่ดีที่สุด จัดเป็นสำรับแบบโบราณครบรสชาติคาวหวานตามฤดูกาล   อีเมล : dining.asia@anantara.com หรือสั่งอาหารออนไลน์ที่ https://anantarasiamshop.com  

อาหารไทยรุ่นคุณปู่คุณย่า หน้าตา รสชาติเป็นเช่นไร ? เชื่อว่าคนรุ่นปัจจุบันอาจจะสงสัย ท่ามกลางร้านอาหารไทยที่เปิดขึ้นมากมายในตำรับต่างๆ กัน     ร้านอักษร ร้านอาหารไทยดีไซด์ทันสมัยตามคอนเซ็ปต์ของเซ็นทรัล Original Store ห้างเซ็นทรัลสาขาแรกที่ปรับปรุงใหม่ แต่เมนูในร้านเป็นอาหารไทยดั้งเดิมตามแนวคิดของเชฟเดวิด ทอมป์สันที่ต้องการนำเสนออาหารไทยในช่วงปลายทศวรรษที่ 1940-1970 ( พ.ศ. 2483-2513) โดยชุดแรกเขานำเสนออาหารจากตำราหนังสืองานศพของท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร และชุดต่อมาเป็นอาหารไทยจากความทรงจำของ นุชนันท์ โอสถานนท์ ที่เชฟทุกคนได้ร่วมกันทำร่วมกันชิมอาหารจากความทรงจำชุดนี้ของเธอ     พอก้าวเข้าไปในร้านมองไปรอบๆ จะเห็นแสงสียามค่ำคืนของกรุงเทพฯ ครัวเป็นครัวเปิด เชฟกำลังตำ กำลังย่าง เหมือนครัวไทยในอดีตที่ทำอาหารเดี๋ยวนั้นกินกันเดี๋ยวนี้ บรรยากาศสาละวนที่ดูคึกคักมีชีวิตชีวา จานชามเป็นลวดลายดอกไม้สไตล์กินข้าวบ้านคุณปู่จริงๆ  ยิ่งพอเห็นเมนูก็ยิ่งจิตใจจดจ่อ   เริ่มต้นด้วยอาหารว่าง เมี่ยงหมาก ห่อคล้ายหมากของคุณย่าซึ่งก็เป็นเช่นนั้นเพราะมีเรื่องเล่าว่าหลานๆ ชอบไปขโมยหมากของคุณย่ามาชิม คุณย่าเลยจัดให้ใหม่หน้าตาเหมือนหมากแต่เนื้อในรสชาติคล้ายเมี่ยงคำแต่รสเผ็ดกว่าเพราะมีกระชาย เมื่อห่อด้วยใบทองหลางมนที่ไม่แก่ไม่อ่อนมีรสฝาดนิดๆ อร่อยอย่างที่วัยรุ่นสมัยนี้ต้องบอกว่า “ฟิน”     ซอง ชื่ออาหารช่างสมจริงมากเพราะอาหารเหมือนซองจดหมายเล็กๆ ที่ใช้แป้งเปาะเปี๊ยะห่อไส้หมูสับผสมปลากุเลาเค็มและไข่เค็มแดง ทอดได้กรอบเบา รสเค็มนิดๆ ช่วยเรียกน้ำย่อยให้รออาหารจานแรก เรไรหน้าปู เรไรเส้นสดเส้นเล็กหน้าปู โรยหอมเจียว กระเทียมเจียว ราดกะทิที่มีถั่วเขียวคั่วตำรวมกันเพื่อให้ข้นหอม  เสิร์ฟในกระดองปู ทั้งดูสวย และอร่อย     ต่อมาเป็นกับข้าวเสิร์ฟพร้อมกันทั้งสำรับดูตื่นตาตื่นใจมาก มียำยอดกระถิน รสเข้มข้น แกงจืดหมูย่างหน่อไม้ไผ่ตง ตำรับวังบางขุนพรหม ใช้หมูย่างหนังกรอบของจีน กลิ่นหอมจากรากผักชี กระเทียม พริกไทย แกงเขียวหวานกุ้ง แกงน้ำขลุกขลิก สีเขียวเข้มสมชื่อจากใบพริกที่ตำรวมกับเครื่องแกง รสกลมกล่อมที่ไม่มีรสเผ็ดหรือหวานโดดออกมาให้รู้สึก เป็นเมนูห้ามพลาดชิมเด็ดขาด พริกขิงปลาสลิด รสเข้มข้น ปลาสลิดหอมกลิ่นย่างเตาถ่านก่อนนำไปทอด และผัดกับสมุนไพร ใส่เมล็ดบัวด้วย     เมนูไฮไลท์อีกเมนู