เป็นอีกหนึ่งร้านในปี 2025 ที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากกับร้าน I-Sang (อิ-ซัง) ร้านอาหารเกาหลีโมเดิร์นจากเชฟ Steve Sanggun Lee เชฟเกาหลีที่เคยทำร้าน Hansik Goo เปิดเป็นร้านไฟน์ไดนิงเกาหลีมิชลิน 1 ดาวที่ประเทศฮ่องกง ซึ่งเป็นร้านในเครือเดียวกับร้าน Migles มิชลิน 3 ดาว ในปี 2025 ของเชฟ Chef Kang Min-goo ที่ประเทศเกาหลี อีกทั้งเชฟลียังได้รับเลือกเป็นเจ้าของรางวัล Michelin Young Chef ปี 2023 อีกด้วย บรรยากาศภายในร้านเป็นโทนสีครีมดูสบายตา ตกแต่งแบบเรียบง่ายสไตล์มินิมอลให้ความรู้สึกที่เรียบหรู โดยใช้สถาปนิกคนเกาหลีเป็นคนออกแบบ เมื่อเดินเข้าไปในร้านจะพบกับครัวเปิดที่เราสามารถมองเป็นเชฟลีกำลังทำอาหารแบบจดจ่อ ผ่านรอยยิ้มที่คอยต้อนรับลูกค้า สำหรับเมนูเริ่มด้วย ซุปไก่โสมเกาหลี (Samgye Tang) เชฟนำไก่ไปต้มกับโสมและวัตถุดิบที่ส่งตรงมจากเกาหลี จนได้ซุปไก่ที่รสชาติเข้มข้น ทาร์ตผักด้านล่างเป็นฮอร์สแรดิช ท็อปด้วยไก่หยอง, ปลากระมงพร้าวดิบ (HWEH) ห่อด้วยใบฉะพลู ท็อปด้วยเม็ดพริกไทยเสฉวน ให้ความสดชื่น, ทาร์ทาร์เนื้อออสเตเรียเสียบไม้เสิร์ฟมาพร้อมกับพริกชิชิโตะ ท็อปด้วยไข่แดงเค็ม และจินปัง ด้านในเป็นไส้ขนุน ห่อด้วยแป้ง สัมผัสคล้ายซาลาเปา ต่อด้วย Muk เส้นทำจากถั่วเขียวเนื้อเด้งและหนึบ ด้านล่างเป็นผักที่เชฟบรรจงหั่นได้อย่างเท่ากันมี แตงกวา ลูกแพร และเนื้อมะเขือเทศอบแห้ง ทำให้เมื่อกินจานนี้แล้วรู้สึกสดชื่น เข้ากันได้ดีกับซอสโคชูจังรสเข้มข้น สำหรับไฮไลต์คอร์ส Perilla Oil Guksu เส้นบะหมี่ทำจากมูสกุ้งมีกลิ่นหอมมาก ด้านบนเป็นซูกีนีเกาหลีขูดเส้น จานนี้พระเอกคือ “งาขี้ม่อน” ทำให้หอมกลิ่นเมล็ดงาขี้ม่อนคั่ว กลิ่นน้ำมันงาขี้ม่อน กินคู่กับซอสงาขี้ม่อนรสนวลหอมกลิ่นซอสถั่วเหลืองเบาๆ เป็นการใช้งาขี้ม่อนที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก The Birth ในธรรมเนียมเกาหลีนิยมเสิร์ฟซุปสาหร่ายในวันเกิด คอร์สนี้เชฟลีเสิร์ฟปลาเก๋านึ่ง ข้าวเหนียวทอดกรอบนอกหนึบใน และหัวไชเท้าดองสลับกับสาหร่ายแล้วนำไปทอด ราดด้วยซุปสาหร่ายผสมสต็อกปลา เข้าสู่จานหลักที่เสิร์ฟแบบแชร์ริง The Fest คอหมูซูวีดย่างกับซอสซัมจัง และหมูสามชั้นหมักถั่วเหลืองเผ็ด มากินกับเครื่องเคียง สลัดกิมจิสด มะละกอดอง ใบบัวบกคลุกน้ำมันงา เสิร์ฟพร้อมกับข้าวสายพันธุ์เกาหลีที่ปลูกในเชียงราย ปิดท้ายมื้อนี้ด้วยขนมหวาน Ginger & Honeycomb พานาคอตตาน้ำผึ้ง ท็อปด้วยไอศกรีมขิงคาลาเมล ราดซอสลูกแพร และ Dagwa ชีสเค้กที่มีส่วนผสมเต้าเจี้ยวหมักและคาราเมลพริก เสิร์ฟพร้อมกับชาดอกดาหลาจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน ทุกจานปรุงรสชาติเกาหลีที่คนไทยคุ้นเคย ผ่านการนำเสนอและใช้เทคนิคในแบบโมเดิร์น

ใครกำลังวางแผนฉลองปีใหม่กับเพื่อนๆ อย่าพลาด Real Pork ร้านปิ้งย่างเกาหลีเปิดใหม่สาขาแรกในไทย ที่ถอยความพรีเมียม สด สะอาด ขนความอร่อยมาจากกรุงโซล พร้อมสร้างประสบการณ์การแฮงเอาต์ด้วยอาหารเกาหลีแท้ๆ รวมถึงเนรมิต Groove at Central World ให้เป็นบรรยากาศยามค่ำคืนอันเลื่องชื่อที่ไม่มีวันหลับใหล ภายใต้คอนเซ็ปต์ Seoulful Escape in Bangkok ไฮไลต์อยู่ที่ หมูย่างสไตล์เกาหลี เมนูซิกเนเจอร์ที่ปรุงด้วยเทคนิคแบบดั้งเดิม เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงแบบไม่อั้น ยังมีเมนูดังๆ อย่าง ไข่ตุ๋น รามยอน แพนเค้กเกาหลี ซุป และสตู สูตรต้นตำรับให้สั่งมาจับคู่กับเครื่องดื่มเกาหลีซิกเนเจอร์อย่าง มักกอลลีสูตร Real Pork, Snow Beer, โซจู รวมถึงเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ที่จะพาทุกคนเพลิดเพลินได้ตลอดวัน นอกจากอาหารอร่อยแล้วบรรยากาศของร้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่มาช่วยสร้าง Mood & Tone ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากตรอก บาร์ และร้านปิ้งย่างในกรุงโซล เหมาะสำหรับพาคนสำคัญมาฉลองปีใหม่และเริ่มต้นปีด้วยความมีชีวิตชีวา เคล้าคลอไปกับเสียงดนตรี ส่วนอาหารทางเชฟคิม จิน ซอก(ผู้ก่อตั้งร้าน) และทีมได้นำเสนอมนต์เสน่ห์แห่งรสชาติผ่านจานซิกเนเจอร์ แนะนำ Snow Belly หมูสามชั้น Thin Belly หมูสามชั้นสไลซ์ และ Shoulder สเต๊กสันคอหมู เสิร์ฟบนเตาย่าง มาพร้อมเครื่องเคียงและน้ำจิ้มรสเด็ด ต่อด้วย Soybean Stew สตูถั่วเหลืองรสเปรี้ยวเค็ม หรือใครจะสั่ง Kimchi Hot Pot ซุปรสกลมกล่อม ซดร้อนๆ คล่องคอมาก ตามด้วย Kimchi Pancake แพนเค้กชิ้นใหญ่กินกับน้ำจิ้มรสแซ่บ อร่อยมาก เพิ่มความอิ่มท้องด้วย Spicy Noodles บะหมี่คลุกเคล้าซอสรสเปรี้ยวเผ็ดเล็กน้อย และ Cheese Steamed Egg ไข่ตุ๋นชีสเนื้อเนียน

หลังจากเปิดสาขาแรกใจกลางสยามสแควร์เมื่อปีก่อน เราก็ตั้งตารอสาขาใหม่ว่าจะมีที่ไหนบ้าง ล่าสุด Sindosegi ยึดทำเลดีย่านบางนา ยกฟีลเกาหลีมาทุกมิติทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และบรรยากาศสไตล์โมเดิร์น ท่ามกลางเสียงเพลงเคป็อบที่คลอเคล้าตลอดมื้อ ได้ทั้งความสนุกและปลุกน้ำย่อยให้ตื่นตัวไปพร้อมกัน เมนูซิกเนเจอร์ที่มาถึงแล้วต้องสั่งมาประจำการก่อนใครเพื่อนคือหมูย่าง ซึ่งที่ร้านมีให้เลือกหลายเซ็ต วันนี้เราสั่งเซตสุดพรีเมียม หรือ Kingdom of Pork รวมหมูไว้ 5 แบบ ได้แก่ หมูสามชั้น คอหมู สันคอหมู สันคอหมูหมักซอสเผ็ดเกาหลี สันคอหมูหมักซอสชินโดเซกิ เสิร์ฟพร้อมซอสสูตรลับของร้านและเครื่องเคียงผักสดและผักดองที่เติมได้ไม่อั้น ร้านยังคงคอนเซ็ปต์เดิมเหมือนสาขาแรกคือมีน้องๆ มาย่างให้ เพราะหมูแต่ละชิ้นส่วนต้องใช้เทคนิคในการย่าง รวมถึงควบคุมระดับความร้อนที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นยกให้มืออาชีพทำ ส่วนเรานั่งกินชิลๆ พอ ต่อด้วย ปูซานทะเลดอง ที่ไม่ต้องไปถึงปูซานก็ได้ระดับความสดอร่อยเหมือนกัน เมนูนี้ประกอบด้วยกิมจิหมึกสาย หมึกกรุบสุดฮอต รสชาติจัดจ้านแบบฉบับปูซานขนานแท้ มาพร้อมแซลมอนเนื้อแน่น กุ้งตัวโต และเอ็นหอยดองฉ่ำๆ ในน้ำดองซีอิ๊วเกาหลีสูตรพิเศษ โรยพริกกระเทียมซอยเพิ่มสีสันและความจัดจ้าน จานนี้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม เมนูแก้เผ็ดยกให้ จับแชกากหมู วุ้นเส้นทำจากมันหวาน เส้นเหนียวนุ่มมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สมทบด้วยเครื่องเคราแน่นขนัดที่มีทั้งหมูและผัก ผัดด้วยซอสเข้มข้น ออนท็อปด้วยกากหมูกรุบกรอบ รามยอนแห่งท้องทะเล คัดสรรของดีจากท้องทะเล เสิร์ฟในหม้อร้อนขนาดใหญ่จุใจ ได้แก่ หอยเป๋าฮื้อสุดพรีเมียม ขาปูทะระบะเนื้อแน่น สดหวาน หอยเชลล์ไซส์ใหญ่ กุ้งทะเล หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ปลาหมึกสาย หอยตลับสดๆ ด้านล่างมีรามยอนเหนียวนุ่มจากเกาหลีที่ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำซุปรสชาติเผ็ดร้อนแบบเกาหลีสูตรดั้งเดิม ยังมีออมุกจากเกาะเจจูเสียบไม้ให้เคี้ยวเล่นหนึบๆ เพลินๆ ขายดีตลอดกาลเพราะถูกปากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ยกให้ไข่ตุ๋นเกาหลีไข่ปลาเมนไทโกะ ไข่ตุ๋นในหม้อร้อน เนื้อนุ่มฟู เนียนละเอียด เพิ่มความฟินด้วยไข่ปลาเมนไทโกะที่เข้มข้นนัวเค็มนิดๆ กินกับไข่ตุ๋นแล้วเข้ากันมาก สำหรับเครื่องดื่มแนะนำชาฮอกเก ชาสมุนไพรเกาหลี ที่คัดฮอกเกเกรดพิเศษปลูกนานกว่า 10 ปี ชามีสีน้ำตาลทองและมีกลิ่นหอมอ่อนๆ รสนุ่ม ไม่ขม ดื่มได้ทั้งร้อนและเย็น ถัดมาคือเครื่องดื่มไฮไลท์ประจำร้าน มีโซ วินเทอร์ รสหวานซ่อนเปรี้ยวของลิ้นจี่ แซมกลิ่นหอมของดอกกุหลาบ ให้ความรู้สึกราวกับหิมะแรกที่น่าหลงใหล และมีโซ ซัมเมอร์ เครื่องดื่มสดชื่นจากพลัม 5 ชนิดและมินต์หอมๆ หวานนิดเปรี้ยวหน่อย ซ่าเล็กน้อย ดื่มสดชื่นเหมาะกับอากาศร้อนๆ ของบ้านเรา ทีเด็ดยังมีอีกเยอะ มาเถอะ ฟิน!

ใครเป็นโคเรียนฟู้ดเลิฟเวอร์ ต้องห้ามพลาดที่จะตามไปฟังเสียงซูซ่าของเนื้อย่างบนกระทะร้อนๆ ที่ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีน้องใหม่ 'Gogilang' บนถนนบรรทัดทอง โดดเด่นด้วยบรรยากาศสุดเท่ของร้านโทนสีดำ ที่ตกแต่มาด้วยไหดินเผาอยู่ทั่วร้าน ได้กลิ่นอายของหมู่บ้านแถบชนบทในประเทศเกาหลี ในเรื่องของเมนูและวัตถุดิบก็ผ่านการคัดสรรมาอย่างดี มีให้เลือกทั้งเนื้อคุณภาพดี เมนูเกาหลีสไตล์ดั้งเดิมและเมนูที่ปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทย มาพร้อมเครื่องเคียงที่เสิร์ฟไม่อั้นกว่า 9 อย่าง รวมถึงยังมีเครื่องดื่มหลากหลายประเภทให้แวะมาเอ็นจอยได้ตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงดึกเลย เริ่มด้วย ไข่ตุ๋นชีส (190.-) ไข่ตุ๋นหน้าตานุ่มฟูเสิร์ฟมาแบบร้อนๆ ออนท็อปด้วยชีสที่ตักขึ้นมาแล้วเยิ้มยืด กินอร่อยแถมถ่ายรูปสนุก อีกเมนูที่คนรักชีสห้ามพลาด ข้าวผัดกิมจิดับเบิ้ลชีส (320.-) ด้านล่างจะเป็นข้าวผัดกิมจิรสกลมกล่อมที่กินพร้อมไข่และชีสด้านบนบอกเลยฟินสุดๆ จาจังมยอน (350.-) เส้นเหนียวนุ่มคลุกเคล้ากับซอสรสหวานเค็ม ท็อปด้วยไข่ดาวช่วยเพิ่มความละมุน ต่อที่เมนูกินเล่นของโปรดคนทุกวัยอย่าง ไก่ทอด 3 สไตล์ แบ่งเป็น ไก่ทอดฮันนี่การ์ลิค กลมกล่อมหวานเค็มนัว ไก่ทอดสโนว์ เสิร์ฟมาพร้อมซอสครีมหัวหอมละมุนลิ้น และ ไก่ทอดโคชู เผ็ดเค็มช่วยตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี สำหรับตัวปิ้งย่างทางร้านเลือกใช้เป็นเนื้อวัวลูกครึ่งผสมระหว่างสายพันธุ์ออสเตรเลียกับญี่ปุ่น อาทิ เนื้อใบพาย สัมผัสนุ่มจากไขมันที่แทรกมากำลังดี หรือจะสั่งเป็น ลิ้นวัว สไลด์จนบางทำให้เวลาย่างไม่เหนียวอร่อยฉ่ำลิ้น โดยใครที่ไม่กินเนื้อทางร้านก็มีเนื้อหมูจากฟาร์มคุณภาพแนะนำ สันคอหมูหมักซอส ทางร้านใช้เป็นซอสสูตรพิเศษของร้านรสเค็มนำหวานตาม และหมูสามชั้น เนื้อนุ่มแน่นติดมันเบาๆ ย่างจนด้านนอกกรอบแล้วกินกับน้ำจิ้มรสเข้มข้น คำนี้ประทับใจ ปิดท้ายด้วยของหวาน ไดฟุกุช็อกโกแลตและสตอรว์เบอร์รี เนื้อแป้งเหนียวนุ่มเข้ากับมูสช็อกโกแลตและสตอรว์เบอร์รีได้อย่างลงตัว

จากร้านแฮงก์เอาต์ติด MRT เพชรบุรีโดยเจ้าของร้านมาดเท่ชาวเกาหลีและผู้เชี่ยวชาญเรื่องไก่ทอดและเบียร์อย่างคุณ Ted (Taeyoung Ahn) ตอนนี้ Changwon ก็พร้อมแล้วสำหรับสาขาใหม่ ใกล้ BTS เซนต์หลุยส์แบบเดินถึง! แม้จะเป็นสาขาน้องใหม่ แต่ชางวอนยังเต็มไปด้วยความสนุกเพื่อสายกินดื่มที่หมดแรงจากการงานอันหนักหน่วงตลอดวัน ทั้งบรรยากาศร้าน รูปเพนต์บนผนัง และเมนูซิกเนเจอร์อย่างไก่ทอดสไตล์เกาหลีและเบียร์ที่เหมือนเกิดมาเพื่อคู่กัน (ดูลิสต์เบียร์ที่ร้านมีได้บนกระดานทั้งชั้นบนและชั้นล่าง) เริ่มที่ซิกเนเจอร์อย่างไก่ทอดเกาหลีแบบออริจินัล จานนี้มาทั้งส่วนสะโพก ปีกบน ปีกปลาย เราชอบที่หนังไก่กรอบสะใจส่วนเนื้อด้านในยังมีความนุ่มฉ่ำไม่แห้ง เพราะใช้เทคนิคการทอดแบบดับเบิลฟรายส์ เคียงด้วยเฟรนช์ฟรายส์ ซอสโคชูจัง ซอสการ์ลิคมาโยโฮมเมด (สิ่งนี้ดีมาก เข้ากับไก่ทอดสุดๆ) และไชเท้าดองรสเปรี้ยวหวานสดชื่น ใครอยากเพิ่มความเข้มข้นขึ้นมาหน่อย แนะนำไก่ทอดซอสโคชูจังรสเผ็ดนิดหวานหน่อยที่เคลือบบนไก่ทอดแล้วโรยด้วยถั่วให้ความกรอบมัน จับคู่ Ketchup ซอสการ์ลิคมาโย และไชเท้าดองเช่นกัน มีของทอดแล้ว ต้องซดอะไรร้อนๆ ไปด้วย รามยอนเส้นหนึบรสเข้มข้นเสิร์ฟในหม้อร้อนจี๋ ใส่ไข่ โรยต้นหอมและงา มาพร้อมกิมจิโฮมเมดสูตรพิเศษของชางวอน อย่าลืมสั่ง Gimmari สาหร่ายห่อวุ้นเส้นแล้วทอดจนกรอบกินกับซอสโคชูจัง และทีเด็ดที่จิ๋วแต่แจ๋วอย่างปลาหมึกดิบดองโคชูจัง ที่ครบทั้งรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม เห็นทีคืนนี้ต้องนั่งอีกยาว

