PAULETTE BKK (พอล-เล็ตต์) คาเฟ่เปิดใหม่ให้ฟีลเมืองปารีส แต่เปลี่ยนจากวิวหอไอเฟลมาเป็นพระเจดีย์ ที่ประดิษฐานเป็นเจดีย์องค์ประธานของวัดราชบพิธ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางพระนคร ตัวคาเฟ่ตั้งอยู่ในย่านเมืองเก่าสุดคลาสสิกของกรุงเทพฯ บนถนนเฟื่องนคร หากผ่านไปผ่านมาต้องสะดุดตากับตึกสีครีมนวลๆ ด้านในตกแต่งด้วยสีขาวสลับชมพูอย่างน่ารักในสไตล์สาวปารีเซียงในลุคหวาน ส่วนจุดเช็กอินยอดนิยมจะเป็นมุมไหนไปไม่ได้นอกจากริมระเบียงของตึกทั้ง 4 ชั้น ที่สามารถออกไปนั่งโพสท่าถ่ายรูปคู่กับความสวยงามของวัดราชบพิธ มุมนี้จึงถือว่าเป็นพิกัดติดกระแสของเหล่าตัวแม่สายคอนเทนต์ในช่วงเวลานี้เลย นอกจากไวบ์ดีๆ ที่คาเฟ่แห่งนี้มอบให้แล้ว ทางร้านยังมีเมนูขนมแลเครื่องดื่มรอเสิร์ฟอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น Affogato กาแฟรสเข้มข้นราดบนไอศกรีมเย็นๆ ได้รสหวานหอมละมุน จับคู่กับ Paris Brest แป้งเอแคลร์อบใหม่สอดไส้อัลมอนด์พราลีน มีรสหวานเบาๆ หรือจะเป็น Salted Caramel Coffee กาแฟเอสเปรสโซผสานกับนม เพิ่มกิมมิคให้รสชาติด้วยความหวานหอมจากคาราเมล กินคู่กับ Red Velvet Choux ชูว์ไส้ครีมสรอว์เบอร์รี มีแยมสตรอว์เบอร์รีช่วยเสริมรสด้านใน ด้านบนเป็นแป้งคุกกี้อบกรอบ ก็อร่อยไม่แพ้กัน

Tag:

สาวกติ่มซำห้ามพลาด “All You Can Eat Yum Cha” บุฟเฟต์ติ่มซำสไตล์โฮมเมดที่ Asiatique Ancient Tea House ร้านอาหารจีนกวางตุ้งในบ้านเก่าร้อยปี ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งโครงการ เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ ที่ครั้งนี้จัดเต็มต้อนรับตรุษจีนปี 2025 ให้สายฟู้ดอิ่มอร่อยกับติ่มซำลูกโตๆ นึ่งสด และเมนูซิกเนเจอร์กว่า 30 รายการ ให้คุณได้เอ็นจอยกว่า1 ชั่วโมง 30 นาที พร้อมเสิร์ฟแล้วตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย 68 เท่านั้น แน่นอนว่าต้องเริ่มด้วยคาราวานติ่มซำต่างๆ เมนูแรกเป็น ฮะเก๋ากุ้ง ที่ใครเห็นเป็นต้องร้องว้าว! เพราะตัวแป้งจีบเป็นรูปปลาน้อยน่ารัก สอดไส้กุ้งเนื้อหวานเด้ง ต่อด้วย ขนมจีบหมู เมนูอร่อยคอมฟอร์ดฟู้ด ที่ทางร้านใส่ทั้งหมูเนื้อนุ่ม กุ้งและเห็ดหอม ทีเด็ดต้องนี่ ขนมจีบปูอลาสก้าและกุ้ง แป้งขนมจีบสีชมพูหวาน เข้ากันดีกับเนื้อปูอลาสก้าผสมกุ้งเต็มคำ ฝั๋นโก๋ผัก ก็ดีงาม ติ่มซำที่ให้ความกรุบกรอบจากผักนานาชนิด หอมกลิ่นทรัฟเฟิลอ่อนๆ เกี๊ยวกุ้งในซอสเสฉวน รสร้อนแรงของซอสเสฉวน ไปด้วยกันได้ดีกับเกี๊ยวกุ้งลูกใหญ่เนื้อแน่น ตามด้วยของทอดอย่าง พายกุ้งพาร์มาแฮมไส้ฟัวกราส์ แป้งพายหอมกลิ่นเนยฟุ้ง สอดไส้ตับห่านหอมมัน เสริมรสเข้มข้นด้วยพาร์มาร์แฮมชั้นดี ใครๆ ก็เลิฟ ยำแมงกะพรุน แมงกะพรุ่นเนื้อกรุบเด้งมิ๊กซ์น้ำมันงาหอมๆ กินเพลิน สะดุดตากับ มันม่วงทอดไส้กุ้งและหมู รูปหงษ์สีม่วงสง่างาม ได้รสหวานธรรมชาติของมันม่วงเนื้อเนียนและกุ้ง ห้ามพลาด ขนมผักกาดซอสเอ็กซ์โอ หนึ่งในเมนูดาวเด่นประจำร้าน ขนมผักกาดโฮมเมดเนื้อแน่นนุ่ม ได้รสเค็มกลมกล่อม ผัดพร้อมซอสเอ็กซ์โอสูตรเด็ดรสจัดจ้าน เติมความอิ่มเอมด้วย ข้าวผัดหมูแดง ความอร่อยอยู่ที่หมูแดงรสหวานเนื้อนุ่ม และข้าวสวยหอมกลิ่นกระทะเป็นที่สุด ซด ซุปเสฉวนทะเล ร้อนๆ กันดีกว่า รสเปรี้ยวปนหวานธรรมชาติที่ได้ซีฟู้ดสดเด้งอย่าง กุ้งตัวอวบ และหอยเชลล์หัวใหญ่ ก๋วยเตี๋ยวหลอดไส้กุ้ง ก็น่าสนใจ แป้งสีแดงเนื้อนุ่ม ห่อกุ้งทอดกรอบๆ เนื้อแน่นเด้ง ราดน้ำจิ้มสูตรเด็ดรสเปรี้ยวปนหวาน ยังมี ปลาเก๋าผัดซอสพริกไทยดำ ปลาเก๋าเนื้อสด ผัดพร้อมซอสพริกไทยดำรสร้อนแรงเข้มข้น สายฟู้ดต้องลอง กุ้งลายเสือผัดเปรี้ยวหวาน กุ้งลายเสือตัวบิ๊กเบิ้ม มิ๊กซ์กับซอสเปรี้ยวหวานกินง่ายที่ใครๆ ก็ชอบ ก่อนไปต่อกับ เต้าหู้ทอดกระเทียมและพริก เต้าหู้โฮมเมดเนื้อนิ่ม กินพร้อมกระเทียมและพริกรสร้อนแรง จบด้วยของหวาน สาคูแคนตาลูป หวานเย็นชื่นใจ และ แปะก๊วยครีมฟักทอง แปะก๊วยมากประโยชน์ อยู่ในครีมฟักทองรสหวานมัน กลมกล่อมกำลังดี จิบคู่ Milk Oolong ชาอู่หลงหอมกลิ่นชานมละมุน สวรรค์ของคนรักอาหารจีน

นักชิมคนไหนกำลังมองหาร้านอาหารบรรยากาศสวยอลังการ เราแนะนำ “Florae Restaurant” ร้านอาหารนานาชาติแห่งโรงแรมวาลีอา ซอยสุขุมวิท 24 ที่โดดเด่นด้วยการตกแต่งธีมผีเสื้อในสวนงดงาม ที่ใช้สีทองหรูหราเป็นหลัก แกมด้วยสีเขียวสบายตาของต้นไม้น้อยใหญ่ เพิ่มความมีชีวิตชีวาเข้าไปด้วยผีเสื้อสต๊าฟนานาพันธุ์หลากสีสัน พร้อมเอ็นจอยกับอาหารนานาชาติหน้าตาดีที่รังสรรค์โดย Omar El Khatib เชฟใหญ่ประจำโรงแรมกับประสบการณ์ในการทำอาหารมานานกว่า 15 ปี และเคยร่วมงานกับโรงแรมชั้นนำมานักต่อนัก ประเดิมด้วย Nicoise Salad สลัดนิสเลื่องชื่อของประเทศฝรั่งเศส ที่ประกอบด้วยมะเขือเทศ มะกอกดำ ไข่ต้มอิ่มเอม ร็อกเกต ทูน่าเซียอย่างดี ราดน้ำสลัดรสเปรี้ยวสดชื่น ต่อกับ Tiger Prawn Squid Ink Spaghetti สปาเก็ตตี้หมึกดำเหนียวนุ่ม มีความหนึบเล็กๆ ผัดพร้อมซอสสูตรเด็ดรสจัดจ้านพอเหมาะ หอมกลิ่นสมุนไพร เสิร์ฟพร้อมกุ้งแม่น้ำตัวโตย่างหอมๆ Octopus หนวดหมึกยักษ์ชิ้นใหญ่ ตุ๋นอย่างดีจนได้ที่นุ่มแทบละลายในปาก ไปด้วยกันได้กีกับซอสรสเปรี้ยวสไตล์เลบานอน และมันฝรั่งอบเนื้อแน่น ล้างปากด้วย Mango Cheese Cake ชีสเค้กมะม่วงรสหวานนวล เข้ากันดีกับซอสมะม่วงรสหวานฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมมะม่วงสุกน้ำดอกไม้ ตัดรสด้วยผลไม้ตระกูลเบอร์รี ปิดท้ายกับ Butterfly Fly Sour ค็อกเทลสีฟ้าสวยที่มีส่วนผสมของเหล้าจีน ไวรัปดอกไม้ ชาดอกอัญชัน และน้ำเลมอน หรือจะลอง ม็อกเทลแสนสดชื่นอย่าง Shery Temple ที่เป็นการรวมตัวกันของน้ำทับทิม และน้ำเลมอน ปิดจบมื้อนี้ได้อย่างดีงาม

บินลัดฟ้ามาให้คนไทยลิ้มลองถึงที่เลยสำหรับ Sabio” ร้านอาหารสเปนชื่อดังจากเกาะสิงคโปร์ ที่เสิร์ฟความอร่อยมาตั้งแต่ 2011 ครั้งนี้เลือกมาปักหมุดที่ Emsphere โซน EM Wonder บริเวณชั้น 5 บรรยากาศครึกครื้นด้วยการใช้สีแดงตกแต่งเป็นหลัก มาพร้อมกับพื้นที่กว้างๆ ที่รองรับได้กว่า 80 ที่นั่ง เสริมความยิ่งใหญ่ไม่เหมือนใครด้วยรูปปั้นม้าลายตัวยักษ์สูง 2 เมตร และม้าทองคำกำลังเก็บแอปเปิ้ล งานปั้นที่แปลกใหม่น่าจดจำจนอดใจไม่ไหวที่จะหยิบมือถือมาแชะรูปรัวๆ ส่วนโซนกลางจะเป็นครัวเปิดที่คุณสามารถมองเชฟทำงานได้อย่างเพลินตา สร้างความคึกคักชวนให้ท้องร้องไปในตัว ในส่วนของเรื่องอาหาร Sabio  โดดเด่นด้วยทาปาสสไตล์ทวิสต์จากเมนูต้นตำรับที่รังสรรค์จากวัตถุดิบไทย และนานาชาติ เรียกได้ว่ารสชาติดีที่แตกต่างก็ย่อมได้ เปิดต่อมรับรสด้วย Pan con Tomate y Jamón ขนมปังโฮมเมดปิ้งเกรียมๆ กรอกนอกนุ่มใน ท็อปด้วยหมูดำชั้นเยี่ยมรสเค็มกลมกล่อม ของดีแห่งประเทศสเปน ตามด้วย Croquetas de Jamón ครอแก็ตลูกอวบๆ สีเหลืองทองร้อนจี๋ สอดไส้หมูดำที่เรารัก จานนี้ขาดไม่ได้ Padrón Peppers พริกปาดรอน หนึ่งในพริกพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงแห่งแคว้นกาลิเซีย อบด้วยความสุกพอดี ก่อนโรยเหลือเล็กน้อย กินเพลินอย่าบอกใคร Grilled Cauliflower Steak ก็น่าสนใจ ดอกกะหล่ำกินง่าย คลุกอย่างดีก่อนราดซอสสูตรเด็ดที่มีรสเปรี้ยวละมุนของมะเขือเทศ หลายคนเลิฟ El Pulpo ปลาหมึกยักษ์เนื้อนุ่มหนึบ กินพร้อมมันม่วงเนื้อเนียนรสหวานธรรมชาติ เติมรสเปรี้ยวด้วยเลมอนซีก ที่สุดแห่งความครีมมีขอยกให้ Scallops de Azafran หอยเชลล์ตัวใหญ่เนื้อนุ่มหวาน คลุกเคล้ากับซอสครีมสูตรพิเศษรสหอมมัน เด็กอ้วนเลิฟ Spanish Pork Jowl คอหมูย่างเนื้อนุ่มฉ่ำ โดนใจสายฟู้ดเป็นที่สุด ยังมี Razor Clams หอยไม้ไผ่เนื้อหนึบๆ กินอร่อย เสิร์ฟมาบนกระทะร้อนฉ่า ส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกล อย่าลืมสั่ง Paella el Sabio ข้าวอบสเปนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอบอวนของน้ำสต็อกซีฟู้ด เข้ากันกับอาหารทะเลนานาชนิดอย่าง กุ้งเนื้อเด้ง ปลาหมึกชิ้นใหญ่ และหอยแมลงภู่ ขวัญใจนักชิม Marisco Provençal ซุปขึ้นชื่อจากแคว้นโพรวองซ์ ได้รสครีมมีจากซอสสูตรลับ ร่วมกับซีฟู้ดสดเด้งที่กินแล้วไม่มีเบื่อ ของหวานแน่นอนต้องเป็น Churros ทอดร้อนๆ น่าอร่อยเป็นที่สุด เสิร์ฟพร้อมซอสช็อกโกแลตรสเข้มข้น เป็นอีกหนึ่งร้านที่ดีงามมากมาย

ได้เวลาคัมแบ็ค Patchworks ที่เคยฝากชื่อเสียงไว้ย่านบรรทัดทอง ตอนนี้กลับมาแกรนด์โอเพนนิ่ง แบบสดๆร้อนๆ ก่อนปีใหม่เพียงไม่กี่วัน ไฮไลท์คือใหญ่และเท่กว่าเดิม ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นลอฟต์ หยิบความดิบ เท่ อวดโครงสร้างเข้มๆ ปูนเปลือย เหล็ก โต๊ะเก้าอี้ที่มีรูปแบบแปลกตา เหนือขึ้นไปเป็นโคมไฟโมเดิร์น มองดูคล้ายโชว์รูมสินค้าตกแต่งบ้าน สรุปโดยรวมคือดูดี ไม่รก ไม่รุงรัง นั่งชิลๆ จะลุกไปถ่ายรูปตรงไหนก็ทำคอนเทนต์ได้ไม่ซ้ำ เมนูทูเดย์ (ของเรา) Grapery ชิ้นนี้สั่งเพราะหน้าตาสวย ซึ่งตอนกินก็ไม่ได้ทำให้เราผิดหวัง รสชาติสมบูรณ์แบบ ลงตัวสุดๆ ทั้งชีสเค้กเนื้อเนียน เยลลี่องุ่น และมูสกรีกโยเกิร์ต หวานพอดีๆ ซ่อนเปรี้ยวไว้ปลายลิ้น กินแล้วว้าว Banoffee ฐานเป็นแครกเกอร์ช็อกโกแลตโฮมเมด ซ่อนครีมคาราเมลและกล้วยหอมแบบจุกๆ ไว้ด้านใน แล้วเคลือบด้วยดาร์ช็อกโกแลตกานาช สวยงามสมมง คนรักช็อกโกแลตต้องปลื้ม SantaBaby ถ้าติดแกลมต้องสั่ง เพราะถ่ายรูปสวยสะบัด เผลอๆ โต๊ะข้างเคียงขอแจมถ่ายรูปด้วย แก้วนี้มีส่วนผสมของมิกซ์เบอร์รี่เพียวเร่และนม หวามนิดเปรี้ยวหน่อย อิ่ม อร่อย สบายท้อง YuzuUme น้ำส้มยูสุ รสเปรี้ยวอมหวาน ดื่มแล้วสดชื่น เหมือนกินส้มสดๆ จากต้นร้อยลูก Burnt แก้วนี้หลอมรวมความละมุนของกลิ่นและรส ระหว่างกาแฟพรีเมียมที่เข้ากันดีกับคาราเมล รสชาติหอมหวานกลมกล่อม ดื่มลงตัวสุดๆ คู่กันกว่านี้ไม่มีแล้ว โลเกชั่นของร้านยังเปอร์เฟ็คท์ จะขับรถมาก็สะดวกดี มีที่จอดรถด้านหลังร้าน หรือจะเดินทางด้วย MRT ให้ลงสถานีบางพลัด ลงมาปุ๊บ เข้าร้านปั๊บ นอกจากขนมหวานและเครื่องดื่ม ด้านอาหารจานหลักเค้าก็เริ่ดนะแวะมาลอง!

Tag:

นอกจากกาแฟตุรกีที่ต้มผ่านทรายร้อนอันเลื่องชื่อแล้ว ที่ Shaloba Eatery ยังเปิดประตูบ้านต้อนรับนักกิน พร้อมเสิร์ฟมื้อสายด้วยเมนูออสเตรเลียนบรันช์หลากเมนู และยังมีมื้อค่ำสุดพรีเมียมกับวัตถุดิบชั้นดีไว้ซัพพอร์ตทุกคนให้มาคลายความเหนื่อยล้าหลังเลิกงานกันได้อีกด้วย บรรยากาศทั้งภายนอกและภายในนั้นโอบล้อมไปด้วยความร่มเย็นของต้นไม้น้อยใหญ่ เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปก็ดูปลอดโปร่งด้วยกระจกบานใหญ่ที่ให้แสงจากธรรมชาติ มีความไพรเวตจากการจัดระเบียบโต๊ะ ช่วยให้เราเพลิดเพลินกับรสชาติอาหารและเสียงดนตรีได้เป็นอย่างดี บรรยากาศภายในร้านก็หอมอบอวลไปด้วยกลิ่นที่สรรสร้างจาก Karmakamet แบรนด์เครื่องหอมและสินค้าไลฟ์สไตล์ที่สามารถเดินเข้าไปเลือกชอปกันได้หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หากมาที่ Shaloba แล้วไม่สั่ง Sand Coffee ก็คงมาไม่ถึง แนะนำ Dark Caramel Iced White กาแฟคั่วเข้ม มีกลิ่นหอมๆ เข้ากันได้ดีกับนม หากใครไม่ใช่คอกาแฟก็สามารถสั่งเป็น Sunstone ชาไทยที่ใส่บัตเตอร์สกอตช์ไซรัปเพิ่มความหอมหวาน ข้างบนมีข้าวแต๋นกรอบๆ ให้เคี้ยวเพลิน ใครมาช่วงกลางวันก็คลายหิวกันด้วยเมนูใหม่อย่างบรันช์ ไฮไลต์คือ Brunch Board ที่สามารถเลือกอาหารเองได้ตั้งแต่ 4-5 เมนู เราเลือกเป็น Brioche ที่ร้านอบเอง มีความนุ่มและฉ่ำเนย กินกับ Scrambled Egg เพิ่มรสเผ็ดเล็กน้อยด้วยซอสศรีราชามาโย Chopped Salad with Buttermilk Chicken and Mushroom Cream และ Brie Cheese Truffle Honey เพิ่มรสเปรี้ยวจากสตรอว์เบอร์รี กินสลับกับทุกองค์ประกอบอร่อยลงตัวสุดๆ ต่อด้วย Steak n’ Egg มันฝรั่งทอดผัดกับเบคอนท็อปด้วยสเต๊กส่วนสตริปลอยน์ และไข่ดาว เคียงด้วยแยมมะเขือเทศช่วยเพิ่มรสชาติให้จานนี้ได้เป็นอย่างดี Grilled Beef Burger ขนมปังเนื้อนุ่มที่ร้านอบเอง ด้านในเป็นเนื้อวากิวบดราดด้วยชีสเยิ้มๆ และซอสสุดเข้มข้น ข้างๆ เป็นมันฝรั่งทอดกรอบและแตงกวาดอง เบรกด้วยเครื่องดื่มสุดสดชื่นอย่าง Hello Yellow (Cold Pressed juice) น้ำสกัดเย็นโคเพลส ประกอบด้วยสับปะรด แอปเปิล ส้ม และมะนาว สำหรับเมนูโคเพลสลูกค้าสามารถมิกซ์ผลไม้ที่ชอบเองก็ได้ เผื่อใครบางคนอยากกินสลัดก็อย่าพลาด Smoked Salmon & Smashed Avocado ซาวร์โดท็อปด้วยครีมชีส อะโวคาโด แซลมอน ไข่ปลาแซลมอน และสลัด หรืออยากจะกินให้อิ่มนานขึ้นแนะนำ Tuscan Shrimp Pasta เฟตตูชินีเส้นสดที่ร้านทำเองคลุกเคล้ากับซอสรสนุ่มนวลที่ผสมผักโขม มีกุ้งตัวโตให้เคี้ยวเพลิน ถัดมาคือ Pan Roasted Salmon แซลมอนชิ้นใหญ่ย่างจนหนังกรอบ ข้างล่างเป็นข้าวผัดกิมจิใส่เบคอนและบล็อกโคลีย่าง ส่วนมื้อเย็นจะเป็นเมนูเวสเทิร์นที่เน้นเสิร์ฟเป็นอาหารทานเล่นแต่ก็กินแบบมื้อหนักได้ แนะนำให้สั่งเมนูกริลด์ต่างๆ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ห้ามพลาด ยิ่งจับคู่กับม็อกเทล ค็อกเทล และไวน์หลากชนิดก็อร่อยไม่เบา เรียกน้ำย่อยกันด้วย Grilled Peach and Parmaham Salad สลัดผักสดที่โดดเด่นด้วยผักร็อกเก็ตให้รสขมเล็กน้อย ตัดรสด้วยพาร์มาแฮม มอซซาเรลลาชีส และพีชย่าง อร่อยสดชื่นมาก ตามด้วย Chicken Liver Pate ตับไก่บดเสิร์ฟคู่ขนมปังซาวร์โด เพิ่มรสชาติด้วยแยมมะเขือเทศให้รสหวาน และตัดเลี่ยนด้วยแตงกวาดอง Frito Misto เป็นอาหารทะเลทอดกรอบกินกับซอสพริกมาโยให้รสเผ็ดเล็กน้อย แต่แนะนำให้บีบเลมอนเพื่อเพิ่มความสดชื่น ยิ่งจิบ Bear Fruits ม็อกเทลสุดสดชื่น หอมกลิ่นชาเล็กน้อยก็ช่วยเปิดต่อมรับรสรอจานหลักได้เป็นอย่างดี มาถึงจานหลักอย่าง Grilled Hanger Steak เนื้อส่วนท้องติดกับตับให้รสเข้มข้นมีความนุ่มผนวกกับรสชาติของซอสไวน์แดง มีพริกดองย่างให้กินแกล้ม จะสั่งเครื่องดื่มมาจิบคู่กันไปก็ฟินไม่น้อย ปิดท้ายด้วย Green Peace แก้วม็อกเทลสุดสดชื่น หอมกลิ่นชา ดื่มแล้วรู้สึกเอลท์ตี้ มีความนุ่มนวลจากโฟมไข่ขาว ช่วยทำให้มื้อนี้อร่อยขึ้นเป็นกอง

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า 'เยาวราช' ก็มีสถานที่นั่งดื่มสุดชิลกับเขาเหมือนกัน แถมยังเป็นบาร์เก๋ที่พร้อมจะถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตช่วงวัย 30 ผ่านค็อกเทลแบบแฮนด์คราฟต์ กับร้าน Thurty ซอยนานา เยาวราช บาร์แห่งนี้ซุกซ่อนอยู่ในตึกแถวที่มองเผินๆ ดูเหมือนบ้านเก่าในชุมชนคนจีนทั่วไป แต่เมื่อเดินเข้าไปจะพบมู้ดดีๆ ชวนอบอุ่นของโทนไฟสีส้มสลัว เคานเตอร์บาร์ไม้ และโซฟาวินเทจที่จัดไว้รอต้อนรับเราอย่างเป็นกันเอง คอนเซ็ปต์ของ Thurty ไม่ใช่แค่บาร์ แต่ต้องการเป็นพื้นที่แห่งความสบายใจ ที่ทุกคนสามารถมาแบ่งปันเรื่องราวชีวิตกันได้ โดยมีซิกเนเจอร์ค็อกเทลถึง 15 แบบ ที่ได้อินสไปรต์จากช่วงเวลาสำคัญในชีวิต ซึ่งยังเน้นใช้วัตถุดิบที่สามารถหาได้จากครัวบ้าน รวมถึงวัตถุดิบขึ้นชื่อของชุมชนคนจีนแถวนั้นมาครีเอตเป็นเครื่องดื่มรสชาติแปลกใหม่ที่อร่อยแบบไม่น่าเชื่อ แก้วแรก Noting Changes เครื่องดื่มสีใสจากจินที่หน้าตาภายนอกดูปกติ แต่เมื่อดื่มเข้าไปจะได้กลิ่นหอมของไซรัปใบเตยและความซ่าจากโซดา ออนท็อปมาด้วยมะระขี้นกติดปลายขมเบาๆ สื่อถึงผู้ชายวัย 30 ที่แม้ภายนอกอาจดูไม่เปลี่ยนไป แต่ภายในนั้นเปลี่ยนแปลง Back to back แก้วที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลงของ Amy Winehouse มีส่วนผสมของเตกีล่าอินฟิวส์มากับใบบะจ่าง สีแดงที่เห็นมาจากกระเจี๊ยบผสมกับโซดาเพิ่มความซ่า เสิร์ฟพร้อมขนมเปียกปูนโฮมเมดที่หากกินพร้อมเครื่องดื่มจะทิ้งความหอมหวานของขนมอบควันเทียนเอาไว้ เหมือนความสัมพันธ์ที่จบไปแต่ยังทิ้งบางอย่างไว้ให้กับเราตามเนื้อเพลง แนะนำสั่ง Baby Corn on the Cob กินแกล้มกับค็อกเทลทุกตัว เค็มๆ นัวจากชีสและเนย เข้ากับเครื่องดื่มทุกเมนูเลย

ร้านอาหารหน้าใหม่ที่เสิร์ฟทั้งเมนูบรันช์และดินเนอร์ ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นละมุนละไมสไตล์กลาสเฮ้าส์ โดยเป็นร้านของ ‘เชฟเบลล์ท’ Top Chef Thailand ที่จับมือมากับ ‘เชฟบูม’ The Next Iron Chef ร่วมกันครีเอตเมนูคอมฟอร์ตฟู้ด ซึ่งใช้เทคนิคการปรุงอย่างประณีต ควบคู่มากับความคิดสร้างสรรค์ ทำให้แต่ละจานรสชาติออกมามีมิติ กินง่าย แถมไม่เลี่ยน เมื่อนำไปจับคู่กับเครื่องดื่มแล้วยิ่งสมบูรณ์แบบ แนะนำ Gambas กุ้งผัดน้ำมันมะกอกสเปน ที่เสริมความจัดจ้านด้วยเฮิร์บไทยอย่าง พริกแห้ง กระเทียมตามด้วยกลิ่นหอมๆ ของใบโหระพา กินพร้อมขนมปังซิกเนเจอร์เนื้อนุ่มฟู ได้ทั้งความเผ็ด มัน นัวในคำเดียว Chicken Liver Toast  ขนมปังสูตรพิเศษออนท็อปด้วยมูสตับไก่บดเนื้อบางเบา เข้ากับรสเปรี้ยวอมหวานของบัลซามิกได้อย่างลงตัว และ Pasta with Bisque Sauce พาสต้าเส้นสดคลุกเคล้ามากับซอสครีมมันกุ้งรสชาติเข้มข้นจากน้ำสต๊อกที่หอมเตะจมูก ตัดรสด้วยความเผ็ดเบาๆ ของน้ำมันพริก เป็นจานที่กินเพลินไม่ผิดหวัง จานเด่นต้อง Porkchop and Cream Mushroom พอร์กช็อปที่ผ่านการย่างด้วยเตาถ่าน หอมกลิ่นสโมคเสิร์ฟมากับซอสเห็ดเกรวี่และซอสเอโอรี รสเข้มข้นลงตัว จับคู่กับเครื่องดื่มอย่าง Chocolate Milkshake เนื้อเนียนรสละมุนด้านบนโรยครัมเบิ้ลพอให้เคี้ยวกรุบๆ สดชื่นมาก

กินโดว์ซองต์แบบน่ารักให้ใจฟูกับ BearSant ขนมลูกครึ่งโดนัทและครัวซองต์จาก ‘ChicKa’ ร้านเบเกอรี่ชื่อดังแสนอร่อย ที่ล่าสุดออกขนมตัวใหม่มาตกสายหวานอย่างเรา โดยเป็นโดว์ซองต์เนื้อกรอบนอกนุ่มในหน้าตาน่าเอ็นดู มีหลายรสชาติให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น Cream Brûlée รสชาติขายดีที่ด้านในสอดไส้ครีมวานิลามาแบบฉ่ำๆ รสชาติหวานอร่อยลงตัว Dubai Chocolate ไส้ที่กำลังมาแรงที่สุดตอนนี้ ซอสพิสตาชิโอหอมมันเข้ากับความกรุบกรอบของเส้นคูนาฟ่า รสโปรดของเราเลย พลาดไม่ได้กับ Strawberry รสครีมสตรอว์เบอร์รีหอมหวานกำลังดีไม่แพ้กัน หรือใครชอบแบบออริจินัลต้องลอง Plain กินแล้วได้เนื้อสัมผัสของแป้งโดว์ซองต์แบบเต็มคำเลย จิ้มกินกับดิปช็อกโกแลตยิ่งเข้ากัน ภายในกล่องน้องหมีจะถูกจัดเรียงมาอย่างสวยงาม จะซื้อกินเองหรือซื้อฝากคนสำคัญก็ดีไม่แพ้กัน!

หากพูดถึงเชฟส์เทเบิลที่โด่งดังในยุคแรกๆ จนสร้างปรากฎการณ์ให้เหล่าฟู้ดดี้จองคิวกันเป็นเดือนๆ คงไม่มีใครไม่รู้จัก “อยากทำแต่ไม่อยากกิน” ร้านลับที่ซ่อนตัวมิดชิดอยู่บนอาคารโรงพิมพ์แห่งหนึ่ง กับเมนูที่หลายๆ คนติดใจอย่างพาสตาโคตรปูและบีฟเวลลิงตัน มาถึงวันนี้เชฟส์เทเบิลที่รองรับได้เพียงหนึ่งโต๊ะนั้น ได้แปลงโฉมกลายเป็นร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งสุดหรู Patt Bangkok ซึ่งยังคงโอบกอดปรัญชาการทำอาหารของ เชฟบิ๊ก - อรรถสิทธิ์ พัฒนเสถียรกุล เอาไว้อย่างครบครัน ต้นปีแบบนี้เป็นโอกาสให้เรานัดครอบครัว เพื่อนฝูง หรือคนรู้ใจ ไปหาของอร่อยกินกัน ใครที่กำลังมองหาร้านไฟน์ไดนิ่งที่จะมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง เราอยากขวนมาที่ Patt Bangkok ร้านใหม่ที่ตกผลึกจากการฝึกฝนและเติบโตของเชฟบิ๊ก จากอยากทำแต่ไม่อยากกิน จนถึง “อยากย่าง” ร้านที่ 2 ซึ่งโฟกัสอาหารที่ปรุงด้วยศิลปะการย่าง และยังไปคว้าตำแหน่ง Top Chef Thailand Winner 2023 มาอีกด้วย ต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เชฟบิ๊กนำเสนออาหารไฟน์ไดนิ่งเต็มตัว ใส่ความคิดสร้างสรรค์ ความรู้และประสบการณ์ที่สั่งสมมาเต็มที่ นำเสนอในรูปแบบ “Contemporary French Cuisine with a unique Thai-Chinese Twist” อาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่มีลูกเล่นชวนว้าวด้วยการผสานวัตถุดิบไทย-จีนที่เขาคุ้นเคยลงไป สร้างเอกลักษณ์ได้อย่างน่าสนใจ Patt Bangkok เปิดให้ลิ้มลองเทสติงเมนู 6 คอร์ส (3,468++ บาท) และ 8 คอร์ส (4,468++ บาท) แต่ละจานล้วนโดดเด่นน่าลิ้มลอง เริ่มจากอะมูสบุช 3 อย่าง เราได้ลองโคนสอดไส้ถั่วตัดและไอศกรีมสับปะรด โรยหน้าใบชะพลูทอดกรอบ ตามด้วยกระทงเผือกสอดไส้ปาเต้ตับไก่ และผักกาดเบบี้เจ็มราดโฮมเมดเดรสซิ่ง ตามด้วยจานเรียกน้ำย่อยซึ่งสามารถเลือกได้ อาทิ Chill Pasta พาสตาเย็นคลุกเคล้าเดรสซิ่งสาหร่ายวินีเกร็ตต์ เพิ่มรสชาติด้วยโฮมเมดน้ำพริกเผารมควัน ทอปด้วยบีฟทาทาร์รสจัดจ้านและ Kristal Caviar หรือ Shima Aji ปลาชิมะอะจิสไลซ์บาง ซ่อนความสดชื่นจากมะเขือเทศแฮร์ลูมและซอร์เบต์มินต์และไลม์ด้านใน ทอปด้วยทูเล่งาขาวและงาดำกรุบกรอบ จานต่อมาชวนอบอุ่นใจ Hotate Chawanmushi ไข่ตุ๋นหอยเชลล์สไตล์ญี่ปุ่น ใส่กังป๋วย หอยลาย และหมึกเพิ่มรสหวานธรรมชาติและสัมผัสเคี้ยวสนุก ด้านบนคือประเพาะปลาเมี้ยนเกรดพรีเมียม ตุ๋นจนนุ่มแต่ยังเด้ง ทอปด้วย Kristal Caviar อูมามิเต็มเปี่ยม อร่อยมากๆ   ตามด้วยจานสีสดใส Abalone เป๋าฮื้อปรุงรสย่างเนื้อเด้งหนึบ จับคู่กับกรีนพีจากเขาค้อ ราดซอสเบอร์บล็องผักแขยงที่เราเพิ่งเคยลิ้มลองเป็นครั้งแรก ทว่ากลมกล่อมเข้ากันได้ดี สำหรับจานปลา Seabass GI เชฟบิ๊กเลือกใช้ปลากะพงสามน้ำทะเลสาบสงขลาที่ได้รับการรับรองตราสินค้า GI (Geographical Indication) ทอดจนผิวกรอบ เคียงกับซอสฮอลันเดสตะไคร้และขมิ้น จับคู่ให้สดชื่นด้วยแตงโมและปลากรอบที่มีแรงบันดาลใจมาจากแตงโมปลาแห้ง เสิร์ฟในซุปแกงกะหรี่ ลำดับถัดมาเป็นพรีเมนคอร์สที่เราเลือกได้ระหว่าง Olive Beef Striploin สเต็กเนื้อเสิร์ฟกับราวิโอลีไส้เนื้อ ลูกแพร์ย่าง ราดบีฟจุสอินฟิวซ์กับกะเพรา หรือ Dry Aged Khaoyai Duck อกเป็ดดรายเอจย่างและถุงทองไส้เนื้อน่องเป็ด เคียงด้วยฟักทองย่าง พูเร่เสาวรส ราดซอสปลาร้าและจุสมะแขว่นเติมความจัดจ้าน สำหรับจานต่อมาเราชอบมาก Baby Chicken Pithivier แป้งพัฟฟ์สอดไส้อกไก่อบกับเห็ดมอเรลหอมแบบเอิร์ธตี แป้งบางกรอบและไส้ละมุนและชุ่มฉ่ำ ราดจุสปีกไก่รสเข้มข้น เชฟบิ๊กต้องการใช้เนื้อไก่ทุกส่วนจึงทำเป็นจานเคียงอย่างน่องไก่ย่างถ่านบิโจตันหอมอร่อย และคอนซอมเมไก่รสละมุน ปิดท้ายด้วย “ข้าวอบ” ที่เป็นอีกหนึ่งไฮไลต์เด็ด Baked Crab Roe Rice ซึ่งเชฟบิ๊กมาปรุงก่อนเสิร์ฟถึงที่โต๊ะ ข้าวอบหม้อนี้ใช้ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ซึ่งได้รับการรับรอง GI ก่อนเสิร์ฟนำมาอุ่นให้มีสัมผัสกรอบและหอม ทอปด้วยปูและไข่ปูทะเลแน่นๆ ล้นกระดองคลุกเคล้ากับซอสเบอร์บล็องหนำเลี๊ยบในกระทะร้อนๆ จนฉ่ำ ตัดเลี่ยนด้วยโฟมพริกเหลือง กินเพลินมากๆ ปิดท้ายด้วยของหวานที่มีให้เลือกระหว่าง Pineapple Soufflé เสิร์ฟกับไอศกรีมขิงและทูเล่อัลมอนด์และงาดำ มีแรงบันดาลใจมาจากบัวลอยน้ำขิง หรือ Chocolate Feuilletine อร่อยรสช็อกโกแลตเข้มข้น จับคู่กับทองม้วนและกล้วยปรุงแบบต่างๆ มอบความอิ่มเอมปิดท้ายได้ดีมาก ก่อนจบมื้อ ทางร้านยังมี Petit Fours ที่ทำอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟพร้อมฉากสุดพิเศษซึ่งพิมพ์โดยโรงพิมพ์แห่งนี้ เป็นรูปของครอบครัวของเชฟบิ๊กที่สนับสนุนให้เขาก้าวตามฝันจนเกิดเป็นร้านแห่งนี้ขึ้นมา ไม่เพียงอาหารทุกจานจะสะท้อนถึงตัวตนของเขาในตอนนี้ แต่การตกแต่งร้านทั้งหมดยังเป็นสิ่งที่เขาใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การตั้งใจเลือกสถานที่คือโรงพิมพ์ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวที่เปิดดำเนินการมากว่า 41 ปี มองจากภายนอกไม่อาจจินตนาการได้เลยว่ามีร้านแบบนี้อยู่ ผละเมื่อผ่านประตูหน้าร้านเข้ามาก็ต้องแปลกใจไปกับทางเดินที่ทอดผ่านบรรยากาศของโณงพิมพ์ ประดับด้วยอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้ในการพิมพ์เหมือนเป็ฯมิวเซียมเล็กๆ บอกเล่าเรื่องราวของสถานที่แห่งนี้ เมื่อขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้นบนบรรยากาศกลับหลายเป็นความหรูหราสง่างาม กลิ่นอายแบบยุโรปนี้มาจากการจำลองรูปแบบของ Press Room หรือห้องพิมพ์ยุคเก่าขึ้นมา ผสานกับความโอ่อ่าแบบ Opera House หรือโรงละครที่เปิดให้เห็นเวทีที่เป็นครัวเปิดขนาดใหญ่เป็นเซ็นเตอร์เสตจ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นหลากหลายดีเทลที่สื่อถึงโรงพิมพ์อยู่ตรงนั้นตรงนี้เต็มไปหมด อาทิ ตัวเรียงพิมพ์ ประตูที่จำลองมาจากห้องพิทพ์แรกของโลกที่ Heidenburg ม้วนพิมพ์ที่บันทึกอักษรที่เป็นคำสอนของพ่อแม่ถึงลูกๆ ชื่อร้าน Patt ยังมีความหมายลึกซึ้งสำหรับเชฟบิ๊ก ความหมายแรกมาจากอักษรชุดแรกในนามสกุลของเขาที่สื่อถึงความผูกพันของครอบครัว และยังมาจากชื่อโรงพิมพ์ Pattana Graphic Print ซึ่งเป็นทั้งที่ตั้งร้านและกิจการของครอบครัวที่ดำเนินงานมากว่า 41 ปี รวมถึงเป็นชื่อเล่นของเชฟบิ๊กครั้งทำงานที่สวิตเซอร์แลนด์   สุดท้ายคือ “การพัฒนา” ที่เป็นปรัชญาในการทำงานของเชฟ ซึ่งมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอาหารของเขาให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปเพื่อมอบ “มื้อพิเศษ” ให้แก่แขกที่ได้มาลิ้มลองนั่นเอง

ต้นปีแบบนี้ อยากชวนชาวกูร์เมต์มาอร่อยไม่พักรับปีพ.ศ. 2568 กันที่ร้านสเต็กเฮาส์ระดับโลก วูฟแกงส์ สเต็กเฮ้าส์ โดย วูฟแกงส์ ซวีเนอร์ (Wolfgang’s Steakhouse by Wolfgang Zweiner) ซึ่งเพิ่งเปิดหมาดๆ ให้สเต็กเลิฟเวอร์ชาวไทยลิ้มลองกันที่โครงการ วัน แบ็งคอก (One Bangkok) อาคาร The Storeys ชั้น 3 โดยหากจะพูดถึงจุดเด่นของ Wolfgang’s Steakhouse คือการที่ทางร้านเลือกใช้เฉพาะเนื้อ USDA Prime นำเข้าจากฟาร์มที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากสหรัฐอเมริกา และไม่ผ่านการแช่แข็งเพื่อรักษาเท็กซ์เจอร์ของเนื้อให้ดีที่สุดเหมือนกินที่ร้านต้นตำรับที่ Park Avenue ในนิวยอร์ก Wolfgang’s Steakhouse ก่อตั้งโดยวูฟแกงส์ ซวีเนอร์ บิดาของคุณปีเตอร์ ซวีเนอร์ (Peter Zwiener) ประธานและ Co-Founder ซึ่งเดินทางมาเปิดร้านสาขาที่ 40 ในประเทศไทย ร่วมกับคุณประเสริฐ ลออพันธ์พล และคุณโชเฮ อูราคามิ (Sohei Urakami) Co-partner ของ Wolfgang’s Steakhouse ประเทศไทย เอกลักษณ์ของ Wolfgang’s Steakhouse นอกจากสเต็กเนื้อคุณภาพยอดเยี่ยมและวัตถุดิบพรีเมียมแล้ว ยังต้องยกให้การบริการ ซึ่งสตาฟฟ์ไทยทุกคนต้องผ่านการเทรนกับสตาฟฟ์ของวูฟแกงส์จากทั่วโลกเพื่อให้มั่นใจว่าแขกจะได้รับประสบการณ์ดุจ VIP นอกจากนี้ ด้านการออกแบบร้านก็หลอมรวมความร่วมสมัยและความคลาสสิกอย่างลงตัว โดยมีจุดร่วมคือเพดานซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากสเต็คเฮ้าส์ยุคแรกในปี 1912 นอกจากบริเวณโต๊ะอาหารแล้ว ที่ร้านแห่งนี้ยังมีโซนบาร์สำหรับแฮงค์เอาต์ พร้อมไวน์ลิสต์ซึ่งคัดสรรจากทั่วโลกกว่า 2,000 ขวด รวมทั้งห้องรับประทานอาหารแบบส่วนตัว และโซนที่นั่งนอกอาคารให้ชิลไปกับวิวสวยๆ จานอร่อยสไตล์นิวยอร์กที่ไม่ควรพลาดลิ้มลอง แนะนำโดย เชฟเคนนี่-ณัฐวัตร อริยะวิสุทธิ์ศรี หัวหน้าเชฟประจำร้าน ได้แก่ Seafood Platter รวมซีฟู้ดออนไอซ์คุณภาพเยี่ยมทั้งกุ้งจัมโบ้ ปู และล็อบสเตอร์ แต่ละอย่างสดใหม่เนื้อหวานบ่งบอกถึงการคัดสรรวัตถุดิบอย่างดี จิ้มกับซอสค็อกเทลสูตรพิเศษของทางร้านรสจัดจ้านชวนสดชื่น ตามด้วยจานสลัดที่กินเพลินน่าดู ไม่ว่าจะเป็น Wolfgang’s Salad คลุกเคล้าผักหั่นชิ้นพอดีคำกับถั่วสตริงบีน กุ้ง และเบคอนทอดชิ้นหนาเพิ่มรสชาติ และ Beverly Hills Chopped Salad สลัดสไตล์แคลิฟอร์เนียที่หั่นผักหลากชนิดจนละเอียด คลุกเคล้าน้ำสลัดสูตรพิเศษของทางร้านรสกลมกล่อม จานเรียกน้ำย่อยที่น่าลิ้มลองต้อง Wolfgang’s Crab Cake เค้กเนื้อปูก้อนที่อัดแน่นด้วยเนื้อปูแท้ๆ ถึง 90% อร่อยเต็มคำ เสิร์ฟกับซอสทาทาร์และผักสลัด จะให้ดีสั่งมาคู่กับ Sizzling Bacon เบคอนชิ้นหนานุ่มย่างหอมกรุ่นไปทั้งโต๊ะ ส่วนจานหลักแน่นอนต้องเป็นจานเนื้อ เชฟเคนนี่แนะนำ Porterhouse Steak สเต็กเนื้อ USDA Prime เกรดสูงสุดของ USDA ขนส่งทางเครื่องบินโดยการแช่เย็น (ไม่ผ่านการแช่แข็ง) ก่อนนำไปสู่กระบวนการดรายเอจ 28 วันให้ได้รสชาติของเนื้อที่เข้มข้น เอิร์ธตี้ และเท็กซ์เจอร์เคี้ยวอร่อยตามตำรับของวูฟแกงส์   เวลาเสิร์ฟพนักงานจะส่งเสียงดังว่า “Sizzling!” เป็นการส่งสัญญาณให้ระวังจานเสิร์ฟที่ร้อนจนน้ำมันเดือดส่งเสียงฉู่ฉ่า สเต็กเนื้อที่มีมันแทรกและสุกกำลังดีทั้งหอมและให้สัมผัสเคี้ยวสู้ฟัน กินกับจานเคียงอย่าง Creamed Spinach ครีมผักโขมสุดครีมมีรสเข้มข้น และ Mashed Potatoes ที่เนื้อสัมผัสแน่นหนึบเข้ากันดี กินเนื้ออร่อยๆ ไปแล้วก็อย่าเพิ่งอิ่ม เพราะของหวานสไตล์นิวยอร์กของทางร้านก็จัดว่าเลิศ เราชอบ New York Style Cheesecake หรือชีสเค้กเนื้อนุ่มเนียนหอมชีส เท็กซ์เจอร์ดีงามไม่เบาหรือหนักจนเกินไป เคียงมากับ Slag หรือวิปครีมหวานมัน และ Chocolate Mousse เค้กมูสช็อกโกแลตเนื้อฟูแน่น ช็อกโกแลตเข้มข้นอร่อยมาก จับคู่กับกาแฟหรือชาร้อนๆ สักถ้วยเป็นการปิดท้ายมื้ออย่างสวยงาม ในช่วง Soft Opening ทางร้านเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 17.00 - 23:30น. และตั้งแต่กลางเดือนมกราคมนี้เป็นต้นไปจะมีแพลนเปิดแบบเต็มเวลาตั้งแต่เวลา 11:30 - 23:30น. ให้เรามาอิ่มอร่อยกับมื้อกลางวันได้ด้วย อยากเปลี่ยนบรรยากาศให้นึกว่ากินสเต็กอยู่ที่นิวยอร์ก ก็แวะมาได้เลย

ใครกำลังวางแผนฉลองปีใหม่กับเพื่อนๆ อย่าพลาด Real Pork ร้านปิ้งย่างเกาหลีเปิดใหม่สาขาแรกในไทย ที่ถอยความพรีเมียม สด สะอาด ขนความอร่อยมาจากกรุงโซล พร้อมสร้างประสบการณ์การแฮงเอาต์ด้วยอาหารเกาหลีแท้ๆ รวมถึงเนรมิต Groove at Central World ให้เป็นบรรยากาศยามค่ำคืนอันเลื่องชื่อที่ไม่มีวันหลับใหล ภายใต้คอนเซ็ปต์ Seoulful Escape in Bangkok ไฮไลต์อยู่ที่ หมูย่างสไตล์เกาหลี เมนูซิกเนเจอร์ที่ปรุงด้วยเทคนิคแบบดั้งเดิม เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงแบบไม่อั้น ยังมีเมนูดังๆ อย่าง ไข่ตุ๋น รามยอน แพนเค้กเกาหลี ซุป และสตู สูตรต้นตำรับให้สั่งมาจับคู่กับเครื่องดื่มเกาหลีซิกเนเจอร์อย่าง มักกอลลีสูตร Real Pork, Snow Beer, โซจู รวมถึงเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่จะพาทุกคนเพลิดเพลินได้ตลอดวัน นอกจากอาหารอร่อยแล้วบรรยากาศของร้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่มาช่วยสร้าง Mood & Tone ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากตรอก บาร์ และร้านปิ้งย่างในกรุงโซล เหมาะสำหรับพาคนสำคัญมาฉลองปีใหม่และเริ่มต้นปีด้วยความมีชีวิตชีวา เคล้าคลอไปกับเสียงดนตรี ส่วนอาหารทางเชฟคิม จิน ซอก(ผู้ก่อตั้งร้าน) และทีมได้นำเสนอมนต์เสน่ห์แห่งรสชาติผ่านจานซิกเนเจอร์ แนะนำ Snow Belly หมูสามชั้น Thin Belly หมูสามชั้นสไลซ์ และ Shoulder สเต๊กสันคอหมู เสิร์ฟบนเตาย่าง มาพร้อมเครื่องเคียงและน้ำจิ้มรสเด็ด ต่อด้วย Soybean Stew สตูถั่วเหลืองรสเปรี้ยวเค็ม หรือใครจะสั่ง Kimchi Hot Pot ซุปรสกลมกล่อม ซดร้อนๆ คล่องคอมาก ตามด้วย Kimchi Pancake แพนเค้กชิ้นใหญ่กินกับน้ำจิ้มรสแซ่บ อร่อยมาก เพิ่มความอิ่มท้องด้วย Spicy Noodles บะหมี่คลุกเคล้าซอสรสเปรี้ยวเผ็ดเล็กน้อย และ Cheese Steamed Egg ไข่ตุ๋นชีสเนื้อเนียน

Kisso ห้องอาหารญี่ปุ่นซึ่งอยู่เคียงคู่โรงแรม เวสทิน แกรนด์ สุขุมวิท มาอย่างยาวนาน ตอกย้ำความอร่อยที่เป็นตำนานด้วยจุดเด่นเพียงหนึ่งเดียว “The Art of Authentic Japanese Cuisine” ทำให้แฟนคลับไม่เคยจางหายตลอดระยะเวลา 30 ปี บรรยากาศอันเรียบง่ายคือเสน่ห์ของห้องอาหารแห่งนี้ มีเคาน์เตอร์ซูชิบาร์เป็นศูนย์กลางของห้องอาหารที่แขกสามารถพูดคุยกับเชฟขณะรอลิ้มรสซูชิคำอร่อยไปด้วย ภายในห้องอาหารรองรับได้ถึง 110 ที่นั่ง มีทั้งโต๊ะไดนิ่งสำหรับกลุ่มลูกค้า 2-3 ท่าน หรือที่นั่งแบบโซฟาสำหรับแขก 4-5 ท่าน และห้อง VIP จำนวน 4 ห้อง สำหรับกรุ๊ป 10-12 ท่านก็รองรับได้สบายๆ  เรื่องความอร่อยเชฟชาตรี แปงศิลป์ หัวหน้าเชฟประจำห้องแนะนำเซ็ตอาหารกลางวันอย่างเช็ตมินิโอมากาเสะ ซึ่งจะเสิร์ฟมาทีละคอร์ส คอร์สแรกเป็นยำปลาไหล ปลาไหลหมักราดซอสน้ำส้มญี่ปุ่นโฮมเมดเสิร์ฟในผลเลมอนที่มีแตงกวาและสาหร่ายอยู่ภายใน ให้กินตัดรสกับเนื้อปลาไหล คอร์สต่อมาเป็นปลาดิบ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละวัน อย่างวันนี้เชฟเสิร์ฟเป็นฮามาจิ เยลโล่ฟินจากสเปน และโกลด์ฮินาเมะหรือปลาตาเดียวสีทอง ลิ้มความสดหวานของเนื้อปลานำเข้ารสชาติดี รับรองถูกใจคอปลาดิบเลิฟเวอร์ คอร์สถัดมาเป็นของย่าง เชฟเสิร์ฟปลาหิมะหมักด้วยมิโสะย่างบนใบโอบะ ได้กลิ่นหอมชวนกิน เนื้อปลาหิมะนุ่มรสชาติกลมกล่อม สำหรับเมนคอร์สเป็นซูชิ 5 คำ ที่เชฟคัดสรรให้ตามแต่ปลาพิเศษที่ได้มา คำแรกเป็นปลาตระกูลซาบะมีความกรอบนุ่ม ออนท็อปด้วยวาซาบิสดดอง คำที่ 2 เป็นชูโทโร่จากสเปน ออนท็อปด้วยอูนิสด ปิดด้วยทองคำ คำที่ 3 เป็นหอยเชลล์ฮอกไกโด ออนท็อปด้วยคาเวียร์ คำที่ 4 เป็นกุ้งโบตั๋นตัวใหญ่ ออนท็อปด้วยไข่อิคุระ และคำที่ 5 เป็นกะพงแดงญี่ปุ่น จี่ไฟให้ได้กลิ่นหอมของหนังปลา ออนท็อปด้วยหัวไชเท้า พริกป่นญี่ปุ่น หมักด้วยซอสพอนสึ  ในชุดยังมีน้ำซุปหอยเป๋าฮื้อที่ปรุงจากเป๋าฮื้อสดจากญี่ปุ่น รสชาติกลมกล่อม เนื้อเป๋าฮื้อชิ้นหนานุ่มเคี้ยวอร่อย หรือใครอยากสั่งเมนูอะลาคาร์ตก็แนะนำ คานิอะโวคาโดสลัด ซึ่งเป็นก้ามปูหิมะเสิร์ฟบนสลัด มีอะโวคาโด มะม่วง และผักสลัด พร้อมด้วยซอส 2 ชนิดเป็นซอสมะเขือเทศและซอสหอมหัว ที่แนะนำให้ราดลงบนผักสลัดช่วยเพิ่มรสชาติให้เข้มข้นกลมกล่อม บีฟเลิฟเวอร์แนะนำ เนื้อญี่ปุ่นย่าง ที่ใช้เนื้อจากเมืองซากะ มาร์เบิ้ลลิ่งสคอร์ระดับ A5 ย่างด้วยถ่านไม้ได้กลิ่นหอมของเนื้อร้อนๆ เสิร์ฟกับซอส 3 ชนิด ได้แก่  ซอสงา ซอสพอนสึ และซอสสึมิบิซึ่งใช้ทาขณะย่างเนื้อด้วย ในจานมีผัดผักและกระเทียมทอดให้กินตัดเลี่ยน เนื้อนุ่มละลาย   ซาชิมิ 7 อย่าง ก็เป็นอีกจานที่น่าลิ้มลอง ได้แก่ แซลมอนจากนอร์เวย์ ทูน่าเยลโลฟินจากสเปน ฮามาจิสดของญี่ปุ่น มาไดสด กุ้งหวาน ปลาหมึกยักษ์ และฮอกไกโดโฮตาเตะ ใครอยากสัมผัสความสดฉ่ำแนะนำให้แวะมาที่คิสโสะในวันอังคารและศุกร์จะได้ลิ้มรสปลาสดจากญี่ปุ่นที่นำเข้ามาใหม่ๆ   ปิดมื้อด้วยเมนูของหวานอย่างเค้กมัตฉะกรีนที ก่อนเสิร์ฟเชฟจะจุดไฟกระดาษที่ครอบตัวเค้กไว้เป็นกิมมิกน่ารักๆ เค้กสีเขียวสวยภายนอกอบให้กรอบส่วนเนื้อในยังคงเป็นลาวาชุ่มฉ่ำ มีซอสเบอร์รี่รสเปรี้ยวหวานให้กินตัดรสชาติของมัตฉะ อร่อยจนไม่อยากวางช้อน   เฟสทีฟนี้เลือก Kisso เป็นสถานที่เฉลิมฉลองสำหรับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงรับรองว่าไม่ผิดหวัง

ในช่วงเวลาอากาศเย็นเป็นใจแบบนี้ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ต้อนรับปี 2025 ด้วยการเปิดตัว Spire Rooftop Bar รูฟท็อปบาร์แห่งใหม่บนชั้น 39M ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า พร้อมฉากหลังเป็นตึกสวยของกรุงเทพฯ และสีเขียวร่มรื่นของสวนลุมพินี สไปร์ รูฟท็อป บาร์ ให้ความรู้สึกของบาร์เมืองร้อน ไฮไลต์อยู่ที่ยอดเสาสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมมาตั้งแต่ พ.ศ.2513 ซึ่งทางโรงแรมดูแลรักษาอย่างดี และได้สร้างเสาใหม่สูง 35 เมตรครอบเสาเดิมเอาไว้ โดยเว้นพื้นที่ระหว่างทั้ง 2 เสาให้ได้เล่นแสงไฟยามค่ำคืนได้สวยงาม ซิกเนเจอร์ค็อกเทลของที่นี่สร้างสรรค์ร่วมกับ Tropic City การันตีด้วยรางวัลหนึ่งในบาร์ที่ดีที่สุดระดับเอเชียกว่าครึ่งทศวรรษ เน้นความสดชื่น มีชีวิตชีวาอย่าง Star Dust แก้วสีชมพูที่มีส่วนประกอบของเหล้าจิน เกรปฟรุต เลมอน และรูบาร์บ Antimatter วิสกี้ผสมผลไม้รสเปรี้ยวอย่างยูสุ ลิ้นจี่ เมื่อยกจิบแล้วจะได้กลิ่นหอมจากดอกไม้และเครื่องเทศไทยเบาๆ Proton Candy เบสหลักคือวอดกา ใส่น้ำมะพร้าว นมกล้วย และลูกกระวาน ด้านบนเป็นไวน์แดงเพิ่มเลเยอร์ระหว่างจิบ และ Super-Nature เบสเป็นเหล้าเตกีลาผสมกับส้มโอให้ความรู้สึกสดชื่น รวมถึงไวน์และแชมเปญก็เลือกสั่งได้ตามชอบ ส่วนเมนูอาหารก็มีทั้งเมนูกินเล่นเบาๆ และอิ่มจริงจัง อาทิ คาเวียร์ หอยนางรมสด ซีฟู้ดพรีเมียม ทาโก้ไทย คอฟต้าเคบับเนื้อวากิว ทรัฟเฟิลฟรายส์ ฯลฯ ไว้เลือกจับคู่กัน แล้วปล่อยใจเพลินๆ ไปกับเสียงเพลงจากดีเจ และแสงไฟระยิบระยับของกรุงเทพฯ ในยามค่ำคืน

Tag:

ห้องอาหารลอร์ด จิมส์ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ สร้างชื่อเสียงมายาวนานจนเป็นที่ยอมรับในการนำเสนออาหารทะเลระดับพรีเมียม เนื้อสเต๊กคุณภาพเยี่ยม และอาหารประเภทย่างนานาชนิด ให้ได้ดื่มด่ำความอร่อยในบรรยากาศหรูหราพร้อมวิวเจ้าพระยางดงาม บวกกับทีมงานที่ให้บริการอย่างมืออาชีพและอบอุ่น เสมือนได้มารับประทานอาหารในบ้านที่คุ้นเคย ภายในห้องอาหารออกแบบให้เสมือนกำลังดื่มด่ำอยู่ในเรือขนาดใหญ่ ภายใต้หลังคาโค้งมน ประดับตกแต่งด้วยรูปใบเรือ เสากระโดง และไม้พายโดยรอบ  และล่าสุด เชฟเดวิด ดาเนค รองหัวหน้าพ่อครัวใหญ่ เปิดตัวเมนูอาหารค่ำใหม่โดยนำเสนอเมนูอาหารที่เน้นการย่างด้วยเตาถ่านรวมทั้งการถนอมเนื้อสัตว์แบบดรายเอจ (Dry Age) การใช้วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยมอย่างอาหารทะเล เนื้อแกะ เนื้อหมู สมุนไพร ธัญพืช และผักตามฤดูกาล ผ่านการผสมผสานความดั้งเดิมร่วมกับความคิดสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันในทุกเมนู จนสามารถสัมผัสได้ถึงความอร่อยจากใต้ท้องทะเลและท้องทุ่งอันเขียวขจี ไม่ว่าจะเป็นซีฟู้ดทาร์ทาร์ (Seafood Tartare) ที่มีทั้งปลาเรนโบว์เทราต์ ทูน่า กุ้งลายเสือ และไข่แดง ซึ่งผสมผสานกันอย่างลงตัว ถือเป็นจานเด่นที่สะท้อนความเชี่ยวชาญของเชฟเดวิดทั้งการบาลานซ์รสชาติและการจัดจาน หอยเชลล์อาโอโมริย่างถ่าน (Charcoal-Grilled Aomori Scallop) เสิร์ฟพร้อมถั่วแระญี่ปุ่น บัตเตอร์มิลค์ ยี่หร่าฝรั่ง และมะนาว หอยเชลล์ตัวอวบเนื้อหนาหอมกลิ่นย่างถ่าน กินพร้อมซอสครีมเนื้อละมุน ได้รสกลมกล่อมถูกใจ ยังมีไก่หมักกิมจิอบสไตล์ลอร์ดจิมส์ (Lord Jim’s Roasted Kimchi Chicken) เนื้อไก่นุ่ม หอมโกชูจัง สมุนไพรออร์แกนิกและแฟลมเบด้วยโชจูก่อนเสิร์ฟ คนรักซีฟู้ดต้องไม่พลาด ปลากะพงแดงดรายเอจย่างถ่าน เนื้อปลาแน่นนุ่มสดหวานตามธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม ต่อกันด้วยเมนูของหวานที่น่าประทับใจอย่าง กรองด์ครูช็อกโกแลตโพรฟิตเทอร์โรลส์ (Grand Cru Chocolate Profiterole) ที่ผสานแป้งพัฟชูวส์ครีมสอดไส้ด้วยไอศกรีมจานดูย่า (Gianduja) ครีมชานทิลลี (Chantilly) และพราลีน (Praline) ช่วยปิดมื้ออร่อยได้ดีเลิศ ทางห้องอาหารยังมีไวน์ชั้นเลิศให้เลือกมากมาย พร้อมคำแนะนำจาก Sommelier เพื่ออรรถรสที่ดียิ่งขึ้น   สำรองที่นั่งออนไลน์ : https://bit.ly/res-lordjims

Tag:

ช่วง festive อย่างนี้อะไรจะดีไปกว่าการได้กินอาหารอร่อยๆ พร้อมเพลิดเพลินไปกับเทศกาลงานรื่นเริง ที่ Vikarn Bangkok ก็เป็นอีกหนึ่งร้านที่เครมตัวเองว่าเป็น FUN Dining มาในธีม Bangkok Nightlife เน้นเสิร์ฟบรรยากาศชีวิตคนกลางคืนให้เหมือนได้ไปเที่ยว Night Club พร้อมทั้งยังได้กินคอร์สเมนูสุดประทับใจในรูปแบบ Fine Dining อีกด้วย วิกาล นำทีมโดยเชฟมอส-ศุภกิจ บุญม่วง Head Chef ที่ร้อยเรียงแต่ละเมนูออกมาได้อย่างน่าสนใจด้วยวัตถุดิบพรีเมียมที่นำมาปรุงอย่างสร้างสรรค์ แถมยังมีเซอร์ไพรส์ซ่อนอยู่ในทุกคำที่กิน ผนวกกับพรีเซนเทชันที่นำทัพโดยคุณมะปราง-ปรางค์บุญ แสงอำพันธ์ เจ้าของร้านอารมณ์ดีที่คอยเอนเตอร์เทนเหล่าฟู้ดดี้ด้วยวิธีการเสิร์ฟอาหารแบบร้อง เล่น เต้น เมาท์ ช่วยสร้างความบันเทิงจนเราเข้าใจแล้วว่าทำไมวิกาลถึงเรียกตัวเองว่า FUN Dining บรรยากาศภายในร้านก็สามารถเลือกได้ 2 โซน เมื่อเดินเข้าประตูมาจะเจอกับครัวเปิดที่มีบาร์ไว้รองรับนักกินที่อยากใกล้ชิดกับเชฟ ซึ่งทางเชฟจะเป็นคนเสิร์ฟและอธิบายรายละเอียดของแต่ละจานด้วยตัวเอง ในขณะที่ชั้นสองจัดโต๊ะไว้แบบไพรเวตในพื้นที่ที่กว้างพอสมควรในการเอนเตอร์เทนผู้มาเยือนด้วยท่วงท่าและท่วงทำนอง สำหรับมื้อนี้จะมาในธีม Thai Festivals โดยทางร้านจะพาทุกคนไปเที่ยวตามเทศกาลต่างๆ ของไทยผ่านจานอาหารที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเนื้อเพลงอย่างจานนี้ ฉันจะพาเธอลอย ล่องไปในอวกาศที่มีแต่เธอ เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเทศกาลลอยกระทง เป็นคานาเป้ปลาทูน่า เชฟรังสรรค์คานาเป้ออกมาให้เป็นกระทง ข้างในมีทูน่าหั่นเต๋าคลุกเคล้าสมุนไพรกับผงหม่าล่า ท็อปด้วยมายองเนส ใบมะกูด ยูซุเจล ผักเคลย่าง และคาเวียร์ ได้รสเค็ม หวาน และหอมเลม่อน ต่อด้วย ก็หมวยนี่คะ (ไม่ได้ตั้งใจ) ก็หมวยนี่คะ (ไม่ได้ตั้งใจ) เป็นบ๊ะจ่างหมูแดงที่ได้ไอเดียจากเทศกาลตรุษจีน เชฟเปลี่ยนข้าวเหนียวเป็นขนมปังบริออชฉ่ำเนย เสริมความเค็มมันด้วยเนยและเมอแรงก์ มีหมูแดงรมหวันชิ้นพอดีคำ กินรวมกันทุกองค์ประกอบอร่อยมาก และอย่าลืมปิดท้ายด้วยแรดิชล้างปาก ถัดมาคือ เทียนมีหมี่ มีเทียนแต่ธูปไม่มี จากเทศกาลแห่เทียนพรรษาของภาคอีสาน ซึ่งมีหนึ่งเมนูขึ้นชื่อนั่นก็คือก๋วยจั๊บญวน เส้นลวกสุกกำลังดีท็อปด้วยปลาสีกุนที่นำไปดรายเอจกับสาหร่ายคอมบุแล้วนำมาย่างจนหนังกรอบหอมกลิ่นสโมก เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคราและน้ำซุปก้างปลา สามารถเพิ่มความแซ่บได้ด้วยน้ำมันพริกที่ให้มา มาถึงจานหลัก บุญบั้งไฟเดือนหก กลับบ้านเฮามาเอาบุญเดือนหก เลือกเสิร์ฟเป็นเมนูสุดคลาสสิกสไตล์อีสานอย่างเนื้อย่างน้ำจิ้มแจ่วปลาร้า เสิร์ฟเป็นรีซอตโตรสละมุนคู่กับเนื้อออสเตรเลียนวากิว A4 รมควันไม้ลำไย เพิ่มรสชาติด้วยน้ำจิ้มแจ่วแอนโชวีแทนปลาร้า กินคู่กันอร่อยทีเดียว จบมื้อนี้ด้วย สวัสดี สวัสดีปีใหม่ ใครรักใครให้ได้แต่งงานกัน เมื่อนึกถึงเทศกาลปีใหม่จะมีคุกกี้เป็นของขวัญแทนใจ เชฟจึงนำไอศกรีมนมข้าวโพดราดคาราเมลมาจับคู่กับป๊อปคอร์นและครัมเบิลบัตเตอร์คุกกี้ออนท็อปด้วยไหมข้าวโพดกรอบๆ กินรวมกันทุกองค์ประกอบอร่อยมาก สำหรับ Thai Festivals เสิร์ฟถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2568 โดยสามารถเลือกได้ทั้งหมด 4 คอร์ส ราคา 1,490++ บาท, 7 คอร์ส ราคา 2,490++ บาท และ 10 คอร์ส ราคา 3,490++ บาท

ORB Café and Meal โอบคาเฟ่ คาเฟ่มู้ดดีที่หลายคนต้องเคยมีโมเมนต์สุดประทับใจในบรรยากาศสบายๆ ทั้งสาขาเชียงใหม่และพัทยา ล่าสุดโอบปักหมุดโลเกชั่นย่านบางนา เพื่อให้เป็นโอเอซิสผ่อนคลายของชาวกรุงเทพฯ และชานเมือง และยังช่วยให้คลายความคิดถึงสาขาอื่นที่เคยไปมาด้วย โอบ สาขานี้ตั้งอยู่ใน Let’s Relax Spa โดยยังคงคอนเซ็ปต์คาเฟ่ที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ ซึ่งเข้ากันดีกับธีมของสปา โดยแบ่งพื้นที่ให้มีทั้งส่วน Indoor และ Outdoor สำหรับคนที่อยากสัมผัสสายลมธรรมชาติ ท่ามกลางสวนสีเขียวที่มีละอองไอน้ำช่วยลดอุณหภูมิให้เย็นลง เสมือนนั่งกลางสวนป่าจริงๆ ส่วนเมนูอาหารเน้นความหลากหลาย สไตล์ All Day Brunch ครบครันทั้งไทยและฟิวชั่น รวมถึงเครื่องดื่ม และขนมหวาน เหมาะกับครอบครัวที่มีหลายเจนเนอเรชั่น รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างก็สามารถมาเอ็นจอยร่วมกันได้ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เมนูแนะนำ Tofu Cream Cheese, Smoked Salmon and Scrambled Eggs with Sourdough ขนมปังซาวโดว์โฮมเมดที่โดดเด่นด้วยความหอมจากการหมักธรรมชาติ เนื้อขนมปังเหนียวนุ่มนิด ๆ เปลือกกรอบ ราดครีมชีสเต้าหู้ ไข่คน เคียงด้วยแซลมอนรมควัน สลัดปลากะพงย่าง ซอสบัลซามิค เนื้อปลากริลล์สุกกำลังดี สัมผัสนุ่ม กินคู่สลัดผักที่ราดด้วยซอสบัลซามิคฉ่ำๆ รสเปรี้ยวสดชื่น เสิร์ฟมาแบบอัดแน่นเต็มชามให้แชร์ความอร่อยได้อย่างทั่วถึง ข้าวซอยไก่ย่าง มีเส้น 2 แบบกับไก่ย่างชิ้นใหญ่หนังกรอบ ในน้ำแกงเข้มข้นเผ็ดร้อนจากส่วนผสมของน้ำกะทิและพริกแกง เสิร์ฟพร้อมผักดองและหอมแดงให้เพิ่มความสดชื่นและสัมผัสกรุบกรอบ ใครชอบรสเปรี้ยวนำจะบีบมะนาว หรือตามด้วยพริกเผาอีกหน่อยก็ได้ จบของคาว อย่าลืมล้างปากด้วย แพนเค้กกล้วยย่างคาราเมล ครีมมาสคาร์โปน ของหวานขายดีที่มีจุดเด่นของแพนเค้กแป้งนุ่มฉ่ำ หอมเนย ท็อปด้วยกล้วยย่างคาราเมลที่หอมหวาน นุ่มเนียนลิ้น กินคำแรกแล้วหยุดไม่ได้ ส่วนเครื่องดื่มครองใจยกให้ KOKOMATSU ซิกเนเจอร์ที่ได้ความหวานจากน้ำมะพร้าวผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัวกับมัทฉะ และ YUZU COLD BREW กาแฟสกัดเย็นหอมๆ ผสมกับความเปรี้ยวหวานของน้ำส้มยูซุ หากถามถึงคาเฟ่กู๊ดมู้ดย่านบางนา...เราว่าโอบนี่แหละเบอร์ต้น

Tag:

ใครคิดถึงอาหารที่อัดแน่นด้วยความสร้างสรรค์และพิถีพิถันของร้าน STAGE (สตาช) ร้านอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยแห่งย่านเอกมัย ดีใจได้เลย เพราะตอนนี้ เชฟเจย์ - สายนิสา แสงสิงแก้ว พาร้าน STAGE กลับมาอีกครั้ง ในบ้านหลังใหม่กลางซอยสาทร 9 ติดกับร้าน Copine (โคปีน) ร้านอาหาร All Day Dining ที่กำลังอินเทรนด์ อีกร้านหนึ่งที่เชฟเจย์ดูแลความอร่อยอยู่เช่นกัน กลับมาครั้งนี้ ร้าน STAGE มาในรูปแบบไฟน์ไดนิงอย่างเต็มตัว ให้แฟนๆ ของร้านเดิมรวมถึงผู้ที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ได้อิ่มเอมไปกับคอร์สอาหารที่แปลกใหม่และน่าสนใจกว่าที่ผ่านมา สะท้อนถึงความตั้งใจและความเติบโตของเชฟเจย์ เสริมทัพด้วยทีมเชฟมากความสามารถที่มีความมุ่งมั่น ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวและหรูหราด้วยโทนสีน้ำเงินเข้ม มองเห็นครัวเปิดที่สว่างไสวและขวักไขว่ไปด้วยเหล่าเชฟที่ตั้งใจปรุงอาหารดุจเวทีที่ดึงดูดทุกสายตาให้จับจ้อง STAGE โฉมใหม่ให้บริการในรูปแบบ Chef’s Table รองรับ 12 ที่นั่ง นำเสนออาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยที่ปรุงด้วยเทคนิคการทำอาหารแบบฝรั่งเศสแท้ๆ โดดเด่นด้วยการเลือกใช้วัตถุดิบคุณภาพดีในบ้านเราที่สรรหาด้วยแนวคิดเพื่อความยั่งยืน (sustainability) ผสานกับวัตถุดิบพรีเมียมจากทั่วโลก   ในเทสติงเมนู 8 คอร์ส เชฟเจย์มอบความท้าทายให้กับทั้งตัวเองและคนกินได้ดำดิ่งลงไปในความซับซ้อนของรสชาติและสัมผัสอันหลากหลายที่สอดประสานอย่างลงตัว นำเสนอแบบร่วมสมัยสวยตรึงใจ เป็นประสบการณ์มื้ออาหารที่มอบอรรถรสแก่ทุกประสามสัมผัสอย่างแท้จริง เริ่มต้นด้วย Bites ของว่างคำเล็กน่ารัก ได้แก่ ฟัวกราส์เคลือบเจลลีไวน์ร้อนใส่กัมมีแครนเบอร์รี วาฟเฟิลสอดไส้มูสหอยแมลงภู่ และทาร์ตเล็ตต์กุ้งหวานอามะเอบิแต่งดอกไม้กินได้ ก่อนเข้าสู่จานเรียกน้ำย่อยแบบเย็นกับ Eel ปลาไหลทะเลจากฮอกไกโดรมควัน คลุกเคล้าครีมมาสคาโปนและแครมเฟรชให้สดชื่น เพิ่มมิติด้วยเมล็ดมัสตาร์ดดองและแอปเปิล คั่นด้วยแผ่นเจลลีสับปะรด ทอปด้วยคาเวียร์โอเชียสตรา เสิร์ฟกับซอร์เบต์ที่ได้แรงบันดาลใจจากค็อกเทล Old Fashion รสเปรี้ยวอมหวานช่วยปรับรสชาติในปากได้ดี ตามด้วยจานไฮไลต์ที่เราชอบ Crab ก้ามปูจากภาคใต้ของไทยนึ่ง ห่มผ้าห่มเจลลีมะเขือเทศ เสิร์ฟกับข้าวฮางจากสกลนครผัดซอส XO ที่ทางร้านทำเองจากทริมมิ่ง (ชิ้นส่วนที่เหลือจากการตัดแต่ง) ของเนื้อหมูอิเบริโค ใส่มันปูให้หอมมัน โรยหน้าด้วยอิเบริโคอบกรอบ เคียงด้วยซุปคอนซอมเมปู ข้าวฮางให้สัมผัสเคี้ยวหนุบคล้ายข้าวเหนียวและซึมซับรสชาติของซอสได้ดี เป็นจานที่ได้ความอร่อยจากปูทั้งตัว จานต่อมา Scallop หอยเชลล์เนื้อหวานทอดในซอสเนย ทอปด้วยครัสต์สาหร่ายเพิ่มรสเค็มและอูมามิ ตัดด้วยความเปรี้ยวนิดๆ ชวนสดชื่นจากเห็ดกิโรส์ดองเนื้อแน่นนุ่มเคี้ยวเพลิน ตามด้วยจานปลา Pinjalo ปลาแดงหางบ่วงจากเกาะหลีเป๊ะ เป็นปลาสกุลเดียวกับปลากะพง ซึ่งเชฟนำไปเอจกับซอสบราวน์บัตเตอร์ให้รสชาติและสัมผัสที่นุ่มเด้งของเนื้อปลา ราดซอสเวอร์จิน (Vierge Sauce) สไตล์ฝรั่งเศส เคียงด้วยต้นกระเทียมสอดไส้เนื้อปลา ทอปด้วยโอเชียสตราคาเวียร์ จานหลักมีให้เลือกระหว่าง Furano A4 เสต็กเนื้อฟุราโนะระดับเอสี่ เสิร์ฟกับมันบดเนื้อนวลเนียนครีมมีและเห็ดมอเรลในซอสบอร์เดเลซ และ Duck & Foie Gras Pithivier แป้งพัฟฟ์สอดไส้เนื้อเป็ดและฟัวกราส์ เป็นอีกจานที่ชวนว้าวด้วยหน้าตาที่สวยงามและอัดแน่นด้วยความอร่อยชุ่มฉ่ำภายใน ตัวแป้งบางอร่อยส่วนครัสต์ก็กรอบกำลังดี ปาดกับซอสเข้มข้นดีงามมาก สำหรับของหวานเรียกว่าเป็นดังงานศิลปะ เริ่มด้วยจานแรก Fig/ Fig Leaves ที่ทุกเลเยอร์ทำจากผลและใบมะเดื่อให้สีชมพูสวยดุจอัญมณี รสหวานอมเปรี้ยวสดชื่น ตามด้วย White Truffle / Cheese Cake ภายใต้ทรัฟเฟิลฝานบางเรียงสวยเป็นบรีชีสเค้กและเฮเซลนัทพราลีเน่หวานมันกลมกล่อม ก่อนปิดท้ายด้วย Petit Fours อร่อยและสวยงามไม่แผ่วจนจานสุดท้าย ใครที่ติดตาม STAGE มาแต่แรกจะเห็นว่าเชฟเจย์มุ่งมั่นพัฒนาอาหารของตนเองเสมอจนออกมาเป็นเวอร์ชั่นต่างๆ มากมาย สำหรับชื่อร้าน Stage ที่ในภาษาฝรั่งเศสแปลว่า เด็กฝึกงาน ก็เปรียบได้ดั่งตัวเชฟเจย์ที่รักในการเรียนรู้และหลงใหลในสิ่งที่ทำอยู่เสมอ และยังหมายถึง ‘เวที’ สำหรับแสดงฝีมือที่ขัดเกลามาให้ผู้มาเยือนได้รับชมและรับชิมกันอีกด้วย   ร้าน STAGE ก็ได้เติบโตจากเด็กฝึกงานสู่ความเป็นผู้ใหญ่ที่ STAGE สาทร แห่งนี้เอง มาลิ้มลอง Tasting Menu 8 คอร์ส ได้ในราคา 4,800++ บาท และเพิ่มไวน์แพร์ริ่งโดย The Wine Merchant 6 แก้วในราคา 2,900++ บาท

เข้าสู่ปี 2025 เทรนด์ร้านอาหารโฮมคุกยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับร้าน ฟุ้ง ร้านอาหารหน้าใหม่ย่านทองหล่อ ที่เสิร์ฟสำรับไทยประจำบ้านโดย คุณทราย-ณัฐกมล วงษ์สด นักชิมตัวแม่ผู้มุ่งมุ่นอยากนำเสนออาหารไทยรสเข้มข้นในแบบที่ตนเองชื่นชอบให้ทุกคนได้ลิ้มลอง แม้จะเปิดร้านได้ไม่ถึงปี แต่มีคนต่อคิวยาวข้าม (หลาย) เดือนเพื่อจะได้มาลิ้มรสความอร่อยดูสักครั้ง ตัวร้านรีโนเวทมาจากตึกเก่า 3 ชั้น ที่โดดเด่นด้วยป้ายชื่อร้านขนาดใหญ่ชวนสะดุดตา เมื่อเดินเข้าไปภายในจะพบกับบรรยากาศอบอุ่นจากผนังโทนสีครีม เฟอร์นิเจอร์ไม้และโคมไฟสีเหลืองนวลละมุน ซึ่งแต่ละชั้นมีโต๊ะรับประทานอาหารประมาณ 1-2 โต๊ะ ที่จัดวางไว้อย่างเป็นสัดส่วน ให้นั่งล้อมวงกินข้าวด้วยกันแบบสบายๆ ไม่อึดอัด สำหรับทุกเมนู คุณทราย เล่าให้ฟังว่า ตนเองจะค้นคว้า หาแหล่งวัตถุดิบที่ดีที่สุดทั่วประเทศเพื่อนำมาผสมผสานกับวิธีการทำสไตล์ของที่บ้าน โดยสามารถเลือกได้ตั้งแต่สำรับเล็กจำนวน 4 ท่าน จนถึงสำรับใหญ่ สำหรับ 10 ท่าน ครบด้วยเมนูต้ม ผัด แกง ทอด และยำหรือตำ อย่าง หมูกะปิคาราเมล จุดเด่นคือเนื้อหมูแล่บางชิ้นพอดีคำที่ทอดให้หอมกรอบไม่อมน้ำมัน ผัดคลุกเคล้ามากับซอสกะปิใต้ 2 สูตร ได้รสหวานและเค็มในคำเดียว แกงคั่วปูหน่อไม้ดอง น้ำของแกงรสเข้มข้นหอมกลิ่นเครื่องแกงตำเอง ซึมเข้าเนื้อปูชิ้นโต และเนื้อหน่อไม้อ่อนดองเกลือโลคอล ที่มีวิธีดองเฉพาะทำให้มีสัมผัสกรอบฟู กินพร้อมข้าวสวยไม่ผิดหวัง ปลาเกล็ดฟู เมนูไฮไลต์ที่ทางร้านใช้เทคนิคเฉพาะตัวในการทำให้เกล็ดปลากรอบขึ้นฟูสวยงาม โดยที่เนื้อปลายังคงมีสีเหลืองทอง ราดด้วยน้ำปลาอย่างดี พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด ฟินทุกคำ และ ตำกะปิผลไม้ จานนี้นำความหวานกรอบของผลไม้ตามฤดูกาลมาตัดกับน้ำยำกะปิรสกลมกล่อมได้อย่างลงตัว ประทับใจคุ้มค่ากับการรอคิว

หากพูดถึงร้านที่เหมาะกับการเฉลิมฉลองในทุกๆ เทศกาล เราขอยกให้ “Savio” ร้านบุฟเฟต์นานาชาติสุดพรีเมี่ยมของ Chatrium Grand Bangkok เพราะจัดเต็มด้วยคาราวานของอร่อยนานาชาติอย่าง อาหารไทย อาหารญี่ปุ่น สเต็ก อาหารอิตาเลียน อาหารจีน อาหารอินเดีย รวมไปถึงขนมหวานโฮมเมดต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าทุกจานล้วนได้รับการดูแลจากเชฟใหญ่ชาวเยอรมัน Stephan Albert Dellner Executive Chef ประจำห้องอาหารโรงแรมฯ ที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์จากโรงแรงชั้นนำทั่วโลกกว่า 33 ปี นอกจากจะได้ลิ้มลองบุฟเฟต์รสชาติดีแล้วยังได้เอ็นจอยกับบรรยากาศแสนสบายโปรงโล่ง ที่ได้จากผนังกระจกใสมองเห็นวิวสวนสีเขียว ผสมกับมู้ดแอนด์โทนอบอุ่นของโซฟาหนานุ่ม ที่ด้านบนตกแต่งด้วยงานอาร์ตไม้ไผ่ของคุณกรกต อารมย์ดี ศิลปินไทยจากเมืองเพชรบุรีที่สนับสนุนแนวคิดเรื่องความยั่งยืน จานแรกขอเรียกน้ำย่อยด้วย สลัดผลไม้ ประกอบด้วยผัก-ผลไม้ต่างๆ เช่น แอปเปิ้ลแดง แอปเปิ้ลเขียว มะเขือเทศเชอร์รี่ ธัญพืชต่างๆ มิ๊กซ์กับน้ำสลัดครีมรสหอมหวานกินอร่อย ต่อด้วย ชาร์กูเตอรี ที่จัดเต็มทั้งขนมปังโฮมเมด เนื้อสัตว์ดอง โคลด์คัต และคาราวานชีสนานาชนิด ไปกันต่อกับสเตชั่นอาหารจีน ให้คุณอร่อยกับ ติ่มซำ นึ่งสดลูกโตๆ ได้แก่ ขนมจีบกุ้ง เนื้อเด้ง ฮะเก๋า ลูกใหญ่ และซาลาเปา ไส้หมูสับ ไส้ครีม และไส้หมูแดง หรือใครชอบ เป็ดย่าง หรือหมูแดง ที่นี่ก็มีบริการ กระเพาะปลา ใครลองต่างก็ติดใจ เพราะเขาให้เนื้อกระเพาะปลาชิ้นใหญ่ อยู่ในน้ำแกงรสเค็มพอเหมาะ เติมจิ๊กโฉ่วรสเปรี้ยวพอดี ปลาหิมะนึ่งซีอิ๋ว เมนูนี้หลายคนชอบ ปลาหิมะเนื้อสด ได้รสเค็มพอดีจากน้ำซีอิ๊วสูตรลับ หอมกลิ่นน้ำมันงาอ่อนๆ ห้ามพลาดคือเมนูซิกเนเจอร์อย่าง เทอร์มิดอร์ล็อบสเตอร์ ล็อบสเตอร์เนื้อแน่นรสหวาน นำเข้าจากมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ราดด้วยซอสครีมสูตรเฉพาะรสเข้มข้น ก่อนชิมให้บีบมะนาวซีกเล็กน้อย ตามด้วย ตับห่าน ฟัวกราส์ย่างอย่างดี กินกับลูกแพร์รสเปรี้ยวอมหวานเข้ากัน คนรักอาหารญี่ปุ่นต้องเลิฟ ซาซิมิ มีให้เลือกมากมายราวกับขนทะเลขึ้นบก ไม่ว่าจะเป็น ปลาฮามาจิ แซลมอน มากุโระ และอิคุระหรือไข่ปลาแซลมอนรสเค็มกลมกล่อมนั่นเอง มากันที่ เท็ปปันยากิ สเต็กสไตล์ญี่ปุ่นที่พร้อมให้คุณลิ้มลองทั้ง เนื้อกาวิว ฉ่ำลิ้น และแซลมอน เนื้อสด เข้ากันดีกับผักดอง ซีฟู้ดออนไอซ์ ก็ดีงาม เพราะมีให้คุณเลือกอร่อยทั้ง หอยนางรม หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ กุ้ง และปูม้า เสิร์ฟพร้อน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดดวง มาที่เมนูสเต็กกันบ้างก็ดี ขาแกะ เนื้อนุ่มฉ่ำ กินคู่ซอสไวน์แดงรสชาติดี และผักย่าง เนื้อออสเตรเลีย ก็น่าสนใจ เนื้อสัมผัสชุ่มฉ่ำความสุกมีเดียม กินพร้อมซอสพริกไทยดำรสเค็มเผ็ดได้ใจ ขาดไม่ได้กับสเตชั่นพาสต้า ที่คุณสามารถเลือกเส้นและซอสได้ต่างตามใจ ครั้งนี้เราชิม สปาเก็ตตีคาโบนารา รสครีมมีเข้มข้น ไปด้วยกันได้ดีกับเบอคอนทอด เพนเน่เพสโต้ เส้นเพนเน่ความสุกกำลังดี คลุกเคล้ากับซอสเพลสโต้รสนุ่มนวล หอมใบโหระพาเป็นที่สุด ส่งท้ายด้วยจานอร่อยจากสเตชั่นอินเดีย อาทิ ไก่ทันดูรี ไก่เนื้อนุ่มสีแดงรสเค็มได้ที่ หอมกลิ่นเครื่องเทศอินเดีย แกงไก่ทิกก้ามาซาล่า รสเผ็ดร้อนจัดจ้าน กินกับ ข้าวหมกไก่ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นละมุนของขมิ้น ก่อนมาจัดเต็มกับของหวานที่เรารักกันบ้าง เมนูดาวเด่นคือ เครปซูเซตต์ แป้งเครปสไตล์ฝรั่งเศสแผ่นบางนุ่ม ราดซอสซอสส้มโฮมเมดรสเปรี้ยวอมหวาน เติมวิปครีมปุกปุยเล็กน้อย ชูซ์ครีม กรอบนอกนุ่มใน สอดไส้ครีมสตรอว์เบอร์รีรสหวานหอมเปรี้ยว พานาคอตต้า เนื้อเนียนนุ่ม ท็อปด้วยซอสส้มรสสดชื่น โรลวานิลลา เนื้อนุ่มกินเพลิน ทาร์ตช็อกโกแลต ชิ้นนี้อร่อยเลย เพราะได้รสเข้มข้นจากช็อกโกแลตชั้นดีจากประเทศเบลเยี่ยม เค้กช็อกโกแลต เนื้อฟูๆ สลับชั้นกับซอสช็อกโกแลตโฮมเมด แครมบรูว์เล คัสตาร์ดรสหวานนุ่มนวล ด้านบนเป็นน้ำตาลเบิร์นไฟส่งกลิ่นหอม เค้กสังขยา ตรึงใจเรามากมาย เค้กเนื้อวานิลานุ่มแน่น สลับชั้นกับซอสสังขยารสหอมหวาน เข้ากันดีกับวิปครีมมะพร้าวเนื้อนุ่มนิ่ม ข้าวเหนียวสังขยา ก็ควรของ ข้าวเหนียวมูนรสใบเตย เสิร์ฟพร้อมสังขยาหวานมันกำลังดี หรือใครชอบขนมไทย ก็จัดเต็มไปเลยกับ ขนมชั้นดอกกุหลาบ สีสวยเนื้อนุ่ม ทองหยิบ รสหวานฉ่ำ ขนมกล้วย เนื้อแน่นหนึบ ข้าวต้มมัด ชิ้นใหญ่ ใครยังไหวต่อด้วยไอศกรีมคุณภาพจากแบรนด์ Haagen – Dazs ได้เลย