“Dalah Restaurant” ร้านอาหารไทยที่ตั้งตระหง่านอยู่ใน Sheraton Hua Hin Pranburi Villas ท่ามกลางแมกไม้สีเขียวชอุ่มนานาพันธุ์ ให้คุณดื่มด่ำกับบรรยากาศสวยงามของธรรมชาติ พร้อมด้วยอาหารไทยรสเด็ด ที่มีทั้งคอมฟอร์ดฟู้ด และเมนูฤดูกาล ปรุงจากวัตถุดิบท้องถิ่นคุณภาพ แถมยังมีไวน์รสเลิศที่ได้รับการคัดเลือกคุณภาพจาก ‘ไวน์ ออฟ เดอะ เวิลด์’ ให้สายดื่มจิบไม่รู้เบื่ออีกด้วย จานแรกเราสั่ง ปลาหมึกแดดเดียวปราณบุรี ปลาหมึกสดๆ ที่ส่งตรงมาจากชาวเล หมักซอสสูตรเฉพาะรสเค็มได้ที่ ทอดให้หอม กินคู่น้ำจิ้มหวานเข้ากัน คนรักเนื้อต้องสั่ง ลาบเนื้อสันในย่าง เนื้อสันในย่างเตาถ่านจนได้ความสุกพอดี ให้สัมผัสนุ่มฉ่ำลิ้น คลุกเคล้ากับเครื่องลาบหอมๆ อย่างเต็มพิกัด จนได้รสเปรี้ยว เค็ม เผ็ด ตามด้วย ยำกุ้งแชบ๊วยฟู เนื้อกุ้งแชบ๊วยเด้งๆ รสหวาน ทอดจนกรอบฟู ก่อนมิกซ์กับน้ำยำที่โดดเด่นด้วยรสหวาน และรสเปรี้ยวจากตัวมะม่วง ซดน้ำซุปร้อนๆ กับ แกงส้มไข่ปลาริวกิว ไข่ปลาริวกิวเนื้อนุ่มเด้ง ปลาเนื้อแน่น อยู่ในน้ำแกงส้มรสเปรี้ยวและเผ็ด ยังมี ทะเลผัดพริกเกลือ ที่รวมเอากุ้งเนื้อหวาน ปลาหมึกหนึบหนับ เนื้อปลาสดนุ่มหวาน ผัดพร้อมกระเทียมและพริกสดจนได้รสเข้มข้น กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา จานคอมฟอร์ดฟู้ดที่กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ล้างปากด้วยขนมหวานอย่าง Baked Pranburi Pineapple สับปะรดรสเปรี้ยวอมหวานแห่งอำเภอปราณบุรี ท็อปด้วยไอศกรีมกะทิโฮมเมดรสหวานมัน ชื่นใจ

พักจากความเคร่งขรึมแบบไฟน์ไดนิ่งด้วยมื้อค่ำสบายๆ ที่ กาสตง (GASTON) โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ที่จำลองบรรยากาศร้านอาหารสไตล์บิสโทรของฝรั่งเศสมาไว้ที่นี่ การตกแต่งได้แรงบันดาลใจจากไลฟ์สไตล์อันสนุกสนานแบบปารีเซียงด้วยโทนสีแดงบอร์โดซ์ แล้วเพิ่มความหรูหราด้วยสีทอง ประดับด้วยงานศิลปะบนผนัง คลอด้วยเสียงเพลงแจ๊สเบาๆ เพิ่มความโรแมนติก ทุกเมนูของกาสตงดูแลโดยเชฟชาวฝรั่งเศสอารมณ์ดี เชฟเดวิด เซนญา (David Senia) กับเมนูที่ปรุงอย่างปราณีตด้วยวัตถุดิบที่ดีที่สุดส่งตรงจากปารีส เมนูไฮไลต์คือเซ็ต La Formule ประกอบไปด้วย Entrecôte Grillée สเต๊กเนื้อออสเตรเลี่ยนริบอาย 300 กรัม นุ่มฉ่ำ วางบนซอส Café de Paris ซอสเนยดั้งเดิมสูตรเชฟเดวิด เสิร์ฟพร้อม Frites Maison à Volonté มันฝรั่งทอดที่ยังใช้วิธีหั่นด้วยมือ เคียงด้วย Salade Verte aux Pignons de Pins กรีนสลัดราดด้วยเดรซซิงรสเปรี้ยวสดชื่นและ Tarte du Jour ทาร์ตประจำวันที่จะเป็นอะไรนั้นต้องรอลุ้น นอกจากนี้ยังมี Confit de canard poêlé ขาเป็ดกงฟีต์หนังกรอบเสิร์ฟกับเห็ดผัดและมันฝรั่ง Escargots à la bourguignonne หอยทากอบเนยเนื้อนุ่ม หอมกลิ่นเนยและสมุนไพร เสิร์ฟพร้อมขนมปังกรอบ และพลาดไม่ได้กับ Baba "GASTON" aux pruneaux สปันด์เค้กนุ่มฉ่ำ ท็อปด้วยวิปครีม ได้รสเข้มจากบรั่นดีอาร์มาญัก ด้านล่างเป็นลูกพลัมเชื่อมรสเปรี้ยวอมหวาน ส่วนใครที่อยากแวะมานั่งจิบเครื่องดื่มเพลินๆ แนะนำ Bar Bite Menus เสิร์ฟคำเล็กๆ ไม่หนักท้องเกินไปอย่าง Gambas al Ajillo กุ้งผัดกระเทียมแบบสเปน Mini Wagyu Beef Burger เบอร์เกอร์เนื้อวากิวและ Merguez d'agneau ไส้กรอกเนื้อแกะรสเข้มข้นและเผ็ดเล็กๆ จับคู่กับเครื่องดื่มสีสวยอย่าง Red Summer และ Le Bonheur

HOM (หอม) ห้องอาหารไฟน์ไดนิงใหม่ของ โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล ภูเก็ต รีสอร์ท ตั้งอยู่ใน Sawan Pavillion ศาลาสีขาวซึ่งออกแบบให้งดงามราวกับสรวงสวรรค์ ระหว่างทางเดินไปห้องอาหารมีละอองน้ำที่จำลองว่าเป็นกลุ่มเมฆลอยผ่าน ส่วนการตกแต่งด้านในได้แรงบันดาลใจจากป่าหิมพานต์ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ ไม่ใช่แค่บรรยากาศเท่านั้นที่พิเศษ แต่คอร์สเทสติงเมนูของ HOM ยังเป็นการทำงานร่วมกันของ เชฟริคาร์โด นูเนส (Chef Ricardo Nunes) และ เชฟมาเทโอ โพลังโค (Mateo Polanco) รังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่นผ่านเทคนิคการหมักดองแบบโบราณจนได้รสชาติใหม่ที่คาดเดายาก อาทิ เวลคัมดริงก์เสิร์ฟในกระถางต้นไม้ จิบแล้วสดชื่นจากเสาวรส น้ำสกัดจากเม็ดมะม่วงหิมพานต์ และเกสรน้ำผึ้งให้เพลิดเพลินกับรูป รส กลิ่น เสียง Ruby Pomelo ส้มโอทับทิมสยามสีแดงสวยหมักด้วยดอกกุหลาบกลิ่นหอมบางๆ กระตุ้นความอยากอาหารเป็นอย่างดี Coconut, Caviar, Salted Macadamia ที่มีทั้งรสเค็มและหวานละมุนใน 1 คำ คาเวียร์รมควันจากฟาร์มหัวหินเสิร์ฟในชามที่ทำจากลูกมะพร้าวพร้อมเนื้อมะพร้าวอ่อน ซอสแมกคาดาเมียพูเร่ และลูกตาลดอง ก่อนกินเชฟแนะนำให้ใช้ช้อนขูดเนื้อมะพร้าวก่อนแล้วกินพร้อมกับคาเวียร์จะได้รสชาตินวลอยู่ในปาก Baby Squid, Tea Leave หมึกสดที่เชฟทำให้สุกด้วยเนยยีสต์ มาพร้อมน้ำซุปใสรสเค็มนิดเล็กน้อยและเปรี้ยวอ่อนๆ จากปลาหมึก ใบเมี่ยงดอง และมะนาวคาเวียร์ (Finger Lime) ที่บีบลงไปตอนท้าย Wild Boar เนื้อหมูป่าหมักจนได้รสเค็มกำลังดีจับคู่ซอสข้าวบาร์เลย์ โคจิ และทุเรียนดำ ส่วนของหวาน Sunflower เชฟนำเสนออามะซาเกะหรือสาเกหวานที่ทำจากข้าวของญี่ปุ่นในรูปแบบของเมล็ดทานตะวันอามะซาเกะพาร์เฟต์ โรยหน้าด้วยเกสรผึ้ง เสิร์ฟบนดอกทานตะวันสดที่เมื่อหยิบแล้วจะได้สัมผัสกลีบบางๆ ของดอกทานตะวันด้วย สนุกจนคำสุดท้าย

