ในยุคที่ใคร ๆ ก็หันมาสนใจสุขภาพ พยายามหลีกเลี่ยงน้ำตาลแต่ยังต้องการของหวานอยู่ ที่ Big Mouth Cafe ร้านไอศกรีมโฮมเมด บริเวณหัวมุมปากซอยปรีดี พนมยงค์ 21 นี้ ได้หันมารังสรรค์ไอศกรีมหลากหลายรสชาติขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ของคนยุคนี้อยากกินของหวานแบบไม่ต้องกังวลว่าน้ำตาลจะสูงหรือหุ่นจะเสีย Big Mouth Cafe ให้บรรยากาศที่แสนอบอุ่นราวกับอยู่บ้าน ภายในร้านนั้นดูโปร่งสบายด้วยหน้าต่างกระจกบานใหญ่รอบทาง พร้อมด้วยมุมถ่ายรูปน่ารัก ๆ ทั่วร้าน เปิดแอร์เย็นฉ่ำเหมาะที่จะแวะมาหลบร้อนให้ช่วงบ่ายของวัน ด้วยแนวคิดของการรังสรรค์ไอศกรีมโฮมเมดที่ดีต่อสุขภาพ ที่นี่จึงมีตัวเลือกของไอศกรีมแบบไร้น้ำตาล แบบไขมันต่ำ ไปจนถึงไอศกรีมวีแกน พร้อมเสิร์ฟทั้งแบบกินที่ร้านและถ้วย Takeaway โดยล่าสุดในช่วงเดือนพฤษภาคม ปี 2566 นี้เพิ่งเปิดตัวรสชาติใหม่ทั้งหมด 5 รสชาติให้ได้ลิ้มลอง ได้แก่ Burnt Caramel, Cookies Monster, Coffee Almond, Matcha Matcha และ Vanilla Vanilla ในราคาถ้วยละ 89 บาท สำหรับไอศกรีมแบบสกูปที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนรสชาติมาให้ลิ้มลองกันอย่างไม่รู้เบื่อนั้น มีให้เลือกทั้งแบบถ้วยและแบบโคน โดยแบบถ้วยนั้นมีให้เลือก 2 ขนาดด้วยกัน คือ ถ้วยเล็กขนาด 1 สกูป ราคา 89 บาท และถ้วยใหญ่ขนาด 2 สกูป ราคา 150 บาท ส่วนของไอศกรีมโคน ที่ร้านมีทั้งโคนแบบธรรมดากับแบบชาโคลให้เลือก โดย 1 สกูป อยู่ที่ราคา 119 บาท และ 2 สกูป ราคา 180 บาท เมนูที่พลาดไม่ได้ยังมีอีกเพียบ โดยเฉพาะบรรดาเมนู Big Mouth Secret Bowls ที่ทางร้านได้หยิบเอาไอศกรีมในร้านหลากหลายรสชาติมารังสรรค์ใหม่เพิ่มเติมผลไม้และซูเปอร์ฟู้ดจนออกมาเป็นเมนูเพื่อสุขภาพ เริ่มต้นด้วยเมนูน้องใหม่ล่าสุดของร้านที่มีชื่อว่า Cha Cha Bowl ที่ประกอบไปด้วยไอศกรีมรส Lemon Sherbet และรส Sky Yoghurt เป็นชมพูและสีฟ้าดูน่ารักสดใส ท็อปด้วยเมล็ดเจีย กราโนลา บลูเบอร์รี่ ธัญพืช โกจิเบอร์รี่ และรังผึ้งแท้ XXX Bowl เป็นเมนูโบว์ลเอาใจคนรักเบอร์รี่ โดยในถ้วยจะประกอบไปด้วยไอศกรีมรสมิกซ์เบอร์รี่ รสเสาวรส และรสสตรอว์เบอร์รี่ ส่วนด้านบนนั้นอัดแน่นด้วยเมล็ดเจีย  กราโนลา พร้อมด้วยสตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และโกจิเบอร์รี่เน้น ๆ พร้อมกับเพิ่มความหอมหวานด้วยซอสเนยถั่ว ส่วนใครที่อยากเติมความหวาน ต้องลองเมนู Sweet Tooth Bowl ที่เหมาะจะจับคู่กับไอศกรีมรส Burnt Caramel เป็นที่สุด เพราะถ้วยนี้มีทั้งซอสเนยถั่ว บิสกิต Biscoff  พร้อมด้วยเมล็ดเจีย กราโนลา กล้วย สตรอว์เบอร์รี่ และโกจิเบอร์รี่ รวมแล้วเป็นความหอมหวานที่สุดแสนจะบรรยาย Vegan Bowl เป็นตัวเลือกแบบไร้วัตถุดิบจากสัตว์ ซึ่งใน 1 ถ้วยนี้จะประกอบไปด้วยไอศกรีมมะพร้าวและไอศกรีมมิกซ์เบอร์รี่ โปะด้วยเมล็ดเจีย กราโนลา พร้อมด้วยผลไม้สดอย่างเสตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ และโกจิเบอร์รี่ ตบท้ายด้วยซอสเนยถั่ว Dark Mood Bowl เป็นเมนูที่รังสรรค์ขึ้นมาเพื่อคนรักช็อกโกแลตอย่างแท้จริง เพราะอัดแน่นไปด้วยกราโนลาช็อกโกแลตกับไอศกรีมรสช็อกโกแลตบราวนี่สุดเข้มข้น ที่ขาดไม่ได้คือเมล็ดเจียและกราโนลารสธรรมมชาติ พร้อมด้วยสตรอว์เบอร์รี่กับกล้วย ทวีคูณด้วยซอสช็อกโกแลตและโกโก้นิบส์ปิดท้าย ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ใครก็ชอบการจับคู่ระหว่างเบเกอรีกับไอศกรีม ต้องลอง Big Mouth Triple Three ครัวซองต์สอดไส้ไอศกรีม 3 ลูก หรือไม่ก็ Big Mouth Dokie Dokie ขนมปังแซนด์วิชเนื้อหอมนุ่มสอดไส้ไอศกรีม พร้อมเลือกท็อปปิ้งได้ตามใจชอบ ไม่ใช่แค่ไอศกรีมที่เป็นพระเอกของร้านเท่านั้น ยังมีเครื่องดื่มชา-กาแฟทั้งแบบร้อนและแบบเย็นให้ลิ้มลอง และถ้าไม่อยากออกจากบ้าน ที่ร้านก็มีบริการผ่านแอปพลิเคชั่นเดลิเวอร์รี่ด้วยเช่นกัน

ยกเมนูขนมยอดฮิตจากดินแดนอาทิตย์อุทัยมาไว้ที่ ชั้น 3 เกษรวิลเลจ Mont Blanc by Kyo Roll En แบรนด์น้องใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟจาก Kyo Roll En กับเมนูหอมหวานและดีต่อใจอย่าง Matcha Mont Blanc มัตฉะมองบลังค์ที่พร้อมเสิร์ฟความเย็นฉ่ำและนุ่มละมุนครั้งแรกในไทยแบบไม่ต้องไปต่อแถวไกลถึงญี่ปุ่น ความพิเศษของ Matcha Mont Blanc คือความอร่อยหลายเลเยอร์ที่อัดแน่นในโคนกรุบกรอบ ชั้นล่างสุดคือ Matcha Kanten วุ้นมัตฉะคันเต็นนุ่มเบา ถัดมาคือ Honey Cake เค้กน้ำผึ้งหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม สลับชั้นด้วยครีมสด Matcha Crips กรุบกรอบ และไอศกรีมรสนมแบบ Sugar-free  แล้วปิดท้ายด้วย Matcha Mont Blanc เส้นนุ่มละเอียดที่ใช้เกาลัดจากเกียวโตผสมกับอูจิมัตฉะรสเข้มข้นที่คนชอบมองบลังค์ไม่ควรพลาด นอกจากจะเสิร์ฟได้น่าตื่นตาตื่นใจแล้วยังอร่อยด้วยนะ

BRIX at The Salil Journey Riverside สาขาใหม่แกะกล่องของ BRIX Dessert Bar คาเฟ่ขนมหวานชื่อดัง ที่มาเปิดใหม่บริเวณริมสระว่ายน้ำของ เดอะ สลิล ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ โรงแรมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาย่านเจริญกรุง ตัวร้านดีไซน์ด้วยกระจกบานใหญ่รอบทิศ ทำให้บรรยากาศทั้งภายนอกและภายในร้านเชื่อมถึงกัน อีกทั้งยังใช้สีโทนสว่างดูโปร่งโล่งสบายตา ตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ จะนั่งกินขนมเพลินๆ ในห้องแอร์ หรือนั่งที่โซฟารับลมมองวิวสระน้ำอันสวยหรูของโรงแรมก็ดีไม่น้อย ส่วนเมนูอร่อยของ BRIX Dessert Bar แน่นอนว่าต้องเป็นขนมหวานโฮมเมด อาหารแนวบรันช์ฉบับโฮมมี และเครื่องดื่มสุดฟิน ที่รังสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพด้วย ‘สูตรแห่งความสุข’ แนะนำเป็น Strawberry Fresh Cream วัฟเฟิลชิ้นโตกรอบนอกหนึบ ราดซอสสตรอว์เบอร์รีรสหวานเปรี้ยวเล็กน้อย ท็อปด้วยวิปปิงครีมรสละมุน และสตรอว์เบอร์รีสดชิ้นพอดีคำ จับคู่กับ Orange Oolong Tea น้ำส้มชาอูหลง ได้กลิ่นหอมของชาชัดเจน และมีรสเปรี้ยวสดชื่นชุ่มคอ เมนูถัดมาคือ Nutella Miracle Pancake แพนเค้กชิ้นหนานุ่ม เสิร์ฟคู่ครัมเบิล ไอศกรีม บราวนี่ และนูเทลลารสเข้มข้น กินพร้อมกันทุกองค์ประกอบอร่อยมาก อย่าลืมสั่ง Brixton (Butterfly Pea Flower Tea) หรือชาดอกอัญชัน เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูง ไล่เฉดสีได้อย่างสวยงาม มีกลิ่นหอมและรสสัมผัสของลิ้นจี่กับเลมอนช่วยเสริมรสได้ดีมาก นอกจากขนมหวานโฮมเมดแล้ว ยังมีค็อกเทลและม็อกเทลแบบต้นตำรับให้เลือกจิบชิลๆ ริมสระน้ำได้ต่อในช่วงเย็น อีกทั้งยังสามารถนั่งรับประทานของว่างแสนอร่อย เพลิดเพลินกับสมูทตีสุดสดชื่น พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศไปกับค่ำคืนแห่งการพักผ่อนได้อย่างเต็มอิ่มที่ Brix Mini Bar เช่นกัน

Mocha & Muffins คาเฟ่สุดน่ารักเหมือนบ้านหลังสีน้ำตาลพร้อมเปิดประตูต้อนรับทุกคน คาเฟ่นี้ตั้งอยู่ในบริเวณสวนปาริชาติ คอร์ท ที่ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ พร้อมกับเซ็ตเมนูใหม่ทั้งขนมอบและอาหารหลากหลายเมนูในสไตล์โฮมเมดเต็มอิ่มและจุใจมากกว่าเดิม ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพสดใหม่ อบอวลด้วยบรรยากาศภายในบ้านที่แสนจะอบอุ่น ภายในตกแต่งคล้ายบ้านให้ความรู้สึกที่เป็นกันเองเหมือนเข้าไปอยู่ในบ้านของคนที่ชื่นชอบทำขนม เพราะฝาผนังตกแต่งด้วยอุปกรณ์เบเกอรี่ต่างๆ เมื่อเดินเข้ามาก็จะเห็นเคาเตอร์บาร์ตู้กระจกเต็มไปด้วยเมนูขนมอบที่เชฟของโรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ เป็นผู้รังสรรค์เองทั้งหมดบอกเลยว่าดูน่ากินทุกเมนูแต่ถ้าเลือกไม่ถูกเขามีพนักงานสุดน่ารักคอยดูแลและแนะนำเราอยู่ตลอด เริ่มต้นมื้อสายแบบนี้ต้องเป็นเมนูเบาๆ อย่าง Burrata and Mango Salad เมนูสลัดที่มีผักร็อกเก็ตกินคู่กับชีสบูราตาเนื้อครีมมี ได้ความสดชื่นจากเนื้อมะม่วงสุกและเมล็ดทับทิมที่เสิร์ฟมาคู่กัน ราดด้วยน้ำสลัดบัลซามิกรีดักชันรสเปรี้ยวอมหวาน เผลอแป๊บเดียวก็หมดจาน นั่งสักพักหันไปเห็นโต๊ะด้านข้างเลยต้องขอสั่งตามกับเมนู Nordic Feast Breakfast เมนูมื้อเช้าสไตล์นอร์ดิกที่เสิร์ฟกับมาแบบจัดเต็ม เพราะประกอบไปด้วยขนมปังซาว์โดย่างด้วยเนยจนเนื้อชุ่มฉ่ำและท็อปด้วย Poached Egg หรือจะเลือกเป็นเมนูไข่อื่นๆ ก็เลือกสั่งได้ตามใจชอบ เสิร์ฟเคียงเป็น Smoke Salmon, Avocado, Mixed Berry และ Beef Pastrami หรือเนื้อวัวอบกับเครื่องเทศ ที่เชฟให้มาแบบจุกๆ  Cream of Mushrooms หรือซุปเห็ดรวมหลากชนิดเข้าไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Mutton Mushroom , Portobello รสชาติครีมมีเป็นที่สุด ซดร้อนๆ ก็คล่องคอ หรือจะหยิบขนมปังมาจุ่มกินก็ฟินไปอีกแบบ เมื่อความหิวและความน่ากินของแต่ละเมนูถึงจุดที่ฉุดไม่อยู่! เลยต้องลองสั่งเมนู Bacon, Egg and Cheese Bagel ขนมปังรูปทรงคล้ายโดนัทต้นกำเนิดจากประเทศโปรแลนด์ นำมาหั่นครึ่งแล้วย่างกับเนยทำเป็นมื้อเช้าสไตล์อเมริกันอัดแน่นไปด้วยเบคอน ไข่ดาว และเชดดาร์ชีสเยิ้มๆ เครื่องดื่มที่คาเฟ่ก็ออกเมนูใหม่เราได้ลองมาแล้วกับ Ice Matcha Espresso ชาเขียวรสเข้มข้นสลับชั้นให้เป็นเลเยอร์กับกาแฟ จิบเช้าๆ ก็สดชื่นตลอดทั้งวัน และอีกเมนูมิลค์เชค Banoffee Milk Shake ที่อร่อยและสดชื่นไม่แพ้กัน และที่พลาดไม่ได้ถ้าหากมาที่ Mocha& Muffins แล้วไม่สั่งก็ถือได้ว่ามาไม่ถึงกับเมนูเบเกอรี่และเพสตรีต่างๆ อาทิ Almond Caramel Muffins เมนูซิกเนเจอร์ที่มาแล้วต้องสั่ง กับ Blueberry Muffins มัฟฟินเนื้อแน่นผสมกับเนื้อบูลเบอร์รี และมาร้านนี้แล้วต้องอย่าลืมซิกเนเจอร์คู่ร้านอย่าง Sausage Roll แป้งพัฟเนื้อฟู และบางกรอบ มีส่วนผสมของเนยฝรั่งเศส ด้านในเป็นไส้กรอกสูตรโฮมเมดที่ไม่ว่าใครก็ตกหลุมรัก เป็นมื้อที่อร่อยๆและอบอุ่น ในคาเฟ่สไตล์โฮมมี่ใจกลางกรุงฯ

สร้างความตื่นเต้นให้กับคนรักชาอย่างเราไม่น้อย เมื่อร้านชาตะวันออก Peace 和 oriental teahouse เปิดตัวแบรนด์ 手 qraft. ร้านชานมไข่มุกที่จับคู่มากับ Oriental Croissants โดยสอดแทรกกลิ่นอายความเป็นตะวันออกมาในเมนูยอดนิยมที่ไม่เหมือนใคร ตัวร้านตั้งอยู่ในโลเคชั่นสุดป๊อปอย่างอารีย์ซอย1 ที่สร้างความสะดุดตาด้วยตึกโทนสีดำสนิท เมื่อเดินเข้าไปภายในจะพบกับเคานเตอร์บาร์และตู้กระจกใสที่เรียงรายมาด้วยครัวซองต์ชิ้นโต ส่งกลิ่นหอมอบอวลชวนหิว บนชั้นสองของร้านจัดเป็นโซนสำหรับให้ลูกค้าขึ้นมานั่งจิบเครื่องดื่ม กินขนมกันแบบเพลิน ๆ เราได้ลองเป็น Froyu Snowfall (350.-) น้ำแข็งไสรสโยเกิร์ตมากคุณประโยชน์ ที่ซุกซ่อนโมจิหยดน้ำรสยูซุไว้ภายใน กินคู่กับ Tosuto หรือขนมปังจากแป้งญี่ปุ่น 2 ชนิด ที่นำไปแนบบนกระทะทีละด้านจนได้โทสต์กรอบนอกฉ่ำใน ท็อปด้วยชีสและน้ำตาลไหม้ ทานพร้อมกันอร่อยสดชื่นลงตัว มาแล้วต้องไม่พลาด Pastel roasted tieguanyin (145.-) ชาอู่หลงนมหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกไม้ขาว ผสานมากับไข่มุกปั้นสดสีทองของทางร้าน เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบกินเพลินสุดๆ

หากพูดถึง ‘ชาไทย’ อย่างไรซะก็ต้องมีชื่อ “ปังชา” แห่งร้านลูกไก่ทอง อยู่ในลิสต์ที่สายหวานอยากลิ้มลองแน่นอน เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นชาไทยดีกรีมิชลิน 4 ปีซ้อน ที่เจ้าของร้านอย่าง คุณแสงณรงค์ มนตรีวัต กับคุณกาญจนา ทัตติยกุล ใช้เวลาคิดและพัฒนาสูตรเป็นเวลากว่า 1 ปีเต็ม จุดเด่นคือเป็นชาไทยเบลนด์ 5 ชนิด อาทิ ชาใต้ ชาอูหลงจักรพรรดิ์ ชาแดง ชาดำ และชาซีลอน เพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้น หวานหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ครั้งนี้เราแวะมาจิบที่สาขาไอคอนสยาม (บริเวณชั้น G) บอกเลยว่าแฟนคลับร้านเขานี้เยอะมาก เริ่มชิมที่เมนูมิชลินไกด์แนะนำอย่าง ชาลูกไก่ทอง+ไข่มุก 3 ชาติ ชาไทยรสเข้มข้นที่ได้จากชาเบลนด์ 5 ชนิด ดื่มพร้อมไข่มุก 3 รสชาติฟินๆ อย่าง ไข่มุกชาดำ เนื้อหนึบหนับที่เราคุ้นเคย ไข่มุกแก้ว สีใสๆ ไซส์มินิ และไข่มุกชาไทย กลิ่นหอมฟุ้ง ต่อด้วย ชาลูกไก่ทอง สำหรับคนรักของหวานที่ชอบความคลาสสิก ชาไทยรสหอมมันเสิร์ฟเย็นๆ ที่คุณสามารภเลือกระดับความหวานได้อย่างตามใจ เป็นตัวเลือกที่ดีในวันอากาศร้อนๆ และ ชาลูกไก่ทองวิปครีม ชาเย็นชื่นใจสูตรเฉพาะประจำร้าน ท็อปด้วยวิปครีมชาไทยเนื้อนุ่มฟู รสหวานหอม ได้ใจสายหวานไปเต็มๆ สำหรับแก้วนี้

ย่านชานเมืองอย่างจังหวัดปทุมธานีก็เป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กใกล้กรุงเทพฯ ที่มีทั้งร้านอาหารวิวดีและคาเฟ่สวยๆ ที่สามารถแวะเวียนไปเที่ยวพร้อมฝากท้องยามหิวได้ เช่น Oliva Cafe คาเฟ่น้องใหม่แห่งเมืองปทุมฯ ที่พร้อมมอบฟีลยุโรปแบบไม่ต้องบินไปไกล ทั้งภายนอกและภายในร้านออกแบบตกแต่งในสไตล์นอร์ดิกผสมความเป็นมินิมอลมินิใจ ให้มู้ดแอนด์โทนอบอุ่นเหมือนอยู่บ้านเพื่อน มีมุมพักผ่อนหลากโซน ส่วนจุดไฮไลต์ของที่นี่คือต้นโอลีฟขนาดใหญ่ อายุราว 250 ปี ยืนต้นสวยเด่นคอยต้อนรับแขกผู้มาเยือน นอกจากบรรยากาศที่น่ามาพักผ่อนหย่อนใจแล้ว เมนูอาหารก็ครบครันทั้งคาว-หวาน และเครื่องดื่มรสละมุน แต่เมนูที่โดดเด่นคงหนีไม่พ้นเบเกอรี่สูตรโฮมเมดรสหวานกำลังดี กินอร่อย อาทิ Mixed Berry Tart, Red Velvet Cake, Dark Chocolate Cake, Strawberry Shortcake และเมนูประจำฤดูกาลอย่าง Mayongchid Short Cake กับ Mayongchid Cheese Pie ทั้งหน้าตาและรสชาติให้คะแนนเต็มสิบไม่หัก   ส่วนใครต้องการกินมื้อหนัก ต้องสั่ง สปาเกตตีครีมซอสต้มยำทะเล เสิร์ฟจานใหญ่ด้วยกุ้ง และหอยแมลงภู่ กินคู่ซอสต้มยำรสจัดจ้าน ได้กลิ่นและรสชาติของเครื่องต้มยำแท้ๆ ต่อด้วยเมนู ฟิช แอนด์ ชิปส์ เนื้อปลาทอดสุกกำลังดีเคลือบด้วยแป้งบางกรอบสูตรเฉพาะของร้าน ไม่อมน้ำมันเลย และ ไก่ตุ๋นซอสสูตรลับ เนื้อน่องติดสะโพกตุ๋นจนนุ่มละลายในปาก หอมกลิ่นเครื่องเทศ กินคู่ผักต้ม อร่อยกลมกล่อม ในส่วนของเครื่องดื่มก็มีทั้ง Coffee และ Non-Coffee แต่ที่อร่อยถูกใจช่วยดับกระหายได้ดีแนะนำเป็น Salted Caramel Coffee รสหวานละมุนลิ้น Choco Mint โกโก้เย็นรสเข้มข้น ได้กลิ่นหอมจากมินต์ และ Oliva Secret Americano Hot Coffee อเมริกาโนรสเข้มข้น หอมกลิ่นกาแฟ หยุดครั้งหน้าจะไปอีก

แลนด์ดิ้งที่ The Emquartier มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว งานนี้ Café Kitsuné” คาเฟ่สุนัขจิ้งจอกสัญชาติฝรั่งเศส-ญี่ปุ่น ขอเรียกกระแสให้คาเฟ่ฮ็อปเปอร์ตามไปเช็คอินกันรัวๆ กันบ้างกับสาขาใหม่ ใน ‘โครงการ Velaa Sindhorn Village’ ที่มาพร้อมแอเรียกว้างขวางขึ้น มีทั้งที่นั่งภายในร้านเย็นฉ่ำ โซนเสื้อผ้าและของที่ระลึกประจำแบรนด์ (สายช็อปฯ ปลื้มมาก) และโซนเอ้าท์ดอร์ชิลๆ ชมวิวถนนวิทยุเพลินๆ พร้อมให้สายฟู้ดเอ็นจอยไปกับเครื่องดื่มและขนมโฮมเมดซิกเนเจอร์เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเมนูบรันช์นอกจากนั้นในยามค่ำคืนคาเฟ่แห่งนี้ยังเปลี่ยนเป็นไวน์บาร์บรรยากาศดี เหมาะสำหรับสายดื่มมากมาย เมนูแรกเราสั่งเป็น Matcha Azuki Roll โรลมัตฉะน่าลิ้มลอง ที่ให้คุณฟินไปกับเนื้อเค้กนุ่มนิ่ม ได้รสชาเขียวชัดเจน (ถูกใจทีเลิฟเวอร์) เคล้าครีมมัตฉะหอมๆ รสหวานพอดี และถั่วแดงกวนหอมมัน ต่อด้วย Matcha Strawberry Eclair เอแคลร์เนื้อกรอบนอกนุ่มใน กินพร้อมครีมมัตฉะรสหวานหอมละมุน ตัดกับซอสสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวานได้อย่างพอดิบพอดี สั่ง Yuzu Sorbet มาดับร้อนดีกว่า ไอศกรีมซอร์เบทเนื้อเนียน ได้รสเปรี้ยวสดชื่นจากส้มยูซุ และความหวานเล็กๆจากน้ำผึ้ง จิบคู่ Iced Yuzu & Honey อิตาเลียนโซดาแสนชื่นใจ ได้รสเปรี้ยวหวานจากส้มยูซุและน้ำผึ้งหวานฉ่ำ และ Iced La Fluer ไซรัปดอกไม้หอมฟุ้ง ผสานเฟรนช์วานิลลา และน้ำโซดาซาบซ่า จิบคลายร้อนได้เป็นอย่างดี

อยากกินเค้กอร่อยๆ แบบไม่รู้สึกผิดต้องที่ Veganerie ร้านวีแกน 100% แต่ไม่ใช่ชาววีแกน (อย่างเรา) ยังต้องขอแจม ทุกเมนูในร้านไม่มีไข่ นม เนย และปราศจากกลูเต็น เพราะเปลี่ยนมาเป็นธัญพืช นมถั่วเหลือง นมมะพร้าว และผลไม้ เรียกว่ารวบรวมไว้แต่ของที่ดีต่อใจดีต่อสุขภาพทั้งนั้น ส่วนใครที่กลัวว่าจะจืดชืดไร้รสชาติ บอกเลยว่าเคยกินเค้กแล้วฟินยังไง มาร้านนี้ก็ยังฟินได้เหมือนเดิมเป๊ะ เริ่มที่ Blueberry Cheese Pie นัมเบอร์วันของคนรักเค้ก ครีมชีสมันๆ นัวๆ ทำจากเมล็ดมะม่วงหิมพานต์เต็มเมล็ด รสชาติโดยรวมออกเปรี้ยวอมหวานไม่ต่างจากครีมชีสทั่วไป กินแล้วดีต่อใจจริงๆ Red Velvet Cake เค้กสีแดงนุ่มฟูดุจกำมะหยี่ สีสวยๆ ได้จากบีทรูท สลับด้วยชั้นครีมชีส ตัดกินพร้อมกันตั้งแต่ฐานถึงด้านบน จะได้รสสัมผัสหวานนิดๆ เปรี้ยวหน่อยๆ อร่อยเกินบรรยาย Carrot Cake กับ Pumpkin Pie เป็นเค้กที่เนื้อนุ่มเนียนลิ้น แทรกด้วยเนื้อแครอทและฟักทองแท้ๆ ใส่เน้นๆ เพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ชัดเจน หวานน้อยแต่อร่อยมาก Chocolate Mousse ใครเห็นแล้วกลัวความหวานขึ้นตา บอกเลยว่าคิดผิด ชิ้นนี้ทำออกมาดีมาก รสช็อกโกแลตเข้มข้น ขมปลายลิ้น กินแล้วรู้สึกว่ากินช็อกโกแลตจริงๆ ไม่ปลอม เนื้อเนียนละลายในปากช้าๆ ละเลียดเพลินให้คะแนนไม่ทัน   หน้าตาเค้กทุกชิ้นให้ 10ผ่าน ส่วนรสชาติก็เช่นกัน!

หากมีโอกาสลองไปฮีลใจที่ Bigknit Café ร้านสุดคิวท์สำหรับชาวคาเฟ่ฮอปเปอร์และคนรักงานถัก เพราะที่นี่มีเวิร์กชอปถักนิตติ้งให้เราได้เพลิดเพลินไปกับงานศิลปะฝีมือตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า หมวก ผ้าพันคอ ตุ๊กตา หรือแม้กระทั่งกระเป๋า อย่าง กระเป๋าไหมพรมยักษ์สุดเก๋ ที่กำลังเป็นกระแส (แอบกระซิบถักเสร็จแล้วสามารถนำกลับไปอวดคนที่บ้านหรือโพสต์ลงโซเชียลได้เลย ไม่ต้องกังวลหากคุณเป็นมือใหม่เพราะที่นี่มีครูคอยแนะนำตลอดการทำเวิร์กชอป อีกทั้งเราสามารถเลือกรูปแบบงานถักและไหมพรมจากกำแพงไหมพรมสีสันสดใสได้ด้วยตัวเอง โดยส่วนมากไหมพรมของร้านจะนำเข้าชนิดพิเศษ มีทั้งไหมแบบเรียบไปจนถึงไหมพรมแฟนตาซีหรือสีที่หายากสุดๆ หากกำลังเพลิดเพลินไปกับการถักนิตติ้ง แล้วรู้สึกหิวก็ไม่ต้องไปไหนไกล เพราะที่นี่มีเมนูอร่อยพร้อมเสิร์ฟ อาทิ สลัดญี่ปุ่น เสิร์ฟผักสดเย็นชื่นใจที่มาพร้อมยำสาหร่ายญี่ปุ่น ท็อปหน้าด้วยปูอัดและไข่กุ้ง ได้รสชาติจากน้ำสลัดงา อร่อยกลมกล่อม ใครอยากกินหนักๆ ต้องลอง ข้าวไข่ข้นมันกุ้งแม่น้ำ เป็นข้าวสวยร้อนๆ ราดด้วยไข่ข้นรสละมุนกับกุ้งเนื้อเด้ง หั่นชิ้นพอดีคำ เพิ่มรสชาติด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ ต่อด้วย ข้าวผัดมันกุ้งกากหมู อัดแน่นด้วยเครื่องต่างๆ อย่าง กุ้ง ไข่และกากหมู ได้รสเค็มๆ มันๆ อร่อยลงตัว ถัดมาคือ ข้าวคลุกกะปิ เคียงมาด้วยหมูหวาน ไข่ชะอม ไข่เจียว มะม่วง ปลาทู และน้ำพริกกะปิ รสชาติจัดจ้าน สำหรับเมนูขายดีจะเป็น มาม่าไข่ข้นมันกุ้งแม่น้ำ มาม่าเส้นใหญ่แบบเกาหลี คลุกเคล้ากับไข่ข้นและมันกุ้ง อร่อยจุใจ อีกหนึ่งเมนูเส้นแนะนำเป็น สปาเกตตีไส้อั่ว เส้นสปาเกตตีสุกกำลังดี กินคู่ไส้อั่วกลิ่นหอมเครื่องเทศที่ส่งตรงจากเชียงใหม่ จานนี้ให้รสเผ็ดเล็กน้อย แต่อร่อยไม่แพ้จานอื่นเลย เป็นสถานที่ที่ช่วยฮีลใจเราได้จริงๆ

คาเฟ่ฮอปเปอร์ต้องมาแล้ว  Mary’s Café คาเฟ่เปิดใหม่ย่านเอกมัย เด่นด้วยเฉดเหลืองจัดๆ ไวบ์ดี แสงสวย ฟีลสดใสรับซัมเมอร์ ตกแต่งให้ดูมินิมอลนิดๆ คูลหน่อยๆ เน้นเส้นโค้งเส้นเว้าที่เราดูแล้วเหมือนเกลียวคลื่น คุณแมรี่เจ้าของร้านที่พ่วงตำแหน่งเชฟบอกว่าทั้งหมดนี้เกิดจากความชอบล้วนๆ ชอบสีเหลือง ชอบเส้นโค้ง เพราะดูพลิ้วไหวมีมิติ แล้วยังเหมือนครีมเยิ้มๆ ชวนฟินที่ปาดบนหน้าเค้กอีกด้วย ตัวร้านยังหาง่ายเพราะอยู่ริมทางเกือบสุดถนนเอกมัย ลานจอดรถถัดจากร้านนิดเดียว (ที่จอดเพียบไม่ต้องห่วง) ส่วนเมนูคัดสรรมาแต่ตัวท็อปมีทั้งเบเกอรี่ เครื่องดื่มร้อน-เย็น ใครอยากได้จานหลักก็จัดบรันช์เรียบง่ายไว้รองรับ เห็นเป็นร้านน้องใหม่แบบนี้แต่ชื่อเสียงแมรี่ในออนไลน์เค้าปังมานานหลายปี ก่อนเพิ่มพูนฝีมือให้ลือลั่นด้วยการไปเรียนที่เลอ กอร์ดอง เบลอ ขนมที่เดิมก็อร่อยอยู่แล้วยิ่งอร่อยจนบรรยายไม่ถูก เริ่มที่อาหารเช้าแต่ตื่นบ่ายก็ได้กิน Full Breakfast ขนมปังซาวร์โดว์อบใหม่ ผิวกรอบหอมกรุ่น ท็อปด้วยอะโวคาโดบดเนื้อเนียนละมุน เสริมทัพด้วยเบคอน ไส้กรอก และไข่คน ยังมีเมนูใหม่ๆ อย่างแซนด์วิชและเบอร์เกอร์ที่เหมาะกับมื้อเร่งรีบในตอนเช้า กินก่อนไปโรงเรียนหรือทำงาน หรือจะซื้อติดมือไปด้วยก็สะดวกทั้งนั้น   Pumpkin Soup, Mushroom Soup และ Corn Soup 3 เมนูแด่คนรักซุป เนื้อครีมเข้มข้นหอมมัน กินอุ่นท้องเบาๆ ช่วยปลุกน้ำย่อยให้พร้อมรับมือกับเมนูต่อไป เมนูเค้กของร้านอาจเลือกยากสักหน่อย เพราะหน้าตาเกินร้อยทุกเมนู นอกจากรูปสวยเนื้อสัมผัสยังนุ่มแน่นเป็นเอกลักษณ์ อาทิ Espresso Toffee ทอฟฟี่เค้กรสเข้มข้น หวานน้อย เรารักหน้าแน่นๆ ที่กัดแล้วหวานฉ่ำไปทั้งปาก เมล็ดมะม่วงหิมพานต์และวอลนัทก็ใส่มาให้แบบจุกๆ เมล็ดใหญ่ๆ เคี้ยวมันถูกใจมาก Carrot Cake ขายดีไม่เป็นรองเพราะครองใจคนรักครีมชีส เนื้อเค้กนุ่มฉ่ำ มีเนื้อแครอทเพิ่มเทกเจอร์หนึบๆ ยามเคี้ยว ด้านบนปาดครีมชีสหนาๆ รสออกหวานอมเปรี้ยว ชิ้นนี้เราให้เต็มสิบไม่หัก Super Dark ครีเอทมาเพื่อชาววีแกนที่มีใจรักในของหวานโดยเฉพาะ รสเข้มข้นสมชื่อ หวานน้อย ไม่ใช่วีแกน(อย่างเรา)ยังต้องขอแจม Tiny Love Cheesecake with Bear Alua เมนูสีชมพูที่สร้างชื่อจากโลกออนไลน์ รสหวานละมุน ละลายในปาก ตัดด้วยรสเปรี้ยวนิดๆ ของสตรอว์เบอร์รี่สด จบด้วยอาลัวหมีขาว อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มที่จับคู่กับขนมได้ลงตัวอย่าง Pink Lemonade หวานซ่อนเปรี้ยว ดื่มดับร้อนก็ได้ ดื่มล้างปากก็ดี ที่สำคัญหมดแก้วแล้วแต่กลิ่นหอมๆ ยังอบอวลอยู่ในปาก ปิดท้ายด้วยชุดชาร้อน Tea for Two จับคู่กับเค้กชิ้นไหนก็เข้ากัน ทั้งยังมีให้เลือกหลายรสชาติ อาทิ ชาเขียวจากญี่ปุ่น ชาอู่หลง ชาเอิร์ลเกรย์ หรือชาคาร์โมมาย เป็นต้น   ใครนึกสนุกจะหยิบบอร์ดเกมมาประลองฝีมือกันก็ได้ นั่งยาวแค่ไหนก็ไม่เบื่อ 

เผลอแป๊บเดียว ร้านขนมร้านโปรดของหลายคนอย่าง Yellow Spoon ก็เดินทางมาถึงปีที่ 10 แล้วพร้อมกับเมนูอร่อยที่เราขอใช้คำว่า “ไว้ใจได้” เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นขนมจาก Yellow Spoon ทั้งที เป็นอันรู้กันว่าวัตถุดิบที่คุณวี เลือกใช้ ย่อมผ่านการคัดสรรมาอย่างดีที่สุด น้ำตาลน้อย และไม่มีไขมันทรานส์ สำหรับใครที่มองหาเค้กที่ดีต่อสุขภาพ แนะนำ Flourless Chocolate Cake แบบกลูเตนฟรี ไม่มีส่วนผสมของแป้งสาลี แต่ทดแทนด้วยอัลมอนด์ป่น ได้ความเข้มข้นของช็อกโกแลตแบบเต็มคำ เราชอบที่หน้าเค้กกรอบ ส่วนเนื้อในเยิ้ม กินได้ทั้งแบบร้อนและเย็นจะได้รสสัมผัสที่ต่างกัน ต่อด้วย Marian Plum Crepe Cake เครปเค้กมะยงชิด ผลไม้ประจำฤดูกาล เครปแผ่นบางสลับชั้นกับครีมสด ราดด้วยซอสมะม่วง ท็อปด้วยมะยงชิดจากสวนที่ใช้ประจำ แถมที่ร้านยังมีแบบกลูเตนฟรีให้เลือกสั่งได้อีกด้วย ปิดท้ายกับเมนูที่ต้องสั่งจองล่วงหน้าเท่านั้น Vegan Chocolate Berry Tart ทาร์ตช็อกโกแลตวีแกนที่ไม่มีส่วนผสมของไข่และนมวัว ตัวทาร์ตได้จากแป้งมันสำปะหลัง ส่วนช็อกโกแลตกานาชได้ความหอมมันจากนมข้าวโอ๊ตและไม่ใส่น้ำตาลเลย  เพิ่มรสเปรี้ยวสดชื่นด้วยผลไม้ตามฤดูกาล บอกเลยว่าชิ้นเดียวไม่พอ

กดหัวใจให้รัวๆ เพราะความอร่อยแบบนัวๆ ของชานมสุดคิวท์จาก Machi Machi ชานมไต้หวันเกรดพรีเมียม ด้วยใบชาที่ส่งตรงจากไต้หวัน รังสรรค์เมนูให้ได้รสชาติตามแบบฉบับของไต้หวันแท้ๆ ซึ่งกำลังมีโปรโมชันสุดพิเศษมาให้ทุกคนได้ฟินตลอดเดือนมีนาคม เริ่มด้วยการชวนคู่ซี๊มาชนแก้วกันกับ Milk Tea + Oat Tea (159.-) ประกอบไปด้วย Black Milk Tea ชากลิ่นหอมจากใบชาไต้หวันแท้ๆ และ Oatly Vanilla Oat Milk Tea ได้กลิ่นหอมของชาที่เข้ากันได้ดีกับกลิ่นวานิลลา อร่อยกลมกล่อม ไม่แปลกใจทำไมถึงฮิต มาต่อกันที่เซ็ตจับคู่สุดฟินอย่าง Plum Jello & Cheese Bomb (239.-) ที่มีทั้ง Jasmine Green Tea with Plum Jello ชาสูตรเด็ดของบ้านมาชิ มาชิ กินคู่กับ Fluffy Donut Cheese Bomb โดนัทเนื้อนุ่มฟู มีซอสให้เลือกทั้งแครมบรูเล และ ยูชิแบล็กที อร่อยไม่แพ้กัน จัดชุดใหญ่ให้อร่อยกันยกแก๊งด้วย Milk Tea Dip & Go (399.-) เซ็ตสุดคุ้ม ชวนฟินกับ Fluffy Donut Dip & Go โดนัทเนื้อนุ่ม ดิปกับซอสรสละมุน Milk Tea with Panna Cotta ชานมรสหวานพอดี หอมกลิ่นชาชัดเจน และ Black Milk Bubble Tea กินคู่โดนัทอร่อยลงตัวมาก ถูกใจชานมเลิฟเวอร์แน่นอน ตั้งแต่วันนี้ - 31 มีนาคม 2566 (เฉพาะหน้าร้าน มาชิ มาชิ ทุกสาขา) สาขาที่ร่วมรายการ Center point Siam Square, Silom Complex, Central Ladprao, Central Eastville, Samyan Mitrtown, Central Chidlom   สามารถสอบถามรายละเอียดและโปรโมชันได้ที IG : machimachi_thailand FB : Machi Machi Thailand Line : https://lin.ee/q4cQFxM

“Momo To Go” ร้านบรันช์สไตล์ Grab & Go ประจำโรงแรม Courtyard by Marriott Bangkok ตัวร้านเป็นรถตุ๊กตุ๊กสีเขียวสดใสน่ารัก ที่จอดอยู่ท่ามกลางสวนสวยร่มรื่น เน้นเสิร์ฟมื้อสายสไตล์โฮมเมดอย่าง เบเกอรี แซนด์วิช พานีนี่ และชา-กาแฟ นอกจากนั้นยังมีค็อกเทลและม็อกเทลซิกเนเจอร์ที่ช่วยคลายร้อนได้ดีอีกด้วย เมนูแรกเราสั่งเป็น Grilled Chicken Avocado Sandwich แซนด์วิชชิ้นใหญ่แสนอิ่มเอมที่ประกอบไปด้วย ขนมปังสไตล์โฮมเมดเนื้อนุ่มๆ ซอสอะโวคาโดสูตรเฉพาะรสหอมมัน และไก่ย่างเนื้อแน่นนุ่ม ตามด้วยม็อกเทลซิกเนเจอร์เย็นๆ อย่าง Shirley Temple เครื่องดื่มสีแดงที่โดดเด่นด้วยรสหวานของไซรัปเชอร์รี ผสมผสานกับความเปรี้ยวจากน้ำมะนาวสด Mojito Zero โมฮิโตรสสดชื่นที่ปราศจากแอลกอฮอล์ร้อนแรง ได้รสหวานอมเปรี้ยวจากน้ำมะนาวสดและน้ำตาลทรายแดง มิ๊กซ์กับใบมินต์หอมฟุ้ง ตบท้ายด้วย Hot Earl Grey ชาเอิร์ลเกรย์ร้อนรสนุ่ม หอมฟุ้งกลิ่นน้ำมันมะกรูด  

อะไรกันที่ดลจิตดลใจพาให้เราได้มารู้จักกับสถานที่แห่งนี้ Dhol Jai (ดลใจ) คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดที่เต็มไปด้วยความสุขจากรอยยิ้มของ คุณเนย์ ชญานิต จีระวรารักษ์ เจ้าของร้านดลใจ ที่มีความชอบและแพสชันในการทำอาหาร สู่โปรเจ็กต์ร้านในฝันที่นำความอบอุ่นมาให้ชาวรัชดา 48 ก่อนจะกลายเป็นร้านมู้ดอบอุ่นนี้ คุณเนย์เล่าให้ฟังว่า ตัวเองเคยออกบูธขายขนมโตเกียวและข้าวกล่องมาก่อน แต่ด้วยฝีมือการทำอาหารสไตล์โฮมคุกที่ผนึกกำลังกับความตั้งใจอยากมีร้านของตัวเอง ทำให้โปรเจ็กต์ร้านดลใจก่อตัวขึ้นมาจนสานฝันให้เป็นจริงสำเร็จ ซึ่งทุกอย่างภายในร้านคุณเนย์เป็นคนออกแบบเองทั้งหมด ตั้งแต่ประตูทางเข้าที่มองเข้าไปเห็นบ้านทรงจั่วหลังสีขาวตัดกับสีไม้ ก็ชวนให้อยากเข้าไปด้านใน ภายในร้านดีไซน์ด้วยคู่สีที่คุณเนย์ชอบทั้งสีส้มและสีเขียว มีหลายมุมให้ลูกค้าเลือกนั่งได้ตามใจชอบ (แต่มุมที่น่ารักที่สุดมีน้องฉลามตัวอ้วนกลมจองไว้แล้ว) เมนูในร้านส่วนมากจะเป็นอาหารจานเดียว ดูเหมือนจะธรรมดา แต่จริงๆ แล้วรสชาตินั้นไม่ธรรมดา มีความจัดจ้าน เข้มข้น ซึ่งเป็นสูตรของทางครอบครัวเจ้าของร้านนั่นเอง เมนูทั้งหมดในวันนี้ยกให้เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน อาทิ ข้าวกุ้งผัดพริกขี้หนู ไข่ข้น (142 บาท) เป็นกุ้งผัดพริกขี้หนูสูตรของคุณแม่เจ้าของร้าน ได้รสเค็มๆ หวานๆ และเผ็ดร้อนจากพริกขี้หนูสด กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ พร้อมไข่ข้นรสกลมกล่อม ช่วยตัดความจัดจ้านให้จานนี้ได้ดี ข้าวคลุกพริกน้ำปลา หมูทอดดลใจ (128 บาท) ข้าวสวยมีความนัวและเค็มเล็กน้อยจากพริกน้ำปลาที่ทางร้านแอบคลุกมาให้ เพิ่มรสชาติด้วยเครื่องเคียงต่างๆ ทั้งกระเทียม หอมแดง แตงกวา พริกขี้หนูซอย และสันนอกหมูหมักนมฮอกไกโดทอด เวลารับประทานจะคลุกรวมกันหรือตักแยกเป็นคำๆ ก็อร่อยลงตัว หรือถ้าใครอยากเพิ่มความแซ่บจี๊ดจ๊าดขึ้นอีกนิด แนะนำให้ตักพริกน้ำปลาราด รับรองอร่อยเหาะ มาต่อกันที่ สปาเก็ตตีซอสดลใจหมูสับ ไข่ออนเซ็น (118 บาท) เส้นสปาเก็ตตีสุกกำลังดี ราดมาด้วยหมูสับซอสดลใจสูตรเฉพาะของร้าน เป็นซอสจากวัตถุดิบ 7 ชนิดที่นำมาเคี่ยวรวมกัน มีกลิ่นหอมของสมุนไพรและเนยฝรั่งเศสชัดเจน ออนท็อปด้วยไข่ออนเซ็นช่วยเพิ่มความนัวละมุนลิ้นได้ดี ในกระเพาะยังมีที่สำหรับขนมเสมออย่าง เซ็ตโตเกียวดลใจ (120 บาท/5 ชิ้น) ที่ทำสดๆ หน้าร้านกลิ่นหอมฟุ้งชวนหิว มีให้ลิ้มลองทั้งหมด 10 ไส้ทั้งคาว-หวาน เราเลือกหมูสับไข่ ไส้กรอกราดซอสสูตรลับ ครีมข้าวโพด คัสตาร์ดใบเตยและคัสตาร์ดครีม เป็นโตเกียวชิ้นโต เซ็ตนี้บอกเลยอิ่มจุกๆ เครื่องดื่มก็มีทั้งเมนู Coffee อย่าง Iced Americano Strawberry (75 บาท) ด้านล่างคือ Strawberry Puree มีเนื้อสตรอว์เบอร์รีให้เคี้ยว ได้ความเปรี้ยวหวานเล็กน้อยที่ตัดรสกับอเมริกาโนรสเข้มได้ดี ส่วน Non-Coffee เราแนะนำเป็น Iced Honey Lemon (70 บาท) ได้รสหวานและหอมของน้ำผึ้ง มีความอมเปรี้ยวนิดๆ จากน้ำมะนาวสด เนื่องจากเราไปช่วงเดือนกุมภาพันธ์พอดี ทางร้านออกเมนูใหม่อย่าง All White Heart มาให้ลิ้มรส เป็นน้ำลิ้นจี่ผสมเลมอน มีความหอมหวานละมุนจากลิ้นจี่ ด้านล่างมีวุ้นลิ้นจี่ให้เคี้ยวเล่นเพลินๆ ดื่มแล้วสดชื่นมาก เป็นคาเฟ่ที่โดนใจสุดๆ

École Ducasse Café สัมผัสคาเฟ่สุดหรูใจกลางเมืองตั้งอยู่ภายใน “บ้านปาร์คนายเลิศ”  พร้อมลิ้มรสเบเกอรี่สูตรพรีเมียมจากเชฟมิชลินชื่อดังระดับโลกอย่าง Alain Ducasse (เชฟอลัง ดูคาส) เจ้าของร้านอาหารมิชลินสตาร์และโรงเรียนสอนศิลปะการประกอบอาหารระดับเวิลด์คลาสจากประเทศฝรั่งเศส ภายในตัวร้านดีไซน์เพดานสูงโปร่ง ออกแบบเน้นใช้กระจก ควรค่าแก่การนั่งจิบกาแฟชิลๆ ชมบรรยากาศความเป็นธรรมชาติอันร่มรื่น พร้อมรับแสงอาทิตย์ในยามเช้าที่ส่องลงมาเป็นแนวเฉียงตกกระทบบนผนังไม้สีเหลืองทองตัดกับสีโรสโกลด์ให้ความรู้สึกลักซ์ชัวรีย์ อีกทั้งโซนเคาน์เตอร์บาร์ที่เต็มไปด้วยขนมอบแสนอร่อยในฉบับของเชฟมิชลินมีให้เลือกหลากหลายชนิด Quich (กีช) เมนูของว่างง่ายๆ สไตล์ปารีเซียง เป็นแป้งครัวซองต์อบกรอบเสิร์ฟร้อนๆ ตัวไส้อัดแน่นด้วยชีสกรูแยร์และเบคอน รสเข้มข้น เสิร์ฟมาพร้อมกับสลัดผักร็อกเก็ตวีเนแกรต Tarte Pistache (ทาร์ต พิตาช) ทาร์ตถั่วพิสตาชิโอที่เชฟให้แบบสะใจ ถ้าใครไปแล้วไม่ควรพลาด ไส้ด้านในเป็นครีมพิสตาชิโอรสหอมมัน ผสมกับความกรุบกรอบของถั่วพิสตาชิโออบที่ท็อปหน้า Tarte Aux Fraise (ทาร์ต โอเฟรต) ทาร์ตสตรอว์เบอร์รีของโปรดของสาวๆ ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีสดให้มากันแบบเน้นๆ ได้ทั้งความสดชื่นและกลิ่นหอมของไส้ครีมวานิลลา รสชาตินวลๆ ตัดรสกันได้เป็นอย่างดี Mont Blanc (มองบลังค์) ทาร์ตเกาลัดรูปทรงชวนน่าลิ้มลอง ประดับด้วยแผ่นทองดูหรูหรา เมื่อใช้มีดตัดทาร์ตจะเจอเกาลัดเม็ดโตอยู่ตรงกลางพอดีเป๊ะ บ่งบอกถึงความพิถีพิถันระดับมิชลินสตาร์ La Vie en Rose (ลา วี ออง โรส) ชากุหลาบชื่อสุดจะไพเราะ ที่เลือกเสิร์ฟได้ทั้งร้อนและเย็น เป็นชาเขียว ผสมกุหลาบและเปเปอร์มินต์ พร้อมกับไอซ์บอลชากุหลาบ ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้ดูน่ารัก อิ่มอร่อยกับเมนูเบเกอรี่ระดับมิชลินสตาร์แล้ว ชั้นบนยังเปิดเป็นโรงรียนสอนทำอาหารระดับเวิล์ดคลาสให้คนที่สนใจอยากสัมผัสการทำครัวระดับมิชลิน หรูหราทั้งสเตชันและเครื่องครัว ที่ออกแบบโดยเชฟอลัน ดูคาสเองกับมือ ติดต่ดสอบถามและสมัครเรียนได้ที่ ecolrducassebangkok@nailertgroup.com หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bangkok-ecoleducasse-studio.com

แวะมาเมื่อไรก็เหมือนได้เยียวยาหัวใจ Mika Pâtisserie คาเฟ่แสนอบอุ่นสไตล์ญี่ปุ่น โลโก้คุณกระต่ายสวมหมวกเชฟที่มีเมนูอร่อยๆ ออกมาเซอร์ไพรส์เราอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมนูอันโด่งดังในโลกโซเชียลอย่าง Chocolate Truffle Lava เค้กช็อกลาวาไร้แป้งสีเหมือนทรัฟเฟิลที่ไม่มีส่วนผสมของแป้งและถั่ว หากกินแบบอุ่นให้ร้อนจะได้ฟินไปกับลาวาเยิ้มๆ หากชอบเท็กซ์เจอร์หนึบหนับก็แนะนำให้กินแบบแช่เย็น แถมที่ร้านมีสูตร KETO สำหรับคนรักสุขภาพ เปลี่ยนจากน้ำตาลทรายมาใช้น้ำตาลอิริทริทอลนำเข้าจากฝรั่งเศส ไม่มีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือด แถมรสชาติยังคงเข้มข้นด้วยดาร์กช็อกโกแลตแบบจัดเต็ม ส่วนใครปลื้มกลิ่นรสของมัตฉะก็สั่ง Matcha Truffle Lava บอกเลยว่าฟินไม่แพ้กันเพราะใช้มัตฉะนำเข้าจากญี่ปุ่น และพลาดไม่ได้กับเมนูไฮไลต์อย่าง Caviar Tiramisu ทีรามิสุท็อปด้วยคาเวียร์สกัดจากช็อตเอสเปรสโซด้วยเทคนิค Molecular Gastronomy ด้านล่างเป็นเลดี้ฟิงเกอร์ชุบซอสเอสเปรสโซและคาห์ลัวในแพ็กเกจหรูหรา อีกเมนูมัดใจ Hokkaido Nama Castella คัสเตลลานุ่มฟู ส่วนเนื้อในหอมละมุนด้วยครีมนมฮอกไกโด และ Mika Beer ยูซุโซดาสุดสดชื่น ด้านบนเป็นมูสนุ่มนวล ชื่นใจแบบไม่มีแอลกอฮอล์

