ถึงทีของชาวนนทบุเรี่ยนที่จะได้ลิ้มลอง HaiDiLao Hot pot” ร้านชาบูหม้อไฟสไตล์จีนรสเด็ดใกล้ๆ บ้านกันบ้าง เพราะทางร้านมาบุกโลเคชั่นใหม่ ที่ Central Westgate (MRT สามแยกบางใหญ่ และ MRT ตลาดบางใหญ่) บริเวณชั้น G พร้อมให้คุณชิมชาบูหม้อไฟพรีเมี่ยมขวัญใจสายฟู้ด ที่เพียบพร้อมทั้งวัตถุดิบชั้นเลิศและการบริการที่ดีแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นั่งในร้านแล้วเลือกน้ำซุปกันก่อนเลย ครั้งนี้เราเลือกเป็น น้ำซุปคอลลาเจน รสหวานธรรมชาติจากกระดูกไก่ เคี่ยวอย่างดีกับสมุนไพรนานาชนิด ซุปเห็ด รสเค็มกลมกล่อม ซุปมะเขือเทศ รสเปรี้ยวนุ่มนวล ทางร้านใส่เนื้อมะเขือเทศมาให้ด้วยนะ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ซุปนมหม่าล่า น้ำแกงหม่าล่ารสร้อนแรง ซิกเนเจอร์ของทางร้าน ผสานกับน้ำนมข้าวโอ๊ตเข้ากัน จับคู่กับวัตถุดิบคุณภาพหลากชนิด ทั้ง เนื้อวากิว ที่ส่งตรงจากดินแดนอาทิตย์อุทัย ให้สัมผัสฉ่ำลิ้น สันคอหมูคุโรบุตะ เนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำ หมูสามชั้น เคี้ยวเพลิน ขวัญใจเด็กอ้วน ตามด้วย หมูสามชั้นดอกกุหลาบ หมูสามชั้นที่เรารัก นำมาห่อเป็นรูปดอกกุหลาบสวยงาม เป็นทั้งอาหารตาและอาหารใจ อย่าลืมสั่ง ตับหมู เมนูดาวเด่นประจำร้าน ตับหมูหมักอย่างดี ไร้กลิ่นสาบ ลูกชิ้นโฮมเมดที่ครั้งนี้เราสั่งทั้ง ลูกชิ้นกุ้ง เนื้อเด้งๆ มีความหนึบเล็กๆ ลูกชิ้นแมงกะพรุน สีเขียวเพราะผสมป๋วยเล้ง และ ลูกชิ้นปลาหมึก หนึบหนับ เคี้ยวเพลินอย่าบอกใคร ใครชอบซีฟู้ดต้องชิม กุ้งแกะเปลือก เนื้อหวานสด เข้ากันดีกับน้ำจิ้มซีฟู้ดไต้หวัน ปลากะพงแดง เนื้อแน่น ให้รสหวานธรรมชาติ ปลาหมึก ที่ทางร้านหั่นมาแล้วอย่างดี ต่อด้วย หอยเชลล์ ตัวอวบอ้วน เต็มคำ กินผักเพิ่มวิตามินกันบ้าง รากบัว กรุบกรอบ มากประโยชน์ หลายคนชอบ ป๋วยเล้ง ลวกน้ำซุปให้นิ่ม มันฝรั่ง สไลด์แผ่นบางกำลังดี สาหร่ายวากาเมะ ก็เข้าที ดีต่อร่างกาย ปิดท้ายกันกับเครื่องดื่มสดชื่น ชาไทย รสหวานมัน ดับกระหายได้ดี และ มัตฉะมะพร้าว นมสดผสานน้ำมะพร้าวรสหวานหอม ท็อปด้วยมัตฉะเข้มข้น อิ่มอร่อยได้ใจสายฟู้ดตลอดมา

โด่งดังในกรุงโตเกียวมานานกว่า 20 ปี (ตั้งแต่ 2010) ก็ถึงเวลาที่ “Shoutaian Shabu” จะแลนด์ดิ้งสู่เมืองไทยเสิร์ฟความอร่อยให้กับสาวกชาบูสักที โดยโลเคชั่นจะอยู่ที่โครงการ Vivre Langsuan (BTS ชิดลม) เจ้าของคือคุณเปิ้ลและคุณแมน คู่แม่ลูกชาบูเลิฟเวอร์ที่ไปลิ้มลองโชไตอัน ชาบูถึงเมืองโตเกียวจนติดใจ ก่อนซื้อแฟรนไชส์มาเปิดที่เมืองไทยอย่างเต็มตัว จุดเด่นของ Shoutaian Shabu ที่เลื่องลือคือทางร้านจะเสิร์ฟ ‘เนื้อเกรดประมูล’ ที่ส่งตรงมาจากเมืองโตเกียวเท่านั้น ทั้งเนื้อซากะวากิว เนื้อคุโรเกะ เนื้อฟูจิฮิเมะ นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบเลอค่าสำหรับคนไม่กินเนื้ออย่าง หมูโคจิบูตะ ปูหิมะ ล็อบสเตอร์และปลามาได เอ็นจอยกับบรรยากาศวาบิซาบิ ที่เน้นการใช้วัสดุจากธรรมชาติและตกแต่งด้วยโทนสีขาวนวลและสีน้ำตาลเพื่อสื่อถึงความเรียบง่ายของวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น ภายในร้านมีทั้งเคาน์เตอร์หม้อเดียว โต๊ะกลุ่ม และห้องไพรเวทสำหรับลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เติมความร่มรื่นสบายตาด้วยสวนสไตล์เซน อันเป็นตัวแทนของความเรียบง่ายและสงบ เมนูแรกที่ต้องลองคือ Cheese Demi – Glace แฮมเบิร์กเลื่องชื่อของทางร้านที่ทำจากเนื้อคุโรเกะ วากิว วัวสายพันธุ์ขนดำเนื้อนุ่มชุ่มลิ้น ราดซอสเดมิกลาสรสกลมกล่อม ก่อนท็อปด้วยแผ่นชีสครีมมี เสิร์ฟมาในกระทะร้อนฉ่าน่าอร่อย ตามด้วย Ooja No Yukke ยำเนื้อดิบสไตล์ญี่ปุ่น ที่ทางร้านใช้เนื้อวากิว A5 ชั้นดี คลุกเคล้ากับไข่แดงออร์แกนิก งาขาว ต้นหอมซอย และซอสสูตรลับรสเข้มข้นอย่าบอกใคร และแล้วก็ได้เวลาชาบูพระเอกของเรานั่นเอง อย่างแรกที่ต้องทำคือสั่งน้ำซุปก่อนเลย เราเลือก น้ำซุปกระดูกหมู รสนุ่มนวล กินพร้อม Saga Wagyu A5 Shimofuri เนื้อซากะวากิว A5 ส่วนสันคอลายหินอ่อนนุ่มลิ้น มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เฉพาะตัว สมแล้วที่เป็นเนื้อชั้นเลิศที่ส่งตรงมาจากเมืองซากะ ตามมาติดๆ กับ Kuroge A5 Shimofuri หนึ่งในเนื้อยอดนิยมแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย เนื้อคุโรเกะ A5 ส่วนสันคอที่มีไขมันแทรกอย่างพอดิบพอดี ทำให้เนื้อมีรสหวานธรรมชาติ ผสานกับกลิ่นหอมอวลชวนลิ้มลอง จิ้มพอนสึรสเปรี้ยว หรือน้ำจิ้มงาก็เข้ากัน เติมน้ำมันพริกโฮมเมดยิ่งเพิ่มความอร่อยเข้าไปคูณสอง เอาใจคนรักเนื้อกันต่อเนื่องด้วย Matsusaka Wagyu เนื้อสุดปังที่ขึ้นว่าเป็นของดีแห่งประเทศญี่ปุ่น โดยเนื้อมัตสึกากะนี้ได้จากวัวญี่ปุ่นสายพันธุ์ขนสีดำ ซึ่งเป็นเพศเมียที่ไม่เคยผสมพันธุ์มาก่อน เลี้ยงด้วยธัญพืชและปล่อยในทุ่งโล่งกว้าง ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลและมีรสหวานเล็กๆ คนรักซีฟู้ดอย่าลืมสั่ง Lobster ตัวโตเนื้อหวานสัญชาติแอฟริกาใต้ หลังจากลิ้มลองเนื้อเด้งๆ แล้วก็ตามด้วยข้าวต้มล็อบสเตอร์ร้อนๆ ที่ทำจากเปลือกล็อบสเตอร์ เคี่ยวกับน้ำซุปชาบูกลมกล่อม ใส่ข้าวญี่ปุ่น ใส่ไข่ ต้นหอมซอยและเพิ่มความหอมด้วยพริกไทย ไปต่อกับ Madai Fish ปลากระพงแดงญี่ปุ่นเนื้อเด้ง จุ่มน้ำซุปร้อนๆ ลวกสุกกำลังดี ล้างปากด้วยของหวานดาวเด่นอย่าง Jelly Coffee เจลลี่กาแฟรสเข้มพอเหมาะ ไปด้วยกันได้ดีกับไอศกรีมวานิลลาโฮมเมดรสหวานมัน ชื่นใจเสียจริงๆ