หลังจากหยุดรีโนเวตไปร่วมปี โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพฯ (InterContinental Bangkok) กลับมาเปิดตัวอีกครั้งพร้อมด้วยรูปโฉมใหม่อันทันสมัยและสวยงาม พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัวห้องอาหารน้องใหม่ในคอนเซ็ปต์ที่น่าสนใจของ “California Cuisine” ที่ห้องอาหาร SoCal (โซแคล) พร้อมแล้วที่จะพัดพาความอร่อยใหม่และความสดใสสไตล์แคลิฟอร์เนียมาสู่ใจกลางกรุงเทพฯ “โซแคล” เป็นคำที่ใช้เรียกผู้คนที่อาศัยอยู่ทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย อาหารในแบบฉบับของแคลิฟอร์เนียได้รับอิทธิพลมาจากหลากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งเศส อิตาเลียน อเมริกัน แม็กซิกัน จีน ญี่ปุ่น และมักอุดมไปด้วยผักและผลไม้สด เนื้อสัตว์ และซีฟู้ดสดๆ จากมหาสมุทรแปซิฟิก เชฟ โดมินิค ฮอง (Chef Dominic Hong) หัวหน้าพ่อครัวประจำห้องอาหารโซแคล นำประสบการณ์ในระดับนานาชาติมารังสรรค์อาหารจานพิเศษที่แปลกใหม่และหลากหลายในสไตล์แคลิฟอร์เนียให้เราได้ลิ้มลองกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบจานเดียวง่ายๆ และรวดเร็ว หรือจานแชร์ริ่งสำหรับแบ่งปันกับคนรักและเพื่อนฝูง จานแนะนำเริ่มจากของกินเล่นรสชาติชวนสดชื่น อาทิ Avocado Toast โทสต์อะโวคาโดบด ใส่ชีสริคอตตาและหอมแดงดอง Lobster Tostada ล็อบสเตอร์บนแป้งตอร์ติญาบางกรอบ ปรุงรสด้วยพลัมและเดรสซิ่งยูสุ ราดซอสซัลซ่าโรจาเผ็ดนิดๆ ชวนให้ตื่นตัว และ Salted Roasted Beets บีตรูตย่างบนซอสโรเมสโกใส่ถั่วเฮเซลนัทและโกตชีส จานนี้เป็นมังสวิรัติที่กินเพลินเลยล่ะ จากนั้นเขยิบมาจานหลักที่สามารถกินแบบแชร์ริ่งได้ เริ่มจากจานสลัด The Chunky Venice Beach “Green” Salad จานสลัดอุดมผักเขียว อาทิ ถั่วแวกซ์บีน อะโวคาโด ถั่วพิสตาชิโอ แตงกวา ผักร็อกเกต และซิตรัส เป็นสลัดที่กินง่ายเพลินๆ นัวๆ Grilled Octopus หมึกยักษ์ย่างจนเนื้อนุ่มเคียงมากับมันฝรั่งทอดสไตล์สเปน “Bravas” และซอสพริกจาราปิโนไอโอลี ใครที่เป็นสายแป้งต้องเลิฟ Pork Belly Tacos ทาโก้แป้งบางสอดไส้ด้วยหมูสามชั้นเนื้อนุ่มๆ เสิร์ฟกับซัลซ่าสับปะรดย่างรสเปรี้ยวหวานตัดกันชวนสดชื่น และ Kabosha Squash Pizza พิซซ่าหนานุ่มที่มาในลุคเก๋ด้วยหน้าฟักทองฝานบางให้รสหวานๆ มันๆ และเปปเปอโรนีเค็มๆ โรยหน้าด้วยชีสริคอตตาและเมล็ดฟักทอง เป็นอีกจานที่เพลิดเพลินมากๆ ส่วนจานหลักต้องยกให้ Cioppino Seafood Stew ซีฟู้ดสตูว์สไตล์ซานฟรานซิสโกที่เข้มข้นด้วยน้ำซุปมะเขือเทศที่อุดมไปด้วยความอูมามิจากกุ้งลายเสือ หอยตลับ หอยแมลงภู่ และปลาฮาลิบัต ตามด้วย Slow Cooked Lamb Neck คอแกะตุ๋น 48 ชั่วโมงกับบาร์บาโกอาเกลซฉ่ำๆ เพิ่มความอ่รอยให้กับเนื้อแกะ เคียงกับเฟนเนลและซิตรัสดองน้ำส้ม เสิร์ฟกับแป้งตอร์ติญ่า นอกจากนี้ยังมีโซนบาร์ที่ให้บริการเครื่องดื่มสไตล์แคลิฟอร์เนียหลากหลายชนิด เริ่มต้นด้วยซิกเนเจอร์ค็อกเทลที่ชวนสดชื่นเหมือนอยู่ริมชายหาดอย่าง Lavender Scroppio ที่มีส่วนผสมของวอดก้า เลมอนเชอร์เบต โปรเซกโก และลาเวนเดอร์ เอสเซนซ์ บับเบิ้ล รสหอมหวานกลิ่นมะนาว หรือ Citrus & Bubbles ที่มีส่วนผสมของพิงค์จิน เบอร์กามอต ลิเคียวร์ พิงค์เกรปฟรุต คาโมมายล์ คอร์เดียล และโปรเซกโก รสชาติเปรี้ยวชวนสดชื่น ทางร้านยังมีรายการไวน์อีกกว่า 300 ลาเบลและแน่นอนว่าต้องมีไวน์แคลิฟอร์เนียให้เลือกลิ้มลองอย่างจุใจกว่า 47 ลาเบล ซึ่งสามารถใช้แอปพลิเคชั่น Vinu ช่วยในการจับคู่ไวน์เข้ากับอาหารมื้ออร่อยเพื่อยกระดับประสบการณ์ไดนิ่งขึ้นไปอีกระดับ

Jam Jam Eatery & Bar ห้องอาหารสไตล์นีโอ ไทย ไชนีส แห่งใหม่ของ โรงแรมอาศัย กรุงเทพฯ ไชน่าทาวน์ (Asai Bangkok Chinatown) โรงแรมเก๋ใจกลางเยาวราช กับการตกแต่งแบบจีนร่วมสมัย ส่วนด้านนอกเป็นพื้นที่โล่งสบายที่มองเห็นสวนผักปลูกเองของโรงแรมไปด้วยในตัว เชฟนุ วิษณุ เตียวตระกูล ได้แรงบันดาลใจในการรังสรรค์เมนจากความรุ่มรวยแห่งรสชาติของอาหารไทยและอาหารจีน ล้อไปกับคอนเซ็ปต์ของโรงแรม แล้วเพิ่มความสนุกด้วยการนำเสนอแบบแชร์ริ่งให้แบ่งปันความอร่อยร่วมกัน เริ่มด้วย Salted Egg Pumpkin ฟักทองทอดซอสไข่เค็ม เมนูเรียกน้ำย่อยที่เราได้ลองแล้วชอบมาก เชฟนำฟักทองญี่ปุ่นหั่นเป็นชิ้นไม่หนาเกินไป แล้วชุบแป้งทอด จากนั้นเคล้ากับซอสไข่เค็มที่ใช้ไข่เป็ดดองน้ำเกลือจนได้รสกลมกล่อม ต่อด้วยเมนูเด่นอย่าง Sichuan Shrimp Wontons เกี๊ยวกุ้งชิ้นอวบสอดไส้เนื้อกุ้งและหมูแบบเต็มคำ ทีเด็ดอยู่ที่ซอสเซี่ยงไฮ้รสเผ็ดเล็กน้อยสูตรเชฟนุที่ผสมเต้าซี่ลงไปด้วย พลาดไม่ได้กับ Combo Sets เซ็ตเมนูปิ้งย่างเสียบไม้ที่ให้อารมณ์เดียวกับเมนูในร้านอิซากายะของญี่ปุ่น แต่เชฟเติมรสชาติแบบจีนลงไป ไม่ว่าจะเป็นเนื้อแองกัสย่างเตาถ่านทาซอสที่มีส่วนผสมของวาซาบิและมัสตาร์ด ไก่ส่วนสะโพกย่างซอสต้นหอม หมูแดงสไตล์ฮ่องกงที่ใช้หมูสามชั้นหมักซอสหมูแดงแล้วย่างด้วยเตาถ่าน รวมถึงหมูสามชั้นซอสเซี่ยงไฮ้และท้องแซลมอนย่างทาด้วยซอสเอ็กซ์โอ หากยังไม่จุใจ ลองสั่ง Steak & Garlic Fried Rice ข้าวผัดมันเนื้อหน้าเนื้อย่าง เชฟใช้ข้าวออร์แกนิกผัดกับน้ำมันเนื้อจนหอม เสิร์ฟพร้อมเนื้อแองกัสย่างแบบพอดี เนื้อด้านในยังมีความชุ่มฉ่ำ แล้วตัดเลี่ยนด้วย Garden Salad with Yuzu Dressing สลัดรวมซอสยูซุ ที่ได้รสเปรี้ยวสดชื่นจากเดรสซิ่งยูซุ อย่าพลาดของหวาน Banana Toffee Rolls หรือปอเปี๊ยะกล้วย กัดแล้วเจอเนื้อกล้วยหวานๆ และซอสคาราเมล เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลลา รวมถึงเมนูกาแฟอย่าง La Rose ช็อตเอสเปรสโซอาข่าอาม่า จับคู่กับไซรัปกุหลาบ น้ำมะนาว โซดา และ Blue Jean Latte ลาเต้สีสวยจากน้ำอัญชัน หรือจะมานั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ สักแก้วช่วงค่ำคืนก็เพลินหัวใจไปอีกแบบ

เรื่องดีๆ ที่ต้องขยาย ช่วงวีคเอนด์ที่ผ่านมาเราพากลุ่มก๊วนไปเที่ยวพัทยาแล้วแวะฝากท้องที่ Radius ห้องอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องเมนูเด็ดกับวิวสวยๆ บรรยากาศโปร่งโล่งนั่งรับลมเย็นๆ เดิมทีแพลนว่าจะเที่ยวหลายที่ สรุปอิ่มปุ๊บไม่อยากลุกไปไหนแล้ว Radius เป็นห้องอาหารริมทะเลอยู่ใน Cape Dara Resort Pattaya นั่งชิลได้ทั้งวัน แต่เราอยากแนะนำช่วงเย็นเป็นพิเศษ รีบมาให้ไวแล้วจับจองโต๊ะหน้าเพราะว่านี่คือที่สุดของวิว เราจะได้กินไปชมพระอาทิตย์ตกน้ำไปในมุมมองแบบพาโนรามา ส่วนเมนูเป็นฟิวชั่นที่พอชชั่นใหญ่มาก สั่งมาแชร์กันได้หลายคน เด่นๆ ที่อยากให้ลอง ได้แก่  Pizza Signature พิซซ่าหน้าแน่น โรยสลัดร็อกเก็ตและชีสพาเมซาน เราชอบความกรอบบางฉ่ำซอสสูตรเข้มข้น นานๆ ทีจะกินพิซซ่าได้หลายชิ้นแบบไม่อิ่มจุก แล้วยังเก็บพุงไว้กินจานอื่นได้อีกสบายๆ Pasta Penne Pasto Sauce ในขบวนพาสต้าทั้งหลายที่ได้ใจเรามากที่สุดคือพาสต้าซอสเพสโต ซึ่งที่นี่ก็ไม่ทำให้เราต้องผิดหวัง รสสัมผัสเข้มข้นมันนัว หอมกลิ่นโหระพา กระเทียม น้ำมันมะกอก และพาเมซานชีส ละเลียดกันแบบหมดจดแทบไม่รู้ว่าอดีตคืออะไร อีกจานคือ Japan Salmon สลัดแซลมอนสไตล์ญี่ปุ่น เด่นที่แซลมอนสไลซ์ชิ้นใหญ่ๆ เพิ่มความสดชื่นด้วยสลัดร็อกเก็ต อะโวคาโด หอมใหญ่ โรยงาขาวและงาดำ ราดตามด้วยน้ำสลัดรสเปรี้ยวนิดๆ ทั้งอร่อยทั้งชิลแบบนี้นั่งยาวๆ ที่นี่แล้วกัน

ฉีกคอนเซ็ปต์จากห้องอาหารอิตาเลียนในแบบฉบับคอมฟอร์ทฟู้ด มาเป็นห้องอาหารสไตล์ตะวันตกร่วมสมัยที่น่าลิ้มลองจริงๆ สำหรับ “Medinii” ร้านอาหารบรรยากาศดีที่ตั้งอยู่บนชั้น 35 ของโรงแรม The Continent Hotel Bangkok (BTS อโศก) ให้คุณเอ็นจอยกับวิวพาโนราม่า 360 องศาฯ ใจกลางเมืองกรุงฯ พร้อมอิ่มเอมกับอาหารยุโรปสมัยใหม่ ที่ตกแต่งมาในสไตล์โมเดิร์นสวยงามน่าถ่ายรูป ต้อนรับด้วย Tiger Prawns กุ้งลายเนื้อแน่นหวานที่เสิร์ฟมาใน 2 สไตล์ทั้งแบบซูวีเนื้อชุ่มฉ่ำ และแบบลวกให้สุกพอเหมาะ ท็อปด้วยเจลลี่มะเขือเทศรสเปรี้ยวสดชื่น และคาเวียร์เลอค่า ต่อด้วย Smoked Burrata เนยแข็งในแบบฉบับอิตาเลียนโฮมเมด สโมกกับอ้อยจนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ เข้ากันได้ดีกับมะเขือเทศ และเจลลีบัลซามิกรสเปรี้ยวพอเหมาะ Lobster Tortellini เกี๊ยวสไตล์อิตาเลียนลูกใหญ่เต็มคำ สอดไส้ล็อบสเตอร์เนื้อหวานที่หลายคนชอบ เข้าคู่กับซอสสูตรเฉพาะที่ทำจากซุปล็อบสเตอร์และหัวหอมผัดคาราเมล ตกแต่งด้วยชิปที่ทำจากโชริโซรสเค็มกลมกล่อม อย่าลืมสั่ง Chilean Sea Bass ปลากะพงเนื้อสดคลุกเคล้ากับสมุนไพรหอมๆ และผลไม้ตระกูลซิตรัต ก่อนนำไปซูวีให้เนื้อฉ่ำใน ราดซอสบูญาเบสรสเค็มนุ่มนวลที่ทำจากกระดูกปลา เสิร์ฟเคียงมันฝรั่งกงฟี ยังมี Lamb ขาแกะคุณภาพย่างหอมๆ เข้าคู่กับซอสไวน์แดงรสกลมกล่อมที่ครีเอทมาจากกระดูกแกะ เสิร์ฟพร้อมกระหล่ำปลีสีม่วงดองเพื่อตัดเลี่ยน จบด้วยของหวานซิกเนเจอร์อย่าง Chocolate มูสช็อกโกแลตเนื้อนุ่มละมุน ได้รสเข้มข้นจากช็อกโกแลตเมืองเชียงใหม่ เคล้าบราวนี่ไซส์มินิเนื้อแน่น ลูกเดือยคลุกน้ำตาลไอซิง และบลูเบอร์รีดองเค็มๆ ท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลาทำเองรสหอมมันชื่นใจ จบด้วยค็อกเทลอีกแก้วสองแก้วจะเป็นอย่างไรไป

นักชิมคนไหนกำลังเสาะหาร้านขนมหวานรสชาติดี “Chocolate Cake Company” หรือ CCco. ร้านขนมโฮมเมดที่ตั้งอยู่ในโรงแรมแบงค็อก แมริออท สุขุมวิท กรุงเทพฯ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะคุณจะได้ฟินกับของหวานต่างๆ อย่าง ขนมสำหรับชาววีแกน เค้กปอนด์วันเกิด เมนูเบเกอรีหอมฉุย และเครื่องดื่มร้อน-เย็นหลากหลาย จากฝีมือเชฟขนมหวานเปี่ยมพรสวรรค์อย่าง คุณวีรวัฒน์ อยู่พิทักษ์ จานแรกเราขอสั่ง Bagle Smoked Salmon เบเกิ้ลเนื้อนุ่มมีความหนึบเล็กๆ ประกบผักสลัดและแซลมอนรมควันรสเค็ม ตามด้วยเมนูที่เชฟภูมิใจนำเสนอ Carrot Cheese Cake เค้กแครอตสไตล์โฮมเมดทำสดใหม่ เนื้อแป้งนุ่มฟูที่รังสรรค์มาจากแครอตและอัลมอนด์กรุบกรอบ สลับชั้นครีมชีสและท็อปด้วยครีมชีสเพื่อเพิ่มความหอมมันอีกที Strawberry Tart ทาร์ตสตรอว์เบอร์รีชิ้นโตๆ น่าอร่อย ฐานล่างเป็นครัมเบิ้มโฮมเมด เข้ากันดีกับครีมสดเนื้อเนียนรสหวานมัน ตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รีสด ก่อนชิมก็ราดซอสช็อกโกแลตรสเข้มลงไปเป็นอันเข้ากัน มาต่อกันที่  Lemon Earl Gray Mousse Cake ชิ้นนี้เราเลิฟ มูสชาเอิร์ลเกรย์เนื้อเนียนกลิ่นหอม ไปด้วยกันได้ดีกับเลมอนเคิร์ดรสเปรี้ยวและช็อกโกแลต Coconut Malibu Mousse Cake มูสเค้กมะพร้าวรสหวานมันแบบพอดิบพอดี ห้ามพลาดกับ Chocolate Fude Cake หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้าน เค้กช็อกโกแลตเนื้อแน่นฟู ได้รสเข้มข้นของดาร์กช็อกโกแลตจากประเทศฝรั่งเศสเต็มคำ จิบพร้อม Signature Hot Chocolate ช็อกโกแลตป็อปสัญชาติฝรั่งเศส หย่อนลงในนมสดหอมมันร้อนจี๋ ยังมี Mango Lime Honey Smoothy สมูทตีสีเหลืองสดใสเนื้อเนียน ที่ครีเอทมาจากมะม่วงสุก น้ำมะนาวและน้ำผึ้ง และ Rasberry Ginger Smoothy รสเปรี้ยวอมหวานจากผลราสป์เบอร์รี เคล้ากับความเผ็ดซ่านิดๆ ของขิงอ่อน