เสียงใดเล่า...จะไพเราะที่สุดเวลาหิวเท่าเสียงเนื้อย่างบนเตา Woo Tender Bangkok ร้านปิ้งย่างตั้งอยู่ในโรงแรม The Quart Ruamrudee by UHG แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะหายาก เพราะแค่ป้ายด้านหน้าก็ใหญ่สะดุดตาสุดๆ เดินเข้าไปในโรงแรมไม่กี่ก้าว ก็จะเจอร้านสีเขียว-ทองเด่นมาแต่ไกล ร้านปิ้งย่างร้านนี้อิมพอร์ตจากเกาหลีที่มีทั้งสาขาในกังนัม ยออิโด บุนดัง และปูซาน จนมาถึงกรุงเทพ ที่นี่มีที่นั่งกินแบบไพรเวตสุดๆ เพราะจัดพื้นที่ไว้ 5 ห้อง! ไม่ว่าจะเป็นห้อง Sun and Moon, ห้อง Huntsman, ห้อง Key Room, ห้อง Treasure Room และห้อง Moon โดยแต่ละห้องจะขนาดไม่เท่ากัน การตกแต่งก็ไม่เหมือนกัน แต่ได้ความเป็นส่วนตัว เหมาะกับการรวมกลุ่มมากินเลี้ยงสังสรรค์ เริ่มเลยกับของดีร้าน Woo Tender – เนื้อสตริปลอยน์ที่มีคนมาย่างให้ ตัดให้เสร็จสรรพ ซึ่งเมื่อย่างได้ที่แล้วจะมีการพักเนื้อไว้สักครู่ก่อนเสิร์ฟ คีบมาจิ้มกับซัมจัง เกลือ หรือจะกินเปล่าๆ ก็ได้ ยังไงก็อร่อย เพราะเนื้อนุ่มมากๆ รับประกันเลย (หรือจะสั่งหมูก็ได้นะ อร่อยเหมือนกัน) Ubi’ Woo Tender special uni & caviar เมนูที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ อูนิและคาเวียร์บนเนื้อดิบ กินพร้อมสาหร่ายและแป้งทอดกรอบขนาดพอดีคำ ได้เนื้อสัมผัสนุ่มๆ กลิ่นเนื้อเบาๆ แต่ไม่แรง เป็น Combination ที่พรีเมียมจริงๆ ข้าวผัดกิมจิ พร้อมโปะไข่ดาวบนกระทะ ใครชอบกินไข่แดงยางมะตูมต้องลองคลุกไข่แดงกับข้าวผัด เข้าปากแล้วฟินเป็นที่สุด สามารถเลือกได้ว่าจะใส่เนื้อหรือไม่ใส่เนื้อ ซุปกิมจิ เสิร์ฟมาร้อนๆ ซดให้คล่องคอระหว่างกินข้าวและเนื้อย่างแสนอร่อย รสชาติพอดี ไม่เปรี้ยวโดดจนเกินไป ความคุ้มค่าอีกอย่างของการมากินร้านอาหารเกาหลีคือเครื่องเคียง หรือบันชันที่เสิร์ฟมาจนแทบจะเต็มโต๊ะ ที่สำคัญคือเติมได้ไม่อั้น! มีทั้ง กิมจิสด ผักสลัด หัวหอมดอง แตงกวาดอง ซัมจัง เกลือ และจับแช ผัดวุ้นเส้นที่ตัวเส้นทั้งกลม หนา และหนึบ ทำให้หลายๆ คนชอบมาก

OPPA GO ร้านอาหารเกาหลีสไตล์ Bunsik หรือที่เรารู้จักกันดีว่า สตรีทฟู้ดเกาหลี แต่ไม่ต้องเดินทางไปกินถึงริมทางแดนกิมจิ เพราะเขายกรสชาติแบบต้นตำรับแท้ๆ มาไว้กลางสีลมโดยโอปป้ามากประสบการณ์! ที่สีลมเอจ ชั้น 2 ภายใต้สโลแกน "Quick Korean Quality" ทางร้านโอปป้าโกจึงเลือกเสิร์ฟเป็นอาหารจานด่วนที่เน้นเรื่องคุณภาพและความสะดวกสบายในราคาน่าคบหา เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนเมืองย่านสีลม ในบรรยากาศสบายๆ เหมือนร้านคอมฟอร์ตฟู้ดทั่วไป ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงินสลับขาว แทรกความอบอุ่นด้วยดีเทลของงานไม้เล็กน้อยไว้ตามมุมต่างๆ สามารถมาฝากท้องไว้กับเมนู Oppa's O.G. เมนูประจำตัวโอปป้ากับวัตถุดิบพิเศษทั้งอะโวคาโด แฮมเกาหลีเคลือบน้ำผึ้ง ไข่ดาว ไข่ปลาเมนไตโก๊ะ งาคั่ว และสาหร่าย กินรวมกันทุกองค์ประกอบอร่อยทีเดียว ต่อด้วย ฮอตด็อกสไตล์เกาหลี ไส้กรอกชุบแป้งทอดรสเค็มมันตัดด้วยความหวานจากน้ำตาลเคลือบ คิมบับไส้หมูผัดบุลโกกิแบบเผ็ด ข้าวปั้นเกาหลีที่อัดแน่นด้วยไส้แบบเน้นๆ ด้วยบุลโกกิหรือเนื้อสไลซ์ย่างและผักต่างๆ จิ้มกับซอสสูตรเด็ด อร่อยมาก! ส่วนเมนูที่กำลังจะเปิดตัวในเดือนเมษายนนี้ก็มีทั้ง ข้าวหน้าไก่ทอดราดซอสมายองเนสและปลาป่น เสิร์ฟในชามขนาดพออิ่ม หรือจะสั่ง ซุปกิมจิ น้ำแกงร้อนๆ ซดคล่องคอ เสิร์ฟคู่ข้าวไข่ดาวเพิ่มความอิ่มท้อง ข้าวหน้ามันปูกินคู่กับสาหร่าย ตักข้าวห่อในสาหร่ายกรอบๆ เข้ากันได้ดี สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุดคือ สำหรับคนชอบกินเส้นแนะนำ รามยอนผัดกิมจิและเบค่อน จานนี้ทีเด็ดเลยอร่อยด้วยรสและกลิ่นของกิมจิที่ผิดกับรามยอน ท็อปด้วยไข่กุ้งและสาหร่ายแบบจุกๆ ต่อด้วย จาจังมยอน เส้นเหนียวนุ่มคลุกเคล้าซอสรสกลมกล่อม มีไข่ดาวน้ำช่วยเพิ่มความละมุนท็อปด้านบน นอกจากนี้ยังมีอีกหลายรายการที่อยากให้ไปลองด้วยตัวเอง สามารถเลื่อนดูรูปแล้วกลืนน้ำลายก่อนนำรูปไปโชว์หน้าร้านและสั่งตามกันได้   รับรองว่าเด็ด!