คือ น้ำพริกนครบาลที่ไม่เคยเห็นในร้านอาหารใดมาก่อน พริก กุ้ง ปลาดุก ต้องนำมาย่างก่อนตำ ไม่มีกลิ่นกะปิ รสกลมกล่อมมาก ไม่เผ็ดเหมือนน้ำพริกทั่วไป และปลาหมึกต้มเค็ม ปลาหมึกไข่ตัวเล็ก  เคี่ยวกับน้ำตาลปึก กระเทียม น้ำปลา และขิง   ของหวาน มะเฟืองลอยแก้ว น้ำขลุกขลิก รสเปรี้ยวหวาน สดชื่นมาก และทองพลุ หรือ Thai Choux ราดน้ำตาลโตนดคาราเมล มะพร้าวขูด โรยงาดำ และจานสุดท้ายจบด้วย กระยาสารทใส่แม็คคาเดเมียร์กับกล้วยไข่ตีนเต่า     สมกับเป็นเมนูแห่งความทรงจำในอดีตที่ส่งต่อให้คนรุ่นใหม่ได้ชิม ซึ่งไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง และจะได้สัมผัสว่ารสอร่อยกลมกล่อมของไทยแท้จริงแล้วเป็นเช่นนี้เอง

มากี่ครั้งก็ประทับใจ มา เมซอง (Ma Maison) ร้านอาหารไทยตำรับบ้านปาร์คนายเลิศ ที่ตอนนี้พร้อมเปิดร้านต้อนรับทุกคนอีกครั้ง ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ตัวร้านเป็นเรือนกระจกใส ด้านในเหมือนห้องสมุดขนาดย่อมที่เต็มไปหนังสือและของสะสมชิ้นสำคัญ ดึงดูดสายตาด้วยสีสันของดอกไม้ที่ปรับโฉมไปตามฤดูกาล             เมนูของที่ร้านเลือกวัตถุดิบจากต้นทางเพื่อความสดใหม่ รวมถึงผักออร์แกนิคจากสวนปลูกเองบนดาดฟ้า ปรุงทุกจานอย่างพิถีพิถัน อาทิ หมี่น้ำปาร์คนายเลิศ  เมนูสุดคลาสสิกของคุณหญิงสิน (ภรรยาของนายเลิศ) ที่นำวัตถุดิบในครัวมาทำน้ำซุปคล้ายน้ำซุปต้มยำ ใส่ไข่ กุ้ง และหมูสับ ปรุงรสให้กลมกล่อม กินกับเส้นหมี่ทอดกรอบโรยผิวส้มซ่า เป็นเมนูที่มีให้กินเฉพาะที่นี่เท่านั้น       อีกเมนูคู่บ้านคือห่อหมกข้าว ห่อหมกปลา ห่อหมกปลากะพงเนื้อแน่น รสเข้มข้น กินกับห่อหมกข้าวที่ได้จากการนำน้ำเครื่องแกงมาคลุกเคล้ากับข้าวแล้วนำไปนึ่งจนหอมฉุย รวมถึงแกงขี้เหล็กปลาย่าง คัดเฉพาะใบขี้เหล็กยอดอ่อน แกงกับกะทิคั้นสด รสกลมกล่อม กินง่ายไม่ขม หอมกลิ่นปลาย่าง           นอกจากนี้ยังมีเมนูเด่นอย่างยำส้มโอ รสเปรี้ยวหวานจากส้มโอสด หอมกลิ่นมะพร้าวขูด เต้าเจี้ยวหลนปลาดุกฟูพร้อมด้วยผักแนมชุดใหญ่ ข้าวเหนียวเนื้อแองกัสย่างเสิร์ฟกับส้มตำไทย ปิดท้ายด้วย ขนมโค แป้งข้าวเหนียวนุ่มหนึบ ไส้ในเป็นมะพร้าวกระฉีกหอมหวาน ตัดกับรสเค็มนิดๆ จากกะทิ รวมถึงปลากริมไข่เต่าที่ทำได้อร่อยไม่แพ้กัน             คนรักอาหารไทยอย่าพลาดเชียว