สายดื่มทั้งหลายโปรดทราบ! บนชั้น 28 ของโรงแรมไฮแอท เพลส กรุงเทพ สุขุมวิท ในซอยสุขุมวิท 24 เป็นโลเคชั่นของรูฟท็อปน่าเช็คอินที่ชื่อว่า Aire Bar” ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ของร้านเป็นโอเพนแอร์เปิดโล่งสบายๆ สมชื่อ ‘แอร์บาร์’  ส่วนโซนด้านในจะเป็นผนังปูนเปลือยดิบๆ ที่แซมด้วยต้นไม้เขียวขจี พร้อมเสิร์ฟอาหารนานาชาติ ค็อกเทลรสเลิศ และดื่มด่ำกับวิวใจกลางเมืองตึกสูงน้อยใหญ่ย่านอโศก เคล้ากับเสียงดนตรีสดจากนักร้องคุณภาพแห่งรายการ The Voice Thailand เรียกน้ำย่อยด้วย Satay Gai สะเต๊ะไก่เสียบไม้ย่างหอมๆ เนื้อแน่นนุ่ม หอมกลิ่นขมิ้นเบาๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำอาจาดรสเปรี้ยวอมหวาน และซอสสูตรเฉพาะที่ทำมาจากถั่วพีนัต Baked Black Mussels with White Wine หอยแมลงภู่ตัวอวบอ้วน คลุกเคล้ากับซอสไวต์ไวน์รสครีมมี ได้รสเปรี้ยวอ่อนๆ ของเลมอน กินกับขนมปังซาวร์โดโฮมเมดเนื้อเหนียวนุ่ม ตามด้วย Parma Ham Salad เมลอนญี่ปุ่นหวานฉ่ำ ท็อปด้วยปาร์มาแฮมจัดเต็มไม่มีหวง จานหลักเราเลือกเป็น Truffle Cream Cheese Pizza เมนูขายดีประจำร้าน พิซซาโฮมเมดอบสดใหม่ร้อนๆ แป้งบางกรอบกินอร่อย เคล้ากับทรัฟเฟิลหอมฟุ้งและครีมชีสครีมมี สาวเส้นยาวๆ เพลินๆ ไปกับ Spaghetti Spicy Thai Northern Sausage สปาเก็ตตีไส้อั่วรสเค็มเผ็ด ได้กลิ่นหอมๆ ของพริกแห้ง กินคู่กับขนมปังกระเทียมทำเอง ของหวานต้อง Mango Sticky Rice ข้าวเหนียวมะม่วง ขนมหวานขึ้นชื่อของไทยเราที่โด่งดังไปทั่วโลก มะม่วงน้ำดอกไม้สุกรสหวานแกะสลักสวยงาม เสิร์ฟเคียงข้าวเหนียวมูนเนื้อนุ่มหวานมัน ราดด้วยน้ำกะทิรสเค็ม ยังมี Chocolate Lava Cake Banana Caramel เค้กช็อกโกแลตลาวาเยิ้มๆ รสเข้มข้น เข้ากันดีกับกล้วยหอมเคลือบคาราเมลเบิร์นน้ำตาล ที่ขาดไม่ได้เลยค็อกเทลซิกเนเจอร์อย่าง North Star  ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของน้ำสับปะรด น้ำมะนาว ไซรัปวานิลลาและส้มโอ เติมความซาบซ่าด้วยโซดา และดีกรีร้อนแรงจากเหล้ารัมชั้นดี Passion in The Air โดดเด่นด้วยรสเปรี้ยวอมหวานของน้ำเสาวรสและมะนาว เพิ่มความหอมหวานด้วยไซรัปคาราเมล ผสานกับวอดก้าเอาใจสายดื่ม

“House of Kin Restaurant” ร้านบุฟเฟต์นานาชาติที่เสิร์ฟความอร่อยตลอดวันประจำโรงแรมเซ็นทารา โคราช โรงแรมสไตล์ไทย – อีสานเปิดใหม่แกะกล่องที่มีความหมายว่า “บ้านของเครือญาติ” โดยคำว่า ‘Kin’ ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ญาติ จึงเป็นแนวคิดของร้านที่เน้นกลุ่มครอบครัว และเพิ่มความโดดเด่นด้วยอาหารที่หลากหลายจานอร่อยสไตล์ตะวันตก ไทย ญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีอาหารทะเลเอาใจคนรักซีฟู้ดด้วย เริ่มด้วยเมนูสุขภาพอย่าง สลัดมะเขือเทศสไตล์อิตาเลียน มะเขือเทศหั่นแว่นรสเปรี้ยวหวาน โรยด้วยชีสครีมมี ขนมปังกรอบ และน้ำมันมะกอก ยำสาหร่าย ยำสาหร่ายญี่ปุ่น รสสดชื่นเหมาะจะเรียกน้ำย่อย ซาซิมิ มีทั้งแซลมอนเนื้อสด ปูอัดเนื้อแน่น จิ้มวาซิบิรสเผ็ดซ่า และโชยุเข้ากัน ตามด้วย กริลล์ชีสแซนด์วิช ขนมปังโฮลวีตปิ้งหอมๆ ประกบแฮมและชีสน่าอร่อย เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด เห็ดรวมผัดเนยซอสเทอริยากิ ก็รสชาติดี เห็ดนานาชนิดผัดพร้อมเนยและซอสเทอริยากิรสหวานพอดี เอาใจคนรักหอยด้วย ซีฟู้ดหอยรวม ฟินไปกับหอยตัวอวบอ้วนต่างๆ อาทิ หอยหวาน หอมแมลงภู่ หอยตลับ เข้ากันดีกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว มาถึงเมนูของชาววีแกนกันบ้างกับ เต้าหู้ญี่ปุ่น ราดซอสงา เต้าหู้ญี่ปุ่นนุ่มนิ่ม ราดซอสงาหอมๆ รสเค็มหวาน กินอร่อย ยังไม่อิ่มสั่ง สเต๊กหมูย่างซอสพริกไทยอ่อน สเต๊กหมูชิ้นใหญ่ๆ ย่างความสุกพอดีกิน เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟคู่ซอสพริกไทยดำรสเค็มพอเหมาะ และผักย่าง ยังมี สปาเกตตีผัดกระเทียมเบคอน สาวเส้นยาวๆ กันเพลินๆ เส้นสปาเกตเหนียวนุ่ม คลุกเคล้ากับกระเทียม เบคอนรสเค็มมัน และพริกแห้ง ข้าวกะเพราปลาสลิดแดดเดียว ปลาสลิดแดดเดียวรสเค็มกลมกล่อม ผัดพร้อมซอสกะเพรารสเข้มข้น ผสานกับความเผ็ดร้อนลงตัว

เพราะคำว่า “มรีจิ” แปลว่า แสงแดด ภายใน Mareeji Café & Casual Dining จึงอุ่นด้วยแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านกระจกบานใหญ่ ดึงดูดสายตาด้วยงานไม้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์หนังแท้ของสะสมของเจ้าของร้าน รวมถึงแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งสำหรับวางขายสินค้าท้องถิ่น ทั้งเสื้อผ้าจากเชียงใหม่และเครื่องเซรามิกจากลำปาง   หากไม่ได้นั่งสนทนากับคุณณัฐธี วิโรจนาภิรมย์ และคุณกรพินธุ์ โตทับเที่ยง อย่างจริงจัง เราก็แทบเดาไม่ได้เลยว่ามรีจิไม่ใช่แค่ร้านอาหาร แต่เป็นล็อบบี้ของโรงแรมที่ออกแบบเหมือนห้องนั่งเล่น ให้ทุกคนเข้ามานั่งจิบกาแฟ ละเลียดเค้กชิ้นโปรด รวมถึงลิ้มรสเมนูไทยและตะวันตกที่เน้นกลิ่นรสของเครื่องเทศเป็นหลัก เริ่มมื้อนี้ด้วยแกงส้มใต้ปลากะพงยอดมะพร้าว เมนูเปลืองข้าว เนื้อปลากะพงเข้ากับน้ำแกงส้มที่เผ็ดร้อนด้วยพริกแกงจากแดนใต้ เลือกใส่ได้ทั้งยอดมะพร้าวและไหลบัว ต่อด้วยหมูผัดเคยฉลู เนื้อหมูผัดกับเคยฉลูของดีเมืองตรังจนได้รสเข้มข้น ใส่ตะไคร้ซอย หอมแดง และพริก เป็นอีกเมนูที่คนชอบอาหารรสจัดน่าจะถูกใจ เมนูตะวันตก เราแนะนำ Pan Seared Seabass with Spinach, Caramelized onion, Quinua เนื้อปลากะพงจี่บนกระทะให้สุกพอดี เนื้อปลายังชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟกับผักโขม หัวหอมคาราเมลไลซ์ และควีนัวให้อิ่มแบบไม่หนักท้องเกินไป คอกาแฟอย่าพลาด Special Menu อย่าง Danica สดชื่นด้วยเลมอน โทนิค แยมยูซุ และเอลเดอฟลาวเวอร์ และ Edam & Eve รสเปรี้ยวอมหวานจากแอปเปิลเขียวและแอปเปิลแดง ใส่สปาร์คกลิงเพิ่มความซาบซ่า ประดับด้วยอบเชยแท่งให้กลิ่นหอม ปิดท้ายมื้อนี้ด้วย Carrot Cake เค้กแครอตฝีมือคุณกรพินธุ์ที่มาพร้อมเนื้อเค้กแน่นๆ และครีมชีสรสเปรี้ยวอมหวาน ตักกินพร้อมกันแล้วลงตัวจนไม่อยากวางช้อน  

ถือเป็นหนึ่งในร้านอาหารจีนในตำนานก็ว่าได้สำหรับ “The Emperor” ห้องอาหารจีนกวางตุ้งรุ่นเก๋าที่ตั้งอยู่บนชั้น 4 โรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ บรรยากาศคลาสสิกสไตล์ครอบครัว พื้นไม้สีน้ำตาลแก่เข้ากันกับเฟอร์นิเจอร์สไตล์วินเทจ มีห้องไพรเวทสำหรับแขกที่อยากได้ความเป็นส่วนตัว ลิ้มรสอาหารจีนกวางตุ้งทั้งในแบบอะลาคาร์ตและบุฟเฟต์ เคล้าไปกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่ดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ สายกินอย่างเราต้องชิมบุฟเฟต์อย่างแน่นอน จานแรกขอลองเป็น สลัดกุ้งทอด กุ้งตัวโตเนื้อหวานทอดร้อนจี๋ กินกับสลัดผักกรุบกรอบราดน้ำสลัดครีม ตามด้วย ยำแมงกะพรุน กรุบๆ รสเผ็ดพอดี หอมกลิ่นน้ำมันงาอ่อนๆ ขนมผักกาด ทอดก็อร่อย เนื้อนุ่ม รสเค็มพอเหมาะ จิ้มน้ำจิ้มหวานเข้ากัน เกี๊ยวกุ้งวาซาบิ นี่เราชอบมาก ได้รสเผ็ดซ่าโดนใจ ถุงเงินไข่กุ้ง ใบโตๆ เต็มคำ จิ้มจิ๊กโฉ่ยิ่งรสชาติดี ซาลาเปาลาวา ลูกขาวอวบ สอดไส้ไข่เค็มลาวาเยิ้มๆ ก๋วยเตี๋ยวหลอดกุ้งทอด เมนูขายดี เส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดเหนียวนุ่มห่อกุ้งทอดรสหวาน ราดน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ กระเพาะปลาผัด กระเพาะปลาเนื้อเด้งผัดพร้อมไข่ไก่และเครื่องเคราต่างๆ ต่อด้วย หมูกรอบ ของโปรดสายฟู้ด ชิ้นพอดีคำ หนังกรอบเนื้อนุ่ม  ยังมี เป็ดย่าง เนื้อแน่นๆ ใครได้ชิมต้องติดใจ และ หมูแดง รสหวานหอม ตบท้ายด้วยซีรีส์ของหวานปังๆ อย่าง แปะก๊วยร้อนในน้ำลำไย แปะก๊วยมากประโยชน์ อยู่ในน้ำลำไยร้อนรสหวานหอม บัวลอยน้ำขิง บัวลอยลูกอ้วนๆ สอดไส้งาดำ กินพร้อมน้ำขิงรสเผ็ดเบาๆ สาคูแคนตาลูป สาคูเนื้อนิ่มเด้ง ท็อปด้วยไอศกรีมแคนตาลูปชื่นใจ และ พุทราจีนทอด ขนมหวานสไตล์จีนยอดนิยม รสหวาน จิบคู่ชาร้อนพอดีกัน ละลานตาจนเลือกกินไม่ถูกเลย

ไม่ได้แวะเวียนมาหลายปีพอมีโอกาสเหมาะๆ เลยลองแวะไปชิม “The Café” ห้องอาหารนานาชาติเสิร์ฟความอร่อย 24 ชั่วโมง ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของโรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ สักหน่อย บรรยากาศไทยคลาสสิกที่เต็มไปด้วยความหรูหราเรียบง่าย ตัวร้านติดกระจกใสทำให้มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาว ดื่มด่ำกับวิวดีๆ แล้วยังมีอาหารนานาชาติให้ลิ้มลอง ทั้งบุฟเฟ่ต์อิ่มเอม และเมนูอะลาคาร์ตน่าสนใจ ขอเปิดด้วยเมนูในตำนานอย่าง ข้าวมันไก่มณเฑียร ไก่ตอนเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นน้ำมันงา กินพร้อมข้าวมันหุงอย่างดี และน้ำจิ้มที่มีให้คุณเลือกฟินถึง 4 สไตล์ อาทิ น้ำจิ้มดั้งเดิม รสเผ็ดร้อน น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว รสเปรี้ยวพอเหมาะ น้ำจิ้มขิง รสเผ็ดซ่า และน้ำจิ้มหวาน เอาใจคุณหนูๆ ก่อนซดน้ำแกงฟักร้อนๆ รสกลมกล่อมเพลินๆ ขนมผักกาด ก็เป็นหนึ่งในจานขายดีไม่มีตกเช่นกัน ขนมผักกาดเนื้อแน่น รสเค็มพอดี ผัดพร้อมกุ้งตัวโต และเครื่องเคราต่างๆ ตามด้วย ข้าวขาหมู ที่มาเต็มทั้งเนื้อและหนัง ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มแทบละลายในปาก รสหวานพอเหมาะ ยังไม่อิ่มสั่ง แกงเผ็ดเป็ดย่าง เนื้อเป็ดที่เรารัก อยู่ในน้ำแกงเผ็ดรสเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องแกง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยอิ่มเอม

ยังไม่กลับจากพักผ่อนที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน เลยไม่พลาดที่จะลิ้มลอง “You & Mee Poolside Restaurant” ห้องอาหารริมสระน้ำเย็นฉ่ำ ที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่เขียวขจี ได้เอ็นจอยกับบรรยากาศดีๆแล้ว ทางร้านยังมีอาหารนานาชาติ (เน้นที่อาหารเอเชียและตะวันตก) สดใหม่ให้สายฟู้ดชิมไม่ขาดปาก หรือใครอยากมาจิบค็อกเทลกรุบกริบข้างสระน้ำเก๋ไก๋ก็ไม่ว่ากัน เริ่มจานแรกด้วย Compressed Watermelon & Feta Salad สลัดแตงโมขวัญใจชาววีแกน ประกอบไปด้วยผัก-ผลไม้สดต่างๆ อย่าง แตงโม แตงกวา หอมแดง มะเขือเทศ ถั่วพิตาชิโอ้ ราดน้ำส้มสายชูสไตล์อิตาเลียน ตามมาด้วย Avocado Guacamole อาหารเรียกน้ำย่อยยอดนิยมแห่งประเทศสเปน แป้งตอร์ติญาชิปกรุบกรอบ จิ้มอะโวคาโดบดผสมน้ำยำสไตล์เม็กซิโก ชามนี้คือทีเด็ด You & Mee Khao Soi Goong ข้าวซอยกุ้งสูตรเฉพาะของทางร้าน บะหมี่เส้นสดเหนียวนุ่ม กินพร้อมน้ำซุปข้าวซอยรสจัดจ้าน มีกุ้งตัวโตเนื้อหวานมาให้ฟิน ท็อปด้วยหมี่กรอบ บีบมะนาวซีกเล็กน้อยอร่อยเลย มาลิ้มลองอาหารไทยโบราณอย่าง Pineapple Fried Rice กันบ้าง ข้าวผัดสับปะรดหอมกรุ่น ข้าวสวยเรียงเม็ด ผัดพร้อมสับปะรดหวานฉ่ำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ลูกเกด กุ้งตัวโต โรยหน้าด้วยหมูหยอง ยังมี Fish & Chips อาหารคอมฟอร์ทฟู้ดที่เรารัก ปลาคุณภาพชุบแป้งทอดหอมกรุ่น เสิร์ฟคู่มันฝรั่งทอดโฮมเมด ซอสครีมสูตรลับ และซอสมะเขือเทศ เครื่องดื่มเราสั่งเป็น มัตฉะลาเต้ร้อน ผงมัตฉะจากดินแดนอาทิตย์อุทัย มิ๊กซ์ไปกับนมสดหอมมัน รสหวานพอดี

“McFarland House” ร้านอาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์นประจำ Hyatt Regency Hua Hin โรงแรมขวัญใจนักท่องเที่ยวตลอดกาลแห่งอำเภอหัวหิน บ้านไม้คลาสสิกในศตวรรษที่ 19 ซึ่งได้รับการรีโนเวทให้แข็งแรงแต่ยังคงไว้ซึ่งความงดงามแบบดั้งเดิม ตัวร้านมี 2 ชั้นให้คุณเลือกนั่งได้ตามใจ ถึงแม้จะไร้เครื่องปรับอากาศแต่ยังเย็นสบายเพราะตัวบ้านอยู่ไม่ห่างจากชายหาดทรายนุ่มๆ มากนัก รับลมทะเลชิลๆ พร้อมอิ่มอร่อยไปกับอาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์น อาหารคอมฟอร์ทฟู้ดกินง่ายและค็อกเทลสีสวย นอกจากนั้นที่ร้านยังเสิร์ฟชุดน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) สไตล์โฮมเมดที่เปลี่ยนรูปแบบไปตามฤดูกาล เอาใจสายหวานไม่ให้เบื่ออีกด้วย จานแรกเราขอประเดิมก่อนเลยกับ Salt and Pepper Squid ปลาหมึกทอดร้อนจี๋ ภายนอกกรอบ เนื้อด้านในหนึบหนับ โรยด้วยผงปาปริการสเผ็ดเล็กๆ จิ้มกับซอสครีมสูตรเฉพาะ หรือน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด Spanish Premium Octopus, Char Roasted หนวดปลาหมึกยักษ์ตุ๋นอย่างดีจนเนื้อนิ่ม กินคู่กับไส้กรอกโชริโซโฮมเมดเนื้อแน่น และซอสครีมมันฝรั่งผสานกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะเขือเทศ หอมกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ต่อด้วยซิกเนเจอร์ประจำร้านอย่าง Organic Bird อกไก่ชิ้นโตๆ เนื้อแน่นนุ่ม เสิร์ฟพร้อมผักย่าง เบคอนผัดเห็ด มันบดและน้ำเกรวี่รสเค็มนุ่มนวล Hua Hin Sand and Surf จานนี้ที่คนรักอาหารทะเลรอคอย ซีฟู้ดต่างๆ ย่างอย่างดี อาทิ กุ้งลายเสือตัวโตเนื้อเด้ง ปลากะพงเนื้อแน่นจากชาวเล และหอยเชลล์ฮอกไกโดที่เรารัก จิ้มซอสต่างๆ ได้แก่ น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว ซอสครีมหอมมัน และซอสเนย ของหวานต้องสั่ง Our Mango Sticky Rice พานาคอตต้ารสมะพร้าว กินพร้อมเจลลี่มะม่วงสุกหวานฉ่ำ ข้าวเหนียวมูนทำเอง ครัมเบิล พีนัทและซอร์เบมะพร้าวชื่นใจ Coconut Crème Brûlée แครมบรูเลรสหวานนุ่มนวล หอมกลิ่นน้ำตาลไหม้ กินคู่กับไอศกรีมมะพร้าวทำเอง และมะพร้าวคั่วเคี้ยวอร่อย จิบคู่กับ CoCo-Palm ม็อกเทลดาวเด่นประจำร้าน รสหวานมันลงตัวนี้เกิดขึ้นด้วยการรวมตัวกันของน้ำมะพร้าวหวานฉ่ำ น้ำตาลสด และน้ำตาลทรายแดง ชิลกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  

พลพรรคนักชิมคนไหนแวะมาเที่ยวอำเภอหัวหินแล้วอยากกินมื้อเย็นสไตล์อิตาเลียนหรือไทย เราขอเชิญชวนไปที่ “Figs Restaurant” ร้านอาหารไทย-อิตาเลียนแห่งโรงแรมไฮแอท รีเจนซี หัวหิน ที่รวมความอร่อย 2 สไตล์มาไว้ที่เดียว ให้สายฟู้ดได้อร่อยกับอาหารไทยรสจัดจ้าน และอาหารอิตาเลียนรสเข้มข้นที่รังสรรค์จากเชฟสัญชาตินั้นๆ ต้อนรับด้วย Focaccia ขนมปังในแบบฉบับอิตาเลียนสไตล์โฮมเมด เสิร์ฟพร้อมน้ำมันมะกอก เกลือและพริกไทย ตามด้วย ยำส้มโอ อาหารเรียกน้ำย่อยไทยโบราณรสชาติคุ้นเคย ส้มโอรสเปรี้ยวอมหวานคลุกเคล้ากับเครื่องเคลาต่างๆ มีกุ้งตัวโตเนื้อหวานอยู่ด้วย สามชั้นทอดน้ำปลา ของโปรดเราเลย สามชั้นทอดกรอบๆ เสิร์ฟคู่น้ำจิ้มหวานและน้ำจิ้มแจ่ว Burratina di Hua Hin Pesto Trapanese ชีสบูราต้าทำเองรสหอมมัน เคล้าไปกับน้ำมันมะกอก มะเขือเทศเชอร์รีและสมุนไพรต่างๆ Cotoletta alla Milanese ของว่างสไตล์อิตาเลียนแสนอิ่มเอม ลูกกลมๆ สีเหลืองทองนี้คือเนื้อหมูผสมกับมันบดและชีสพาร์เมซานครีมมี ต่อด้วย Crema di funghi ซุปครีมเห็ดรสหอมมัน เข้ากันดีกับขนมปังซาวร์โดปิ้งเกรียมๆ สาวกพาสตาต้องปลื้ม Ravioli Tagliolini Aalla Zucca ราวิโอลีสอดไส้ซอสฟักทอง ผัดพร้อมซอสครีมหอมมัน ยังมีจานซิกเนเจอร์อย่างStracciatella Prosciutto E Fichi พิซซาแป้งบางกรอบสไตล์โฮมเมดเสิร์ฟร้อนๆ ทาซอสมะเขือเทศสูตรลับ ท็อปด้วยลูกฟิกซ์ พาร์ม่าแฮม ใบร็อกเก็ต และชีสต่างๆ อย่าง พาร์เมซานและมอซซาเรลล่า อย่าเพิ่งอิ่มเพราะยังมี Pork Chop หมูติดกระดูกชุบแป้งทอดหอมๆ กินคู่กับมันบดเนื้อเนียนและซอสอะโวคาโดครีมมี ปลาเก๋าราดพริก ปลาเก๋าเนื้อแน่นหวาน ทอดอย่างดีไม่อมน้ำมัน ผัดพร้อมพริกสดร้อนแรง เข้าคู่ข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเลย ปิดท้ายด้วยขนมหวานอย่าง Tiramisu ของหวานสไตล์อิตาเลียนที่สายหวานเลิฟ ขนมเลดี้ฟิงเกอร์ชุ่มกาแฟ สลับชั้นกับชีสมาสคาโปนหอมมัน โรยหน้าด้วยผงโกโก้ ก่อนท็อปด้วยคุกกี้กาแฟกรุบกรอบ และ ขนมหม้อแกง จากเจ้าดังย่านเพชรบุรี รสหวานมันกำลังดี เข้าคู่กับหอมเจียว

นักชิมตัวจริงทราบแล้วเปลี่ยน! โรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ สุดหรูได้เนรมิตห้องอาหารใหม่ชื่อว่า Embassy Room Catalan Cuisine” เรียบร้อยแล้ว ร้านอาหารสเปนสไตล์คาตาลัน (แคว้นคาตาลูญญาแห่งประเทศสเปน) ซึ่งเป็นบ้านเกิดของหัวหน้าเชฟ Ferran Tadeo ผู้หลงใหลอาหารสเปนและเมดิเตอร์เรเนียนทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย เขาเคยร่วมงานกับร้านอาหารมิชลินสตาร์ระดับโลก ได้แก่ El Bulli ร้านอาหารสเปนมิชลิน 3 ดาว และ Minibar by José Andrés ร้านอาหารชื่อดัง 2 ดาวมิชลินแห่งเมืองวอชิงตัน Embassy Room Catalan Cuisine เสิร์ฟอาหารสเปนสไตล์คาตาลันต้นตำรับ (Authentic Catalan Cuisine) ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากจานอร่อยในวัยเด็กของเชฟ Ferran Tadeo เขาเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีจากท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนร่วมไปกับวัตถุดิบฤดูกาล รังสรรค์ออกมาเป็นเมนูแปลกใหม่ รสชาติเรียบง่ายแต่ซับซ้อน แพร์ริ่งกับไวน์และเบียร์สเปนคุณภาพมายมาย พร้อมเอ็นจอยกับบรรยากาศหรูหราปะปนไปกับความสบายสไตล์ The Living Room (บริเวณชั้น 9) ประจำ Park Hyatt Bangkok นั่นเอง เปิดด้วยเวลคัมดริ้งก์อย่าง Negroni with Olive Oil เนโกรนีแก้วโปรดของสายดื่ม ซึ่งเป็นการรวมตัวกันระหว่างเหล้าจิน เวอร์มุตและรอสโซ เหยาะน้ำมันมะกอกชั้นดี เอกลักษณ์ประจำร้าน ตามด้วย Josalito Ibérico Ham แฮมรสเค็มกลมกล่อม ที่ทำมาจากหมูดำคุณภาพสัญชาติสเปน เสิร์ฟพร้อมมะกอกดองทำเอง และ Coca Bread ขนมปังสไตล์โฮมเมดประจำแคว้นคาตาลูญญา เนื้อเหนียวนุ่ม จิ้มน้ำมันมะกอกออร์แกนิก อย่าง Extra Virgin Olive Oil Castillo de Canena Picual และ Extra Virgin Olive Oil Castillo de Canena Arbequina Scallop & Sweet Pea Tartlet, Kaviari Krystal ทาร์ตกรุบกรอบชิ้นพอดีคำ ท็อปด้วยหอยเชลล์เนื้อสด ถั่วหวาน และคาเวียร์รสเค็มนุ่มนวล หลายคนชอบ Mackerel, Pepper, Eggplant, Filo ปลาแมคเคอเรลดองน้ำมันพริกอย่างดี หั่นเป็นชิ้นพอเหมาะ ให้รสเค็มนุ่มนวลแฝงด้วยความเปรี้ยวอ่อนๆ เข้ากันดีกับแป้งฟิโลทำเอง ที่เชฟใส่น้ำผึ้งหอมหวานลงไป ก่อนสเปรดด้วยมะเขือม่วงบดรสหวานธรรมชาติ และพริกหวาน Mussels, Razor Clams, Vermouth ชามนี้เอาใจคนรักหอยโดยเฉพาะ เพราะเป็นการรวมตัวกันระหว่างหอยไม้ไผ่ หอยแมลงภู่และหอยหลอด ราดด้วยเหล้าเวอร์มุตทำให้ได้รสเปรี้ยวกลมกล่อม  คนรักซีฟู้ดต้องเลิฟ Octopus, Sofrito, Picada ปลาหมึกยักษ์ที่ปรุงมาอย่างดีจนเนื้อนุ่มกินอร่อย มิ๊กซ์ไปกับซอสพิคาต้าในสไตล์คาตาลัน ซึ่งมีส่วนผสมของสมุนไพรต่างๆ ร่วมไปกับความหอมมันของอัลมอนด์ Kaviari Krystal Caviar, Souffle Potato, Egg Espuma ฟองเอสพูม่านุ่มฟูสีส้มนี้ทำจากไข่แดง ไปด้วยกันได้ดีกับมันฝรั่งทอดทำเอง และคาเวียร์รสเค็มละมุน เดินทางมาถึงเมนูหลักกันแล้ว Lobster, Duxelles, Puff Pastry, Hollandaise เวลลิงตันล็อบสเตอร์หอมกรุ่น ตัวแป้งกรอบนอกนุ่มในสุกกำลังกิน หอมกลิ่นเนยเบาๆ เคล้าไปกับดุสเซลเห็ดทรัฟเฟิลรสเค็ม และล็อบสเตอร์เนื้อแน่น กินคู่กับซอสหัวล็อบสเตอร์และซอสฮอลลันเดซ รสครีมมีและเปรี้ยว หอมกลิ่นส้มเบาๆ Pigeon, Langoustine นกพิราบจากประเทศฝรั่งเศสเนื้อนุ่มฉ่ำลิ้น เพราะเชฟกงฟีอย่างดี ราดด้วยซุปข้นสูตรเฉพาะที่ทำจากรากผักชี ได้รสเค็มหอมลงตัว เสิร์ฟพร้อมล็อบสเตอร์สัญชาตินอร์เวย์เนื้อเด้ง และขนมปังโฮมเมดท็อปตับบด ปิดท้ายอย่างสวยงามด้วยของหวานฟินๆ Vanilla Ice Cream, Matcha Sponge Cake, Cherry Caramel เค้กฟองน้ำรสมัตฉะ สัมผัสนุ่มฟูร่วมไปกับซอสเชอร์รีคาราเมล และไอศกรีมวานิลลาทำเองชื่นใจ และ Strawberries, Cream, Modena Balsamic ขนมหวานสูตรลับของคุณแม่เชฟเฟอร์ราน สตรอว์เบอร์รีลูกโตๆ รสเปรี้ยวอมหวานตุ๋นพร้อมวินิการ์ (น้ำส้มสายชูอิตาเลียนหมักกับไวน์องุ่น) ตัดด้วยความหอมมันของครีมสดรสวานิลลาสุดละมุน เป็นมื้อเหนือระดับที่น่าจดจำเสียนี่กระไร

เป็นที่น่าดีใจสำหรับสายฟู้ดเสียจริงๆ ที่ “Mott 32” ร้านอาหารจีนกวางตุ้งสไตล์โมเดิร์น มาเสิร์ฟความอร่อยที่เมืองไทย โดยโลเคชั่นตั้งอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของโรงแรมน้องใหม่มาแรงอย่าง The Standard Bangkok Mahanakhon (Bts ช่องนนทรี) สายฟู้ดคนไหนอยากมาชิมต้องรีบจอง เพราะตอนนี้คิวเขายาวนำไป 2 เดือนแล้ว มาทำความรู้จักกับร้านกันก่อนดีกว่า Mott 32 ชื่อนี้มาจากถนนเส้นหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านสะดวกซื้อสัญชาติจีนแห่งแรกของเมืองนิวยอร์ก Mott 32 ยังเป็นร้านอาหารจีนในตำนานที่สามารถขยายสาขาจากฝั่งตะวันออกมายังฝั่งตะวันตก (ปัจจุบันมีสาขาที่แวนคูเวอร์ ลาสเวกัส โซล สิงคโปร์ กรุงเทพฯ และเซบู) ให้คุณอร่อยกับเมนูจีนกวางตุ้งสไตล์โมเดิร์นที่เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากกรุงปักกิ่งและเสฉวน ซึ่งรังสรรค์มาจากวัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมจากทั่วโลก โดยสาขาที่กรุงเทพฯ นี้ได้เชฟฮานหลงฮัว เชฟชาวฮ่องกงมากฝีมือมาเป็น Executive Chef นำทีมจานอร่อยใน Mot 32 Bangkok ทุกเมนู ขอเริ่มความฟินด้วย เจลลี่กระเพาะปลา เจลลี่ทรงสีเหลี่ยมเด้งดึ๋งที่ทำจากน้ำซุปสมุนไพรจีนรสนุ่มนวล ชิ้นพอดีคำ ภายในสอดไส้กระเพาะปลาที่เรารัก จิ้มจิ๊กโฉ่วรสเปรี้ยวเข้ากัน ใครอยากกินต้องจองล่วงหน้านะสำหรับ หมูแดงบาร์บีคิวไอเบอริโก้ หนึ่งในเมนูดาวเด่นประจำร้านที่เสิร์ฟแค่วันละ 10 จานเท่านั้น หมูไอเบอริโก้คุณภาพจากประเทศสเปน หมักกับน้ำผึ้งหอมหวาน ผ่านกรรมวิธีสูตรเฉพาะของเชฟ จนได้เนื้อสัมผัสนุ่มกินเพลิน ขนมจีบหมูไส้ไข่นกกระทาและทรัฟเฟิล ก็อร่อย ขนมจีบหมูลูกโตๆ สอดไส้ไข่นกกระทาอิ่มเอม หอมกลิ่นทรัฟเฟิลอ่อนๆ เสี่ยวหลงเปาซุปเสฉวน เสี่ยวหลงเปาสีส้มสดใส แป้งนุ่มๆ ที่ชุ่มไปด้วยซุปเสฉวนรสเผ็ดร้อนพอดี หลายคนเลิฟ ซาลาเปาหมูแดง เพราะที่นี่เขาทำไม่เหมือนใคร ผิวนอกให้สัมผัสกรอบนิดๆ กัดพร้อมไส้หมูแดงรสหวานเค็มที่ทำจากหมูไอเบอริโก้ มาถึงอย่างไรก็ต้องสั่ง หอยเป๋าฮื้อทอดกรอบ หอยเป๋าฮื้อตัวอวบๆ เนื้อเด้ง ชุบแป้งทอดร้อนจี๋ ส่งกลิ่นหอมชวนชิม ปลาหมึกคั่วพริกเกลือ ปลาหมึกชุบแป้งทอดสีเหลืองทอง เนื้อหนึบๆ เคี้ยวเพลิน คลุกเคล้ากับกระเทียม ต้นหอม และพริกต่างๆ รสชาติเผ็ดร้อนโดนใจ เดินทางมาถึงจานหลักกันแล้ว ปลาคอดรมควัน นี่แหละถูกใจสายฟู้ด ปลาคอดดำเนื้อแน่น ทาซอสสูตรลับของทางร้าน รสเค็มหวาน รมควันให้หอมฟุ้ง ซุปเสฉวน เนื้อปลาชั้นดี และเส้นมันซู้ดอร่อยอยู่ในน้ำซุปรสนุ่มนวลลื่นคอ ที่เคี่ยวกระดูกปลาจนได้ที่ รสชาติแฝงไปด้วยความเผ็ดร้อนของพริกเสฉวน ซดกี่ทีก็เพลิน ปูอบวุ้นเส้น เมนูป็อปของทางร้าน วุ้นเส้นเหนียวนุ่ม ไปด้วยกันได้ดีกับปูเนื้อหวานที่ทางร้านให้มาในปริมาณมหาศาล เสิร์ฟมาในหม้อดินเก็บความร้อน ถึงตาพระเอกออกโรงแล้วสำหรับ เป็ดปักกิ่ง ที่เชฟมาหั่นเป็ดตัวอ้วนสดๆ โชว์ให้สายฟู้ดแชะรูปลงโซเชียล ตัวเป็ดผ่านกรรมวิธีดรายเอจ 42 วัน ก่อนนำไปรมควันด้วยไม้แอปเปิ้ลหอมๆ หนังเป็ดกรอบๆ เชฟแนะนำให้จิ้มกับน้ำทรายแดงรสหวานละมุน ส่วนตัวหนังติดเนื้อกินคู่กับแผ่นแป้งโฮมเมด ผักสด และซอสรสหวาน คนชอบกินผักถูกใจ ผัดมะเขือ มะเขือยาวรสหวาน หั่นเป็นชิ้นพอเหมาะ ผัดพร้อมหมูสับและพริกสด รสเค็มเผ็ดจัดจ้าน และ ข้าวผัดล็อบสเตอร์ ข้าวเรียงเม็ดสวย มิ๊กซ์ไปกับล็อบสเตอร์เนื้อแน่นหวาน และซอสสีส้มรสเค็มพอเหมาะ ล้างปากกับของหวานอย่าง ทาร์ตช็อกโกแลตงา รสหวานหอมของไวต์ช็อกโกแล็ตและงาดำ ภายในสอดไส้เจลลี่มะนาวรสเปรี้ยว ท็อปด้วยถั่วทอดกรุบกรอบ และ นมสดฝรั่งชมพู นมสดครีมมีผสมกับฝรั่งสีชมพู ส้มโอรสเปรี้ยวอมหวาน สาคูเคี้ยวเพลิน ใส่น้ำแข็งเย็นฉ่ำ กินแล้วชื่นใจ

