รวม 10 สูตรขนมไทย ทำกินเองก็ดี ทำขายก็เลิศ

วันที่ 16 มิถุนายน 2563  13,703 Views

คราวที่แล้ว G&C แจกสูตรขนมไทยสีสดใสเพลินตา (กระแสดีเกินคาด) ครั้งนี้กลับมาพร้อมขนมไทยรสชาติดีๆ เช่นเคย ถึงแม้สีสันไม่สวยเท่าแต่อร่อยแน่นอน จะทำกินเองหรือทำขายก็เป็นไอเดียที่ดีนะ

1. ขนมกล้วย
ขนมที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กๆ ใช้กล้วยน้ำว้าที่สุกงอมจัดมาขูดเนื้อ ผสมแป้ง กะทิ และน้ำตาล ตักใส่พิมพ์สวยๆ แล้วนึ่งให้สุก โรยหน้าหรือกินคู่กับมะพร้าวทึนทึกขูด ยิ่งกินร้อนๆ ด้วยแล้วยิ่งอร่อยเลย

ส่วนผสม (สำหรับ 4-6 ที่)

  • กล้วยน้ำว้าสุกงอมขูด 2 3/4  ถ้วย
  • แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
  • แป้งเท้ายายม่อม 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
  • มะพร้าวขูดขาว 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น 1 ช้อนชา
  • มะพร้าวทึนทึกขูดโรยหน้าตามชอบ

วิธีทำ

  • ใช้ช้อนขูดกล้วย ถ้ายังเหลือเป็นชิ้นอยู่ใช้มีดสับให้เละ
  • ละลายแป้งเท้ายายม่อมในหัวกะทิ ผสมกับแป้งข้าวเจ้าใส่ในกล้วยที่ขูดไว้ ใส่น้ำตาล เกลือ มะพร้าวขูดขาว ใช้มือขยำให้เข้ากัน
  • ตักใส่พิมพ์ นึ่งจนสุกประมาณ 15 นาที ยกลง พักให้เย็น แกะออกจากพิมพ์
  • เสิร์ฟพร้อมมะพร้าวทึนทึกขูด

2. ข้าวฟ่างเปียก
เพิ่มความพิเศษให้ข้าวฟ่างโดยการนำไปเปียก หอมกลิ่นใบเตย หวานมันจากกะทิ กินไม่อร่อยก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว

ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่)

  • ข้าวฟ่าง 1 ถ้วย
  • น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/4 ถ้วย
  • ใบเตย 2-3 ใบ
  • น้ำเปล่า  ประมาณ 2 1/2 ถ้วย
  • แป้งเท้ายายม่อม 1-2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
  • ลูกชิดปริมาณตามชอบ

ส่วนผสมหน้ากะทิ

  • หัวกะทิ 1 ถ้วย
  • เกลือ 1/4 ช้อนชา
  • ใบเตย 1-2 ใบ
  • แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  • ล้างข้าวฟ่าง 2-3 ครั้งให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  • ต้มน้ำ 2 1/2 ถ้วยจนเดือด ใส่ใบเตย ใส่ข้าวฟ่างลงต้มจนบาน ใส่น้ำใบเตยคั้น ละลายแป้งเท้ายายม่อมกับน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในข้าวฟ่าง คนให้ข้น ปิดไฟ
  • ทำกะทิราดหน้าโดยต้มหัวกะทิใส่เกลือและใบเตยด้วยไฟอ่อนให้พอเดือด ใส่แป้งข้าวเจ้าผสมน้ำเพื่อให้ข้น ชิมรสให้ออกเค็ม ยกลง
  • ตักข้าวฟ่างใส่ถ้วย ใส่ลูกชิด ราดหน้าด้วยกะทิ

3. สาคูต้มน้ำอ้อย
สาคูหนับหนับที่ว่าฟินแล้ว เพิ่มความหอมหวานละมุนด้วยการต้มกับน้ำอ้อย กินแล้วยิ่งฟินกว่าเดิม (แถมทำไม่ยากด้วยนะ)

ส่วนผสม (สำหรับ 2-4 ที่)