หลังจากที่ร้านอาหารไทย Royal Osha (รอยัล โอชา) ได้จับมือกับเชฟวิชิต มุกุระ หนึ่งในเชฟอาหารไทยระดับตำนาน ไปเมื่อราว ๆ ปลายปี 2563 และได้เปิดตัวเมนูอาหารไทยแนวใหม่ที่มาในรูปลักษณ์หน้าตาที่ทันสมัยกว่าเดิม ด้วยจุดมุ่งหมายหลักที่ต้องการให้อาหารไทยในรูปแบบไฟน์ ไดนิ่งมีชื่อเสียงโด่งดังไปไกลในระดับโลก         หลังจากงานเปิดตัวในปีนั้น เราได้กลับมาเยือน Royal Osha (รอยัล โอชา) อีกครั้งเพื่อลิ้มลองเมนูอาหาร  A La Carte ที่เรายังไม่มีโอกาสได้สัมผัสในคราวนั้น และยังได้รับการต้อนรับจากเชฟวิชิตอย่างอบอุ่นอย่างเช่นเคย       เริ่มต้นด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย เมี่ยงกลีบบัวตับห่านและกุ้งแช่บ๊วยหลังไข่ จัดมาอย่างสวยงามบนจานที่เรียงรายด้วยหินสีดำพร้อมควันบางเบา ที่ดึงให้กลีบบัวสีชมพูนั้นโดดเด่นขึ้นมาทันที เชฟวิชิตเพิ่มคุณค่าให้กับเมนูเมี่ยงคำนี้ด้วยกุ้งแชบ๊วยหลังไข่และตับห่าน หยอดน้ำเมี่ยงคำรสชาติหอมหวาน ครบทั้งรสชาติและกลิ่นของสมุนไพรอย่างเต็มคำ       จานต่อมาคือ Lobster ส้มตำผลไม้ ที่ปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตาของส้มตำอาหารประจำชาติไปอย่างสิ้นเชิงด้วยสีสันของผลไม้สด เข้ากันเป็นหนึ่งเดียวกับสีแดงสดจากล็อบสเตอร์ และเพียงแค่ค่อย ๆ ราดน้ำส้มตำลงไป เมื่อเข้าปากแล้วจะได้กลิ่นของน้ำปลาที่เข้ากับเนื้อหวานนุ่มเด้งของล็อบสเตอร์ได้เป็นอย่างดี       ปิดท้ายด้วย Rack Lamb ซอสแกงเขียวหวาน ซี่โครงแกะย่างสมุนไพร ที่ทำจากใบมะกรูดและโหระพาบดละเอียด จัดวางมาอย่างสวยงามและคุมโทนสีมาอย่างดีด้วยผักย่างสีเขียวครบเครื่องสมชื่อแกงเขียวหวาน เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสแกงรสชาติเข้มข้น ครบรสชาติ       มื้ออาหารที่สมบูรณ์แบบจะขาดเครื่องดื่มไปไม่ได้ เราขอแนะนำ รอยัลโอชาชฎา เครื่องดื่มสีทองซิกเนเจอร์ของร้าน รสชาติเปรี้ยวอมหวานจากเสาวรสและน้ำแอปเปิ้ล ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับชฎาจิ๋วสุดปราณีต ที่บ่งบอกถึงเอกลักษณ์แบบไทยโมเดิร์นของร้านได้เป็นอย่างดี       ภายใต้หน้าตาอาหารที่เปลี่ยนไป แต่เอกลักษณ์รสชาติอาหารไทยนั้นฝังแน่นชวนประทับใจอย่างแน่นอน

หนึ่งในร้านอาหารขวัญใจนักชิมที่ไม่ว่าจะแวะมาเยือนเมื่อไหร่ก็ไว้ใจในมาตรฐานความอร่อยและรสมือที่ไม่เคยตก สำหรับ “ครัวดอกไม้ขาว” บนถนนบำรุงเมือง ที่พร้อมต้อนรับทุกคนด้วยเมนูเด่นทั้งไทย จีน ฝรั่ง ไปจนถึงเค้ก ของหวาน และเบเกอรีโฮมเมด รวมทั้งกาแฟรสดี เรียกว่าอร่อยครบเครื่องทั้งคาวหวาน       สำหรับสาขาแรกนี้ให้บรรยากาศสบายๆ ด้วยพื้นที่ร้านกว้างขวางปลอดโปร่ง ตกแต่งเรียบง่าย แต่อบอุ่นและอบอวลไปด้วยความเป็นกันเอง เหมาะกับการชวนครอบครัวและเพื่อนฝูงมาสังสรรค์ในวันหยุดพักผ่อนเป็นที่สุด       หากไม่รู้จะสั่งอะไร เพราะความหลากหลายละลานตาของเมนูอาหาร