กาแฟได้ถูกนำเข้ามาในยุโรปในศตวรรษที่ 17 ว่ากันว่าที่เมือง Dresden ในประเทศเยอรมนี และเริ่มมีการทำขนมเค้กรสกาแฟทานกับชาและกาแฟ ต่อมาชาวเดนมาร์กก็ทำขนมสำหรับทานกับกาแฟที่ใส่กาแฟและอื่นๆ เพราะฉะนั้น คอฟฟี่เค้ก ที่รู้จักกันในปัจจุบันจึงเกิดมาจากวัฒนธรรมของหลายประเทศ   ปีนี้ในสหรัฐอเมริกาเป็นปีของคอฟฟี่เค้ก (Year of Coffee Cake) ชาวยุโรปที่ย้ายถิ่นฐานเข้ามาในอเมริกาได้นำเอาวัฒนธรรมของตนติดตัวไปด้วย คอฟฟี่เค้กจึงเป็นที่นิยมมากในอเมริกา เค้กนี้มีทั้งธรรมดาและไม่ธรรมดา ส่วนมากจะเป็นเค้กชั้นเดียวและมีหน้าที่อบในตัว นานๆ ทีจึงจะพบรสกาแฟ แต่ละครอบครัวก็จะมีตำราเด็ดของตน ตำราลับที่ไม่บอกใคร   คอฟฟี่เค้กส่วนใหญ่จะมีส่วนที่โรยหน้า ตัดเป็นชิ้น เสิร์ฟตามงานต่างๆ เช่น งานประชุม มีขายทั่วไปตามร้านกาแฟ ซูเปอร์มาร์เก็ต ตามบ้านก็ทำทานกันแทบทุกบ้าน เป็นขนมที่ทำง่าย ทานง่าย  คอฟฟี่เค้กมีหลายพันชนิดแล้วแต่แต่ละคนจะคิดประดิษฐ์   ฉบับนี้เรามาทำคอฟฟี่เค้กรสเลมอนกัน เป็นตำราของยายเพื่อนผู้เขียนที่บอกว่าได้มาจากโฆษณาที่ทำแจกกัน   ส่วนประกอบหน้า (Crumb) ผิวส้มสะดือขูด (Navel Sunkist) 1 ช้อนโต๊ะ ผิวเลมอนขูด 1 ช้อนโต๊ะ แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม น้ำตาลทราย 130 กรัม ดอกเกลือ 1/2 ช้อนชา เนยเย็นจัด (หั่นเป็นก้อนเล็ก) 112 กรัม วิธีทำ ใส่แป้ง น้ำตาลทราย ผิวเลมอน ผิวส้ม และเกลือลงใน Food Processor ปั่นจนเข้ากัน ใส่เนยปั่นให้เป็นทรายหยาบๆ พักไว้ ส่วนผสมเนื้อเค้ก เนยพักให้นุ่ม 112 กรัม น้ำตาลทราย (1) 200 กรัม ไข่แดง 3 ฟอง แป้งสาลีอเนกประสงค์ 200 กรัม เบกกิงโซดา 1/4 ช้อนชา เกลือ 1/4 ช้อนชา ผิวเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ กรีกโยเกิร์ต 100 มิลลิลิตร ไข่ขาว 190 กรัม (3 ฟอง) น้ำตาลทราย (2) 50 กรัม อุปกรณ์ ถาดอบสี่เหลี่ยมขนาด 9 × 9  นิ้ว   วิธีทำ ผสมแป้ง เบกกิงโซดา และเกลือในอ่างผสม พักไว้ ตีเนยกับน้ำตาลทราย (1) จนฟูเบา ใส่ไข่แดงทีละฟอง ตีให้เข้ากันดี ใส่แป้งลงในส่วนผสมเนย สลับกับกรีกโยเกิร์ต ใส่ผิวเลมอน ตีไข่ขาวกับน้ำตาลทราย (2) จนตั้งยอดอ่อน ตะล่อมไข่ขาวลงในส่วนผสมไข่แดงจนเข้ากันดี เทส่วนผสมครึ่งหนึ่งลงในถาดอบ ตักเลมอนเคิร์ดใส่ลงให้ทั่วหน้า ใส่ส่วนผสมแป้งที่เหลือ เกลี่ยหน้าให้เรียบ โรยหน้าด้วย Crumb ที่ทำไว้ให้ทั่ว นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส นาน 60 นาที ส่วนผสม Lemon Curd น้ำเลมอน 150 มิลลิลิตร ผิวเลมอน 1 ผล น้ำตาลทราย 150 กรัม ไข่เบอร์ 0 3 ฟอง เนย 113 กรัม      วิธีทำ  ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อก้นหนา ตั้งไฟปานกลาง คนตลอดจนเริ่มมีฟองปุดๆ (ใช้เวลาประมาณ 6 นาที) ปิดไฟ เทใส่ภาชนะ ปิดหน้าด้วยฟิล์มใสสำหรับทำอาหาร พักให้เย็น

ของหวานสำหรับคนรักสุขภาพอย่างวัฟเฟิลที่มีโปรตีนมากถึง 60 กรัม ได้จากเวย์โปรตีนและไข่ขาว เนื้อสัมผัสนุ่มฟู หอมกลิ่นอบเชย เสิร์ฟคู่กับซอสเบอร์รีสูตรโฮมเมด รสเปรี้ยว หวานนิดๆ ถูกใจสายเฮลท์ตี้   ส่วนผสม (สำหรับ 1 ที่) ผงเวย์โปรตีน 50 กรัม กรีกโยเกิร์ต 4 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ ไข่ไก่ 1 ฟอง ไข่ขาว 2 ฟอง ผงฟู 1 ช้อนชา ผงอบเชย 1 ช้อนชา กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา วิปครีมกะทิตามชอบ เนยสำหรับทาเครื่องทำวัฟเฟิลเล็กน้อย วิธีทำ ทำชามแห้งโดยผสมผงเวย์โปรตีน แป้งข้าวโอ๊ต ผงฟู และผงอบเชยให้เข้ากัน ทำชามเปียกโดยผสมไข่ไก่ ไข่ขาว กลิ่นวานิลลา และกรีกโยเกิร์ตให้เข้ากัน ใส่ชามแห้งที่เตรียมไว้ คนผสมจนเนื้อเนียน อุ่นเตาวัฟเฟิลให้ร้อน ทาเนยเล็กน้อย ตักแป้งใส่เครื่อง ปิดฝาอบประมาณ 3 นาทีจนแป้งสุกสีเหลืองสวยงาม ตักขึ้น พักให้เย็น ส่วนผสมซอสเบอร์รี เบอร์รีรวมแช่แข็ง 1 1/2 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 3 ช้อนโต๊ะ ผิวเลมอน 2 ช้อนชา น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำซอสเบอร์รี ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในหม้อ คลุกให้เข้ากัน ต้มโดยใช้ไฟปานกลาง 5 นาที ให้ส่วนผสมข้นขึ้นเล็กน้อย ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น จัดจานโดยวางวัฟเฟิล ท็อปด้วยวิปครีมกะทิแล้วราดซอสเบอร์รีเล็กน้อย ตกแต่งด้วยเชอร์รีและเบอร์รีให้สวยงาม

ผลไม้หน้าร้อนยอดฮิตคงจะหนีไม่พ้น “ทุเรียน” ราชาผลไม้ของไทย กินสดหรือทำขนมก็อร่อย มาทำเค้กโรลทุเรียนกัน       ส่วนผสม ไข่แดงเบอร์หนึ่ง 3 ฟอง น้ำตาลทราย (1) 1/3 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา แป้งเค้ก 1 1/4 ถ้วย นมสด 1/3 ถ้วย ผงฟู 1 ช้อนชา ผงวานิลา 1 ช้อนชา น้ำมันรำข้าว 1/4 ถ้วย   ไข่ขาวเบอร์หนึ่ง 3 ฟอง น้ำตาลทราย (2) 1/3 ถ้วย ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา ถาดขนาด 11×15 นิ้ว ครีมทุเรียนและครีมเนยสด วิปครีมสด 2 ถ้วย เนื้อทุเรียนบด 1/2 ถ้วย เนยสดเค็ม 150 กรัม เนยขาว 100 กรัม น้ำตาลไอซิง 1/2 ถ้วย นมข้นหวาน 1/4 ถ้วย สีผสมอาหารสีเขียวแก่ 2-3 ช้อนชา เนื้อทุเรียน วิธีทำ เตรียมเค้กโดยผสมไข่แดงกับน้ำตาลทราย(1) เกลือ คนให้เข้ากันจนฟูเล็กน้อยและเป็นครีม ใส่น้ำมันรำข้าว นมสด คนต่อให้เข้ากัน ใส่แป้งเค้ก ผงฟู และผงวานิลา ตะล่อมให้เข้ากัน คนให้เข้ากันอีกครั้ง พักไว้ ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์ให้เป็นฟองละเอียด ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทราย(2) ตีต่อจนไข่ขาวฟูอยู่ตัว ตักใส่ส่วนผสมไข่แดงครึ่งหนึ่ง ตะล่อมให้เข้ากันแล้วใส่ส่วนผสมไข่ขาวที่เหลือ ตะล่อมให้เข้ากันทั่ว เทส่วนผสมใส่ถาดอบที่รองด้วยกระดาษรองอบ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เวลา 25 นาทีจนสุก พักไว้สักครู่ คว่ำขนมออกจากถาดแล้วม้วนเค้กพักไว้ ทำครีมทุเรียนโดยผสมวิปครีมกับเนื้อทุเรียนบด คนให้เข้ากัน นำไปปาดบนเค้กที่ม้วนไว้ ใส่เนื้อทุเรียนตรงกลาง แล้วม้วนให้แน่น แช่เย็นไว้ ทำครีมเนยสดโดยตีเนยสดกับเนยขาวและน้ำตาลไอซิงให้พอเข้ากัน ใส่นมข้นหวาน ตีต่อให้เข้ากัน ใส่สีผสมอาหาร คนให้เข้ากัน ใส่ถุงบีบ นำเค้กโรลออกจากตู้เย็น ปาดครีมลงบนเค้กโรลให้ทั่ว แล้วเป็นรูปหนามคล้ายเปลือกทุเรียน แช่เย็นไว้ก่อนเสิร์ฟ

คนที่สนใจและอยากจะลองเป็นชาววีแกนที่ไม่กินอาหารจากเนื้อสัตว์ อาจจะพะว้าพะวังและตัดสินใจไม่ถูกเมื่อต้องให้ตัดใจเรื่องเบเกอรี่ เพราะเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นเนยนมไข่ ยั่วยวนใจทุกครั้งเมื่อได้กลิ่น แม้ว่าปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์หลากหลายมาทดแทน เช่น ใช้กะทิแทนเนย วิปปิงครีม โยเกิร์ต ใช้อัลมอนด์บัตเตอร์แทนเนย ข้อสำคัญคือไม่ควรแต่คิด แต่ลองลงมือทำหรือลองชิม ซึ่งปัจจุบันมีร้านเบเกอรี่วีแกนอยู่หลายร้าน ชาววีแกนผู้มีประสบการณ์แนะนำว่าให้เริ่มต้นทำของหวานหรือเค้กจากการใช้รสหวานจากผลไม้ก่อน เช่น เครปไส้มะม่วงและวิปครีมจากกะทิ เสิร์ฟคู่กับไอศกรีมที่ไม่มีส่วนผสมของนมก็ยังได้อีก หรือพายผลไม้และพายจากถั่วเปลือกแข็งชนิดต่างๆ   แต่ถ้าใครเป็นคนรักเค้กช็อกโกแลตและชอบกินบราวนี่ แนะนำให้ลองทำ บราวนี่วีแกน สูตรนี้ดู ส่วนผสมไม่มีเนย นม ไข่เหมือนทั่วไป ใช้น้ำมันพืชเป็นไขมันแทนเนย ใช้ผงโกโก้เป็นส่วนผสมหลัก และเสริมให้เนื้อขนมนุ่มและรสนุ่มขึ้นด้วยซอสแอปเปิล หรือเมล็ดแฟลกซ์บดให้ละเอียดแล้วแช่น้ำจนอิ่มตัว   ที่น่าสนใจมากคือ “น้ำตาล” สามารถใช้น้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลโตนดมาละลายน้ำแทนน้ำตาลทรายได้ ขนมจะยิ่งหอม เนื้อหนึบ และหน้าขนมยังเป็นฟิล์มเงา   จนอาจจะลืมไปเลยว่าเป็นบราวนี่ของชาววีแกน ส่วนผสม น้ำตาลมะพร้าว 1 1/2 ถ้วย น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย เมล็ดแฟลกซ์บด 2 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะ หรือซอสแอปเปิล 5 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย วานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ ผงช็อกโกแลต 3/4 ถ้วย แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 1/2 ถ้วย เกลือ 1/2 ช้อนชา ช็อกโกแลตชิป 1/2 ถ้วย วิธีทำ ใส่น้ำเปล่า 5 ช้อนโต๊ะในเมล็ดแฟลกซ์บด แช่ไว้ให้ดูดน้ำจนนุ่ม ถ้าใช้ซอสแอปเปิลไม่ต้องใช้เมล็ดแฟลกซ์ ผสมน้ำเปล่ากับน้ำตาล ตั้งไฟปานกลาง คนเป็นครั้งคราวจนน้ำตาลละลายหมด ประมาณ 5 นาที พักไว้สักครู่ ถ้าน้ำตาลมีฟองอากาศให้ตักทิ้ง ในชามผสมใบใหญ่ใส่แป้ง ผงช็อกโกแลต และเกลือ ใส่น้ำเชื่อมที่ทำไว้ (คนก่อนเท) ลงในแป้ง คนให้เข้ากัน ใส่น้ำมันพืช เมล็ดแฟลกซ์ หรือแอปเปิลซอส และวานิลลา คนให้เข้ากัน ใส่ช็อกโกแลตชิป คนให้พอเข้ากัน เทใส่ถาดสี่เหลี่ยมขนาด 8×8 นิ้วที่รองด้วยกระดาษไข นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส ประมาณ 40-50 นาที ก่อนนำออกจากเตาอบประมาณ 5 นาที โรยช็อกโกแลตชิปให้ทั่วหน้า (เช็กเค้กสุกโดยใช้ไม้จิ้มกลางชิ้น ถ้าไม่มีเนื้อเค้กติดมาแสดงว่าใช้ได้แล้ว)

ป้าอี๊ด-พวงพยอม ณ ลำปาง เป็นเพื่อนสนิทของป้าเจี๊ยบค่ะ ชอบสีเหลืองเป็นชีวิตจิตใจ กระทั่งบ้านก็ทาสีเหลือง ของใช้สารพัดในบ้านก็สีเหลือง วันหนึ่งเธอหอบฟักทองสีเหลืองลูกใหญ่มาฝาก วางไว้ให้บนโต๊ะหลังบ้าน วางไว้ยังไงก็อยู่อย่างนั้น!   ผ่านไปครึ่งเดือนป้าเจี๊ยบเห็นข้อมูลเกี่ยวกับประโยชน์มากมายของฟักทองในไลน์กลุ่มเพื่อนมัธยม ส่งมาโดยปัชชี่-ปัจฉิมา ธนสันติ เพื่อนคนเก่ง อดีตอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา จึงระลึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีฟักทองวางนิ่งๆ อยู่หลังบ้าน เห็นทีจะปล่อยของมีประโยชน์ไว้เฉยๆ อย่างนั้นไม่ได้แล้ว...อิอิ   ปอกเสร็จได้ 3 กล่องใหญ่ น้ำหนักร่วม 3 กิโลฯ ถามญาติมิตรว่าใครสนใจก็มาแบ่งปันไปได้ คำตอบคือ...เงียบ!   ป้าเจี๊ยบเลยคิดเมนูยาวเหยียดในใจ พร้อมๆ กับนึกภาพว่าพอหมดกล่อง ป้าเจี๊ยบคงตัวเหลืองเป็นพระสังข์แน่ๆ...ฮ่าฮ่าฮ่า   เริ่มเมนูง่ายสุดคือฟักทองย่าง ตามมาด้วยซุปฟักทอง พอถึงตรงนี้ก็อยากได้ขนมปังมากินกับซุปสิคะ จะทำขนมปังแบบใช้ยีสต์ก็ขี้เกียจรอนาน ทำแบบ Quick Bread ใช้โซดาฯ ใช้ผงฟูเร็วกว่ากันเยอะ ปังแบบนี้คนไทยมักจะเรียกว่าเค้ก!   ป้าเจี๊ยบแบ่งฟักทองมา 200 กรัม นึ่งจนสุกแล้วบดละเอียด วางพักไว้ หยิบพิมพ์แบบโลฟขนาด 8 × 4 นิ้ว มาทาเนยจนทั่ว โรยแป้งสาลีอเนกประสงค์ให้เคลือบผิวด้านในพิมพ์ เคาะแป้งส่วนเกินออก วางเตรียมไว้ แล้ววอร์มเตาอบไว้ที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส หรือ 325 องศาฟาเรนไฮต์   ลงมือเตรียมชามแห้งค่ะ มี แป้งสาลีอเนกประสงค์ 125 กรัม (1 ถ้วยตวง) เกลือป่น 1/4 ช้อนชา โซดาไบคาร์บอเนต 1/2 ช้อนชา ผงฟู 1/4 ช้อนชา กานพลูป่น 1/2 ช้อนชา อบเชยป่น 1/2 ช้อนชา ลูกจันทน์ป่น 1/2 ช้อนชา ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมทั้งหมดกลมกลืนกันดี   ถัดมาก็ทำชามเปียกโดยใช้ตะกร้อมือตี เนยแท้รสจืด (อุณหภูมิห้อง) 75 กรัม (1/3 ถ้วยตวง) กับ น้ำตาลทราย 85 กรัม (1/2 ถ้วยตวง) จนกระทั่งน้ำตาลละลายหมด ใส่ ไข่ไก่เบอร์สาม 1 ฟอง และ น้ำมันคาโนล่า 1 ช้อนโต๊ะ ลงไปตีต่อให้เข้ากัน จากนั้นใส่ ฟักทองบด 200 กรัม แล้วคนต่อจนเนียนเป็นครีม   เทชามแห้งและ ผลไม้แห้งรวม (ลูกเกด แครนเบอร์รี อินทผลัม แอปริคอต) 1/2 ถ้วยตวง ลงในชามเปียก ใช้พายซิลิโคนตะล่อมๆ แค่พอให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน เทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ เกลี่ยให้เสมอกัน แล้วกระแทกพิมพ์ 3-4 ครั้งกับโต๊ะ โรยหน้าด้วย เมล็ดฟักทอง   นำเข้าเตาอบที่ตั้งปุ่มความร้อนไว้อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส หรือ 325 องศาฟาเรนไฮต์ ปุ่มไฟบน-ล่าง ปุ่มเวลา 45 นาที พอได้ยินเสียงติ๊ง นำพิมพ์ออกมาวางพักไว้ประมาณ 30 นาที ก่อนนำปังออกจากพิมพ์   ป้าเจี๊ยบตัดแบ่งปังออกจากพิมพ์มาก่อน 1 ชิ้นนะคะ เพราะซุปพร้อมแล้ว อยากกินตอนร้อนๆ เพราะซุปของป้าเจี๊ยบเป็นซุปฟักทองแบบเย็น (Cold Pumpkin Soup)   หลังจากนำออกจากพิมพ์เรียบร้อยแล้ว ป้าเจี๊ยบถ่ายภาพส่งไปถามใหม่ค่ะ คำตอบคราวนี้คือ ยินดีรับแบ่งปัน...ฮา!

“ยักกวา” คุกกี้เกาหลีเนื้อนุ่มนอกกรอบใน ผิวด้านนอกฉ่ำน้ำเชื่อมน้ำผึ้ง กินกับชากาแฟยามบ่าย หรือทำเก็บไว้กินเล่นก็อร่อยเพลิน   ส่วนผสม น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย น้ำเชื่อมข้าวโพด 1/3 ถ้วย น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย ขิงหั่นแว่น 5-6 แว่น แป้งสาลีอเนกประสงค์ 3 ถ้วย อบเชยป่น 1/2 ช้อนชา น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วย น้ำมันพืชสำหรับทอด วิธีทำ เตรียมน้ำเชื่อมสำหรับนวดแป้งโดยใส่น้ำตาลทราย น้ำเชื่อมข้าวโพด น้ำเปล่า และขิงลงในหม้อ ตั้งไฟต้มให้เดือด น้ำตาลละลาย และมีกลิ่นขิง ยกลง พักไว้ ผสมแป้งกับอบเชย คลุกให้เข้ากัน ใส่น้ำเชื่อมที่ต้มไว้ คนให้พอเข้ากัน ใส่น้ำมันพืช นวดให้เข้ากัน พักแป้งไว้ 30 นาที แบ่งแป้งเป็นก้อนกลมขนาดพอดีกับพิมพ์ กดแป้งใส่พิมพ์แล้วคว่ำใส่จาน เตรียมไว้ ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใส่แป้งลงทอดให้สุกเหลือง ตักขึ้น พักไว้ ผสมน้ำผึ้งกับน้ำเชื่อม คนให้เข้ากัน ใส่แป้งทอดลงแช่ในน้ำเชื่อมจนอิ่มตัว ตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำเชื่อม จัดใส่จานเสิร์ฟ 

บาร์ช็อกโกแลตไร้แป้ง นำส่วนผสมเค้กกล้วยหอมมาผสมกับข้าวโอ๊ต อัลมอนด์ ได้รสหวานหอมจากกล้วย น้ำผึ้ง และเนยถั่ว อบจนสุกแล้วราดช็อกโกแลตที่ผสมเนยถั่วเพิ่มความหอมให้กับบาร์ได้อีก   ส่วนผสม เนื้อกล้วยบดละเอียด 2 ผล ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 3 ฟอง เนยถั่ว (1) 1/2 ถ้วย น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1 1/2 ช้อนชา ข้าวโอ๊ตแผ่น 1 ถ้วย ข้าวโอ๊ตป่น 1/2 ถ้วย อัลมอนด์ป่น 1 ถ้วย ดาร์กช็อกโกแลตกระดุม 300 กรัม เนยถั่ว (2) 140 กรัม วิธีทำ ผสมกล้วยหอมบดละเอียดกับไข่ คนให้พอเข้ากัน ใส่เนยถั่ว (1) น้ำผึ้ง และกลิ่นวานิลลา คนต่อให้เข้ากัน ใส่ข้าวโอ๊ตแผ่น ข้าวโอ๊ตป่น และอัลมอนด์ป่น คนให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 30 นาที จนสุก ใส่ช็อกโกแลตและเนยถั่ว (2) ลงในชามแก้ว นำไปเข้าไมโครเวฟ 2 นาที คนให้ละลายเข้ากัน เทลงถาดข้าวโอ๊ต แช่เย็นไว้ นำบาร์ช็อกโกแลตออกจากพิมพ์ นำมีดที่ใช้ตัดไปแช่น้ำร้อนแล้วตัดบาร์ช็อกโกแลตเป็นชิ้น

ป้าแจงครบ 71 ปีแล้วค่ะ โทรมาจากบ้านกลางดงว่า   “เลี้ยงวันเกิดปีนี้ ขอซี่โครงหมูแบบยาวหนึ่งฟุตอบ!”   ป้าเจี๊ยบไม่ทำให้สมาชิกกินมานานมาก...นานตั้งแต่ก่อนช่วงโควิดที่ต่างคนต่างอยู่ ป้าแจงบอกว่าไปกินมาหลายที่ ไม่มีที่ไหนอร่อยเท่าของป้าเจี๊ยบ อิอิ เจอลูกยอจากพี่สาวก็จัดให้สิคะ   ก่อนไปจ่ายตลาดเพื่อเตรียมซี่โครงให้มากพอสำหรับเลี้ยงสมาชิกครอบครัวในวันเสาร์ ป้าแจงก็โทรมาบอกอีกว่า “ทำเผื่อเพื่อนๆ อีก 5 คนที่จะเลี้ยงวันอาทิตย์ด้วยนะ อยากให้เพื่อนได้ชิมซี่โครงอร่อยๆ”   เป็นอันว่าป้าเจี๊ยบต้องอบซี่โครงสำหรับนักกินรวม 20 ชีวิต งานใหญ่นะเนี่ย! แต่ผลประกอบการทำให้ป้าเจี๊ยบยิ้มแก้มปริไปเลยค่ะ แค่คำชมจากป้าแจงคนเดียวก็เกินพอ   เค้กวันเกิดป้าแจงเป็นบันด์เค้กเนยหน้าคาราเมลสารพัดถั่วและธัญพืช ซึ่งป้าแจงไม่ได้ตัดเค้ก บอกว่าเก็บไว้ตัดวันอาทิตย์กับเพื่อนๆ แต่หน้าเค้กมีหลายมือมาหยิบสารพัดถั่วและธัญพืชเคลือบคาราเมลไปกินจนเกือบหมด ป้าเจี๊ยบต้องทำเติมให้สวยสำหรับวันอาทิตย์ ซึ่งวันนั้นพี่ตู๋-ดุษฎี ศาลยาชีวิน เพื่อนของป้าแจงขอเพิ่มชิ้นที่ 2!   การที่สมาชิกไม่ว่าอะไรเรื่องเค้กเนยก็เพราะป้าเจี๊ยบทำของหวานถ้วยเล็กๆ เตรียมไว้อีกอย่าง ของหวานนี้ ป้าเจี๊ยบลองผสมผสานไอเดียจากขนมสองอย่างคือทีรามิสุกับชีสเค้ก นำมาบรรจุลงในถ้วยรูปแบบ Dessert Shooters ขนาด 100 มิลลิลิตร เพราะเดี๋ยวนี้สมาชิกครอบครัวกินของหวานลดลง รักษาสุขภาพกันมากขึ้น แม้ถ้วยจะเล็กก็ยังมีคนกินแบบหารสอง ป้าเจี๊ยบจึงเตรียมถ้วยไว้แค่ 12 ใบ   ป้าเจี๊ยบตั้งชื่อว่า สามซีชอต!  ซีแรกคือ Chocolate ซีที่สองคือ Coffee ซีที่สามคือ Cream Cheese ทีรามิสุใช้คุกกี้เลดี้ฟิงเกอร์ ป้าเจี๊ยบใช้ คุกกี้โอรีโอ เตรียมไว้ 24 คู่ ชงกาแฟดำเข้มข้นด้วย กาแฟผงสำเร็จรูป 1 ช้อนโต๊ะ กับ น้ำร้อน 1/3 ถ้วยตวง วางพักไว้   ส่วนที่ควรเป็นมาสคาร์โปเนชีสป้าเจี๊ยบใช้ครีมชีส โดยนำ ครีมชีสฟิลาเดลเฟีย 1/2 ก้อน (113 กรัม) และ เนยแท้รสเค็ม 1/4 ก้อน (56 กรัม) ซึ่งวางทิ้งไว้จนอ่อนตัวที่อุณหภูมิห้อง มาตีด้วยตะกร้อไฟฟ้าจนเข้ากัน ใส่นมข้นหวาน 100 กรัม ตีต่ออีกครั้งจนเนื้อเนียน จากนั้นใส่ น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ ใช้พายซิลิโคนตะล่อมให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน   ป้าเจี๊ยบลงมือจัดโดยเริ่มจากการจุ่มคุกกี้ลงในน้ำกาแฟจนท่วม แล้วนำไปวางลงในถ้วยแก้วแต่ละถ้วย ตักครีมชีสราดทับลงไป แล้วจุ่มคุกกี้อีกชิ้นในน้ำกาแฟนำไปวางทับบนครีมชีส ตักครีมชีสราดอีกครั้ง กะให้ทุกถ้วยมีปริมาณเท่าๆ กัน กระแทกก้นถ้วยเบาๆ บนผ้าหนาๆ ให้หน้าเรียบ   จากนั้นโรยหน้าด้วย ดาร์กช็อกโกแลตแบบแผ่นของฝรั่งเศส ที่ขูดจนเป็นเกล็ดเล็กๆ ปิดหน้าถ้วยด้วยแผ่นฟิล์มถนอมอาหาร นำเข้าไปพักในตู้เย็นจนกว่าจะถึงเวลาเสิร์ฟ   สามซีชอต...ทีรามิสุฉบับแปลงของป้าเจี๊ยบ ไม่เหลือให้คนทำได้ชิมเลยนะคะ

เค้กกล้วยหอมสูตรนี้ไม่มีเตาอบก็ทำได้ด้วยกระทะ ใช้ไฟอ่อน และมีส่วนผสมง่ายๆ เมื่ออบสุกแล้ว เนื้อเค้กนุ่ม ราดคาราเมลหอมหวานกลมกล่อม   ส่วนผสมคาราเมล เนยสดรสเค็ม 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วย วิปปิงครีม 1/3 ถ้วย กล้วยหอม 2-3 ผล ส่วนผสมเค้ก ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำตาลทรายแดง 1/4 ถ้วย เกลือป่น 1/8 ช้อนชา โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 55 กรัม น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ แป้งเค้ก 1/2 ถ้วย ผงฟู 1/2 ช้อนชา เบกกิงโซดา 1/8 ช้อนชา เนื้อกล้วยบด 1 ผล วิธีทำ ทำคาราเมลโดยใส่เนยเค็มกับน้ำตาลทรายแดงลงในกระทะ เคี่ยวให้น้ำตาลละลายเข้ากับเนย ใส่วิปปิงครีม คนให้เข้ากันแล้วรอให้เดือดสักครู่ ปิดไฟ ตักแบ่งไว้สำหรับราดบนเค้ก ผ่ากล้วยหอมครึ่งผลแล้วเรียงในกระทะคาราเมล พักไว้ ทำเค้กกล้วยหอมโดยใส่ไข่ไก่กับน้ำตาลทรายแดงลงในอ่างผสม ใช้ตะกร้อมือตีให้เข้ากันจนน้ำตาลละลายหมด ใส่โยเกิร์ต ตีให้เข้ากัน ใส่น้ำมัน ตีอีกครั้งให้เข้ากัน ใส่เนื้อกล้วยบด คนให้เข้ากัน ใส่แป้งเค้ก ผงฟู เบกกิงโซดา และเกลือป่น คนให้เข้ากันอีกครั้ง เทใส่กระทะกล้วยคาราเมล ปิดฝา เปิดไฟอ่อนๆ อบจนเค้กสุก คว่ำเค้กใส่จาน ราดด้วยคาราเมล

กระแสภาพยนตร์นางเงือกน้อยแห่งมหาสมุทร “The Little Mermaid” กำลังเป็นที่พูดถึงในช่วงนี้ เรานำความน่ารักของตัวละครเงือกน้อยมาทำเป็นของหวานน่ารักๆ อย่างเค้กป๊อปกันดีกว่า   ส่วนผสม เค้กเนยสด 180 กรัม เนยสดเค็มละลาย 4 ช้อนโต๊ะ ไวต์ช็อกโกแลต 200 กรัม สีผสมอาหารสีน้ำเงิน 3 หยด ผงสีสำหรับทำอาหารสีฟ้า ชมพู เขียว ลูกปัดน้ำตาลสีฟ้า น้ำเงิน ม่วง พิมพ์ซิลิโคนรูปหางปลา และรูปทรงหอยต่างๆ ไม้เค้กป๊อป วิธีทำ เตรียมไวต์ช็อกโกแลตสำหรับตกแต่งโดยละลายไวต์ช็อกโกแลตบนหม้อน้ำร้อน คนให้ละลาย หยอดใส่พิมพ์รูปหางปลาและรูปหอย ปาดให้เรียบ แช่เย็นไว้ 10 นาที จนแข็งตัว แกะช็อกโกแลตออกจากพิมพ์ วางเรียงใส่จาน ทาด้วยผงสีสำหรับทำอาหารสีฟ้า ชมพู เขียว ตกแต่งให้สวยงาม  เตรียมเค้กป๊อปโดยบดเนื้อเค้กเนยให้ละเอียด ใส่เนยละลาย คลุกให้ทั่ว ปั้นเป็นก้อนกลมๆ พักไว้ นำไม้เค้กป๊อปจุ่มลงในไวต์ช็อกโกแลตละลาย แล้วนำไปเสียบเค้กที่ปั้นไว้ ใส่สีผสมอาหารสีน้ำเงินลงในไวต์ช็อกโกแลตที่เหลือ คนให้เข้ากัน นำเค้กป๊อปมาจุ่มช็อกโกแลตให้เคลือบทั่ว ตกแต่งด้วยช็อกโกแลตรูปหางปลา หอย และลูกปัดน้ำตาลสีต่างๆ ให้สวยงาม

