ชวนไปฮีลใจให้หายเหนื่อยในคาเฟ่สไตล์โฮมมีวินเทจที่ Camelot Café คาเฟ่ตึกสูงที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเจริญกรุง 45 บอกเลยว่าบรรยากาศอบอุ่นและไวบ์ดีมาก คาเฟ่นี้ตั้งชื่อตามหนังดังอย่าง Camelot หนังดราม่าแฟนตาซีอเมริกันปี 1967 ซึ่งเป็นหนังที่เจ้าของร้านชื่นชอบจึงเป็นที่มาของชื่อร้าน ตึก 3 ชั้นที่พร้อมต้อนรับเราด้วยประตูไม้บานใหญ่ เมื่อก้าวเข้าไปด้านในต้องเป็นใจฟู เพราะเจ้าของร้านตั้งใจหยิบจับและตกแต่งออกมาในสไตล์โฮมมีผสมกับความวินเทจหยอกล้อกับความดิบจากผนังปูนเก่า มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้และหนังต่างๆ และเติมเต็มสีสันให้น่ารักมากยิ่งขึ้นด้วยตุ๊กตาและของเล่นของลูกสาวและของสะสมต่างๆ ทำให้รู้สึกว่าอากาศหนาวกำลังมาเยือนอยู่ตลอดเวลา (เจ้าของร้านแอบกระซิบว่ายังไม่เปลี่ยนธีมเพราะยังไม่มีเวลาเก็บ) นอกจากชั้นล่างจะเปิดเป็นคาเฟ่แล้วเมื่อเดินขึ้นไปยังชั้น 2 เปิดเป็นโซนไวน์บาร์ที่ดีไซน์ออกเป็นแนว 80s พร้อมมุมโซฟาและเครื่องดนตรีที่เต็มไปด้วยแผ่นเสียงรุ่นเก่าไว้เปิดฟังเพลินๆ พร้อมจิบเครื่องดื่มแบบชิลๆ สำหรับชั้น 3 เป็น living Room ไว้สำหรับเป็นมุมอ่านหนังสือและห้องนั่งเล่นไว้ให้เอนจอยกันกับเพื่อนๆ ได้สบาย สำหรับอาหารที่นี่ก็รังสรรค์ได้อย่างโฮมมีเช่นกัน โดยเริ่มตั้งแต่การทำขนมปังซาว์โดเองไปจนถึงรีดเส้นพาสตาสด ซึ่งครั้งนี้เราไปเราได้ไปลิ้มลอง Carbonara Pasta พาสตาเส้นเฟตตูชินีสดที่รีดกันวันต่อวัน นำมาผัดเส้นสุกกำลังดี ได้รสชาติเข้มข้นและครีมมี หอมกลิ่นเบคอน ตักจิ้มคู่กับไข่แดงสดก็เพิ่มความครีมมีได้อย่างทวีคูณ Signature Steak Sandwich Wagyu เรียกได้ว่าเป็นพระเอกของร้าน เนื้อวากิวย่างสุกระดับมีเดียมแรร์ เสิร์ฟมาในขนมปังซาว์โดเนื้อนุ่มหนึบ พร้อมกับสลัดต่างๆ บอกได้คำเดียวหากใครมาแล้วห้ามพลาด! Biscoff Caramel Cheese Cake ชีสเค้กเนื้อสัมผัสแน่น ฐานด้านล่างเป็นคุกกี้บิสคอฟบด ให้ความกรุบกรอบเพิ่มความอร่อยให้กับครีมชีสได้เป็นอย่างดี ราดด้วยซอสคาราเมล หวานกำลังดี อย่าลืมปิดท้ายด้วย Iced Red Thai Tea ชาไทยที่เสิร์ฟมาในรูปแบบไอซ์บอล หอมกลิ่นชา เสิร์ฟมาพร้อมกับนมจืดและไซรัป ทั้งบรรยากาศและรสชาติของอาหารก็เติมเต็มวันธรรมดาๆ ให้ใจฟูได้

ใครที่เป็นแฟนคลับ The Deck ร้านกินดื่มริมแม่น้ำเจ้าพระยาในซอยประตูนกยูง ต้องแวะเวียนมาเช็คอินที่ The Gate Grand Palace ร้านอาหารน้องใหม่ในเครือเดียวกัน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณมุมถนนมหาราชติดท่าเรือท่าช้าง และเหมาะแก่การแวะเติมพลังก่อนหรือหลังการเข้าชมความงามของวัดพระแก้วหรือวัดพระศรีรัตนศาสดารามยิ่งนัก The Gate Grand Palace ตกแต่งร้านด้วยโทนสีสดใส เขียว แดง และทอง ซึ่งตั้งใจให้สอดคล้องกับโทนสีในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยเฉพาะโทนสีแดงซึ่งเป็นสีเดียวกับประตูวัดพระแก้ว โซนด้านนอกจัดพื้นที่ให้สามารถนั่งรับประทานอาหารและจิบเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ พร้อมเพลิดเพลินกับสายลมเย็นจากแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงแดดร่มลมตกด้วย นอกจากบรรยากาศจะชวนให้นั่งชิลแล้ว ยังพร้อมบริการด้วยอาหารเอเชียฟิวชั่นรสชาติถูกปากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ ยำมะม่วง 3 อย่าง 3 รส กุ้งทอด เมนูกินเล่นที่ใช้มะม่วงเขียวเสวยรสชาติมันกรอบ มะม่วงน้ำดอกไม้รสหวานอมเปรี้ยว และมะม่วงแก้วขมิ้นรสหวานมัน หั่นชิ้นพอดีคำ ยำในสไตล์ไทยพร้อมกุ้งทอดและหอยเชลล์สไลซ์ รสชาติน้ำยำกลมกล่อม พอมีความแซ่บให้ถูกปากคนไทยและไม่เผ็ดร้อนเกินไปสำหรับคนต่างชาติ  สลัดเนื้อสันในโคขุนย่างราดน้ำสลัดญี่ปุ่น เนื้อสันในย่างสุกกำลังดี เนื้อในฉ่ำนุ่มเคี้ยวอร่อย กินพร้อมผักสลัดสดกรอบเป็นจานที่บีฟเลิฟเวอร์ต้องรัก ผัดไทยกรอบ เมนูซิกเนเจอร์ที่โดดเด่นจนทุกโต๊ะต้องสั่ง เสิร์ฟผัดไทยกุ้งสดรสชาติเข้มข้นสลับชั้นกับเส้นผัดไทยทอดกรอบ ตักกินไปพร้อมกันได้ทั้งความนุ่มหนึบผสานความกรุบกรอบที่อร่อยลงตัว ข้าวผัดดีปลาหมึก กุ้ง ข้าวผัดสีดำจากดีหมึกเรียงเม็ดสวย มีไข่รวนสีขาว-เหลืองโปะหน้ามาตัดกับสีดำของข้าว ส่งกลิ่นหอมยวนใจ เหยาะน้ำปลาพริกเพิ่มอีกนิด อร่อยติดใจ สั่งแกงกะหรี่หมูในน้ำผลไม้มากินไปด้วยกันก็เสริมความอร่อยให้ทับทวี เนื้อหมูเคี่ยวจนนุ่ม น้ำแกงกะหรี่เข้มข้นกลมกล่อม หรือจะลองเมนูฟิวชั่นยอดนิยมอย่างพิซซ่าแกงมัสมั่นเนื้อ แป้งพิซซ่าบางกรอบสไตล์อิตาเลียน แต่งหน้าด้วยแกงมัสมั่นเนื้อรสเข้มข้นหอมเครื่องเทศสไตล์ไทย โรยด้วยชีส อบสดใหม่ร้อนๆ จากเตา หรือจะลองพิซซ่ากะเพราหมู ก็รสชาติดีไม่น้อยหน้ากัน อิ่มของคาวแล้วต่อด้วยของหวานอย่าง ขนมครก 2 สีหน้าช็อกโกแลต/ทุเรียน และไอศกรีมเลมอนเชอร์เบต ในหนึ่งจานมีทั้งขนมครกจากแป้งข้าวเจ้าโรยหน้าช็อกโกแลต และแป้งไรซ์เบอร์รีโรยหน้าทุเรียน ให้เลือกชิม กินพร้อมไอศกรีมเลมอนเชอร์เบตที่เชฟคัดสรรมาให้แล้ว หรือจะลอง ขนมบ้าบิ่น “ท่าช้าง” ทรงเครื่องมะพร้าวอ่อน ก็รสชาติดี หวานน้อย อร่อยถูกใจ  ใครไม่สันทัดขนมไทยจะเลือกเมนู มะม่วงสุก+ข้าวเหนียวดำฟักทอง ไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี ก็เข้าทีดีไม่น้อย  หรืออยากลิ้มลองเมนูหวานเย็นอย่าง ลอดช่องในลูกมะพร้าวอ่อนปอกเปลือก ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือก ยังมีเมนูอีกมากมายพร้อมเครื่องดื่มดับกระหายให้เลือกสรรได้ตามชอบในราคาสบายกระเป๋า The Gate Grand Palace ตั้งอยู่บนถนนมหาราช ติดท่าเรือท่าช้าง บริเวณหัวมุมอาคารราชนาวีสโมสร เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-19.00 น. โทร. 0-2163-4619, 08-2752-4993

Tag:

เชื่อว่าใครหลายคนคงคุ้นเคยกับร้านอาหารเช้าที่เป็นตำนานความอร่อยกว่า 70 ปีอย่าง โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ที่ล่าสุดทำการเปิดสาขาใหม่ในบ้านหลังเก่าสุดคลาสสิค ซึ่งมาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ชวนอบอุ่น 'อยากให้ทุกคนมานั่งล้อมวงทานข้าวด้วยกัน' สำหรับจุดเด่นของสาขานี้ยกให้ตัวร้านพื้นที่กว้างขวางที่ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นเฮอร์ริเทจ โดยเราจะได้ผ่อนคลายไปกับพื้นที่สีเขียวและวิวน้ำตกที่ทางร้านเนรมิตขึ้นมาอย่างสวยงามสมบูรณ์แบบ ซึ่งมีทั้งโซนอินดอร์ห้องแอร์เย็นสบายและโซนเอาท์ดอร์ให้รับลมธรรมชาติ ในส่วนของเมนูอาหารทางร้านยังเน้นเสิร์ฟเป็นเซ็ตอาหารเช้ากินง่าย เพิ่มเติมด้วยหลากหลายเมนูกับข้าวเพื่อตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวให้มากขึ้น อาทิ โรตีแกงเขียวหวานไก่ (168.-) แป้งโรตีกรอบฟูทานคู่กับแกงเขียวหวานจากเครื่องแกงสูตรเฉพาะของร้าน ตัดความเข้มข้นด้วย แกงจืดเกี๊ยมบ๊วยหมูสับ (328.-) ซุปรสชาติเปรี้ยวนิดเค็มหน่อย กินกับหมูสับชิ้นโตซดแล้วคล่องคอ ต่อด้วยเซ็ตอาหารเช้า ชุดไข่กระทะครบสูตร (158.-) ประกอบด้วย ไข่ลวก ขนมปัง และเครื่องดื่ม เราเลือกเป็นชาเฟ กาแฟรสเข้มปานกลางที่ผสานมากับชาซีลอนหอมกรุ่นอิ่มอร่อยสบายท้อง ปิดท้ายที่ของหวาน เค้กปลากริมไข่เต่า เค้กชิฟฟอนนุ่มฟูสลับชั้นมากับกะทิและแป้งปลากริม กินด้วยกันในหนึ่งคำ อร่อยละมุนลิ้นสุดๆ

สายสุขภาพทราบแล้วเปลี่ยน! “SaladStop Thailand” ร้านอาหารสุขภาพชื่อดังจากเกาะสิงคโปร์ได้ขยายสาขามาที่ Emsphere (BTS พร้อมพงษ์) แล้วเรียบร้อย พร้อมเสิร์ฟจานอร่อยเฮลล์ตี้จากผักออร์แกนิกภาคเหนือ และวัตถุดิบอื่นๆ อย่าง ไก่เนื้อแน่นที่ได้จากไก่อารมณ์ดีปลอดสารเร่งฮอร์โมน แซลมอนนำเข้าประเทศนอร์เวย์ แน่นอนว่าทุกจานไส้สารกันบูด ไม่แต่งกลิ่น ไม่ใส่ผงชูรสเช่นเคย ในส่วนของการตกแต่งทางร้านยังให้โทนสีขาวสบายตา เข้ากันดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลอ่อนซึ่งทำมาจาก ‘กากกาแฟ’ ตรงตามคอนเซ็ปต์ Sustainable เช่นเดียวกับสาขาเซ็นทรัลชิดลม และมาร์เช่ ทองหล่อ นั่นเอง ประเดิมด้วย Hali Caesar (wrap) ซีซาร์สลัด ซิกเนเจอร์ประร้าน ห่อด้วยแป้งตอติญาโฮมเมดเหนียวนุ่ม ตามด้วยเมนูโปรดของชาววีแกน Mediterranean Breeze อุดมไปด้วยผักสีเขียว บีตรูต มะกอกดำ มะเขือเทศเชอร์รี และมีตบอลสูตรวีแกนเนื้อแน่น เสิร์ฟพร้อมซอสสูตรลับที่ทำมาจากมะเขือเทศ Truffle Wonder โดดเด่นด้วยน้ำสลัดรสครีมมีกินอร่อย เคล้าเต้าหู้ แอปเปิ้ลเขียว มะเขือเทศเชอร์รี ส้มแมนดารินและเห็ดผัด Jingle Kale ก็น่าสนใจ สลัดชามโตที่เต็มไปด้วยผักเคลมากประโยชน์ หอมแดง ทับทิม มะเขือเทศเชอร์รี เห็ดผัดและอกไก่ ราดซอสบัตเตอร์มิลล์ เลมอนรสกลมกล่อมเข้าที มาในฝั่งวอร์มโบลว์กันบ้าง คนรักเส้นต้องปลื้ม Tokyo Diff เพราะมีเส้นโซบะเหนียวนุ่ม ผสมกับผัดสดต่างๆ เสริมโปรตีนด้วยเต้าหู้เนื้อนุ่ม และทูน่าเซียฉ่ำใน เสิร์ฟเคียงน้ำสลัดงาดำยุซุหอมมัน เครื่องดื่มเราแนะนำ Get Shrek สมูตตี้สีเขียวรสสดชื่นที่มีส่วนผสมของเคล ผักโขม มะม่วงสุก และน้ำมะพร้าว Tropical Dream ดริ้งก์รสกลมกล่อมนี้เป็นการรวมตัวกันของขึ้นฉ่าย เคล กล้วยหอม และกรีกโยเกิร์ต สดชื่นทุกครั้งที่จิบ

ทำความรู้จักกับอาหารภูเก็ตให้ลึกซึ้งมากขึ้นอีกนิดที่ ภูเก็จ ร้านอาหารหน้าใหม่ในตึกเก่าย่านเยาวราช ที่ต้องการนำเสนออาหารแบบเปอรานากัน หนึ่งในวัฒนธรรมอาหารเก่าแก่ของชาวภูเก็ต ซึ่งผสมผสานเทคนิคการปรุงอาหารสไตล์จีนฮกเกียน มลายูและไทยไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว สำหรับอาหารแบบเปอรานากันนั้นมีความหลากหลายทางวัตถุดิบและรสชาติตามแต่พื้นที่ โดยเชฟกร-ฐาปกร เจ้าของร้านก็ได้หยิบเอาอาหารภูเก็ต หนึ่งในจังหวัดที่มีวัฒนธรรมเปอรานากันอันแข็งแรงมาเป็นจุดเริ่มต้นคอนเซ็ปต์เมนู และทำการปรับแต่งเติมรสชาติให้เข้าถึงง่ายแฝงไปด้วยกลิ่นอายของอาหารใต้เบาๆ พร้อมเสิร์ฟมาในหน้าตาที่โมเดิร์นสวยงามชวนประทับใจ เริ่มที่ หลนหอยเชลล์กระทงกรอบ แป้งกระทงชาโคลกรอบสอดไส้หลนกะทิเค็มมัน ท็อปด้วยหอยเชลล์ฮอกไกโดเนื้อหนึบเด้งกินเพลิน ต่อด้วย หมูฮ้องทอดภูเก็ต หมูสามชั้นตุ๋นที่นำไปทอดจนเนื้อด้านนอกกรอบแต่ภายในยังชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมผักดอง ตามด้วย แกงตู้มี่ปลาเก๋า แกงสไตล์มาเลเซียมีส่วนผสมของผักแพว สะระแหน่ ดาหลา เนื้อสัตว์ใช้เป็นปลาเก๋าลวกและเบิร์นไฟให้หนังกรอบเล็กน้อย เพิ่มความน่ากินอีกเท่าตัว ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง โอ้เอ้วกุหลาบลิ้นจี่ ถ้วยนี้อัดแน่นมาด้วยเกล็ดน้ำแข็งบด และเหล่าผลไม้ กินพร้อมโอ้เอ้วเนื้อหนึบๆ หรือจะเลือกเป็น ซอร์เบต์มะพร้าวโฮมเมด จากน้ำมะพร้าวและกะทิ กินพร้อมชูครีมกรอบไส้มะพร้าวคั่ว และทองม้วนบด ก็เติมเต็มความสดชื่นได้ดีไม่แพ้กัน

‘อาหารของแม่คือรสชาติที่ลูกๆ ทุกบ้านกระหายอยากจะกิน’ Mother BKK จึงตอบโจทย์ปัญหานี้ด้วยการดึงไอเดีย รสมือแม่ มารังสรรค์ใหม่เป็นอาหารไทยร่วมสมัย ที่หยิบใช้วัตถุดิบคุณภาพจากหลากหลายแหล่งมาก่อร่างสร้างจานอร่อยในสไตล์ Asian twist เสิร์ฟภายใต้บรรยากาศสบายๆ มีความโคซีและเป็นกันเองบนถนนเจริญกรุง สำหรับเมนูอาหารทาง เชฟคุณ-อภิศม์ เจษฎาพร และ เชฟเติ้ล-กรณัฎฐ์ รอบคอบ ตั้งใจนำเสนอเมนูในความทรงจำของแต่ละครอบครัว ด้วยรสชาติที่ทุกคนคิดถึง แต่จะนำเสนอในรูปแบบใหม่โดยใช้เทคนิคทันสมัยเข้ามาช่วยดึงจุดเด่นของเมนูนั้นๆ ออกมาให้เด่นชัดขึ้น เพื่อให้ผู้มาเยือนรู้สึกเข้าถึงง่ายเหมือนได้นั่งรับประทานอาหารฝีมือของคุณแม่ที่บ้านของตัวเอง โดยสามารถเลือกได้ว่าจะกินแบบอะลาคาร์ตหรือเป็นคอร์ส หากพูดถึงดีไซน์ของร้านก็ยังคงคอนเซ็ปต์ตามคำว่า Mother ซึ่งมาจาก Mother Nature หรือผู้ให้กำเนิดเหล่าสรรพสิ่งในธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็น ดิน น้ำ ลม ไฟ และไม้ งานอินทีเรียจึงออกแบบให้ล้อไปกับธาตุทั้ง 5 ตั้งแต่ประตูทางเข้า จะเห็นได้ว่าทางร้านใช้สีเอิร์ธโทนมีความโฮมมี ประกอบกับผนังซึ่งมีเท็กซ์เจอร์เหมือนหินและดิน มีเพดานสูงทำให้อากาศปลอดโปร่งแทนธาตุลม ตรงกลางร้านเป็นส่วนของครัวเปิดหรือพื้นที่ที่ใช้ไฟบรรจงปรุงแต่งอาหาร แต่เมื่อเดินผ่านครัวขึ้นไปยังชั้นลอยจะพบกับบาร์เครื่องดื่มซึ่งเป็นตัวแทนของน้ำ ส่วนธาตุไม้ทุกคนจะพบเจอตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์และรากไม้ซึ่งเป็นแชนเดอเลียร์ห้อยโดดเด่นอยู่กลางร้าน สำหรับเมนูอาหารเชฟเติ้ลได้ให้คำนิยามว่า ‘คนกินต้องรู้ว่าร้านเสิร์ฟเมนูอะไร ถ้าหลับตากินแล้วไม่รู้ ลืมตามองก็ต้องรู้ แต่ถ้าภาพไม่ได้ ให้รสชาติเป็นตัวเฉลย ไม่ว่าเมนูไหนก็ต้องมีแก่นสักอย่างให้คนที่กินจับได้ เพราะทางร้านต้องการให้คนกินร่วมสนุกไปกับพวกเขา เริ่มต้นที่เมนูอะลาคาร์ตอย่าง ขนมครกหลนปู เมนูเรียกน้ำย่อยขายดี เป็นแป้งขนมปังบริออชที่เชฟใช้กะทิแทนนม ท็อปด้วยเนื้อปูและมูสหลนปูที่ทำจากปูเค็มผสมกะทิ ตัดรสชาติด้วยหอมแดง ได้กลิ่นหอมของกะทิและคาราเมลเต้าเจี้ยว ช่วยเปิดต่อมรับรสได้ดีมาก ต่อด้วยซิกเนเจอร์ของร้าน ข้าวหน้าปลาแกะ ข้าวหอมมะลิคลุกซีอิ๊วขาว(เหมือนแม่ทำให้กินตอนเด็กๆ) เสิร์ฟคู่ปลากะพงทอด หอมเจียวและยำสลัดผัก 3 อย่างคือ ผักชี ผักชีลาว และโหระพา ได้รสจัดจ้านจากน้ำยำ เหมือนเวลากินข้าวปลาแกะคู่กับพริกน้ำปลารสเด็ด มันกุ้งแม่น้ำย่าง เป็นเมนูในความทรงจำของเชฟเติ้ล เสิร์ฟมาทั้งหัว ด้านในประกอบด้วยซอสมันกุ้งกับเนื้อกุ้งย่าง เพิ่มรสชาติด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บและไข่ปลาแซลมอน แนะนำให้กินคู่ข้าวสวยร้อนๆ รับรองอร่อยเหาะ ตามด้วย เนื้อทอดเต้าเจี้ยว ได้กลิ่นและรสจากซอสน้ำมันพริกที่เคลือบอยู่บนเนื้อทอด กินกับผักกระเฉดผัดซอสเต้าเจี้ยวโฮมเมด เข้ากันได้ดีมาก ถัดมาคือเมนูไฮไลต์ที่เสิร์ฟในคอร์ส ไม่ว่าจะเป็น เย็นตาโฟกุ้ง เป็นกุ้งแม่น้ำย่างเตาถ่าน เสิร์ฟกับผักบุ้งย่าง เผือกทอดที่แทนเกี๊ยวกรอบในเย็นตาโฟ มีเห็ดหูหนูให้เคี้ยวกรึบ วางมาบนซอสเย็นตาโฟสีชมพูที่ทางร้านทำจากเผือกต้ม มีความข้นและหอมมันมาก ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง ขนมเบื้อง ไอศกรีมคาราเมลที่ทำจากน้ำตาลโตนด เคียงมาด้วยร็อกเค้กไส้ขนมเบื้อง ท็อปด้วยครีมเมอแรงก์ และครัมเบิลแป้งกรอบแทนแป้งขนมเบื้อง กินตัดรสกับครัมเบิลไส้เค็มของขนมเบื้อง ได้รสเค็มของเทสกุ้งแห้งตัดกับรสหวานลงตัว และ เยาวราช V.2 ขนมหวานที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเต้าทึง ไอศกรีมนมแอลมอน เสิร์ฟคู่กรานิตาน้ำลำไย คุกกี้งาดำ ลำไยเชื่อม แปะก๊วย แห้ว เจลลี่น้ำจับเลี้ยง และรากบัวทอด สดชื่นมาก (สำหรับขนมหวานทั้ง 2 เมนูนี้สามารถสั่งเป็นอะลาคาร์ตได้) หากไม่รู้ว่าจะสั่งเครื่องดื่มเมนูไหนมาแพงริงคู่กัน เราแนะนำเป็น Aunty ค็อกเทลที่มีเบสหลักเป็นน้ำสมุนไพร ทางร้านใช้น้ำอัญชันผสมวอสก้ากับจิน ให้รสเข้มข้นมาก ส่วนด้านบนเป็นโฟมไข่ขาวช่วยเพิ่มความละมุน และ Little Sis ได้รสและกลิ่นหอมของเสาวรส ได้รสเบาๆ และมีความสดชื่นจากโซดา แม้ว่าหน้าตาจะเปลี่ยนไป แต่รับรองได้ว่ารสชาตินั้นจะเป็นรสที่ทุกคนคุ้นเคยอย่างแน่นอน

ภายในขอบรั้ว ‘บ้านดุสิตธานี’ (Baan Dusit Thani) มีห้องอาหารที่มีชื่อเสียงซ่อนเอาไว้อยู่หลายแห่ง อาทิ ห้องอาหารเบญจรงค์ ดุสิตกรูเมต์ , โนมาดา แบงคอก ( NóMADA Bangkok) และห้องอาหารเธียนดอง (Thien Duong) ห้องอาหารเวียดนามที่รีโนเวตจากห้องเก็บยาอันเก่าแก่กว่า 100 ปี เป็นห้องอาหารเวียดนามสุดอบอุ่น บรรยากาศอันร่มรื่น ปกคลุมไปด้วยร่มไม้ใหญ่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เปรียบดั่งกับความหมายของคำว่า เธียนดอง ซึ่งในภาษาเวียดนามแปลว่า “สรวงสวรรค์” ภายใต้การดีไซน์ด้วยภาพวาดและรูปแบบของโกดังเก็บยาของเครือโอสถสภาเก่าแก่เป็นการผสมผสานของความคลาสสิกและโมเดิร์นเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว สำหรับเมนูอาหารเชฟได้เปลี่ยนทั้งวิธีการเสิร์ฟให้หน้าตาสวยงามและปริมาณที่ให้เพิ่มมากขึ้นอย่างจุใจ คัดสรรและเลือกใช้วัตถุดิบแบบพรีเมียม อีกทั้งยังเลือกใช้วัตถุดิบจากกลุ่มเกษตรกรและแหล่งชุมชนใกล้เคียง เพื่อให้ได้รสาติสดใหม่ อีกทั้งการันตีความอร่อยจากรางวัลมิชลิน Bib Gourmand 3 ปีซ้อน เริ่มด้วยเมนูแรก สลัดเวียดนามหัวปลีไก่และกุ้ง สลัดหัวปลีที่อัดเเน่นไปด้วยผักต่างๆ ถูกในสายเฮลท์ตี้ เช่น ถั่วงอก แครอต หัวปลี นำไปคลุกกับน้ำยำผสมกับงปรุงรสชาติได้อย่างกลมกล่อมผสมงาเเละถั่วลิสง จากนั้นท็อปด้วยกุ้งลวกตัวโต ต่อด้วย กุ้งเเม่น้ำนึ่งกระเทียม จานที่ดูภายนอกอาจจะดูเหมือนว่าธรรมดาเเต่รสชาติจัดจ้าน เพราะว่าเชฟปรุงมาอย่างถึงเครื่อง กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่นึ่งจนเนื้อสุกเด้งกำลังดี ราดมาพร้อมกับน้ำยำรสเปรี้ยวเผ็ดครบเครื่องและ ขนมเบื้องญวน จานนี้มาเเล้วบอกเลยว่าห้ามพลาด เเป้งขนมเบื้องสูตรพิเศษเพราะว่าหนากว่าปกติจากที่เคยกิน ด้านในอัดเเน่นไปด้วยผักและซีฟู้ด กินคู่กับผักดองช่วยตัดรสชาติกันได้ดี และสำหรับใครที่ไปเวียดนามแล้วเคยไปกินพิซซาเวียดนามต้องลอง พิซซาเวียดนามหน้าทะเล แผ่นเเป้งบางกรอบ ท็อปด้วยซีฟู้ดที่เชฟตั้งใจหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ จะกัดตรงไหนก็เจอเครื่องท็อปปิ้งเเบบจัดเต็ม เมื่อกินอาหารคาวแล้วก็อย่าลืมปิดท้ายด้วยขนมหวานอย่าง กล้วยหอมทอดเสิร์ฟพร้อมกับไอศกรีมวานิลลา แป้งด้านนอกกรอบและข้างในเนื้อชุ่มฉ่ำ และ รวมมิตรเวียดนาม ก็จบมื้อไปแบบฟินๆ ตัวร้านดีไซน์น่ารักเล่นสีสันดูสนุกสนาน ทำให้เพลินไปกับมื้ออาหารอย่างไม่มีเบื่อ

Tag:

เอกะลักษณ์ (Ekkaluck) ห้องอาหารหนึ่งเดียวประจำโรงแรมมาดี ไปดี กรุงเทพฯ ในซอยสุขุมวิท 53 ที่ถ่ายทอดความเป็นเอกลักษณ์ผ่านการออกแบบและตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่แฝงความหรูหราด้วยโทนสีน้ำเงิน-เทา พร้อมไปกับอาหารแสนอร่อยที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างมีเอกลักษณ์จากฝีมือเชฟวุฒิ-วุฒิศักดิ์ วุฒิอัมพร Executive Chef มากความสามารถ โดยผสมผสานอาหารไทยและอาหารหลายสัญชาติจากประสบการณ์ในต่างแดน จนเป็นอาหารในสไตล์ Inventive Thai Cosmopolitan แต่ละเมนูของที่นี่เน้นการประยุกต์อาหารที่มีอยู่แล้วของไทยเข้ากับความคิดสร้างสรรค์ และต่อยอดจนเกิดเป็นเมนูหน้าตาแปลกใหม่ เพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มองหาความแปลกใหม่รอบตัวอยู่เสมอ   เรียกน้ำย่อยกันก่อนด้วยขนมปังเสิร์ฟในกล่องไม้ แค่เพียงเริ่มต้นก็มองเห็นความเป็นเอกลักษณ์แล้ว ต่อด้วยสลัดผักสดที่ซ่อนวาซาบิไว้ให้กินเล่น เพิ่มความซี้ดจนจมูกโล่งกันเลย ยังมี Cream of Mushroom Soup ซุปเห็ดหอมกรุ่น เสิร์ฟมาในขนมปังทรงถ้วย ที่ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงบนฝาปิดด้วยการเรียงเห็ดให้เหมือนดอกไม้เต็มแผ่นขนมปัง สวยงามเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง Smoked Duck Salad สลัดเป็ดรมควัน ม้วนเป็นหลอด ด้านล่างมีส้มโอชุ่มฉ่ำ กินพร้อมกันได้ความลงตัวระหว่างของคาวและผลไม้ อร่อยมาก ขอบอก! เติมความสดชื่นระหว่างมื้อด้วย Pomelo Prawn Salad สลัดส้มโอและกุ้งอาร์เจนตินา ฝานส้มโอเป็นแผ่นกลมในจาน พร้อมตกแต่งผักให้เป็นรูปดอกไม้สีสันน่ารักสดใส บรรยากาศเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น Bacon Lettuce Tomato Sandwich แป้งเซียบัตตานุ่มๆ ประกบกับเบคอน ได้รสชาติเค็มๆ หวานๆ ตัดด้วยผักกาดหอม และมะเขือเทศ เสิร์ฟพร้อมแผ่นมันฝรั่งทอดกรอบ เคี้ยวเพลินได้อีก  EKKALUCK Arrabbiata-inspired Pasta รังสรรค์โดยเอกะลักษณ์ แตกต่างด้วยรสชาติที่มีความเผ็ดนิดๆ เพราะได้แรงบันดาลใจในการทำซอส Arrabbiata ของอิตาลี และโรยด้วยเกล็ดขนมปังปิดท้าย ทำให้พาสตาจานนี้แปลกใหม่ไปจากเดิม EKKALUCK Fried Rice ข้าวคลุกกะปิในแบบฉบับของเอกะลักษณ์ ซึ่งเลือกใช้กะปิจากเกาะปันหยี เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคราครบครัน อาทิ หมูหวาน กุนเชียง กุ้งแห้ง หอมแดง พริกสด ฯลฯ มาในหม้อทองเหลืองโดดเด่นใครเห็นเป็นต้องสั่ง Braised Lamb Shank มัสมั่นขาแกะกับมันบด เมื่อเข้าปากแล้วรู้สึกได้ทันทีถึงความนุ่ม ละลายในปาก เนื้อแกะไม่เหม็นกลิ่นสาบ เมนูของหวานที่ไม่ธรรมดาของเอกะลักษณ์ Mango Sticky Rice Sabayon ข้าวเหนียวมะม่วงแบบไทยในรูปแบบของ Sabayon ได้สัมผัสหนึบ และรสชาติมัน ไม่หวานเกินไป เหมาะจะเป็นของหวานตบท้ายคอร์สนี้ที่สุด ไม่ใช่แค่ข้าวเหนียวมะม่วงที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ แต่ที่นี่ยังมี Lemongrass Crème Brûlée แครมบรูเลกลิ่นตะไคร้ ให้ได้ลองอีกด้วย กลิ่นตะไคร้หอมอ่อนๆ เข้ากันกับรสชาติหวานของแครมบรูเล กินพร้อมไอศกรีมกะทิ และตัดรสด้วยเบอร์รีรวมผลไม้

ย่านทองหล่อที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์จนกลายเป็นจุดแฮงเอาต์ยอดนิยม เช่นเดียวกับร้าน el Willy Happy Spanish Kitchen ร้านอาหารสเปนสไตล์ทาปาสที่นำเสนออาหารสเปนร่วมสมัยซึ่งมีสาขาแรกอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนมานานกว่า 14 ปี และสาขา 2 ในซอยสุขุมวิท 51 ของบ้านเรา ร้านนี้มาพร้อมกับความเซ็กซี่ ฝีมือทำอาหารโดย Chef Willy Trullàs ผู้มีเอเนอร์จีแบบเต็มเปี่ยม พร้อมลีลาการพูดคุยและการทำอาหารที่ดูสนุกสนานและอารมณ์ขันไปพร้อมกัน จนได้ฉายาว่า “Sexy Chef!” ร้านอยู่บนชั้น 2 ในตึกที่อยู่กลางซอยซึ่งถือว่าเป็นทำเลทองเพราะมองดูคล้ายกับไทม์สแควร์ในมหานครนิวยอร์ก โดดเด่นตั้งแต่ทางขึ้นที่ต้อนรับเราด้วยทางแถบสีแดงที่บ่งบอกถึงความสนุก บรรยากาศภายในร้านแต่งสไตล์ย้อนยุค เรียงรายด้วยโต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่แฝงด้วยเสน่ห์ของยุค 80-90 มีกลิ่นอายความสนุกสนานและเซ็กซี่ซ่อนอยู่ ครึกครื้นขึ้นอีกจากโซนเคาน์เตอร์บาร์ติดกับครัวที่เชฟกำลังปรุงอาหารอย่างตื่นตาตื่นใจ เมนูเริ่มด้วย EXPLOTION De SALMON Y TRUFA สโมกเเซลมอนวางบนแผ่นแป้งทอดสอดไส้กรีกโยเกิร์ต ท็อปด้วยทรัฟเฟิลผสมน้ำผึ้ง ทางร้านแนะนำว่าต้องกินทั้งคำเพื่อระเบิดความสดชื่นให้อยู่ทั่วทั้งปาก ต่อมา BIKINI IBÉRICO แป้งขนมปังกรอบนอก สอดไส้แฮมไอเบอริโก ชีสมอซซาเรลลา และชีสกามองแบร์ยืดๆ ผสมกับซอสทรัฟเฟิลรสเข้มข้น จานหลักรสชาติก็สนุกไม่แพ้กัน ARROS NEGRO ข้าวปาเอลยาหมึกดำผัดกับเนื้อปลาหมึก กลิ่นหอม รสชาติเข้มข้น ท็อปด้วยหอยแมลงภู่ ปลากรูปเปอร์นำเข้าจากสเปน และกุ้งไทย อีกเมนูห้ามพลาด TOSTADA D ATÚN เนื้อทูน่าดิบหมักกับซอสเสิร์ฟบนเเป้งตอร์ติญาทอดกินคู่กับซอสชิลิสโมก ก่อนกินบีบมะนาวเพื่อเพิ่มความสดชื่น ระหว่างมื้ออย่าลืมสั่ง Sangria ไวน์แดงหรือไวน์ขาวมาช่วยเติมเต็มสีสันให้สนุกยิ่งขึ้น

ชวนคนรักอาหารญี่ปุ่นไปชิม “Sushi Kuuya” โอมากาเสะเปิดใหม่ในโครงการ Vivre Langsuan (BTS ชิดลม) ของเชฟโกจิ โคบายาชิ เชฟหนุ่มไฟแรงชาวญี่ปุ่นที่เปี่ยมประสบการณ์การทำซูชิกว่า 15 ปีจากประเทศสหรัฐอเมริกา ดินแดนอาทิตย์อุทัย และโรงแรมห้าดาวใจกลางกรุงเทพฯ ก่อนมาเปิดร้านเป็นของตนเอง ในส่วนของชื่อร้านคำว่า ‘Kuuya’ ในชื่อร้านเป็นภาษาแสลงของย่านฮากาตะแปลว่า ‘Let’s eat’ ซึ่งพ่อของเชฟเป็นคนตั้งให้ จุดเด่นของ Sushi Kuuya แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่องวัตถุดิบที่เชฟสั่งตรงมาจากเกาะฮอกไกโด และสัมผัสแน่นนุ่มหนึบของข้าวสูตรพิเศษ ที่เชฟใช้ข้าว 3 สายพันธุ์จากเมืองฮอกไกโดและจังหวัดมิยากิ หุงกับน้ำส้มสายชูแดงรสกลมกล่อมใน ‘Hagama’ หม้อหุงข้าวดั้งเดิมของญี่ปุ่น เสิร์ฟในบรรยากาศเรียบง่ายและให้ความส่วนตัว ด้วยโทนสีขาวนวลสบายตาและเคาน์เตอร์บาร์ไม้สีน้ำตาลอ่อนสำหรับ 8 ที่นั่ง เปิดต่อมรับรสด้วย Sashimi – Akami เนื้อส่วนกลางลำตัวของทูน่าจากเกาะฮอกไกโด ให้สัมผัสนุ่มฉ่ำ ราดซอสมิโซะโฮมเมด เสิร์ฟเคียง Tsubugai หรือหอยสังข์ญี่ปุ่นเนื้อหนึบ ท็อปด้วยซอสอุเมะรสเปรี้ยวเล็กๆ และ Hakkaku ปลามังกรญี่ปุ่นเนื้อนุ่ม ไร้กลิ่นคาว ต่อด้วย Megai Awabi หอยเป๋าฮื้อจากเกาะฮอกไกโดอีกเช่นเคย ที่เชฟคุกอย่างดีจนได้เนื้อแน่นหนึบ กินพร้อมซอสสูตรเด็ดรสครีมมีที่ทำจากตับของหอยเป๋าฮื้อ Ikageso หนวดปลาเทมปุระทอดร้อนจี๋ ห่อด้วยสาหร่ายหอมๆ กินเพลิน ก่อนเสิร์ฟเชฟโรยด้วยเกลือทะเล และบีบมะนาวซีกเล็กน้อย มาถึงคิวของนิกิริซูชิที่หลายคนรอคอยกันบ้าง คำแรกเป็น Yari Ika ปลาหมึกกล้วยญี่ปุ่นเนื้อนุ่มๆ บวกความหนึบเล็กๆ เคล้าไข่หอยเม่นพรีเมี่ยมรสเค็มกลมกล่อม คำนี้ที่รอคอย Kegani ปูขนเนื้อหวานที่ส่งตรงมาจากเกาะฮอกไกโด เข้ากันดีกับข้าวญี่ปุ่นผสมอูนิรสเค็มละมุน โรยหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอนที่สายฟู้ดชอบ Kohada ปลาตะเพียนญี่ปุ่นเนื้อสดหากินยาก ออนท็อปด้วยขิงเผ็ดซ่า Hamaguri เพลินพลินกับสัมผัสนุ่มลิ้นเคี้ยวเพลินของหอยตลับลายตัวอวบๆ ตามด้วย Tamagoyaki ไข่หวานสูตรพิเศษเนื้อแน่นที่ทำจากมันภูเขาญี่ปุ่น ปลา กุ้ง อร่อยอย่าบอกใคร ตบท้ายด้วยซุปมิโซะและชาร้อนๆ สักแก้วก็เป็นอันเสร็จสิ้น

เปลี่ยนบรรยากาศการกินเต่าบินที่ปกติจะสั่งได้แค่เครื่องดื่ม แต่ล่าสุดทางแบรนด์ได้เปิด Pop-up Cafe ให้เหล่าฟู้ดดี้ไปเปิดประสบการณ์การสั่งของหวานผ่านตู้เต่าบินที่คุ้นเคยที่ เต่าบินคาเฟ่ (Tao Bin Cafe) สาขาแรก เดอะมอลล์บางกะปิ ทางร้านยังคงคอนเซ็ปต์การสั่งอาหารและเครื่องดื่มที่ตู้เหมือนเช่นเคย แต่ที่พิเศษสุดๆ ก็คือที่นี่เขาเน้นเสิร์ฟขนมหวานและกาแฟสด โดยสามารถสั่งผ่านตู้เต่าบินทางด้านหน้าร้านได้เลย รับรองว่าทุกคนจะต้องประทับใจกับรสชาติใหม่ๆ ของแต่ละเมนูที่ทางแบรนด์นำเสนออย่างแน่นอน อย่าพลาด Tao Pang Original ขนมปังชิ้นใหญ่สไตล์ญี่ปุ่น หอมนุ่มชุ่มเนย เสิร์ฟคู่ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ และซอสหลากรส เราเลือกเป็นไอศกรีมรสนมเนื้อเนียนนุ่ม มีความหอมมันและหวานเล็กน้อย เพิ่มรสชาติด้วยซอสสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน อร่อยจนวางช้อนไม่ลง Soft Serve Thai Tea ไอศกรีมชาไทยเนื้อเนียนละเอียด ได้กลิ่นหอมของชาชัดเจน รสหวานไม่มาก แถมติดขมที่ปลายลิ้น บอกเลยว่าเข้มข้นสุดๆ ให้กินหมดถ้วยคนเดียวก็ไหว กินเสร็จแล้วอย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ที่ Photo Booth กันนะ

แม้เพียงเดินผ่านก็คงต้องสะดุดตากับตุ๊กตาหลากสีสันยอดฮิตที่นั่งเรียงกันเป็นแถวบนชั้นวางกว่า 20 คาแรกเตอร์ และพี่หมีใหญ่ Love-a-Lot Bear Standy ที่ยืนแจกความสดใสอยู่หน้าร้าน Care Bears Cafe คาเฟ่คาแรกเตอร์น้องหมีที่จะทำให้คุณ 'ยิ้มกว้าง' ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็พบเจอแต่เจ้าหมีแคร์แบร์ที่ยกขบวนมาต้อนรับเรากันแน่นร้าน และยังมาพร้อมกับสินค้า Care Bears ลิขสิทธิ์แท้อีกหลากรูปแบบ มีให้เลือกช้อปมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หมอนผ้าห่ม เคสโทรศัพท์ เครื่องเขียน พวงกุญแจ กระเป๋า และสินค้า Exclusive Merchandise ที่ผลิตขึ้นเพื่อวางจำหน่ายเฉพาะ Care Bears Cafe เท่านั้น นอกจากนี้ทางคาเฟ่ยังมีพื้นที่ที่สามารถนั่งรับประทานของหวานได้อีกด้วย แนะนำเป็น Soft Serve Ice Cream Cone รส Strawberry Yogurt ให้รสหวานอมเปรี้ยว สดชื่นมาก ต่อด้วย Hokkaido Milk เนื้อไอศกรีมเนียนนุ่ม มีความหอมละมุนลิ้น รสชาติหวานกำลังดีเลย เครื่องดื่มก็มีให้ลองทั้ง Thai Milk Tea ชาไทยรสเข้มข้น หอมกลิ่นชา ท็อปด้วยฟองนมและคุกกี้หน้าหมีน้อย และ Caramel Milk รสชาติหวานละมุน หอมกลิ่นคาราเมล กินคู่คุกกี้รูปหมีและวิปครีม อร่อยไม่แพ้กัน อย่าช้อปเพลินจนลืมสั่งกันนะ  

คาเฟ่ฮอปเปอร์ที่ตระเวนเช็คอินมาแล้วทั่วทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล แต่ยังไม่เจอคาเฟ่ที่ได้บรรยากาศของป่าเขา เราแนะนำ Kenora Park n Play คาเฟ่ย่านติวานนท์ที่จำลองบรรยากาศสดชื่นของเขาใหญ่มาไว้ชานเมือง บริเวณร้านกว้างขวางรองรับลูกค้าได้จำนวนมากแบบไม่แออัด เหมาะกับการพักผ่อนของทุกคนในครอบครัว จากทางเข้าด้านหน้าจะมุ่งสู่ตัวอาคารชั้นเดียวที่เป็นทั้งส่วนต้อนรับและศูนย์รวมความอร่อย ดีไซน์โดดเด่นทรงเอเฟรม กรุกระจกให้มองเห็นพื้นที่สีเขียวด้านนอก เสมือนกระท่อมน้อยในป่าใหญ่ ส่วนการตกแต่งด้านในเน้นความโปร่งโล่ง โทนสีอบอุ่นเพื่อให้ล้อไปกับธรรมชาติที่รายล้อม รวมถึงมีสเปซให้ยืดแขนขาได้สบายๆ แต่ส่วนใหญ่ลูกค้ามักจับจองโซนเอาท์ดอร์ที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ มีสนามเด็กเล่นให้น้องๆ หนูๆ ได้ปล่อยพลัง รวมถึงใครอยากนั่งพักเอนกายริมลำธาร ฟังเสียงน้ำไหลเซาะโขดหิน ก็ชาร์ตพลังได้อย่างไม่รู้ตัวเลยล่ะ เพราะเป็นคาเฟ่ของทุกคนในครอบครัว อาหารจานเด็ดจึงเน้นที่กินง่ายถูกปากทุกเจนเนอเรชั่น อาทิ Spaghetti Creamy Shrimp Sauce สปาเก็ตตีครีมซอสไข่กุ้ง เส้นสปาเก็ตตี้ลวกได้นุ่มหนึบ คลุกเคล้ากับซอสไข่กุ้งที่มีความครีมมี่ หอมมันและเข้มข้น มีเนื้อสัมผัสจากน้ำสต๊อกที่ทำจากเปลือกกุ้งสูตรลับของร้าน เสิร์ฟพร้อมขนมปังกระเทียมอบร้อนๆ รสเค็มๆ นัวๆ หอมกลิ่นกระเทียม ถัดมาเป็น ไก่กรอบซอสหัวหอม ไก่ทอดสูตรเด็ดที่เด็กปลื้ม กรอบนอกนุ่มใน ไร้ความมันส่วนเกิน ราดด้วยซอสหัวหอมเพิ่มความเข้มข้นไปอีกขั้น ถ้ารู้สึกว่าเลี่ยนเกินไปก็มีเลมอนให้บีบตัดรสชาติ ส่วนอาหารจานเดียวยอดนิยมยกให้ Chilli and Garlic Pork Belly with Omurice ข้าวไข่ข้นหมูสามชั้นคั่วพริกเกลือ รสชาติกลมกล่อมเจือเผ็ดปลายลิ้น กินแล้วคิดถึงรสมือแม่ที่คุ้นเคย อาหารของร้านอาจไม่ได้มีวาไรตี้ให้เลือกมาก เพราะคัดมาแล้วว่าดีต่อใจที่สุด จะสั่งเมนูไหนก็ไม่ผิดหวัง นอกจากอาหารที่ควรค่ากับการฝากท้อง ที่นี่ยังเด่นเรื่องเครื่องดื่มที่มีทั้งชา กาแฟ น้ำผลไม้ให้สั่งได้อย่างจุใจ ร้านสวย ฟีลธรรมชาติ ไม่ต้องขับรถไกล ก็ได้เพลินใจ แถมสบายพุง  

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับนักชิมจริงๆ เพราะ “BHC Chicken” ร้านไก่ทอดอันดับ 1 ของประเทศเกาหลีที่เสิร์ฟความอร่อยมาแล้วกว่า 20 ปี (ตั้งแต่ 2004) ได้มาแลนด์ดิ้งที่เมืองไทย ณ  CentralWorld เป็นที่เรียบร้อย โดยชื่อร้าน BCH ย่อมาจาก ‘Better & Happier Choice’ พร้อมให้คุณลิ้มลองไก่ทอดสไตล์เกาหลีที่ทำจากไก่สดคุณภาพ ทอดในน้ำมันดอกทานตะวัน บวกกับทีเด็ดอย่าง Bburinkle หรือ ปูริงเคิล ผงคลุกไก่สูตรลับที่ทำจากกระเทียม หัวหอม พาสลีย์ และชีส ให้รสหวานกินเพลิน เยียวยาสายฟู้ดในวันที่เหนื่อยล้าได้ดีจริงๆ เสิร์ฟพร้อมบรรยากาศสบายๆ ด้วยโทนสีขาว-เหลืองอบอุ่น แถมยังมีเมนู Exclusive ที่มีขายเฉพาะ BHC Chicken Thailand อีกด้วย เริ่มที่ สลัดผักสไตล์เกาหลี ผักสดต่างๆ อย่างผักคอส หัวหอม และสาหร่าย คลุกเคล้าน้ำสลัดสไตล์เกาหลีรสเผ็ดเปรี้ยวสดชื่น โรยด้วยงาขาว ตามด้วย จัมปัง บะหมี่เหนียวนุ่ม อยู่ในน้ำแกงรสเค็มเผ็ด เคล้าซีฟู้ดสดเด้งต่างๆ ทั้งหอยตัวใหญ่ กุ้งเนื้อหวาน และปลาหมึกหนึบหนับ โรเช่ต๊อกบกกี แป้งต๊อกแน่นหนึบ เข้ากันดีกับบะหมี่เกาหลีเส้นยาวๆ สาวเพลินๆ มิ๊กซ์พร้อมซอสโคชูจังและมะเขือเทศ กิมจิจอน พิซซาสไตล์เกาหลีรสกิมจิ แป้งนุ่มๆ ให้รสเค็มกลมกล่อม เสิร์ฟในกระทะร้อนส่งกลิ่นหอม มาถึงเมนูพิเศษที่เสิร์ฟเฉพาะเมืองไทยกันบ้าง ข้าวผัดอเมริกันบีเอชซี ข้าวผัดอเมริกันที่เราคุ้นเคย เสิร์ฟพร้อมไข่ดาว ไส้กรอก และไก่ทอดสูตรเด็ดชิ้นใหญ่ๆ (น่าหม่ำมากมาย) ปูริงเอ็นไก่ทอด ข้อไก่กินเพลินคลุกเคล้ากับผงปูริงเคิลรสหวานฉ่ำ ปูริงหนังไก่ทอด เมนูของเด็กอ้วนโดยแท้ หนังไก่กรุบกรอบไปด้วยกันได้ดีกับผงปูริงเคิลรสหวาน ตามด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ปูริงชีสบอล ต้องกินตอนร้อนๆ นี่แหละฟิน ชีสยืดๆ รสครีมมี โดนใจฟู้ดดี้ ไก่ทอดรสโกลด์คิง ที่เราเลือกส่วนปีกและส่วนน่อง หนังกรอบๆ อาบซอสสูตรลับรสหวานปนเค็ม ที่ทำจากซีอิ๊วเกาหลี น้ำผึ้ง และกระเทียม ไก่ทอดรสเรโทร ไก่ทอดคลาสสิกหนังกรอบเนื้อฉ่ำใน กินคู่ซอสพริกรสเปรี้ยว ยังไม่อิ่มสั่ง ไก่ทอดรสฮ็อตเรโทร ไก่ทอดรสเผ็ดเข้มข้น เข้ากันดีกับซอสโยเกิร์ตสไตล์เกาหลี และไชเท้าดองโฮมเมด ไก่ทอดรสมาโชคิง ได้รสเค็มกลมกล่อมของซีอิ๊วเกาหลีคุณภาพ ผสมกับน้ำผึ้ง ตัดเลี่ยนด้วยพริกและกระเทียม ตบท้ายด้วย ไก่ทอดรสฮอตปูริงเคิล ผงปูริงเคิลรสเผ็ดจี๊ดจ๊าด เข้ากันดีกับเนื้อไก่ชุ่มช่ำ จิ้มซอสโยเกิร์ตหอมมัน ยิ่งฟินเข้าไปใหญ่ จิบพร้อมโค้กสลัชชี่นี่แหละสวรรค์

Tag:

Hola! Thailand ประเทศสเปนที่เต็มอิ่มไปด้วยความสนุกและครื้นเครง เช่นเดียวกับรสชาติของอาหารสเปนที่ Sopa (โสภา) ร้านอาหารสเปนสไตล์ไฟน์ไดนิงแนวผสมผสานทั้งฝรั่งเศส ไทย และสเปน รังสรรค์โดยเชฟผู้มากฝีมือเชฟเเคปเปอร์-วัชโรบล โสภา ตัวร้านตั้งตระหง่านติดอยู่บริเวณริมถนนสิรินธร โดดเด่นด้วยประตูทางเข้ารูปโค้ง ด้านในบรรยากาศสวยหรู พร้อมด้วยดีไซน์ห้องอาหารและห้องครัวได้อย่างโดดเด่นด้วยพื้นหินอ่อนตัดกับบันไดวนสีทองแดง เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้น 2 จะพบกับเคาน์เตอร์บาร์ที่มีเครื่องดื่มเรียงรายให้เลือกนั่งจิบชิลๆ มองดูครัวเปิดที่เห็นเชฟกำลังปรุงเมนูอย่างพิถีพิถัน ที่นี่นำเสนออาหารสเปนิชแนวผสมผสาน โดยนำเมนูดั้งเดิมตั้งเเต่เหนือจรดใต้ของสเปนมาเล่าผ่านกรรมวิธีสมัยใหม่ในฉบับของเชฟแคปเปอร์ จนกลายเป็นคอร์สสุดพิเศษทั้งหมด 8 คอร์ส เริ่มด้วยตะกร้าปิกนิก ได้แรงบันดาลใจจากการปิกนิกของคนสเปน พร้อมทาปาสทั้งหมด 5 คำในรสชาติอาหารสเปนแท้ ต่อด้วย Cantabria Passion เส้นที่ทำจากปลาหมึก เนื้อสัมผัสหนึบ ราดซอสปลาที่เคี่ยวจากกระดูกปลากว่า 20 ชนิด Iberico Pork Andalucia Style เนื้อสันในหมูดำสเปนหมักกับเกลือและสมุนไพรจีนก่อนนำมาเซียร์ เชฟตั้งใจเสิร์ฟแบบมีเดียมเเรร์ราด Romesco Sauce รสเข้มข้น ได้รสเผ็ดอ่อนๆ สำหรับแฟนๆ ที่ชื่นชอบของดิบต้องลอง Citric Fruits Marmitako de Bonito เนื้อปลาโอไทยที่เชฟนำไปหมัก (Cure) ด้วยเกลือจนเนื้อเเน่น ราดซอสที่เคี่ยวจากกระดูกปลาผสมกับผลไม้ กลิ่นหอมละมุนและเข้มข้น กินคู่กับผลไม้สด จานนี้ให้ความรู้สึกสดชื่น เป็นการผสมผสานวัตถุดิบที่เชฟดึงรสชาติออกมาได้อย่างลงตัว ตอนนี้เชฟเปลี่ยนเซ็ตเมนูใหม่ ที่อร่อยและหน้าตาสวยงามดั่ง “โสภา” อย่าลืมตามไปลิ้มลองกันนะ

บอกเลยว่าในปีนี้กระแสฮอตพอตหมาล่ากำลังมาแรง และมีทีท่าว่าในปี 2024 จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อยๆ เพราะไม่ว่าจะหัวมุมหรือถนนไหนก็หากินได้สะดวกสบาย แต่สำหรับชาบูหมาล่าที่ถูกยกระดับให้พรีเมียมคงต้องยกให้กับ M Hot Pot ชาบูหม้อไฟสไตล์ฮ่องกงโดยเชฟแมน (Chef Man) ผู้ช่ำชองในศาสตร์อาหารจีนสไตล์ฮ่องกง ตัวร้านตั้งอยู่ภายในอาคาร The Unicorn ติดกับ BTS พญาไท เป็นคอมมูนิตีแห่งใหม่แหล่งรวมร้านอาหารมากมาย และพื้นที่ Living Area ให้ทุกคนได้เข้าไปนั่งทำงานหรือประชุม พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ซึ่งร้าน M Hot Pot ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ภายในร้านดีไซน์เรียบหรู โดดเด่นด้วยโคมไฟสีเขียวคล้ายหยกมองดูแล้วสบายตา เพียบพร้อมไปด้วยที่นั่งกว้างขวาง มีหลายมุมให้เลือกนั่งสะดวกสบาย และสำหรับใครที่มาเป็นครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนก็ยังมีมุมห้องส่วนตัวไว้ให้บริการอีกด้วย หากใครมาที่แล้วเลือกสั่งไม่ถูกก็ไม่ต้องตกใจ เพราะที่นี่มีพนักงานคอยให้บริการและต้อนรับกันอย่างน่ารัก โดยขั้นแรกเริ่มจากการเลือกน้ำซุปซึ่งเราสามารถเลือกได้สูงสุด 4 ชนิดใน 1 หม้อ (ทางร้านมีน้ำซุปให้เลือกกว่า 8 ชนิด) ซึ่งแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น อาทิ ซุปไก่กระเพาะปลา น้ำซุปสีขาวรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นกระดูกไก่ สัมผัสได้ถึงการเคี่ยวที่ใช้ระยะเวลานาน ส่วนน้ำซุปซิกเนเจอร์ที่มาแล้วต้องลอง ซุปหมาล่า รสชาติเผ็ดร้อน ลิ้นชานิดๆ หอมกลิ่นสมุนไพรที่ใส่มาแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะคีบอะไรลงไปแกว่งไกวก็เข้ากัน ซุปมะเขือเทศ ได้รสเปรี้ยวและความสดชื่นของมะเขือเทศ ซุปผักดองเสฉวน หอมกลิ่นผักดอง ได้รสเปรี้ยวเบาๆ คล่องคอ และซุปยาจีน อัดแน่นด้วยเครื่องสมุนไพรและเครื่องเทศนานาชนิด ถือเป็นยาที่ช่วยบำรุงร่างกาย เป็นต้น ชุดเซ็ตมีให้เลือกแบบรวมหรือจะสั่งแยกก็ตามใจชอบ เช่น ชุดซิกเนเจอร์รวมหมู ไก่ เป็ด เสิร์ฟมาในทาวเวอร์ 3 ชั้นสุดอลังการ และ ชุดเนื้อ 3 อย่าง เสิร์ฟมาบนตัวน้องวัวที่เรียงรายไปด้วยเนื้อวัวริบอายไทย เนื้อใบพาย และเนื้อน่องลาย สไลซ์มาเป็นแผ่นหนากำลังดี อีกทั้งยังมีเนื้อสัตว์อื่นๆ ให้เลือกอีกเพียบ สำหรับใครที่อยากลิ้มลองอาหารจีนก็มีเมนูให้เลือกสั่งเพิ่มเติม เช่น หมูแดงจานเดี่ยว เนื้อหมูหมักสไตล์ฮ่องกงย่างกำลังดี ก๋วยเตี๋ยวหลอด แป้งเด้งและนุ่ม ด้านในอัดแน่นไปด้วยไส้ที่เชฟให้มาแบบไม่หวงเครื่อง หอมกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ต่อด้วย ข้าวอบไก่กุนเชียง ข้าวอบเสิร์ฟในหม้อร้อนๆ ท็อปด้วยไก่ชิ้นหนากำลังดี หมักจนเข้าเนื้อรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศ ใครอยากลิ้มลองหม่าล่าสไตล์ฮ่องกงที่รังสรรค์โดยเชฟแมน บอกเลยห้ามพลาด!

จากร้านสุดโฮมมี่ในซอยศูนย์วิจัย Ñam Ñam Pasta & Tapas ส่งต่อความอร่อยผ่านพาสตาเส้นสดไปแล้วหลายสาขา รวมถึงโซนแห่งความคิดสร้างสรรค์ Open House ชั้น 6 Central Embassy ให้เราเพลินกับพาสตาจานโปรดที่ล้อมรอบด้วยชั้นหนังสือ แม้พื้นที่ร้านจะค่อนข้างจำกัด แต่ความเป็น Ñam Ñam ยังอยู่ครบ พาสต้าเส้นสดของที่มีให้เลือกมากกว่า 10 ชนิด มีทั้งเมนูคลาสสิกและฟิวชั่นที่เชฟทำออกมาได้น่าสนใจ อย่าพลาด Oyster Lemon Butter Pasta พาสตาหอยนางรมซอสเนยกับเลมอนและเกล็ดขนมปัง รสชาติเข้มข้นจากน้ำสต๊อกหอย แถมให้หอยนางรมแบบไม่หวง โรยหน้าด้วยโรยหน้าด้วยขนมปังป่น พาสลี่ย์ บีบเลมอนเล็กน้อยก่อนกิน Risotto Pink Sauce Pancetta รีซอตโตพิงค์ซอสสุดครีมมี่ เชฟนำซอสพาสตาสูตรของที่ร้านอย่างพิงค์ซอส รสเปรี้ยวเล็กๆ มาทำเป็นริซอตโต โดยใช้ข้าวใช้ข้าวพันธุ์คาร์นาโรลี ด้านบนท็อปด้วยพาร์มิจิอาโน เร็กจิอาโน และแพนเชตต้า กินด้วยกันแล้วลงตัว นอกจากนี้ยังมี Clam Chowder ซุปข้นหอยลายโรยหน้าด้วยชีส เบค่อนกรอบ และน้ำมันพาสลีย์ รวมถึงเมนูขวัญใจหลายคนแม้ไม่ใช่พาสต้าอย่าง Gambas Al Ajillo กุ้งกระเทียมผัดในน้ำมันมะกอกแบบสเปน จับคู่กับขนมปังให้หยิบไปปาดในน้ำมันมะกอกจนเกลี้ยงชามไปเลย!

อารีย์ ซอยที่ไร้ความเงียบเหงา แถมยังคึกคักมากขึ้นด้วยบรรดาร้านอาหารที่ทยอยเปิดใหม่มากมาย ล่าสุด Luigi Bangkok ร้านแคชชวนไดนิง (Casual Dining) ก็เป็นอีกหนึ่งพิกัดที่น่าไปเอนจอยกับมื้ออาหารที่ผสมผสานกันระหว่าง Western และ Japanese ภายใต้บรรยากาศดีๆ ในตึก Vanit Place Aree ศูนย์รวมร้านอาหารแห่งใหม่ของอารีย์ เมื่อขึ้นไปชั้น 2 รับรองว่าต้องสะดุดตากับตัวร้านที่ดีไซน์ด้วยงานไม้เจาะเป็นช่องแสงรูปหกเหลี่ยม ผ่านเข้าประตูไปจะพบกับการตกแต่งที่ทำเอาใจฟูกับสไตล์ที่เรียกว่า Electric Mid-Century European มีความคลาสสิกที่แฝงด้วยความเรียบหรู แต่ยังคงความโคซี่เอาไว้ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ อีกทั้งรอบๆ ร้านยังประดับประดาด้วยขวดไวน์ชั้นเยี่ยม ซึ่งประกาศเป็นนัยว่าสามารถแพริงควบคู่ไปกับอาหารได้อย่างลงตัว เมนูอาหารก็รังสรรค์ออกมาได้อย่างน่าสนใจในแนว Gastronomic Harmony Dishes หรือการผสมผสานกันระหว่าง ‘Western’ และ ’Japanese’ อย่าพลาด Bite Me อาหารเรียกน้ำย่อย 4 คำ ไม่ว่าจะเป็น Hokkaido Uni, Truffle Bite, 3 Roes และ Tuna Stick แต่ละคำมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ กระตุ้นต่อมอยากอาหารได้เป็นอย่างดี ต่อด้วย Salmon Tartare แซลมอนหั่นเต๋าคลุกเคล้าทาร์ทาร์ซอสสูตรลับ ให้รสเปรี้ยวเค็ม กินกับวาซาบิมัสตาร์ด ครีมอะโวคาโด และคาเวียร์ ช่วยตัดรสชาติ Red En Dive ผักสลัดสดราดน้ำเสาวรส ให้รสเปรี้ยวสดชื่น เพิ่มความหวานหอมและเค็มมันด้วยองุ่นไชน์มัสแคต พิสตาชิโอ และชีส Comté ถัดมาคือ Oceantini เส้นลิงกวินีผัดกับซอสสูตรพิเศษ ได้รสกลมกล่อม ท็อปด้วยฮ็อกไกโดสแกลอปชิ้นโต Sake Dutch Mussels หอยแมลงภู่ฝรั่งเศสเสิร์ฟมาในซุปกลิ่นหอมชวนหิว ด้านข้างมีขนมปังกรอบเคียงมาให้กินคู่กัน อร่อยลงตัว ตามด้วย Gigli Ragu พาสตา Gigli เส้นสด ผัดกับซอสเนื้อรากูรสเข้มข้น เสริมโปรตีนด้วยเนื้อซี่โครงเปื่อยนุ่ม Nippon Tenderloin เนื้อวากิวเทนเดอร์ลอยน์ย่างจนผิวด้านนอกเป็นสีน้ำตาลหอมกลิ่นสโมก แต่เนื้อข้างในยังอมชมพูแถมนุ่มและชุ่มฉ่ำ เคียงมาด้วยหอมเจียว วาซาบิดอง และมันบดเนื้อเนียน กินรวมกันทุกองค์ประกอบอร่อยจนอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ปิดท้ายด้วย Mille-Feuille แป้งพัฟเพสตรีฟูกรอบ ได้รสหอมหวานจากเนื้อครีมแสนอร่อย ตักเข้าปากพร้อมเบอร์รีสดและซอสบีตรูตฟินไม่น้อย ประทับใจตั้งแต่จานแรกจนจานสุดท้ายเลย

แวะเวียนไปโครงการ Vivre Langsuan (BTS ชิดลม) ทั้งทีเลยไม่พลาดลิ้มลอง “ThepNakorn – เทพนคร” ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อของเชฟต้น-ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร เชฟมิชลินเลื่องชื่อแห่งเมืองไทย ลองชิมก๋วยเตี๋ยวเนื้อไทยจากจังหวัดสุพรรณบุรี ที่โดดเด่นด้วยน้ำซุปรสกลมกล่อมจากกระดูกวัวเคี่ยวนานกว่า 5 ชั่วโมง ปราศจากผงชูรส เสิร์ฟพร้อมกับน้ำจิ้มสับปะรดนครปฐม รสหวานแกมเผ็ด และน้ำจิ้มพริกน้ำส้มโฮมเมดจากพริกคั่วเตาถ่าน นอกจากนี้ยังมีจานคอมฟอร์ดฟู้ดอื่นๆ อย่างก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ ผัดกะเพรา ที่สามารถเลือกความเผ็ดได้อย่างตามใจ เสิร์ฟพร้อมบรรยากาศหรูหราเหมือนนั่งอยู่ในร้านไฟน์ไดน์นิง ผนังสีเขียวเข้มเข้ากันได้ดีกับสีทองเงาวิบวับ มีเฟอร์นิเจอร์ไม้และโซฟาน่านั่งล้อมรอบบาร์น้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางร้าน สะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ต้อนรับด้วย ก๋วยเตี๋ยวหมู เพลิดเพลินกับน้ำซุปกระดูกหมูตุ๋นเครื่องยาจีนจนได้รสเค็มกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพรเล็กๆ ท็อปด้วยดาวเด่นอย่าง หมูตุ๋นเนื้อนุ่มแทบละลายในปาก ลูกชิ้นหมู และเครื่องในต่างๆ ต่อด้วย ข้าวกะเพราหมูตุ๋น หมูตุ๋นเนื้อนิ่มสุดฟิน ผัดพร้อมเครื่องกะเพรารสจัดจ้านพอเหมาะ เสิร์ฟพร้อมไข่ดาวเยิ้มๆ อีกจานที่ห้ามพลาดคือ เส้นใหญ่ไฟแดงไก่กรอบ เส้นใหญ่หนาหนุ่ม หอมกลิ่นกระทะเต็มพิกัด เคล้าเต้าหู้เนื้อนิ่ม กุนเชียงรสหวาน และต้นหอมซอย กินคู่ไก่ทอดหนังกรอบเนื้อแน่น ขนมหวานต้องนี่เลย  ขนมถ้วยใบเตย ให้สายหวานฟินกับขนมถ้วยโฮมเมด ที่ได้รสหวานมันจากน้ำตาลโตนดและหัวกะทิชั้นดี จิบคู่ ชาดำเย็น ชื่นใจ หรือ ชาไทย เครื่องดื่มสุดป็อปก็ไม่ว่ากัน สาขานี้บรรยากาศดีนั่งเพลิน

ชวนฟู้ดดี้ไปดินเนอร์ที่ “Tipsy Cow at The Kitchen Table” ร้านอาหารอเมริกันไดเนอร์ของ W Bangkok (BTS ช่องนนทรี) ที่มาในคอนเซ็ปต์ American Cooking Technique เอาใจคนรักสเต็กอย่างเต็มเหนี่ยวด้วยวัตถุดิบชั้นดีจากทั่วทุกมุมโลก ครีเอทโดยเชฟ Steven Kim เชฟใหญ่ประจำโรงแรมฯ แท็กทีมกับเชฟ ธิติกร ชุนอ่อน เชฟผู้ดูและความอร่อยของ The Kitchen Table มาที่ Tipsy Cow at The Kitchen Table แห่งนี้คุณจะได้ลิ้มลองจานเด็ดที่ผ่านเทคนิคการปรุงอาหารแบบ Low - Temp และ Slow – Cook พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศกว้างๆ แสนหรูหรา ผนังสีเหลืองลายหนังจระเข้สง่างาม ไปด้วยกันได้ดีกับผนังกระจกโฮโลแกรมลายไกรทองแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร โต๊ะสีแดงสดและโซดาหนังหนานุ่ม เฟอร์นิเจอร์คลาสสิกประจำร้านอเมริกันไดเนอร์ จานแรกชิมเป็น Brisket Tacos ทาโก้เนื้อส่วนอกหั่นเต๋ากินง่ายให้สัมผัสแน่นนุ่ม หอมกลิ่นสโมกอ่อนๆ กินกับซัลซ่ามะเขือเทศรสเปรี้ยวสดชื่น หรือซอสกัวคาโมเล่ ที่ได้รสครีมมีของอะโวคาโดเต็มพิกัด ตามด้วยเมนูคลาสสิกอย่าง Caesar ซีซาร์สลัดที่ได้ความกรุบกรอบจากผักสดกินเพลิน อกไก่เนื้อนุ่ม เบคอนทอดกรอบ แองโชวี่รสเค็มได้ที่ คลุกเคล้ากับซอสครีมและโรยด้วยชีสพาเมซาน Meatball Spaghetti สปาเก็ตตีอาเดนเต้เหนียวนุ่ม ผัดพร้อมซอสมะเขือเทศรสเปรี้ยวนิดๆ และมีตบอลโฮมเมดลูกโตๆ พบกับ BBQ Smoked Pork Rib จานซิกเนเจอร์ประจำร้าน ซี่โครงหมูไซส์บิ๊กเบิ้มอาบซอสบาร์บีคิวรสเข้มข้น ย่างบนเถาถ่านหอมฟุ้งชวนลิ้มลอง เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศ สลัดทูน่าควินัว ผักย่างร้อนจี๋ และผักดองโฮมเมด ห้ามพลาด Pulled Pork Pizza พิซซาเตาถ่านในแบบฉบับอิตาเลียน แป้งบางกรอบท็อปด้วยหมูฉีกบาร์บีคิวสไตล์อเมริกันรสเผ็ดร้อน (กำลังดี) ตัดเลี่ยนด้วยผักดองโฮมเมดสีสวย ของหวานเราชี้เป้า Lemon Pie ที่ดึงดูดความสนใจสายหวานด้วยแป้งพัพรูปดอกกุหลาบบางกริบ (คิวท์ๆ) เข้ากันดีกับซอสเลมอนรสเปรี้ยวกลมกล่อม และวิปครีมปุกปุย ต่อด้วย Baked Cheese Cake เนื้อนุ่มเนียนผสานกับรสหอมมันของชีสชั้นดี ยังมีความหอมจากผิวเลมอนและวิปครีมตีสดที่ทำให้สายหวานใจละลาย ปิดท้ายด้วยค็อกเทลดาวเด่นอย่าง Aperol Spritz ที่มีส่วนผสมของสปาร์กลิงไวน์ โซดาซาบซ่าและน้ำส้ม หรือใครไม่ใช่สายดื่มจะสั่ง Spring Breeze ม็อกเทลรสเปรี้ยวสดชื่น ที่ได้จากน้ำมะนาวสด รวมกันกับน้ำผึ้งหวานฉ่ำและชาคาโมมายล์