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งข่าวดีสำหรับนักชิมจริงๆ เพราะ “BHC Chicken” ร้านไก่ทอดอันดับ 1 ของประเทศเกาหลีที่เสิร์ฟความอร่อยมาแล้วกว่า 20 ปี (ตั้งแต่ 2004) ได้มาแลนด์ดิ้งที่เมืองไทย ณ  CentralWorld เป็นที่เรียบร้อย โดยชื่อร้าน BCH ย่อมาจาก ‘Better & Happier Choice’ พร้อมให้คุณลิ้มลองไก่ทอดสไตล์เกาหลีที่ทำจากไก่สดคุณภาพ ทอดในน้ำมันดอกทานตะวัน บวกกับทีเด็ดอย่าง Bburinkle หรือ ปูริงเคิล ผงคลุกไก่สูตรลับที่ทำจากกระเทียม หัวหอม พาสลีย์ และชีส ให้รสหวานกินเพลิน เยียวยาสายฟู้ดในวันที่เหนื่อยล้าได้ดีจริงๆ เสิร์ฟพร้อมบรรยากาศสบายๆ ด้วยโทนสีขาว-เหลืองอบอุ่น แถมยังมีเมนู Exclusive ที่มีขายเฉพาะ BHC Chicken Thailand อีกด้วย เริ่มที่ สลัดผักสไตล์เกาหลี ผักสดต่างๆ อย่างผักคอส หัวหอม และสาหร่าย คลุกเคล้าน้ำสลัดสไตล์เกาหลีรสเผ็ดเปรี้ยวสดชื่น โรยด้วยงาขาว ตามด้วย จัมปัง บะหมี่เหนียวนุ่ม อยู่ในน้ำแกงรสเค็มเผ็ด เคล้าซีฟู้ดสดเด้งต่างๆ ทั้งหอยตัวใหญ่ กุ้งเนื้อหวาน และปลาหมึกหนึบหนับ โรเช่ต๊อกบกกี แป้งต๊อกแน่นหนึบ เข้ากันดีกับบะหมี่เกาหลีเส้นยาวๆ สาวเพลินๆ มิ๊กซ์พร้อมซอสโคชูจังและมะเขือเทศ กิมจิจอน พิซซาสไตล์เกาหลีรสกิมจิ แป้งนุ่มๆ ให้รสเค็มกลมกล่อม เสิร์ฟในกระทะร้อนส่งกลิ่นหอม มาถึงเมนูพิเศษที่เสิร์ฟเฉพาะเมืองไทยกันบ้าง ข้าวผัดอเมริกันบีเอชซี ข้าวผัดอเมริกันที่เราคุ้นเคย เสิร์ฟพร้อมไข่ดาว ไส้กรอก และไก่ทอดสูตรเด็ดชิ้นใหญ่ๆ (น่าหม่ำมากมาย) ปูริงเอ็นไก่ทอด ข้อไก่กินเพลินคลุกเคล้ากับผงปูริงเคิลรสหวานฉ่ำ ปูริงหนังไก่ทอด เมนูของเด็กอ้วนโดยแท้ หนังไก่กรุบกรอบไปด้วยกันได้ดีกับผงปูริงเคิลรสหวาน ตามด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ปูริงชีสบอล ต้องกินตอนร้อนๆ นี่แหละฟิน ชีสยืดๆ รสครีมมี โดนใจฟู้ดดี้ ไก่ทอดรสโกลด์คิง ที่เราเลือกส่วนปีกและส่วนน่อง หนังกรอบๆ อาบซอสสูตรลับรสหวานปนเค็ม ที่ทำจากซีอิ๊วเกาหลี น้ำผึ้ง และกระเทียม ไก่ทอดรสเรโทร ไก่ทอดคลาสสิกหนังกรอบเนื้อฉ่ำใน กินคู่ซอสพริกรสเปรี้ยว ยังไม่อิ่มสั่ง ไก่ทอดรสฮ็อตเรโทร ไก่ทอดรสเผ็ดเข้มข้น เข้ากันดีกับซอสโยเกิร์ตสไตล์เกาหลี และไชเท้าดองโฮมเมด ไก่ทอดรสมาโชคิง ได้รสเค็มกลมกล่อมของซีอิ๊วเกาหลีคุณภาพ ผสมกับน้ำผึ้ง ตัดเลี่ยนด้วยพริกและกระเทียม ตบท้ายด้วย ไก่ทอดรสฮอตปูริงเคิล ผงปูริงเคิลรสเผ็ดจี๊ดจ๊าด เข้ากันดีกับเนื้อไก่ชุ่มช่ำ จิ้มซอสโยเกิร์ตหอมมัน ยิ่งฟินเข้าไปใหญ่ จิบพร้อมโค้กสลัชชี่นี่แหละสวรรค์

สเปซซู (SPACE ZOO) ร้านไก่ทอดเกาหลีน้องใหม่ย่านสยามสแควร์ ซอย 10 เตรียมเสิร์ฟความอร่อยให้เหล่าคนรักไก่ทอดด้วยเมนูพิเศษมากมายทั้งไก่ทอดสูตรลับ รามยอนแสนอร่อย และเครื่องดื่มสุดสดชื่น โดย “เบียร์-ปิยะเลิศ ใบหยก” และ “คิวเท ซิม” ยูทูบเบอร์ชื่อดังชาวเกาหลี เจ้าของช่อง ‘คิวเท โอปป้า’ ได้ร่วมมือกันเปิดตัวร้านขนาดกะทัดรัด ที่มาในธีมสวนสัตว์อวกาศ ตกแต่งด้วยสีม่วงและไฟนีออน ดูล้ำสมัย มีมุมให้ทุกคนถ่ายรูปเช็กอินกับไก่ทอดคู่ใจได้แบบไม่รู้เบื่อ แต่ที่โดดเด่นมาแต่ไกล แม้จะยังมองไม่เห็นตัวร้านก็คือกลิ่นหอมอบอวลของไก่ทอดสูตรเด็ด ที่ลอยออกมาจากครัวเปิด ชวนหิวไม่น้อย อย่างเมนูซิกเนเจอร์ของสเปซซูอย่าง Black Hole Chicken ไก่ทอดดำสูตรลับที่คิดค้นโดย “คิวเท” กรอบนอกนุ่มในเนื้อฉ่ำซอสให้รสหวานนิดๆ มาต่อกันที่เมนู White Pluto Chicken ไก่ทอดราดครีมมายองเนสและท็อปด้วยหัวหอมซอย ได้รสหวานละมุนมีรสเปรี้ยวปลายลิ้นเล็กน้อย ตามด้วย Garliczy Chicken ไก่ทอดคลุกซอสฮันนี่การ์ลิก ได้รสหวานเค็ม อร่อยกลมกล่อม และ Sun Fire Chicken ไก่ทอดสูตรเผ็ด หอมกลิ่นเครื่องเทศ ได้รสเผ็ดร้อนจากซอสโคชูจัง เพิ่มความอิ่มท้องด้วย Ramyeon Carbonara Sauce รามยอนซอสคาร์โบนารา ออนท็อปด้วยไก่ทอดซัน ไฟร์ เส้นเหนียวนุ่มเต็มรสชีส กินคู่ไก่ทอดซอสเผ็ดเข้ากันสุดๆ และ Ramyeon Far Away Rose Sauce รสเผ็ดซี๊ดสะใจ ท็อปด้วยไก่ทอดซอสการ์ลิก กินคู่กันอร่อยนัว ดับความกระหายกันด้วยเครื่องดื่มรสชาติเปรี้ยวหวานชุ่มคอ มีให้เลือก 2 แบบทั้ง Purple P. น้ำอัญชันผสมเลมอนและน้ำผึ้ง กับ Slurpy Purple P. สเลอปี้น้ำอัญชันผสมเลมอนและน้ำผึ้ง จะแนวไหนก็อร่อยชื่นใจสุดๆ เชื่อแล้วว่า..อร่อยที่สุด! ตามรอยมาลิ้มรสความอร่อยกันได้ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม 2566 นี้ เป็นต้นไป

ใครเป็นแฟนคลับ ‘ฮอตต็อก’ แพนเค้กสไตล์เกาหลี เราแนะนำให้ไปเช็คอิน “Seoul Hotteok” ร้านแป้งต๊อกทอดอันดับหนึ่งจากประเทศเกาหลีของ Mr. Saya Lee ที่เสิร์ฟความอร่อยมาเกือบ 3 ปี กับ 12 สาขา บัดนี้ได้มาปักหมุดที่ สามย่าน มิตรทาวน์ (ชั้น G) แล้ว ซิกเนเจอร์คือ ‘ฮอตต็อกรูปหัวใจ’ น่ารักสุดใจใครเห็นก็ต้องร้องว้าว แป้งที่ชมพูสูตรเฉพาะของทางร้านที่ทำมาจากผงผลไม้ เนื้อเหนียวนุ่ม ทำสดใหม่ทุกออเดอร์ มีทั้งไส้คาว-หวานให้เลือกลิ้มลอง เริ่มกันที่ Japchae แพนเค้กสไตล์เกาหลีโฮมเมดเหนียวนุ่ม ทอดหอมๆ ให้ได้เนื้อแป้งกรอบนอกนุ่มใน สอดไส้จับแชรสเค็มกลมกล่อม อาหารเรียกน้ำย่อยในแบบฉบับเกาหลีที่หลายคนเลิฟ ต่อด้วย Nutella S’more เอาใจสายหวานกันบ้างดีกว่า ฮอตต็อกรูปหัวใจคิวท์ๆ สีชมพูหวานนนี้ได้มาจากผงผลไม้ แป้งเหนียวนุ่มมีความหนึบเล็กๆ ห่อหุ้มนูเทลล่ารสเข้มข้น เข้ากันดีกับมาร์ชเมลโล่นุ่มๆ รสหวาน Dried Cranberry Cream Cheese เมนูฮ็อตฮิตประจำร้าน แครนเบอร์รีอบแห้งรสเปรี้ยวอมหวาน ตัดดับความหอมมันของครีมชีส เคล้าแป้งทอดสไตล์เกาหลีเนื้อนิ่มในกรอบนอก ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มอย่าง Original Misugaru มิลค์เชคเนื้อเนียนที่ทำจากธัญพืชถึง 13 ชนิด สูตรเฉพาะของร้าน รสหวานมันชื่นใจ ไว้วันหลังจะมากินอีก

ใครรอคอย Sindosegi Korean Pork Restaurant ร้านดังจากเกาหลีว่าเมื่อไหร่จะมาเปิดในบ้านเราเสียที วันนี้มาแล้วจ้า เปิดใหญ่ได้ใจมาก อยู่กลางสยามสแควร์ สีน้ำเงินเข้มโดดเด่นสะดุดตา ใครมาครั้งแรกไม่ต้องกลัวหลง ในร้านฟีลเกาหลีทุกมิติตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม บรรยากาศ เสียงเพลง รวมถึงเสียงทักทายของพนักงานในร้าน สายเกาตัวจริงเช็คอินด่วน!   แนะนำ 3 เมนูหมูสูตรลับ ขายดีเบอร์หนึ่งยกให้ Super Golden Pork Sindosegi Cuts น้องเป็นหมูเกรดพรีเมียมที่ผสม 3 สายพันธุ์ หมูหนึ่งตัวมีเนื้อส่วนนี้แค่ 8 ชิ้นเท่านั้น เอ็กคลูซีฟขนาดไหน และยังเป็นเมนูเดียวที่ผ่านกระบวนการทั้ง Wet Aged และ Dry Aged เพื่อให้ได้รสสัมผัสสุดพิเศษ นุ่มฟินแบบทวีคูณ Pork Belly หมูสามชั้นชิ้นอย่างหนา นำมา Wet Aged ตามสูตรชินโดเซกิ ผิวสัมผัสนุ่ม ชุ่มฉ่ำกว่าหมูสามชั้นที่เคยกิน เวลาเคี้ยวสู้ฟันนิดๆ เพื่อให้เราได้ซึมซับความฉ่ำอย่างล้ำลึก และ Soy Sauce Marinated Pork Neck สันคอหมูหมักซอสชินโดเซกิ ใช้กรรมวิธี Wet Aged เต็มขั้นตอนแล้วหมักกับซอสสูตรลับของชินโดเซกิ ที่มีส่วนผสมมากกว่า 20 ชนิด จนได้หมูที่นุ่มและฉ่ำ รสสัมผัสแปลกลิ้นทุกอณู   ร้านนี้เราไม่ต้องย่างเอง นั่งรอเฉยๆ เดี๋ยวจะมีน้องๆ มาย่างให้ เพราะหมูแต่ละชิ้นส่วนต้องใช้เทคนิคในการย่าง รวมถึงควบคุมระดับความร้อนที่ต่างกัน เพราะฉะนั้นให้มืออาชีพเค้าทำ ส่วนเรานั่งกินชิลๆ พอ นอกจากเมนูหมูๆ ที่คุ้มค่าแก่การมาเยือน ทางร้านยังมีเมนูชูรสอีกหลายอย่าง อาทิ Steamed Eggs Souffle With Mentaiko ไข่ตุ๋นเกาหลีไข่ปลาเมนไทโกะ ไข่ตุ๋นนุ่มฟูเสิร์ฟในหม้อร้อน เนื้อเนียนละมุน ไฮไลท์อยู่ที่ไข่ปลาเมนไทโกะจากญี่ปุ่น ช่วยชูรสชาติความเข้มขันมันนัวให้กับทุกคำ Korean Soy Sauce Plkled Mix รวมทะเลดองซีอิ๊วเกาหลี เมนูเดอะมัสต์ที่ต้องสั่งมาประจำการบนโต๊ะ รสชาติเค็มหวานแบบพอเหมาะพอดี มีทั้งปูทะเลไข่ กุ้ง เอ็นหอยและแซลมอน ส่วนพริกและกระเทียมไม่ได้มาแค่สร้างสีสัน แต่ยังทำหน้าที่ช่วยเสริมรสเผ็ดร้อน จานนี้ใหญ่มาก แบ่งกันฟินได้แบบจุกๆ ทุกคน Duroc Pork Fried Rice ข้าวผัดหมูดูร็อคกระทะร้อน ข้าวผัดจานเด็ดขายดีที่เกาหลี ใช้ข้าวญี่ปุ่นผัดกับหมูสามชั้นและกิมจิ ท็อปด้วยไข่ออนเซ็น สาหร่ายเกาหลี และพาเมซานชีส เสิร์ฟในกระทะร้อน ด้านล่างกรุบนิดๆ หอมกระทะหน่อยๆ ดีงามทุกองค์ประกอบแทบไม่อยากวางช้อน อย่าลืมสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ส่งตรงจากเกาหลี ซ่านิดๆ จิบแล้วชื่นใจ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงรักหมูย่าง ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

มัดรวมแฟนคลับปิ้งย่างมาไว้ตรงนี้ “Happy Pig Thailand” ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีน้องใหม่เครือเดียวกับ Nice Two Meat U ที่ตั้งอยู่ใน ICS (ตรงข้ามไอคอนสยาม) โดยทางร้านจะเน้นเมนูหมูต่างๆ มีทั้งแบบชุดและอะลาคาร์ต เสิร์ฟมาในราคาย่อมเยาว์ถูกใจหนุ่ม-สาวชาวออฟฟิศ พร้อมเอ็นจอยกับบรรยากาศโฮมมี่เรียบง่าย ตัวร้านกว้างโล่งที่มาพร้อมกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ผนังสีเทาแซมด้วยรูปเมนูซิกเนเจอร์น่าอร่อยชวนให้สายกินน้ำลายสอ เมนูแรกเราสั่งเป็น Happy Pig Value Set เซ็ตหมูชุดใหญ่จุใจที่ประกอบไปด้วย หมูสามชั้น หมูสันนอก สันหัวไหล่หมู หมูหมักบุลโกกิมาพร้อมน้ำจิ้มที่มีให้คุณเลือกอร่อยถึง 6 อย่าง ได้แก่ น้ำจิ้มต็อก รสเผ็ดหวาน ซีฟู้ด สุดแซ่บซัมจัง ซอสสไตล์เกาหลีที่โดดเด่นด้วยรสของโคชูจัง ยากินิกุ ซอสเนื้อรสกลมกล่อม น้ำมันงา หอมๆ และ ซีอิ๊วพริกดอง นอกจากนี้ภายในเซ็ตยังมีเครื่องเคียงอย่าง ผัดวุ้นเส้นเกาหลี จานใหญ่ ให้คุณกินเพลินๆ ซุปกิมจิ ที่คุณคุ้นเคย ข้าวผัดกระเทียม หอมฟุ้ง และผักสดกรุบกรอบ มี หมูบุลโกกิ ที่อร่อยจนเราต้องสั่งเพิ่มเนื้อหมูสไลซ์คลุกเคล้ากับซอสสูตรลับของทางร้าน ให้รสออกหวานแกมเผ็ดร้อนเล็กๆ สั่งของกินเล่นมาเพิ่มดีกว่า ข้าวโพดทอด ร้อนจี๋ รสหวานธรรมชาติ เห็ดเข็มทองชุบแป้งทอด เนื้อกรอบนอกนุ่มใน เข้ากันดีกับน้ำจิ้มหวาน โดนใจเรามากสำหรับ ซุปเต้าเจี้ยวเกาหลี หมูสามชั้นสไลซ์บาง เต้าหู้เนื้อนิ่ม อยู่ในน้ำแกงเต้าเจี้ยวรสเค็มนุ่มนวล ตามมาติดๆ กับ ซุปกิมจิ ที่ให้รสเปรี้ยวจากกิมจิคุณภาพที่เราคุ้นเคย ไข่ตุ๋นชีส หนึ่งในเมนูดาวเด่นของร้าน ไข่ตุ๋นอิ่มเอม เข้ากันดีกับชีสครีมมียืดๆ กินร้อนๆ นี่ฟินมากมาย สายแซ่บอย่าลืมสั่ง ทะเลดองซีอิ๊วเกาหลี ไข่ปูน่าอร่อย กุ้งเนื้อหวาน หอยแครงสดเด้ง เคล้ากับพริกสดรสร้อนแรง และน้ำซีอิ๊วสไตล์เกาหลีรสหวานนิดๆ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยวเข้ากัน เนื้อบุลโกกิกระทะร้อน ก็เข้าที เนื้อชั้นดีที่ชุ่มฉ่ำด้วยซอสสไตล์เกาหลีรสหวาน ยังไม่อิ่มสั่ง ข้าวผัดกิมจิ ไซส์บิ๊กเบิ้มถูกใจสายฟู้ด ข้าวเกาหลีคลุกเคล้ากับกิมจิรสเปรี้ยวละมุน ท็อปด้วยไข่ดาวเยิ้มๆ ถึง 2 ฟอง ตบท้ายด้วยชาอูหลงเย็นๆ ชื่นใจ