“ขอเค้กกล้วยหอมคาราเมลเค็มนะคะ” แป๋ว-วันทนี ตันพลีรัตน์ โทรศัพท์มาบอก   แป๋วเป็นเพื่อนจุฬาฯ ที่มีบ้านอยู่ในซอยเดียวกันกับป้าเจี๊ยบค่ะ ตั้งแต่จบมาไม่ได้ติดต่อกันเลย จนกระทั่งเพื่อนจุฬาฯ ที่เป็นน้องใหม่ปี 2514 ร่วมกันจัดงานครบรอบ 50 ปี CU14 มีกิจกรรมมากมายตลอดปี 2564 ที่เราต้องช่วยกันทำ หลังจากหมดปีไปแล้วก็ยังมีกิจกรรมต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ทั้งกลุ่มใหญ่ กลุ่มเล็ก กลุ่มย่อย หลากหลายไปตามวัตถุประสงค์ของบรรดาคนวัยอิสระ   เค้กที่ขอคราวนี้สำหรับกลุ่มชื่อ “CU14ได้ยินมั้ยยยย” เป็นกลุ่มย่อยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำกิจกรรมร้องเพลงกันค่ะ มีการนัดพบกันตามสถานที่ต่างๆ ทั้งแบบที่มีนักดนตรีเล่นเปียโนให้ และเป็นครูช่วยแนะนำการร้อง และแบบคาราโอเกะตามบ้านเพื่อนๆ ที่ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ    แป๋วและเพื่อนๆ ติดใจเค้กกล้วยหอมคาราเมลเค็มที่ป้าเจี๊ยบทำไปเลี้ยงในวันทำพิธีเปิดงาน Kickoff 50 ปี CU14 ที่หอประชุมคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ เป็นอย่างมากกกก...   ป้าเจี๊ยบทำบ่อยจนเริ่มเบื่อ เพื่อนอยากกินก็ต้องทำสิคะ แต่ขอปรับบางอย่างบ้าง รสชาติของคาราเมลเค็มคงไว้ แต่บางอย่างต้องจัดใหม่ อิอิ   เริ่มด้วยการเตรียมชามกล้วย ป้าเจี๊ยบไม่มีกล้วยหอมนะคะ มีกล้วยเล็บมือนางหลายหวี จึงใช้ส้อมยีกล้วยเล็บมือนางจนได้เนื้อกล้วยยีละเอียด 1/2 ถ้วยตวง ใส่เกลือป่น 1/2 ช้อนชาลงไป คนให้เข้ากัน  จากนั้นผสมนมสดรสจืด 1/3 ถ้วยตวงกับน้ำมะนาว 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน นำไปเทลงในชามกล้วย คนให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง วางพักไว้   เตรียมชามแห้ง มีแป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วยตวงกับ 2 ช้อนโต๊ะ ผงฟู 1 ช้อนชา โซดาไบคาร์บอเนต 1/2 ช้อนชา ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน วางพักไว้   ลงมือทำชามเปียกด้วยการตีไข่ไก่เบอร์สอง 1 ฟอง กับน้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ ด้วยตะกร้อไฟฟ้าความเร็วปานกลางจนกระทั่งน้ำตาลละลาย แล้วค่อยๆ รินน้ำมันมะพร้าว 1/3 ถ้วยตวงลงไปทีละนิดในขณะที่ตี จนกระทั่งส่วนผสมมีลักษณะเป็นเนื้อครีม   นำชามกล้วยและชามแห้งมาเทลงในชามเปียก เปลี่ยนความเร็วของตะกร้อไฟฟ้าเป็นระดับต่ำ ตีให้ส่วนผสมเข้ากันประมาณ 1 นาที แล้วใช้ช้อนตักใส่ถ้วยกระดาษขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร จำนวน 8 ถ้วย ซึ่งใส่ลูกเกดและแครนเบอร์รีแห้งอย่างละประมาณ 3-4 ชิ้น รองไว้ที่ก้นถ้วยแล้ว   ป้าเจี๊ยบวางถ้วยกระดาษลงในถาดอบ ยกถาดอบกระแทกกับเคาน์เตอร์ 3 ครั้ง แล้วนำเข้าเตาอบซึ่งตั้งปุ่มความร้อนไว้ที่ 165 องศาเซลเซียส หรือ 330 องศาฟาเรนไฮต์ ปุ่มไฟบน-ล่าง ปุ่มเวลา 30 นาที พอได้ยินเสียงติ๊งก็ยกออกจากเตาอบมาวางพักไว้   จากนั้นลงมือทำทอฟฟี่คาราเมลอย่างง่ายๆ โดยใส่นมข้นจืด 1/2 ถ้วยตวง น้ำตาลโตนด 1/2 ถ้วยตวง เนยแท้รสเค็ม 2 ช้อนโต๊ะลงในหม้อเคลือบ ยกขึ้นตั้งไฟปานกลางค่อนข้างอ่อน คนจนส่วนผสมทั้งหมดละลายเข้ากันดี แล้วปล่อยให้เดือดปุดๆ ประมาณ 5 นาที จากนั้นใส่อัลมอนด์สไลซ์อบ เม็ดมะม่วงหิมพานต์อบ เมล็ดฟักทองอบ อย่างละ 1/4 ถ้วยตวง คนให้คาราเมลเคลือบจนทั่ว แล้วยกลงมาตักใส่หน้าคัปเค้กทันที   นัดนี้สมาชิกมา 8 คนพอดี เค้กโฉมใหม่ ถูกใจถูกปากคนสั่งและคนที่ไม่ได้สั่งกันทั่วหน้า เย้! ได้ยินมั้ยยยย...

ซาวาแรงเป็นเค้กเนื้อนุ่มแน่นคล้ายขนมปัง มีต้นกำเนิดจากประเทศโปแลนด์ เมื่ออบแล้วนำมาแช่ในน้ำเชื่อมผสมบรั่นดีและอบเชยจะได้รสหวานหอมจากน้ำผึ้ง เพิ่มสีสันและรสอร่อยด้วยองุ่นไชน์มัสแคต   ส่วนผสมแป้งเค้ก (สำหรับ 6-8 ที่) แป้งขนมปัง 375 กรัม ยีสต์ 10 กรัม น้ำตาลทราย 50 กรัม นมจืด 250 มิลลิลิตร เกลือ 1/4 ช้อนชา ไข่แดง 2 ฟอง ไข่ไก่ 1 ฟอง ผิวมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ เนยจืด 160 กรัม องุ่นไชน์มัสแคตหั่นครึ่งแล้วแช่ในน้ำเชื่อม ดอกไม้กินได้สำหรับตกแต่ง ส่วนผสมทำน้ำเชื่อม น้ำเปล่า 250 ลิตร น้ำตาลทราย 60 กรัม น้ำผึ้ง 60 กรัม น้ำเลมอน 1 ผล น้ำส้ม 1 ผล เหล้าบรั่นดี 2 ช้อนโต๊ะ อบเชย 1 แท่ง วิธีทำน้ำเชื่อม ตั้งหม้อใส่ส่วนผสมทั้งหมด ต้มให้พอเดือด พักให้เย็น วิธีทำ ผสมไข่แดง ไข่ไก่ และนม เตรียมไว้ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในโถปั่น (ยกเว้นเนย) ปั่นทั้งหมดให้เข้ากัน ใส่นมที่เตรียมไว้ ตีต่อ 5 นาที จนเนื้อเนียน ใส่เนย ผสมให้เข้ากัน คลุมด้วยพลาสติกแร็ป พักให้แป้งขึ้นฟูประมาณ 1 ชั่วโมง ทาเนยที่พิมพ์ขนาด 2 ปอนด์ โรยแป้งสาลีอเนกประสงค์เล็กน้อย เทแป้งเค้กประมาณ 1/2 ของพิมพ์ นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 10 นาที พักให้เย็น ชุบเค้กด้วยน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ พักไว้บนตะแกรงสักครู่ ยกใส่จานเสิร์ฟ แล้ววางองุ่นให้เป็นวงกลมสวยงาม ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้และผงทอง

ในสหรัฐอเมริกามีเค้กที่ทำง่ายที่สุดชนิดหนึ่ง ซึ่งนิยมทำทานกันตามบ้าน แม้กระทั่งนักเรียนก็ชอบทำทานกันในหอพัก คือเค้กประเภท Ooey Gooey Cake ทำง่ายมาก ใช้อุปกรณ์ไม่กี่ชิ้น ชื่อเค้กก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเค้กเนื้อหนึบๆ และไม่แห้ง โดยปกติทำด้วย Cake Mix ที่หาซื้อได้ทั่วไปในสหรัฐอเมริกา ราคาก็ถูก   Ooey Gooey Cake มีส่วนที่เป็นตัวเค้ก และมีชั้นครีมชีสเพิ่มความอร่อย ในบ้านเรา Cake Mix มีขายไม่มากและมีไม่กี่ชนิด ใครมีเวลามาทำ Cake Mix กันเพื่อเก็บไว้ในตู้เย็นหรือในช่องแช่แข็งได้นานถึง 3-4 เดือน ต้องการทำขนมเมื่อไรก็แค่เอามาผสมกับส่วนเปียกและอบเท่านั้น   ส่วนผสมหลักของ Cake Mix มีแป้งสาลี น้ำตาล ผงฟู และเกลือ ส่วนเปียกก็มีน้ำ นม ไข่ และไขมัน ใครสนใจลองทำดู ปรับส่วนผสมให้ได้เนื้อเค้กตามที่ชอบได้   ส่วนผสม Cake Mix (1 ส่วน) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 260 กรัม ผงฟู 9 กรัม น้ำตาลทราย 200 กรัม เกลือ 4 กรัม ผงโกโก้ 50 กรัม (ใส่เฉพาะเค้กรสช็อกโกแลต) ส่วนผสมเค้ก Cake Mix 430 กรัม ไข่เบอร์ 0 2 ฟอง เนยละลาย 113 กรัม นม 1/2 ถ้วย ส่วนผสมหน้าครีมชีส ครีมชีสพักให้นุ่ม 300 กรัม ไข่เบอร์ 0 2 ฟอง วิปปิงครีมหรือซาวร์ครีม 2 ช้อนโต๊ะ แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ เนยละลาย 113 กรัม น้ำตาลทราย 200 กรัม เกลือ 1/2 ช้อนชา วานิลลา 1 ช้อนชา อุปกรณ์ พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 9 × 13 นิ้ว หรือพิมพ์แบบอื่นที่มีความจุใกล้เคียงกัน วิธีทำ ทาพิมพ์และปูกระดาษไข เตรียมไว้ ผสมส่วนผสม Cake Mix กับไข่ นม และเนยให้เข้ากัน ใส่ลงในพิมพ์ เกลี่ยให้ทั่ว พักไว้ ตีครีมชีส เกลือ ไข่ วิปปิงครีม เนย แป้งข้าวโพด และวานิลลาจนเข้ากัน ใส่น้ำตาลทีละ 1/3 ตีพอเข้ากัน เทลงบนส่วนผสม Cake Mix นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส นาน 35-40 นาที นำออกจากเตาอบ พักให้คลายร้อน ก่อนจัดเสิร์ฟ

ส่วนผสมทาร์ตข้าวโอ๊ต (สำหรับ 15 ชิ้น) กราโนลาผสมธัญพืช 3 ถ้วย เมเปิลไซรัป 1/4 ถ้วย น้ำมันมะพร้าว 5 ช้อนโต๊ะ เกลือเล็กน้อย ผลไม้สำหรับตกแต่ง เช่น กล้วยหอม สตรอว์เบอร์รี และกีวี ตามชอบ วิธีทำ ปั่นกราโนลาพอหยาบใส่ชามผสม ใส่น้ำมันมะพร้าว เมเปิลไซรัป และเกลือ คลุกผสมให้เข้ากัน กดใส่พิมพ์แล้วนำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส นาน 10-15 นาทีจนสุกเหลือง พักให้เย็น ส่วนผสมครีมกะทิ วิปปิงครีม 2 ถ้วย กะทิ 1/2 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้งสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย ดอกไม้กินได้สำหรับตกแต่ง วิธีทำ ตีวิปปิงครีมกับน้ำตาลไอซิงให้ขึ้นฟูตั้งยอดปานกลาง ใส่กะทิแล้วตีต่อประมาณ 5 นาทีให้ส่วนผสมเข้ากัน ตักใส่ถุงบีบพักไว้ในตู้เย็น บีบครีมกะทิใส่ทาร์ตข้าวโอ๊ต วางผลไม้สดที่หั่นเตรียมไว้ ราดน้ำผึ้งเล็กน้อย ตกแต่งด้วยดอกไม้ให้สวยงาม จัดเสิร์ฟ

ทาร์ตพานนาคอตตาที่เต็มไปด้วยผลไม้สีแดงสด ชั้นล่างเป็นพานนาคอตตาเนื้อนุ่ม หอมนมและครีม ท็อปด้วยเจลลีราสป์เบอร์รีรสหวานอมเปรี้ยว สีแดงดูสดใส ชวนสดชื่นเข้ากับฤดูร้อนนี้   ส่วนผสมแป้งทาร์ต (สำหรับ 6-8 ที่) แป้งสาลีอเนกประสงค์ 180 กรัม อัลมอนด์ป่น 25 กรัม น้ำตาลไอซิง 60 กรัม เกลือ 1/4 ช้อนชา เนยจืด 100 กรัม ไข่ไก่ 40 กรัม ดาร์กช็อกโกแลตละลาย 1/3 ถ้วย ไข่ไก่สำหรับทาแป้งทาร์ตเล็กน้อย วิธีทำ ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน (ยกเว้นดาร์กช็อกโกแลตและไข่ไก่) ใช้ Pastry Cutter ผสมให้เข้ากันจนเป็นเม็ดทราย ใส่ไข่ไก่ผสมให้เข้ากัน ห่อด้วยพลาสติกแร็ป นำเข้าตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมง นำออกมารีดเป็นแผ่น กรุใส่พิมพ์ขนาด 8 นิ้ว ตัดขอบส่วนเกินออก ใช้ส้อมจิ้มใแป้งทาร์ตห้ทั่ว วางกระดาษไข และใส่ถั่วสำหรับถ่วง (Baking Beans) เพื่อไม่ให้แป้งฟู นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส นาน 15-20 นาที นำออกมาทาไข่เล็กน้อย อบต่อประมาณ 5 นาที นำออกมาพักให้เย็นบนตะแกรง ทาดาร์กช็อกโกแลตละลายให้ทั่วแป้งทาร์ต นำเข้าตู้เย็นพักให้เซ็ตตัว ส่วนผสมพานนาคอตตา ครีมสด 1 1/2 ถ้วย นมจืด 1 ถ้วย เจลาติน 2 แผ่น น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา วิธีทำ ตั้งหม้อใส่ครีม นม น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา และเจลาติน (แช่น้ำเย็นจนนุ่ม) ใช้ไฟกลางต้มพออุ่น และเจลาตินละลาย พักให้เย็นลง เทใส่แป้งทาร์ตแล้วนำเข้าตู้เย็นให้เซ็ตตัว ส่วนผสมเจลลีราสป์เบอร์รี ราสป์เบอร์รีแช่แข็ง 1 ถ้วย น้ำเปล่า 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย เจลาติน 2 แผ่น ผลไม้สำหรับตกแต่ง เช่น แอปเปิลแดง ราสป์เบอร์รี  เมล็ดทับทิม และไมโครเฮิร์บ วิธีทำเจลลีราสป์เบอร์รี ปั่นราสป์เบอร์รีแช่แข็งกับน้ำเปล่าให้ละเอียดแล้วกรองออกด้วยผ้าขาวบาง ให้ได้ประมาณ 1 ถ้วย เทใส่หม้อ ใส่น้ำตาลทราย และเจลาติน (แช่น้ำเย็นจนนุ่ม) คนผสมเข้ากันและเจลาตินละลาย พักให้เย็น เทลงบนพานนาคอตตา นำเข้าตู้เย็นประมาณ 10-20 นาที จนเซ็ตตัว ตกแต่งหน้าด้วยผลไม้ต่างๆ ให้สวยงาม