  • สาคู 1/2 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 2 ถ้วย
  • น้ำอ้อยคั้นสด 2 ถ้วย
  • ลูกชิดปริมาณตามชอบ

วิธีทำ

  • ต้มสาคูในน้ำเดือดจนสุกและใส
  • ต้มน้ำอ้อยให้พอร้อน ตักสาคูใส่ ใส่ลูกชิด ต้มต่อสักครู่ ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย ตกแต่งด้วยดอกมะลิให้สวยงาม

4. ขนมตระกูลทอง
ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง เม็ดขนุน ของหวานชาววังที่มีความหมายมงคล มีส่วนผสมวิธีทำที่คล้ายกันคือไข่แดงไข่เป็ดและต้มในน้ำเชื่อม

ทองหยิบ (Sweet Flower Shaped Egg Yolks)

ส่วนผสม

  • ไข่แดงไข่เป็ด 10 ฟอง

ส่วนผสมน้ำเชื่อม

  • น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 4 ถ้วย

ส่วนผสมน้ำเชื่อมใส

  • น้ำตาลทราย  5 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วย

 วิธีทำ 

  • เตรียมน้ำเชื่อมใสโดยผสมน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิเข้าด้วยกัน ตั้งไฟจนน้ำตาลละลายดี พักไว้ให้เย็น
  • เตรียมน้ำเชื่อมโดยต้มน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิในกระทะทองเหลืองตั้งไฟอ่อนๆ รอจนน้ำเชื่อมข้น
  • ตีไข่แดงจนฟูในชามผสม
  • ปิดไฟที่ตั้งกระทะทองเหลืองรอจนน้ำเชื่อมนิ่งสนิท ใช้ช้อนตักไข่แดงที่ตีไว้หยอดลงในน้ำเชื่อมเปิดไฟอ่อนๆ พลิกแผ่นไข่ ต้มให้สุก ตักวางในน้ำเชื่อมใสจนหายร้อน
  • หยิบขนมที่สุกแล้วให้ได้3 กลีบวางลงในพิมพ์ถ้วยตะไลแล้วรอจนขนมอยู่ตัว
  • ทองหยอด (Sweet Egg Yolk Drops)

ส่วนผสม

  • ไข่แดงไข่เป็ด 10 ฟอง
  • แป้งทองหยอด 1/3 ถ้วย

ส่วนผสมน้ำเชื่อม

  • น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 4 ถ้วย

ส่วนผสมน้ำเชื่อมใส

  • น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วย

วิธีทำ

  • เตรียมน้ำเชื่อมใสโดยผสมน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิเข้าด้วยกัน ตั้งไฟจนน้ำตาลละลายดี พักไว้ให้เย็น
  • เตรียมน้ำเชื่อมโดยต้มน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิในกระทะทองเหลืองตั้งไฟอ่อนๆ จนน้ำเชื่อมข้นเดือดเป็นฟอง
  • ตีไข่แดงจนฟูในชามผสมเติมแป้งทองหยอด คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้ช้อนตักส่วนผสมไข่แดงหยอดลงในน้ำเชื่อม เมื่อสุกดีช้อนขึ้นมาแช่ในน้ำเชื่อมใส พักไว้ให้เย็น ตักขึ้นจัดใส่จานเสิร์ฟ               
  • Note : แป้งทองหยอดเป็นแป้งสำเร็จ มีขายที่ร้านขายวัตถุดิบสำหรับทำขนมไทย มีส่วนผสมหลักคือแป้งข้าวเจ้า นำมาร่อนและอบควันเทียน แต่ละตำรับแตกต่างกัน เลือกใช้ได้ตามชอบ

ฝอยทอง (Sweet Egg Yolk Threads)
ส่วนผสม

  • ไข่แดงไข่เป็ด 10 ฟอง
  • ไข่น้ำค้าง 3 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมน้ำเชื่อมฝอยทอง

  • น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 4 ถ้วย

ส่วนผสมน้ำเชื่อมใส

  • น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วย

วิธีทำ

  • เตรียมน้ำเชื่อมใสโดยผสมน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิเข้าด้วยกัน ตั้งไฟจนน้ำตาลละลายดี พักไว้ให้เย็น
  • เตรียมน้ำเชื่อมฝอยทองโดยต้มน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิในกระทะทองเหลืองตั้งไฟอ่อนๆ รอจนมีฟองเดือดและน้ำเชื่อมข้นเล็กน้อย
  • คนไข่แดงในชามผสมแล้วกรองผ่านผ้าขาวบาง นำมาผสมเข้ากับไข่น้ำค้าง
  • กรอกส่วนผสมไข่ลงในกรวยฝอยทอง หมุนกรวยเป็นวงเหนือน้ำเชื่อมที่เดือดอ่อนๆ จนได้ฝอยทองปริมาณที่ต้องการ
  • ต้มต่อจนไข่สุก ตักฝอยทองขึ้นจากน้ำเชื่อม จุ่มลงในน้ำเชื่อมใส พักให้สะเด็ดน้ำเชื่อมสักครู่ พับฝอยทองให้เป็นแพ หรือม้วนเป็นชิ้นพอดีคำ
  • Note : ไข่น้ำค้างคือไข่ขาวที่ค้างอยู่ที่เปลือก ทำให้ฝอยทองมีเส้นนุ่มเหนียว

เม็ดขนุน (Sweet Mock Jackfruit Seeds)
ส่วนผสม

  • ถั่วเขียวเราะเปลือก  1 1/2ถ้วย
  • น้ำตาลทราย1/2ถ้วยและ 1 ช้อนโต๊ะ
  • กะทิ 1 ถ้วย
  • ไข่แดงไข่เป็ด 8 ฟอง

ส่วนผสมน้ำเชื่อม

  • น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 4 ถ้วย

ส่วนผสมน้ำเชื่อมใส

  • น้ำตาลทราย 5 ถ้วย
  • น้ำลอยดอกมะลิ 6 ถ้วย

วิธีทำ

  • เตรียมน้ำเชื่อมใสโดยผสมน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิเข้าด้วยกัน ตั้งไฟจนน้ำตาลละลายดี พักไว้ให้เย็น
  • เตรียมน้ำเชื่อมโดยต้มน้ำตาลกับน้ำลอยดอกมะลิในกระทะทองเหลืองตั้งไฟอ่อนๆรอจนน้ำเชื่อมข้น
  • บดถั่วเขียวนึ่งสุกจนละเอียด ผสมกับน้ำตาลและกะทิกลาง นำส่วนผสมที่ได้ตั้งไฟกลางกวนจนส่วนผสมข้นสามารถปั้นได้ พักไว้จนเย็นลง
  • ปั้นไส้ถั่วกวนเป็นรูปทรงเม็ดขนุน
  • คนไข่แดงในชามผสมให้เข้ากันดีแล้วกรองผ่านผ้าขาวบาง
  • ปิดไฟหม้อน้ำเชื่อม รอจนน้ำเชื่อมนิ่งสนิท
  • ชุบถั่วกวนที่ปั้นไว้ลงในไข่แดงแล้วใส่ลงในน้ำเชื่อม เปิดไฟอ่อนต้มจนสุก เมื่อไข่สุกดีแล้วตักขึ้น หากไม่ชอบขนมที่หวานจัดให้นำไปแช่ในน้ำเชื่อมใสสักครู่ แล้วตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำเชื่อม

5. สังขยาใบเตย
ของโปรดของหลายๆ คนเลยนะ สังขยาใบเตยเนี่ย จิ้มขนมปังนุ่มๆ หรือกินเปล่าๆ ก็แฮปปี้

ส่วนผสม (สำหรับ 4-6 ที่)

  • กะทิ 3 ถ้วย
  • ไข่แดง 1 ฟอง
  • ไข่ทั้งฟอง 2 ฟอง
  • น้ำตาลปี๊บ 1/2  ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/4  ถ้วย
  • น้ำใบเตยคั้น 1/4 ถ้วย
  • แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งข้าวโพด  2 ช้อนโต๊ะ
  • ใบเตยสำหรับขยำ 5-6 ใบ
  • ขนมปังแผ่นชนิดหนานุ่ม

วิธีทำ

  • ผสมไข่แดง ไข่ทั้งฟอง น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย แป้ง 2 ชนิด (ละลายน้ำเล็กน้อย) ขยำกับใบเตยจนใบเตยละเอียด เทใส่กะทิ กรองด้วยผ้าขาวบาง ใส่น้ำใบเตยคั้นให้มีสีเขียวสวย
  • เทใส่หม้อตั้งบนเตา ใช้ไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน คนด้วยตะกร้อมือ (ต้องคนตลอดเวลา) นานประมาณ 20 นาทีจนข้น (ถ้ายังไม่ข้นลดไฟลงและคนต่อจนข้น ระวังไหม้)
  • ทาบนขนมปังตามชอบ

6. ขนมทอง
ขนมทองหรือที่รู้จักกันในชื่อ “ขนมวง” มีรูตรงกลางคล้ายโดนัทของฝรั่ง เดี๋ยวนี้หากินยาก (มากๆ ) แล้ว แต่ไม่เป็นไรเราลองมาลงมือทำกันเลย (ไม่ยากอย่างที่คิดนะ)

ส่วนผสม

  • แป้งข้าวเหนียว 250 กรัม
  • กะทิกล่อง 450 มิลลิลิตร (น้ำลอยดอกมะลิก็ได้)
  • เผือกและฟักทองนึ่งแล้วบด 175 กรัม (ไม่ใส่ก็ได้)       
  • น้ำตาลโตนด น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลปึกแล้วแต่ชอบ
  • งาขาวและงาดำตามชอบ

วิธีทำ

  • นวดแป้งข้าวเหนียวกับกะทิหรือน้ำจนปั้นได้ ถ้าจะใส่เผือกและฟักทองนึ่งให้ใส่รวมไปในขั้นตอนนี้ ค่อยๆใส่กะทิหรือน้ำเพิ่ม นวดจนแป้งไม่ติดมือ เมื่อคลึงแล้วแป้งไม่แตก
  • คลึงแป้งเป็นเส้นแล้วจับเป็นวง ทำจนหมด
  • ใส่น้ำมันในกระทะพอให้ท่วมชิ้นขนมโดยใช้ไฟปานกลาง
  • พอน้ำมันร้อนใส่ขนมลงทอด (อย่าให้ขนมซ้อนกัน) ทอดจนเป็นสีเหลืองทอง พักไว้บนตะแกรง
  • ใส่น้ำตาลลงในกระทะ ปล่อยให้น้ำตาลละลายเองจนหมดไม่ต้องคน
  • หยิบขนมลงจุ่มในน้ำตาล (จุ่มด้านเดียว ) ชุบงาขาว งาดำ ตามชอบ จัดใส่จานทานร้อนๆ ถ้าวางทิ้งไว้จนเย็นขนมจะหดตัว ไม่กรอบและเหนียว

7. บัวลอยไส้ไข่เค็มทรงเครื่อง
ถือเป็นขนมไทยประจำของหลายๆ บ้านเลยทีเดียวสำหรับ “บัวลอย” แต่สูตรนี้พิเศษหน่อยเพิ่มไข่เค็มที่รัก เผือกนึ่ง มะพร้าวอ่อน และเมล็ดข้าวโพดต้ม เข้าไปด้วย

ส่วนผสม

  • แป้งข้าวเหนียว 3 ถ้วย
  • ฟักทองนึ่ง 1 ถ้วย
  • น้ำใบเตย 3/4 ถ้วย
  • ไข่แดงเค็ม 10 ฟอง
  • กะทิ 1 1/2 ถ้วย
  • หางกะทิ 3/4 ถ้วย
  • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
  • น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
  • น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วย
  • ใบเตย 4 ใบ      
  • เนื้อมะพร้าวอ่อน เมล็ดข้าวโพดนึ่ง และเผือกนึ่งสุกตามชอบ

