Machi Machi (มาชิ มาชิ) แบรนด์ชานมจากไต้หวันพร้อมมอบความสุขให้ชาวฟู้ดดี้ได้อิ่มอร่อยแบบคุ้มๆ กันถ้วนหน้าก่อนใคร เพียงกดสั่งครั้งเดียวก็ได้กินขนมหวานครบทุกแบบทุกสไตล์ เพิ่มความสดชื่นให้บ่ายวันนี้ด้วย Milk Tea with Cream Cheese Foam (1 แถม 1) ชานมไต้หวันท็อปด้วยครีมชีสเนื้อเนียน รับรองว่าจะไม่ง่วงเหงาหาวนอนอีกต่อไป หากโหมงานหนักมาทั้งวัน แนะนำ Double Dango ดังโงะเสิร์ฟพร้อมดิป 2 รสชาติ กินคู่กับ Handmade Sugar Latte บอกเลยว่าอิ่มคุ้มค่าแคล เพราะ 1 แบงก์แดงมีทอน หรือจะเป็นคู่นี้ Jasmine Green Tea with Plum Jello ชาบ๊วยสูตรพิเศษกับ Fluffy Donut Cheese Bomb (189.-) โดนัทชิ้นโตราดชีส มาพร้อมครัมเบิลให้เคี้ยวกรุบ เป็นของว่างกินเพลินๆ ตลอดการทำงานก็ดีไม่แพ้กัน ฟินไปอีกขั้นกับเซ็ต Fluffy Donut Dip & Go x1 และ Black Milk Bubble Tea x2 (319.-) โดนัทเนื้อนุ่มฟู จับคู่กับชานมรสละมุน จะจูงมือเพื่อนซี้หรือคนรักมาเติมความหวาน ก็ฟินด้วยกันเพียงคนละ 159.- เท่านั้น สามารถสั่งซื้อได้ตั้งแต่วันนี้ - 14 กราคม 2567   สอบถามรายละเอียดและโปรโมชันเพิ่มเติมได้ที่ Instagram : machimachi_thailand Facebook : Machi Machi Thailand Line : https://lin.ee/q4cQFxM หรือกดสั่งทาง : https://bit.ly/360aH1z

เปิดตัวปังๆ ที่สาทรอย่างสวยงามแล้วก็ตะลุยบุกโลเคชั่นต่างๆ ไม่หยุดหย่อน จนล่าสุด “อันเกิม-อันก๋า” ร้านอาหารเวียดนามเอเชียนซีฟู้ดของคุณปลา -อัจฉรา เจ้าของร้านอาหารเครือ iberry ก็มาบุก Emsphere (BTS พร้อมพงษ์) ห้างฯ ใหม่ย่านพร้อมพงษ์สุดอลังการ ตัวร้านสาขาที่ 4 นี้ยังคงคอนเซปต์การตกแต่งสไตล์เวียดนามเล็กๆ ผสมความเป็นเอเชียน ทั้งสีสันสดใสของเฟอร์นิเจอร์ และงานไม้คลาสสิกเหมือนสาขาใหญ่ที่สาทร   คำว่าอันเกิม-อันก๋า ในภาษาเวียดนามแปลว่า กินข้าว-กินปลา ซึ่งสื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของเวียดนาม โดยเฉพาะเรื่องอาหารทะเล เหมือนกับทางร้านที่เสิร์ฟอาหารเวียดนามในหลายๆ ภูมิภาค และนำมาดัดแปลงให้ถูกปากคนไทย รวมไปถึงเมนูซีฟู้ดสดเด้ง ที่รังสรรค์โดย ChefLoi (Trieu Tan Loi) เชฟหนุ่มชาวเวียดนามน้องใหม่ไฟแรง ต้อนรับด้วย ขนมจีนเนื้อย่าง ขนมจีนเหนียวนุ่ม คลุกเคล้าเครื่องเคราต่างๆ อย่าง ผักสด กุ้งแห้ง ถั่วลิสง ขาดไม่ได้คือเนื้อย่างหอมๆ ฉ่ำลิ้น ราดซอสรสเปรี้ยวเข้ากัน ต่อด้วย ขนมถ้วยกรอบกุ้ง ขนมถ้วยเนื้อนิ่มผิวกรอบ หอมกลิ่นขมิ้นอ่อนๆ ท็อปด้วยกุ้งเนื้อหวาน เพิ่มกลิ่นหอมๆ ด้วยกระเทียมเจียว จิ้มซอสรสหวานอมเปรี้ยว ตัดเลี่ยนด้วยผักสดกรุบกรอบ จานหลักเป็น ก๋วยจั๊บญวนหมูรวมมิตร หนึ่งในจานเด็ดของร้าน เส้นก๋วยจั๊บโฮมเมดนุ่มหนึบ เข้ากันดีกับน้ำแกงสูตรลับรสกลมกล่อม หมูยอเนื้อแน่น และกระดูกหมูเนื้อนิ่มแทบละลายในปาก เติมพริกเผาโฮมเมดรสเผ็ดลงไปหน่อย อร่อยอย่าบอกใคร ขนมจีนซุปเนื้อ เมนูน้องใหม่ที่ใครกินต่างก็ติดใจ (โดยเฉพาะคนรักเนื้อ) เส้นขนมจีนสไตล์เวียดนามซู้ดเพลินๆ อยู่ในซุปเนื้อรสเข้มข้นที่ทางร้านเคี่ยวนานกว่า 24 ชั่วโมง   ของหวานเราสั่ง ไอศกรีมผักแพวมะนาว แปลกไม่เหมือนใคร ไอศกรีมมะนาวรสเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดผสมผักแพว ผักพื้นบ้านมีชื่อของเมืองไทย กินกับข้าวเกรียบงากรุบกรอบ ในส่วนของเครื่องดื่มต้องนี่  อูเมะโซดา ได้รสหวานอมเปรี้ยวซาบซ่า ถูกใจคนรักบ๊วย และ ชารากบัว ร้อนๆ กลิ่นหอมฟุ้ง ได้รสหวานละมุนอยู่ในลำคอ

คำว่า Nikaku ในภาษาญี่ปุ่นหมายถึง ‘นกกระเรียนคู่’ เป็นสัตว์มงคลของชาวญี่ปุ่นที่หมายถึง ความเจริญรุ่งเรืองอันยั่งยืน เหมือนเจ้าของร้านอย่าง เชฟเซตสึโอะ ฟูนาฮาชิ (Setsuo Funahashi) เชฟซูชิผู้เป็นทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูล และภรรยาสาว เชฟคาซูมิ ฟูนาฮาชิ (Kazumi Funahashi) เชฟขนมหวานผู้ร่ำเรียนศิลปะการทำขนมญี่ปุ่น (วากาชิ) จากคุณแม่ของเธออย่างช่ำชอง   Nikaku เป็นร้านโอมากาเสะชื่อดังในตำนานแห่งเมืองคิตะคิวชู ที่เปิดมาแล้วกว่า 60 ปี (จนถึงปัจจุบัน) ให้สายฟู้ดเอ็นจอยกับซูชิเอโดมาเอะ ที่เน้นความสดใหม่ของวัตถุดิบจากช่องแคบคัมมง และทะเลรอบๆ เกาะคิวชู ผ่านการปรุงด้วย ‘เอนไบ’ รสนุ่มนวลและกลมกล่อมอันเกิดจากความสมดุลของเกลือและน้ำส้มสายชู และผ่านการปั้นจากเชฟเซตสึโอะ โดยเขาใช้เทคนิคเก่าแก่ Honte-gaeshi ที่สืบทอดกันมานานกว่า 200 ปี แพร์ริ่งไปกับชาชั้นดี 7 ชนิด จากจังหวัดต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่น ที่ทุกแก้วล้วนชงกับน้ำแร่เลอค่า ฟู้ดดี้คนไหนอยากลิ้มลองให้ปักหมุดที่ Nikaku Bangkok” ที่ตั้งอยู่ใน W Bangkok ได้เลย ดื่มด่ำกับบรรยากาศหรูหรา ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความทันสมัย และความเป็นส่วนตัว (สามารถรองรับลูกค้าได้รอบละ 10-12 ที่นั่ง)    คำแรกเป็น Nidako ปลาหมึกยักษ์เนื้อเหนียวนุ่มจากช่องแคบคัมมง ราดซอสน้ำส้มสายชูสีแดงผสมซีอิ๊วรสกลมกล่อม ที่มีทั้งเปรี้ยว เค็ม และหวานนิดๆ สโมคกลิ่นดอกซากุระหอมฟุ้ง ถือเป็นการเปิดต่อมลิ้มรสได้ดี แพร์ริ่ง Sonogi Tea มัตฉะชั้นดีจากจังหวัดนางาซากิ ผสมน้ำโซดาซาบซ่า   ตามด้วย Madai ปลากระพงแดงเนื้อหวาน ที่เชฟใช้เทคนิคการเก็บปลาให้ยังคงสดใหม่ เข้าคู่กับวาซาบิขูดสด Sawara ปลาซาวาระหรือปลาอินทรีย์ญี่ปุ่น สัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิ โดยทางร้านจะใช้ปลาที่จับได้โดยเบ็ดเดี่ยวเท่านั้น เพราะเนื้อจะชุ่มฉ่ำมากกว่า Chawanmushi ไข่ตุ๋นสไตล์ญี่ปุ่นเนื้อเด้งที่หลายคนเลิฟ แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อยเพราะเชฟตุ๋นแบบเย็น จิบคู่ Oolong Tea ชาอู่หลงกลิ่นหอมแห่งซัตสึมะเซ็นได เคล้าขิงขูดรสเผ็ดซ่า หนึ่งในความภาคภูมิใจของชาวอาทิตย์อุทัย Kuruma-ebi กุ้งลายเสือญี่ปุ่นที่ส่งตรงมาจากเกาะคิวชู เนื้อสดหวานตามธรรมชาติ เสริมรสให้ลงตัวด้วยมิโซะโฮมเมด Maguro ปลาทูน่าครีบสีน้ำเงิน ที่ทางร้านนำเข้าจากทะเลแถบนางาซากิแห่งประเทศญี่ปุ่น เนื้อสดรสหวาน สมแล้วที่ได้ฉายา ‘ราชาแห่งปลาทั้งมวล’ Sasa Kare ปลาคะเรเนื้อบางผิวขาว นำไปย่างฟางจนหอม ก่อนเสิร์ฟโรยเกลือเล็กน้อย Anago Nigiri ปลาไหลทะเลญี่ปุ่นเนื้ออ่อนนุ่ม เพิ่มรสอูมามิด้วยเกลือเล็กน้อย Ika ซูชิปั้นสดหน้าปลาหมึกอิกะ เนื้อหนึบนุ่มกำลังกิน คำที่แสนเลอค่า Yaito Katsuo ปลาโอคุณภาพจากหมู่เกาะโกโต นางาซากิ ที่รมควันด้วยฟางกลิ่นหอม Ikura Hirasu ลูกปลาซาดีนน่าลิ้มลอง ผสมซอสดาชิรสนุ่มนวล โรยหน้าด้วยไข่ปลาแซลมอนล้นๆ   ต่อด้วย Uni อูนิสดตามฤดูกาลจากเมืองฮอกไกโด รสหวานกินเพลิน Otoro เนื้อนุ่มแทบละลายในปาก Ma Saba ปลาซะบะเสิร์ฟแบบสด วัตถุดิบขึ้นชื่อจากเมืองนางาซากิ Kaki Sakamushi หอยรางรมตัวอวบแห่งจังหวัดยามากุจิ นึ่งกับสาเกชั้นดีจนทำให้ได้รสหวานผสานกับเนื้อสัมผัสหนึบนิดๆ Tuna Berry ซูชิโรลทูน่าเนื้อฉ่ำ ที่ทางร้านใช้ซากะโนริ (สาหร่าย) ที่ดีที่สุดจากทะเลอาริอาเกะ ไปต่อกันกับ Tamago แสนอิ่มเอม ตัวไข่เนื้อนิ่ม มิ๊กซ์ไปกับน้ำซุปดาชิรสหวานเค็ม แพร์ริ่ง Hoshino Mura Hon Gyokuro ชาเขียวเกียวคุโระที่มีคุณภาพสูงสุดในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งที่ปลูกจากหมู่บ้านโฮชิโนะ ให้รสหวานสลับกับความอูมามิ ก่อนเอ็นจอยขนมหวานของเชฟคาซูมิ Mizuyoukan วุ้นสไตล์ญี่ปุ่นตามฤดูกาล ครั้งนี้เชฟใช้ส้มแมนดารินรสสดชื่น เข้าคู่กับวุ้นถั่วแกงกวนรสหวานฉ่ำ Longan Pudding ฐานล่างเป็นพุดดิงน้ำเต้าหู้ครีมมี ไปด้วยกันได้กับพุดดิงลำไยรสหวานหอม ตัดด้วยกะทิเค็มมันเล็กน้อย   ยังมีของหวานไฮไลต์อย่าง Flourless Japanese Chocolate Cake เค้กช็อกโกแลตไร้แป้งสไตล์โฮมเมด เนื้อแน่นรสเข้มข้นนี้ปราศจากนม เนย ไข่ จิบคู่ Kitsuki Black Tea ชาดำนุ่มลึกที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกุหลาบ นี้มาจากจังหวัดโออิตะ

Tag:

ยินดีต้อนรับสู่ “Oh My GodMother” ร้านอาหารนานาชาติน้องใหม่เครือ Iberry Group ที่มาในคอนเซ็ปต์ Patisserie & Pasta มีจุดเริ่มต้นจากการท่องเที่ยวประเทศเวียดนามของคุณปลา อัจฉรา บุรารักษ์ ผู้เป็นเจ้าของ เธอได้ลิ้มลองเค้กชิฟฟอนแบรนด์ Godmother ที่รังสรรค์โดย Narae Kim เชฟชาวเกาหลีที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ทำขนมหวานกว่า 20 ปี ก่อนจะชวนเจ้าของร้านและเชฟมาร่วมสร้างแบรนด์ Oh My GodMother ขึ้นมา ความโดดเด่นของ Oh My GodMother นอกจากจะเป็นเรื่องของหวานแล้วยังมีอาหารนานาชาติสัญชาติต่างๆ อย่าง ฝรั่งเศส เกาหลี อิตาเลียน (พาสต้าเส้นสดก็มา) เอาไว้เอาใจสายฟู้ดเต็มพิกัด ตัวร้านจะตกแต่งด้วยโทนสีพีชนุ่มนวลสไตล์เกาหลีมาแต่ไกล ใครอยากลิ้มลองขอเชิญที่ห้างฯ ใหม่ในกลางกรุงฯ ‘Emsphere’ (BTS พร้อมพงษ์) ได้เลย เริ่มต้นด้วย Grilled Caesar ผักคอสกรุบกรอบ ย่างอย่างดีจนส่งกลิ่นหอม เข้ากันกับน้ำสลัดครีมรสหอมมัน โรยหน้าด้วยเบคอนทอดที่คุ้นเคย และชีสพาเมซาน ตัดรสด้วยปลาแอนโชวี่ชั้นดี ตามด้วยคอมฟอร์ตฟู้ดของเด็กๆ อย่าง Hash Brown Fries มันฝรั่งบดทอดกรอบ เนื้อในยังให้สัมผัสเนียนนุ่ม ผสานกับความกรอบของผิวด้านนอก เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศเข้ากัน เมนูขายดีต้องนี่ Prawn Chicken Ham Mac & Cheese มักกะโรนีอบชีสในแบบฉบับโฮมเมดแท้ๆ ให้คุณเพลิดเพลินกับเส้นมักกะโรนีกินง่าย เคล้ากุ้งเนื้อหวาน แฮมที่เรารัก และชีสครีมมีเยิ่มๆ คนรักพาสตาต้องไม่พลาด Rigatoni Lemon Butter รีกาโตนีเส้นอวบอ้วนน่าอร่อย ผัดพร้อมหอยแมลงภู่ตัวใหญ่ หอยตลับเนื้อสด กุ้งตัวโต และซอสครีมกระเทียมรสนุ่มนวล เพิ่มกลิ่นหอมๆ ด้วยผิวเลมอน   ของหวานเราแนะนำ Sea Salt Caramel เค้กเนื้อชิฟฟอนนุ่มฟู ที่ถูกปกคลุมด้วยครีมสดรสคาราเมลหอมหวาน ด้านในยังมีไวต์ช็อกโกแลตป็อปลูกเล็กๆ ไว้ให้เคี้ยวเพลินๆ (ฟินมากมาย) ตบท้ายด้วยชาเย็นๆ หรือกาแฟร้อนๆ สักแก้วก็ไม่เลวนะ

ชวนฉลองเดือนท้องฟ้าสวยด้วยมื้อพิเศษที่ Bangrak Grill อเมริกันสเต๊กเฮาส์บนชั้น 30 ของโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ สุรวงศ์ ที่ด้านในตกแต่งในสไตล์โคโรเนียลล้อไปกับคอนเซ็ปต์โรงแรม อีกฝั่งรายล้อมด้วยกระจกใสให้ดื่มด่ำกับวิวสวยของบางรักจากมุมสูง ตกเย็นจะได้สบตากับโค้งน้ำเจ้าพระยาสะท้อนแสงระยิบระยับยามพระอาทิตย์ตก แค่ฟังชื่อก็เดาได้ไม่ยากว่าเมนูเด่นของที่นี่คือสเต๊กที่มีเนื้อให้เลือกหลากหลาย แล้วเสริมทัพด้วยบรรดาซีฟู้ดสดใหม่ แต่ยังไม่ลืมเมนูอะลาคาร์ตให้การแวะมาที่นี่ไม่จำเจ (ในช่วงกลางวันและมื้อค่ำอาหารจะแตกต่างกันเล็กน้อย) อยากให้ลองทีเด็ด Bangrak Pork Knuckle Pot Pie ซิกเนเจอร์เมนูที่นำจานเด่นขึ้นชื่อแห่งย่านบางรักอย่าง “ขาหมู” มาทำเป็นไส้พอทพายได้อย่างเก๋ไก๋ ขาหมูเคี่ยวจนนุ่มและหอมกลิ่นน้ำพะโล้ เข้ากับแป้งพายกรอบเบา Thai Wagyu Tenderloin เนื้อไทยวากิวส่วนเทนเดอร์ลอยน์นุ่มลิ้น ให้เราเลือกซอสที่ชอบได้ตามใจทั้ง Red Wine Sauce, Pepper Sauce, Chimichurri Sauce, BBQ Sauce และ Thai Style Tamarind Sauce   ใครไม่ใช่สายเนื้อ ลองสั่งเป็น Baked Salmon แซลมอนชิ้นใหญ่อบจนหนังกรอบ เนื้อยังฉ่ำจับคู่กับ Honey Mustard Cream Sauce เสิร์ฟพร้อมผักย่าง ส่วนจานเคียงเราชอบ Bangrak Fries มันม่วงญี่ปุ่นรสหวานหั่นเป็นชิ้นหนาทอดพร้อมเปลือก กินเพลินดีเหมือนกัน ส่วนใครเป็นสายสุขภาพ อยากให้ลอง Fiesta Chicken Quinoa Mango Salad สลัดอกไก่ย่างและควีนัวที่ได้รสหวานของมะม่วงสุกมาทำให้จานนี้สดชื่นขึ้นด้วย

Tag:

ใครที่ชื่นชอบทาน Quiche (คีช) ทาร์ตคาวสุดฮิตของชาวฝรั่งเศส ต้องไม่พลาดกดสั่ง คีช สูตรเด็ดจากร้าน Bake & Bite BKK มาลิ้มลอง โดยครีเอตขึ้นจากสูตรของเชฟประจำสถานทูตฝรั่งเศสในไทย โดดเด่นด้วยแป้งหอมกรอบสอดไส้ส่วนผสมที่พรีเมียมสดใหม่ปรุงจนได้รสชาติกลมกล่อม อีกทั้งยังอบมาด้วยอุณหภูมิและเวลาที่พอเหมาะ ทำให้สามารถอร่อยได้ทั้งแบบอุ่นร้อนและแบบเย็นมีให้เลือกทั้งหมด 3 รสชาติ เริ่มที่ ไส้ผักโขม ความครีมมี่ของครีมและนมเข้ากันดีกับเนื้อผักโขม รสชาติเบากินได้เพลินๆ ต่อด้วย ไส้เห็ดแชมปิญอง กัดแล้วได้ความหนึบหนับจากเห็ดแชมปิญองที่อัดแน่นมาด้านใน บวกกับความหวานจากหัวหอมอร่อยลงตัว และ ไส้แฮม & เบคอน ที่เรียกอีกอย่างว่า คีชลอเรน รสชาตินุ่มนวลกลมกล่อม  ขนาดเล็กน่ารักกินง่าย จับคู่กับชา กาแฟยิ่งอร่อยลงตัว

เปลี่ยนวันแสนธรรมดาให้พิเศษกว่าที่เคยด้วยคอร์สอาหารสุดพรีเมียมจาก Bodegas  Wine ร้านอาหารสเปนสไตล์ฟิวชันบรรยากาศอบอุ่นย่านนนทบุรี การันตีความอร่อยด้วยมิชลินไกด์ ในเรื่องของรสชาติและวัตถุดิบนำเข้าคุณภาพดี ที่ผ่านการคัดสรรและการปรุงอย่างพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ภายในตกแต่งอย่างอบอุ่นเรียบง่ายสไตล์ Casual Dining แบ่งออกเป็นชั้นหนึ่งที่มีมุมรับประทานอาหารแบบสบายๆ มีจุดเด่นเป็นผนังร้านที่ประดับตกแต่งด้วยขวดไวน์นานาชนิด ซึ่งอยู่ติดกับห้องเก็บไวน์ขนาดใหญ่ที่มีไวน์มากกว่า 400 ขวด สร้างความตื่นตาตื่นใจให้เราไม่น้อย  สำหรับชั้นสองเป็นโซนทานอาหารแบบกึ่งไพรเวตที่จะได้เพลิดเพลินกับ Live Music ในช่วงเย็นวันศุกร์และวันเสาร์อีกด้วย เราได้ลองเป็นคอร์สอาหารสเปนสไตล์ไฟนไดนิงที่แพริ่งมากับไวน์ออร์แกนิคชั้นดี อาทิ  Warm Carpaccio ปลาสโนว์ฟิชสไลด์เป็นแผ่นบาง ท็อปมาบนเห็ดแคลงภาคใต้ที่นำไปผัดกับเบคอนคาราเมลไลซ์จนหอมกรอบ เสิร์ฟมาในซอสน้ำมันมะกอกกระเทียม เพิ่มความหรูหราด้วยคาเวียร์ด้านบน หลากหลายรสชาติแต่อร่อยลงตัว Iberico Collar สันคอหมูดำไอเบอร์ริโกตุ๋นกับกะทิจนเปื่อยนุ่มราดด้วยซอสหมูไวน์แดง เสิร์ฟพร้อมโพเลนต้าและคอร์นครีมหอมๆ ช่วยชูรสชาติของเนื้อหมูได้เป็นอย่างดี จานโปรดเรายกให้ของหวานอย่าง Mocha and Coconut ม็อคค่าเค้กจากช็อกโกแลตรสเข้ม ตัดรสด้วยความหวานของไอศกรีมกระทิสไตล์ไทยที่ท็อปอยู่บนโกโก้ครัมเบิลกรุบกรอบ เติมเต็มโมเมนต์การแฮงเอาต์ในครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ The Matcha Tokyo ร้านมัตฉะออร์แกนิกแบรนด์ดังจากโอโมเตะซานโด กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น บินลัดฟ้ามาเปิดสาขาในไทยให้สาวกมัตฉะได้ตามไปลองกันแล้ว โดยหลังจากเปิดตัวสาขาแรกที่ Emsphere ศูนย์การค้าแห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิทไปเพียงสองอาทิตย์ ก็ทำการเปิดสาขาสองที่ Emporium แบบตามมาติดๆ โดยมาพร้อมกับตัวร้านที่กว้างขวางนั่งสบาย เหมาะกับการแวะไปเอ็นจอยนั่งจิบชาได้ทุกวัน The Matcha Tokyo นำเสนอมัตฉะเกรด Ceremonial จากใบชาระยะแรกมาในรูปแบบที่ทันสมัยเข้าถึงง่าย จุดเด่นคือการเสิร์ฟเมนูชาที่ดีต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม โดยใบชาของแบรนด์ส่งตรงจากฟาร์มชาที่ผ่านการดูแลอย่างพิถีพิถันด้วยน้ำแร่ธรรมชาติและดินดีอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ทำให้ได้ชาพรีเมียมที่รสชาตินุ่มนวลอูมามิไม่เหมือนใคร มาแล้วต้องไม่พลาด Gold Blend เพียวมัตฉะไม่ผสมนมและน้ำตาลที่ผ่านการตีด้วยมืออย่างพิถีพิถัน รสอูมามิ ไม่ขมฝาดดื่มง่ายได้ความสดชื่น แนะนำให้จับคู่กับ Croffle Milk Jam ครอฟเฟิลกรอบนอกหนึบในออนท็อปด้วยแยมนมมัตฉะ เข้ากันดีเป็นที่สุด Matcha Soft Cream มัตฉะซอฟต์เสิร์ฟเนื้อเนียนเบาละมุนที่เพิ่มเท็กเจอร์กรุบกรอบด้วยการเคลือบเกล็ดน้ำตาลทรายผสมผงมัตฉะ เสิร์ฟมาบนโคนเมเปิลไซรัปนำเข้าจากญี่ปุ่น เป็นเมนูที่อร่อยลงตัวมากๆ ใครอยากสัมผัสความอร่อยของมัตฉะออร์แกนิกแบบพรีเมียมให้ปักหมุดไปที่ ชั้น 1  Emporium หรือชั้น G ที่ Emsphere ได้เลย

เดินทางมาถึงสาขาที่ 3 กันแล้วสำหรับ Co-limited” ร้านอาหารอีสาน เนื้อย่าง สตรีทฟู้ด ของคุณหมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ห้องเสื้อ Asava แทกทีมกับคุณยูกิ ศรีกาญจนา เจ้าของแบรนด์ NARA Thai Cuisine ที่สายฟู้ดชื่นชอบ โดยสาขาใหม่นี้ตั้งอยู่ใน EMSPHERE ห้างฯ ใหม่ใจกลางกรุงฯ ย่านพร้อมพงษ์ ตัวร้านโดยเด่นด้วยสีสันสดใส อย่าง สีส้ม เหลือง เขียว และตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้สไตล์ไทยเช่นเคย ขอเปิดด้วย ส้มตำ โคลิมิเต็ด ซิ่ง ให้คุณอร่อยกับส้มตำที่ชอบ เราเลือกตำไทยครบรส เสิร์ฟพร้อมคอหมูย่างหอมๆ ฉ่ำลิ้น ข้าวเหนียวนึ่ง และซอสแจ่วรสเด็ด ยำขนมจีน หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ที่ใครมาต้องลิ้มลอง ขนมจีนเหนียวนุ่ม รายล้อมด้วยเครื่องเคราต่างๆ อย่างแหนม หมูยอ ปลากรอบ กระถิน หอมแดง ก่อนกินราดน้ำยำรสเปรี้ยวเผ็ด และน้ำปลาร้ารสเค็มนัวลงไป ตามด้วย เนื้อย่าง ที่ทางร้านใช้เนื้อเซอร์ลอยน์ เนื้อสันนอกหมักอย่างดี ย่างบนเตาร้อนๆ จนส่งกลิ่นหอม ให้สัมผัสชุ่มฉ่ำ จิ้มซอสแจ่วรสเปรี้ยวเผ็ด ก้ามปูอบวุ้นเส้นไข่ปู เมนูใหม่แกะกล่องของทางร้าน วุ้นเส้นเหนียวนุ่ม อบพร้อมก้ามปูทะเลชิ้นโต เนื้อแน่นหวาน และไข่ปูมหาศาลที่เรารัก เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ด   กุ้งแม่น้ำจัมโบ้อบวุ้นเส้นไข่ปู จานนี้ทำเอาสายฟู้ดน้ำลายสอไปตามๆ กัน กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่เนื้อแน่น มันกุ้งเยิ้มๆ ครีมมี เข้ากันดีกับวุ้นเส้นอบ และน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน ตามด้วย เล้งหมู กระดูกหมูเนื้อเปื่อยนุ่ม อยู่ในน้ำซุปน้ำตกรสเข้มข้น กินกับข้าวสวยร้อนๆ เข้ากัน ของหวานต้องนี่เลย ลอดช่อง ลอดช่องโฮมเมดเนื้อนุ่ม หอมกลิ่นใบเตย เสิร์ฟเคียงขนมปังชิ้นหนา ราดน้ำตาลโตนดรสหวานนุ่มนวล ตบท้ายด้วย มะตูมน้ำผึ้งโซดา ได้รสหวานฉ่ำ ซาบซ่าเต็มพิกัด

หลังจากอดใจรอมาพักใหญ่ ในที่สุด Bread Street Kitchen & Bar ร้านอาหารของเชฟกอร์ดอน แรมซีย์ (Gordon Ramsay) เชฟคนดังมาดเท่ก็เผยโฉมที่กรุงเทพฯ เป็นครั้งแรกที่ชั้น G เอ็มสเฟียร์ Bread Street Kitchen & Bar สาขาแรกนั้นเปิดตั้งแต่ปี 2011 บนถนน St Paul’s ใจกลางลอนดอน แล้วกระจายความอร่อยไปแล้ว 12 แห่งทั่วโลกรวมถึงในบ้านเรา สำหรับสาขาแรกในกรุงเทพ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Modern European Cuisine เสิร์ฟเมนู All Day Dining ให้นั่งเอนจอยได้ตลอดทั้งวัน ตัวร้านออกแบบสไตล์ Industrial Warehouse เหมือนกับร้านที่ลอนดอน ตัดด้วยสีเหลืองวินเทจของโซฟาหนังและพื้นกระเบื้องลายตารางหมากรุก รวมถึงมีโซนบาร์ขนาดย่อมไว้เอาใจสายกินดื่มด้วย แน่นอนว่าที่นี่รวมซิกเนเจอร์เมนูเด่นๆ เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเมนูสร้างชื่ออย่าง Beef Wellington (ที่ทางร้านกระซิบว่าใช้เวลาเตรียมการอยู่เกือบ 3 วัน และใช้เวลาในการคุกกิ้งอีก 45 นาที) เนื้อวากิว A4 ดรายเอจกับเกลือหิมาลายัน ดิจองมัสตาร์ด ห่อด้วยเห็ดแล้วหุ้มด้วยแป้งพัฟแพสทรีที่อบจนฟูกรอบ ส่วนเนื้อเป็นมีเดียมแรร์สีชมพูระเรื่อที่แสนจะJuicy เคียงด้วยมันฝรั่งบด ฮันนี่แครอต และ red wine jus ส่วนจานอื่นๆ ก็ทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นจาน Starters อย่าง Caesar Salad ที่มีไฮไลต์เป็นแพนเชตต้าและไวท์แองโชวี่ Spicy Tuna Tartare ทูน่าดิบญี่ปุ่นที่มีรสเผ็ดเบาๆ ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร วางบนอะโวคาโดพูเร โรยเกี๊ยวกรอบด้านบน แนะนำให้กินพร้อมกันทั้ง 3 เลเยอร์ จานที่เราชอบมากอย่าง Seared Scallops หอยเชลล์ตัวอวบกริลล์ได้สุกพอดี เสิร์ฟพร้อมแครอตพูเร ได้ความกรอบและรสเค็มเบาๆ จากแพนเชตต้า เพิ่มความสดชื่นด้วยขิงและแอปเปิลเขียวหั่นเป็นเส้นๆ ด้านบน รวมถึงอีกหนึ่งเมนูห้ามพลาดอย่าง Lobster Moilee หางล็อบสเตอร์เนื้อเด้งในซอสกะทิรสชาติเข้มข้น เพิ่มกลิ่นหอมด้วยผักชีลาว ผักชี และใบมินต์  จบด้วยขนมซิกเนเจอร์ Sticky Toffee Pudding ฉ่ำและหวานโปะด้านบนด้วยไอศกรีมนม รวมถึงเครื่องดื่มอย่าง Ramsay Gin & Tonic แก้วนี้รสหวานอ่อนๆ และสดชื่นจากมะม่วงและเสาวรส นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะทางร้านบอกว่าจะทยอยเผยโฉมเมนูใหม่ออกมาให้ยลโฉมกันอีกเรื่อยๆ ใครไปลองแล้วชอบเมนูไหน อย่าลืมเล่าให้เราฟังบ้าง

นักชิมคนไหนไปเดินเที่ยว Emsphere (BTS พร้อมพงษ์) แล้วอยากชิมอาหารไทยรสเลิศ เราแนะนำ “NARA Thai Cuisine” ร้านอาหารไทยตำนานกว่า 20 ปีที่เปิดทำการตั้งแต่พ.ศ. 2546 ของคุณยูกิ-นราวดี ศรีกาญจนา โดดเด่นเรื่องการใช้วัตถุดิบคุณภาพ ปรุงรสจัดจ้านตามสไตล์อาหารไทยดั้งเดิม และจัดจานออกมาให้สวยงามน่าลิ้มลอง โดยที่สาขานี้จะเน้นเสิร์ฟเมนูดาวเด่นเท่านั้น แต่ก็ยังมีของหวานและเครื่องดื่มไว้เอาใจสายหวานนะ ต้อนรับด้วย ข้าวปูผัดผงกะหรี่ เมนูเด่นดังประจำร้าน ปูก้อนเนื้อหวานปริมาณล้นๆ ผัดพร้อมเครื่องเคราและซอสกะหรี่รสกลมกล่อม กินพร้อมข้าวสวยอิ่มเอม ตามด้วย ก๋วยเตี๋ยวต้มยำกุ้งแม่น้ำย่าง เส้นเหนียวนุ่ม ซู้ดพร้อมน้ำซุปต้มยำรสจัดจ้าน ได้ความเปรี้ยวและเผ็ดกำลังดี ท็อปด้วยกุ้งแม่น้ำตัวโตเนื้อแน่น มันเยิ้มๆ ข้าวผัดแกงเขียวหวานเนื้อ ข้าวสวยเรียงเผ็ด ผัดพร้อมเครื่องแกงเขียวหวานสูตรเฉพาะของร้านนารา รสเข้มข้นพอเหมาะ เข้ากันดีกับเนื้อย่างชุ่มฉ่ำ ผัดไทยไก่กรอบ ผัดไทยครบรส บีบมะนาวซีกเล็กน้อย ไปด้วยกันได้ดีกับหนังไก่กรอบไม่อมน้ำมัน Mango Mango เซ็ตขนมหวานสำหรับคนรักมะม่วงโดยเฉพาะ ประกอบด้วยข้าวเหนียวมะม่วงรสหวานมัน และสมูตตี้มะม่วงรสหวานฉ่ำ ปิดท้ายด้วย ชาไทย เครื่องดื่มโดนใจใครหลายคน ตัวชาจะมีรสเข้มกลิ่นหอมฟุ้ง ผสมนมข้นและนมสดครีมมี จิบเพลินไปเลยงานนี้

The Deck by Arun Residence ร้านอาหารไทยที่สามารถพาคนรู้ใจหรือครอบครัวไปนั่งชิล ชมวิวสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมมองพระปรางค์วัดอรุณฯ ได้แบบไม่รู้เบื่อ The Deck by Arun Residence ถือเป็นร้านอาหารไทยในตำนาน เพราะทำหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วยอาหารไทยรสดั้งเดิมมาเป็นเวลานานกว่า 17 ปี แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือทางร้านได้เพิ่มลิสต์เมนูใหม่เข้ามา เน้นเสิร์ฟเป็นอาหารไทยฟิวชัน เพื่อที่จะตอบโจทย์ลูกค้าให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น เมนูแนะนำได้แก่ พล่าปลาแซลมอน มะม่วงเปรี้ยวชุบแป้งทอดกรอบ กินคู่แซลมอนหั่นเต๋าทอด และน้ำยำรสจัดจ้าน พิซซาผัดกะเพราหมูอบน้ำผึ้ง พิซซาแป้งบางที่อบจนกรอบ แต่งหน้าด้วยคอหมูเนื้อนุ่ม ได้รสเค็มมันจากชีส และหอมกลิ่นใบกะเพรา ต่อด้วย ทอดมันหอยหวาน ทอดมันชิ้นโตทอดแบบไม่อมน้ำมัน ให้รสเค็มและเผ็ดเล็กน้อย แต่หอมกลิ่นเครื่องแกงชัดเจน ตัดรสเปรี้ยวหวานด้วยน้ำจิ้มรสเด็ด หรือจะสั่งเครื่องดื่มเย็นๆ มากินคู่กันก็อร่อยไม่น้อย นอกจากอาหารจะรสเลิศแล้ว ที่นี่ยังเป็นหนึ่งในพิกัดห้ามพลาดของคนรักการถ่ายภาพ ด้วยบรรยากาศริมแม่น้ำที่เป็นเดสติเนชันยอดฮิต เพราะตัวร้านตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดอรุณฯ ทำให้ทุกคนสามาถถ่ายรูปคู่กับพระปรางค์วัดอรุณฯ ได้แบบ 180 องศาทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ และด้านบนสุดยังมีรูฟท็อปบาร์ให้นั่งรับลมเย็นๆ ได้อีกด้วย

เทพบาร์ (TEP BAR) บาร์ค็อกเทลที่ทำหน้าที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองมาเป็นเวลานานหลายต่อปลายปี พร้อมนำเสนอบรรยากาศให้ออกมาในรูปแบบบาร์วัฒนธรรมไทยประยุกต์ โชว์เอกลักษณ์ความเป็นไทยด้วยเครื่องดนตรีไทยที่ร้อยเรียงทำนองออกมาในสไตล์ร่วมสมัย และเข้าถึงง่าย เรียกได้ว่าเป็นการยกระดับการท่องเที่ยวยามราตรีจริงๆ ตัวร้านอยู่ในตึกแถวเก่าอายุเกือบร้อยปีบนถนนไมตรีจิต ภายในรีโนเวตใหม่แต่ยังคงรักษาความเป็นไทยด้วยฝาผนังที่ทาสีทองและปิดทองคำเปลว ส่วนชั้นสองจะมีโต๊ะให้นั่งพร้อมอิงกับหมอนสามเหลี่ยมแบบไทยๆ ชั้นบนสุดจะเป็นรูฟท็อปสามารถนั่งเอนจอยได้สบายๆ ตลอดคืน หากพูดถึงเมนูซิกเนเจอร์ แน่นอนว่าต้องเป็น 'ค็อกเทล' เพราะเทพบาร์ใช้ยาดองหรือเหล้าพื้นบ้านของไทยเป็นส่วนผสมแทนแอลกอฮอล์ อย่างเมนูนี้ สงกรานต์ เสิร์ฟในขันสีทองอร่าม ให้รสเปรี้ยวและหอมกลิ่นสาวรส หรือจะลองเป็น เตยหอม แก้วทรงสูง มีปลาตะเพียนสานแหวกว่ายในแก้ว ช่วยเพิ่มกลิ่นหอมของใบเตย และ สว่างฟ้า อบอวลด้วยรสชาติของเก๊กฮวยป่า ชาหมื่นลี้ และบ๊วยเค็ม จับคู่กับแกล้มอย่าง พล่าเนื้อตะไคร้หอม เนื้อย่างชิ้นโตคลุกเคล้าน้ำยำรสจัดจ้าน กินคู่ผักแนม อร่อยทีเดียว ต่อด้วย ยำดอกดาหลา ยำรสเปรี้ยวเผ็ดแบบไทยๆ มีกลิ่นหอมของดอกดาหลาในทุกคำที่รับประทาน สุดท้ายเป็น ผัดไทยเทพฯกุ้งกระบอก อร่อยครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน มัน และเค็ม ไม่ต้องปรุงให้เสียเวลา คนเทพๆ ต้องไปจอยกันที่ ‘เทพบาร์’ เท่านั้น

Red Lobster ร้านล็อบสเตอร์สัญชาติอเมริกัน ขยายความอร่อยในประเทศไทยแล้วถึง 2 สาขา ทั้งสาขาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิต์ และสาขาใหม่ Emsphere กับจุดเด่นด้านความสดใหม่ของล็อบสเตอร์เนื้อหวาน ตัวโต จากมหาสมุทรในแถบอเมริกาเหนือ ซึ่งคัดเลือกสายพันธุ์ชั้นดีอย่าง Maine Lobster มา เพื่อส่งต่อเนื้อล็อบสเตอร์คุณภาพดีสู่ผู้บริโภค พร้อมด้วยตู้เลี้ยงล็อบสเตอร์ โชว์ความสดใหม่ บริเวณหน้าร้าน แถมยังมีตุ๊กตาล็อบสเตอร์สีสดใส น่ารัก เรียกความสนใจให้กับผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมา อีกหนึ่งความน่าสนใจของ Red Lobster นั่นคือการเปิดตัวคอนเซปต์ใหม่เฉพาะสาขา Emsphere กับ Red Lobster Café ที่จะเปลี่ยนบรรยากาศร้านอาหาร ให้กลายเป็นคาเฟ่ทันสมัย ตกแต่งด้วยโทนสีแดง ดำ คงไว้ซึ่งความหรูหรา แต่ชิลมากขึ้น ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่อยากรับประทานอาหารทะเล แต่ก็ชื่นชอบบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมมุมถ่ายรูปเก๋ๆ มากมาย Live Maine Lobster with Loaded Cheese & Butter เมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน กับล็อบสเตอร์สายพันธุ์จากรัฐเมน ตัวโต เนื้อแน่น ที่อบพร้อมชีสหลายชนิด และเนย แต่ที่เด็ดสุดคือชีสกรูแยร์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญที่เพิ่มกลิ่นหอมละมุนให้กับจานนี้สุดๆ แต่ถ้าใครอยากได้รสชาติล็อบสเตอร์ที่หลากหลาย ก็ต้องเมนูนี้เลย… Duo Lobster เพราะทางร้านจะจัด Lobster tail มาให้ถึง 2 ตัว! ซึ่งแต่ละตัวจะมาจากกรรมวิธีที่ต่างกัน ตัวหนึ่งปรุงรสด้วยซอสเนยกระเทียม สูตรเฉพาะของทางร้าน ส่วนอีกตัวจะนำไปอบด้วยเนย และชีส นั่นเอง ส่วนคนรักเส้นไม่ต้องห่วงว่าจะมีแต่เมนูล็อบสเตอร์เพียวๆ เพราะที่นี่เขาก็มีเมนูสปาเกตตี ที่มาพร้อมซอสแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ในชื่อเมนู Spaghetti Black n’ Pink with Mixed Seafood and Lobster เส้นสปาเกตตีความสุกแบบอัลเดนเต คลุกเคล้าด้วยซอสพิงก์ ซอสที่เกิดจากการผสมผสานของครีม กับซอสพาสต้ามะเขือเทศสูตรของทางร้าน ได้รสชาติกลมกล่อมกำลังดี ไม่มีเลี่ยนแน่นอน   ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่ตัวเส้นเท่านั้น แต่เมนูนี้จะมาพร้อมกับส่วนหางของล็อบสเตอร์ กับเหล่าผองเพื่อนใต้ทะเลอย่าง หอยแมลงภู่ กุ้ง และคาลามารีอีกด้วย พักเบรกอาหารหนักๆ ด้วย Citrus Shrimp & Avocado Salad สลัดกุ้งอะโวคาโด ที่เพิ่มรสชาติด้วยผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน อย่างส้ม และสตรอว์เบอร์รี เสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดแพสชันฟรุต เรียกว่าเป็นเมนูปลุกความสดชื่นที่ไม่ควรพลาด มาต่อกันที่เมนูของกินเล่น Cheesy Lobster & Shrimp Dip เอาใจคนชอบกินมันฝรั่งทอดอบกรอบ โดยทางร้านจะใช้ข้าวโพดกรอบ ตอร์ติยาชิปส์ วางล้อมรอบถ้วยชีสดิปตามสูตรของร้าน ซึ่งจะผสมเนื้อล็อบสเตอร์ลงไปให้ได้เคี้ยวกันเพลินๆ รู้ตัวอีกที ก็อาจจะหมดจานเรียบร้อย ยังมี Cheddar Bay Biscuits อีกหนึ่งของกินเล่นที่โดดเด่นของร้าน เพราะใช้แป้งสูตรเฉพาะ ผสมรวมกับ Cheddar Cheese จนออกมาเป็นบิสกิตกลิ่นหอม รสชาตินุ่มนวลชวนฝัน เมนูของหวานที่อยากให้ลิ้มลอง แนะนำ Chocolate Banoffee French Toast ตัวโทสต์รสช็อกโกแลตทำออกมาได้นุ่มละมุนลิ้นมาก ผสานกับกล้วยหอม ไอศกรีม และวิปครีมในหนึ่งคำ อร่อยลงตัว ไม่หวานเกินไป ใครไม่ชอบกินหวานมากเป็นต้องถูกใจ   สำหรับเครื่องดื่มที่แนะนำของ Red Lobster จะเป็นม็อกเทล Atlantic Blue สีฟ้าสดใส และ After Sunset สีแดงสดสวย ดื่มแล้วสดชื่น เพราะมีทั้งผลไม้ และโซดา พิเศษสำหรับลูกค้าที่รับประทานอาหารของร้าน Red Lobster Café สาขา Emsphere รับสิทธิ์ Cheddar Bay Biscuits บิสกิต Signature ของร้านไปฟรีๆ 1 ชิ้น และรับฟรี 4 ชิ้น เมื่อร่วมกิจกรรมกับทางร้าน โดยกดติดตาม Instagram และ Facebook ของ Red Lobster Thailand และโพสต์ภาพอาหาร พร้อมติดแฮชแท็ก #redlobsteremsphere ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 จนถึงวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567   ถ้าการกินซีฟู้ด เป็นอะไรที่ได้รับความนิยมตลอดปี หน้าหนาวปีนี้ คงต้องลองซีฟู้ดของ Red Lobster อีกหลายๆ ครั้งซะแล้ว

เดินไม่กี่นาที MRT หัวลำโพง จะเจอกับ Khiri Thai Tea คาเฟ่ชาไทยในอาคารเก่าติดกับวัดไตรมิตรที่แค่เปิดประตูเข้าไปก็ได้กลิ่นหอมๆ ของใบชาลอยอวลไปทั่ว ตัวร้านอยู่ในอาคารเก่าสูง 7 ชั้น (ซึ่งตอนนี้เปิดเพียง 3 ชั้น และจะค่อยๆ เผยโฉมต่อไป) คุณแพร เจ้าของร้านบอกกับเราว่าตั้งใจคงเสน่ห์ของโครงสร้างเอาไว้ หากสังเกตเราจะได้เห็นกระเบื้องสีสวยที่ขัดใหม่จนเงาวับ และลิฟต์ขนของสุดคลาสสิกที่เห็นแล้วอดถ่ายรูปเก็บไว้ไม่ได้ เพราะ “ชาเย็น” เป็นเครื่องดื่มสุดโปรดมาตลอด คุณแพรจึงตั้งใจส่งต่อกลิ่นหอมและรสชาติเข้มข้นอันเป็นเอกลักษณ์ของชาไทยว่าดีงามไม่แพ้ชาจากที่อื่น Khiri Thai Tea จึงเป็นคาเฟ่ที่คัดเลือกใบชาจากไร่ชาหลายจังหวัดในภาคเหนือ 9 จังหวัดที่โดดเด่นด้วยความนุ่มลึกและชา 1 ชนิดจากปัตตานีที่มีความเข้มข้นมาทำเป็นเครื่องดื่มและขนมหวานได้เก๋ไก๋ อาทิ On Cloud เกล็ดน้ำแข็งละเอียดนุ่มทำจากชาไทยแบบไม่ผสมน้ำหรือน้ำแข็ง ด้านล่างเป็นบุกบราวน์ชูการ์และบุกคริสตัลให้เคี้ยวเพลิน ท็อปด้วยวิปครีมและทองม้วนจากเยาวราช ความน่ารักของเมนูนี้คือผ่านการคิดและทดลองมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนว่าต่อให้ปล่อยทิ้งไว้นานจนละลายเราก็ยังได้รสชาติของชาครบถ้วน Single Origin Tea “Chaing Rai” ชาจากเชียงรายความเข้มระดับกลางมาในกาใบจิ๋ว เสิร์ฟคู่กับนมสดให้เราค่อยๆ เทชาลงไปแล้วดื่มด่ำกับแก้วโปรดได้เต็มที่ Black Sesame ชาไทยเย็นท็อปด้วยครีมงาดำ เวลาจิบแล้วจะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของงาดำด้วย ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน Bun ซาลาเปาอบจับคู่ไอศกรีมที่เลือกได้ 3 รสชาติ ทั้ง Thai Tea, Biscoff และ Banoffee ด้านล่างมีครัมเบิลกรุบกรอบไว้กินด้วยกัน

มีเรื่องให้คนรักติ่มซำหวั่นไหวกันอีกแล้ว เพราะ ANG MORR กุ๊ปช็อปร่วมสมัยเครือนารา ไทย คูซีน ครีเอทโปรฯ บุฟเฟต์ติ่มซำโฮมเมด เอาใจสายฟู้ดอย่างเต็มพิกัด เอ็นจอยกับติ่มซำนึ่งสด และอาหารจีนสไตล์โมเดิร์นจานอร่อยกว่า 90 นาที ในบรรยากาศดีๆ ที่ ANG MORR ไม่ว่าจะเป็นสาขาสุขุมวิท 38 สวนเขียวขจีร่มรื่น หรือเซ็นทรัล ชิดลม แสนสะดวกก็ตาม เริ่มต้นที่ กุ้งผีเสื้อ กุ้งชุบเกล็ดขนมปังทอดร้อนจี๋ เสิร์ฟพร้อมซอสสูตรเด็ด 3 อย่าง ได้แก่ ซอสหม่าล่ามาโย ซอสวาซาบิมาโย และซอสบ๊วยมาโย ตามด้วย เมี่ยงดอกไม้ชมจันทร์ แป้งเวียดนามทอดฟูฟ่องเสมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน เข้าคู่กับน้ำจิ้มสูตรลับ ที่มีรสเผ็ดเล็กๆ ปาท่องโก๋ ไส้หมูทรงเครื่อง ปาท่องโก๋ที่เรารัก ห่อหมูทรงเครื่องรสเค็มกลมกล่อม หอมกลิ่นพริกไทยดำอ่อนๆ ขนมจีบกุ้ง ติ่มซำรสดั้งเดิมที่ขาดไปไม่ได้ ได้รสหวานจากเนื้อกุ้งเต็มเปา ซาลาเปาอบไส้หมูแดง ดึงดูดสายตาด้วยรูปส้มน่ารัก ภายในแป้งเต็มไปด้วยไส้หมูแดงรสเข้มข้น เป็ดปักกิ่ง พร้อมอร่อยในคำเดียวเสร็จสรรพ รสหวานพอดีของซอส ไม่เลี่ยนแต่อย่างใด ต่อด้วย ไก่แช่เหล้า ไก่เนื้อแน่นแช่เหล้าจีนอย่างดีจนไร้กลิ่นสาบ แถมยังนุ่มเคี้ยวเพลิน ฮะเก๋าหลากสี ก็น่าสนใจ ฮะเก๋าลูกโตๆ สีสันสดใส ชวนชิมให้ลิ้มลอง คนรักติ่มซำต้องนี่เลย ฮะเก๋าโบโลน่า ฮะเก๋าเนื้อหวาน ท็อปด้วยเบคอน และพริกสดเผ็ดร้อน ยังมี สลัดเต้าหู้เย็น เต้าหู้นุ่มนิ่ม ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน ฮะเก๋าทรัฟเฟิล รูปปลาทองตัวอ้วนน่ารัก หอมกลิ่นทรัฟเฟิลฟุ้ง เอาใจคนรักซีฟู้ดกันบ้างกัน กุ้งหวานซีฟู้ด กุ้งสดเด้ง เข้ากันดีกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว กรรเชียงปูซอสเปรี้ยวหวาน กรรเชียงปูเนื้อแน่น อาบซอสเปรี้ยวหวานกินอร่อย  เสี่ยวหลงเปา ซุปล็อบสเตอร์ เสี่ยวหลงเปาโฮมเมดร้อนๆ ชุ่มด้วยน้ำซุปล็อบสเตอร์รสหวานกลมกล่อม อิ่มเอมใจแล้วกลับบ้านได้

ส่งท้ายปี 2023 อย่างสวยงามด้วยการพาคนสำคัญไปเช็คอินที่ “Supanniga Eating Room สาขาท่าเตียน” (MRT สยามไชย) ร้านอาหารไทยตำรับ 80 ปี ของคุณธนาวลัย เหล่าเราวิโรจน์ หลานสาวผู้ได้แรงบันดาลใจ และสูตรอร่อยมาจากคุณยาย สมศรี จันทรา หญิงสาวชาวจังหวัดตราดที่รักการทำอาหารอย่างยิ่งยวด ก่อนย้ายไปอยู่กับครอบครัวที่จังหวัดขอนแก่น แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ทิ้งเรื่องงานในครัว เพราะความสุขของคุณยายคือการได้ทำอาหารให้ลูกหลานชิม ลิ้มลองอาหารไทยโฮมคุกที่มีกลิ่นอายของภาคตะวันออกและภาคอีสาน รื่นรมย์กับบรรยากาศสบายๆ อบอุ่นราวกับได้มากินมื้ออร่อยที่บ้านเพื่อน เฟอร์นิเจอร์หลากสีสัน ทั้งสีเหลืองที่สื่อถึงดอกสุพรรณิการ์ สีส้มอิฐของเครื่องปั้นดินเผา และสีฟ้าเย็นๆ ของแม่น้ำ ตกแต่งด้วยไหมมัดหมี่ของดีแห่งแดนอีสาน เข้ากันกับวิวแสนสวยของแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาว ที่กระทบแสงพระอาทิตย์จนส่องประกายระยิบระยับงดงามราวกับภาพวาด เรียกน้ำย่อยด้วย ชุดอาหารทานเล่นสุพรรณิการ์ ที่รวมของว่างสไตล์ไทยหากินยากมาไว้ในจานเดียว ได้แก่ ม้าฮ้อ ส้มเขียวหวานกินพร้อมตัวไส้รสหวานเค็ม เมี่ยงหยอง ใบชะพลูห่อหมูหยอง ส้มสด มะพร้าวคั่ว ถั่วลิสง ราดน้ำตาลอ้อยเคี่ยวรสหวานกลมกล่อม และ ข้าวตังน้ำพริกกากหมู ข้าวตังโฮมเมดกรุบกรอบ จับคู่น้ำพริกกากหมูสูตรเด็ดของร้าน ตามด้วย กะหล่ำทอดน้ำปลาดี กะหล่ำปลีทอดอย่างดีส่งกลิ่นหอม ราดน้ำปลาโฮมเมดสูตรเฉพาะของจังหวัดตราด หมูชะมวง เมนูเด็ดของร้าน เนื้อหมูสามชั้นนุ่มๆ เคล้าเครื่องแกงรสเปรี้ยวผสมเค็ม มีความหวานเล็กๆ และความเผ็ดร้อนจากพริกไทย ซดน้ำซุปร้อนๆ กันกับ ต้มข่าปลากะพงมะพร้าวอ่อน ปลากะพงเนื้อสดแน่น อยู่ในน้ำซุปต้มข่ารสนุ่มนวล ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของเนื้อมะพร้าว จานนี้โดนใจหลายคน ผัดไทยกุ้งสด เส้นจันท์เหนียวนุ่ม ผัดพร้อมน้ำซอสมะขามรสเข้มข้น ไม่ต้องปรุงก็อร่อย ท็อปด้วยกุ้งเนื้อหวานตัวโตๆ ล้างปากด้วย ข้าวเหนียวมะม่วง มะม่วงสุกน้ำดอกไม้รสหวานฉ่ำ เสิร์ฟเคียงข้าวเหนียวมูนโฮมเมด ราดกะทิรสเค็มนิดๆ ส่วนเครื่องดื่มเราชี้เป้า ส้มจี๊ดฟี๊ด ม็อกเทลดาวเด่นประจำร้าน ได้รสเปรี้ยวซาบซ่าจากน้ำส้มจี๊ดสด และน้ำแร่สปาร์กลิง และ ชาใจเย็นเย็น สีฟ้าแสนสวยนี้ทำมาจากดอกอันชัญ ชาคาโมมายล์ และชาเปปเปอร์มินต์ จิบแล้วเย็นใจเสียนี่กระไร

นาทีนี้ไม่มีอะไรจะฮีลใจฟู้ดดี้ได้ดีไปกว่าร้านหม่าล่าอร่อยๆ อย่าง “Fuwang Hotpot & Tea House” ร้านชาบูหม่าล่าหม้อเดี่ยวสุดอลังการ ที่ตั้งอยู่ในมาร์เช่ ทองหล่อ (BTS ทองหล่อ) โดดเด่นด้วยการตกแต่งหรูหราโทนสีแดงกะมะหยี่ ตัดกับสีทองแววว่าวซึ่งเป็นสีมงคลของเมืองจีน พร้อมให้คุณลิ้มรสน้ำซุปสูตรลับกว่า 6 ชนิด ได้แก่ หม่าล่าน้ำมันวัว รสเข้มข้น หม่าล่าน้ำมันพืช รสจัดจ้านกำลังดี น้ำซุปไก่มะพร้าว รสนุ่มนวล ซุปไก่คอลลาเจน รสหวานกลมกล่อม ซุปเห็ด และซุปมะเขือเทศ รสเปรี้ยวละมุน จับคู่กับวัตถุดิบชั้นดีจากในและนอกประเทศ อาทิ เนื้อวัวจากดินแดนอาทิตย์อุทัย หมูดำไอเบริโกจากประเทศสเปน กุ้งมังกรเจ็ดสีจากจังหวัดภูเก็ต เข้ากันดีกับน้ำจิ้มซิกเนเจอร์ อย่าง ซีอิ๊วขาวไต้หวัน น้ำจิ้มงาหอมมัน หรือใครอยากปรุงเองทางร้านก็มีเคาร์เตอร์บาร์น้ำจิ้มบริการแบบจัดเต็ม สั่งของกินเล่นมาเรียกน้ำย่อยกันก่อน หมั่นโถวทอด ของว่างดาวเด่นประจำร้านหม่าล่า เนื้อนุ่มฟูไม่อมน้ำมัน เสิร์ฟคู่น้ำข้นหวานสุดฟิน กุ้งลายเสือห่อฟองเต้าหู้ ทอดร้อนจี๋ ได้รสหวานของกุ้งลายเสือเต็มเปา กินคู่น้ำจิ้มบ๊วย คนรักเนื้อต้องลอง เนื้อมิยาซากิริบอายวากิว A4 ให้สัมผัสนุ่มแทบละลายในปาก เพราะไขมันลายหินอ่อนที่แทรกตัวอยู่ในเนื้อ ตามด้วย เนื้อคาโงชิมะอายวากิว A4 เนื้อสันติดมันเคี้ยวเพลินๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีความนุ่มฉ่ำลิ้น ชุดเนื้อหมูรวม ประกอบด้วย สามชั้นคุโคบุระ ถูกใจเด็กอ้วน สันนอกหมูคุโรบุตะ เนื้อแน่น เหนียวนุ่มกำลังกิน และหมูดำไอเบริโก จากประเทศสเปนที่เรารัก เนื้อชุ่มฉ่ำกินอร่อยอย่าบอกใคร ไหล่แกะนิวซีแลนด์ สไลด์อย่างดี นำไปปิ้งหรือทำชาบูก็โดนใจ สาวกซีฟู้ดต้องนี่ ชุดรวมทะเล ที่ให้คุณเอ็นจอยกับแซลมอนเนื้อสด หอยเป๋าฮื้อ เนื้อหวานเลอค่า หอยเชลล์ฮอกไกโด ตัวอวบเนื้อแน่น และปูทะเลตัวโต ที่ทางร้านแยกส่วนไว้ให้กินง่าย กุ้งมังกรสด หนึ่งในไฮไลต์ของร้าน กุ้งมังกร 7 สีตัวใหญ่ เนื้อหวานเสิร์ฟมาอย่างสวยงาม ห้ามพลาด ชุดลูกชิ้นโฮมเมด สูตรเฉพาะของทางร้าน ที่มีทั้งลูกหมูชิ้นหมู รสเค็มพอเหมาะ ลูกชิ้นกุ้ง เนื้อเหนียวนุ่ม และลูกชิ้นปลาหมึก มีความกรุบนิดๆ เกี๊ยวไข่ สูตรเด็ดที่ใครมาแล้วก็ต้องสั่ง แป้งบางๆ ห่อหมูเนื้อนุ่ม ของหวานเราแนะนำ ส้มโอกรานิต้า รสเปรี้ยวอมหวานของส้มโอ ผสานความหวานฉ่ำของมะม่วงสุก ซูเฟล่ทุเรียน ของหวานสไตล์ฝรั่งเศสเนื้อฟูนุ่ม ตัวแป้งผสมเนื้อทุเรียนหมอนทองกลิ่นหอมลงไปด้วย ในส่วนของเครื่องดื่มเป็น ชานมไข่มุกต้าหงเผา รสหวานมัน ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบชา ชาเขียวครีมชีส ชาชั้นดีจากเมืองจีน ท็อปด้วยครีมชีสครีมมี และ เสาวรสโยเกิร์ต รสเปรี้ยวอมหวาน ผสมความหอมมันนี้ได้จากเสาวรสสดและโยเกิร์ต เป็น Premium Hot Pot Experience ของแท้แน่นอน

หากมีโอกาสได้ไปทำบุญเสริมสิริมงคลกราบหลวงปู่โต๊ะที่วัดประดู่ฉิมพลีกันแล้ว เราอยากชวนเพื่อนๆ ไปฟินกันต่อกับ Coolato’ ร้านไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟสุดคูลในซอยเพชรเกษม 15 ที่เน้นเสิร์ฟความหวานเย็นชื่นใจ พร้อมชมวิวพระใหญ่ วัดปากน้ำภาษีเจริญ Coolato เป็นร้านไอศกรีมนมโฮมเมดเนื้อเนียนละเอียดที่มาพร้อมคุณภาพแบบเต็มพิกัด ด้วยความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบ และปรับสูตรจนได้เป็นไอศกรีมนมสุดละมุนตามสโลแกน Milk & More ที่ให้ความหอมหวานของนมฮอกไกโดชัดเจน แถมยังใส่เครื่องเยอะแบบโอเวอร์โหลด ภายในร้านจัดพื้นที่ให้ดูชิคตามคอนเซ็ปต์ของห้องสไตล์ Street-Art เน้นใช้สีน้ำเงินตัดกับสีเหลือง เพิ่มลูกเล่นด้วยไฟนีออนหลากสีสัน ทำให้มู้ดแอนด์โทนของร้านออกแนวเท่แต่ปนไปด้วยความสนุก เหมือนเป็นสถานที่ที่มัดรวมคนคูลๆ มาอยู่รวมกัน ในส่วนของเมนูแนะนำเป็น Affogato ไอศกรีมนมซิกเนเจอร์ราดด้วยช็อตโกโก้รสเข้มข้น เข้ากันได้อย่างลงตัว Popcorn Biscoff Caramel Super Sundae เสิร์ฟในแก้วไซส์ใหญ่ มาพร้อมท็อปปิงแบบไม่อั้นทั้ง บิสคอฟ ป๊อปคอร์น ซอสคาราเมล และคุกกี้ครัมเบิล (สามารถแอดเครื่องเพิ่มได้ด้วยนะ) ตามด้วย Honey Lemon Sundae ไอศกรีมซันเดรสหวาน ตัดเลี่ยนด้วยความเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดของซอสฮันนี่เลมอนโฮมเมด Sugar Cone ไอศกรีมทูโทนรสนมฮอกไกโดและรสช็อกโกแลต เสิร์ฟในโคนชูก้าที่มีความหวานเล็กน้อย แต่กรอบอร่อยทีเดียว Honey Lemonade Soda เครื่องดื่มแสนสดชื่น มีความเปรี้ยวซ่าจากน้ำเลมอนและโซดา กินเสร็จแล้วอย่าลืมเดินเข้าไปแชะภาพสวยๆ ในซอย เพื่อถ่ายรูปข้ามน้ำกลับไปหาวิวแม่น้ำและองค์พระใหญ่ของวัดปากน้ำภาษีเจริญ จะได้เช็กอินเป็นผู้บุกเบิกแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพก่อนใคร!

Hawell's (ฮาเวลส์) แบรนด์ไอศกรีมสัญชาติไทยขวัญใจเด็กยุค 90s กลับมาเปิดอีกครั้ง มาพร้อมรสชาติของความหวานเย็นแสนอร่อยที่คิดถึง แต่ที่เพิ่มเติมเข้ามาในลิสต์เมนูคือรายการอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งคาว-หวานอย่างครบครัน โดยการกลับมาคราวนี้ทางร้านได้เปิดเป็นสแตนด์อะโลนสาขาแรกที่อำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี ตัวร้านออกแบบตกแต่งด้วยโทนสีขาวตัดกับสีแดง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของฮาเวลส์ ส่วนภายในร้านมีพื้นที่กว้างขวางและปลอดโปร่งด้วยกระจกบานใหญ่รอบด้าน สามารถนั่งเอนจอยกับไอศกรีมและเมนูโปรดได้ตลอดวัน อย่าพลาด โคนดิปคาราเมล ไอศกรีมรสนมเข้มข้นเคลือบด้วยความหวานของคาราเมล ทวิสตี้คุกกี้โอริโอ้ ไอศกรีมเนื้อเนียนปั่นรวมกับโอริโอ้ ให้รสหวานมันกำลังดี ทวิสตี้เจลลีสตาร์ ไอศกรีมนมรสเข้มข้น ท็อปด้วยเจลลีหลากสีสันให้เคี้ยวกรึบ ดีไลต์ช็อกโกแลตโค๊ตติง ไอศกรีมแก้วใหญ่ราดซอสช็อกโกแลตมาให้แบบไม่หวง กินคู่วิปครีมและเชอร์รีที่ท็อปมาอร่อยลงตัว มิลค์เชคสตรอว์เบอร์รี ไอศกรีมปั่นรวมกับผลไม้ ให้รสหวานกำลังดีมีรสเปรี้ยวจากสตรอว์เบอร์รีแซมมาเล็กน้อย หรือใครที่ต้องการกินมื้อหนักแนะนำเป็น ข้าวซอยไก่ น้ำแกงรสเข้มข้น หอมกลิ่นกะทิอบอวลในปาก กินคู่น่องไก่ เส้นสปาเก็ตตี และบะหมี่กรอบให้เคี้ยวเพลินๆ สปาเก็ตตีไวต์ซอส รสชาติกลมกล่อม หอมชีสทุกคำที่รับประทาน สปาเก็ตตีซอสแดง เส้นเหนียวนุ่มคลุกเคล้ากับซอสมะเขือเทศ ได้รสเปรี้ยวหวาน อร่อย เบรกรสชาติด้วยเครื่องดื่มรสเปรี้ยวอมหวานอย่าง มะม่วงโซดา และ บ๊วยโซดา ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดีทีเดียว