ทำเลดีๆ ย่านสุขุมวิทมีร้านอาหารเวียนเปิดกันอยู่บ่อยครั้ง Bacio Bangkok ร้านอาหารอิตาเลียนแท้ ก็เป็นอีกร้านที่เพิ่งเปิดได้ราว 4 เดือน กลับมีคนพูดถึงถึงความอร่อยกันปากต่อปาก เรามีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสด้วยตัวเองก็ขอพูดอีกเสียงว่า อร่อยจริง! โดยร้านนี้เป็นไอเดียของคุณเจ็ท เจ้าของร้านหนุ่มหล่อไฟแรงชาวไทยที่ชื่อชอบการทำอาหารและหลงใหลในรสชาติของอาหารอิตาเลียน ได้จังหวะเปิดร้านอาหารพอดิบพอดี ประจวบเหมาะกับประทับใจในฝีมือของเชฟ Danilo Aiassa เชฟมากประสบการณ์จากร้านมิชลินสตาร์ในอิตาลีและเคยร่วมงานกับโรงแรมหรูในกรุงเทพฯ ไม่น้อย จึงชวนมาเป็นพาร์ตเนอร์กันเปิดร้านนี้ขึ้นมา   ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความทันสมัยภายใต้บรรยากาศโฮมมี่ เมื่อเข้าร้านจะพบกับครัวเปิดที่มาพร้อมกลิ่นหอมๆ จากเตา มีโต๊ะให้เลือกนั่งหลายมุม ส่วนด้านบนก็มีที่รับรองให้ลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว อีกทั้งยังมีห้องไพรเวตด้วย ส่วนเมนูของ Bacio จะเป็นอาหารอิตาเลียนต้นตำรับ เสิร์ฟจานใหญ่ในสไตล์โฮมคุกที่สามารถแพริงกับไวน์ชั้นดีได้ ซึ่งทุกจานทางร้านรังสรรค์อย่างตั้งใจ มาพร้อมความพรีเมียมเต็มคำ เพราะวัตถุดิบที่หามานั้นเป็นความมุ่งมั่นของทั้งเชฟและคุณเจ็ทที่อยากมอบประสบการณ์ดีๆ ให้ผู้มาเยือนได้ลิ้มลอง อย่าพลาดเมนูซิกเนเจอร์ของเชฟอย่าง Homemade Spaghettoni with Jumbo Crab Meat and Soft Shell Crab พาสตาเส้นสดคลุกเคล้ากับซอสมะเขือเทศจากอิตาลีให้รสเข้มข้นบวกกับรสหวานฉ่ำจากเนื้อปู เพิ่มมิติให้รสชาติด้วยปูนิ่มทอดกรอบ ไฮไลต์ของจานคือเส้น Spaghettoni ที่มีความกรึบและหนึบกว่าเส้นสปาเกตตีปกติ Rib-eye Steak สเต๊กเนื้อริบอายดรายเอจเป็นเวลา 270 วัน เสิร์ฟมาในระดับมีเดียมแรร์ ได้รสเข้มข้น หอมกลิ่นย่าง เคียงด้วยมันบดเนื้อเนียนนุ่มและผักย่าง หรือจะเพิ่มรสชาติด้วยซอส Gremolada ก็เข้าท่า แม้ว่าซอสจะไม่ค่อยมีรสชาติแต่กลับชูรสชาติให้เนื้อได้อย่างลึกซึ้งและลงตัวมาก ต่อด้วย Portobello Mushroom & Rocket with Italian Sausages สลัดผักร็อกเก็ตคลุกเคล้าบัลซามิก เพิ่มความมันนัวด้วยพาร์เมซานชีสขูด กินกับไส้กรอกอิตาเลียนและเห็ดพอร์โทเบลโลที่มีความกรึบ เมื่อเคี้ยวจะมีความฉ่ำเด้งสู้ฟัน เป็นจานที่สดชื่นมาก Parma Ham with Burrata Cheese จานที่ชูวัตถุดิบได้ดีเยี่ยม ด้วยความสดใหม่ของมะเขือเทศรสกลมกล่อม มีความหวานเล็กน้อย ผนวกกับพาร์มาแฮมรสเค็มที่เบรกด้วยรสนวลๆ มาพร้อมกับเนื้อสัมผัสสุดครีมมี่ของชีสบูร์ราตา ช่วยกระตุ้นต่อมรับรสให้พร้อมกินจานต่อไป จบมื้อนี้ด้วย Chocolate Lava ช็อกโกแลตลาวาอุ่นๆ เสิร์ฟกับไอศกรีมวานิลลามาดากัสการ์หวานเย็นชื่นใจ เป็นการผสมผสานรสชาติได้อย่างลงตัวด้วย มีผลไม้สดอย่างบลูเบอร์รี สตรอว์เบอร์รี และกล้วยมาช่วยตัดรสชาติ

ได้ยินชื่อของเชฟ ซากิ โฮชิโน มาพักใหญ่ มาพร้อมเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงรสมือเจ้าแม่ขนมหวานที่บอกเหมือนกันว่า 'อร่อย' คราวนี้ถึงเวลาเปิดสแตนด์อโลนในชื่อ Sàat Bangkok (ศาสตร์) ร้านขนมหวานที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก "ขนมไทย" ขอบอกเลยว่านี่เป็นหนึ่งในร้านขนมที่น่าสนใจในกรุงเทพฯ ยิ่งใครชอบกินขนมไทยต้องหาเวลาไปลองสักครั้ง! ด้วยความที่ร้านนำเสนอศาสตร์แห่งขนมหวาน ขั้นตอนการทำและวิธีการปรุงจึงมีความละเมียดละไม โดยใช้เทคนิคสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานกับรากฐานของรสชาติแบบไทยจนออกมาเป็นจานขนมหวานสุดโมเดิร์น รสชาติไม่ซับซ้อนแต่มีชั้นเชิง ชวนให้นึกถึงขนมไทยหลายเมนูที่คุ้นเคย ตัวร้านเป็นตึกเก่าริมถนนมหาพฤฒาราม ภายในยังคงโครงสร้างเดิมไว้ด้วยเพดานสูงที่โปร่งโล่ง รายล้อมด้วยกระจกบนใหญ่ หากเงยหน้าขึ้นจะเห็นวัสดุที่หลากหลายทั้งเก่าและใหม่ผสมๆ กันอย่างลงตัว ส่วนบรรยากาศของร้านดีไซน์ออกมาแนว Minimal Cozy เน้นโทนสีอ่อนจากวัสดุธรรมชาติเพื่อให้รู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย และเรียบง่ายแต่ร่วมสมัย ด้านหน้าร้านเป็นครัวเปิดเผยให้เห็นความใส่ใจในทุกขั้นตอน เพราะครัวคือพระเอกของร้านนี้ นอกจากนี้คำว่า Sàat (ศาสตร์) ยังหมายถึง Saki+Nat ชื่อของสองผู้ก่อตั้งอย่างเชฟซากิกับคุณนัทที่ร่วมออกไอเดียเนรมิตร้านแห่งนี้ขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็น Women run business เลยก็ว่าได้ เพราะทาง Head Chef ของที่นี่ก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน นั่นคือเชฟอิง เชฟมากความสามารถที่ถ่ายทอดเมนูอร่อยออกมาให้เราได้ชิมในรูปแบบอะลาคาร์ต ไม่ว่าจะเป็น Coconut Reverie เมนูที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมใส่ไส้ เชฟทำไส้เป็นมูสกะทิใบตองย่าง มีเนื้อมะพร้าวกะทิหอมไวท์คลาวด์ผัดกับน้ำตาลมะพร้าว ด้านนอกเป็นโมจิกะทิและคุกกี้ขี้โล้ช่วยเพิ่มเท็กซ์เจอร์ ต่อด้วย Pineapple Butter Sando เป็นบิสกิตไส้เนยสับปะรดกินแล้วนึกถึงขนมปี๊บไส้สับปะรด เชฟนำมาสร้างลุคใหม่โดยด้านนอกเป็นแป้งขี้โล้ ไส้ดัดแปลงเป็นเนยสดและแยมสับปะรดย่าง แอบเพิ่มความเป็นญี่ปุ่นด้วยบัตเตอร์แซนด์โดะ Fluffy Pancake and Coconut Sugar Ice Cream เมนูแพนเค้กไส้ครีมและไอศกรีมน้ำตาลมะพร้าวที่ได้ไอเดียมาจากขนมโตเกียวไส้หวาน ได้รสหวานหอมของสังขยามะพร้าวกะทิน้ำหอมไวท์คลาวด์ เพิ่มรสสัมผัสด้วยเนื้อมะพร้าวให้เคี้ยวควบคู่ไปกับไอศกรีมหวานเย็นชื่นใจ Pansib ที่ร้านออกแบบปั้นสิบให้มีรูปร่างเป็นปลาตะเพียน 2 ตัว สอดไส้คาวและหวาน แป้งที่เห็นเป็นพัฟเคลือบด้วยซอสสามเกลอคาราเมล ตามด้วย Coconut Flat Bread and Tai Pla Dip เป็นอาหารคาวให้กินเบาๆ ประกอบด้วยแป้งนานมะพร้าวที่ทำจากโยเกิร์ตกะทิโฮมเมด กินกับซอสไตปลาคู่ปลาย่างประจำวัน เสริมรสชาติด้วยยำผลไม้ตามฤดูกาล มาถึงเมนูใหม่แกะกล่องอย่าง ข้าวแช่ เครื่องดื่มที่ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารไทยชาววังอย่างข้าวแช่ โดยใช้ข้าว Redberry ข้าวสายพันธุ์ใหม่ให้รสสัมผัสกึ่งข้าวเหนียวกับข้าวเจ้า รังสรรค์ออกมาคล้ายกับการทำอามาซาเกะ หรือข้าวหมากญี่ปุ่น เสิร์ฟพร้อมลูกกะปิที่ทำจาก Caramel Fudge จากนั้นห่อด้วยกระดาษกินได้ที่ทำจากขมิ้นขาว วิธีการกินคือให้กัดลูกกะปิทีละนิดจากนั้นก็ดื่มน้ำตาม เมื่อกินเข้าไปก็ทำให้นึกถึงขนมไทยจานโปรด แต่เป็นในเวอร์ชันที่ไม่เคยเห็นมาก่อน! ประทับใจมาก

เป็นเรื่องว้าวซ่ามากมายสำหรับสายฟู้ดเมื่อ Akira Back Bangkok ร้านอาหารฟิวชั่นโมเดิร์นบนชั้น 37 โรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ครีเอท “Midday Box of Delight” เซ็ตมื้อกลางวันอิ่มเอมที่ประกอบด้วย เบนโตะกล่องใหญ่ จานหลัก ซุปมิโซะ ข้าวและของหวาน แถมยังราคาน่ารัก (เริ่มต้นเพียง 480++ บาท) พร้อมชวนชิ้มแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป (เฉพาะวันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ เท่านั้น) Midday Box of Delight หลักๆ เลยคือจะมี เบนโตะ กล่องบิ๊กเบิ้มอันประกอบด้วย สลัดผักโขม ผักโขมกินง่าย ล้อมรอบด้วยน้ำสลัดงาครีมมี ซาชิมิ เนื้อสดอย่าง แซลมอนและทูน่า กิมจิจอน เนื้อแน่น ทอดร้อนจี๋ คิมบับ ชิ้นโต ไก่บดย่าง รสหวานปนเค็ม และ กุ้งทอดซอสยูซุ รสเปรี้ยวพอเหมาะ ส่วนจานหลักจะมีให้เลือก 3 อย่าง ได้แก่ ไก่โคชูจัง ไก่เนื้อแน่น อาบซอสโคชูจังรสเข้มข้น หรือจะเป็น ปลาฮาลิบัตซอสมิโซะ ปลาฉาลิบัตเนื้อแนนฉ่ำ เข้ากันดีกับซอสมะโซะรสเค็มกลมกล่อม คนรักเนื้อต้องลอง สเต็กเนื้อวากิว เนื้อวากิวให้สัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ ที่สามารถเลือกความสุกได้อย่างตามใจ ปิดท้ายด้วยของหวานสุดฟิน โมจิ โมจิเหนียวนุ่ม ย่างหอมๆ ท็อปด้วยป็อปคอร์นคาราเมลรสหอมหวานถึงใจ แบบนี้หนุ่ม-สาวชาวออฟฟิศย่านพร้อมพงษ์จะหนีไปไหนรอด

ใช้คำว่าอร่อยได้เปลืองมากสำหรับ ครัวเมืองเว้ ร้านอาหารเวียดนามลาว-ญวณ ที่เสิร์ฟอาหารเวียดนามรสชาติดีมานานกว่า 20 ปี มีทีเด็ดคือความอร่อยจากรุ่นสู่รุ่นสูตรเด็ดของคุณย่า ตั้งแต่สมัยยังอาศัยอยู่ที่เมืองเว้ ก่อนมาเปิดร้านที่เมืองไทยใน พ.ศ.2543 จนปัจจุบันมี 6 สาขา กับโลเคชั่นล่าสุดคือ เซ็นทรัล เวสต์เกต (ชั้น 3) เอาใจชาวนนทบุเรี่ยนโดยเฉพาะ ประเดิมด้วยเมนูขายดีอย่าง พิซซ่าเวียดนาม ฐานล่างเป็นข้าวเกรียบกรุบกรอบ ออนท็อปด้วยแป้งข้าวเกรียบปากหม้อนุ่มๆ หมูสับ หมูยอ กุ้งเนื้อหวานและต้นหอม เสิร์ฟคู่น้ำจิ้มแครอตรสหวานอมเปรี้ยว ต่อกับ แหนมเหนือง ที่มาเป็นเซ็ตอลังการน่าอร่อยเป็นที่สุด แผ่นแป้งนิ่มนุ่ม เสิร์ฟเคียงกับหมูย่างเนื้อแน่นและผักนานาพันธุ์ ราดน้ำจิ้มสูตรเด็ดรสหอมมันลงไป หลายคนชอบ หมูย่างใบชะพลู หมูเนื้อแน่นหมักกับซอสสูตรเด็ดประจำร้าน ห่อด้วยใบชะพลูก่อนนำมาย่างบนเตาถ่านจนส่งกลิ่นหอม กินคู่กับขนมจีน ผักสดและน้ำจิ้มรสเผ็ดเปรี้ยว ตามด้วย ฟองดู ชาบูสไตล์เวียดนามที่โดดเด่นด้วยน้ำซุปรสหวานละมุนจากน้ำมะพร้าว กินคู่ซีฟู้ดสดเด้งและเนื้อหมู เข้ากันดีกับนิ้มซีฟู้ดรสแซ่บอย่าบอกใคร ขนมเบื้องญวณ ก็น่าสนใจ ขนมเบื้องญวณชิ้นใหญ่ (ถูกใจสายกิน) แป้งสีเหลืองจากขมิ้นกรอบๆ ไปด้วยกันดีกับไส้ที่ทำจากหมูสับและผักต่างๆ ตัดด้วยรสเปรี้ยวอมหวานของน้ำจิ้มแครอต อร่อยอีกจานขอยกให้ เกี๊ยวเวียดนาม แป้งเกี๊ยวเนื้อหนึบ สอดไส้หมูสับและต้นหอม ด้านบนมีหมูยอเนื้อแน่น ราดด้วยน้ำซอสหวานปนเปรี้ยว อย่าลืมสั่ง ถ้วยสวรรค์เมืองเว้ หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ ‘ขนมถ้วยญวณ’ ความนุ่มของแป้งขนมครก บวกกับหมูยอง และความกรุบกรอบของแคปหมู ราดน้ำจิ้มรสเปรี้ยวอมเปรี้ยวลงไปยิ่งดีงาม ของหวานเราชี้เป้า บัวลอยเวียดนาม แป้งข้าวเหนียวผสมเผือกเนื้อนุ่มนวล สอดไส้ถั่วเขียวบดรสหวานพอเหมาะ กินกับน้ำกะทิผสมขิง จิบคู่ น้ำแตงโม คั้นสด ได้รสหวานฉ่ำธรรมชาติ หรือจะเป็นสมูตตี้มากประโยชน์ Green Detox ที่เป็นการรวมตัวกันของ ผักเคล แอปเปิ้ลเขียว เซอรารี่และสับปะรด ปิดท้ายด้วย กาแฟเวียดนาม รสเข้มข้นก็ย่อมได้ ติดใจทุกจานมีอยู่จริง

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลในเสน่ห์ของเครื่องเทศหอม ๆ และรสชาติกลมกล่อมของอาหารอินเดียแบบแท้ ๆ ต้องไม่พลาดแวะมาที่ Daryaganj Bangkok ร้านอาหารอินเดียเหนือระดับตำนานจากกรุงเดลี เจ้าของเมนู Butter Chicken สูตรต้นตำรับ หนึ่งในจานเด็ดที่ใครต่อใครต่างยกให้เป็นไอคอนิกของวงการอาหารอินเดีย ซึ่งครั้งนี้ขยายความอร่อยสไตล์ต้นตำรับ เปิดสาขาแรกนอกประเทศที่กรุงเทพฯ ให้คนรักอาหารอินเดียได้ลิ้มลองกันที่ โรงแรมพาร์ค พลาซ่า บางกอก ซอย 18 Daryaganj เริ่มต้นในปี 2019 ณ กรุงเดลี ประเทศอินเดีย โดยอมิต บักกา นักธุรกิจร้านอาหารมากประสบการณ์พร้อมรางวัลมากมาย และราฆาฟ จากกี หลานชายของกุนดาน ลาล จากกี เชฟผู้บุกเบิกการคิดค้น Butter Chicken สูตรต้นตำรับ หรือที่คนอินเดียเรียกว่า Murgh makhani ขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1947 หลังจากได้รับความนิยมในอินเดีย จนกลายเป็นเมนูขึ้นชื่อประจำร้าน ความอร่อยสูตรต้นตำรับนี้ได้ถูกส่งต่อข้ามทวีป มายัง Daryaganj Bangkok ภายในร้านถูกตกแต่งในโทน Indian Art Deco ผสมผสานความวินเทจเข้ากับความหรูหราทันสมัย ใช้โทนสีอบอุ่น ผนังประดับภาพถ่ายเก่าแก่และแสตมป์อินเดียวินเทจถ่ายทอดเรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ มาพร้อมไฮไลต์สุดพิเศษอย่าง ครัวแบบเปิด ที่มีเตาทันดูรีตั้งไว้ด้านหน้า พร้อมให้แฟนอาหารทุกท่านได้ชมเชฟรังสรรค์อาหารกันแบบสด ๆ ด้านบรรยากาศโซนบาร์ก็ตกแต่งได้หรูหรา และสบายตา เหมาะกับการสั่งเครื่องดื่มคลาสสิก หรือค็อกเทลร่วมสมัยมาจิบแบบเพลิน ๆ  พูดถึงเมนูอาหาร ได้มาเยือนร้านต้นตำรับทั้งที ต้องห้ามพลาดเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านอย่าง The Original 1947 Butter Chicken สูตรลับที่รักษาเนื้อสัมผัสแบบดั้งเดิม และความเข้มข้นของรสชาติจากยุคครัวแบบเดิม หรือจะเป็น The Original 1947 Dal Makhani อีกหนึ่งเมนูที่กุนดาน ลาล จากกี เป็นผู้คิดค้น ปรุงจากถั่วดำที่เคี่ยวข้ามคืนพร้อมเนยสด ใบลูกซัดแห้ง และมะเขือเทศสุกจากเถาที่นำมาบดแบบสดๆ ซึ่งนอกจากเมนูไฮไลท์ ทางร้านก็ยังมีเมนูน่าลองอีกหลายจานอย่าง The Original Tandoori Chicken ไก่หมักโยเกิร์ตและเครื่องเทศสูตรลับ ย่างในเตาทันดูรีทั้งกระดูก สูตรต้นตำรับที่คิดค้นโดย โมคา ซิงห์ ที่ปรึกษาของจากกีในยุค 1920 ที่เปศวาร์ The Original Chicken Pakoda ไก่ไร้กระดูกทอดกรอบในแป้งสูตรพิเศษ ปรุงรสด้วยเมล็ด Carom และผักชีบดสด The Original Butter Paneer คอจเทจชีสทิกก้าชิ้นนุ่มในซอสมะเขือเทศและเนย เพิ่มความหอมด้วยพริกเขียวและขิงซอย และสุดพิเศษ สำหรับชาวกรุงเทพฯ เท่านั้น! พบกับ Daryaganj Gold Menu ฝีมือเชฟอินเดียมือทอง เชฟภารัต เอส. บัท (Chef Bharath S. Bhat) ที่ปรึกษาด้านอาหารของ Daryaganj ดีกรีเจ้าของแชมป์ Iron Chef Thailand มาออกแบบเมนูใหม่โดยยังคงรากเหง้าของอินเดียเหนือ แต่ใส่กลิ่นอายร่วมสมัย ประกอบไปด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยสุดพิเศษ Stuffed Kashmiri Morels เห็ดมอเรลเนื้อละเอียด สอดไส้หน่อไม้ฝรั่งรสกลมกล่อม Amritsari Soft Shell Crab ปูนิ่มทอดปรุงรสด้วยเมล็ด Carom เสิร์ฟพร้อมโฟมวาซาบิเบาๆ Keema Tak-a-Tak เนื้อแกะสับรสเข้มข้น เสิร์ฟคู่กับ jeera khari fans แป้งอบกรอบหอมยี่หร่า เมนูจานหลักระดับตำนาน ประกอบด้วย Lobster Afghani Malai กุ้งล็อบสเตอร์หมักในซอสครีมเข้มข้น เสิร์ฟคู่กับสลัดส้มเผาเพิ่มรสเปรี้ยวสดชื่น 24 Carat Lamb Rack Biryani บิรยานีระดับพรีเมียม ข้าวบาสมาติปรุงด้วยหญ้าฝรั่นและเครื่องเทศอุ่นๆ ซ้อนชั้นกับซี่โครงแกะเนื้อนุ่ม เคลือบด้วย ทองคำ 24 กะรัต ขนมหวานประกอบด้วยเมนูดั้งเดิม อย่าง Gulab Jamun & Ras Malai ขนมอินเดียคลาสสิกที่ทุกคนหลงรัก หรือจะเลือกการผสมผสานของนวัตกรรม อย่าง Rose Tiramisu ทีรามิสุสูตรพิเศษที่เติมกลิ่นกุหลาบ Saffron Rasmalai Tres Leches Rasmalai ที่ผสานความนุ่มของเค้ก Tres Leches เข้ากับความหอมของหญ้าฝรั่น และ Mango Gold Makhan Malai ขนมครีมฟูเบารสนุ่ม ตกแต่งด้วยทองคำ นอกจากนี้ยังมี Kulfi Sticks ไอศกรีมแท่งแบบดั้งเดิมจากอินเดีย ให้สัมผัสละลายช้าและรสเข้มข้น มาช่วยเติมเต็มความหลากหลายของเมนูของหวาน แฟนอาหารอินเดียได้ลองรับรองต้องติดใจ

มยุรี ข้าวตังทรงเครื่อง สืบสานตำนานของกินเล่นของไทยที่อร่อยถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่มากว่า 5 ทศวรรษ จากรุ่นคุณยาย บัดนี้ได้เวลาส่งไม้ต่อสู่ทายาทรุ่น 3 คุณพิน-ชัญชกร ชัยพรหมประสิทธิ์ และคุณพาย – ภัทริศ  ชัยพรหมประสิทธิ์ ที่มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัลด้วยการรีแบรนด์และขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ จาก “ข้าวตังทรงเครื่อง” ข้าวตังชื่อดังในตำนานย่านเอกมัย สู่ “มยุรี ข้าวตังทรงเครื่อง” โดยได้ชื่อเพราะๆ ของคุณแม่ของคุณพิน ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่สอง มาการันตีความอร่อยตำรับดั้งเดิมแท้ๆ ภายใต้แพ็คเกจรูปแบบใหม่ทันสมัยและโลโก้แบรนด์ที่มีความวินเทจและจดจำง่าย ซึ่งเป็นรูปวาดคุณยายสมสมรผู้ก่อตั้งนั่นเอง ต้นกำเนิดของข้าวตังทรงเครื่องสูตรนี้มาจากความรักที่ คุณยายสมสมร คูสกุล ต้องการทำของว่างแบบไทยให้ลูกๆ นำติดตัวไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ โดยตั้งใจให้เป็นของอร่อย อิ่มท้อง และไม่ต้องใส่สารกันบูด จะกินเวลาไหนก็สะดวก จึงได้นำข้าวเกรียบข้าวหอมมะลิและหมูหยองมาผัดรวมกันเป็นข้าวตังที่กรอบ หอม อร่อยกลมกล่อม ถูกปากทั้งสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนฝูงที่แจกจ่ายให้ จนเริ่มทำขายอย่างจริงจัง มยุรี ข้าวตังทรงเครื่อง คงสูตรความอร่อยแบบโบราณแท้ๆ ไม่มีเปลี่ยนแปลง เราจึงมั่นใจได้ว่าจะได้ลิ้มรสชาติแบบต้นตำรับ ด้านกระบวนการปรุงก็คัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดอย่างข้าวหอมมะลิแท้พันธุ์พิเศษ ที่ให้เนื้อสัมผัสและกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์มาผลิตแผ่นข้าวตัง คัดสรรหมูหยองมาจากแหล่งผลิตคุณภาพดี ปรุงรสด้วยพริกไทย เกลือ น้ำตาล ทำให้ได้รสชาติหวานเค็ม และผัดด้วยกระทะเตาถ่านแบบดั้งเดิม ทำให้ข้าวตังทรงเครื่องมีกลิ่นหอมกระทะ อันเป็นเอกลักษณ์ของสูตรดั้งเดิมที่มีมานานกว่า 50 ปี เหมาะสำหรับกินเล่นเพลินๆ หรือซื้อเป็นของฝากได้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ วางจำหน่ายที่ร้านมยุรี ข้าวตังทรงเครื่อง ที่ซอยสุขุมวิท 51 รวมถึง Gourmet Market (สาขาพารากอน, เอ็มควอเทียร์, เอ็มโพเรียม, ท่าพระ, บางกะปิ งามวงศ์วาน และบางแค) และริมปิงซุปเปอร์เชียงใหม่ หรือซื้อผ่าน Line Official @kaotang_songkrueng

ชวนนักชิมทั้งหลายมาเช็คอิน “Level 50 by SEE FAH” รูฟท็อฟสุดปังบนชั้น 50 ของโรงแรมใหม่แกะกล่อง Grande Centre Point Lumphini ที่เรียกว่าเป็นสวรรค์ของฟู้ดดี้ย่านลุมพินีโดยแท้ เพราะนำทีมความอร่อยโดย ‘สีฟ้า’ แบรนด์อาหารไทยรสชาติดีที่อยู่คู่มานานกว่า 89 ปี พร้อมเสิร์ฟอาหารคอมฟอร์ดฟู้ดนานาชาติ ที่มีทั้งอาหารไทยรสจัดจ้านพอเหมาะตำรับสีฟ้า และจานอร่อยอิตาเลียนอย่าง พาสต้าเส้นสดที่ใครกินต่างก็ติดใจ เคล้าไปกับบรรยากาศแสนสบายด้วยตัวร้านที่กว้างขวาง ผสมผสานกับการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นปะปนไปกับความอบอุ่น ทั้งกระเบื้องหินอ่อนสีขาวและดำ โซฟาสีครีมหนานุ่มนั่งสบาย บวกกับผนังกระจกใสแผ่นใหญ่ ซึ่งทำหน้าที่สาดส่องแสงธรรมชาติและโชว์วิวเมืองอลังการ ซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกนั่งโซนภายในร้าน หรือบริเวณเทอร์เรซก็เห็นขอบฟ้าตรึงใจได้เช่นกัน  จานแรกเราขอลอง เบอร์เกอร์เลเวลฟิฟตี้ หนึ่งจานอร่อยซิกเนเจอร์ประจำห้องอาหาร ขนมปังบันโฮมเมดนุ่มฟู สอดไส้เนื้อวากิวชิ้นใหญ่ฉ่ำๆ ไข่ดาว เบคอน เพิ่มความชีสครีมมีด้วยชีสเบิร์นไฟ เสิร์ฟเคียงมันฝรั่งเนื้อแน่น และสลัดผักกรุบกรอบ คนรักเส้นเลิฟ ปัปปาร์เดลเลซอสเนื้อรากู ปัปปาร์เดลเลโฮมเมดเส้นนุ่มพอเหมาะ คลุกเคล้ากับซอสเนื้อรากูรสเข้มข้นที่ทำจากเนื้อวากิวอย่างดี ตุ๋นพร้อมไวน์แดงและเครื่องเทศนานาพันธุ์ หันไปเอาใจคนรักอาหารไทยกันบ้างขอเริ่มด้วย ข้าวหน้าไก่ ที่ได้รสกลมกล่อมจากซอสสูตรลับรสหวานพอเหมาะ เพิ่มความอิ่มเอมอีกแรงด้วยไข่ดาวเยิ้มๆ อีกหนึ่งจานที่ขายดีต้องยกให้ ข้าวผัดปู โดดเด่นด้วปูเนื้อก้อนรสหวานจากดินแดนใต้ มิ๊กซ์กับกลิ่นกระทะเย้ายวนใจ ก่อนกินบีบมะนาวซีและพริกน้ำปลาเล็กน้อย ไม่สั่งไม่ได้จริงๆ กับ แกงเผ็ดเป็ดย่าง เป็ดย่างเนื้อแน่นชิ้นโต หอมกลิ่นเตาถ่านอ่อนๆ อยู่ในน้ำแกงรสเผ็ดร้อนแรง ได้รสหวานละมุนขององุ่นแดง และมะเขือเทศ กุ้งผัดพริกขี้หนู เมนูที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อเพราะได้สัมผัสเด้งๆ จากกุ้งชั้นดี ผัดพร้อมกระเทียมและพริกขี้หนูสวนสุดแซ่บ เติมข้าวเท่าไหร่ก็ไม่พอ ปิดจบด้วย ข้าวเหนียวมะม่วง ของหวานสไตล์ไทยที่ให้คุณฟินไปกับมะม่วงน้ำดอกไม้รสหวานฉ่ำ เข้าคู่ข้าวเหนียวมูนเนื้อแน่น ตัดด้วยรสเค็มมันจากกะทิ จิบคู่ท็อกเทลสีสสวยอย่าง มะม่วงสมุย รสหอมหวานที่ทำมาจากน้ำมะม่วงสุกและน้ำมะพร้าว หรือใครชอบความซาบซ่าเราชี้เป้า สตรอว์เบอร์รี เวอร์จิ้น โมฮิโตะ รสหวานอมเปรี้ยวสดชื่นถึงใจ วิวดี อาหารก็โดน

เป็นโรงแรมเปิดใหม่ที่เปิดตัวได้อย่างดีงามจริงๆ นี่เรากำลังพูดถึง Grande Centre Point Lumphini โรงแรมสุดหรูหราย่านลุมพินี ที่ครั้งนี้มาเอาใจคนรักของหวานโดยเฉพาะกับ “Bloom and Brew Afternoon Tea” ชุดน้ำชายามบ่ายไซส์มินิน่ารัก ที่พร้อมให้คุณลิ้มลองอาหารคาว – หวานโฮมเมดต่างๆ จิบคู่กับชาดอกไม้ซิกเนเจอร์เข้ากันสุดๆ มีให้เลือกทั้งชุดเล็กสำหรับ 1 คน 450 บาท และชุดใหญ่สำหรับ 2 คน ที่เราเลือก มาในราคา 990 บาท คำแรกเป็น สโมกแซลมอนครีมชีส ได้รสเค็มได้ที่ของแซลมอนรมควัน เข้าคู่กับครีมชีสรสหอมมัน และเปรี้ยวนิดๆ ตามด้วย ทาร์ตราตาตูย สตูว์ผักสไตล์ฝรั่งเศสรสกลมกล่อม กินพร้อมแป้งทาร์ตหอมกรุ่นกลิ่นเนย จากนั้นเริ่มของหวานกันเลย ชีสเค้กมะม่วงเสารส ได้รสเปรี้ยวอมหวานของเสาวรสและมะม่วงสุกฉ่ำๆ ต่อกับ ชีสมูสลำไย รสหวานละมุนของลำไย ไปด้วยกันได้ดีกับชีสมูสเนื้อนุ่ม ชูซ์ครีมกุหลาบลิ้นจี่ แป้งชูซ์โฮมเมดกรอบนอกนุ่มใน ผสานกับเจลลี่ชากุหลาบลิ้นจี่รสหอมหวาน คนรักช็อกโกแลตต้องนี่เลย ช็อกโกแล็ตพาลีน รสเข้มข้นที่ได้จากช็อกโกแลตชั้นดีของประเทศเบลเยี่ยม น่ากินจริงๆ สำหรับ เค้กชาร์ลอตต์สตรอว์เบอร์รี เค้กสไตล์ฝรั่งเศสที่ให้สัมผัสกรุบกรอบของขนมเลดี้ฟิงเกอร์ ซุกซ่อนด้วยเนื้อเค้กนุ่มๆ สลับชั้นกับครีมสดและสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน ขาดไม่ได้กับ สคอน โฮมเมดเนื้อนุ่มแน่น กินคู่แยมเบอร์นี่และคล็อตครีม ส่วนชาเราเลือกเป็น ชาอัญชัน สีสวยดื่มง่าย และชาดอกไม้ ที่กรุ่นไปด้วยกลิ่นของมะลิและกุหลาบ   ฮีลใจสายหวานได้เป็นอย่างดี

Tag:

เป็นหนึ่งในร้านอาหารไทยรสเลิศที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ สำหรับ “Mariga Bangkok” ร้านอาหารไทย 4 ภาคที่ตั้งอยู่ใน Samala Hotel Bangkok สุขุมวิท 15 คำว่า Mariga (มาริกา) นั้นหมายถึง ‘ดอกดาวเรือง’ ดอกไม้มงคลคู่บ้านคู่เมืองของคนไทย ถูกเลือกนำมาเป็นชื่อร้านเพื่อสื่อถึงเมนูที่ปรุงด้วยใจตามตำรับโบราณไทย ซึ่งเป็นผลงานของทีมเชฟรุ่นใหม่ที่นำโดยเชฟขิง – อลงกต Executive Chef ที่รักการทำอาหารมาตั้งแต่เยาว์วัย มาเช็คอินที่มาริกาคุณจะได้ชิมอาหารไทยโฮมคุกหน้าตาดี ที่ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นของดีของไทยตามฤดูกาล ในบรรยากาศหรูหราที่แฝงไปด้วยความสบาย ตัวร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์นด้วยหินอ่อนสีดำขลับ เหมาะเจาะกับผนังไม้กับเฟอร์นิเจอร์หวาย ยังมีโต๊ะหินอ่อนสีขาวที่ตัดด้วยสีน้ำเงินเข้มน้ำทะเลของโซฟาหนานุ่ม ด้านหน้าเป็นโซนเทอร์เรสเหมาะไว้นั่งชิลจิบค็อกเทลกรุบกริบ มองดูผู้คนที่เดินขวักไขว่เพลินๆ ตา เรียกน้ำย่อยด้วย แสร้งว่ากุ้ง เมนูทรงโปรดของรัชกาลที่ 5 ฐานล่างเป็นกลีบบัวสีชมพูแสนสวย ท็อปเครื่องเคราต่างๆ อย่าง กุ้งเนื้อเด้ง หอมแดง ขิงอ่อน ใบมะกรูดที่คลุกเคล้ากับน้ำยำรสเปรี้ยวเผ็ดจี๊ดจ๊าด ต่อด้วย ลาบคั่วหมู ได้รสนัวของเลือดหมูผสมกับมะแขว่น สมุนไพรหอมฟุ้งประจำภาคเหนือ เสริมรสเผ็ดร้อนแรงด้วยพริกทอด กินกับข้าวเกรียบโฮมเมดกรุบกรอบ น่ากินสุดๆ กับ ต้มยำกุ้ง กุ้งแม่น้ำตัวโตจากจังหวัดสมุทรสงคราม ย่างเตาถ่านจนหอม เนื้อนุ่มฉ่ำใน เข้ากันดีกับน้ำซุปต้มยำรสเปรี้ยวเผ็ด จานหลักต้องนี่เลย แกงคั่วปูนิ่มและข้าวผัดมันปู ข้าวผัดมันปูรสครีมมีกินเพลิน เสิร์ฟเคียงปูนิ่มตัวอวบไม่อมน้ำมัน ตัดเลี่ยนด้วยแกงคัวปูรสจัดจ้านพอเหมาะ ที่อัดแน่นไปด้วยปูเนื้อหวานจากภาคใต้ หลายคนชอบ ผัดไทยกุ้งแม่น้ำ เส้นจันท์เหนียวนุ่ม หอมกลิ่นกระทะละมุน ได้รสเปรี้ยวนุ่มนวลของน้ำมะขามเปียก เสิร์ฟพร้อมกุ้งแม่น้ำตัวโตย่างร้อนๆ และน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด ล้างปากด้วยของหวานชื่นใจ มะม่วงฉุน เปลี่ยนจากส้มมาเป็นมะม่วงก็เข้าท่าดีเหมือนกัน มะม่วงน้ำดอกไม้รสหวานฉ่ำ มิ๊กซ์กับองุ่นไซมัสคัสลูกโต ลิ้นจี่ และขิง ก่อนกินเติมน้ำเชื่อมผสมส้มซ่า และน้ำแข็งลงไป ยังมี สละลอยแก้ว สละลูกอวบๆ รสหวานอมเปรี้ยว กินกับน้ำเชื่อมใส่น้ำแข็งคลายร้อย ขนมหวานตัวสุดท้ายเป็น กรานิต้าแตงโมปลาแห้ง ไอศกรีมสไตล์อิตาเลียนรสแตงโมหวาน โรยหน้าด้วยปลาแห้งสิงห์บุรีหอมกรุ่น จิบคู่ Mariga Virgin ม็อกเทลซิกเนเจอร์ประจำร้านที่ประกอบด้วยลิ้นจี่ เสาวรส น้ำมะนาวและใบมินต์หรือจะเป็นค็อกเทลสีสวย Purple Haze ที่ได้รสร้อนแรงจากเหล้าจินและเตกีล่า มิ๊กซ์กับลิ่นจี่ มะนาวและน้ำอัญชัน เป็นอีกหนึ่งร้านอร่อยที่ต้องจดลิสต์ไว้เลย

บ้านนอกเข้ากรุง ร้านอาหารไทยในเครือนาราดีกรีมิชลินไกด์ที่ได้พาร์ตเนอร์มืออาชีพอย่าง คุณจอม - ภูมิพันธ์ เอี่ยมปรเมศวร์ อดีตเฮดบัตเลอร์โรงแรมห้าดาวในนิวยอร์กเป็นผู้ดูแลและถ่ายทอดเรื่องราวความอร่อย โดยนำสูตรอาหารโบราณตำรับบ้านสีจาน ซึ่งถ่ายทอดจากคุณยายสู่คุณแม่ กระทั่งถึงคุณจอม ปรุงออกมาเป็นเมนูซิกเนเจอร์ของบ้านนอกเข้ากรุง ที่ใครได้ชิมต่างพากันติดใจ คุณจอมเล่าว่าได้เรียนรู้รสชาติความอร่อยฝีมือคุณแม่มาตั้งแต่เด็ก เพราะแม่จะห่อข้าวให้ไปกินที่โรงเรียน ซึ่งปรากฎว่าเพื่อนๆ มารุมกินจนแม่ต้องห่อไปฝากเพื่อนด้วย เมื่อโตขึ้นไปทำงานที่นิวยอร์กก็นำรสชาติอาหารฝีมือแม่ติดตัวไป มีโอกาสปรุงให้เพื่อนต่างชาติกิน บวกกับการที่ตนเองได้กินอาหารที่ดีที่สุดจากทั่วโลกทำให้รู้ว่าความอร่อยของแต่ละชาติเป็นอย่างไร ซึ่งรสชาติความอร่อยของแม่ก็เป็นสากลด้วย บ้านนอกเข้ากรุง มีที่มาจากเรื่องราวของครอบครัวเอี่ยมปรเมศวร์ ซึ่งคุณแม่เป็นสาวโคราชมาเรียนการบ้านการเรือนในเมืองหลวง ก็นำสูตรอาหารทั้งหมดแล้วมาเรียนความเป็นกุลสตรี โดยอาศัยอยู่กับคุณลุงซึ่งเป็นคหบดีค้าข้าวกึ่งนักการเมือง พบรักกับคุณพ่อที่เป็นครอบครัวทหาร เมื่อเข้ามาอยู่ในบ้านพักทหารอากาศที่มีครอบครัวบ้านนอก 140 ครอบครัว แต่ละครอบครัวต่างถือชะลอมขึ้นรถไฟนำของดีของอร่อยที่สุดมาฝากคนที่รัก คุณแม่จึงมีแหล่งวัตถุดิบอร่อยจากทั่วทุกภูมิภาค อาทิ ปลาช่อนบ้านน้าอำนวยจากสระบุรี กะปิจากคุณสำเริง ระนอง ฯลฯ บวกกับคุณแม่มีพรสวรรค์ในการรับรสที่ดี รสชาติอาหารจึงกลมกล่อม ขณะที่คุณพ่อมักจะมีเพื่อนต่างชาติมาทานข้าวที่บ้าน และสังสรรค์กันทุกเย็น บ้านคุณจอมจึงกลายเป็นคอมมูนิตี้ย่อมๆ ที่รวมตัวกันของคุณผู้ชายแต่ละบ้าน จนคุณแม่บ้านหลายคนต้องมาขอเรียนเคล็ดลับจากคุณแม่เพื่อปรุงอาหารให้คุณสามีรับประทาน จุดนี้เองที่ทำให้อาหารรสชาติโคราชได้จับคู่กับวัตถุดิบอร่อยทั่วภูมิภาคจาก “บ้านนอก” คุณจอมได้หลอมรวมความสุขจากอาหารของคุณแม่เข้ากับความเป็นสากลที่เคยไปสัมผัสเมื่อครั้งเป็นบัตเลอร์ในนิวยอร์กมาใส่ไว้ในร้านบ้านนอกเข้ากรุงแห่งนี้ “ด้วยการนำเสนอของดีที่สุดมาให้กับคนที่รักซึ่งก็คือลูกค้า จอมตั้งใจทำร้านให้เป็นเหมือนบ้าน เป็นการจำลองบรรยากาศความสุขทั้งหมดที่เกิดขึ้นในบ้าน และนำวิชาการโรงแรมทั้งหมดที่เคยดูแลคนระดับโลกมาใส่ไว้ที่นี่ พร้อมกับจะได้รับประทานอาหารซึ่งเป็นรสชาติของคุณแม่ด้วย ซึ่งทั้งหมดคือการเฉลิมฉลองความสุขในชีวิตของเรา” คุณจอมเล่าด้วยสีหน้าเปี่ยมรอยยิ้มแห่งความสุข “อาหารในร้านก็เป็นเมนูที่กินกันจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นอาหารโคราช อย่างเมนูหมี่โคราชที่มีขายกันทุกภูมิภาค แต่ไม่มีใครรู้รสชาติที่แท้จริง ซึ่งของจริงต้องมีพริกแกงที่ใช้พริกแห้งโขลกกับหอม กระเทียม เริ่มจากผัดหมูสามชั้นกับน้ำมัน ใส่พริกแกง น้ำตาลปี๊บ เต้าเจี้ยว ผัดจนเป็นสีเหลืองทอง แล้วจึงใส่เส้นหมี่แห้งๆ ลงไปในน้ำซอสจนเส้นดูดน้ำซอสแบบฉ่ำๆ ซึ่งที่นี่จะมีหมี่โคราชกุ้งแม่น้ำ และหมี่โคราชหมูกรอบ” ได้ลิ้มลองหมี่โคราชสูตรต้นตำรับขนานแท้แล้วบอกเลยว่าอร่อยถูกใจ    หากอยากชิมหลายอย่างในหนึ่งจานต้องลอง ออร์เดิร์ฟบ้านนอก ในเซ็ตมีทั้งไส้กรอก ปอเปี๊ยะโคราชซึ่งใช้น้ำซอสของหมี่โคราชมาผัดไส้ และปีกไก่ทอดเสิร์ฟกับกะปิจิ้มและปลาร้าบองที่ใช้ปลาร้าสับปรุงรสซึ่งสูตรของแต่ละบ้านก็ให้รสชาติที่แตกต่างกัน หรือจะลิ้มรสเมนูซดน้ำอย่าง แกงเลียงขามทะเลสอ ก็ให้รสนัวกลมกล่อม พลาดไม่ได้สำหรับสายส้มตำ แนะนำตำหลวงพระบางสูตรแอร์โฮสเตส ซึ่งเป็นสูตรเด็ดของพี่สาวคุณจอม เส้นแบนกรอบที่เป็นเอกลักษณ์ปรุงรสได้แซบนัวเข้มข้นถูกใจ และเป็นอีกจานที่ทุกโต๊ะต้องสั่ง ใครเคยชื่นชอบรสชาติของตำโคราช แนะนำว่าต้องลองสูตรของบ้านนอกเข้ากรุง ปรุงได้จัดจ้านไม่ผิดหวัง ชวนชิมเมนูหน้าตาบ้านๆ แต่รสชาติไม่ธรรมดาอย่าง ผัดฟักทองทรงเครื่อง กลิ่นหอมยวนใจได้รสหวานธรรมชาติของฟักทองผสานเข้ากับน้ำซอสที่มีเครื่องเคราอย่างกุ้งแห้งโขลกกับกระเทียมพริกไทย น้ำตาลปี๊บ ไข่ไก่ ท็อปด้วยกรรเชียงปูก้อนโต ได้กลิ่นหอมของใบโหระพาโชยเตะจมูก พะโล้ยายสำเรียง ก็เป็นอีกจานที่ไม่ควรพลาด ทั้งหมูสามชั้นที่ตุ๋นจนนุ่มเข้าเนื้อและไข่พะโล้สีเข้มน่ากิน  ยังมีเมนูหากินยากอย่าง ต้มสายบัวปลาทูนึ่ง สายบัวนุ่มชุ่มน้ำกะทิเข้าเนื้อ ปลาทูเนื้อแน่นนุ่มอร่อย เมนูผัดแนะนำ ผัดวุ้นเส้นแหนมกระเทียมดองใส่ไข่ จานนี้ติดใจกระเทียมดองคุณภาพดี รสชาติกลมกล่อมกรอบอร่อย เมนูน้ำพริก แนะนำน้ำพริกขี้กาที่ตำเนื้อปลาทูผสม กินพร้อมผักลวกหลากชนิดและไข่ต้มยางมะตูมช่วยลดความเผ็ด ยังมีขนมจีนน้ำพริกบ้านระงม และขนมจีนบ้านสีจาน เป็น 2 เมนูหากินยากที่อยากให้ลิ้มลอง รวมทั้งข้าวแช่นอกฤดู ที่เสิร์ฟเป็นสำรับสวยงามชวนกิน น้ำปรุงข้าวแช่กลิ่นหอมเย็นสดชื่น ข้าวสวยหุงได้เม็ด กินพร้อมเครื่องเคียงครบครัน อาทิ ลูกกะปิ หอมยัดไส้ทอด พริกหยวกร่างแห หมูฝอย และพิเศษด้วยทอดมันเนื้อแน่นสูตรของร้านและแตงโมปลาแห้งเนื้อฉ่ำหวานกรอบ ปิดมื้อด้วยของหวานรสอร่อยทุกรายการ อาทิ มะม่วงน้ำปลาหวานบ้านสีจานกับกรานิต้ามะม่วง รสสดชื่นของกรานิต้ามะม่วงผสานน้ำปลาหวานรสเข้มข้น ได้ความแปลกใหม่ที่อร่อยลงตัว ไอศกรีมทำสด รสเกลือคาราเมล หรือ ไอศกรีมทำสด รสกล้วยบวชชี ก็รสชาติดีไม่น้อยหน้ากัน ได้รสกลมกล่อมติดใจทั้งสองเมนู บวชถั่วดำกับหวานเย็นมะพร้าว ถั่วดำน้ำกะทิรสหวานน้อยตักกินพร้อมไอศกรีมมะพร้าวเพิ่มความฟินไปอีกแบบ กล้วยน้ำว้าเชื่อมน้ำตาลคาราเมล เนื้อกล้วยเชื่อมจนเข้าเนื้อได้ความหนึบและหอมน้ำตาลคาราเมล มีครีมกะทิสดเคียงมาให้กินพร้อมกัน อย่าลืมสั่งวุ้นกาแฟโบราณแสนอร่อยมาจบมื้อสวยให้ฟินและอิ่มแปร้ คิดถึงความอร่อยตำรับโคราชต้องแวะมาที่บ้านนอกเข้ากรุง ชั้น 2 อาคาร Vivre