วิธีทำ

  • แบ่งแป้งข้าวเหนียวเป็น 3 ส่วน ส่วนที่ 1 นวดกับฟักทองนึ่ง ส่วนที่ 2 นวดกับน้ำใบเตย ส่วนที่ 3 นวดกับหางกะทิ
  • หั่นไข่แดงเค็มเป็นชิ้นเล็ก 1 ฟอง 16 ชิ้น (ใช้ 5 ฟอง) พักไว้ นำแป้งบัวลอยแต่ละสีมาห่อไข่เค็มให้เป็นลูกกลม ทำจนแป้งหมด
  • ตั้งหม้อน้ำให้เดือด ใส่เม็ดบัวลอยที่ปั้นแล้วลงต้มให้สุกลอย ตักขึ้น พักไว้
  • ตั้งหม้ออีกใบ ใส่น้ำเปล่า น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และใบเตย ต้มให้น้ำตาลละลายและมีกลิ่นหอม
  • ใส่กะทิ คนให้เข้ากัน พอทุกอย่างร้อนใส่แป้งบัวลอยต้มและไข่แดงเค็ม (ที่เหลือ 5 ฟอง) คนให้ทั่วๆ ยกลง
  • ตักบัวลอยใส่ถ้วยพร้อมน้ำกะทิและไข่แดงเค็ม ใส่เผือกนึ่ง เมล็ดข้าวโพด และเนื้อมะพร้าวอ่อน เสิร์ฟร้อนๆ

8. ข้าวเหนียวเปียกลำไยแห้ง
ข้าวเหนียวลำไยก็เป็นขนมไทยที่เราเคยผ่านตากันมาบ้างอยู่แล้ว แต่สูตรนี้พิเศษหน่อยใส่ลำไยแห้งลงไปด้วย น้ำที่ต้มได้มาใช้เปียกข้าวเหนียว

ส่วนผสม

  • ข้าวเหนียวเขี้ยวงู 1 ถ้วย
  • น้ำลำไย 6+1 ถ้วย
  • ลำไยสดคว้านเม็ด 300 กรัม
  • มะพร้าวอ่อน 2 ผล
  • น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
  • กะทิกล่อง 180 มิลลิลิตร
  • เกลือเล็กน้อย

วิธีทำ

  • เนื่องจากเราจะต้มน้ำลำไยกินอยู่แล้วก็จัดการต้มลำไยแห้งสำหรับทำน้ำลำไย (ขายเป็นแพ็ก แพ็กละ1กิโลกรัม) 1 หม้อใหญ่ แต่อย่าใส่น้ำตาลนะคะ
  • ซาวข้าวเหนียวให้สะอาด เราซาวครั้งเดียว ใส่ตะแกรงพักไว้ให้สะเด็ดน้ำ
  • คว้านเนื้อลำไยสดและตักเนื้อมะพร้าวอ่อนเตรียมไว้ ส่วนน้ำมะพร้าวใส่ลงในหม้อน้ำลำไย ลำไยเป็นผลไม้คว้านง่าย ปอกเปลือก เอาปลายมีดแซะไปรอบๆ ขั้วก็ดันเม็ดออกได้แล้ว)
  • เอาข้าวเหนียวใส่หม้อ ใส่น้ำลำไยต้ม (จืด) รวมเนื้อลำไยลงไป 5 ถ้วยก่อน ต้มไฟกลาง ใช้พายไม้คนเบาๆ อย่าให้ข้าวเหนียวไหม้ติดก้น พอเริ่มข้นลดไฟลง เติมน้ำลำไยลงไปอีก 1 ถ้วย (ปริมาณน้ำลำไยขึ้นอยู่กับความแรงของไฟและความข้นของข้าวเหนียว) คนเบาๆ ถ้าจำเป็นให้เติมอีกครึ่งถ้วยหรือ 1 ถ้วย
  • ต้มจนข้าวเหนียวสุก เริ่มบานนิดๆ ใส่น้ำตาลลงไปครึ่งถ้วยก่อน ชิมดูจะอ่อนหวาน เติมอีก 1/4 ถ้วยที่เหลือ อย่าเติมทั้งหมดทีเดียว บ้านเราจะเหลือติดก้นถ้วยนิดหน่อย
  • ใส่เนื้อลำไยสดและเนื้อมะพร้าวอ่อน เติมดอกเกลือประมาณ 1/4 ช้อนชาพร่องๆ คนให้เข้ากัน ปิดไฟได้
  • ผสมกะทิกล่องกับดอกเกลือ อย่าใส่เกลือเยอนะคะ ค่อยๆ เติมให้ได้รสเค็มปะแล่มๆ (ตอนทำก็ลืมตวง)ใช้ได้เลยนะคะ ไม่ต้องตั้งไฟ

9. สังขยาขนุน

สังขยาไข่ธรรมดาที่ว่าอร่อยแล้ว เพิ่มเนื้อสัมผัสของขนุนเข้าไปยิ่งทำให้อร่อยเป็นทวีคูณ

ส่วนผสม

  • เม็ดขนุน 1/2 ถ้วยตวง
  • ลูกเต๋าเนื้อขนุน 1 1/2 ถ้วยตวง
  • ไข่เป็ด 1 1/2 ถ้วยตวง (ประมาณ 6 ฟอง)
  • ใบเตย 3 ใบ
  • น้ำตาลมะพร้าว ¾
  •  ถ้วยตวง เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • หัวกะทิ 1 ถ้วยตวง

วิธีทำ

  • ต้มเม็ดขนุนโดยใส่เกลือป่นลงไปด้วย ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็แบ่งเม็ดขนุนออกมาปอกเปลือก แล้วหั่นเป็นแผ่นบางๆ ตามด้วยสับหยาบๆ
  • หั่นเนื้อขนุนเป็นลูกเต๋าเล็กๆ ขนาดครึ่งเซนติเมตร
  • ลงมือทำสังขยาด้วยการตอกไข่เป็ด (ประมาณ 6 ฟอง) ใส่ลงในชาม ใช้มือขยำใบเตย ในชามไข่จนเนื้อไข่ไม่เกาะตัวกัน
  • จากนั้นใส่น้ำตาลมะพร้าว เกลือป่น  ช้อนชา หัวกะทิ ใช้มือขยำต่อจนส่วนผสมทั้งหมดกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกัน แล้วนำไปกรองด้วยกระชอน
  • จัดแบ่งเนื้อขนุนและเม็ดขนุนลงในถ้วยกระเบื้องขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เซนติเมตร จำนวน 12 ใบ ให้ได้ปริมาณเท่าๆ กัน แล้วตักส่วนผสมของไข่ใส่ลงไป โดยแบ่งให้เท่าๆ กัน
  • ใช้เวลานึ่ง 20 นาที

10. ข้าวเม่ารางน้ำกะทิ
ข้าวเม่าที่เราพบเจอส่วนใหญ่จะถูกนำไปทอด ไม่ก็เอาไปคลุกมะพร้าวอ่อน แต่คราวนี้ลองมาทำ “ข้าวเม่ารางน้ำกะทิ” อร่อยไม่แพ้กันเลย

ส่วนผสม

  • ข้าวเม่าข้าวเหนียวอย่างดี 250 กรัม
  • ฟักทอง 150 กรัม
  • เผือก 150 กรัม
  • กะทิ 4 ถ้วย
  • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • เทียนอบ
  • น้ำแข็งบุบก้อนเล็กๆ

วิธีทำ

  • คั่วข้าวเม่าด้วยกระทะ ใช้ไฟกลางค่อนข้างแรง คั่วตลอดเวลาจนข้าวเม่าพอง และค่อยๆ เปลี่ยนสี ลดเป็นไฟกลาง คั่วต่อจนกรอบ สีจะเปลี่ยนเป็นสีนวลอ่อนๆ พักไว้ให้เย็น ใส่กล่องปากกว้าง อบควันเทียนไว้
  • ปอกเปลือกฟักทองและเผือก หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ นึ่งในน้ำเดือนไฟแรงจนสุก พักไว้
  • ทำน้ำกะทิโดยเทกะทิใส่หม้อ ใส่น้ำตาลปี๊บ คนให้น้ำตาลละลาย ชิมให้ได้รสหวานตามชอบ ใส่เกลือป่น ตั้งไฟ พอเดือดยกลง คนต่อไปอีกครู่ (เพื่อไม่ให้กะทิจับตัวเป็นลูก) พักไว้ให้เย็น
  • ตักเผือก ฟักทองใส่ถ้วย ราดน้ำกะทิ โรยข้าวเม่าราง ใส่น้ำแข็งบุบ 

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed