หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่ "ฮาร์บิน" หนาวแค่ไหนถ้าใจถึงก็ไปถึง

วันที่ 7 พฤษภาคม 2567  759 Views

คนเมืองร้อนที่คุ้นเคยกับอุณหภูมิ 30 องศาฯ อัปอย่างเราแทบจะนึกไม่ออกเลยว่าถ้าต้องอยู่ในเมืองที่มี อุณหภูมิต่ำกว่า -20 องศาฯ นั้นเป็นอย่างไร หลังเก็บความสงสัยใคร่รู้ ประกอบกับอยากหนีร้อนจากเมืองไทย พอสบโอกาสเหมาะเราก็ออกเดินทางไปท้าทายความเหน็บหนาวที่เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีนในช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

ถือเป็นความโชคดีมากที่ปีนี้เด็กไทยคว้าแชมป์ “งานแกะสลักหิมะนานาชาติที่เมืองฮาร์บิน” เราเลยปักหมุดเป็นไฮไลต์ที่ต้องไปเช็กอิน ฮาร์บินยังไม่มีเส้นทางการบินตรงจากไทย ต้องไปต่อเครื่องที่เมืองอื่น และด้วยความที่อยากเที่ยวปักกิ่งด้วย ทริปนี้เราจึงเลือกซื้อตั๋วไป-กลับ กรุงเทพฯ-ปักกิ่ง และจองตั๋วรถไฟจากปักกิ่งไปฮาร์บิน ด้วยเหตุผลว่าอยากนั่งรถไฟของจีนซึ่งก็มีให้เลือกตั้งแต่รถไฟธรรมดาไปจนถึงรถไฟความเร็วสูง สามารถจองผ่านเอเยนซีได้สะดวกง่ายดาย แต่อย่าลืมเช็กขบวนของเราว่าต้องไปขึ้นที่สถานีไหนเพื่อป้องกันความผิดพลาด เพราะสถานีรถไฟในปักกิ่งมีหลายแห่ง ส่วนบรรยากาศในสถานีรถไฟจะเหมือนสนามบิน ไม่ว่าจะเป็นการสแกนกระเป๋าเดินทาง หรือตารางรถไฟเข้าออกบนจอแอลอีดีขนาดใหญ่

เราเลือกเดินทางโดยรถไฟตอนกลางคืนและถึงฮาร์บินในรุ่งเช้า สิ่งแรกที่สังเกตเห็นเมื่อใกล้ถึงฮาร์บินคือน้ำแข็งที่จับขอบหน้าต่างเริ่มหนาขึ้น ในขณะที่ด้านนอกขาวโพลนเป็นสีเดียว กลบสีสันอื่นๆ ของบ้านเรือนไปจนหมดสิ้น ในที่สุดเราก็มาถึงปลายทางสถานีรถไฟฮาร์บิน ก่อนลงจากรถสวมใส่เสื้อผ้าและอุปกรณ์กันหนาวให้พร้อม เพราะทันทีที่ลงจากรถเราจะพบกับอุณหภูมิที่ต่างกันสุดขั้ว ภายในสถานีที่ว่าหนาวแล้วแต่ของจริงด้านนอกนั้นหนาวกว่ามาก ทันทีที่เปิดประตูออกมา สายลมจะพัดพาความเย็นยะเยือกให้เสียดแทงผิวเนื้อของเราแบบไม่ให้ตั้งตัว ดังนั้นเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อนดีกว่า

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

หน้าสถานีจะมีแท็กซี่มารอเรียกลูกค้า เราต้องเตรียมภาพถ่ายโรงแรม ชื่อ และที่อยู่เป็นภาษาจีนให้พร้อม เพราะคนจีนส่วนใหญ่ไม่สื่อสารภาษาอังกฤษ ทั้งนี้และทั้งนั้นอย่าลืมโหลดแอปฯ แปลภาษาไปด้วย รับรองใช้สนุกตลอดทริป จากประสบการณ์ในการใช้ระบบขนส่งมวลชนในฮาร์บิน ทริปนี้เราใช้ทั้งแท็กซี่และรถไฟใต้ดิน สะดวกและปลอดภัยทั้งคู่ รถไฟใต้ดินราคาย่อมเยาเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยว อัตราค่าบริการเริ่มที่ 2 หยวน แท็กซี่ก็สะดวกเช่นเดียวกันและมีเยอะมาก อัตราค่าบริการเริ่มที่ 8 หยวน หากมาหลายคนก็เป็นทางเลือกที่ประหยัดดีเพราะเฉลี่ยกันแล้วไม่กี่บาท หรือจะโหลดแอปฯ DiDi เพื่อใช้บริการเรียกแท็กซี่ก็ได้

จบเรื่องการเดินทางมาดูแหล่งท่องเที่ยวที่ควรค่าต่อการมาปักหมุด เราสรุปให้ 7 แห่ง ตามมาเลย...

เริ่มที่แลนด์มาร์กสำคัญซึ่งมักเป็นจุดเช็กอินแรกในลิสต์ โบสถ์เซนต์โซเฟีย โบสถ์คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวรัสเซีย ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงรูปภาพและประวัติของเมืองฮาร์บินในยุคต่างๆ หากเลือกที่พักเราแนะนำโซนนี้เพราะที่นี่คือศูนย์รวมทุกสิ่งและยังสะดวกสบายหากจะเดินทางไปเที่ยวยังจุดอื่นๆ แล้วยังสามารถแวะมาเดินเล่นหรือดื่มด่ำกับบรรยากาศได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ซึ่งจะได้มู้ดแอนด์โทนที่แตกต่างกัน กิจกรรมยอดนิยมคือเช่าชุดโบราณพร้อมบริการช่างภาพที่เชี่ยวชาญมุมกล้องมาถ่ายภาพ เราจะได้ภาพสวยๆ ไว้เปลี่ยนโปรไฟล์ โดยมีร้านให้บริการหลายร้าน สอบถามค่าใช้จ่ายได้ตามสะดวก

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

ส่วนใครที่อยากซื้ออุปกรณ์กันหนาวเพิ่มเติมก็เดินชมเดินชอปได้ตามอัธยาศัย ทั้งในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าในชั้นใต้ดิน รวมถึงร้านขายริมทางก็มีให้เลือกจุใจ นอกจากเป็นศูนย์รวมแอกเซสเซอรี่ที่นี่ยังเต็มไปด้วยร้านอาหารและฟาสต์ฟู้ดให้ฝากท้องมากมาย มาถึงเรื่องที่หลายคนแอบกังวลคือการใช้จ่ายเงินในฮาร์บินที่ต้องบอกว่าล้ำสมัยมาก คนจีนส่วนใหญ่ใช้จ่ายผ่านแอปฯ WeChat และ Alipay ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราสามารถสมัครผูกบัตรเพื่อใช้จ่ายได้ รวมถึง TrueMoney Wallet บางที่ก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน แล้วเงินสดล่ะใช้ได้หรือไม่ จากประสบการณ์ตรงเราใช้ได้ทุกร้าน แต่ควรเตรียมเงินย่อยไปด้วยเพราะร้านค้ามักไม่เตรียมเงินทอนไว้

ถนนคนเดินจงหยาง ถนนสายสำคัญที่มีประวัติยาวนาน มีระยะทาง 1.4 กิโลเมตร อยู่ใกล้กับโบสถ์เซนต์โซเฟีย ถนนสายนี้มีความกว้างและทอดยาวจรดแม่น้ำซงฮวาเจียง พื้นปูด้วยหินสีเขียวที่ค่อนข้างเรียบลื่นจากการใช้งานมายาวนาน สองข้างทางเรียงรายด้วยสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียที่สวยงามคล้ายกำลังเดินทอดน่องอยู่ใจกลางกรุงมอสโก ในฤดูหนาวถนนทั้งสายจะตกแต่งด้วยประติมากรรมแกะสลักน้ำแข็งและหิมะ ชวนให้ตื่นตาตื่นใจและหยุดมองด้วยความทึ่ง ยามตะวันลับฟ้าไฟที่ประดับตามอาคารร้านรวงและต้นไม้จะสว่างไสว ผู้คนสวมใส่ชุดกันหนาวหลากสีสัน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเสียงหัวเราะ เหมือนดินแดนในเทพนิยายอย่างไรอย่างนั้น

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

ยังไม่ทันเมื่อยเราก็มาถึงจุดสิ้นสุดถนนจงหยางและพบกับอนุสาวรีย์เหล็กกล้า ตั้งอยู่ริมแม่น้ำซงฮวาเจียง ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงความสามัคคีของชาวเมืองฮาร์บินที่ได้ร่วมมือกันผ่านพ้นวิกฤตน้ำท่วมครั้งใหญ่ปี 1957 มาได้ ด้านหลังอนุสาวรีย์คือแม่น้ำซงฮวาเจียง แม่น้ำสายสำคัญของเมืองฮาร์บิน ฤดูหนาวแม่น้ำทั้งสายจะกลายเป็นน้ำแข็งและเป็นพื้นที่จัดกิจกรรมฤดูหนาวไว้ให้ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนหย่อนใจ หลังจากสนุกกับกิจกรรมต่างๆ แล้ว แนะนำให้เดินเลียบไปตามแม่น้ำ มองเห็นสะพานที่อยู่ไม่ไกล นั่นคือจุดชมวิวที่เราจะได้เห็นบรรยากาศความสนุกสนานในมุมมองแบบพาโนรามา

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่ "ฮาร์บิน" หนาวแค่ไหนถ้าใจถึงก็ไปถึง

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

จากนั้นเดินเล่นต่อที่สวนเจ้าหลิน โดยย้อนกลับทางเดิมประมาณ 100 เมตร แล้วตัดข้ามถนนเพื่อมุ่งตรงสู่สวนเจ้าหลิน ที่นี่จะมีประติมากรรมน้ำแข็งประดับไฟให้เดินชมอย่างเพลิดเพลินและไม่เสียค่าใช้จ่าย จะเรียกว่า Mini Ice & Snow ก่อนไปชม Ice & Snow ของจริงในวันถัดไปก็ได้ แนะนำให้มาตอนหัวค่ำเพราะไฟหลากสีที่สะท้อนผ่านน้ำแข็งจะเกิดแสงเงาและมิติที่ชวนมองไปอีกแบบ

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

มาถึงไฮไลต์สำคัญช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์จะเป็นอะไรไม่ได้ นอกจาก Harbin International Ice and Snow Festival งานระดับโลกที่ 1 ปี มีครั้งเดียว แนะนำให้จัดโปรแกรมนี้ในวันท้ายๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัวที่ต้องอยู่ในสภาพอากาศติดลบกว่า 20 องศาฯ กลางแจ้งเป็นเวลานานหลายชั่วโมง เนื่องจากภายในงานกว้างมาก มีประติมากรรมที่ควรค่าแก่การใช้เวลาชม รวมถึงกิจกรรมและเครื่องเล่นต่างๆ ซึ่งแต่ละจุดต้องต่อคิวนานมาก อีกทั้งไวบ์กลางวันและกลางคืนก็สวยงามแตกต่างกัน ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่ควรพลาดสักช่วงเวลา การเดินทางยังง่ายดายด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินโดยลงที่สถานี  Ice and Snow World ได้เลย

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

สุดท้ายคืองานแกะสลักหิมะนานาชาติ ปีนี้เด็กไทยคว้าแชมป์จากผลงาน “ตุ๊กตุ๊กออนทัวร์” โดยงานจัดขึ้นที่ Harbin Engineering University (HEU) เราเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินลงที่สถานีหน้ามหาวิทยาลัยฯ นอกจากผลงานของเด็กไทยที่สวยงามน่าชื่นชม ผลงานของน้องๆ ชาติอื่นก็ละลานตาชวนให้เดินชมได้เพลินๆ  รวมถึงบรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยเองก็น่าเดินเล่นไม่น้อย (ถ้าไม่ตัวแข็งไปเสียก่อน)

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

สุดท้ายทริปจะสมบูรณ์ไม่ได้ถ้าขาดของฝากและของที่ระลึก เราเทใจให้ 2 อย่างคือ ช็อกโกแลตหน้าเด็กในตำนานซึ่งเป็นของฝากจากรัสเซีย กับเบียร์ฮาร์บิน ส่วนถังหูลู่ ผลไม้เคลือบน้ำตาลเสียบไม้นั้นน่าจะนำกลับยากเพราะถึงไทยก็ละลายเป็นน้ำหมดแล้ว 

หนีร้อนไปสัมผัสอุณหภูมิ -23 องศาที่

หลังจากจีนเปิดฟรีวีซ่าให้พาสปอร์ตไทย เมื่อ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ยอดนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปจีนสูงถึง 2000% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน หลายฝ่ายยังคาดการณ์ว่าตลอดทั้งปีนี้ตัวเลขจะสูงยิ่งขึ้น และฮาร์บินจะเป็นหมุดหมายสำคัญของสายเที่ยวอย่างแน่นอน

ใครอยากไปตะลุยความหนาวเย็นแบบสุดขั้วคงต้องเตรียมตัววางแผนกันแล้วล่ะ


Tag: จีน, ประติมากรรมน้ำแข็ง, สถานที่ท่องเที่ยว

เรื่องโดย

ความคิดเห็น

Editor’s Pick

Recent

Most Viewed