เมื่อปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปี 2023 มีคาเฟ่เปิดใหม่มากมาย และหนึ่งในนั้นคือ Rico’s Sukhumvit ร้าน All Day Dining ในซอยสุขุมวิท 26 เป็นสาขา 2 จากร้านแรกบนชั้น 19 ของอาคารสาธรนคร เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสบายๆ ของสายบรันช์กับมื้ออร่อยที่สามารถนั่งเอนจอยได้ตลอดวัน Rico’s Sukhumvit เป็นมากกว่าคาเฟ่ เพราะที่นี่คือ Community แห่งใหม่ที่สามารถมาพบปะสังสรรค์กับเพื่อน คู่รัก ครอบครัว หรือแม้กระทั่งเพื่อนสัตว์เลี้ยงตัวน้อย โดยตัวร้านตั้งอยู่ในบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นเน้นใช้โทนสีเทาและครีม ผสมผสานกับเฟอร์นิเจอร์ไม้สานเข้าชุด มีมุมมากมายให้เก็บภาพความทรงจำ เล่นแสงเงากับแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาภายในร้านได้ทั้งภายในและภายนอก ช่วยให้บรรยากาศโดยรอบดูโฮมมีขึ้นเป็นกอง ส่วนด้านบนเป็นพื้นที่ของ Restaurant Rica Bangkok ร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง ที่เปิดบริการมื้อดินเนอร์สุดไพรเวต ในบรรยากาศเรียบหรูยามค่ำคืน อาหารที่นี่เสิร์ฟแบบ All Day Dining ในสไตล์บรันช์ที่เหมาะแก่การมาฝากท้องยามหิว และนั่งชิลจิบเครื่องดื่มเย็นๆ อาทิ Sunrise at Rico's เอสเปรสโซเข้มข้น ได้รสเปรี้ยวและมีกลิ่นหอมของมะนาว ช่วยเติมพลังให้วันนี้ได้เป็นอย่างดี เอาใจคนไม่กินกาแฟด้วย Mistletoe Kiss น้ำลิ้นจี่ผสมโซดา เพิ่มสีสันด้วยเมล็ดทับทิม ได้รสหวานเปรี้ยว ดื่มแล้วสดชื่นจริงๆ จับคู่กับ Tiger Prawns Toast เมนูยอดฮิต ด้านล่างเป็นขนมปัง ราดด้วยซอสทรัฟเฟิลมาโยที่เข้ากันได้ดีกับกุ้งลายเสือเนื้อเด้ง จานนี้รสละมุนและมีกลิ่นเครื่องเทศอบอวลในปาก ต่อมาคือ Pan Fried Crispy Salmon เป็นมันบดผสมทรัฟเฟิล เนื้อเนียนละเอียด วางท็อปด้วยปลาแซลมอนย่างจนหนังกรอบ แต่เนื้อยังอมชมพูสุกกำลังดี เคียงมาด้วยหน่อไม้ฝรั่งย่าง กินพร้อมกันทั้งหมดอร่อยกลมกล่อม ปิดท้ายด้วยเมนูขนมหวานขายดี Maple Salted Caramel Waffle วัฟเฟิลแป้งกรอบสูตรเฉพาะของร้าน เสิร์ฟคู่ไอศกรีมวานิลลา ก่อนกินแนะนำให้ราดซอสคาราเมลรสหวานเข้มข้น ตักหนึ่งคำพร้อมผลไม้ในจาน ช่วยเพิ่มรสชาติได้ดี ร้านนี้ยังเป็น Pet Friendly ด้วยนะ สามารถพาน้องๆ มาเอนจอยโมเมนต์พร้อมกับเราได้เลย

แค่เปิดประตูร้านก็ได้กลิ่นหอมลอยมาเตะจมูก สำหรับบิฌูส์ เดอ เบอร์ เอชิเร่ (Bijoux de Beurre Echire แปลว่าอัญมณีแห่งเนย Echire) ร้านขนมสไตล์ฝรั่งเศสย่านเอกมัยของเชฟแชมป์แห่ง Patisserie Rosie กับร้านใหม่สุดคราฟต์ที่เราไม่อยากให้พลาด เพราะขนมของที่นี่ใช้เนย Echire เนย AOP ของฝรั่งเศสอายุ 100 ปีซึ่งผลิตในหมู่บ้าน Échiré ด้วยวิธีการปั่นแบบดั้งเดิมในถังไม้ เนยที่ได้จึงมีเนื้อสัมผัสเนียนนุ่มและกลิ่นหอมโดดเด่นมีเอกลักษณ์ แน่นอนว่าไฮไลต์อยู่ที่ Croissant Excellence d’ Echire ครัวซองต์ที่เชฟแชมป์เฉลยว่าใช้เนยมากถึง 65 เปอร์เซ็นต์เพื่อให้ครัวซองต์หอมและฉ่ำเนย แล้วเพิ่มความสุนทรีด้วยการจับคู่ช็อกโกแลตร้อนที่ใช้ช็อกโกแลตพรีเมียมแบรนด์ Valrhona ตามด้วย Mille-feuille a La Minute มิลเฟยที่ประกอบใหม่แบบชิ้นต่อชิ้น (เชฟไม่แนะนำให้สั่งกลับบ้าน เพราะกินที่ร้านอร่อยกว่า) แป้งพัฟเพสตรีอบชิ้นหนา สลับชั้นด้วยครีมคัสตาร์ด แล้วราดวิปครีม ในหนึ่งคำจึงได้ทั้งความกรอบและรสหวานละมุน นอกจากนี้ยังมี Flan Vanilla ให้อารมณ์คล้ายทาร์ตไข่แต่ชุบชูใจยิ่งกว่า แป้งชั้นนอกเป็นบริออชเฟยเตเข้ากับคัสตาร์ดวานิลลาแบบแน่นๆ Madeleine ขนมสุดคลาสสิกของฝรั่งเศสทรงเปลือกหอยชิ้นจิ๋วแต่แจ๋ว หอมกลิ่นเลมอนและกลิ่นเนย จบด้วย Tarte Tatin ทาร์ตทาร์แตงที่ด้านบนเป็นโดมแอปเปิลคาราเมล ตรงกลางมีไส้สปันจ์เค้กและ Crème Diplomat อิ่มแล้วอย่าลืมชอปเนย Echire ติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย  

คนรักของหวานห้ามพลาด “Shi-tori Café” คาเฟ่มันหวานญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โซน JAPAN AVENUE บริเวณชั้น 3 ฝั่งอิเซตัน จุดเด่นคือการนำมันหวานสายพันธุ์ ‘เบนิฮารุกะ’ จากดินแดนอาทิตย์อุทัย มาครีเอทเป็นเมนูของหวานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟ คุกกี้ มิลก์เชค นอกจากนี้ที่นี่ยังมีหัวมันหวานเบนิฮารุกะสดๆ จำหน่ายอีกด้วย เริ่มชิมที่เมนูซิกเนเจอร์กันก่อน Soft Serve with Baked Sweet Potato ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟสไตล์โฮมเมดรสมันหวานญี่ปุ่นรสหวานมันเนื้อเหนียวนุ่ม เสิร์ฟคู่มันหวานสัญชาติญี่ปุ่นเผาร้อนๆ ตามด้วย Two Tone Soft Serve with Baked Sweet Potato แบบฟินๆ ไอศกรีมซอฟเสิร์ฟ 2 รสชาติผสานในหนึ่งเดียว อาทิ รสวานิลลาหวานหอม และรสมัตฉะที่ครีเอทมาจากผงมัตฉะสายพันธุ์อุจิ เสิร์ฟพร้อมมันเผาสายพันธุ์เบนิฮารุกะอีกเช่นเคย ไม่ชิมไม่ได้เลยกับ Japanese Sweet Potato Crème Brûlée คัสตาร์ดเนื้อนุ่มรสหวานละมุน กินพร้อมเพียวเร่มันหวานแห่งดินแดนอาทิตย์อุทัย เบิร์นไฟร้อนๆ หอมกลิ่นคาราเมลเตะจมูก