เข้าสู่ฤดูร้อนทั้งที หยิบผลไม้รสหวานเปรี้ยวฉ่ำลิ้นอย่าง "มะยงชิด" มารังสรรค์เป็นเมนูเค้กแสนอร่อยกัน   ส่วนผสมเค้ก แป้งเค้ก 1 1/4 ถ้วย ผงฟู 2 ช้อนชา ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 4 ฟอง น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา น้ำมันคาโนล่า 1/2 ถ้วย ผงวานิลลา 1 ช้อนชา มะยงชิดหั่นเป็นชิ้น 10 ผล ส่วนผสมครีม เนยสดเค็มอุณหภูมิห้อง 150 กรัม วิปปิงครีมสำเร็จรูป 2 ถ้วย วิธีทำ ตีไข่กับครีมออฟทาร์ทาร์เข้าด้วยกัน ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทราย ตีต่อจนเป็นครีมข้นๆ ค่อยๆ ใส่น้ำมันคาโนล่า ตีต่อให้เข้ากัน ใส่แป้งเค้ก ผงฟู เกลือป่น และผงวานิลลา ตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากัน เทใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 8x8x1 นิ้ว นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส เวลา 35-40 นาที จนเค้กสุกเหลือง ยกออกจากเตา พักไว้ให้เย็น เตรียมครีมโดยตีเนยสดให้ขึ้นฟู ใส่วิปปิงครีมสำเร็จรูป ตีเข้าด้วยกันจนขึ้นฟูเป็นครีม พักไว้ นำเค้กมาตัดตามขวางเป็น 3 ชิ้น นำชิ้นที่ 1 วางบนถาด ทาครีมที่ตีไว้ วางเนื้อมะยงชิด ใส่ครีมอีกครั้งปาดให้เรียบ วางเค้กชิ้นที่ 2 ทำเหมือนชั้นที่ 1 ปิดด้วยเค้กชิ้นที่ 3 ทาครีมให้ทั่ว วางเนื้อมะยงชิด แช่เย็นไว้ให้ครีมอยู่ตัว นำเค้กออกมาตัดเป็นชิ้น จัดเสิร์ฟ

“ฟรุตค็อกเทล” หรือผลไม้รวมในน้ำเชื่อมรูปแบบกระป๋อง ปกติจะนิยมรับประทานกับเต้าฮวยเย็น สูตรนี้นำมาทำเป็นไส้พายกรอบ โดยทำให้ข้นขึ้นด้วยแป้งข้าวโพด ตัวพายเนื้อกรอบร่วน และหอมมันด้วยเนย   ส่วนผสมแป้งพาย แป้งสาลีอเนกประสงค์ 315 กรัม น้ำตาลทราย 25 กรัม เกลือ 1 ช้อนชา เนยจืด 250 กรัม น้ำเย็น 80 กรัม ไส้ฟรุตค็อกเทล เนื้อฟรุตค็อกเทล 200 กรัม น้ำเชื่อม 120 กรัม แป้งข้าวโพด 12 กรัม ส่วนประกอบอื่นๆ ไข่ไก่ 1 ฟอง น้ำตาลทรายสำหรับโรยหน้า วิธีทำ เตรียมแป้งพายโดยผสมแป้งสาลี น้ำตาลทราย และเกลือ ใส่เนยที่หั่นเป็นก้อนเล็กๆ ตามลงไป ใช้ที่สับแป้ง (Pastry Cutter) กดสับส่วนผสมจนมีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ ใส่น้ำเย็นลงไปทีละครึ่ง ใช้พายยางนวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน เตรียมกระดาษไขแผ่นใหญ่ 2 แผ่น แบ่งส่วนผสมเป็น 2 ส่วน คลึงแป้งแต่ละส่วนให้ได้ขนาด 15 × 6 นิ้ว ทำซ้ำจนได้ 2 แผ่น คลุมหน้าด้วยกระดาษไข นำไปแช่เย็นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง กรองฟรุตค็อกเทลแยกน้ำและเนื้อออกจากกัน ชั่งตวงให้ได้สัดส่วนตามสูตร ใส่แป้งข้าวโพดลงในส่วนของน้ำเชื่อม นำไปตั้งไฟ กวนจนสุกข้น ใส่ผลไม้ที่กรองไว้ลงไป กวนต่อ 1 นาที พักไส้ผลไม้ให้เย็นลง แล้วแบ่งเป็น 10 ส่วนเท่าๆ กัน นำแป้งที่พักไว้ออกจากตู้เย็น แบ่งแป้งชิ้นละ 3 นิ้วตามทางยาว จะได้ทั้งหมด 5 ชิ้นต่อแผ่น ในแต่ละชิ้นให้ตัดกลางชิ้นให้ได้แป้งขนาด 3 × 3 นิ้ว 2 แผ่น ตักไส้ลงบนแป้งแผ่นแรก ประกบด้วยแป้งอีกแผ่น กดขอบแป้งให้แน่นดีโดยใช้ส้อมกดให้เป็นลาย แล้วตัดแต่งให้สวยงาม ทำซ้ำจนได้พายทั้งหมด 10 ชิ้น แช่เย็นเป็นเวลา 1 ชั่วโมง เปิดเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส จัดเรียงพายลงบนถาดอบ ทาหน้าด้วยไข่บางๆ โรยน้ำตาลทรายให้ทั่วดี ใช้มีดกรีดตรงกลางพายเล็กน้อยเพื่อให้ระบายไอน้ำได้ นำเข้าเตาอบ 25 นาที พักพายให้เย็นลง 10 นาที จัดเสิร์ฟ