เติมฝันของฟู้ดดี้ให้เป็นจริงจนได้! เมื่อ “Kanori Hand Roll Bar” ร้านซูชิแฮนด์โรลแสนอร่อยขยายโลเคชั่นมาอยู่ที่ ไอคอนสยาม สาขาแรกของฝั่งธนฯ ตัวร้านตั้งอยู่บริเวณชั้น G โซน The Veranda กับการตกแต่งเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น คุมโทนด้วยสีขาวครีมสบายตา มีเคาน์เตอร์บาร์ที่นั่งล้อมรอบทีมเชฟขณะทำซูชิโรลคำต่อคำ เรียกได้ว่าดูไปกินไปอย่างเพลิดเพลินใจ เดินเข้าไปด้านในจะพบกับห้องไพรเวท 8 ที่นั่งเหมาะมากสำหรับนักกินที่ต้องการอร่อยแบบส่วนตัว ซึ่งมีเฉพาะสาขาไอคอนสยามเท่านั้น มาพูดถึงเรื่องอาหารกันบ้าง จุดเด่นของ Kanori Hand Roll Bar ที่หลายคนติดใจคือเป็นซูชิแฮนด์โรลทำสดใหม่คำต่อคำ ประกอบด้วยข้าวญี่ปุ่นหุงน้ำส้มสายชูอย่างดี ปั้นกับวัตถุดิบชั้นเลิศทั้งจากในเมืองไทยและประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีให้คุณเลือกทั้งแบบอาละคาร์ต หรือเซ็ต 4-7 โรลล์ แต่สาขาไอคอนสยามจะพิเศษเพราะมีเซ็ตพรีเมี่ยม อย่าง โอโทโร่ ล็อบสเตอร์ อูนิ และ The Unagi สเปเชี่ยลโรลเพิ่มเข้ามา ถือเป็นตัวเลือกที่หลากหลายให้นักชิมมากขึ้น (ว้าว) คำแรกขอลองเป็น Blue Crab หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่ใครชิมก็เป็นอันหลงรัก ซูชิโรลที่อัดแน่นด้วยปูเนื้อหวานจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไข่กุ้ง เคี้ยวสนุก และอะโวคาโด ครีมมี ตามด้วย Hotate (Yuzukosho) โดดเด่นด้วยหอยเชลล์โฮตาเตะเนื้อสดหวาน ทาซอสพริกผสมส้มยูซุ รสเปรี้ยวเผ็ดกลมกล่อม เมนูนี้ก็ขายดี Salmon Bomb เอาใจคนรักแซลมอนโดยเฉพาะด้วยแซลมอนเนื้อหวานชิ้นโตๆ ไข่กุ้ง เคี้ยวเพลิน อะโวคาโด และซอสปูสูตรลับรสกลมกล่อม ไปกันต่อกับ Bontan Ebi ได้สัมผัสของกุ้งโบตั๋นเนื้อสดเด้ง เติมความเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดด้วยมะนาวซีก Akami Tsuke เพื่อนทูน่าเลิฟเวอร์โดยเฉพาะ โรลทูน่าส่วนอากามิเนื้อสดฉ่ำ (ไขมันน้อย) หมักโชยุโฮมเมดรสเค็มพอเหมาะ อร่อยใจหายขอยกให้ Avocado Truffle เพราะได้รสละมุนจากซอสทรัฟเฟิลโฮมเมด อะโวคาโดชิ้นโต และความกรุบกรอบของแป้งเทมปุระแบบล้นๆ ห้ามพลาดกับพรีเมียมซูชิแฮนด์โรลอย่าง Lobster Bomb ซูชิโรลเต็มคำที่ประกอบด้วย ล็อบสเตอร์เนื้อหวานเด้งจากเกาะภูเก็ต แป้งเทมปุระและไข่กุ้งกรุบกรอบ โรยด้วยต้นหอมและซอสสูตรเฉพาะรสหวานปนเค็ม ปิดท้ายด้วย The Unagi Extra Uni เมนูพิเศษที่มีเฉพาะสาขาไอคอนสยามเท่านั้น ได้สัมผัสเนื้อนุ่มรสหวานจากปลาไหลญี่ปุ่น เพิ่มความฟินเกินพิกัดด้วยอูนิรสหวาน (เราสั่งเยอะเป็นพิเศษ) จากเกาะฮอกไกโด อร่อยมาแรงแซงทางโค้ง

Hide Dine & Wine เหมาะมากสำหรับคนที่มองหามื้อดินเนอร์เงียบ ๆ กับคนรู้ใจ หรือนัดครอบครัว ชวนเพื่อนสนิทมาแฮงก์เอาต์ตามโอกาสพิเศษต่างๆ เพราะที่นี่เป็นไวน์บาร์ลับที่สามารถเข้าไปซ่อนตัวจากความวุ่นวายกลางเมืองเพื่อมาใช้ช่วงเวลาแสนพิเศษด้วยกัน ไม่ว่าจะนั่งจิบเครื่องดื่มพร้อมเสพบรรยากาศ เคล้าเสียงดนตรีบรรเลงเพราะๆ หรือตั้งใจมารับประทานอาหารมื้อหนักก็เข้าท่า เพราะที่นี่เน้นอาหารสไตล์ Modern European ที่ผสมผสานกลิ่นอายญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เสิร์ฟจานใหญ่ในบรรยากาศอบอุ่นเป็นกันเองเหมือนนั่งอยู่ในบ้านเพื่อนที่เต็มเปี่ยมด้วยแรงฮีลใจ จานซิกเนเจอร์แนะนำเป็น BERRIES & WILD ROCKET ร็อกเก็ตสลัดราดเดรสซิงเบอร์รีรสเปรี้ยวสดชื่น มีเบอร์รีสดให้เคี้ยวเพลิน ต่อด้วย ASARI SOUP ซุปหอยตลับต้มสาเก หอยตัวใหญ่ต้มสุกกำลังดี ซดร้อนๆ คล่องคอมาก MENTAIKO BREAD SPREAD ขนมปังบาแก็ตเสิร์ฟคู่ครีมชีสท็อปด้วยไข่ปลาเมนไทโกะ ถัดมาคือ SMOKED DUCK อกเป็ดรมควันย่างจนหนังกรอบแต่เนื้อยังนุ่มอยู่ เสริมรสด้วยส้มซันคิสเคิร์ดและเบอร์รีซอส ตามด้วย KANIMISO WITH CRAB MEAT สปาเกตตีผัดกับมันปูซูไวหรือคานิมิโซะ มีเนื้อปูก้อนโตท็อปด้านบน MACKEREL CRUDO เนื้อปลาแมกเคอเรล ครูโด เบิร์นไฟเล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหอม กินกับน้ำซุปดาชิ ยิ่งกินกับขิงดองบอกเลยว่ารสตัดกันได้อร่อยมาก UNAGI TOAST ที่ร้านใช้ Thousand Layers ท็อปหน้าด้วยปลาไหลญี่ปุ่น ได้ความหอมฉ่ำเนยจากขนมปังตัดกับซอสรสเปรี้ยวนิดๆ คล้ายมายองเนสปรุงรส ปิดท้ายด้วย PARMA MELON พาร์มาแฮมท็อปบนเมลอนรสหอมหวานมีครีมยูซุเพิ่มความสดชื่นกินกับไวน์เข้ากันได้ดีมาก เราสั่งม็อกเทลรสหวานอมเปรี้ยวมาจิบคู่กับอาหาร แนะนำ BERRY MIX และ LYCHEE ช่วยตัดรสได้ดี ได้ความหวาน เปรี้ยว ซ่าสดชื่น ทุกจานคิดและสร้างสรรค์จากความชอบของเจ้าของร้านที่สั่งสมมาจากการเที่ยว-กิน ตามแลนด์มาร์กต่างๆ นำมาครีเอตจนเกิดเป็นเมนูไฮไลต์ที่เสิร์ฟวันนี้

เพิ่มสีสันให้ซีนอาหารในกรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่องกับโครงการ “EA” (เอ-ญ่า) Rooftop at The Empire บนชั้น 56 - 58 อาคาร The Empire Tower และล่าสุดกับร้านอาหารอิตาเลียนร่วมสมัยโดยเชฟมิชลินสตาร์คนดัง เชฟเปาโล อายราวโด (Paolo Airaudo) นำอาหารอิตาเลียนที่น่าค้นหาในแบบของเขามาให้นักกินได้ลิ้มลองกันที่ Sartoria by Paolo Airaudo (ซาร์โทเรีย บาย เปาโล อายราวโด) โดยเชฟเปาโลสร้างชื่อจากการใช้กรรมวิธีสมัยใหม่มารังสรรค์อาหารอิตาเลียนคลาสสิกให้พลิกโฉมอย่างสร้างสรรค์ และครอบครองดาวมิชลินถึง 6 ดวงจากร้านของเขาในประเทศต่างๆ ทั้งสเปน ฮ่องกง และอิตาลี “Sartoria” แปลว่า “การตัดเย็บ” สื่อถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบที่มาจากห้องเสื้อแห่งแรกของโลกที่เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี ตกแต่งในโทนสีน้ำตาลเข้มและน้ำเงินที่เรียบหรู ล้อไปกับเฟอร์นิเจอร์รูปทรงโค้งมนละม้ายส่วนโค้งเว้าของหุ่นลองเสื้อ มีโชว์รูมแสดงการทำพาสตาสด และโซน Open Kitchen ขนาดใหญ่ดุจเวทีสุดอลังการ เป็นครัวเปิด 100% ด้วยความตั้งใจให้แขกได้มีส่วนร่วมในทุกประสบการณ์ ไม่ว่าจะดูเชฟปรุงอาหารใกล้ๆ หรือพูดคุยเกี่ยวกับอาหาร เชฟเปาโลมอบหมายให้ เชฟอเลส โดนาท (Ales Donat) เป็นหัวหน้าเชฟผู้ดูแลห้องอาหารแห่งนี้ พร้อมนำเสนอนิยามใหม่ของอาหารอิตาเลียนด้วยแรงบันดาลใจจากความงดงามของเมืองฟลอเรนซ์และแคว้นทัสคานี คัดสรรวัตถุดิบตามฤดูกาลชั้นเลิศจากทั้งยุโรป ญี่ปุ่น และประเทศไทย มารังสรรค์เป็นมื้ออาหารอันน่าจดจํา คอร์สเมนูมีให้เลือกระหว่าง L’ESSENZA 6 คอร์ส ราคา 3,980++ บาท และ L’OPERA COMPLETA 8 คอร์ส ราคา 5,980++ บาท รวมทั้งมีเมนูไวน์แพร์ริ่งด้วย เริ่มเปิดประสบการณ์ด้วยการชมครัวเปิดใกล้ๆ และพูดคุยกับเชฟอเลส ถึงหลากหลายวัตถุดิบชั้นเลิศที่เราจะได้ลิ้มลองกัน ทั้งพืชผักนานาชนิด ซิตรัสสายพันธุ์ต่างๆ ผลไม้แปลกๆ อย่าง Tamarillo จากออสเตรเลีย ทรัฟเฟิลดำจากทัสคานี น้ำส้มสายชูบัลซามิก 40 ปี น้ำมันมะกอกพิเศษของเชฟเปาโล ซีฟู้ดจากญี่ปุ่น กุ้งแดงจากสเปน และเป๋าฮื้อจากเกาหลี เป็นต้น จากนั้นผ่อนคลายก่อนมื้ออาหารไปกับชาแก่นตะวันรสเข้มข้นหยดน้ำมัน Bhudda’s Hand ก่อนเริ่มลิ้มลอง Snacks ได้แก่ ทาร์ตเล็ตต์เบียร์ ทาร์ตบางกรอบใส่ถั่วหวานฉ่ำ ตามด้วยโคลด์คัตในแบบที่แปลกตา มูสแฮมมอร์ตาเดลลา รสแฮมครีมมี โคนทำจากแป้งโดว์พาสตา โรยหน้าพิสตาชิโอสับ และ ไข่ตุ๋นไข่หอยเม่น เสิร์ฟร้อนในซุปกลมกล่อมละมุนมาก ตามด้วย The Bread ขนมปังอบใหม่ร้อนๆ จิ้มกินกับน้ำมันมะกอกพิเศษที่กลิ่นและรสจัดเต็ม คอร์ส L’ESSENZA 6 คอร์ส เริ่มต้นด้วยสตาร์ทเตอร์เย็นจานซิกเนเจอร์ของเชฟเปาโล Hamachi งดงามราวกุหลาบที่กำลังเบ่งบาน เนื้อปลาฮามาจิดรายเอจ 1-2 วันก่อนนำมาเคียวร์เพิ่มรสชาติ ปลาเนื้อมันรสหวานละมุนลิ้นเสริมรสด้วยน้ำมันใบชิโสะและคอมบุ เสิร์ฟในซุปกะหล่ำปม (kohlrabi juice) ให้กลิ่นสโมกกีและรสสดชื่น ใส่หัวไชเท้าสีชมพู (watermelon radish) เพิ่มสัมผัสกรุบกรอบ ทอปด้วยสาหร่ายพวงองุ่น ทั้งสวยและอร่อยมาก จานต่อมาดีงามไม่แพ้กัน Duck Cappeletti พาสตาโฮมเมดรูปหมวดสอกไส้ขาเป็ดกงฟีบดกับสมุนไพรรสกลมกล่อมราดด้วยซอสเนยและใบไทม์ ครีมมีละมุนลิ้นทั้งตัวแป้งและไส้ ไม่รู้สึกถึงเท็กซ์เจอร์ที่เป็นเส้นของเนื้อเป็ดเลย ตามด้วยจานข้าวสีสดใส Risotto Carabinero ริซอตโตรสเข้มข้นด้วยพาร์มีซานและพาร์สลียุโรปที่ให้สีเขียวเข้มสะดุดตา ทอปด้วยคาราบิเนรอส หรือกุ้งแดงสเปนเนื้อหวานฉ่ำ ใส่ส้มคัมควอตฝานบางและยูสุเจลให้รสเปรี้ยวอมหวานตัดความครีมมีอย่างลงตัว เมนคอร์ส Kinmedai ปลาคินเมไดดรายเอจเนื้อแน่นย่างให้หนังตึงและหอมสโมกกี เคียงกับข้าวโพดอ่อนย่าง พูเร่ข้าวโพด และหอมดอง ราดซอสแชมเปญเพิ่มรสสดชื่น เรียบง่ายแต่อร่อยถึงรสชาติวัตถุดิบ และสนุกไปกับสัมผัสหลากหลายยามเคี้ยว คั่นด้วยของหวานล้างปาก Granita กรานิตาตะไคร้และข่าบนเจลมะพร้าวอินฟิวส์กับใบโหระพาไทย ทอปด้วยสโนว์โคโคนัทหอมหวาน เป็นรสชาติแบบไทยที่น่าประทับใจ ปิดท้ายด้วย The Apple ของหวานที่รวมความอร่อยจากแอปเปิล ไม่ว่าจะเป็นเอสพูมาแอปเปิล เจลแอปเปิล ชิปส์แอปเปิล ผงแอปเปิล ผสมผสานกับเจลาโตซอลต์เต็ดคาราเมลใส่ผิวเลมอน ปิดท้ายด้วยการหยดน้ำส้มสายชูบัลซามิกหมักเข้มข้นอายุ 40 ปีของเชฟเปาโล 2-3 หยด ให้กลิ่นรสหอมหวานผสานทุกอย่างให้เข้ากัน จบมื้อด้วย Petit Fours เปี่ยมสีสัน เริ่มจาก Darth Vader เจลลีวิสกี้รสเข้มซิกเนเจอร์ของเชฟเปาโล ถูกใจแฟน Star Wars แน่นอน ตามด้วย ราสป์เบอร์รีมาร์ชเมลโล ช็อกโกแลตดาร์คพราลีนและชาไทย ชูว์สอดไส้กล้วยและกานาชและยูสุเจล ทาร์ตเสาวรสทอปด้วยเมอร์แรงก์อิตาเลียน และผลไม้ล้างปาก สตรอว์เบอร์รีจากญี่ปุ่น แก้วมังกรสีเหลืองรสหวานฉ่ำ และ Tamarillo ผลไม้รสคล้ายมะเขือเทศออกขมนิดๆ ใส่เจลคาลามันซีตัดรสขม   ความสร้างสรรค์และพิถีพิถันที่อัดแน่นเต็มเปี่ยมนี้ เปลี่ยนภาพจำที่เรามีต่ออาหารอิตาเลียนไปเลย อยากลิ้มลองอาหารอิตาเลียนในมุมมองใหม่ระดับเชฟมิชลินไม่ควรพลาด

เรียกได้ว่าเป็นพิกัดมหาชนของช่วงเวลานี้เลยก็ว่าได้สำหรับ Sunspirit Bangpu ร้านอาหารวิวดีริมทะเล โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากชายฝังเมดิเตอร์เรเนียนและบ้านสวนริมทะเลในลอสแองเจลิสที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่ทันสมัยและเปี่ยมด้วยความอบอุ่นจากโทนสีที่ใช้ ทุกพื้นที่ดีไซน์ให้ใกล้ชิดธรรมชาติตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงบริเวณตัวอาคารที่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็หันไปเจอการเชื่อมต่อพื้นที่ให้เข้ากับหิน ต้นไม้ และน้ำทะเล ยิ่งใครมาช่วงเย็นก็สามารถเดินถ่ายรูปเช็กอินตามมุมที่มีเสน่ห์เฉพาะตัวของร้าน พร้อมสัมผัสแดดอุ่นๆ และความสงบของท้องฟ้าเคล้ากลิ่นอายลมทะเลแบบพาโนรามา นอกจากบรรยากาศจะดีแล้วอาหารก็อร่อยไม่แพ้กันเพราะทะเลคือหัวใจหลักของครัว ที่ร้านจึงเน้นเสิร์ฟเมนูหลากสัญชาติที่ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นย่านบางปู ไฮไลต์อยู่ที่ซีฟู้ดทะเลไทยนำมาปรุงอย่างพิถีพิถันและเสิร์ฟวัตถุดิบสดใหม่ทุกออเดอร์ไม่ว่าจะมื้อกลางวันของครอบครัว หรือแม้กระทั่งมื้อเย็นสุดโรแมนติกท่ามกลางวิวทะเล อย่าพลาด Crab Curry with Betel Leaves แกงคั่วปูใบชะพลู เมนูอาหารใต้รสเข้มข้นให้เนื้อปูแน่นชาม จัดเสิร์ฟคู่ขนมจีนกินเข้ากันได้เป็นอย่างดี ต่อด้วย Crispy Morning Glory Salad ยำผักบุ้งชุบแป้งทอดจนเหลืองกรอบ กินกับน้ำยำรสแซ่บหอมกลิ่นพริกเผา ด้านในมีเนื้อกุ้งและถั่วลิสงให้เคี้ยวเพลิน ถัดมาคือ Pork Chop สเต๊กหมูชิ้นใหญ่ เคียงด้วยผักย่าง มันบดทรัฟเฟิล เสริมรสด้วยซอสพริกไทยดำแสนอร่อย และ Angel Hair AOP Seafood พาสตาผัดพริกแห้งกระเทียมซีฟู้ด ให้เครื่องแน่นแบบไม่หวง ได้รสเผ็ดถึงเครื่อง ใครเป็นสายนั่งชิลริมทะเลก็อย่าลืมสั่งครื่องดื่มซิกเนเจอร์อย่าง Strawberry Smoothie สตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ตปั่นจนเนื้อเนียนละเอียด ให้รสหอมหวานนวลๆ หรือจะเป็น Sunset Whisper ซิกเนเจอร์ค็อกเทล ได้รสเข้มจากไวน์โรเซ่ จิน และมอสคาโต เพิ่มความสดชื่นด้วยเลมอนและโซดาเล็กน้อย เพียงแค่ 40 นาที จากกรุงเทพฯ ก็สามารถสัมผัสกับความเรียบง่ายที่เติมเต็มใจได้อย่างไม่รู้ตัว

ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนแล้วที่ Duet by David Toutain (ดูเอ็ท บาย เดวิด ทูแทง) ห้องอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัยโดย เชฟเดวิด ทูแทง (David Toutain) เชฟมิชลิน 2 ดาวจากปารีส ร่วมกับเชฟวาลองแต็ง ฟูอาซ (Valentine Fuache) พร้อมนำเสนอจานอร่อยสุดสร้างสรรค์จากวัตถุดิบตามฤดูกาล ภายใต้บรรยากาศกลาสเฮาส์แสนสวยบนชั้น 7 โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ (The Ritz-Carlton, Bangkok) คอร์สเมนูใหม่ประจำฤดูใบไม้ผลิ “Spring Menu” มาพร้อมหลากหลายเมนูที่สดใหม่และงดงามดุจงานศิลปะ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Racines, Fleurs et Feuilles” เป็นภาษาฝรั่งเศสหมายถึง Roots, Flowers and Leaves ดึงเอาความอร่อยของพืชพันธุ์และสมุนไพรที่งอกงามยามฤดูหนาวผ่านพ้นทั้งในส่วนของ “ราก ดอก และใบ” มาสู่จานอาหาร อาทิ แนสเซอร์เทียม ฮอร์สแรดิช บรอนซ์เฟนเนล และต้นกระเทียมป่า ปรุงด้วยเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสอย่างพิถีพิถัน และอย่างที่รู้กันว่าฤดูใบไม้ผลิมีระยะเวลาไม่ยาวนาน เราจึงอยากชวนให้รีบมาลิ้มลองสีสันและรสชาติแห่งฤดูกาลนี้กัน ประทับใจแรกพบด้วย Snacks 3 คำ Nasturtium ชูรสเผ็ดอ่อนๆ จากดอกแนสเซอร์เทียมผสานกลิ่นเย็นสดชื่นของเอพิเซีย Miso โรลครีมโฟมมิโสะขาวรสอ่อนโยนผสานกับเรนโบว์แรดิชกรุบกรอบ ปิดท้ายด้วย Horseradish เบนเย่ (Beignet) หรือโดนัทโฮมเมดสไตล์ฝรั่งเศสสอดไส้เมล็ดมัสตาร์ดและฮอร์สแรดิชรสเผ็ดซ่าทอปด้วยบีตรูตพูเร่ รสจัดจ้านแต่สดชื่นเรียกความอยากอาหาร แนะนำให้จับคู่กับไวน์หรือเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอลล์เพื่อความเพลิดเพลินยิ่งขึ้น คอร์สแรก Bronze Fennel หอยนางรม Ostra Regal ที่มีความครีมมีเคียงมากับถั่วชิกพี ทอปด้วยบรอนซ์แฟนเนลที่ให้กลิ่นและรสหวานปนเย็นซ่านิดๆ ขับให้โดดเด่น ตามด้วย Tarragon ลิ้มรสความหวานกรอบของหน่อไม้ฝรั่งต้นอวบ ตัดด้วยรสเปรี้ยวหอมซิตรัสของส้มคัมควอต เพิ่มความสดชื่นด้วยทาร์รากอนซอร์เบต์ ตามด้วยขนมปังอบใหม่เสิร์ฟกับเนยผสมน้ำมันเซจ จานถัดมา Kaffir Lime จับคู่เนื้อปูม้ากับซอสเห็ดมอเรล ผสานความอร่อยจากผืนป่าและท้องทะเลด้วยน้ำมันมะกรูดดึงความสดชื่น ตามด้วย Bear Garlic พืชป่าตระกูลเดียวกับกระเทียมและหอมที่หมีมักกินหลังออกจากฤดูจำศีลเพื่อกระตุ้นระบบย่อยอาหาร นำมาทำเป็นพาสตากระเทียมที่รสชัดแต่ไม่แรงให้กลิ่นหอมอ่อนๆ คอร์สต่อมา Basil เนื้อหมึกฝานเป็นเส้นเล็กๆ เข้ากับถั่วกรีนพีที่หวานและกรอบ ราดซอสที่ชวนสดชื่นจากกลิ่นโหระพา และ Wasabi ปลาพ็อลล็อกเนื้อนุ่มสอดแทรกกลิ่นรสเผ็ดซ่าของวาซาบิ เสิร์ฟเคียงกับจานหน่อไม้ฝรั่งขาวในโฟมครีมรสละมุน จานหลัก Seaweed เนื้อแกะย่างนุ่มและหอมไร้กลิ่นคาว จับคู่อย่างน่าสนใจกับสาหร่ายและไข่หอยเม่นที่ให้รสเค็มอ่อนๆ ของทะเลและรสหวานอูมามิ มากับจานเคียงมันบดเนื้อเนียนและเนื้อแกะตุ๋นจนนุ่มละลายในปาก ตามธรรมเนียมฝรั่งเศสต้องคั่นด้วยจานชีส ซึ่งเสิร์ฟเป็น Fleurs de Lacs ชีสเนื้อครีมมีเข้มข้นที่หอมอบอวลด้วยกลิ่นดอกไม้นานาพรรณ เสิร์ฟกับโทสต์ซาวร์โดฟรุตเบรดและเจลลีใบมะเดื่อดอง ก่อนเข้าสู่ Trou Normand ของหวานเคลียร์พาเล็ตต์ที่อินสไปร์จากวัฒนธรรมการดื่มคาลวาโดส (Calvados เหล้าแอปเปิล) ของแคว้นนอร์มังดี แอปเปิลซอร์เบต์และเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ ทอปด้วยไลม์ฟิงเกอร์ ตามด้วย Verbena ของหวานจากสมุนไพรที่ให้กลิ่นเลมอนชวนสดชื่น ทอปด้วยเจลลีทำจากเหล้ามักกอลลีของเกาหลีรสละมุน เสิร์ฟกับซอร์เบต์มะนาวและไบไทม์ อร่อยและรีเฟรชมาก ก่อนปิดท้วยด้วย Petit Fours “ทาร์ตเบียร์” ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินวาฟเฟิลกับเบียร์แบบเบลเยียมที่เชฟชื่นชอบ ให้รสเบียร์เข้มข้นทั้งหอมและขมดึงดูดใจ Duet by David Toutain Spring Menu รวมความสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิมาไว้ในจานอาหารอย่างน่าประทับใจ ชวนให้เพลิดเพลินไปกับการจับคู่วัตถุดิบอันแตกต่างเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จนถึงศิลปะในการจัดจานที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจทุกรายละเอียด มาสัมผัสรสชาติอันลึกล้ำของวัตถุดิบในฤดูใบไม้ผลิกันได้ตั้งแต่วันนี้

ฟู้ดดี้คนไหนกำลังรอ “เมนูใหม่” จาก Ma Maison ร้านอาหารไทยโฮมคุกตำรับคุณหญิงสิน เศรษฐบุตร ภรรยาสุดที่รักของนายเลิศ คงได้สมหวังแล้วคราวนี้ เพราะเขาเพิ่งเปิดตัวจานอร่อยใหม่ๆ มาเอาใจคนรักอาหารไทยและซีฟู้ดโดยเฉพาะ พร้อมเสิร์ฟแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ลิ้มลองแล้วยังได้รื่นรมย์กับสวนสวยรื่นรื่นของบ้านปาร์คนายเลิศอีกด้วย เมนูแรกคือ จุ๋ยก้วย แป้งข้างจ้าวรูปถ้วยเนื้อนุ่มเด้ง กินกับไชโป๊ผัดรสเค็มปนหวาน ราดด้วยน้ำจิ้มสูตรลับรสเผ็ดเล็กน้อย ต่อด้วย ยำยอดมะระหวานกุ้งสด ยอดมะระกรุบกรอบ คลุกเคล้ากับกุ้งเนื้อเด้งและน้ำยำรสเปรี้ยวเผ้ดจี๊ดจ๊าด หลนเนื้อปูก้อน ก็น่าสนใจ หลนรสหวานนุ่มนวล เสริมความอร่อยด้วยเนื้อปูก้อนโตๆ และไข่ปูครีมมี กินกับผักสดนานาพันธุ์ แกงเทโพปลาสละแดดเดียว เปลี่ยนจากเนื้อหมูนุ่มนิ่ม มาเป็นปลาสละแดดเดียวรสเค็มกลมกล่อมก็เข้าม่าไม่แพ้กัน ตามด้วย กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่น่าอร่อย สีเหลืองทองเนื้อฉ่ำใน ได้รสเค็มเล็กๆ ของเกลือป่น เติมความเผ็ดร้อนด้วยพริกไทย ยังอยู่กันที่เมนูซีฟู้ดอย่าง ปลาหมึกผัดกะปิกระเทียมโทน ปลาหมึกเนื้อหนึบชิ้นใหญ่ๆ มิ๊กซ์กับกะปิรสนัวจากคลองโคน เสริมรสหวานละมุนด้วยกระเทียมโทน   ปิดท้ายด้วย ส้มฉุน  ของหวานคลายร้อนสไตล์ไทยๆ ที่กินได้ทุกฤดูกาล รสหวานของน้ำเชื่อมส้มซ่า เข้ากันได้ดีกับผลไม้ต่างๆ อย่าง ส้ม ลิ้นจี่ สละ และทับทิม   เป็นอีกหนึ่งร้านที่มาแล้วไม่เคยผิดหวัง

Tag:

ครั้งแรกในไทยกับแบรนด์ช็อกโกแลตที่นักชิมทั่วโลกต่างชื่นชม เมื่อ Läderach (แล เดอ รัค) แบรนด์ช็อกโกแลตระดับพรีเมียมจากสวิตเซอร์แลนด์ ได้ฤกษ์เปิดสาขาแรกในประเทศไทย ณ ศูนย์การค้า เอ็มควอเทียร์ ใจกลางกรุงเทพฯ โดยการนำเข้าของ Gill Capital กลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่อยู่เบื้องหลังแบรนด์ไลฟ์สไตล์ระดับโลกมากมายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเปิดตัวในครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการขยายตลาดของแบรนด์ Läderach ในเอเชีย แต่ยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้บริโภคชาวไทยที่จะได้สัมผัสกับ ช็อกโกแลตแฮนด์คราฟต์คุณภาพเยี่ยม ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด ตั้งแต่การคัดสรรเมล็ดโกโก้ชั้นเลิศจากแหล่งต่าง ๆ ทั่วโลก จนถึงการใช้วัตถุดิบสดใหม่จากสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งแบรนด์ให้ความสำคัญทั้งเรื่องคุณภาพและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคมในทุกกระบวนการผลิต เมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ FrischSchoggi (ฟริช-ช็อกกี้) หรือ "ช็อกโกแลตสด" ช็อกโกแลตแผ่นทำมือที่ใช้ถั่วและผลไม้พรีเมียมผสมผสานกับช็อกโกแลตสวิสคุณภาพสูง ที่มาพร้อมกับช็อกโกแลตประเภทต่าง ๆ เช่น พราลีน ทรัฟเฟิล และขนมที่เคลือบช็อกโกแลต เหมาะสำหรับมอบเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษ คุณ Philippe Lassaux CEO ของ Gill Capital Thailand & Cambodia กล่าวว่า การเปิดร้าน Läderach สาขาแรกในไทยครั้งนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นของแผนการขยายธุรกิจตลอดปี 2568 เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคชาวไทยที่มองหาช็อกโกแลตคุณภาพระดับสากล “เอ็มควอเทียร์เป็นศูนย์การค้าที่สะท้อนไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีรสนิยมได้อย่างลงตัว จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดในการเปิดตัวแบรนด์ Läderach สู่เมืองไทย” แวะมาสัมผัสช็อกโกแลตสวิสระดับพรีเมียมที่ Läderach สาขาแรกในไทยที่ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียร์กันได้แล้วตั้งแต่วันนี้

ใครกำลังมองหาร้านอร่อยบรรยากาศแสนสบายนาทีนี้ไม่มีที่ไหนจะเหมาะไปกว่า “Shelly House” ร้านบรันช์สไตล์ออสเตรเลียเปิดใหม่แห่งซอยสาทร 2 ตัวร้านเรียกได้ว่าถอดแบบมาจากบ้านที่ตั้งอยู่บนชายหาด Shelly Beach หนึ่งในหาดชวัญใจนักท่องเที่ยวประจำเมืองซิดนีย์อย่างไรอย่างนั้น บ้านสีขาวที่ล้อมล้อมด้วยกระจกใส ที่ภายในสาดส่องด้วยแสงธรรมชาติ เข้ากันดีกับโทนสีน้ำเงินคราม และเขียว ที่สื่อถึงคลื่นทะเลซู่ๆ และต้นไม้น้อยใหญ่ที่ขึ้นอยู่รอบริมชายหาด พร้อมเสิร์ฟมื้อสาย All Day Dining สไตล์ออสเตรเลียที่ชูเรื่องคุณภาพของวัตถุดิบ ไม่เน้นการปรุงแต่งมากนัก มีทั้งเมนูคลาสสิกคุ้นเคย ได้แก่ แซนด์วิชหน้าเปิด สเปาเก็ตตี้ เบอร์เกอร์ สมูตตี้โบวล์ หรือจะเป็นจานอร่อยแบบฉบับเมดิเตอร์เรเนียน ที่เสริมเรื่องความหลากหลายให้ฟู้ดดี้ชาวต่างชาติอย่าง ฮัมมูส ชักชูก้า มูซาก้า ฟาลาเฟล และสลัดต่างๆ นอกจากนี้ยังมีขนมอบโฮมเมด กาแฟ และสมูตตี้เพื่อคนรักสุขภาพอีกด้วย จานแรกเป็น Kale Salad สลัดผักเคลชามใหญ่ที่ประกอบด้วยผักเคลสด กรุบกรอบ ผักเคลย่าง ฟักทองบัตเตอร์นัตหอมมัน ลูกฟิก รสหวาน ราดน้ำสลัดโยเกิร์ตรสครีมมี ผสมผักชีลาวหอมๆ ตามด้วย Shakshuka อาหารเช้าสไตล์แอฟริกัน ที่โดดเด่นด้วยไข่ดาวอิ่มเอม ซอสมะเขือเทศโฮมเมดรสเปรี้ยวกลมกล่อม ตัดเลี่ยนด้วยเครื่องเทศต่างๆ และพริกปาปริกา ไปต่อกับอาหารเช้าสไตล์เมดิเตอเรนเนียนอย่าง Crispy Turkish Eggs ไข่ดาวสไตล์ตุรกี เข้ากันดีกับโยเกิร์ตรสเข้มข้น ผสมน้ำมันกระเทียมและเนย เพิ่มความเผ็ดร้อนสักนิดด้วยพริกอาเลปโป กินคู่แฟลตเบรดโฮมเมดพองๆ หรือจะลอง Beetroot บีตรูตสีแดงสวย ดองในน้ำมันมะกอกชั้นดี ท็อปด้วยปูเนื้อหวาน คนรักเส้นต้องเลิฟ Linguine with Clams and Fresh Herbs เส้นลิงกวินีเหนียวนุ่ม ผัดพร้อมหอยกาบตัวอ้วน เนื้อหวาน โรยด้วยสมุนไพรหอมๆ เด็กอ้วนถูกใจ Bacon & Egg Roll เบอร์เกอร์ชิ้นโตๆ น่าอร่อยที่ให้คุณเอ็นจอยกับขนมปังบันโฮมเมดเนื้อนุ่มปู ประกบเบคอนเนื้อนุ่มฉ่ำในที่เรารัก เบคอนทอดกรอบ ไข่คน ผักสด ราดด้วยซอสศรีราชาและมายองเนสรสกระเทียม หนึ่งในเมนูขายดี Grill Fish Fillet, Butter Tomato Dashi, Mushrooms ปลากระพงย่างเนื้อฉ่ำ หนังกรอบเกรียม ล้อมรอบด้วยซุปดาชิรสกลมกล่อม ที่ทำมาจากเห็ดและมะเขือเทศ ของหวานเราเลือกเป็น Sticky Date Pudding พุดดิ้งอินทผาลัมเนื้อแน่นรสหวาน เสิร์ฟมาอุ่นๆ กินคู่ไอศกรีมวานิลลาโฮมเมดรสหอมมัน ฟินเกินคำบรรยาย จิบคู่ Summer Berries สมูตตี้สีแดงรสเปรี้ยวอมหวานที่เป็นการรวมตัวกันของผลไม้ตระกูลเบอร์รี แตงโม และส้ม ปิดท้ายด้วย Pina Colada รสหวานละมุน หอมกรุ่นนุ่มนวลของน้ำสับปะรดและนมมะพร้าว มากประโยชน์ เหมือนได้นั่งชิลกินของอร่อยในบ้านตากอากาศเลย

หลังจากส่ง Baan Dalaa by Angkana มาเป็นขวัญใจสายฟู้ดเป็นที่เรียบร้อย ตอนนี้เชฟแอนนี่ - อังคณา​ ก็สานต่อความอร่อยบทใหม่ที่เอาใจคนรักอาหารใต้เช่นเคย เพิ่มเติมคือรสเผ็ดจัดจ้านสมคำล่ำลือว่านี่คืออาหารใต้ตำรับเกาะพะงันแท้ๆ กับ ครัวลูกสาวใต้ บายอังคณา ร้านอาหารใต้ป้ายแดงใหม่เอี่ยมของเชฟแอนนี่ ที่เสิร์ฟอาหารคอมฟอร์ดฟู้ดสไตล์ดินแดนใต้ กินง่ายๆ ในแบบฉบับแกงราดข้าว แน่นอนว่าวัตถุดิบส่วนใหญ่ยังคงลำเลียงมาจากเกาะพะงัน เน้นรสชาติร้อนแรงตามแบบฉบับลูกสาวชาวใต้ พร้อมให้คุณลิ้มลองแล้วได้ที่ เซ็นทรัล ศาลายา (บริเวณชั้น 1) จานแรกเป็น หมูคลุกโคลน เมนูกินง่ายๆ ที่ใครชิมต่างก็ชอบ หมูสามชั้นโดนใจเด็กอ้วน คลุกเคล้ากับกะปิรสเค็มนัวจากตำบล คลองโคน ตามด้วย สะตอผัดกุ้งและหมู สะตอแสนอร่อยที่คนรักอาหารไทยเลิฟ มิ๊กซ์กับกุ้งเนื้อเด้งจากแดนใต้ หมูสับ เพิ่มรสเค็มและเผ็ดได้ที่ด้วยกะปิอย่างดี และพริกแกงตำเอง ติดใจจริงๆ กับ แกงไก่กล้วยดิบ ที่เชฟแอนเลือกใช้เป็นกล้วยน้ำว้าเนื้อแน่น เข้ากันดีกับไก่เนื้อนุ่มและน้ำซุปรสครีมมี มีความหวานปลายลิ้นเล็กๆ คั่วกลิ้ง หนึ่งในเมนูขายดีตลอดการ หมูสับเนื้อแน่นนุ่ม มิ๊กซ์กับพริกแกงใต้สูตรเด็ดของเชฟแอน อร่อยจัดจ้าน แกงส้มปลาทูสดมะละกอ แกงส้มใต้รสจัดจ้าน ที่เติมความอร่อยด้วยมะละกอ และปลาทูสดตัวใหญ่บิ๊กเบิ้ม แก้เผ็ดด้วย ไข่พะโล้ จานอร่อยคอมฟอร์ดฟู้ดของสายฟู้ดหลายคน เพราะรสหวานละมุน บวกกับเนื้อหมูที่ตุ๋นจนเนื้อเปื่อยนุ่ม ยังไม่อิ่มสั่ง ปลาทูทอด ที่ทางร้านใช้เป็นปลาทูสดเนื้อเด้งจากเกาะพะงัน ทาด้วยขมิ้นเพื่อดับกลิ่นคาวและเสริมความหอม ปิดท้ายด้วย ไก่ก้อนทอด ไก่ก้อนลูกกำลังกินเนื้อฉ่ำใน รสเค็มเล็กๆ กินกี่ชิ้นก็เพลิน รสชาติดีติดไปหมดทุกอย่าง

ได้คะแนนเต็มจากคนรักติ่มซำไปแบบล้นพ้นจริงๆ สำหรับ Dim Sum Afternoon Tea ชุดน้ำชายามบ่ายติ่มซำแสนอร่อยจาก HEI YIN ร้านอาหารจีนกวางตุ้งขนานแท้ ณ Gaysorn Village ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากจีนกวางตุ้งโบราณ ซึ่งถือกำเนิดมาจากเมืองกวางโจวที่อุดมสมบูรณ์ด้วยแหล่งวัตถุดิบชั้นเลิศอย่าง ซีฟู้ด และผัก-ผลไม้ตามฤดูกาล ผู้นำความอร่อยคือเชฟแจ็คกี้ ชาน เชฟชาวฮ่องกงเจ้าของประสบการณ์การทำอาหารกว่า 40 ปี พร้อมให้คุณดื่มด่ำกับชุดน้ำชายามบ่ายที่ประกอบด้วยติ่มซำโฮมเมด (ทั้งคาวและหวาน) เสิร์ฟพร้อมชาจีนพรีเมี่ยม 8 ชนิด หรือจะเปลี่ยนเป็นค็อกเทลหรือม็อกเทลตามฤดูกาลก็อร่อยไม่แพ้กัน  ขอเริ่มจาก ซุปเกี๊ยวเซี้ยงไฮ้กุ้งหมูกังป๋วย เกี๊ยวตัวอ้วนแป้งบางกริบ สอดไส้หมูและกุ้งเนื้อเด้ง อยู่ในน้ำแกงกังป๋วยรสนุ่มนวลกินเพลิน ตามด้วย ถ้วยทองฟรุ๊ตสลัด แป้งปอเปี๊ยะสีเหลืองทองกรุบกรอบ เข้ากับดีกับสลัดผลไม้รสครีมมีสดชื่น ท็อปด้วยกุ้งตัวโต เผือกทอดทะเล ที่ทำเป็นรูปหงษ์สีขาวสง่างาม เผือกเนื้อแน่นเนียน ผสมกับซีฟู้ดสดเด้ง ราดน้ำจิ้มบ๊วยรสหวานเข้ากัน เราชอบ พายทุเรียน มากมาย แป้งพัฟเพสทรีสีชมพู สอดไส้ทุเรียนกวนโฮมเมดรสหวาน กลิ่นหอม ใครได้ลองเป็นอันติดใจ ซาลาเปาลูกเกดแอปเปิ้ล รูปลูกท้อน่าลิ้มลองเป็นที่สุด ซาลาเปาแป้งนิ่ม เข้ากันดีกับรสเปรี้ยวอมหวานของแอปเปิ้ลและลูกเกด คนรักติ่มซำถูกใจ สาหร่ายม้วน ติ่มซำลูกใหญ่ที่ทำจากกุ้งเนื้อแน่น เข้าคู่ปลาเก๋าเนื้อสด ปิดท้ายด้วย ฮะเก๋าปลาทองนำโชค ฮะเก๋ารูปปลาทองตัวอ้วน น่ารักน่ากิน ไส้กุ้งข้างในทั้งนิ่มทั้งเด้ง จิบคู่ชาจีนพรเมี่ยม 8 ชนิดที่ครั้งนี้เราเลือกเป็น ชาทิกวนอิม รสนุ่มนวลจิบง่าย หอมกลิ่นดอกไม้ปลายลิ้น หรือสายดื่มจะเลือกเป็นค็อกเทลหรือม็อกเทลก็ย่อมได้