ชวนสายเกาไปอิ่มอร่อย ผ่อนคลายหัวใจกันที่  “Wonjeon Bkk” ร้านอาหารเกาหลีโฮมเมดย่านประชาชื่น ที่มาพร้อมกับบรรยากาศร้านสุดอบอุ่นราวกับอยู่บ้าน ตรงกันข้ามกับรสชาติอาหารที่เข้มข้นจัดจ้าน มัดใจเราได้อยู่หมัด หน้าร้านโดดเด่นด้วยสีกำแพงอิฐแดงที่ตัดกับตึกโทนสีเขียวชวนสะกดสายตาเมื่อเดินผ่าน ภายในตกแต่งแบบเรียบง่ายด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นหลัก เพิ่มความโปร่งโล่งสบายตาจากกระจกใสบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติ น่านั่งชิลล์ไปตลอดทั้งวัน เริ่มด้วย Janchi Guksu (140.-) เมนูซุปใสยอดนิยมของประเทศเกาหลีที่นิยมกินกันในช่วงฤดูหนาว ตัวน้ำซุปหอมกลมกล่อมจากหัวไชเท้าและปลาแห้ง กินพร้อมเส้นกุกซู (เส้นก๋วยเตี๋ยวเกาหลี) ท็อปด้วยไข่และสาหร่าย ซดแล้วคล่องคอเป็นที่สุด อิ่มอร่อยแบบจานด่วนด้วยเมนู Jukkumi Topbap (150.-) หมึกเกาหลีและหมูสามชั้นผัดคลุกเคล้ามากับซอสโคชูจังรสเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆ กินเพลิน ต่อกันที่ Tteok Bokki (130.-) ต๊อกบกกีเนื้อนุ่มหนึบราดซอสโคชูจัง รสชาติหวานเผ็ดกลมกล่อมแบบต้นตำรับ หรือจะเลือกเป็น Original Gimbab (120.-) ข้าวห่อสาหร่ายสไตล์เกาหลีชิ้นโตที่อัดแน่นมาด้วยหมูย่าง ผัก และไข่ อิ่มคาวแล้วต่อด้วยของหวานอย่าง  Bungeopang (50.-) หรือเค้กรูปปลาสอดไส้ครีมคัสตาร์ดหอมหวานละมุน และ Hotteok (60.-) ขนมแป้งทอดสตรีทฟู้ดเกาหลี ทำจากแป้งข้าวเหนียวเนื้อหนึบสอดไส้ธัญพืชและน้ำตาลทรายแดง หอมหวานกินได้ไม่เบื่อ

ต้องขอบอกเลยว่าอาหารเกาหลีนั้น ยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่ขาดสาย วันนี้เลยขอพาทุกคนไปสัมผัสประสบการ์ณ Korean Findining หรืออาหารเกาหลีแบบไฟน์ไดน์ ที่แรกในกรุงเทพฯ! ที่ Jucksunchae อัดแน่นไปด้วยวัตถุดิบคุณภาพถูกคัดสรรมาเป็นอย่างดี ผ่านการคิดค้นโดยเชฟ Henry Lee เชฟเกาหลีผู้นำแรงบันดาลใจสูตรอาหารของคุณแม่ผสมผสานกับความเป็นตัวเอง ทั้งเทคนิคตะวันนออกและตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว อาหารเกาหลีของ Juckjsunchae (จุกซุนแช) ไม่ใช่แบบ Tradition โดยสิ้นเชิง แต่จะเป็นอาหารเกาหลีที่ใส่ความคิดสร้างสรรค์ หรือ Innovative หน้าตาอาหารจึงดูสนุกสนานและรู้สึกตื่นเต้น แต่ยังคงคอนเซ็ปต์ความเรียบง่ายเพื่อให้ทุกคนได้สนุกในแต่ละจานออกมาเป็น 13 เมนู เลยต้องขอยก 10 เมนูโปรดที่ไม่เพียงแต่อร่อยแต่ยังสร้างความประทับใจเมื่อได้ลิ้มลอง เริ่มด้วย Doenjang Ddalgi (Doenjang Strawberry) เมนูเรียกน้ำย่อยที่เรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก ที่เชฟเลือกใช้สตรอว์เบอร์รีเกาหลีสดสอดไส้ด้วยมิโซะผสมกับชีสมาสคาร์โปเน เบิร์นหน้าเล็กน้อยจนส่งกลิ่นหอมเย้ายวน เมื่อเอาเข้าปากแล้วทั้งเข้มข้นและสดชื่นในคำเดียว ต่อมา Domi Hoe (Sea Bream Hoe) เมนูปลาดิบที่ใช้ปลาเนื้อขาวตระกูล ปลามาได นำมาแล่เป็นชิ้นบาง กินคู่กับเนื้อลูกแพรคอมเพลสในน้ำทับทิมสีแดงสด รสชาติออกเปรี้ยวหวานนิดๆให้ความสดชื่นเข้ากันได้ดีกับเนื้อปลาได้ความเผ็ดนิดๆจากซอสโคชูจังสูตรเฉพาะของเชฟ มาต่อกันที่ Lobster Jang ( Marinated lobster) เนื้อล็อบสเตอร์ดิบ นำไปดองในซีอิ๊วตามฉบับของคนเกาหลี เสิร์ฟมาในจานยาวที่มาพร้อมกับลูกเล่นในการกิน เชฟบอกว่าให้เริ่มจากด้านขวามมือก่อน จากนั้นค่อยนำสาหร่ายมาห่อกับเนื้อล็อบสเตอร์และข้าว รสเค็มมัน ได้รับความสดของเนื้อกุ้งล็อบสเตอร์ที่ระเบิดอยู่ในปาก ถ้ามาแล้วทุกคนต้องตื่นตาตื่นใจกับ Gal Bulgogi (Bulgogi Oyster) เนื้อหอยนางรมย่างที่เชฟได้แรงบันดาลในจากคนเกาหลีที่นิยมกินบุลโกกิ (เมนูย่าง) กันอยู่เป็นเป็นประจำ ดัดแปลงโดยใช้เป็นเนื้อหอยนางรมเนื้ออวบย่างสุกกำลังดี เสิร์ฟบนเปลือกหอยนางรมร้อนฉ่า ราดด้วยซอสสูตรพิเศษ เป็นจานบุลโกกิที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน Beoseot, Jat (Mushroom with Pine Nuts) จานสุดอลังการที่เรียกเสียงฮือฮา เสิร์ฟในกล่องไม้ดูหรูหรา ที่เชฟนำแรงบันดาลใจจากการกินเจของคนเกาหลี เป็นจานที่รวมเห็ดกว่า 7 ชนิดเข้าไว้ด้วยกัน ย่างด้วยซอสสูตรพิเศษรสกลมกล่อม ท็อปด้วยโฟมพายนัตรสครีมมี ทำให้ดึงเอกลัษณ์รสชาติของเห็ดออกมาได้เป็นอย่างดี Seong -Gye-Al Bibimbab (Sea Urchin Bibimbab) บิบิมบับไข่ตุ๋นผสมอูนิ ได้เนื้อสัมผัสเข้มข้น ทั้งหอมและมัน เสิร์ฟเคียงกับเครื่องบิบิมบับ บรรจงเรียงมาอย่างสวยงาม กินคู่กับซอสเบอร์บล็องกิมจิขาว (White Gimchi) ที่เชฟหมักเอง เสิร์ฟในจานทองเหลืองให้ความรู้สึกได้ไปเยือนเกาหลี Galbi (Galbi-Beef Short Rib) จานเมนคอร์สที่สายเนื้อห้ามพลาด เนื้อซี่โครงวัวซูวีดนานกว่า 10 ชั่วโมง ย่างในเตาฟืนหอมสุกกำลังดี ราดด้วยซอสจูส์ผสมโสมเกาหลีรสเข้มข้น พร้อมกับหมูห่อพริก และกิมจิขาวดองไว้สำหรับตัดเลี่ยน Foie Gras , Bam (Foie Gras with Chestnut Banchan)  ลุยต่อกับจานหลักที่เชฟจัดเต็ม ตับห่านชิ้นโต เสิร์ฟมาพร้อมบันชันเกาลัดที่ทำออกมาหลายแบบให้เราได้เลือกรังสรรค์เอง ได้สับเปลี่ยนรสชาติอย่างสนุกสนานถึง 5 รส อาทิ ครีมเกาลัด กิมจิเกาลัด เกาลัดพูเร่ โครเกตต์เกาลัด เป็นจานที่ผสานรสชาติของเนื้อเกาลัดและฟัวกราส์ได้อย่างลงตัว ตบท้ายด้วย Makgeolli, Soobak , Omija ( Makgeolli,Watemelon, Omija) กรานิตตาเรียกความสดชื่นกลับมาได้เป็นอย่างดีเป็นกรานิตาแตงโม ด้านล่างเป็นเจลลีมักกอลี โรยด้วยพายนัต และ Hotteok ,Vanilla Ice Cream เมนูขนมหวานสตรีทฟู้ดสุดคลาสสิกเกาหลี แป้งต็อกโบกีนำมาห่อถั่วและน้ำตาล กินคู่กับไอศกรีมวานิลลา และนอกจากนี้ยังมี Petit Four เสิร์ฟเป็นอย่างสุดท้ายอีกด้วย เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มกันเลยทีเดียว มื้อค่ำสุดแสนพิเศษนี้กลับบ้านไปนอนหลับฝันดีแน่นอน   ถือเป็นอาหารเกาหลี อีกหนึ่งท็อปลิสต์ไฟน์ไดน์นิงในใจ

หมูสามชั้นอะไร? ทำไมย่างแล้วห๊อมหอมและอร่อยได้ขนาดนี้ ถามมา-ตอบไป...ก็ต้องหมูไอเบริโกจากสเปน ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มฉ่ำและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัวน่ะสิ นำมาย่างร้อนๆ จะรีดความมันออกส่วนหนึ่ง ผิวกรอบนิดๆ กัดแล้วฉ่ำลิ้นที่ซู๊ดดดด ยิ่งจุ่มกินกับซอสและเครื่องเคียงด้วยนะ แม่จ๋าเค้าเหมือนเกิดมาคู่กันจริงๆ ไม่พูดเยอะไปเถอะ ที่ Maple Tree House ร้านปิ้งย่างอันโด่งดังจากโซล ที่ตอนนี้ขยายสาขาความฟินมาที่สยามพารากอนบ้านเราแล้ว เราชอบบรรยากาศในร้านที่ค่อนข้างโปร่งโล่งและดูเป็นมิตร ตกแต่งในธีมเอิร์ธโทนสบายสายตา ทำให้รู้สึกอยากนั่งนานๆ ใครมาครั้งแรกไม่ต้องกลัวหาร้านยาก เพราะเค้ามีจุดเด่นเรียกแขกมาแต่ไกลคือขวดโซจูสีเขียวที่ตั้งเรียงรายจากพื้นจรดเพดาน (ใครยังหาไม่เจอแม่จะตี ^_^) ส่วนเมนูนำเสนอสไตล์อะลาคาร์ตที่คัดมาแต่ตัวท็อป อาทิ Sam Gyupsal (180 g.) หมูสามชั้นที่ใช้หมูไอเบริโกจากสเปน เคี้ยวอร่อยระดับแสงออกปาก จัดไปรัวๆ ไม่ต้องกลัวอ้วน เรานี่เบิ้ลแล้วเบิ้ลอีก สายเนื้อสั่งจานนี้  Woo Samgyeop (180g.) เนื้อสวยๆ สีแดงฉ่ำ มีลายไขมันแทรกเป็นริ้ว เคี้ยวนุ่มไม่ถึงกับละลายในปาก แต่ก็ทำให้เราสัมผัสรสชาติของเนื้อได้อย่างชัดเจน เชื่อเถอะไม่ว่าโต๊ะไหนก็สั่งมากกว่า 1 จาน Stone Bowl Bibimbap บิบิมบับหรือข้าวยำเกาหลี เครื่องเคราแน่นขนัด จัดเป็นเมนูที่ตกหล่นไม่ได้เลย เมื่อมาถึงร้านอาหารเกาหลี Sundubu Jjigae ซุปเต้าหู้อ่อนหอยตลับ หอยตลับตัวใหญ่เนื้อนุ่มหนึบ กินกับเต้าหู้อ่อนเนื้อเนียน เสิร์ฟร้อนๆ ควันฉุย น้ำซุปเข้มข้นมากกินกับข้าวจะเข้ากันพอดี เมนูนี้เราให้เต็ม 10 เพราะไม่รู้จะหักตรงไหน Banchan พันชัน หรือ Side Dish เมนูนี้กินฟรีเท่านั้น แถมมีให้ตั้ง 8 อย่าง ได้แก่ สลัด กิมจิผักกาด ผักโขมน้ำมันงา เต้าหู้ ต้นหอม มันบด เห็ดดอง และผักสด เติมได้ไม่อั้นด้วยนะ แค่เครื่องเคียงก็ปังเวอร์ ห่อคำต่อคำ ฟีลนี้เหมือนนั่งกินที่เกาหลีไม่มีผิด!

ใครเป็นสายสตรีทฟู้ดเกาหลีอย่าพลาดร้านนี้ Itaewon Camp ร้านโพจังมาจาสุดฮอตใกล้ BTS วัดพระศรีฯ คุณเฌอเจ้าของร้านเคยเปิดร้านอาหารไทยมาก่อน เมนูของที่ร้านจึงเป็นอาหารเกาหลีที่ปรับสูตรให้เข้มข้นและจัดจ้านถูกปากคนไทยเป็นพิเศษ จะเลือกนั่งชิลรับลมเย็นๆ ด้านนอกร้าน หรือนั่งในเต็นท์ที่เร้าใจด้วยแสงนีออนก็สนุกไปอีกแบบ ไฮไลต์ของ Itaewon Camp คือเมนูแก้หนาวอย่างหม้อไฟเกาหลี หม้อไฟไซส์ใหญ่จุใจอิ่มได้ทั้งแก๊ง ในหม้ออัดแน่นด้วยต็อกบกกี เส้นรามยอน เนื้อหมู ออมุก ปลาหมึก กุ้ง เราชอบที่น้ำซุปรสเข้มข้นเป็นพิเศษ ซดแล้วถึงกับตาสว่าง ตามด้วยเมนูเด็ดอย่างเซ็ตหมูสามชั้นย่างที่ทางร้านย่างมาให้เรียบร้อยแล้ว เนื้อหมูหมักรสชาติกำลังดี เสิร์ฟพร้อมกิมจิแก้เลี่ยน ห่อด้วยผักสดคำโตๆ รับประกันความฟิน พลาดไม่ได้กับไก่ทอดเกาหลีที่ชนะขาดด้วยความกรอบนอกนุ่มใน (ทิ้งไว้นานก็ยังกรอบอยู่) เคลือบด้วยซอสรสเค็มนิดหวานหน่อยแล้วโรยงาปิดท้าย นอกจากนี้ยังมีเมนูเด็ดทั้งต็อกบกกี จับแช ซุปเต้าหู้อ่อน รวมถึงคิมบับคำโตๆ จับคู่เครื่องดื่มจากเกาหลีหลากหลายแบรนด์ เหมาะกับการนัดเพื่อนมาปาร์ตี้อย่างที่สุด

Cheonman “ชอนมัน” ร้านแฮงก์เอาท์แนวสตรีทเกาหลี ขวัญใจหนุ่มสาวนิสิตนักศึกษาและคนทำงานในย่านบรรทัดทอง ตัวร้านน่ารักไซส์มินิ ด้านหน้าตั้งแสตนดี้หนุ่มหล่อกงยูที่ยืนส่งยิ้มเชื้อเชิญให้เราเข้ามาดื่มกิน แต่ถ้ามาช่วงปลายปีเลือกนั่งหน้าร้านรับลมหนาวชิลๆ ไปพร้อมกับจิบเครื่องดื่มเย็นๆ แล้วจินตนาการไปว่านั่งอยู่ริมทางกลางย่านฮงแด แหม...มันช่างดีต่อใจ ส่วนด้านในร้านก็คูลไปอีกแบบกับวอลล์เปเปอร์ภาพยามค่ำคืนในกรุงโซลที่เต็มไปด้วยแสงสี ยิ่งดึกยิ่งคึกคัก แทบไม่อยากลุกกลับบ้าน แนะนำเมนูคู่จิ้นที่คนเกาหลีนิยมกินแกล้มเบียร์เย็นๆ อย่าง Cheonman Chicken ไก่ทอดเกาหลีที่เลือกเฉพาะเนื้อๆ ไม่มีกระดูกกวนใจ นำมาหมักซอสแล้วทอดร้อนๆ ได้รสเข้มข้นจากซอสผสานรสเค็มมันจากชีสเยิ้มๆ ด้านบน ต่อด้วย Jjukkumi จุกกุมิหรือปลาหมึกมาพร้อมหอยเชลล์นำเข้าจากเกาหลีผัดด้วยซอสชอนมันสูตรพิเศษ สมทบด้วยหมูสไลซ์และต๊อกปกกี ผัดแยกแล้วลองชิมรสชาติ ก่อนใส่ข้าวและสาหร่ายผัดต่อจนเข้ากัน โรยไข่กุ้ง เป็นอันจบกระบวนการ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง กิมจิและผักสด รสชาติเดียวกับที่กินในเกาหลีเป๊ะ Original Jajangmyeon บะหมี่ผัดซอสดำ เส้นเหนียวนุ่มฉ่ำน้ำซอสเยิ้มๆ ปากเลอะแค่ไหนก็ยอม (มโนเอาว่าเป็นนางเอกซีรีส์ที่กินเลอะแค่ไหนก็น่ารัก) ถ้าไม่จุใจสั่ง ออมุกหรือโอเด้งเกาหลี กับซุปกิมจิหมูสามชั้น ที่เรายกให้เป็นเมนูเข้ากับฤดูหนาวมากที่สุด ก่อนจบด้วยแอปเปิ้ลโซดา เครื่องดื่มซาบซ่าล้างปากได้แบบสดชื่น อย่ารอช้า หยิบโทรศัพท์นัดเพื่อนมารวมตัวได้เลย!

แฮงก์เอาท์ชิคๆ แบบสตรีทฟู้ดเกาหลีต้องที่ Jinjjayo (ชินจาโย) ที่ยกเอาคอนเซ็ปต์ Korean Street Food มาให้สายตี้ได้กินดื่มสนุกๆ เคล้าเสียงเพลงกระหึ่มสไตล์ K-Pop และ Cover Dance ของเหล่าไอดอลที่ชื่นชอบ ไม่ต้องไปเกาหลีก็ได้ฟีลเดียวกัน เมนูจานเด็ดคัดมาเป็นพิเศษ อาทิ หม้อไฟบุเดจิเก รวมมิตรหม้อยักษ์ เอาตะเกียบคีบตรงไหนก็พบแต่ความอร่อย โดยเฉพาะน้ำซุปที่ปรุงรสเผ็ดร้อนนิดๆ ซดแล้วจี๊ดคล่องคอ เหมาะกับอากาศเย็นๆ ช่วงปลายปี หมูสามชั้นย่าง จากกรุงโซลถึงโซนลาดกระบัง อร่อยเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ทางร้านจะแล่หมูสามชั้นชิ้นพอดีคำ(โตๆ)แล้วย่างมาให้เสร็จสรรพ เนื้อนุ่มฉ่ำมีส่วนมันพอประมาณ คีบวางบนผักแล้วตามด้วยซอสปรุงรสที่มีให้เลือก 3 ชนิด แนะนำให้ลองทุกรสเพื่อค้นพบรสชาติที่ชอบ ส่วนเมนูหน้าตาเรียบๆ แต่ซ่อนความพิเศษไว้เพียบยกให้ ข้าวมันปูเกาหลี ข้าวนุ่มๆ ท็อปด้วยมันปูเนียนละมุน โรยงาขาวและต้นหอมซอย รสชาติกลมกล่อมหอมมัน แนะนำให้ห่อสาหร่ายก่อนส่งเข้าปาก จะเพิ่มรสเข้มข้นเค็มมันอีกเท่าตัว คิมบับไข่ แปลกใหม่ไม่เหมือนใครกับคิมบับไร้ข้าว ทางร้านนำสาหร่ายมาห่อไข่คำใหญ่ๆ เคี้ยวนุ่มไม่ต้องออกแรง ถูกปากจนอยากสั่งเพิ่มเรื่อยๆ ต่อด้วยเมนูสุดป๊อป กุ้งดองซีอิ้วเกาหลี กุ้งสดไร้กลิ่นคาว ได้รสเค็มหวานจากซีอิ๊วและรสเผ็ดจี๊ดจากพริกขี้หนู ถ้ายังไม่สะใจก็มีน้ำจิ้มซีฟู้ดแบบไทยแท้มาให้เพิ่มรส อีกเมนูห้ามพลาดได้แก่หอยนางรมเกาหลี เสิร์ฟ 3 ตัวใหญ่ๆ ระดับความสดเหมือนเพิ่งยกขึ้นจากทะเล บีบเลมอนนิดแล้วราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ แนะนำให้เคี้ยวช้าๆ เพื่อให้ความสดชื่นอบอวลอยู่ในปากนานๆ ก่อนปิดจ๊อบด้วย ไก่ทอด 3 in 1 เสิร์ฟครบ 3 รสในจานเดียว ฟีลแบบนี้เหมือนนั่งอยู่ในเต๊นท์ที่เกาหลีจริงๆ

หลังจากประสบความความสำเร็จไปกับสาขาเซ็นทรัลเวิลด์อย่างท่วมท้น ถึงเวลาที่ แซมาอึลชิกตัง (Saemaeul Sikdang) ร้านปิ้งย่างชื่อดังจากเกาหลี จะพา ซุปกิมจิ7นาที ในตำนานมาบุกเซ็นทรัล ลาดพร้าว กับบรรยากาศคึกคักเป็นกันเองตามแบบฉบับของร้าน พร้อมด้วยเมนูซิกเนเจอร์เมนูที่คิดค้นโดยเชฟคนดังอย่างเชฟแพคจงวอน เริ่มด้วย Cheese Gyeran Jjim ไข่ตุ๋นชีสที่ทั้งอร่อยและถ่ายรูปสนุก เนื้อไข่ตุ๋นฟูนุ่มสไตล์เกาหลีเสิร์ฟแบบควันฉุย เพิ่มดีกรีความฟินด้วยชีสยืดๆ   แล้วสั่ง Yeoltan Bulgogi หมูสไลซ์บางย่างบนเตาถ่าน กลิ่นหอมยั่วน้ำลาย รสชาติกลมกล่อมจากซีอิ๊วเกาหลี มีรสเผ็ดนิดๆ กินพร้อมผักสดและเครื่องเคียง พลาดไม่ได้กับเมนูซุปกิมจิ 7 นาทีในตำนาน Chilbun Dwaeji Kimchi กิมจิหมักจนได้ที่ นำมาตุ๋นกับหมูเนื้อนุ่มนาน 7 นาทีจนได้รสชาติเข้มข้นเฉพาะตัว ตักราดบนข้าวร้อนๆ แล้วโรยสาหร่าย หรือจะตักข้าวลงไปคลุกในหม้อซุปก็อร่อยไปอีกแบบ ส่วนคนรักไส้ ต้องลอง “บูชู ยังนยอม มักชัง” (부추 양념 막창) ไส้หมูหมักซอสเผ็ดมาพร้อมคู่กุยช่ายสด ย่างร้อนๆ นุ่มหนึบ กินคู่ซอสเกาหลีปรุงรสเข้ากันมาก นอกจากนี้ยังมี Mansinchang Pork Belly หมูสามชั้นหมักซีอิ๊วเกาหลีที่คนชอบกินสามชั้นต้องติดใจ  และ Jeyuk Bokkeum หมูผัดซอสเผ็ดที่กินแล้วหยุดไม่ได้ คนรักปิ้งย่างพลาดไม่ได้แล้วล่ะ

ใครดูซีรีส์แล้วอินกับเมนูปิ้งย่างสไตล์เกาหลี แต่จะบินไปเกาหลีก็ยังไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ยกเต็นท์สไตล์เกาหลีมาปาร์ตี้ที่ Seoul by Soul ซอยแบริ่งเลยแล้วกัน เกาหลีทิพย์แต่อร่อยไม่ทิพย์ ในร้านบรรยากาศคูลๆ ตกแต่งด้วยไฟนีออนหลากสีที่ดูเกาหลีสุดๆ ท่ามกลางกลิ่นหอมของปิ้งย่าง ที่เราไม่ต้องย่างเองให้ตัวเหม็น ทางร้านจะย่างมาให้สุกระดับหนึ่งแล้วให้เรามาคีบพลิกไปพลิกมาอีกหน่อย อร่อยเหมือนทำเองตั้งแต่ต้นจนจบ         ที่เกาหลีมีเมนูอะไร ที่นี่ก็มีอย่างนั้น อาทิ โซลซีดส์รวมหมูย่าง เนื้อหมูหั่นชิ้นพอดีคำ วางเรียงมาสวยๆ เต็มกระทะ มีทั้งหมูสามชั้น หมูหมักซอสโคชูจัง หมูหมักซอสบูลโกกิ ไส้ย่าง ตามด้วยหอมใหญ่ เห็ดเข็มทอง ไข่ ชีส คอร์นชีส อย่าลืมเพิ่มระดับความซี๊ดด้วยพริกสดและกระเทียม       ข้าวคลุกสาหร่ายไข่กุ้งจุกกุมิ ข้าวคลุกกับซอสจุกกุมิ ด้านบนโรยไข่กุ้งและสาหร่ายแบบเน้นๆ เสิร์ฟพร้อมจุกกุมิที่มีทั้งหนวดหมึกและหมูสไลซ์ วิธีกินให้เทจุกกิมิลงในกระทะแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน รสเผ็ดนิดๆ แต่เด็กกินได้สบายปาก ยกให้เป็นเมนูสุดโปรดของทุกคนครอบครัว     ไก่ทอดซอสทรัฟเฟิล ไก่ทอดเกาหลีเสิร์ฟในกระทะร้อน ทางร้านใช้ไก่สะโพกไร้กระดูก ชุบแป้งสูตรเฉพาะ ทอดร้อนๆ กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน ไฮไลท์คือครีมทรัฟเฟิลข้นๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ กินกับหอมใหญ่ช่วยตัดเลี่ยน     อีกเมนูสุดฮอตถ้าไม่กินเหมือนมาไม่ถึงคือ กุ้งดองซีอิ๊วเกาหลี กุ้งขาวตัวอวบดองซีอิ๊วข้ามคืน เนื้อเด้งสู้ฟัน รสชาติเค็มหวาน กินกับพริกและกระเทียม     ปิดจ๊อบกับต๊อกปกกี แป้งต๊อกสุดนุ่มกินกับเต้าหู้ปลาในซอสรสเข้มข้น ทุกเมนูเราให้เต็มสิบไม่หัก นั่งกินเพลินๆ ฟังเพลงเคป๊อปจากไอดอล     อิ่มท้องแล้วกลับไปดูซีรีส์เกาหลีต่อ