ใครมองหาอาหารจานเดียวกินง่ายๆ เราแนะนำเส้นใหญ่ซี่โครงหมูอบ เนื้อนุ่มจากการเคี่ยวอย่างพิถีพิถัน กินกับเส้นใหญ่นุ่มหนึบและน้ำส้มพริกเหลืองดำอร่อยลงตัว (หรือจะเลือกเป็นข้าวสวยก็ได้) และเส้นใหญ่ผัดกะเพราหมู ที่ผัดรสชาติเข้มข้นถูกปากคนไทย กินกับเส้นใหญ่ทอดกรอบนอกนุ่มใน หรือจะลองสั่งเมี่ยงคำ ที่ใช้ใบชะพลูอ่อนกินกับน้ำเมี่ยงสูตรเด็ดและเคื่องเคียงครบครันมากินเล่นไปด้วยก็ยิ่งเพลิน         ส่วนคนรักเค้กห้ามพลาด Coconut Cake เค้กมะพร้าวอ่อนยอดนิยม หอมหวานกำลังดี โรยมะพร้าวจัดเต็ม Raspberry Lemon Cake รสเปรี้ยวหวาน กินแล้วสดชื่น และ Thai Tea Crepe Cake เนื้อเครปเค้กเรียงชั้นสวยงามราดซอสชาไทยหอมหวาน กินคู่ Traditional Cappocino คาปุชชิโนร้อนสูตรดั้งเดิม กลมกล่อมดื่มง่ายก็แสนจะเข้ากัน           ถ้าอิ่มเกินไปแล้ว ลองสั่ง Tiramisu เมนูขายดีขวัญใจสายหวาน หรือ Pana Cotta ท็อปด้วยเบอร์รีหลากชนิดกลับไปอร่อยต่อที่บ้านก็ยิ่งฟินนะ    

เมื่อเอ่ยถึง Wonderland แล้ว นึกถึงอะไร? หนึ่งในนั้นต้องมีการ์ตูน Alice in Wonderland ขึ้นมาในหัวแน่ ๆ และก็ต้องบอกว่าการ์ตูนสุดคลาสสิคนี้เองก็เป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้เกิดร้านอาหาร Secret Wonderland แห่งนี้ขึ้นมาอยู่เคียงคู่กับโรงแรม Bangkok Oasis บนถนนพระราม 6       ดินแดนลึกลับชวนฝันนี้ซุกซ่อนตัวอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ น้ำตกขนาดย่อม และหมอกควันจาง ๆ ส่วนภายในนั้นเต็มไปด้วยข้าวของแอนทีค รวมทั้งพื้นตารางหมากรุก และโคมไฟแบบห้อยหัว ที่ให้บรรยากาศราวกับหลุดเข้าไปในโลกของการ์ตูน และด้วยหน้าต่างขนาดใหญ่ที่เปิดโล่ง ก็ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ได้รับลมเบา ๆ ในขณะที่นั่งรับประทานอาหารจานเด็ดของร้านไปพร้อม ๆ กัน       เมนูอาหารของร้านมาในรูปแบบของอาหารไทยฟิวชั่นเน้นความพิเศษของวัตถุดิบ เริ่มต้นด้วยเมนู ข้าวผัดกะเพราเสิร์ฟพร้อมกับล็อบสเตอร์ ที่ได้เนื้อสัมผัสแน่นหวานฉ่ำของล็อบสเตอร์เต็มคำเข้าคู่กับข้าวผัดกะเพรารสจัดจ้านตามแบบฉบับอาหารไทย โรยหน้าด้วยใบกะเพราทอดกรอบ     เมนูข้าวจานต่อมาคือ ข้าวผัดกระเทียมเสิร์ฟพร้อมเนื้อออสเตรเลียวากิว ย่างระดับกึ่งสุกกึ่งดิบได้ความหอมนุ่มจากเนื้อที่เป็นเอกลักษณ์ เพิ่มรสชาติความเป็นไทยเข้าไปด้วยน้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ด     ปิดท้ายของคาวด้วย ยำวุ้นเส้นอัญชันกุ้งแม่น้ำ ที่จัดเต็มกับกุ้งแม่น้ำเนื้อหวานตัวโต ๆ  2 ตัว เข้ากับรสชาติของน้ำยำรสเปรี้ยวหวานและเผ็ดนิด