ไม่ว่าจะอยู่ตรงมุมไหน ทัศนียภาพของกรุงเทพมหานครในยามค่ำคืนนั้นก็ยังเป็นภาพที่ชวนประทับใจเสมอ อย่างเช่นที่ SOL and LUNA ร้านอาหารแนวเอเชียร่วมสมัย พิกัดน้องใหม่ล่าสุดบนชั้น 15 ของโรงแรม GLOW Sukhumvit 71 (โกลว์ สุขุมวิท 71) นับเป็นข้อได้เปรียบของทำเลที่ตั้ง เพราะรอบ ๆ ดาดฟ้าแห่งนี้ไม่มีตึกสูงใกล้เคียงมาบดบังวิวเลยแม้แต่น้อย ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นมุมชั้นดีสำหรับการชมอาทิตย์ตกดิน จวบจนแสงสุดท้ายตัดไปกับเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพมหานครที่อยู่ไกลสุดสายตา ก่อนที่ท้องฟ้าจะค่อย ๆ มืดลง ที่นี่มีทั้งที่นั่งในร่มและที่นั่งรับลมด้านนอก ภายในร้านอบอุ่นด้วยโทนสีน้ำตาลสว่างและสีส้มจากสีสันของดวงอาทิตย์ เมื่อต้องแสงไฟในยามค่ำคืนแล้วกลายเป็นสีทองอร่าม สำหรับอาหารสไตล์เอเชียร่วมสมัยของ SOL and LUNA นั้น เริ่มต้นด้วยจานเรียกน้ำย่อย Duck Liver Pate ปาเตสไตล์ฝรั่งเศสจากตับเป็ดบดละเอียด จากที่นิยมกินคู่กับบาแกตต์ ปาเตของ SOL and LUNA นั้นกลับท็อปมาด้วยบ๊วยเชื่อมโฮมเมดและจับมากินคู่มากับแป้งปอเปี๊ยะเวียดนามทอดกรอบแทน ต่อด้วย Grilled Squid มาพร้อมจุดเด่นที่ตัว ‘ซอสสามแผ่นดิน’ ได้แก่ ซอสสไตล์จีนทำจากน้ำมันผัดกับกระเทียมและต้นหอม ตัวหมึกสายหั่นพอดีคำคลุกเคล้าด้วยซอสทาเระแบบญี่ปุ่นให้รสหวานเค็ม แล้วราดด้วยน้ำส้มสายชูหมักบัลซามิกเพื่อให้ได้กลิ่นอายอาหารอิตาเลียน โรยหน้าด้วยปลาโอแห้ง Caesar Salad ของที่นี่เพิ่มความแตกต่างเข้าไปด้วยไวท์แองโชวี่ที่ให้รสเปรี้ยวและสดชื่นแทนแบล็กแองโชวี่ที่ให้รสเค็ม ท็อปด้วยไข่เป็ดชุบแป้งทอด ผ่าออกให้ยางมะตูมไหลเยิ้ม แล้วจิ้มกินพร้อมกับผัก ชีส ครีมสลัด และไวท์แองโชวี่ เพื่อให้ได้รสชาติของทุกวัตถุดิบรวมกันอย่างลงตัวในคำเดียว Duck Confit เป็นเมนคอร์สที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ ด้วยเป็ดกงฟีหนังกรอบเนื้อนุ่มรสออกเค็ม เข้ากันเป็นอย่างดีเมื่อกินคู่กับซอสเบอร์รี่รวมรสเปรี้ยวและซอส Sweet Chili สูตรเฉพาะของร้าน เสิร์ฟพร้อมผักย่างหลากชนิด Australian Wagyu Rice Pot ข้าวหน้าเนื้อวากิวจากออสเตรเลีย เสิร์ฟด้วยเทคนิคที่เรียกว่า ‘ทาทากิ’ แบบญี่ปุ่น ที่ปรุงสุกแค่ผิวด้านนอกส่วนด้านในยังมีความดิบ จึงได้รสชาติเนื้อวากิวฉ่ำนุ่ม มาพร้อมข้าวผัดสไตล์ญี่ปุ่น โปะหน้าด้วยไข่ดิบ โรยหอมซอย กระเทียม และปลาโอแห้ง ได้กลิ่นหอมคละคลุ้งเวลากิน สำหรับพาสตาจานซิกเนเจอร์ ต้องยกให้กับ Soft Shell Crab Spaghetti สปาเกตตีท็อปด้วยปูนิ่มชุบแป้งทอดทั้งตัว เส้นผัดกับซอส XO มีรสเผ็ดร้อนแทรกมานิด ๆ ในทุกคำ ตามแบบฉบับอาหารเสฉวน สำหรับเครื่องดื่มซิกเนเจอร์คู่กับมื้ออาหาร เริ่มต้นด้วย The Moon Over Bangkok ที่มีส่วนผสมหลักจากแอปเปิ้ลเขียวคั้นสดและบรั่นดีไทย Honolulu มาในแก้วทรงสับปะรดดูตระการตา มีส่วนผสมของวอดก้า น้ำสับปะรดคั้นสด เปิดฝาแล้วจะได้กลิ่นหอมกลิ่นโรสแมรี่เตะจมูกเป็นอย่างแรก ด้านบนท็อปด้วยแผ่นน้ำตาลทรายแดงเผา แต่ถ้านิยมเครื่องดื่มรสชาติเบา ๆ ต้องเป็นแก้วที่ชื่อว่า Soulmate ให้รสชาติรัมเพียงเบา ๆ ในขณะเดียวกันก็หวานสดชื่นด้วยน้ำลิ้นจี่และเจลลี่ลิ้นจี่สีม่วงเพิ่มความสนุกให้กับเครื่องดื่มแก้วนี้ สำหรับของหวาน Mango Granita เกล็ดน้ำแข็งสไตล์อิตาเลียนรสมะม่วงซอร์เบต์ สอดแทรกความเปรี้ยวนิด  ๆ ด้วยไอศกรีมโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่มาในแก้วเดียวกัน อีกเมนูคือ Caramel Banana กล้วยเชื่อมคาราเมล เสิร์ฟพร้อมช็อกโกแลตและไอศกรีมวานิลลา หอมหวานในทุก ๆ คำ ปิดท้ายมื้ออาหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกพื้นที่ใหม่ของรูฟท็อปกำลังจะเปิดเป็นบาร์เปิดโล่งเห็นวิวกรุงเทพมหานครแบบ 360 องศา สำหรับสายดื่มที่อยากดื่มด่ำกับช่วงเวลาที่แสนพิเศษ ก็คงอีกไม่นานเกินรอ อย่างไรก็ตาม แนะนำว่าให้โทรหรือแอดไลน์ https://lin.ee/cUnZ9Mh สำรองที่นั่งก่อนเพื่อให้ได้มุมที่ดีที่สุดในร้าน!

Café 22 ห้องอาหารสไตล์ตะวันตกที่เสิร์ฟความอร่อยตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ตั้งอยู่ในโรงแรมคอร์ทยาร์ด บาย แมริออท พัทยาเหนือ ซึ่งมีที่มาของชื่อร้านจากวันที่เปิดโรงแรม คือ22 มีนาคมและโลเคชั่นที่ตั้งอยู่บนซอยนาเกลือ 22 เมืองพัทยา ทางร้านมีเชฟธนู ชมพูศรี เป็นหัวหน้าเชฟที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ โดยเฉพาะอาหารตะวันตก ทั้งอาหารอิตาเลียน เมดิเตอร์เรนียน และฝรั่งเศส ด้วยเหตุที่อยู่ในแวดวงอาหารมานานกว่า 16 ปีจึงมีเหรียญรางวัลจากเวทีการแข่งขันอาหารระดับโลกทั้งในเมืองไทยและต่างแดนเป็นเครื่องการันตี ทุกจานอาหารจากคาเฟ่ 22 ล้วนครีเอทจากวัตถุดิบท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็นพืชผักสวนครัวหรือซีฟู้ดจากชาวเล เสิร์ฟในบรรยากาศสบายๆ ที่แฝงไปด้วยความหรูหราของ พื้นและโต๊ะหินอ่อนลายสีขาว-ดำ มีโซฟาหนานุ่มนั่งสบาย รับกับผนังไม้สีน้ำตาลมิลค์ช็อกโกแลต ในระหว่างวันแสงแดดภายนอกสาดส่องผ่านผนังกระจกทำให้ร้านดูโปร่งโล่ง ความสว่างของแสงธรรมชาติสร้างมู้ดแอนด์โทนให้ผ่อนคลายสบายใจ ต้อนรับด้วย Grilled Prawn And Mango Salad สลัดกุ้งย่างชามใหญ่ที่ประกอบไปด้วย กุ้งเนื้อเด้งตัวโตๆ จากเมืองพัทยา ผักสลัด หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศเชอร์รี มะม่วงสุกหวานฉ่ำ และน้ำสลัดเลมอนรสสดชื่น หอมกลิ่นน้ำผึ้งเบาๆ Penne Crab Cream Sauce เส้นเพนเน่กินง่าย คลุกเคล้ากับซอสครีมรสกลมกล่อม และปูนิ่มที่เรารัก โรยด้วยเนื้อปูรสหวาน ตามด้วยหนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Roasted Pork Ribs ซี่โครงหมูอบเนื้อนุ่มร่อน ราดซอสกระเทียมพริกไทยรสเค็มเผ็ด กินคู่มันบดเนื้อเนียนและผักย่าง ข้าวผัดผงกะหรี่ปู ก็ขายดี ข้าวหอมมะลิเรียงตัวสวย ผัดพร้อมเนื้อปูจากเรือชาวเล และผงกะหรี่หอมๆ เพิ่มรสเปรี้ยวด้วยมะนาวซีก ขนมหวานเราสั่ง Chocolate & Walnut Brownies บราวนี่สไตล์โฮมเมดเนื้อแน่นหนึบ ได้รสเข้มของช็อกโกแลตและสัมผัสเคี้ยวสนุกจากวอลนัท เสิร์ฟคู่ไอศกรีมวานิลลาหอมหวาน ครัมเบิ้ล และผลไม้สด เครื่องดื่มเราสั่ง Spart’s Bramble ค็อกเทลซิกเนเจอร์ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของเหล้าจินสตรอว์เบอร์รี น้ำทับทิบ น้ำเลมอนและเหล้าแบล็กเบอรรี หรือใครไม่ใช่สายดื่มที่นี่ก็มีม็อกเทลน่าลองหลายตัว Local Crush รสเปรี้ยวผสานหวานฉ่ำ มีส่วนผสมของน้ำเสารรส น้ำมะม่วง น้ำลิ้นจี่ และโยเกิร์ต และ Berri Breeze ม็อกเทลสีม่วงรสอร่อย ครีเอทจากน้ำเบอร์รีตระกูลต่างๆ และน้ำแอปเปิ้ล