ใครที่เคยไปประเทศแคนาดาน่าจะได้ทานเค้กเนื้อเบาๆ มีหน้าเป็นวิปครีม และมีคาราเมลราดบนหน้า หรือเสิร์ฟมาข้างๆ เค้กนี้มีขายทั่วไปตามร้านกาแฟ หรือของหวานตามร้านอาหาร มีชื่อว่า Schmoo Torte (Cake) หรือชมูเค้ก   ส่วนผสมหลักของเค้กนี้เป็น Angel Food Cake หรือ Chiffon Cake หรือ Sponge Cake ซึ่งสามารถใส่ถั่วได้หลากหลาย ส่วนมากใส่ถั่วพิแคน เฮเซลนัต หรือวอลนัตที่นำมาปั่นละเอียด มีหน้าเป็นวิปครีมสีขาวทั่วทั้งชิ้น และราดด้วยคาราเมล เค้กนี้สามารถเลือกหรือเปลี่ยนส่วนผสมได้ตามชอบ เช่นถ้าเลือกใส่พิแคนซึ่งมีสีน้ำตาลปั่นละเอียด เนื้อเค้กจะมีลายจุดสวย แต่ถ้าใช้อัลมอนด์ต้องเราะเปลือกก่อนแล้วนำไปปั่น เนื้อเค้กจะมีสีขาว และจะใช้ไข่ขาวล้วนเพราะอัลมอนด์มีเนื้อหนัก แต่ส่วนมากจะใช้ทั้งไข่ขาวและไข่แดง   เค้กนี้มีขายทั่วไปตามร้านขนม คนจึงมักไม่ทำตามบ้านกัน ถึงแม้เค้กนี้จะแพร่หลายและขายกันทั่วประเทศ แต่จะมีขายมากเป็นพิเศษในรัฐ Manitoba เพราะเค้กนี้เกิดขึ้นที่เมือง Winnipeg ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐนี้   ใครไปเที่ยวแคนาดาน่าจะลองชิมดูหรือลองทำดูถ้าชอบเนื้อเค้กเบาๆ   ส่วนผสมเนื้อเค้ก ไข่ไก่ (เบอร์ 0) 12 ฟอง ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา เกลือ 1/2 ช้อนชา น้ำตาลทราย 280 กรัม ผงวานิลลา 2 ช้อนชา แป้งเค้ก 135 กรัม ผงฟู 2 ช้อนชา ถั่วพิแคนอบแล้วปั่นละเอียด 230 กรัม อุปกรณ์ พิมพ์ Tube กรุกระดาษที่ก้น ไม่ทาพิมพ์ (เพราะทาแล้วเนื้อเค้กจะไม่ขึ้น) หรือพิมพ์ธรรมดา ขนาด 9 นิ้ว แต่ต้องสูงอย่างน้อย 2 นิ้ว   วิธีทำ แยกไข่ขาวและไข่แดง ตีไข่ขาวกับครีมออฟทาร์ทาร์และเกลือจนเริ่มฟู ค่อยๆ ใส่น้ำตาลทราย 100 กรัม ตีจนตั้งยอดแข็ง ตีไข่แดงจนฟูเบา เติมน้ำตาลทรายที่เหลือและวานิลลา ร่อนแป้งและผงฟูลงบนไข่แดง ตะล่อมจนเข้ากันดี ตะล่อมถั่วพิแคนอบปั่นละเอียดลงในส่วนผสมไข่แดง ค่อยๆ นำไข่ขาวตะล่อมลงในไข่แดงจนหมด ตักใส่พิมพ์ เคาะเบาๆ บนโต๊ะ 2-3 ครั้ง นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส นาน 40-45 นาที (ใช้ไม้จิ้มดูว่าสุกหรือไม่) นำออกจากเตาอบ คว่ำพิมพ์ลง รอจนเย็นจึงนำขนมออกจากพิมพ์ ส่วนผสมหน้าเค้ก (วิปครีม) วิปปิงครีม 3 ถ้วย น้ำตาลไอซิง 2 ช้อนโต๊ะ (หรือมากกว่าถ้าชอบหวาน) วิธีทำ ตีวิปปิงครีมกับไอซิงจนแข็ง   ส่วนผสมซอสคาราเมล น้ำตาลทราย  300 กรัม  น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ  วิปปิงครีม 1  ถ้วย เนย 120 กรัม วานิลลา 1 ช้อนชา  ดอกเกลือ 1/2 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้ถ้าไม่ชอบเค็ม) วิธีทำ ใส่น้ำตาลในหม้อก้นหนา ใส่น้ำลงตรงกลาง ตั้งไฟปานกลางจนน้ำตาลละลายและเป็นสีน้ำตาลอ่อน (เขย่าหม้อเป็นระยะ เฝ้าดูตลอดเพราะน้ำตาลจะไหม้เร็วมาก) ปิดไฟ เทวิปปิงครีมลงไป คนให้เข้ากันดี เติมเนย วานิลลา และดอกเกลือ นำขึ้นตั้งไฟให้เดือด ถ้าข้นไปเติมครีมได้ พักไว้จนเย็นสนิท วิธีประกอบเค้ก ตัดเค้กตามแนวนอนเป็น 3 ชิ้นให้เท่ากัน ทาวิปครีมในแต่ละชั้น และทาทั่วทั้งชิ้นจนเป็นสีขาว ราดคาราเมลเป็นลายยาวให้สวยงาม

เค้กชิฟฟอนเนื้อนุ่มฟู ปาดด้วยบัตเตอร์ครีมหอมหวานนัว โรยอัลมอนด์สไลซ์เพิ่มความกรุบกรอบ อร่อยละมุนลิ้นจนต้องขอเพิ่มอีกชิ้น ส่วนผสม (จำนวน 8 ชิ้น) ไข่ไก่เบอร์ 2 4 ฟอง น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย เกลือป่น 1/4 ช้อนชา น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ นมสดรสจืด 1/3 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1 1/2 ช้อนชา แป้งเค้ก 1 ถ้วย ผงฟู 1/2 ช้อนชา ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา อัลมอนด์สไลซ์อบ 1/3 ถ้วย ส่วนผสมครีมบัตเตอร์ เนยสดเค็ม 150 กรัม น้ำตาลไอซิง 1/2 ถ้วย เกลือป่น 1/8 ช้อนชา วิปปิงครีม 1/4 ถ้วย วิธีทำ แยกไข่แดงไข่ขาว เตรียมไว้ ชามไข่แดง ใส่น้ำตาล 1/4 ถ้วย ใส่เกลือ คนให้เข้ากัน ใส่น้ำมัน นมสด และกลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน ใส่แป้งเค้กและผงฟู คนส่วนผสมให้เข้ากัน พักไว้ ชามไข่ขาวใส่ครีมออฟทาร์ทาร์  ตีด้วยเครื่องตีไฟฟ้าให้พอเข้ากัน ค่อยๆ ใส่น้ำตาลที่เหลือ ตีให้เข้ากันจนเป็นครีมอยู่ตัว แบ่งส่วนผสมไข่ขาวครึ่งหนึ่งผสมกับส่วนผสมไข่แดง ตะล่อมเบาๆ ให้เข้ากันแล้วเทลงในชามไข่ขาวที่เหลือ ตะล่อมให้เข้ากันทั่ว เทใส่ถาดอบขนาด 8x8 นิ้วที่รองด้วยกระดาษรองอบ นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส 45-50 นาทีจนสุก ปิดไฟ เปิดประตูเตาอบไว้เล็กน้อยให้คลายความร้อน แล้วพักต่อให้เย็น ทำครีมบัตเตอร์โดยตีเนยสดให้ขึ้นฟู ใส่น้ำตาลไอซิง และเกลือ ตีต่อให้เข้ากัน ค่อยๆ ใส่วิปปิงครีม ตีต่อให้เข้ากันจนเป็นครีมนุ่มๆ พักไว้ นำเค้กชิฟฟอนออกจากพิมพ์ ตัดแบ่งเป็น 2 ชิ้น ทาครีมบัตเตอร์ให้ทั่วชิฟฟอนชิ้นที่ 1 แล้ววางชิฟฟอนชิ้นที่ 2 ทาบัตเตอร์ครีมให้ทั่ว โรยอัลมอนด์สไลซ์ ตัดเป็นชิ้น จัดใส่จานเสิร์ฟ

อร่อยกับเมนูเค้กกลิ่นหอมฟุ้งตอบโจทย์สายคลีน ที่ได้ประโยชน์จากกล้วยน้ำว้าและข้าวโอ๊ต อิ่มสบายท้อง ส่วนผสม กล้วยน้ำว้าสุก 5 ผล น้ำมันมะพร้าว 1/4 ถ้วย น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย ไข่ไก่เบอร์หนึ่ง 2 ฟอง ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย อัลมอนด์ป่น 1/2 ถ้วย เบกกิงโซดา 1 ช้อนชา ผงฟู 1 ช้อนชา กล้วยน้ำว้าผ่าครึ่งสำหรับวางบนหน้าเค้ก เม็ดมะม่วงหิมพานต์ผ่าครึ่งซีก เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน และช็อกโกแลตชิปสำหรับโรยหน้า วิธีทำ บดกล้วยน้ำว้าให้ละเอียด ใส่ไข่ไก่ น้ำมันมะพร้าว และน้ำผึ้ง คนให้เข้ากัน ใส่ข้าวโอ๊ต อัลมอนด์ป่น ผงฟู และเบกกิงโซดา คนให้เข้ากัน ตักใส่พิมพ์ วางกล้วยน้ำว้าตรงกลาง โรยเม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง เมล็ดทานตะวัน และช็อกโกแลตชิป นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เวลา 30 นาทีจนสุกหอม ยกลง พักไว้ให้เย็น