ๆ กำลังดี และวุ้นเส้นสีม่วงเส้นเหนียวนุ่ม กินได้เพลิน ๆ     สำหรับเมนูเครื่องดื่มของร้านนั้นต้องยกยิ้วให้กับความสร้างสรรค์ เริ่มต้นด้วย สมูตตี้มะม่วงเสาวรส ที่เพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดีด้วยความหวานหอมของเนื้อมะม่วง เข้ากับความเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดของเสาวรส ส่วนเมนูกาแฟเย็น ๆ ลองเป็น ลาเต้ 3D ที่น่ารักกว่าใครด้วยฟองนมสามมิติ ที่ชาวอินสตาแกรมเมอร์จะต้องถูกใจแน่นอน       นอกจากนี้แล้ว Secret Wonderland ยังให้บริการ Chef Table สุดเอ็กซ์คลูซีฟด้วย หรือถ้าอยากมีมื้ออาหารสุดพิเศษที่บ้าน ก็สามารถสั่งผ่านแอปพลิเคชั่น Lineman และ Robinhood ได้เช่นกัน

ต้องบอกว่าเป็น Hidden Place ในกรุงเทพฯ ที่พลาดไม่ได้ทั้งที่พักในส่วนของโรงแรม “Amdaeng Bangkok Riverside Hotel” และส่วนร้านอาหารริมน้ำในชั้นล่างที่ตั้งชื่อว่า NYE” หรือ “นาย” ที่สอดคล้องกับ “อำแดง” ที่แปลว่านางหรือนางสาว และมาพร้อมคอนเซ็ปต์ Cafestaurant ซึ่งเป็นการผสมผสาน Café และ Restaurant ได้อย่างลงตัว       ที่นี่พร้อมเสิร์ฟเมนูอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นร่วมสมัย โดยหยิบยกอาหารไทยโบราณซึ่ง บางส่วนเป็นอาหารชาววังสมัยรัชกาลที่ 5 มาสร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่ที่ทั้งสนุกและอร่อย รวมทั้งเครื่องดื่มหน้าตาเก๋ไก๋ให้เราได้ละเลียดรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ไปพร้อมกับชมวิวสวยของโค้งน้ำเจ้าพระยาในบรรยากาศแสนโรแมนติก โดยเฉพาะชั้นรูฟท็อปที่ออกแบบไล่ระดับความสูงเพื่อให้ทุกคนเห็นวิวสวยสะกดสายตาไปพร้อมกัน       เราแนะนำ ไข่พะโล้หมูตุ๋นน้ำอ้อย สูตรเด็ดใช้น้ำอ้อยแทนน้ำตาล หอมหวานกลมกล่อม กินกับน้ำจิ้มพริกดำรสเปรี้ยว ทอดมันปลากรายหนึบ ใช้ปลากรายล้วนๆ ไม่มีแป้งผสม ตีจนเนื้อหนึบ และไม่ใส่เครื่องแกงเผ็ดฉุน เสิร์ฟพร้อมอาจาดแอปเปิลเขียวและครีมซอส       ปูนิ่มทอดกระเทียม กรอบนอกนุ่มใน ใส่อัลมอนด์เพิ่มความอร่อย กินคู่น้ำจิ้มซีฟู้ดวาซาบิรสแซ่บ และแกงส้มไหลบัวกรอบ สูตรเฉพาะที่ใส่กะปิและใบมะกรูด มาพร้อมปลากะพงทอดชิ้นโต       อย่าลืมตบท้ายด้วยของหวานแปลกใหม่แต่อร่อยเด็ด มะกรูดลอยแก้ว เนื้อหวานกรุบหอมน้ำเชื่อมใบเตย หรือจะสั่งมอกเทลซิกเนเจอร์อย่าง Amdaeng River ที่มีส่วนผสมของแอปเปิล สับปะรด ตะไคร้ น้ำผึ้ง และมะนาว หรือ Amdaeng Berry รสเปรี้ยวหวานของเบอร์รี แอปเปิล และมะนาว เพิ่มความสดชื่นด้วยมินต์ มาจิบรับลมชมวิวกันตลอดคืนก็แสนประทับใจ