บอกเลยว่าในปีนี้กระแสฮอตพอตหมาล่ากำลังมาแรง และมีทีท่าว่าในปี 2024 จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่ว่าจะหัวมุมหรือถนนไหนก็หากินได้สะดวกสบาย แต่สำหรับชาบูหมาล่าที่ถูกยกระดับให้พรีเมียมคงต้องยกให้กับ M Hot Pot ชาบูหม้อไฟสไตล์ฮ่องกงโดยเชฟแมน (Chef Man) ผู้ช่ำชองในศาสตร์อาหารจีนสไตล์ฮ่องกง ตัวร้านตั้งอยู่ภายในอาคาร The Unicorn ติดกับ BTS พญาไท เป็นคอมมูนิตีแห่งใหม่แหล่งรวมร้านอาหารมากมาย และพื้นที่ Living Area ให้ทุกคนได้เข้าไปนั่งทำงานหรือประชุม พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ซึ่งร้าน M Hot Pot ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ภายในร้านดีไซน์เรียบหรู โดดเด่นด้วยโคมไฟสีเขียวคล้ายหยกมองดูแล้วสบายตา เพียบพร้อมไปด้วยที่นั่งกว้างขวาง มีหลายมุมให้เลือกนั่งสะดวกสบาย และสำหรับใครที่มาเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนก็ยังมีมุมห้องส่วนตัวไว้ให้บริการอีกด้วย หากใครมาที่แล้วเลือกสั่งไม่ถูกก็ไม่ต้องตกใจ เพราะที่นี่มีพนักงานคอยให้บริการและต้อนรับกันอย่างน่ารัก โดยขั้นแรกเริ่มจากการเลือกน้ำซุปซึ่งเราสามารถเลือกได้สูงสุด 4 ชนิดใน 1 หม้อ (ทางร้านมีน้ำซุปให้เลือกกว่า 8 ชนิด) ซึ่งแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น อาทิ ซุปไก่กระเพาะปลา น้ำซุปสีขาวรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นกระดูกไก่ สัมผัสได้ถึงการเคี่ยวที่ใช้ระยะเวลานาน ส่วนน้ำซุปซิกเนเจอร์ที่มาแล้วต้องลอง ซุปหมาล่า รสชาติเผ็ดร้อน ลิ้นชานิดๆ หอมกลิ่นสมุนไพรที่ใส่มาแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะคีบอะไรลงไปแกว่งไกวก็เข้ากัน ซุปมะเขือเทศ ได้รสเปรี้ยวและความสดชื่นของมะเขือเทศ ซุปผักดองเสฉวน หอมกลิ่นผักดอง ได้รสเปรี้ยวเบาๆ คล่องคอ และซุปยาจีน อัดแน่นด้วยเครื่องสมุนไพรและเครื่องเทศนานาชนิด ถือเป็นยาที่ช่วยบำรุงร่างกาย เป็นต้น ชุดเซ็ตมีให้เลือกแบบรวมหรือจะสั่งแยกก็ตามใจชอบ เช่น ชุดซิกเนเจอร์รวมหมู ไก่ เป็ด เสิร์ฟมาในทาวเวอร์ 3 ชั้นสุดอลังการ และ ชุดเนื้อ 3 อย่าง เสิร์ฟมาบนตัวน้องวัวที่เรียงรายไปด้วยเนื้อวัวริบอายไทย เนื้อใบพาย และเนื้อน่องลาย สไลซ์มาเป็นแผ่นหนากำลังดี อีกทั้งยังมีเนื้อสัตว์อื่นๆ ให้เลือกอีกเพียบ สำหรับใครที่อยากลิ้มลองอาหารจีนก็มีเมนูให้เลือกสั่งเพิ่มเติม เช่น หมูแดงจานเดี่ยว เนื้อหมูหมักสไตล์ฮ่องกงย่างกำลังดี ก๋วยเตี๋ยวหลอด แป้งเด้งและนุ่ม ด้านในอัดแน่นไปด้วยไส้ที่เชฟให้มาแบบไม่หวงเครื่อง หอมกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ต่อด้วย ข้าวอบไก่กุนเชียง ข้าวอบเสิร์ฟในหม้อร้อนๆ ท็อปด้วยไก่ชิ้นหนากำลังดี หมักจนเข้าเนื้อรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศ ใครอยากลิ้มลองหม่าล่าสไตล์ฮ่องกงที่รังสรรค์โดยเชฟแมน บอกเลยห้ามพลาด!

หนึ่งในไฮไลต์ของห้างฯ ใหม่ Emsphere ต้องร้านนี้เลย ทองสมิทธ์ HOT POT” หม้อไฟก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ดเครือ Iberry Group อร่อยกับเซ็ตเนื้อและเซ็ตหมูคุณภาพดี ที่มาพร้อมกับน้ำซุปต่างๆ ทั้งซุปน้ำตกทองสมิทธ์รสเข้มข้นที่หลายคนเลิฟ  ซุปเนื้อวากิว เคี่ยวอย่างพิถีพิถันนาน 48 ชั่วโมง และซุปหมูคุโรบุตะรสนุ่มนวลหอมกลิ่นเครื่องเทศ สายฟู้ดคนไหนยังไม่จุใจสามารถสั่ง A La Carte ได้อย่างเต็มที่ ในส่วนของบรรยากาศ ทองสมิทธ์ HOT POT จะตกแต่งสไตล์ลอฟท์ปูนเปลือยดิบๆ เข้าคู่กับเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลเข้ม (เหมือนร้านก๋วยเตี๋ยวทองสมิทธ์เป๊ะ) ภายในร้านมีทั้งที่นั่งเดี่ยวหน้าเคาน์เตอร์ ที่มองเห็นคนทำครัวได้อย่างถนัดตา และโต๊ะรวมสำหรับคนที่มาเป็นกลุ่มแก๊งค์เพื่อน แต่ถึงกระนั้นก็ยังได้ลิ้มลองหม้อไฟก๋วยเตี๋ยวเรือหม้อเดี่ยวไม่ต้องแบ่งความอร่อยกับใคร จานแรกต้องนี่เลยเมนูใหม่แกะกล่อง ยำเนื้อกรอบ เนื้อหั่นชิ้นพอดี ลวกพอสุกจนได้สัมผัสเด้งๆ ชุ่มฉ่ำ คลุกเคล้ากับเรื่องเคราและน้ำยำรสแซ่บ ต่อด้วยตัวไฮไลต์ เซ็ตเนื้อ ที่ประกอบด้วยน้ำซุป เราเลือกซุปเนื้อวากิวรสเค็มกลมกล่อมที่เกิดจากการเคี่ยวกระดูกวัวนานกว่า 48 ชั่วโมง หอมกลิ่นสมุนไพรเล็กๆ เนื้อสันไหล่วากิวออสเตรเลียชั้นดี ยังมีเครื่องในเนื้อ และผักสด โรยด้วยกากหมูโฮมเมด และราดน้ำจิ้มรสเด็ดของทางยิ่งอร่อยโดนใจ หรือใครไม่กินเนื้อต้องนี่เลย เซ็ตหมู มีทั้งเนื้อหมูส่วนต่างๆ (เราเลือกหมูสามชั้นคุโรบุตะ) กินเพลินอย่าบอกใคร เข้าคู่กับเครื่องในหมูสดใหม่ ชุดผักสด และซุปน้ำตกซิกเนเจอร์ของทองสมิทธ์ ที่คุณสามารถเลือกความเผ็ดได้อย่างตามใจ ใครเป็นสายเส้นจะสั่ง เส้นหมี่ลวก เหนียวนุ่มมาซู้ดเล่นอีกก็ไม่ว่ากัน ส่วนของหวาน ลอดช่อง ก็น่าสนใจ แป้งลอดช่องเนื้อนุ่มๆ หอมกรุ่นใบเตย ไปด้วยกันได้ดีกับน้ำกะทิรสหอมหวาน ตามด้วย ขนมถ้วย ขนมหวานสุดป็อปของทางร้าน ได้รสหอมกรุ่นของใบเตย ตบท้ายด้วยเนื้อหน้ากะทิครีมมี ใครอยากชิมต้องสั่งจองก่อนเริ่มกินหม้อไฟนะ จิบคู่กับ ส้มมะปิ๊ดโซดา รสเปรี้ยวสดชื่น ซาบซ่าถึงใจ และ น้ำอ้อยสดเกล็ดหิมะ รสหวานละมุน ชื่นใจทุกครั้งที่ได้ดื่ม เสียดายสาขานี้ไม่มีกล้วยทอด!

นาทีนี้ไม่มีอะไรจะฮีลใจฟู้ดดี้ได้ดีไปกว่าร้านหม่าล่าอร่อยๆ อย่าง “Fuwang Hotpot & Tea House” ร้านชาบูหม่าล่าหม้อเดี่ยวสุดอลังการ ที่ตั้งอยู่ในมาร์เช่ ทองหล่อ (BTS ทองหล่อ) โดดเด่นด้วยการตกแต่งหรูหราโทนสีแดงกะมะหยี่ ตัดกับสีทองแววว่าวซึ่งเป็นสีมงคลของเมืองจีน พร้อมให้คุณลิ้มรสน้ำซุปสูตรลับกว่า 6 ชนิด ได้แก่ หม่าล่าน้ำมันวัว รสเข้มข้น หม่าล่าน้ำมันพืช รสจัดจ้านกำลังดี น้ำซุปไก่มะพร้าว รสนุ่มนวล ซุปไก่คอลลาเจน รสหวานกลมกล่อม ซุปเห็ด และซุปมะเขือเทศ รสเปรี้ยวละมุน จับคู่กับวัตถุดิบชั้นดีจากในและนอกประเทศ อาทิ เนื้อวัวจากดินแดนอาทิตย์อุทัย หมูดำไอเบริโกจากประเทศสเปน กุ้งมังกรเจ็ดสีจากจังหวัดภูเก็ต เข้ากันดีกับน้ำจิ้มซิกเนเจอร์ อย่าง ซีอิ๊วขาวไต้หวัน น้ำจิ้มงาหอมมัน หรือใครอยากปรุงเองทางร้านก็มีเคาร์เตอร์บาร์น้ำจิ้มบริการแบบจัดเต็ม สั่งของกินเล่นมาเรียกน้ำย่อยกันก่อน หมั่นโถวทอด ของว่างดาวเด่นประจำร้านหม่าล่า เนื้อนุ่มฟูไม่อมน้ำมัน เสิร์ฟคู่น้ำข้นหวานสุดฟิน กุ้งลายเสือห่อฟองเต้าหู้ ทอดร้อนจี๋ ได้รสหวานของกุ้งลายเสือเต็มเปา กินคู่น้ำจิ้มบ๊วย คนรักเนื้อต้องลอง เนื้อมิยาซากิริบอายวากิว A4 ให้สัมผัสนุ่มแทบละลายในปาก เพราะไขมันลายหินอ่อนที่แทรกตัวอยู่ในเนื้อ ตามด้วย เนื้อคาโงชิมะอายวากิว A4 เนื้อสันติดมันเคี้ยวเพลินๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีความนุ่มฉ่ำลิ้น ชุดเนื้อหมูรวม ประกอบด้วย สามชั้นคุโคบุระ ถูกใจเด็กอ้วน สันนอกหมูคุโรบุตะ เนื้อแน่น เหนียวนุ่มกำลังกิน และหมูดำไอเบริโก จากประเทศสเปนที่เรารัก เนื้อชุ่มฉ่ำกินอร่อยอย่าบอกใคร ไหล่แกะนิวซีแลนด์ สไลด์อย่างดี นำไปปิ้งหรือทำชาบูก็โดนใจ สาวกซีฟู้ดต้องนี่ ชุดรวมทะเล ที่ให้คุณเอ็นจอยกับแซลมอนเนื้อสด หอยเป๋าฮื้อ เนื้อหวานเลอค่า หอยเชลล์ฮอกไกโด ตัวอวบเนื้อแน่น และปูทะเลตัวโต ที่ทางร้านแยกส่วนไว้ให้กินง่าย กุ้งมังกรสด หนึ่งในไฮไลต์ของร้าน กุ้งมังกร 7 สีตัวใหญ่ เนื้อหวานเสิร์ฟมาอย่างสวยงาม ห้ามพลาด ชุดลูกชิ้นโฮมเมด สูตรเฉพาะของทางร้าน ที่มีทั้งลูกหมูชิ้นหมู รสเค็มพอเหมาะ ลูกชิ้นกุ้ง เนื้อเหนียวนุ่ม และลูกชิ้นปลาหมึก มีความกรุบนิดๆ เกี๊ยวไข่ สูตรเด็ดที่ใครมาแล้วก็ต้องสั่ง แป้งบางๆ ห่อหมูเนื้อนุ่ม ของหวานเราแนะนำ ส้มโอกรานิต้า รสเปรี้ยวอมหวานของส้มโอ ผสานความหวานฉ่ำของมะม่วงสุก ซูเฟล่ทุเรียน ของหวานสไตล์ฝรั่งเศสเนื้อฟูนุ่ม ตัวแป้งผสมเนื้อทุเรียนหมอนทองกลิ่นหอมลงไปด้วย ในส่วนของเครื่องดื่มเป็น ชานมไข่มุกต้าหงเผา รสหวานมัน ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบชา ชาเขียวครีมชีส ชาชั้นดีจากเมืองจีน ท็อปด้วยครีมชีสครีมมี และ เสาวรสโยเกิร์ต รสเปรี้ยวอมหวาน ผสมความหอมมันนี้ได้จากเสาวรสสดและโยเกิร์ต เป็น Premium Hot Pot Experience ของแท้แน่นอน

ในที่สุด Suki Masa” ร้านสุกียากี้สไตล์คันไซขนานแท้ก็ได้บุกเบิกสาขาใหม่สักที ครั้งนี้ทางร้านเลือกปักหมุดตึก Erawan Bangkok (ชั้น LG) ใจกลางเมืองแสนสะดวกให้นักชิมได้อร่อยกันง่ายๆ ร่มรื่มย์กับบรรยากาศป่าไผ่อาราชิยามะช่วงฤดูใบไม้ร่วง ตัวร้านตกแต่งด้วยโทนสีดำขลับให้มู้ดแอนด์โทนหรูหราทันสมัย ตัดกับสีส้มอมเหลืองของงานอาร์ตผืนผ้าใบรูปพระอาทิตย์ตกดิน ของแม่น้ำโฮซูกาวะแสนโรแมนติกเข้ากันดีกับ Arashiyama Autumn Maple Tree Art รูปปั้นต้นเมเปิ้ลช่วงฤดูใบไม้ร่วงอลังการ ที่โดดเด่นอยู่กลางร้าน ประเดิมด้วยเมนูใหม่ Suki Masa Yaki ยากินิกุตำรับดั้งเดิม อร่อยกับ Zabuton A4 เนื้อส่วนสันไหล่ที่เต็มไปด้วยคอลลาเจน ย่างพร้อมต้นหอมญี่ปุ่น ก่อนเทซอสยากินิกุสูตรเฉพาะลงไป กินคู่ไข่ไก่ออร์แกนิก ซอสน้ำมันงาพริก ซิกเนเจอร์เจอร์ของทางร้าน หรือซอสยากินิกุรสหวานก็ตามใจ ตามด้วย Sukiyaki Set เซ็ตสุกียากี้สไตล์คันไซขวัญใจสายฟู้ด ประกอบด้วยเนื้อสัตว์ต่างๆ อย่าง Kuroge Wagyu Beef เนื้อวากิวชั้นที่ได้จากวัวสายพันธุ์ญี่ปุ่นขนดำ ให้สัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ ส่วนใครที่ไม่กินเนื้อต้องนี่ Kurobuta Pork หมูคุโรบุตะคุณภาพ กินไม่มีเบื่อ นอกจากนี้ยังมีชุดผักสด และน้ำจิ้ม ได้แก่ ซอสพอนสึ รสเปรี้ยวกลมกล่อมอีกด้วย Seafood Nabe หม้อไฟสไตล์ญี่ปุ่นที่เราเลือกน้ำซุป Akakara Nabe Soup รสเผ็ดได้ที่ เข้ากันดีกับซีฟู้ดสดเด้งอย่าง หอยเชลล์โฮตาเตะเนื้อหวาน กุ้งตัวโต แซลมอน และปลาหมึกหนึบหนับ เสิร์ฟพร้อมเซ็ตผักสด ข้าวสวย จิ้มซอสพอนสึ หรือซอสงาก็เข้าที ยังไม่อิ่มต้องนี่ Rainbow Sashimi Roll ซูชิโรลที่เปลี่ยนจากข้าวญี่ปุ่นมาเป็นไชเท่าญี่ปุ่นกรุบกรอบ ห่อเนื้อบลูฟินทูน่า แซลมอน ปลาฮามาจิและอากามิ โรยหน้าด้วยปลาแห้งหอมๆ จิ้มโชยุ และวาซาบิรสเผ็ดซ่า ขนมหวานห้ามพลาด Kuzukiri ขนมโบราณแห่งอินแดนอาทิตย์อุทัยประจำเมืองโตเกียว ที่ผู้คนส่วนใหญ่มักนิยมกินในช่วงฤดูร้อน วุ้นเส้นสไตล์ญี่ปุ่นโฮมเมดที่ทำจากแป้งรากไม้ แช่อยู่ในน้ำแข็งชื่นใจ ก่อนกินให้คลุกเคล้ากับน้ำตาลทรายแดงเคี่ยวรสหวานฉ่ำ และผงถั่วคินาโกะลงไป เพิ่มกลิ่นหอมด้วยขิงขูดก็สมบูรณ์แบบ เป็นร้านที่ประทับใจทุกครั้งไป

บุกโลเคชั่นใหม่เอาใจฟู้ดดี้แบบรัวๆ เลยทีเดียวสำหรับ Shabu Baru ร้านชาบู-สุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่นหม้อเดี่ยวมาคนเดียวก็อร่อยได้ ที่ครั้งนี้นำเสนอในเวอร์ชั่น “Shabu Baru Mini” ตั้งอยู่บนชั้น 7 ของเซ็นทรัลเวิลด์ (BTS ชิดลม) ฟินกับชาบูและสุกียากี้รสชาติดีในราคาน่ารัก  มาพร้อมกับคาราวานเนื้อต่างๆ อย่าง A4 Mini Cut มันน้อย วากิว F1 Kagoshima ฉ่ำลิ้น A4 Iwate ชั้นเลิศ และ A5 Yonezawa เนื้อนุ่มแทบละลายในปาก นอกจากนี้ยังมีเมนูใหม่ทีเด็ดอย่าง สุกียากี้เนื้อและนาเบะ เข้าคู่ ‘Baru Ruyu’ น้ำมันพริกโฮมเมดตัวดังของทางร้าน ใช้จิ้มกับอะไรก็อร่อย ต้อนรับด้วย เซ็ตชาบู สุดอิ่มเอมที่ประกอบด้วย น้ำซุปคอมบุรสอูมามิปราศจากผงชูรส จับคู่กับเนื้อสัตว์คุณภาพที่ครั้งนี้เราเลือก Pork Set หมูสามชั้นกินเพลินส่งตรงจากเกาะคิวชูแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย ชุดผักสดกรุบกรอบ น้ำจิ้มงา ที่ทำมาจากงาทองสัญชาติญี่ปุ่น และซอสพอนซึ รสเปรี้ยวกลมกล่อม หอมกลิ่นยุซุ ตามด้วยเมนูที่ Beef Sukiyaki สุกียากี้รสเข้มข้น ที่คุณสามารถเลือกอร่อยกับ เนื้อวากิว F1 เนื้อ A4 Mini Cut (ที่เราสั่ง) และหมูสามชั้นจากเกาะคิวชู เสิร์ฟพร้อมไข่ไก่ออร์แกนิก โมจิย่างหอมๆ และข้าวสวยถ้วยใหญ่ ห้ามพลาด Spicy Miso Pork Nabe นาเบะที่เอาใจคนรักการกินเผ็ดด้วยน้ำซุปรสแซ่บร้อนแรง ใส่ผักนานาชนิดเต้าหู้นุ่มนิ่ม และพระเอกอย่างลูกชิ้นหมูเด้งโฮมเมดเนื้อแน่น เพิ่มพลังงานด้วยเส้นราเมนทำเอง ที่ให้สัมผัสเหนียวนุ่มอย่าบอกใคร ยังไม่อิ่มสั่ง Hata Fish ปลาเก๋าญี่ปุ่นเนื้อสดเด้ง มาเพิ่มหน่อยก็ไม่เสียหาย   เป็นความอร่อยที่ไม่มินิเลย

แฟนคลับชาบูหม่าล่าต้องร้องว้าวเพราะ “Shoo Loong Kan” (เสี่ยวหลงข่าน) ชาบูสัญชาติจีนชื่อดังตรงดิ่งมาแลนด์ดิ้งที่ ‘ไอคอนสยาม’ จุดเด่นที่ทำเอาแฟนคลับหม่าล่าหวั่นไหวเลยคือน้ำซุป ‘บัตเตอร์หม่าล่า’ หม่าล่าน้ำมันวัวรสเผ็ดร้อนได้ความหอมจากสมุนไพรนำเข้า ผสมความครีมมีของเนยชั้นดี นอกจากนี้ยังมีน้ำซุปดั้งเดิมชนิดอื่นๆ อย่าง น้ำซุปกระดูกหมู น้ำซุปมะเขือเทศ และน้ำซุปเห็ด (เด็ดจริง) ในส่วนของวัตถุดิบก็มีให้เลือกมากมายทั้งเนื้อ หมู และซีฟู้ดสดเด้ง เสิร์ฟคู่น้ำจิ้มซิกเนเจอร์อย่าง ‘น้ำจิ้มเสฉวน’ ที่มีกลิ่นหอมเตะจมูกของน้ำมันงา แต่หากใครอยากได้รสชาติเฉพาะก็สามารถปรุงเองได้อย่างตามใจ พร้อมเอ็นจอยไปกับบรรยากาศหรูหราสไตล์จีน ที่ตกแต่งด้วยโคมมงคลสีแดงและเหลือง นอกจากนี้ที่ร้านยังมีโซนไพรเวทสำหรับโอกาสพิเศษ หรือลูกค้าที่ชอบความเป็นส่วนตัวด้วยนะ เริ่มที่ของกินเล่นกันก่อน ข้าวเหนียวทอด ดูน่าสนใจ ข้าวเหนียวทอดร้อนจี๋ แป้งสีเหลืองทองกรอบนอก ภายในนุ่มหนึบ จิ้มน้ำตาลทรายแดงเคี่ยวรสหวานกลมกล่อม ตามด้วย เนื้อวัวหั่นมือ เอาใจสายเนื้อกันสักหน่อย เนื้อคุณภาพแร่บางกำลังดี โรยหน้าด้วยพริกและกระเทียม ลิ้นวัว ดึงดูดความสนใจเราด้วยรูปทรงดอกกุหลาบงดงาม ให้สัมผัสนุ่มสู้ฟัน สไบนางดำ กระเพาะวัวชิ้นพอเหมาะ ไร้กลิ่นสาบ ใครไม่กินเนื้อต้องนี่เลย หมูสามชั้น คุณภาพ เนื้อแทรกมันนุ่มๆ จุ่มน้ำซุปอะไรก็อร่อย หรือจะเป็น สันคอหมู สดใหม่ ชิ้นพอดีคำ ลองสั่ง หลอดเลือดหัวใจหมู เด้งๆ นุ่มๆ กินเพลิน ไส้หมู ไม่เหนียวแต่อย่างใด ห้ามพลาด หมูบดกุหลาบ ลูกชิ้นหมูบดสไตล์โฮมเมด เนื้อนุ่มแน่น เคล้ากลับกุหลาบหอมๆ กินหม้อไฟทั้งทีจะขาดผักมีประโยชน์ไปได้อย่างไร ผักรวม นี่แหละคุ้ม เพราะมีทั้งข้าวโพดหวาน แครอต และผักใบเขียว ต่อด้วย มันฝรั่งสไลด์ แผ่นหนาพอเหมาะ กินง่าย โอชุนสไลด์ ผักเมืองหนาวที่ให้ความกรุบกรอบ หน่อไม้รมควันเฉิงตู หน่อไม้สดกรุบๆ นำมารมควันให้หอมฟุ้ง หรือใครชอบ หน่อไม้ ธรรมดา ที่นี่ก็มีนะ ฟองเต้าหู้ ของโปรดสายฟู้ดหลายคน ชุ่มไปด้วยน้ำซุปร้อนๆ ล้างปากด้วยของหวานสไตล์จีน ปิ่งเฟิ่น วุ้นหิมะเนื้อเด้งดึ๋ง เสิร์ฟเคียงแตงโมรสหวานฉ่ำ และธัญพืชต่างๆ อร่อยกันไปยาวๆ ถึงตีสามเลย

กินชาบูคนเดียวแบบไม่เขิน Shabu Baru (ชาบู บารุ) ร้านชาบูสไตล์ญี่ปุ่นกับสาขาใหม่ ชั้น 3 เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชื่อร้าน Shabu Baru นั้นมาจากคำว่าบาร์ ไฮไลต์จึงเป็นเมนูชาบู-ชาบูและสุกี้ยากี้ในหม้อเดี่ยวส่วนตัว ให้ทุกคนนั่งเอนจอยกับมื้อโปรดได้แบบไม่เหงา เซ็ต Shabu-Shabu ของที่นี่ดีงาม น้ำซุปรสชาติอูมามิจากสาหร่ายคอมบุ มาพร้อมชุดผัก กินกับน้ำจิ้ม Gomadare รสชาติเข้มข้น น้ำจิ้มพอนซึ หรือจะปรุงน้ำจิ้มเองก็ได้เช่นกัน ส่วน Sukiyaki ก็มาพร้อมน้ำซุปดำรสเค็มหวานกำลังดี ชุดผัก ข้าวญี่ปุ่น และไข่ไก่ออร์แกนิค แถมยังเลือกเมนูเสริมทัพได้อีกเพียบ อาทิ เส้นเต้าหู้ เส้นอุด้ง ลูกชิ้น ฟองเต้าหู้ ฯลฯ มาถึงพระเอกของร้านอย่างเซ็ตเนื้อเกรดพรีเมียมจากญี่ปุ่นที่สั่งได้ทั้ง Kobe Striploin เนื้อวากิวสายพันธุ์ทาจิมะ เนื้อดังจากเมืองโกเบที่ถูกเลี้ยงอย่างดี เนื้อจึงนุ่มอร่อย ละลายในปาก Yamagata Ribeye Striploin เซ็ตเนื้อวากิว A4 นุ่มลิ้น ลายหินอ่อนสวยจากจังหวัดยามากาตะ   หรือจะเลือกเป็น Genmai Kuro Ushi Ribeye / Striploin เซ็ตเนื้อ A3 เนื้อวัวดำสายพันธุ์คาโกชิมะที่นิยมนำมาขุนด้วยข้าวกล้องเกนไม รวมถึงเซ็ต Kagawa Chuck Roll เนื้อลูกครึ่งระหว่างพ่อวัววากิวกับแม่วัวนมญี่ปุ่นที่เลี้ยงดูในอากาศอบอุ่น อายุ 24-27 เดือน ทำให้เนื้อรสชาติดี เหมาะกับแกว่งไกว่ทั้งในน้ำซุปชาบู-ชาบู และสุกี้ยากี้ ส่วนใครไม่ใช่สายเนื้อก็สั่งเป็นชุดหมู Kagoshima Kurobuta หรือชุดปลา Kinmedai Fish แทนได้ อย่าลืมสั่ง Monko Ika ปลาหมึกสดเคี้ยวสนุกสู้ฟัน ที่แค่จิ้มพอนซึก็อร่อยแล้ว ติดอันดับร้านในใจไปอีก 1 ร้าน

เข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาวใครที่กำลังมองหาร้านชาบูสุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่นหน้าใหม่ ขอแนะนำ Sesame Shabu Shabu ที่ตั้งอยู่ในโครงการ Bambini Villa โดยมาพร้อมกับมู้ดอบอุ่นละมุนใจจากเฟอร์นิเจอร์ไม้สีเบจรับกับแสงธรรมชาติ ให้ความรู้สึกเรียบง่ายผ่อนคลายสไตล์วาบิซาบิ แม้จะโดดเด่นด้วยชาบูสุกียากี้ที่มีให้เลือกทั้งแบบ Set Menu และ A La Cart แต่ทางร้านยังมีข้าวหน้าด้งและของกินเล่นหลากหลายให้เลือกสั่งมาชิม โดยมาพร้อมกับบาร์เครื่องดื่มขนมหวานที่สามารถแวะมาเอนจอยแบบเบาๆ ได้เช่นกัน เริ่มด้วย Ankimo Ponzu (270.-) ตับปลาอังกิโมะนึ่ง ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นฟัวกราส์แห่งทะเล เนื้อสัมผัสครีมมี่นวลละมุนลิ้น กินกับซอสพอนสึ ต้นหอม หัวไชเท้าเผ็ดและพริกญี่ปุ่น ต่อด้วย A5 Wagyu Ichibo Shabu Set (1290.-) เนื้อวากิวโอมิส่วนสะโพกจากจังหวัดชิงะ ที่มาพร้อมกับลายหินอ่อนของมันแทรกสวยๆ สัมผัสนุ่มละมุน เสิร์ฟกับเซ็ตผักสด และเส้นอุด้ง หากใครไม่กินเนื้อทางร้านยังมี Red Grouper Fish ปลาเก๋าแดงไร้คาวเนื้อเด้งหวานฉ่ำ ที่กินคู่กับซิกเนเจอร์ซอสแล้วยิ่งอร่อยลงตัว หรือจะสั่งเป็น A5 Wagyu Chuckroll Sukiyaki Set (1290.-) เซ็ตสุกียากี้ที่ประกอบด้วยเนื้อชัคโรล เนื้อวากิวสันคอที่มีไขมันแทรกแบบพอดี นุ่มละลายในปาก ชุดผักสดและข้าวสวย เมนูข้าวแนะนำ Tempura Don (280.-) ข้าวด้งเทมปุระชามใหญ่ที่เรียงมาด้วยกุ้งเทมปุระชิ้นโต และโครเกต์ครีมปู ช่วยเสริมทัพความอิ่มท้องได้เป็นอย่างดี ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง Monaka Ice-cream (190.-) ขนมที่ทำจากแผ่นแป้งโมจิอบกรอบคล้ายเวเฟอร์ สอดไส้ไอศกรีมงาดำเข้มข้นหอมมันสูตรเฉพาะของร้าน จับคู่กับ Okumidori Clear (160.-) ชาเขียวสุดเข้มข้นไม่ใส่นม จากใบชาคุณภาพดี จบมื้อนี้ได้สมบูรณ์แบบ

ชวนคนรักชาบูมาใช้เวลากับความสุขตรงหน้า Shabu Nashi ร้านชาบูสไตล์ญี่ปุ่นเปิดใหม่ ที่จะพาทุกคนไปสัมผัสประสบการณ์การกินชาบูอันเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนให้หลงใหลที่ ศูนย์การค้า เอราวัณ แบงค็อก โดยทาง Shabu Nashi ตั้งใจเสิร์ฟความสุขในบรรยากาศการจำลองบ้านในประเทศญี่ปุ่น พร้อมให้ความสำคัญกับงานดีไซน์เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่มากด้วยฟังก์ชัน ภายในร้านอบอวลไปด้วยความหอมกรุ่นของน้ำซุป มีที่นั่งให้เลือกมากมายทั้งโซนหน้าเคาน์เตอร์บาร์ และที่นั่งรอบตัวร้าน ให้ทุกคนได้อิ่มจุกๆ กับหม้อส่วนตัวตรงหน้า เนื่องจากคำว่า Nashi (นา-ชิ) แปลว่า ‘ไม่มี’ ในภาษาญี่ปุ่น ทางร้านจึงเน้นความเรียบง่าย เลือกเสิร์ฟน้ำซุปใสเพียงแบบเดียวเท่านั้น แต่อัดแน่นด้วยคุณภาพผ่านรสชาติและรสสัมผัสที่ผ่านการเคี่ยวอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้ได้น้ำซุปรสกลมกล่อมที่จะช่วยขับเน้นรสชาติของเนื้อได้เป็นอย่างดี   ส่วนเสน่ห์ที่ว่าจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากน้ำซุปรสกลมกล่อม น้ำจิ้มสูตรพิเศษ และวัตถุดิบคุณภาพ องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เราทุกคนหลงใหล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเนื้อระดับพรีเมียมส่วนริบอาย ที่ทางร้านเน้นเสิร์ฟเนื้อสไลซ์ชิ้นใหญ่โชว์ลายมันแทรก มีให้เลือกอิ่ม 4 ชนิด เสิร์ฟพร้อมชุดผัก และอาหารเรียกน้ำย่อยอย่าง สลัดผักคอสสด และ ไข่นกกระทายางมะตูม ราดซอสสูตรพิเศษ มื้อนี้เราเลือก Premium Local Beef เนื้อริบอายจากแหล่งผลิตเนื้อวัวสายพันธุ์ไทยที่ดีที่สุดในประเทศ เสน่ห์อยู่ที่รสชาติของเนื้อแดง มีความเข้มข้นอร่อยลงตัว เพิ่มมิติของรสชาติด้วยน้ำจิ้มสูตรโฮมเมด 2 สไตล์ อย่าง 'พอนสึ' ได้ความหอมของยูซุชัดเจน รสเปรี้ยวสดชื่นช่วยตัดเลี่ยน และ ‘น้ำจิ้มงา' เนื้อเนียน ให้รสหวานหอม ช่วยชูรสให้เนื้อได้ดีทีเดียว ต่อด้วย Kuroge Wagyu ชุดเนื้อวัวสายพันธุ์ผสมระหว่างวากิวและแองกัส เป็นเนื้อแดงจากจังหวัดอิวาเตะของญี่ปุ่น หรือที่เรียกกันว่า Wagyu F1 เนื้อชิ้นใหญ่พิเศษมีมันแทรก ให้รสสัมผัสที่นุ่มละลายในปาก สำหรับใครที่ไม่กินเนื้อทางร้านยังมี เนื้อหมูส่วนสันนอก ที่ติดกับสามชั้นคอยบริการ และนอกจากนี้ยังเพิ่มความอิ่มท้องด้วยอุด้งเส้นสดหรือข้าวญี่ปุ่นก็ได้เช่นกัน ตบท้ายด้วย กรานิตาผลไม้ มีให้เลือกทั้งรสมะม่วงและลิ้นจี่ ช่วยให้ความสดชื่นก่อนเดินออกจากร้าน

ยกให้เป็นร้านหม่าล่าหม้อไฟสไตล์เสฉวนที่ใหญ่และยูนีคที่สุดย่านพระราม 3 สำหรับ MJ Hotpot โดดเด่นด้วยการตกแต่งร้านที่มาพร้อมกับวิวสวนสีเขียวและลำธาร บรรยากาศดีเหมือนอยู่ต่างจังหวัด เหมาะกับการแวะมาอิ่มอร่อยและรีชาร์จความสุขไปพร้อมๆกัน ภายในแบ่งออกเป็น 2 ชั้น โดยออกแบบมาให้มีลักษณะเหมือนกับคาเฟ่ที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้าเขียวขจี อีกทั้งยังเลือกใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน ช่วยเสริมความอบอุ่น โปร่งโล่งสบายตา ฉีกทุกกฎของการเป็นร้านหม่าล่าหม้อไฟที่เคยพบเห็น ที่นี่เน้นเสิร์ฟเป็นวัตถุดิบคุณภาพดีตั้งแต่ราคาเบาๆ เข้าถึงง่าย ไปจนถึงวัตถุดิบเกรดพรีเมียม อาทิ เนื้อสันใน สันนอกวากิวญี่ปุ่น A5 เนื้อวากิวออสเตรเลีย เนื้อแกะออสเตรเลีย เนื้อโคขุนของไทย ซึ่งหากใครไม่รับประทานเนื้อวัวทางร้านยังมี สันคอหมูคุโรบุตะ ไส้เป็ด ซี่โครงหมูหม่าล่า ไก่หมักงา ตลอดจนซีฟู้ดอย่าง กุ้งบดคาเวียร์ เนื้อปลาวัวจากทะเลจีนใต้ โฮตาเตะ หอยนางรม และเมนูสุดพิเศษอีกมากมาย ที่เมื่อกินกับน้ำซุปรสเข้มข้นทั้ง 4 รสชาติรับรองว่าไม่ผิดหวัง นอกจากนี้ทางร้านยังมีบาร์เครื่องดื่มที่จัดเต็มทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ ม็อคเทล ค็อกเทล ให้สายชิลได้นั่งเอ็นจอยกันไปยาวๆ ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืน ตอบโจทย์ทุกความต้องการ

ฤดูกาลแห่งชาบูไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ฉะนั้นใครเป็นสายกินต้องไม่พลาด Shuushabu” ร้านชาบูพรีเมี่ยมสไตล์ไต้หวัน สาขาเดอะพาซิโอ กาญจนาภิเษก ที่มาในบรรยากาศสบายๆ ด้วยผนังสีขาวและสีน้ำตาลอ่อน เข้าคู่กับเฟอร์นิเจอร์สีเทาและครีม พร้อมให้คุณเอ็นจอยกับบุฟเฟต์ชาบู ที่ขนทั้งขบวนของกินเล่นหลากเมนู เนื้อชั้นดี และหมูคุณภาพ มาพร้อมราคาน่ารักๆ ที่เริ่มต้นเพียง 399++ บาท เท่านั้น แต่ครั้งนี้เราเลือก Ultimate Set (899++ บาท) จัดเต็มทุกอย่างในแบบฉบับฟู้ดดี้ตัวจริง สั่งของกินเล่นมาเรียกน้ำย่อยกันก่อนดีกว่า ฮะเก๋าทรัฟเฟิล แป้งสีดำบางกริบ ห่อกุ้งเนื้อหวาน ผสานน้ำมันทรัฟเฟิลหอมฟุ้ง ขนมจีบกุ้ง ลูกใหญ่จุใจ สาหร่ายห่อกุ้ง เนื้อแน่น จิ้มซอสเปรี้ยวเข้ากัน ตามมาด้วย ลูกชิ้นสำนักชูว์ ลูกชิ้นซิกเนเจอร์ของทางร้าน เนื้อเหนียวนุ่ม จิ้มซอสหวาน ปลาเส้นทอดหมื่นลี้ ก็กินเพลิน เพราะไร้กลิ่นคาว ปอเปี๊ยะหมูมงคล ทอดร้อนจี๋ ภายในสอดไส้หมูเนื้อแน่น หอมกรุ่นกลิ่นพริกไทย ร้านนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องหมั่นโถว มาแล้วห้ามพลาด หมั่นโถวปรมาจารย์ หมั่นโถวโฮมเมดเนื้อนุ่มหวาน ประกบชีสครีมมีเยิ้มๆ หมั่นโถวนมข้น หวานฉ่ำ หรือจะเลือกซอสมันม่วงก็ฟินเหมือนกัน มาถึงคราวชาบูที่เรารักกันบ้างดีกว่า ครั้งนี้เราเลือกลอง น้ำซุปหม่าล่า รสเข้มข้น ที่คุณสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ตามใจ กับ น้ำซุปผัก รสหวานกลมกล่อม หนึ่งในน้ำซุปขายดีประจำร้าน เมื่อใส่ผักสดเสร็จแล้วก็ถึงเวลาของเนื้อกันบ้าง ตัวแรกเราลองเป็น เนื้อพับนอกวากิว สัญชาติออสเตรเลีย เนื้อนุ่มกำลังกินเพราะมีไขมันแทรกเล็กน้อย เนื้อพรีเมี่ยมชัค โชว์เดอร์ สไลซ์แผ่นใหญ่ ได้ใจคนรักเนื้อ เนื้ออีโบนี่ ท็อปไซส์ 120 วัน เนื้อลายหินอ่อนให้สัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ ต่อด้วย เนื้อเทนเดอร์ลอยน์ หรือที่เราเรียกว่า ‘เนื้อสันใน’ นุ่มๆ ชนิดที่ว่าไม่ต้องตุ๋นเลยทีเดียว เนื้อสะโพกวากิว นุ่มแน่น มีไขมันน้อย เนื้อแบล็กแองกัส นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย เนื้อลายหินอ่อน มีไขมันแทรกอยู่ทั่วชุ่มฉ่ำ มีตเลิฟเวอร์ต้องสั่ง ลิ้นวัว พรีเมี่ยม อาร์เจนติน่า เนื้อเด้งสู้ฟัน หันมาชิมเนื้อหมูกันบ้าง หมูโคจิบูตะสันคอ เนื้อค่อนข้างนุ่ม ได้ความหวานเล็กๆ จากไขมันที่แทรกอยู่ในเนื้อ หมูคุโรบูตะสามชั้นสไลซ์ ที่ฟู้ดดี้เลิฟ และ หมูคุโรบูตะสันคอ เป็นส่วนเนื้อที่มีมันแทรก กินอร่อย หมูคุโรบุตะสะโพก ฉ่ำลิ้น เหมาะมากกับน้ำซุปหม่าล่ารสเผ็ดร้อน พักจากชาบูมากิน สุกียากี้สไตล์ญี่ปุ่น บ้างดีกว่า น้ำซุปรสหวานผสมเค็ม จิ้มพอนซึรสเปรี้ยวละมุน หรือน้ำจิ้มงาหอมมัน เป็นร้านที่เหมาะกับสายกินจริงๆ

นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก Shu Daxia (สู่ต้าเสีย) หรือหม่าล่าหม้อไฟหัวมังกร เพียงเปิดตัวไม่นานก็ไม่อาจต้านทานกระแสตอบรับสุดร้อนแรงในยุทธจักรนักกิน ที่หลายคนยอมต่อคิวรอหลายชั่วโมงเพียงเพื่อให้ได้สัมผัสประสบการณ์แพลตเตอร์เนื้อหม้อไฟในบรรยากาศสุดอลังการสักครั้ง สู่ต้าเสียได้รับการยกย่องให้เป็นแบรนด์หม่าล่าหม้อไฟที่ดีที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของจีน ต้นตำรับจากเมืองเฉิงตู ปัจจุบันมีสาขามากกว่า 600 สาขา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ล่าสุดคือสาขาในประเทศไทยที่เพิ่งสร้างตำนานบทใหม่ที่สวยและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยสถาปัตยกรรมจีนโบราณที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม เหมือนยกโรงเตี๊ยมจักรพรรดิ์มาไว้ที่เมืองไทย นอกจากความอลังการของสถานที่ บนโต๊ะอาหารยังเป็นศูนย์กลางของความน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยหม้อไฟหัวมังกรที่เชื่อกันว่าจะทำให้หม้อไฟมีความสว่างไสวด้วยการระเบิดลมหายใจของมังกร รายล้อมด้วยแพลตเตอร์ไม้ประกบเป็นวงกลมซึ่ง ชุดแพลตเตอร์ ถือเป็นซิกเนเจอร์ห้ามพลาด วางเรียงรายโดยรอบด้วยเนื้อและหมูที่เลือกได้ตามความชอบ จากนั้นเลือกน้ำซุปที่มีมากถึง 7 สูตร แต่ถ้าเลือกไม่ถูกยืนหนึ่งขอยกให้ซุปหม่าล่า รสชาติเผ็ดร้อนสไตล์เฉิงตู ซุปกระดูกหมู คอลลาเจนหอม เข้มข้น เหมาะสำหรับคนไม่กินเผ็ด และซุปต้มยำกุ้งน้ำข้น ที่มีแค่ในเมืองไทยเท่านั้น อีกสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านคือน้ำจิ้มสูตรเด็ด ลูกค้าเลือกผสมได้เองตามสูตรที่กำกับไว้บนผนัง อาทิ สูตรสองจักรพรรดิ์ ช่วยชูรสให้กลมกล่อมไม่เป็นสองรองใคร แต่ถ้าครองใจยุทธภพต้องสูตรจอมยุทธ์ เป็นต้น สำหรับเมนูเสริมทัพอื่นๆ ยังมีให้เลือกสั่งมากมาย อาทิ ซี่โครงหมูหมัก(หม่าล่า), ตับหมูต้าเตา, ปลากระพงขาว, เครื่องในสามสหาย, กุ้งหยินหยาง, เนื้อนุ่มจุ่มนม, บะหมี่แฮนด์เมด, เส้นมันหวาน เป็นต้น ส่วนของทานเล่น แนะนำ ข้าวเหนียวทอดน้ำตาลแดง กรอบๆ หนึบๆ เคี้ยวเพลินๆ หรือจะเป็น หมั่นโถวทอด จิ้มนมข้นก็ล้วนดีต่อใจ ก่อนปิดท้ายมื้อด้วย แตงโม หวานฉ่ำ ล้างปากได้แบบสดชื่น หากถามถึงร้านที่เป็นเดอะมัสต์แห่งปี เราเทใจให้ร้านนี้แน่นอน

โด่งดังจากบุฟเฟต์ปิ้งย่างจนล้นหลาม งานนี้ AKA Japanese Restaurant ขอมาทวงบัลลังก์ตลาดชาบูกันบ้างกับ AKA Shabu” ร้านบุฟเฟต์ชาบูสไตล์อากะ ที่ตั้งอยู่ที่ ‘เซ็นทรัลปิ่นเกล้า’ โดนใจชาวฝั่งธนฯ ร้านตกแต่งสไตล์  Japan Street Night Life โดดเด่นด้วยสีน้ำเงินสดและสีส้มสดใส ภายในร้านมีทั้งโต๊ะสำหรับครอบครัวและเคาต์เตอร์บาร์สำหรับนั่งกินคนเดียว อร่อยไม่ต้องง้อใคร อากะชาบูจะมีโปรฯ ให้เลือก 3 อย่าง อาทิ Meat Lover สำหรับคนรักเนื้อและหมู Regular ที่เราเลือก เหมาะกับคนเลิฟทั้งหมู เนื้อและซีฟู้ด  และสุดท้ายเป็น Premium ที่เสิร์ฟทั้งเนื้อชั้นดี และอาหารทะเลอย่าง กุ้งแม่น้ำตัวโต และหอยแมลงนิวซีแลนด์ตัวอวบอ้วน ส่วนของกินเล่น ของหวาน ผักสดและน้ำจิ้มต่างๆ ที่ร้านมีสเตชั่นให้คุณบริการตัวเองได้อย่างจุใจ ในด้านน้ำซุปจะมีทั้ง น้ำซุปดำ รสหวาน น้ำซุปยุซุ รสเปรี้ยวกลมกล่อม น้ำซุปต้มยำ รสแซ่บพอดี และน้ำใส รสนุ่มนวล เข้าคู่กับ สันคอเนื้อ นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เบเคอนเนื้อ สัญชาติออสเตรเลีย เอาใจเด็กอ้วน ใครไม่กินเนื้อมาทางนี้เลย สันคอหมูคุโรบุตะ จิ้มกับ ชีสดิป หอมมัน เข้ากันกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะของอากะพอดี หมูบดซึคุเนะ หมูบดไม้ไผ่สไตล์อากะ กินเพลิน คนรักซีฟู้ดห้ามพลาด หมึกเจาะ เนื้อหนึบหนับ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว ปลากะพง เนื้อแน่น ยังมี กุ้ง เนื้อสด เหมาะมากสำหรับน้ำซุปต้มยำรสเด็ด ล้างปากด้วยคาราวานของหวานอย่าง แพนเค้ก เนื้อนุ่มฟู ที่คุณสามารถทำเองได้อย่างตามใจ รวมไปถึง วัฟเฟิล ขนมรังผึ้งกลิ่นหอม เยลลี่ฟรุ๊ตสลัด รสผลไม้ต่างๆ ไอศกรีมชาเขียว ชื่นใจ ปิดท้ายด้วย น้ำมะนาวช็อต รสเปรี้ยวชื่นใจซิกเนเจอร์ประจำร้านที่ขาดไม่ได้

สายฟู้ดที่เป็นแฟนคลับ “Beauty in The Pot” ร้านชาบูหม้อไฟพรีเมียมจากดินแดนสิงคโปร์ไม่ต้องบินไกลอีกต่อไป เพราะทางร้านเปิดสาขาแรกในเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว โดยโลเคชั่นจะอยู่ใน Somerset Rama 9 Bangkok โรงแรมใจกลางกรุงฯ ย่านพระราม 9 (Mrt พระราม 9) หน้าร้านมีตุ๊กตาหมีสีฟ้าน่ากอดไว้คอยต้อนรับลูกค้า ภายในจะพบกับบรรยากาศหรูหรา ตัวร้านตกแต่งด้วยสีทองผสานกับโซฟาหนานุ่มสีฟ้าสบายตา ผนังกระจกใสลำเลียงแสงแดดอบอุ่นเข้ามา บวกกับแสงไฟจากแชนเดอเลียร์ใหญ่ยิ่งทำให้มู้ดแอนด์โทนอลังการ เคล้าไปกับฮอตพอตร้อนๆ ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Health & Beauty Premium Hotpot” ซึ่งเน้นเรื่องวัตถุดิบคุณภาพและกรรมวิธีโฮมเมด โดยทางร้านจะมีน้ำซุปให้เลือกฟินอยู่ 6 สไตล์ อาทิ ซุปคอลลาเจน ดาวเด่นประจำร้าน ที่ผ่านการเคี่ยวยาวนานกว่า 8 ชั่วโมง ให้รสหวานกลมกล่อม ซุปหม่าล่า หรือที่ร้านจะเรียกว่าเสียงล่า รสเผ็ดร้อนพอดี เข้มข้นไม่ฉุนจนเกินไป ครีเอทมาจากสมุนไพรจีนต่างๆ เช่น โสม ตังกุย อันทผาลัมแดง และน้ำมันพริกเสฉวน ใครชอบความเปรี้ยวกลมกล่อมต้องนี่เลย น้ำซุปมะเขือเทศ ยังมี น้ำซุปเห็ดรวม เอาใจชาววีแกน น้ำซุปมะพร้าวอ่อน ความฟินแบบไลท์ๆ ที่รังสรรค์จากน้ำและเนื้อมะพร้าวอ่อน ซี่โครงไก่ และเห็ดหูหนูขาว สุดท้ายคือ น้ำซุปไก่แช่เหล้า ซุปบำรุงกำลังชั้นดีที่ได้จากไก่บ้าน และสมุนไพรจีนนานาชนิด เมื่อเลือกน้ำซุป 4 ชนิดแล้วก็ถึงเวลาอร่อย เราสั่ง Assorted Beef & Pork Platter เซ็ตเนื้อและหมูที่ประกอบไปด้วย หมูสามชั้นสไลซ์อย่างดี สันคอหมูกินอร่อย เนื้อวากิว A4 นุ่มๆ ฉ่ำลิ้น และเนื้อลูกเต๋านำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย กินคู่น้ำจิ้มสูตรต่างๆ เฉพาะของทางร้านเข้ากันดี ตามด้วยทีเด็ดของร้าน Ebiko Prawn Paste ลูกชิ้นกุ้งสไตล์โฮมเมดเนื้อเหนียวนุ่ม ผสมกับไข่กุ้งกรุบๆ กินกี่คำก็ติดใจ ต่อกันที่ Assorted Dumping Platter ชุดเกี๊ยวรวมทำเองลูกโตๆ มีทั้งเกี๊ยวหมูม้วน เต็มคำ เกี๊ยวหมูผสมกุยช่าย เกี๊ยวกุ้งม้วน เนื้อหวาน และเกี๊ยวกุ้ง ตัวโตๆ มาแล้วห้ามพลาดกับ Signature Homemade Fish Tofu เต้าหู้ปลาสูตรเฉพาะของทางร้าน รูปปลาน้อยสวยงามน่ารับประทาน ครีเอทมาจากน้ำเต้าหู้และไข่ขาว เนื้อนุ่มนิ่มแทบละลายในปาก Fried Beancurd Skin ฟองเต้าหู้ทำเองชิ้นใหญ่ๆ ชุ่มไปด้วยน้ำซุปรสกลมกล่อม คนรักซีฟู้ดต้องสั่ง Fresh Drunken Tiger Prawn กุ้งลายเสือตัวบิ๊กเบิ้มแช่เหล้าชั้นดี เนื้อเด้งหวาน เมนูนี้เราเลิฟ Japanese Scallop หอยเชลล์ตัวอวบอ้วนที่ส่งตรงมาจากดินแดนอาทิตย์อุทัย สามารถกินในแบบฉบับซาซิมิได้ เนื้อสดหวานฟินเวอร์ Assorted Ball Platter ก็ทีเด็ด เซ็ตรวมลูกชิ้นสไตล์โฮมเมดที่ให้คุณได้อร่อยไปกับ ลูกชิ้นปลาแต้จิ๋ว รสหวาน ลูกชิ้นหมูกระดูกอ่อน กรึบๆ เคี้ยวเพลิน ลูกชิ้นไก่พริกไทยดำ รสเผ็ดพอดี และลูกชิ้นปลาหมึก หนึบหนับ ยังมี Potato Wide Vermicelli ที่ไม่สั่งไม่ได้เลย เส้นมันหวานที่ให้สัมผัสหนึบนุ่ม สู้ฟันกำลังดี ได้โปรตีนกันเต็มๆ แล้วสั่งผักมาเสริมวิตามินกันบ้าง ทั้ง รากบัว สมุนไพรจีนกรุบกรอบ ปวยเล้ง รสหวานที่หลายคนชอบ ผักกาดขาว สุดป็อปที่ขาดไม่ได้ และ ผักคอส ลวกสุกกำลังดี ไม่เหม็นเขียวแต่อย่างใด อิ่มแล้วตบท้ายด้วยผลไม้สดชื่นได้เลย

แก้อาการคิดถึงญี่ปุ่นได้ในทันที ชาบู บาย โออิชิ (SHABU By OISHI) ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งใหม่บนชั้น 6 เซ็นทรัล พระราม 9 จากโออิชิ ที่มาพร้อมบรรยากาศสบายๆ เลือกอิ่มได้ทั้ง A La Carte และแบบ Set Menu นอกจากจะชูจุดเด่นเป็นวัตถุดิบคุณภาพดีอย่างเนื้อวากิวญี่ปุ่น A4 เนื้อวากิวออสเตรเลีย หมูคุโรบูตะ เนื้อยูเอส (พื้นท้อง) เนื้อออสเตรเลีย (สันคอ) อาหารทะเลสดใหม่ ฯลฯ ที่ร้านยังมาพร้อมคอนเซ็ปต์สุดสนุก โดยเราสามารถสั่งเมนูที่ต้องการผ่านการแสกน QR Code จากนั้นอดใจรอไม่นาน รถไฟจำลองบนสายพานก็จะวิ่งมาเสิร์ฟอาหารถึงที่ เราแนะนำให้สั่งเมนูเด็ดอย่าง รวมเนื้อหมู (XXL) จานใหญ่จุใจที่วัดขนาดจานได้ยาว 1 ช่วงแขน! รับประกันว่าจานนี้เต็มอิ่ม น้ำซุปของทางร้านเลือกได้ 2 รสชาติใน 1 หม้อ (มีทั้งหม้อชาบูส่วนตัวและหม้อเดี่ยว) ทั้งน้ำซุปชาบู ชาบู น้ำซุปใสรสชาติกลมกล่อม เหมาะสำหรับเนื้อหมูและซีฟู้ด กินคู่น้ำจิ้มพอนสึ น้ำซุปสุกี้ยากี้ น้ำซุปดำรสเค็มหวาน เหมาะสำหรับคีบเนื้อวัวและเนื้อหมูลงไปแกว่งไกว จิ้มกับไข่ดิบเข้ากัน หรือจะลองน้ำซุปมิโซะที่กลิ่นหอมๆ จากมิโซะเข้ากับเนื้อหมูและผักสดเป็นพิเศษ และอย่าพลาดน้ำซุปดาชิ น้ำซุปใสที่มาพร้อมกลิ่นหอมจากปลาแห้งและโชยุ เมนูอาหารญี่ปุ่นก็ทำออกมาได้ดีสมเป็นโออิชิ อาทิ อิคุระแซลมอนจัมโบ้มากิ ที่คนรักอิคุระน่าจะถูกใจ คิวริกุนกัน มีทั้งหน้าแซลมอน ทูน่า อิคุระ และปลาไหลญี่ปุ่นย่าง ส่วนใครอยากลองทำมากิดูสักครั้ง ลองสั่ง ดี.ไอ.วาย มากิ มาห่อเองก็เพลินไปอีกแบบ อิ่มของคาวแล้วต่อด้วยของหวานอย่าง โมจิไอศกรีม โมจิเนื้อหนึบหนับสอดไส้ไอศกรีมชาเขียวเย็นเจี๊ยบชื่นใจ ปิดท้ายมื้อได้ดีเชียว

สร้างความตื่นเต้นให้กับสายเกาอย่างเราไม่น้อย สำหรับ nice two Sea u ร้านอาหารซีฟู้ดเกาหลีน้องใหม่ในเครือ ร้านปิ้งย่างบาร์บีคิวเกาหลีสุดฮอตอย่าง nice two Meat u ที่ตอนนี้มาเปิดอยู่ภายในห้างไอคอนสยาม ชั้น 5 ท่ามกลางบรรยากาศชิลๆ วิวแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเน้นเสิร์ฟเมนูอาหารทะเลพรีเมียม สูตรเฉพาะที่พัฒนามาจากเมืองท่าปูซาน ประเทศเกาหลี เมนูแรก ไข่ตุ๋นชีส เนื้อไข่ตุ๋นฟูนุ่มเข้ากันได้ดีกับตัวชีสเยิ้มยืด ด้านบนโรยด้วยไข่กุ้งมาแบบพูนๆ  กินเพลินเป็นที่สุด ปลาหมึกซาชิมิ หรือซันนักจี เมนูหนวดหมึกสไตล์เกาหลี เนื้อหนึบหนับ ราดด้วยน้ำมันงาและน้ำจิ้มซีฟู้ด หอมฟุ้ง หวานเผ็ดในปาก หรือจะเลือกเป็น หอยสังข์ซาชิมิ ตัวอวบแล่มาเป็นชิ้นพอดีคำ กินพร้อมน้ำจิ้มเกาหลีสูตรเด็ดและวาซาบิ เนื้อกรุบเคี้ยวเพลิน เมนูยอดฮิตที่มาแล้วห้ามพลาด ปูทะเลดองซีอิ๊วเกาหลี ปูทะเลไข่แน่นๆ ดองด้วยน้ำซีอิ๊วรสหวานเค็ม ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บถึงใจ เมนูกระทะร้อนต้องลอง ปลาหมึกผัดซอสเกาหลี ที่พนักงานจะนำจูกูมิกับหอยเชลล์ไปผัดกับซอสโคชูจัง ต้นหอมและพริก จนสุกหอม จากนั้นจึงนำข้าวมาผัดกับซอสส่วนที่เหลือ ปิดท้ายด้วยการโรยไข่กุ้ง และสาหร่ายเพิ่มความฟิน อีกเมนูที่ดีไม่แพ้กัน คือ ขาปูทาราบะผัดซอสไข่เค็ม ผัดไข่เค็มมาแบบมันนัว จับคู่กับ ข้าวผัดมันปูอลาสก้า ท็อปด้วยไข่กุ้งมาให้เคี้ยวแบบกรุบๆ ล้างปากกันด้วย ซุปหมูสามชั้นเกาหลีและหอยตลับ ซุปเกาหลีสไตล์คนท้องถิ่นที่มักกินเพื่อแก้แฮงค์  ตัวซุปหวานกลมกล่อม กินแล้วรู้สึกสดชื่น โดยสามารถเลือกจับคู่กับข้าวหรือเส้นตามความชอบ นอกจากนี้ยังมีเมนูที่น่าสนใจอย่าง หอยเชอรี่สีทองอบเนยกระเทียม ไส้วัวและเนื้อวากิวกระทะร้อน ทะเลรวมผัดซอสเกาหลี และซุปเต้าเจี้ยวเกาหลี ที่ใครได้ลองเป็นต้องติดใจ

นักชิมหลายคนคงคุ้นเคยกับ HaiDiLao Hot pot ร้านชาบูหม้อไฟสไตล์จีนรสเด็ด ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในร้านที่รอคิวนานที่สุดกันอยู่แล้ว วันนี้เราจะพามาอัปเดตกันสักหน่อยกับสาขาใหม่ที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ( บริเวณชั้น 5 ) ที่นี่แหละไห่ตี้เหลาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีแอเรียให้สายฟู้ดรอคิวกันได้อย่างสบายๆ ระหว่างเข้าคิวใครอยากทำสวยก็เชิญไปที่บูธทำเล็บเก๋ๆ       หรือจะนั่งเก้าอี้นวดผ่อนคลายไปพรางๆ ก็แล้วแต่ คนรักเกมส์ต้องปลื้มบอร์ดเกมส์สนุกๆ ทางร้านก็มีเตรียมไว้ให้ ฟู้ดดี้คนไหนท้องร้องก็เดินไปมุมอาหารว่างที่มีทั้งขนม ไอศกรีม และเครื่องดื่มให้อิ่มอร่อยเป็นออร์เดิร์ฟก่อนกินชาบูรสอร่อย แวะมาพูดถึงความโดนเด่นของ HaiDiLao Hot pot กันบ้างดีกว่า นอกจากการบริการที่ขึ้นชื่อแล้ว เรื่องรสชาติอาหารและความหลากหลายก็ไม่แพ้กัน     มีทั้งน้ำซุปหม่าล่า (สามารถเลือกได้ทั้งน้ำมันพืชและน้ำมันวัว) น้ำซุปเห็ด น้ำซุปสามสหาย น้ำซุปเล้ง (หลายคนปลื้ม) น้ำซุปมะเขือเทศ และน้ำซุปต้มยำ กินพร้อมกับวัตถุดิบคุณภาพทั้งซีฟู้ด เนื้อแกะ เนื้อวัว และเนื้อหมู จิ้มกับน้ำจิ้มซิกเนเจอร์ ที่เราสามารถปรุงเองหรือให้พนักงานอำนวยความสะดวกก็ได้       เราเลือก น้ำซุปหม่าล่า (น้ำมันพืช) รสเผ็ดร้อน น้ำซุปสามสหาย รสกลมกล่อม ที่ได้มาจากไก่ตุ๋นกับเครื่องยาจีนต่างๆ น้ำซุปต้มยำ รสเผ็ดนุ่ม กำลังดี และสุดท้ายเป็น  น้ำซุปมะเขือเทศ เข้มข้น รสเปรี้ยวพอเหมาะ กินคู่กับเครื่องเคราแสนอร่อยอย่าง ล็อบสเตอร์ เนื้อสดเด้ง ที่มาเป็นตัวใหญ่ๆ อย่างอลังการ ปลากะพงแดง เนื้อหวาน แร่เป็นชิ้นพอดีคำ         หอยนางรม ตัวอวบอ้วน น่าหม่ำเสียนี่กระไร หอยเป๋าฮื้อ วัตถุดิบเลอค่าจากท้องทะเลก็มา หอยเชลล์ เนื้อสดแน่น ลวกให้สุกกำลังดี ลูกชิ้นกุ้ง อันนี้เด็ดมาก เป็นลูกชิ้นโฮมเมดเนื้อเด้งๆ จิ้มกับน้ำจิ้มอะไรก็รสชาติดี ไส้เป็ด เขาก็ว่าห้ามพลาด ให้สัมผัสหนึบๆ กินเพลิน หมูสามชั้น เนื้อนุ่ม มีมันแทรกนี่แหละของโปรดเรา         สันคอหมูคุโรบูตะ ใครกินก็ติดใจ ยังมี เต้าหู้งา เนื้อนุ่ม หอมกลิ่นงาอ่อนๆ เส้นนุ่มกังฟู ป็อปมากเมนูนี้ เพราะทางร้านให้คุณเอ็นจอยไปกับการม้วนเส้นสดโชว์ เพลิดเพลินแถมยังได้อิ่มอร่อย  เส้นมัน เนื้อนุ่มหนึบ ซู้ดคล่องคอน้ำซุปสไตล์ไหนก็ฟิน           ในส่วนของน้ำจิ้มก็มีให้เลือกมากมาย ขาดไม่ได้เลยคือ น้ำจิ้มไห่ตี้เหลา น้ำจิ้มแห้งซิกเนเจอร์ประจำร้าน ประกอบไปด้วยหมูสับ กระเทียม พริก ถั่วลิสง ผักชี กินกับน้ำซุปหม่าล่า หรือน้ำซุปสามสหายยิ่งเข้ากัน     เราติดใจ น้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรไต้หวัน รสเปรี้ยวนิดๆ เผ็ดกำลังดี ทำมาจากซีอิ๊ว น้ำมันงา ต้นหอม พริกและผักชี ส่วนใครชอบรสชาติหอมมัน เราแนะนำ น้ำจิ้มน้ำมันงา รสครีมมีแต่กลมกล่อม ได้เลย     ตอนเย็นมีการแสดงงิ้วเปลี่ยนหน้าด้วยนะ

ต้าถังหม้อไฟ (DA TANG HOTPOT) ร้านฮอตพอตสไตล์จีนแห่งใหม่กลางสยามสแควร์ที่ชูไฮไลต์เป็นน้ำซุปรสชาติเข้มข้นและวัตถุดิบพรีเมียม ตัวร้านสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ชั้นล่างตกแต่งสไตล์จีนโมเดิร์นสีสันฉูดฉาด ส่วนชั้น 2 โดดเด่นด้วยโคมไฟเหมือนหลุดออกมาจากฉากในภาพยนตร์ และชั้น 3 มาในธีมสรวงสวรรค์ สีทองสว่างสไวรวมถึงมีห้องไพรเวตพร้อมหม้อส่วนตัวไว้บริการอีกด้วย         น้ำซุปของที่ร้านมีให้เลือก 4 แบบด้วยกัน ทั้งซุปหม่าล่า ซุปพริกไทย ซุปข้าวตุ๋น และซุปผัก แต่ทีเด็ดต้องยกให้ซุปหม่าล่า รสเผ็ดจัดจ้านแต่ปรับสูตรให้กินแล้วลิ้นไม่ชา และซุปข้าวตุ๋นรสนุ่มนวลที่ได้จากการน้ำข้าวลงไปตุ๋นจนกลายเป็นน้ำซุปสีขาวขุ่น       ส่วนวัตถุดิบก็มีทั้งเนื้อวากิว A5 ชิ้นใหญ่ลายสวย นุ่มแทบละลายในปาก สามชั้นคุโรบูตะ,กุ้งกระบอกที่ทำจากเนื้อกุ้งล็อบสเตอร์ รวมถึงหมูห่มพริกเนื้อหมูสไลซ์โรยด้วยพริกแห้งสูตรพิเศษ มองเผินๆ แล้วเหมือนเผ็ดจัด แต่เมื่อชิมแล้วรสชาติเผ็ดพอดีแบบไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้ม         นอกจากนี้ยังมีปลากระพง หอยเชลล์ฮอกไกโด และปาท่องโก๋ตัวเล็กที่เหมาะสำหรับน้ำซุปข้าวตุ๋นเป็นพิเศษกินกับน้ำจิ้มชาบูไต้หวัน, น้ำจิ้มงา (แนะนำให้ใส่น้ำมันพริกผสมด้วย), น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ และน้ำจิ้มพอนสึ       หากยังไม่จุใจ ทางร้านมีเมนูอื่นรออยู่อีกหลายจาน อาทิ หมูเส้นทอดคลุกผงหม่าล่า ข้าวผัดปลาเค็มกุนเชียง เส้นมันญี่ปุ่นผัดหม่าล่าแห้งคุโรบูตะ ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยกะลอจี๊และหมั่นโถวทอด กรอบนอกนุ่มใน           ถูกใจคนรักอาหารจีนแน่นอน