ท่ามกลางความคึกคักของย่านเยาวราช ภายในซอยถนนวานิช 1ยังมีร้านชาสุดคลาสสิกบรรยากาศเงียบสงบที่ซุกซ่อนอยู่ในตึกเก่า อย่าง Casa Formosa Taiwan Tea House ตั้งอยู่ โดยร้านชาแห่งนี้มาพร้อมกับใบชาคุณภาพดีนำเข้าจากเกาะไต้หวันกว่า 10 แบบ และขนมโฮมเมดที่ปรับเปลี่ยนไปตามซีซั่น เมื่อนำมาจับคู่กับชาแล้วยิ่งอร่อยลงตัว ทางร้านเลือกชูเสน่ห์ของตึกเก่าที่ยังคงความเก๋าด้วยประตูไม้สุดวินเทจ และผนังปูนเปลือยที่ทิ้งร่องรอยของความดิบเท่เอาไว้ เสริมความอบอุ่นด้วยโคมไฟสีส้มสไตล์จีน และเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่จัดสรรอย่างเป็นสัดส่วน นอกจากนี้ยังมีชั้นลอยที่ตกแต่งด้วยเสื่อทาทามิ โดยสามารถขึ้นไปนั่งดื่มชากันอย่างสบาย ๆ ได้อีกด้วย เริ่มกันที่ 1869 Oolong (150.-) ชาอู่หลงซิกเนเจอร์ที่นำไปเข้าสู่กระบวนการบ่มเข้มล้ำลึก ได้ความหอมของน้ำผึ้ง วานิลลาและคาราเมล หากดื่มแบบร้อนจะยิ่งได้กลิ่นและรสชาติที่ชัดเจน   ต่อด้วย Sun Moon Lake Ruby (250.-) แบล็กทีที่ให้กลิ่นหอมของมินต์ และชินนามอน ตามด้วยความนุ่มนวลจากคาราเมล ดื่มง่ายชุ่มคอไม่ขมฝาด ใครไม่ชอบดื่มชารสเข้มต้องลอง Li Shan Alpine Oolong (280.-) ชาใสภูเขาสูงหลีซานรสเบาสบายดื่มง่าย หอมกลิ่นดอกไม้ และผลสาลี่ ได้ความครีมมี่ติดปลายลิ้นเล็กน้อย ในส่วนของขนมทางร้านใช้วัตถุดิบนำเข้าจากไต้หวันเกือบทั้งหมด อย่าง Pineapple Tart (90.-) ทาร์ตสับปะรดแป้งร่วน ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจากนม ตัดรสเปรี้ยวด้วยไส้สัปปะรดกวน และ ขนมเปี๊ยะถั่วแดงไข่เค็ม ไส้ถั่วแดงเนียนนุ่มรสหวานพอเหมาะ กินพร้อมไข่แดงเค็มไซส์ใหญ่ อุ่นร้อนกินแล้วยิ่งฟิน

Shaloba ร้านกาแฟร่วมสมัยสไตล์ตุรกี ที่ผสมผสานวัฒนธรรมของเอเชียเข้ากับวิถีชีวิตสมัยใหม่ ด้วยวิธีการชงแบบ Turkish Sand Coffee ซ่อนตัวอยู่บนชั้น 2 ของล็อบบี้โรงแรม เดอะ สลิล ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ คาเฟ่ขนาดกะทัดรัดแห่งนี้ 'เน้นเสิร์ฟกาแฟกลิ่นหอมๆ ที่มาพร้อมรสชาติแห่งความสุข' จากการคัดสรรเมล็ดกาแฟชั้นเลิศ ผ่านวิธีการชงกาแฟที่มีให้เลือก 3 แบบด้วยกันทั้ง French Press, Drip และ Sand Coffee ทุกแก้วชงอย่างพิถีพิถัน เพื่อดึงรสชาติและรสสัมผัสของกาแฟอาราบิกาออกมาให้เหล่าคอกาแฟลิ้มรสความอร่อยได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราเลือก Sweet Apricot Colombia เมล็ดกาแฟคั่วอ่อนถึงปานกลาง ได้กลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ช่วยเติมพลังให้วันนี้ได้เป็นอย่างดี กินคู่ขนมโฮมเมดคุณภาพดี อบสดใหม่ทุกวันอย่าง Red Velvet Soft Cookie คุกกี้เนื้อนุ่มชุ่มเนย ท็อปหน้าด้วยไวต์ช็อกโกแลต มีรสหวานหอม และ Bael Fruit Cake เค้กมะตูมเนื้อแน่น ให้รสเปรี้ยวๆ หวานๆ กำลังดี กินตัดรสกับกาแฟอร่อยลงตัว นอกจากเมนูกาแฟตัวชูโรงแล้ว ทางร้านยังมีเครื่องดื่มแสนอร่อยสำหรับคนไม่ดื่มกาแฟอีกด้วยนะ

“King Coffee” แบรนด์กาแฟเลื่องชื่อจากประเทศเวียดนามที่เสิร์ฟความอร่อยมาตั้งแต่ 2016 โดดเด่นด้วยเมล็ดกาแฟคุณภาพที่ได้จากแหล่งที่ราบสูงของประเทศเวียดนาม ผ่านการดูแลเอาใส่ใจจากเกษตรกร ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จจนขยายสาขาไปแล้วกว่า 60 แห่งทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย โดยโลเคชั่นจะตั้งอยู่ที่สถานีรถไฟฟ้าสายสีแดงตลิ่งชัน ชาวฝั่งธนฯ ถูกใจสิ่งนี้ ตัวร้านจำลองเป็นสถานีรถไฟเข้าเค้ากับโลเคชั่น ที่มาพร้อมกับบรรยากาศสบายๆ สไตล์โฮมมี่ด้านใน พร้อมให้คุณจะได้ลิ้มลองกาแฟเวียดนามอันมีเอกลักษณ์ และเครื่องดื่ม Non-Coffee ที่รสชาติไม่ธรรมดา นอกจากนี้ทางร้านยังมีอาหารคอมฟอร์ดฟู้ดสไตล์เวียดนาม เอาใจสายฟู้ดกันอย่างถ้วนหน้าอีกด้วย เมนูแรกเราลองสั่งแป็น ปอเปี๊ยะสดเวียดนาม หรือที่สายฟู้ดรู้จักกันในชื่อ ‘เปาะเปี๊ยะญวน’ แป้งปอเปี๊ยะสดเหนียวนุ่ม ห่อกุ้งลวกสุกพอเหมาะรสหวาน และผักสดกรุบกรอบต่างๆ ราดซอสสูตรเฉพาะรสเปรี้ยวอมหวาน ตามด้วย พิซซาเวียดนาม ตัวแป้งนี้เป็นสูตรพิเศษของทางร้านที่ให้ความหอมของขมิ้น แถมมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล กินพร้อมไส้หมูสับผัดถั่วงอกรสเค็มกลมกล่อม เพิ่มความเปรี้ยวด้วยซอสพริกสไตล์เวียดนามที่หลายคนชอบ ขาดไม่ได้เลยกับ เฝอเนื้อ บั๊ญเฝอโฮมเมดกินอร่อย และเนื้อคุณภาพนุ่มชุ่มฉ่ำ อยู่ในน้ำซุปรสนุ่มนวล เสิร์ฟพร้อมผักสดต่างๆ และซอสพริกสไตล์เวียดนาม มาทางด้านเครื่องดื่มกันบ้างแก้วแรกเป็น Hot Black with Condensed Milk กาแฟดำสัญชาติเวียดนามรสเข้มข้น ที่ผ่านกระบวนการดริปจากเครื่อง Phin Filter เข้ากันดีกับนมข้นหวาน Eggcino Coffee กาแฟไข่ดิบในแบบฉบับเวียดนาม น้ำกาแฟรสเข้มผสานกับไข่แดง นมข้นหวานและวานิลลา รวมกันเป็นรสเข้มครีมมีที่จิบกี่ทีก็ไม่มีเบื่อ ยังมี Iced Bc su ลาเต้เย็นสไตล์เวียดนาม ที่ได้รสหวานมันจากนมสดคุณภาพ และกาแฟสัญชาติเวียดนามรสเข้มพอเหมาะ จิบเย็นๆ ชื่นใจ แต่หากใครไม่ใช่สาวกกาแฟทางร้านก็มี Non – Coffee รสสดชื่นอย่าง Earl Grey Machiato ชาเอิร์ลเกรย์หอมฟุ้ง รสหวานมันจิบเพลิน ท็อปด้วยชีสโฟมเนื้อนุ่มฟินๆ และ Cantaloupe Peach Tea ชาพีชรสหวานหอมชื่นใจ ตกแต่งด้วยเนื้อพีชสดชุ่มฉ่ำ คลายร้อนได้เป็นอย่างดี กินอิ่มแล้วอย่าลืมช็อปปิ้งเมล็ดกาแฟกลับบ้านนะ

เปิดสาขาใหม่จนตามไปเช็คอินไม่ทันจริงๆ สำหรับ Pacamara Coffee Roasters” ร้านกาแฟสเปเชียลตี้คุณภาพแห่งเมืองไทย ซึ่งครั้งนี้มากับโลเคชั่นใหม่ที่ ‘ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์’ (บริเวณชั้น LG) มีพื้นที่กว้างพอเหมาะให้คุณเลือกนั่งได้ทั้งโซฟาหนานุ่ม เหมาะสำหรับคนอยากได้มุมส่วนตัว หรือเคาน์เตอร์บาร์ติดกระจกใส นอกจากนี้ยังมี Specialty Bar ให้คอกาแฟเอ็นจอยไปกับเมล็ดกาแฟจากแหล่งคุณภาพอย่าง ประเทศบราซิล ประเทศกัวเตมาลา ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศไทย ประเดิมด้วย Chicken & Fresh Mozzarella with Rosemary Focaccia ขนมปังฟอคกาเซียนุ่มฟู หอมกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ประกบเนื้อไก่แน่นนุ่ม และชีสมอซซาเรลล่าหอมมัน ตามด้วย Butter Scone สคอนเนยสดเนื้อแน่น เข้ากันดีกับเนยและแยม ยังมี Italian Chocolate Cake Hazelnut เค้กช็อกโกแล็ตเนื้อฟู สลับชั้นกับพุดดิ้งช็อกโกแลตรสเข้มพอเหมาะ ท็อปด้วยเฮเซลนัทกรุบกรอบ จิบพร้อมเมนูเครื่องดื่มดาวเด่นอย่าง Kaffe Rose Lemonade กาแฟโคลด์บรูว์สูตรพิเศษของทางร้าน มิ๊กซ์กับน้ำมะนาวและกุหลาบ รวมเป็นรสชาติเข้มผสานความเปรี้ยวสดชื่น ดื่มง่าย และ Saint Dirty แก้วโปรดใครหลายคน นมเย็นเฉียบท็อปด้วยกาแฟคลาสสิคเบลนด์สูตรลับ รสหอมนุ่มละมุนไม่มีเบื่อ

เจนลูกสาวป้าดำ คือการเดินทางครั้งใหม่ของโรงคั่วกาแฟ Roastery at Home ผ่านคอนเซ็ปต์ Run away from home หรือ ‘ปฏิบัติการหนีออกจากโรงคั่วบ้านพ่อ’ โดยการรวมตัวของเจน แอนด์ เดอะแก๊งที่มีทั้งสถาปนิก ดีไซเนอร์ มาร์เก็ตติ้ง และช่างภาพ เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบว่าที่นี่ซ่อนความสนุกเอาไว้ทั้งโลโก้ เสียงเพลง แสงไฟ รวมถึงการสีเขียวนีออนที่สื่อถึงพลัง ส่วนคำถามที่หลายคนสงสัยว่า “เจน” และ “ป้าดำ” มีตัวตนจริงหรือไม่ คำตอบคือทุกคนมีตัวตนจริง ในขณะเดียวกันทั้งคู่ก็เป็นตัวแทนของคน 2 เจเนอร์เรชั่นที่ต่างวัยแต่ไม่ต่างใจอีกด้วย เพราะมาจากโรงคั่วกาแฟ กาแฟของที่ร้านจึงคัดมาอย่างดีทั้งไทยและต่างแดน ไฮไลต์อยู่ที่กาแฟไร่แม่บู่หย่าที่รสและกลิ่นชัดเจน เริ่มด้วย Cheech and Chong ตั้งชื่อตามคู่หูดูโอจากฝั่งอเมริกา เมื่อสั่งเมนูนี้จะได้กาแฟ 2 แก้วที่ใช้เมล็ดเดียวกันแต่คาแรกเตอร์แตกต่าง ทั้งลาเต้และกาแฟดำ ส่วนเมนูครีเอทีฟดริงก์อย่าพลาด Fat Girl เมนูสีชมพูจากชากุหลาบ มีเจลลี่ยูซุเพิ่มเนื้อสัมผัส ส่วนด้านบนเป็นไข่ขาวเมอแรงก์เชค จิบแล้วชื่นใจหายเหนื่อย พลาดไม่ได้กับ Sourdough Panini แซนด์วิชจากขนมปังโฮมเมดฝีมือคุณเจน เหมาะสำหรับจับคู่กาแฟ แนะนำ Smoked Salmon สโมคแซลมอนที่เข้ากับขนมปังกรอบๆ และ Truffle n’ Bacon เบคอนชิ้นโตและซอสทรัฟเฟิลแบบจุใจไม่หวง นอกจากนี้ยังมีสลัดปูนิ่ม เมนูเบาๆ แต่รสชาติดี รวมถึง Wake Up Call เซ็ตอาหารเช้าที่มีทั้งเบคอนทอดกรอบ อกไก่ และซุปอุ่นๆ ส่วนการเดินทางใน Chapter ต่อจากนี้ เจน แอนด์ เดอะแก๊ง บอกเราว่าจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่จะเล่าออกมาในรูปแบบไหนและผ่านใครนั้น   โปรดติดตามสาวเจนอย่างใกล้ชิด

แม้จะเป็นเพียงร้านกาแฟพื้นที่ขนาดกะทัดรัดในย่านพระราม 9 แต่ความสวยเก๋ของ Anonymous Coffee ก็เรียกได้ว่าโดดเด่นไม่แพ้ใคร ด้วยตัวร้านโปร่งโล่งสไตล์ Glasshouse ที่ผสมผสานความดิบเท่ของโครงเหล็กและสแตนเลสเอาไว้ได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะเมื่อแสงธรรมชาติส่องผ่านยิ่งทำให้ร้านดูมีมิติน่าแชะภาพไปซะทุกมุม โดยทางร้านนำเสนอทุกเมนูผ่านความตั้งใจ ตั้งแต่การเลือกแหล่งเมล็ดกาแฟ ไปจนถึงการคั่วกาแฟสุดพิถีพิถันผ่านเครื่องคั่วมาตรฐาน ตลอดจนถึงการตั้งชื่อเมนูสุดเก๋ อย่าง Yuzu Garden (200.-) เอสเปรสโซช็อตจากเมล็ดกาแฟกัวเตมาลาคั่วกลาง ผสานมากับไซรัปยูซุ และโทนิค หวานปนขม ซาบซ่าเบาๆ ดื่มแล้วชื่นใจเป็นที่สุด หรือจะเลือกเป็น Sally O'Brien (200.-) กาแฟโคลด์บริว ที่เสริมความนุ่มนวลด้วยครีมนม และความหอมจากผิวเปลือกส้ม ดื่มง่ายไม่เข้มจนเกินไป ต่อกันที่ Dirty (150.-) นมสดเย็นรสละมุนหวานน้อย ตัดด้วยความเข้มข้นของเอสเปรสโซช็อตจากเมล็ดกาแฟคั่วกลาง ออกมากลมกล่อมหอมมันแบบพอดี ส่วนสาย Non - Coffee แนะนำ Center Circle (150.-) มัตฉะเดอร์ตี้ ที่ใช้เป็นผงมัตฉะพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น นำมาผสานกับนมสดแช่เย็น แบ่งเลเยอร์มาสวยงาม

ท่ามกลางความเขียวชอุ่มร่มรื่นของสวนป่าริมถนนศรีนครินทร์ ชวนให้ประหลาดใจไม่น้อยที่มุมหนึ่งของกรุงเทพมหานครจะมีกลาสเฮ้าส์กซ่อนอยู่ภายใต้ร่มไม้ ที่นี่ MiVana Coffee Flagship Store นับเป็นสาขาแรกของการเริ่มต้นมอบประสบการณ์ผ่านการให้บริการในรูปแบบร้านกาแฟ ‘มีวนา’ (อ่านว่า มี-วะ-นา) ต่อยอดเมล็ดกาแฟไทยที่เจริญเติบโตในผืนป่าจังหวัดเชียงราย มาสู่ปลายลิ้นของเหล่าคนรักกาแฟในเมืองกรุง ภายในร้านกาแฟกลาสเฮ้าส์แห่งนี้ อบอุ่นไปด้วยแสงแดดที่อาบไล้ผ่านหน้าต่างบานใหญ่ โต๊ะและเก้าอี้สีไม้ เข้ากันได้ดีกับผนังอิฐเบื้องหลังเคาน์เตอร์ที่มีรอยขีดเขียนไปด้วยถ้อยคำแสนพิเศษบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับมีวนาจากเกษตรกรกาแฟและเจ้าหน้าที่ทีมส่งเสริมของมีวนาผู้มีส่วนร่วมในการรังสรรค์กาแฟตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ส่วนบริเวณชั้น 2 นั้น นอกจากจะเป็นพื้นที่นั่งจิบกาแฟอีกมุมหนึ่งแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นนิทรรศการขนาดย่อม บอกเล่าเรื่องราวของการร่วมมือและทำงานร่วมกันเพื่ออนุรักษ์ป่า และส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้คนในชุมชนอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนากาแฟไทยสู่ความเป็นสากล ด้วยคำว่า ‘วนา’ ซึ่งหมายถึงป่านั้น สอดคล้องไปกับแนวคิดอันแข็งแกร่งของแบรนด์ ที่ต้องการเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเมล็ดกาแฟไทย เกษตรกรไทย รวมถึงผืนป่าของไทย ให้มีความยั่งยืน ออกดอกออกผลเป็นกำไรทั้งในทางธุรกิจและสังคม ความเอาใจใส่ในทุกขั้นตอนตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ นอกจากจะทำให้ร้านกาแฟมีวนาเป็นหนึ่งในพิกัดที่คอกาแฟไม่ควรพลาดแล้ว ยังได้ซึมซับกับคุณค่าของภารกิจอันยิ่งใหญ่ด้วย เมล็ดกาแฟอินทรีย์ของมีวนา ได้รับการผสมผสานจนออกมาเป็นเบลนด์ที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน ตอบโจทย์สำหรับผู้ดื่มกาแฟที่ชื่นชอบรสชาติที่แตกต่างกันไป เพื่อการดื่มด่ำกับเมล็ดกาแฟอินทรีย์จากผืนป่าเชียงรายอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นคงไม่มีอะไรจะดีไปกว่ากาแฟ Single Origin จาก 3 หมู่บ้าน ที่เพิ่งเปิดตัวไป ที่เหมาะจะนำมาทำเป็นเมนู กาแฟดริปเย็น ด้วยเมล็ด Single Origin คั่วอ่อนของหมู่บ้านขุนลาว อ.เวียงป่าเป้า มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวคล้ายผลเบอร์รี่สุก และ กาแฟดริปร้อน ที่ให้ความเปรี้ยวอมหวานและสอดแทรกไปด้วยกลิ่นหอมถั่วคั่วและช็อกโกแลต จากเมล็ดกาแฟคั่วอ่อนของหมู่บ้านร่มเย็น อ.เวียงป่าเป้าเช่นเดียวกัน สำหรับกาแฟนม Piccolo Latte หรือที่รู้จักกันว่าเป็น ‘ลาเต้แก้วเล็ก’ ถือว่าไม่ควรพลาด ด้วยความเข้มข้นหอมกรุ่นของกาแฟคั่วแบบแน่น ๆ เข้ากับนมรสละมุนที่ปริมาณกำลังพอดี ไม่มากไปหรือน้อยไป Lychee Mojito (Coffee Mocktail) ยกให้เป็นหนึ่งในเมนูสุดสร้างสรรค์ด้วยการจับคู่ค็อกเทลสุดคลาสสิกอย่างโมฮิโต้มาผสมผสานกับความขมของกาแฟ จนออกมาเป็นเมนูกาแฟที่ให้ความสดชื่นจากความเปรี้ยวอมหวานจากน้ำลิ้นจี่ หอมกลิ่นมะนาว ใบสะระแหน่ และความซาบซ่าจากโซดาตามแบบฉบับโมฮิโต้ อีกหนึ่งเครื่องดื่มที่สดชื่นไม่แพ้กัน MiVana Sparkling Coffee จากการนำกาแฟสกัดเย็น Sparkling Cold Brew ซึ่งโดดเด่นด้วยความซ่า มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มาเพิ่มรสชาติและความน่าตื่นเต้นด้วยการเสิร์ฟพร้อมกับ Fruit Infuse Ice Cube ก้อนน้ำแข็งสูตรเฉพาะของร้านที่ผสมผลไม้สดอย่าง ราสป์เบอร์รี่ เลม่อน และใบสะระแหน่ นอกจากเมนูกาแฟแล้ว ที่นี่ยังมีตัวเลือกเครื่องดื่ม Non-Coffee เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งด้วย เช่น Lotus Root & Lychee น้ำรากบัวผสมน้ำลิ้นจี่ที่ให้ความหวานกำลังดี รสเปรี้ยวนิด ๆ จากน้ำมะนาว เหมาะกับการเติมความสดชื่นระหว่างวัน ด้วยการทำงานเรื่องกาแฟร่วมกับชุมชนในภาคเหนือของไทย บรรดาอาหารว่างส่วนใหญ่ของมีวนา จึงได้รับแรงบันดาลใจสำคัญมาจากอาหารท้องถิ่น¬ภาคเหนือ จนออกมาเป็นเมนูอาหารหน้าตาแปลกใหม่ แต่รสชาตินั้นยังทำให้หวนคิดถึงกลิ่นอายของอาหารเหนือ เช่น ฮังเล พูล พอร์ค แซนวิช (Hung Le Pulled Pork Sandwich) ครัวซองต์เนื้อนุ่มหอม สอดไส้หมูตุ๋นเนื้อเปื่อยยุ่ยผัดคลุกเคล้าเครื่องแกงฮังเลเข้มข้น เสริมรสชาติด้วยขิงสด และผักชี ข้าวซอยทาร์ต (Kaow Soi Tart) เป็นอีกเมนูพื้นเมืองที่นำมาสร้างสรรค์ใหม่เช่นเดียวกัน ด้วยการหยิบเอาส่วนประกอบของข้าวซอย ได้แก่ น้ำซุปเข้มข้นหวาน มัน เค็ม เส้นบะหมี่ไข่ทอดกรอบ หอมแดงหั่นชิ้นเล็ก และผักกาดดองหั่นชิ้นเล็กมารวมอยู่ในทาร์ตชิ้นกระทัดรัด ครบรสชาติในคำเดียว หากมองหาของหวานที่เหมาะกับกาแฟแก้วโปรด เค้กมะตูม (Ma-Toom Cake) เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมอย่างแน่นอน ด้วยตัวเค้กที่เสิร์ฟแบบอุ่น ด้านบนท็อปด้วยมะตูมเชื่อมชิ้นโต เนื้อแน่น รสชาติหวานกำลังดี Chicken & Asparagus Pie พายไก่ แอสพารากัส ของมีวนา พิเศษด้วยการใช้เนื้อไก่จากไก่อารมณ์ดี เลี้ยงแบบเปิดจึงให้เนื้อนุ่มหวาน ทวีคูณความนุ่มพร้อมรสชาติกลมกล่อมของน้ำสต็อกที่ตุ๋นจนเข้าเนื้อ เป็นรสชาติแห่งความสุขที่กินแล้วอารมณ์ดีไปพร้อม ๆ กับการจิบกาแฟสักแก้ว เมื่อได้มาสัมผัสแล้วจะต้องหลงใหลไปกับเรื่องราวการอนุรักษ์ บรรยากาศของผืนป่าขนาดกะทัดรัดในกรุงเทพมหานคร และอัญมณีจากผืนป่าในรูปแบบของกาแฟหอมกรุ่นอย่างแน่นอน

LYNX COFFEE คาเฟ่บรรยากาศอบอุ่นใกล้ BTS โพธิ์นิมิตรที่ไม่ได้มีแค่กาแฟดีเท่านั้น แต่เค้กของทางร้านยังทำได้ละมุนละไมจนเราไม่อยากให้พลาดคาเฟ่ในบ้านหลังสวยที่ไม่ได้มีแค่กาแฟดีเท่านั้น แต่เค้กของทางร้านยังทำได้ละมุนละไมจนเราไม่อยากให้พลาด กาแฟของที่ร้านดูแลโดยคุณอู๋ มีไฮไลต์เป็นเบลนด์พิเศษอย่าง LYNX BLEND (ไทย-ลาว-บราซิล) คั่วกลาง ออกโทนนัตตี้คาราเมล ส่วนขนมดูแลโดยคุณกระติกที่เรียนจบด้านโภชนาการและโปรดปรานการทำเบเกอรี่อย่างที่สุด โดยเฉพาะ Chocolate Dark Beer Cake ของร้านนี้ที่โดดเด่นด้วยเนื้อเค้กฉ่ำหอม ครีมชีสที่ไม่เปรี้ยวจนเกินไป ราดด้วยซอสฟองเบียร์ที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ กินพร้อมกันแล้วลงตัวมากๆ นอกจากนี้ยังมี Lemon Meringue Tart ฐานกรอบหอม ส่วนเลม่อนครีมรสเปรี้ยวสดชื่น หวานนิดๆ หอมกลิ่นผิวเลม่อน ออนท็อปด้วยเมอแรงก์ที่ไม่มีผลึกน้ำตาลให้เสียอารมณ์ Irish Tiramisu Cake ใช้ไอริชครีมแทนคาลัวร์ผสมไปในมาสคาโปเน่มูสเพื่อเพิ่มความละมุน ฐานเป็นเนื้อเค้กชิฟฟอนที่ใช้เมล็ด LYNX Blend บดใส่ลงไปผสมด้วย ส่วนเลดี้ฟิงเกอร์ก็ชุ่มฉ่ำไปด้วยเอสเพรสโซ่ซอสสูตรลับ หรือจะลอง Premium Strawberry Cake & Tart รวมความอร่อยของเค้กสตรอว์เบอร์รี่ ทาร์ตสตรอว์เบอร์รี่ และซอสสตรอว์เบอร์รี่ไว้ด้วยกัน จับคู่ Fullmoon Latte ซิกเนเจอร์ลาเต้ท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลา หรือจะลอง Lemon Tea Jelly ชาเอิร์ลเกรย์ผสานกับรสเปรี้ยวจากน้ำเลมอน รสหวานจากน้ำผึ้ง แถมมีเจลลี่ชาเลมอนให้ได้เคี้ยวเพลินๆ อีกด้วย

ชวนมัตฉะเลิฟเวอร์มาดื่มด่ำกับเครื่องดื่มแก้วโปรดที่ CHAEN TEA Experience ร้านน้ำชาร่วมสมัยสาขา 3 ในเครือ CHAEN TEA ที่พรีเมียมและกว้างขว้างขึ้นกว่าเดิม โดยสาขานี้จะเน้นการผสมผสานชาไทยกับชาญี่ปุ่น ชาไต้หวัน และชาจีน จนได้เมนูเครื่องดื่มรสเข้มข้น กลมกล่อมไม่เหมือนใคร       ตัวร้านตกแต่งมาในคอนเซ็ปต์ Fukinsei สื่อถึงความไม่สมส่วน ไม่สมบูรณ์ แต่กลับสวยงามและมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง โดยชั้น 1 แบ่งเป็นโซนเคาน์เตอร์บาร์ ที่สามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับบาริสต้าได้อย่างใกล้ชิด และโซนเอาต์ดอร์ สำหรับใครที่อยากรับลมธรรมชาติ ส่วนชั้น 2 เป็นห้องดื่มชาปูด้วยเสื่อทาทามิ และโซน Workshop ที่เปิดเป็นคอร์สให้จับจองเวลาเพื่อเรียนรู้เรื่องชากันแบบเป็นกรุ๊ปส่วนตัว     เริ่มด้วย Dark Kago Chirai (170.-) ที่ผสมผสานชาออร์แกนิก สายพันธุ์ จินเชวียน จากเชียงราย และผงมัตฉะ จากจังหวัดคาโกชิม่า ประเทศญี่ปุ่น รสเข้ม ติดขมปลาย ใครชอบความเข้มข้นต้องแก้วนี้     ต่อกันที่ Milk Asanoka (180.-) ชาสายพันธุ์เดี่ยวจากจังหวัดคาโกชิม่า ประเทศญี่ปุ่น ที่มีการปลูกเพียง 1% ให้รสชาติโทนนัตตี้ มีความครีมมี อูมามิ นวลละมุนลิ้น      ส่วนเมนู Non-Milk แนะนำ Dong Ding Oolong Plum Sparking (150.-) ชาอูหลงบ๊วย ที่เลือกใช้เป็นบ๊วยเชียงรายหมักสไตล์ไต้หวัน ไม่เค็ม เปรี้ยว หรือหวานจนเกินไป ผสมมากับชาต้งติ่งอูหลง รสเข้มฝาด เข้ากันได้ดี     หรือจะเลือกเป็น Black Tea Coconut (150.-) ชาดำหรือชาแดงสายพันธุ์จวินเชวียนจากจังหวัดเชียงราย ให้รสชาติเบาและฟรุ๊ตตี้เล็กน้อย เมื่อนำมาผสมกับน้ำมะพร้าวยิ่งเสริมความสดชื่นได้อย่างลงตัว     ของหวานต้องลอง Matcha Banoffee (280.-) ตัวฐานเป็นแครกเกอร์มัตฉะ กินพร้อมกล้วยหอม มัตฉะกานาชและวิปครีมมัตฉะ เข้มข้นถูกปากเราเป็นที่สุด และ Matcha Panacotta (120.-) เนื้อเนียนละเอียด กินแล้วจะได้กลิ่นหอมของนมและมัตฉะคละคลุ้งอยู่ในปาก จับคู่กับเครื่องดื่มสักแก้วยิ่งอร่อยลงตัว    

เชียงราย ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีการปลูกกาแฟอยู่มาก และก็มีกาแฟที่ขึ้นชื่ออยู่มากมาย สำหรับคอกาแฟที่มีโอกาสได้เดินทางไปยัง จ.เชียงราย “ดอยช้าง” จะเป็นหนึ่งในพิกัดที่ต้องไปเยือนอย่างแน่นอน เพราะตลอดเส้นทางการขับรถขึ้นดอยแห่งนี้ต่างเรียงรายไปด้วยคาเฟ่ ร้านกาแฟ และสวนกาแฟมากมายนับไม่ถ้วน       Alio Slow Bar and FARM ก็เป็นหนึ่งในร้านกาแฟขนาดย่อม ดูน่ารักด้วยหลังคามุงจาก มาพร้อมบาร์กาแฟแบบกระทัดรัด เหมาะกับการนั่งจิบกาแฟและพูดคุยสัพเพเหระไปพร้อม ๆ กัน ในขณะที่อีกมุมหนึ่งก็เป็นลานกว้างยื่นออกไปตรงหน้าผาปูด้วยแผ่นไม้ไผ่ เป็นจุดชมวิวหลักร้อยล้านที่พลาดไม่ได้       ตัวเลือกของเมล็ดกาแฟที่ร้าน Alio Slow Bar and FARM มีทั้งแบบคั่วกลางและคั่วอ่อน ทั้งหมดเป็นเมล็ดที่ปลูกอยู่บนดอยช้าง สามารถเลือกผสมผสานเมล็ดกาแฟในแก้วของเราได้ตามใจชอบ และจะเลือกเป็นดริปร้อนหรือดริปเย็นก็ได้ แต่คราวนี้ที่เรามาเยือนนั้นฝนตกโปรยปราย อากาศเย็น จึงขอลองเป็นดริปร้อนเพิ่มความอบอุ่น เสิร์ฟมาในแก้วแฮนด์เมดดูแปลกตา       นอกจากเมนูกาแฟดริปที่พลาดไม่ได้แล้ว ที่นี่ยังมีกาแฟอีกหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น Coffee Peach กาแฟพีชเสิร์ฟแบบเย็นเท่านั้น รวมถึงกาแฟคลาสสิคอย่าง Espresso, Dirty, Cappuccino, Latte และ Mocca รวมถึงเมนูโกโก้ และชาเพิ่มความหวานหอมสดชื่น เช่น ชาพีช ชาแอปเปิ้ล ชาเลม่อน ที่มีเสิร์ฟทั้งแบบร้อนและเย็นเช่นกัน       และถ้าใครอยากได้กาแฟเป็นของฝากจากเชียงราย ที่นี่ก็มีจำหน่ายในราคาถุงละ 250 บาทเท่านั้น

‘ดอยช้าง’ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอันดับต้น ๆ ของเชียงราย เป็นสวรรค์สำหรับคนรักกาแฟ และ YAYO FARM เอง ก็เป็นร้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของกาแฟไม่น้อยหน้าใคร   เส้นทางการมาเยือน YAYO FARM นั้นแอบหวาดเสียวด้วยถนนแคบสุดลาดชัน แต่ก็คุ้มเมื่อมาถึงเพราะที่นี่ต้อนรับด้วยความเขียวชอุ่ม รายล้อมด้วยต้นกาแฟตลอดทางเดินเข้าสู่ตัวร้าน ส่วนภายในร้านก็ได้อีกบรรยากาศเคร่งขรึมด้วยบาร์กาแฟสีดำ ตัดกับโต๊ะเก้าอี้ทำจากไม้ดูเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติและทัศนียภาพตรงหน้า ผ่านหน้าต่างเปิดโล่งให้สูดอากาศอย่างเต็มปอด   YAYO FARM มีทั้งอาหารและเครื่องดื่มสำหรับคอกาแฟและคนที่ไม่ใช่คอกาแฟก็สามารถเอ็นจอยกับที่นี่ได้อย่างไม่ยากเย็น แต่แน่นอนว่ามาถึงถิ่นกาแฟแห่งเชียงรายทั้งที จะไม่ให้ลิ้มลองเมนูกาแฟก็จะยังไงอยู่ ดังนั้นจึงขอเริ่มต้นด้วย Yuzu on the hill เมนูกาแฟเย็นมาพร้อมกับไซรัปยูซุได้น้ำได้เนื้อเต็มคำ ได้ทั้งความขมของกาแฟรวมกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวจากยูซุอย่างลงตัว ต่อมาคือเมนู Sugar Man เป็นเมนูกาแฟอีกเช่นกัน แต่ว่าแก้วนี้มาคู่กับน้ำตาลสด ได้รสชาติที่หอมหวานโดดเด่น ใครที่ไม่คุ้นเคยกับกาแฟแต่อยากจะลองดูสักครั้ง ให้แก้วนี้เป็นจุดเริ่มต้นก็ดีไม่น้อยเลยทีเดียว นอกจากเมนูเครื่องดื่มที่น่าสนใจมาก ๆ แล้ว อย่าลืมสั่งขนมมากินคู่กัน อย่างเช่น เบอร์รี่ชีสเค้ก เนื้อแน่น เนียน นุ่ม รสชาติไม่หวานมาก แถมยังได้ความเปรี้ยวจากเบอร์รี่แซมมาด้วย หรือจะจัดเต็มให้อิ่มกับของคาว ที่นี่ก็มีเมนูพาสตาให้ลองด้วยเหมือนกันอย่าง สปาเกตตีชาโคลเบคอนพริกแห้ง ที่ให้ความเผ็ดร้อนเบา ๆ จากพริกแห้งผัดคลุกเคล้าจนเข้ากันกับเบคอนและเส้นสปาเกตตีสีดำ ได้กลิ่นหอมจากพริกและใบโหระพา ค่อย ๆ กินไปเรื่อย ๆ ผลัดกับชมวิวไปเพลิน ๆ   อย่าพลาดจุดถ่ายรูปไฮไลต์ของร้าน มีทั้งชิงช้าสวรรค์ชวนหวาดเสียว และเก้าอี้ที่นั่งใสที่มีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง

ขอต้อนรับสู่ HQ/R โรงคั่วกาแฟสุดเจ๋งของร้านกาแฟที่คุ้นเคยอย่าง Hey! Coffee ที่ตอนนี้พร้อมเผยโฉมเบื้องหลังกลิ่นกาแฟหอมๆ ในรูปแบบโรงคั่วย่านเกษตรนวมินทร์ นอกจากจะเน้นเมล็ดกาแฟพิเศษ ยังมีเทรนนิงเรื่องกาแฟแบบครบวงจร รับคั่วกาแฟ ขายอุปกรณ์กาแฟ และโปรเจกต์ที่กำลังจะได้เห็นเร็วๆ นี้คือจำหน่ายสารกาแฟดิบ (Green Bean) เรียกว่าเป็นคอมมูนิตีของคนรักกาแฟที่ครบเครื่องเลยทีเดียว         เพราะอยากให้ที่นี่เป็นแฟล็กชิปสโตร์ เราจึงได้เห็นบรรยากาศของการคั่วกาแฟผ่านเครื่องคั่วมาตรฐาน SCAในห้องกระจกใส ส่วนการตกแต่งเน้นความเรียบเท่แต่ทำงานได้จริง ทั้งบาร์ ห้องประชุม เช่นเดียวกับโซนเมล็ดกาแฟที่ขายเมล็ดกาแฟตั้งแต่ 1 กรัมจนถึง 1 กิโลกรัมตามความต้องการ         เมล็ดกาแฟที่ได้รับความนิยมของที่นี่คือ Columbia Excelso EP 5% กาแฟคั่วกลางที่มีรสเปรี้ยวนิดๆ โทนช็อกโกแลต แซมด้วยกลิ่นคาราเมล เหมาะสำหรับเมนู Dirty ใครปักใจกับ Latte อยากให้ลองเมล็ด Guatemala SHB EP Coffee Unex คั่วกลาง โทนช็อกโกแลตเช่นกัน มีเปรี้ยวนิดๆ เจอนมแล้วพอเหมาะพอดี       ส่วนคอกาแฟดริปทางร้านแนะนำ Rwanda Sake Women Washing Station เมล็ดกาแฟที่มีความฉ่ำจากผลไม้อบแห้งอย่างสับปะรด ดริปได้ทั้งร้อนและเย็น แล้วตบท้ายด้วย Americano เมล็ด Ethiopia Yirgacheffe Vocasa Carlo ที่มาพร้อม Tasting Note แบบฟรุตตี้ จิบแล้วสดชื่น     ถูกใจแก้วไหนก็ซื้อเมล็ดที่ใช่กลับบ้านได้เลย

นี่แหละร้านที่คอกาแฟตามหามานาน "Mahasan Cafe" คาเฟ่ลับใต้คอนโดรีเจ้นท์โฮม บางซ่อน (เฟส 27) ที่พร้อมเสิร์ฟกาแฟระดับคุณภาพในราคาเบาๆ เข้าถึงง่าย และดื่มได้ทุกวัน       ด้วยราคาเริ่มต้นแค่ 40 บาท แต่คัดสรรกาแฟคุณภาพดีแบบเน้นๆ ที่นี่ใช้กาแฟดอยล้าน ที่ให้โทนช็อกโกแลต และกาแฟจากลาว โทนฟรุตตี้เลมอน ซึ่งหากผสมนมจะออกโทนอัลมอนด์คาราเมลกลมกล่อมลงตัว ที่สำคัญร้านนี้ยังทำน้ำแข็งด้วยตัวเองทุกก้อน เพื่อคงรสชาติและค่า ph ของน้ำ ไม่ให้ความอร่อยของแต่ละแก้วผิดเพี้ยนไป เรียกว่าพิถีพิถันทุกรายละเอียดสุดๆ         เห็นโทนร้านตกแต่งด้วยโทนสีดำและน้ำตาลดูเท่ๆ แมนๆ แบบนี้ แต่บอกเลยว่านอกจากกาแฟรสดี มหาศาลยังมาพร้อมต้อนรับสาย (ของ) หวานเบเกอรีโฮมเมดมากมาย อาทิ Ham-Cheese Croissant ที่ร้านอบเอง กรอบนอกนุ่มใน กินเพลิน และ Chocolate Fudge Cake เค้กเนื้อชิฟฟ่อนนุ่มๆ เข้ากับมูสช็อกโกแลตนวลๆ       คนรักกาแฟที่เน้นความสดชื่นเราแนะนำ Black Yuzu ทีเด็ดคือการเชคกาแฟดำกับไซรัปยูสุ เพิ่มรสชาติและความนุ่มนวล และ Black Rosee กาแฟดำโทนฟรุตตี้เข้ากันได้ดีกับไซรัปกุหลาบเปรี้ยวหวานสดชื่น ส่วนมือใหม่หัดจิบ (กาแฟ) ต้องลอง Black & White ช็อตกาแฟผสมชาร์โคลและนมสูตรพิเศษ เป็นเมนูกาแฟที่ไม่บอกก็อาจไม่รู้ เพราะรสชาติหอมหวานนิดๆ เหมือนคุกกี้แอนด์ครีม         สำหรับสาย Non-Coffee เราแนะนำ Premium Matcha Latte ใช้มัตฉะคุณภาพดีส่งตรงจากญี่ปุ่น ที่สำคัญคือที่นี่ตีชาชงสดทุกแก้วเพิ่อความอร่อยพรีเมียมสมชื่อกันเลย Dark Night Cocoa คัดสรรเมล็ดโกโก้พิเศษ รสเข้มข้นโดนใจคนรักช็อกโกแลตแน่นอน และ Yuzu Soda เปรี้ยวหวานสดชื่นลงตัว         แอบกระซิบว่าช่วงเย็นมหาศาลคาเฟ่ยังพร้อมต้อนรับเหล่านักดื่มที่อยากมาแฮงก์เอาต์หลังเลิกงานด้วยเครื่องดื่มหลากหลาย ทั้งคราฟต์เบียร์ ไซเดอร์ ไวน์ และคอกเทลรสเลิศอีกด้วย

ชวนเหล่าคาเฟ่ฮอปเปอร์ไปสัมผัสความเท่ ของ NOV x IRL Coffee BAR คาเฟ่น้องใหม่ ย่านประชาชื่น ที่โดดเด่นด้วยตัวร้านโทนสีเทา และลานหินขนาดใหญ่ เหมาะแก่การมานั่งชิล จิบกาแฟรสเข้ม ที่การันตีความอร่อยด้วยเมล็ดกาแฟจากร้าน IRL Coffee Bar  ร้านกาแฟคุณภาพดีย่านพระราม 9 นั่นเอง       โซนอินดอร์ทางร้านทำเป็นห้องกระจกใสเปิดรับแสงธรรมชาติ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีดำ และสแตนเลสเป็นหลัก ช่วยเสริมความดิบเท่ของโทนสีเทารอบร้านได้เป็นอย่างดี ส่วนโซนลานหินด้านนอก ทางร้านนำก้อนหินแกรนิต เก้าอี้แคมป์สีดำ และต้นไม้น้อยใหญ่มาประดับและจัดวางไว้อย่างเป็นสัดส่วน ให้ได้ออกมานั่งรับลมกันเพลินๆ       ทางร้านเลือกใช้เมล็ดกาแฟจากต่างประเทศทั้งหมด โดยเน้นคอนเซ็ปต์ “ดื่มง่าย น่าค้นหา ในราคาที่เหมาะสม”  อาทิ เมนู 11 O'Clock (120.-) ที่ใช้เป็นเมล็ดกาแฟ House Blend (เอธิโอเปีย-พม่า) มาผสมผสานกับน้ำส้มยุซุหอมหวาน ดื่มง่าย ได้ความสดชื่น     อีกตัวที่เราอยากแนะนำ Dia Namaito (120.-) หรือคาปูชิโน่เย็น เสิร์ฟแบบไร้น้ำแข็ง ที่ใช้เป็น เมล็ดกาแฟ House Blend (บราซิล-โคลัมเบีย) ท็อปมาด้วยผงโกโก้ รสนุ่มนวลละมุนลิ้น     หรือจะเลือกเป็น Kit Kat Bomb (130.-) เมนูสุดพิเศษสำหรับช่วงเทศกาลเฉลิมฉลอง โดยนำคิตแคทไปปั่นจนได้เนื้อเนียนละเอียด ท็อปด้วยครีมคิตแคทรสละมุน กินพร้อมคิตแคทช็อกโกแลตไบท์กรุบกรอบ จับคู่กับ Cream Cheese Garlic Croissant (135.-) ครัวซองต์ชิ้นโตกรอบนอกฉ่ำใน หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นเนย ด้านในสอดไส้ชีส มาแบบไม่หวง อิ่มอร่อย สบายท้อง    

ถึงแม้ว่าจะเป็นถนนพาดสายจะเป็นเส้นทางสายสั้น ๆ ที่ขนานไปกับถนนเยาวราช แต่ก็คึกคักไปด้วยผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิถีชีวิตของคนไทยเชื้อสายจีนที่ตั้งรกรากกันบริเวณนี้มาช้านาน ทำให้บริเวณนี้รุ่มรวยไปด้วยร่องรอยทางวัฒนธรรมมากมาย รวมถึงพิกัดร้านรวงที่น่าแวะไปเยือน และหนึ่งในนั้นก็คือร้านกาแฟเอ็กเต็งผู่กี่ ที่เดินทางผ่านกาลเวลามานานกว่าร้อยปีแล้ว         บรรยากาศของร้านกาแฟเอ็กเต็งผู่กี่ในวันนี้ผิดไปจากบรรยากาศเมื่อวันวานราวพลิกฝ่ามือ จากสภากาแฟโบราณกลายเป็นร้านกาแฟสไตล์จีนโมเดิร์น ที่เชื้อเชิญให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเยือน         แต่ถึงรูปลักษณ์ภายนอกของร้านจะเปลี่ยนแปลงไป ในเรื่องของเมนูที่เป็นจุดขายมาตั้งแต่รุ่นอากงก็ยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เริ่มต้นด้วย ชุดอาหารเช้า พิเศษ ที่ประกอบไปด้วย ไข่ดาว 2 ฟอง ไส้กรอก 4 ชิ้น แฮม อีก 2 ชิ้น เป็นเมนูอาหารเช้าที่ทำให้คนในครอบครัวกินจริง ๆ นับเป็นการเริ่มต้นวันแบบไม่หนักไม่เบา แต่จริง ๆ แล้วชุดอาหารเช้าที่ร้านนี้ก็พร้อมเสิร์ฟให้แวะเข้ามาเติมพลังตลอดทั้งวัน     ต่อด้วย ขนมปังปิ้งทาสังขยาไข่โบราณ สูตรเฉพาะของร้านที่มีมานานกว่า 100 ปี ที่ใช้กะทิผสมกับไข่ ไม่ใส่แป้ง และไม่ใส่วัตถุกันเสีย ต่อด้วย ขนมจีบกุ้ง สูตรอาม่า ขนาดกำลังดี ได้สัมผัสนุ่มเด้งจากไส้กุ้งเต็มคำ นอกจากนี้ยังมีติ่มซำอื่น ๆ ให้ลิ้มลองด้วยทั้งขนมจีบหมู ขนมจีบปู ฮะเก๋า ซาลาเปาไส้ต่าง ๆ เช่น ครีม หมูสับ หมูแดง พุทรา ถั่วดำ และไข่เค็มลาวา ที่ทางร้านทำเอง         สำหรับเครื่องดื่มสุดคลาสสิคของร้านก็ต้องยกให้กับ กาแฟโบราณ ที่ใช้เมล็ดโรบัสต้านำมาคั่วเองแบบโบราณ โดยผสมเนยและน้ำตาลลงไปด้วย จึงมีเอกลักษณ์อยู่ที่กลิ่นไหม้จากการคั่วที่หอมเตะจมูกทันทีที่จิบ อีกแก้วหนึ่งคือ ชานมซีลอน ที่ใช้ชาจากศรีลังกา กลิ่นหอมเข้มข้น หวานสดชื่น       ถ้าอยากได้บรรยากาศจีน ๆ ในย่านจีนของแท้ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด  

Calico คาลิโกแมวขนสามสี ขาว ส้ม ดำ ถือเป็นแมวนำความโชคดีมาให้ ร้าน Calico Koff ร้านกาแฟโฮมคาเฟ่ที่มีแมวสามสีตัวอ้วนคอยเรียกแขกพร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมๆ       ร้านในบ้านหลังนี้ตกแต่งด้วยเหล็กสีดำ และปูนให้อารมณ์ดิบเท่ เจ้าของร้านทำกาแฟด้วยตัวเอง พูดคุยผ่านเคาท์เตอร์บาร์ได้อย่างใกล้ชิดและเป็นกันเอง เมล็ดกาแฟที่นี่คั่วและเบลนด์เอง และยังมีเมล็ดกาแฟซิงเกิลออริจินแบรนด์ดังที่ทางร้านคัดสรรมาเป็นอย่างดีให้เลือกชิมอีกด้วย         เมนูยอดนิยมของร้านใช้ชื่อแมวมาตั้งเป็นชื่อเมนูได้อย่างน่ารัก เช่น Calio แมวสามศรี (180 บาท) เสิร์ฟนมสดกับไอศกรีมฮาเก้นดาส ราดด้วยชอตกาแฟ ได้ทั้งรสหวานมันของนมและไอศกรีมตัดกับรสเข้มๆ ของกาแฟ กินแก้วนี้แล้วถือเป็นก็ให้รางวัลตัวเอง     Dirty Cat แมวเปรอะ (140 บาท) กาแฟเดอร์ตี้ที่นำนมใส่แก้วไปแช่จนเย็นจัด ราดด้วยชอตกาแฟเข้ม กลิ่นนัตตี้ โรยเกล็ดช็อกโกแลต และผงโกโก้     Drip Coffe (150-180 บาท) ใครที่หลงเสน่ห์ของกาแฟดริปที่นี่ก็มีให้เลือกตามความชอบจากหลากหลายเมล็ดกาแฟ อย่างแก้วนี้เมล็ดกาแฟเอธิโอเปีย เปรี้ยว ฟรุ๊ตตี้โทนผลไม้บลูเบอร์รี องุ่น และจัสมิน     ส่วนเค้กจะมีหมุนเวียนไปเรื่อยๆ อย่างเช่น Carrot Cake แครอทเค้กสไตล์ดั้งเดิม เนื้อแน่นหยาบ หอมกลิ่นเครื่องเทศ เหมาะกินคู่กับกาแฟ     เป็นอีกร้านใกล้บ้านที่เหมาะจะไปจิบกาแฟเป็นหลัก และเล่นกับแมวเป็นของแถม

Yaks House Hostel โฮสเทลสุดโมเดิร์นบนถนนอรุณอัมรินทร์ ที่นำคอนเซ็ปต์ยักษ์จากรามเกียรติ์ อย่างทศกัณฐ์ ไมยราพ พิเภก และท้าววิรุฬหก มาตกแต่งให้ที่นี่มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร         นอกจากห้องพักหลากหลายสไตล์แล้ว ยังมีคาเฟ่เล็กๆ อยู่บริเวณชั้นล่างของโฮสเทล ที่ให้เราได้ฝากท้องตลอดทั้งวัน ให้บริการทั้งอาหารคาว ของหวาน กาแฟ และเครื่องดื่ม ในบรรยากาศสดใส โล่งโปร่งด้วยกระจกบานใหญ่ให้เราได้ผ่อนคลาย และนั่งทำงานได้อย่างเพลิดเพลิน           หากมาช่วงเช้าลองสั่งเมนูขนมปังอย่าง แซนวิชสอดไส้ชีส 4 ชนิด ขนมปังชิ้นใหญ่สอดไส้ชีสรสเข้มข้น ย่างบนกระทะเพียงด้านเดียวทำให้ขนมปังกรอบนอก นุ่มใน หั่นแล้วชีสยืดสุดๆ     ช่วงเที่ยงแนะนำเมนู สปาเก็ตตีกุ้งอาราเบียต้า สปาเก็ตตี้ผัดแห้งรสเผ็ดร้อน ใส่มะเขือเทศอบแห้งและกุ้ง โรยชีสรสเค็มมัน ข้าวหมูย่างกะเพรากรอบไข่ดาว อาหารจานเดียวอิ่มง่ายๆ กับหมูสไลด์บางๆ ย่างและผัดกะเพรา โรยใบกะเพราทอดกรอบ หอมเผ็ด        ปิดท้ายด้วย กาแฟลาเต้ ที่ใช้เมล็ดกาแฟสายพันธุ์ทิปปิก้า และคาติมอร์ หมักแห้ง จะไร่ที่จังหวัดเชียงใหม่ คั่วเข้มให้กลิ่นถั่วและช็อกโกแลต     ทั้งที่พักและอาหาร ครบจบในที่เดียว Line : https://lin.ee/uFohzcd

นับเป็นข่าวดีของคอกาแฟ หลังจาก Hario ร้านกาแฟแบรนด์ดังสัญชาติญี่ปุ่นประสบความสำเร็จไปแล้วกับสาขาแรกในบ้านเราก็ถึงเวลาสำหรับการเปิดตัวสาขา 2 ธนิยะ พลาซ่าในรูปแบบแฟล็กชิปสโตร์ และเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดของ Hario           ความพิเศษของ Hario Café Bangkok Thaniya Plaza คือการได้ดื่มด่ำกาแฟแก้วโปรดไปพร้อมกับความรื่นรมย์ของบรรยากาศโดยรอบ เพราะทุกพื้นที่ถูกเนรมิตให้กลายเป็นฤดูกาลต่างๆ ของญี่ปุ่น อบอุ่นสบายตาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ ชวนให้คลายความคิดถึงการเดินทางไปได้บ้าง       เมื่อเดินเข้ามาในร้านจะเจอกับ Speed Bar เป็นโซนแรก ตอบโจทย์ชาวออฟฟิศที่เร่งรีบแต่อยากแวะมาจิบกาแฟสักแก้วก่อนลุยงาน ถัดมาเป็น Slow Bar สำหรับสายชิลโดยทีมบาริสต้า และด้านในสุดเป็นโซนขายอุปกรณ์กาแฟแบบละลานตา รวมถึงเมล็ดกาแฟนำเข้าจากทั่วทุกมุมโลกก็หาซื้อได้ที่นี่       อย่าพลาด Cold Brew Fizz กาแฟโคลด์บริวที่เติมความสดชื่นด้วยน้ำผึ้งและน้ำยูสุ ด้านบนท็อปด้วยไอศกรีมยูสุโฮมเมดและรังผึ้งหอมหวาน ถัดมา Samui Brulee เครมบูเล่ในเวอร์ชั่นกาแฟ โดดเด่นด้วยน้ำมะพร้าวจากสมุยและครีมนนมหอมมัน ด้านบนเป็นแผ่นน้ำตาลเบิร์น ก่อนกินราดด้วยช็อตกาแฟ ristretto เข้มข้น         ส่วนใครเป็นสายกาแฟนม แนะนำ Latte on the rock นมอุ่นราดบนน้ำแข็งโคลด์บริวแบบ Iced Ball จับคู่ Japanese Cheescake เนื้อแน่นนุ่ม หรือจะลองเซนฉะร้อนเสิร์ฟพร้อมโมจิโฮมเมดเคี้ยวหนึบก็เป็นอีกเมนูน่าลอง         นอกจากนี้ที่ร้านยังเสิร์ฟเมนูคาวให้อิ่มได้ตลาดวันทั้ง สลัด พาสตา ฯลฯ รวมถึงมีคอร์สกาแฟโอมากาเสะทุกวันเสาร์-อาทิตย์ (วันละ 2 รอบ/รอบละ 4 คน) กับเมล็ดกาแฟ private collection และเรื่องเล่าสนุกๆ ที่ทีมบาริสตารอเล่าให้ทุกคนฟังอยู่     คนรักกาแฟอย่าพลาดเชียว

เปิดบ้านหลังที่ 3 อย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ว สำหรับ % Arabica Bangkok EmQuatier Roastery สาขาใหม่จาก % Arabica ร้านกาแฟสัญชาติญี่ปุ่นที่ครั้งนี้เลือกมาปักหมุดที่ชั้น M ดิ เอ็มควอเทียร์           สำหรับสาขานี้ออกแบบโดย no.10 ในเครือ Nomurakougeisha ที่ยังคงคาแรกเตอร์ของ % Arabica ได้ชัดเจนด้วยโทนร้านสีขาว มินิมอลแต่ฟังก์ชั่น มีเครื่องทำกาแฟ Slayer ตกแต่งด้วยไม้ซึ่งเป็นเหมือนกิมมิกของแบรนด์ (อย่าลืมเงยหน้ามองพัดลมเพดานที่เรียบเท่และใช้งานได้จริง) มีกำแพงกระจกรับแสงธรรมชาติ มองออกไปจะเจอวิวน้ำตกสูง 40 เมตรของ ดิ เอ็มควอเทียร์ เรียกว่าเพิ่มความรื่นรมย์ในการจิบกาแฟได้ดีเชียว           คุณเจี่ยลู่ ผู้บริหารสาขาประเทศไทยบอกกับเราว่า ที่นี่เป็นสาขาแรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการคั่วกาแฟด้วยเครื่องคั่วกาแฟ Probat ขนาด 22 กิโลกรัม ซึ่งคั่วกาแฟได้ในปริมาณมากและมีเครื่องคั่วกาแฟ Tornado King ขนาด 1 กิโลกรัมที่ผลิตจากญี่ปุ่นให้คนรักกาแฟได้เลือกเมล็ดได้ตามใจ           ส่วนเมนูยังเป็นเมนูที่เรียบง่ายตามแบบฉบับของ % Arabica ไม่ว่าจะเป็น Hot Caffe Latte นุ่มนวลด้วย Arabica Blend ที่มีความเป็นช็อกโกแลตเมื่อเจอกับนมจะได้ความนุ่มนวลลงตัว หรือจะเป็น Iced Spanish Latte หอมหวานจากนมสดและนมข้น         คนไม่ดื่มกาแฟก็มี Matcha Latte อูจิมัทฉะหอมเข้ม และ Lemoned น้ำเลมอนที่เลือกได้ทั้ง Still และ Sparkling

ชื่อของ Bora Bora นั้นเป็นที่รู้จักกันในนามของเกาะสวรรค์แห่งการพักร้อน เมื่อกลายเป็นชื่อของคาเฟ่เล็ก ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ใน ซ.หลานหลวง 8 แล้ว คาเฟ่แห่งนี้ก็เปรียบเสมือนพิกัดที่เปิดประตูให้ผู้มาเยือนได้ทุกคนเข้ามาพักผ่อนหย่อนใจไปกับบรรยากาศที่แสนเป็นกันเอง รายล้อมไปด้วยมุมถ่ายรูปแบบมินิมัล พร้อมกันนั้นก็ได้เอ็นจอยกับเครื่องดื่มแก้วโปรดที่มีให้เลือกหลายหลายแบบ         ด้วยประสบการณ์ที่เคยใช้ชีวิตอยู่ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ทำให้เจ้าของร้านทั้งสองคนนั้นจริงจังกับเรื่องเมล็ดกาแฟไม่น้อย โดยเมล็ดกาแฟในร้านนั้นใช้เป็นเมล็ดกาแฟนำเข้าแทบทั้งหมด อีกทั้งยังมีเบลนด์เฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตามฤดูกาลอีกด้วย         เริ่มต้นด้วยเมนูกาแฟแนวสร้างสรรค์อย่าง Sweet&Sour ที่เน้นดื่มง่าย ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว เพิ่มความสดชื่นในระหว่างวันได้เป็นอย่างดี       ต่อด้วย Dalgona Latte กาแฟดัลโกนาที่โด่งดังเป็นกระแสมาแล้วพักใหญ่ ซึ่งเป็นกาแฟนมรสชาติกลมกล่อมโปะมาด้วยแผ่นน้ำตาลเกาหลี หรือที่เราเรียกว่าดัลโกนา ซึ่งจะค่อย ๆ ละลายทีละนิดเพิ่มรสชาติหวานให้กับกาแฟแก้วนี้     อีกแก้วนั้นเป็นเมนูชาชื่อว่า Mixed fruite green tea เป็นชาเย็นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากร้านชานมไข่มุกชื่อดังในซิดนีย์ จุดเด่นอยู่ที่รสชาติเปรี้ยวนิดหวานหน่อยจากผลไม้ท้องถิ่นเข้าไป เช่น แตงโม เสาวรส และส้ม ได้ความสดชื่นแบบเต็มพิกัด     สำหรับใครที่อยากละเลียดกาแฟคลาสสิค สั่งลาเต้ร้อนที่มาพร้อมลาเต้อาร์ตสุดประณีตสักแก้วก็ดีเหมือนกัน     นอกจากเมนูเครื่องดื่มแล้ว ที่ร้านยังมีซอฟต์คุกกี้โฮมเมดหลากหลายหน้าตามาให้ลิ้มลองด้วย อย่างเช่น SMore Cookies และ Lemon Cookies ที่เป็นตัวเด็ดของร้านเลย