เคยเป็นไหม? อยากกินขนมหวานหลายๆ อย่างแต่ก็กลัวเลี่ยน… ถ้ามาคาเฟ่เก๋กู้ด  A Proper Plate ก็ไม่ต้องกลัวเพราะการันตีโดยนักเขียนและช่างภาพที่ชอบกินหวานน้อย ร้านนี้ตั้งใจทำทุกเมนูให้หวานน้อยทั้งขนมและเครื่องดื่ม ทำให้ทางเราสามารถเอนจอยกับทุกเมนูได้ยาวๆ ระหว่างรอลิ้มลองความอร่อย อยากให้เดินสำรวจร้านทั้ง 2 ชั้นกันด้วย เพราะเขาจัดน่ารักมากๆ เหมาะกับสายอาร์ตด้วยโซนศิลปะและนิทรรศการ ช่วงที่เราไปเขามีนิทรรศการภาพสีอะคริลิกของคุณ Mm_mypic และมุมระบายสีให้ร่วมสนุกด้วยนะ (สามารถเช็กตารางแต่ละงานได้ในไอจีร้าน) มีโฟโต้บูธเก๋ๆ ด้วยนะ ยืนยันว่าถ้ามาร้านนี้ ทุกมุมสามารถถ่ายรูปได้คิ้วท์เวอร์ Cookie Cup ของร้านเป็นเนื้อซอฟต์คุกกี้ ซึ่งทำได้กำลังดี ไม่หวานเลี่ยน ถ้าชอบรสเปรี้ยวนิดๆ แนะนำ Apple Cinnamon มีแอปเปิ้ลให้เคี้ยวสนุก แต่ถ้าชอบความหอมนำ ต้อง Coconut cream Butterfly Pea ครีมเบา สัมผัสนุ่มลิ้น Brownie หนึบหนับและได้ความเป็นช็อกโกแลตเต็มๆ เครื่องดื่มยอดฮิตประจำร้าน Strawberry Milk Shake โรยครัมเบิล เลเยอร์ชั้นสตรอว์เบอร์รีและนมในแก้วลายน้องแมว ส่งเสริมความน่ารักกันสุดๆ และ Thai Tea Slushy เมนูโปรดของหลายคนเวลามาคาเฟ่ ที่นี่ชาค่อนข้างเข้มและเนื้อละเอียด (แก้วใหญ่บิ๊กเบิ้มทั้งคู่เลยล่ะ) เป็นอีกร้านในย่านเจริญกรุงที่ควรมาเลยล่ะ

ยกให้ 2024 เป็นปีของบรรทัดทอง เพราะล่าสุดแม้กระทั่ง เชฟกวง คณิน-บุญตันบุตร ผู้เข้าแข่งขันจากรายการ Top Chef 2023 ยังเลือกมาเปิดร้านไอศกรีมโฮมเมดของตนเองในย่านนี้ โดยหยิบรสชาติขนมและเครื่องดื่มชื่อดังในวันวานมารังสรรค์เป็นไอศกรีมกว่า 15 รสชาติ สิ่งที่สะดุดตาเราเป็นพิเศษคือตัวร้านโทนสีส้มขาว มาพร้อมป้ายชื่อร้านขนาดใหญ่อลังการที่ใช้ฟ้อนต์ภาษาไทยสไตล์ย้อนยุ ได้กลิ่นอายความวินเทจแบบโรงหนังสมัยก่อน ที่เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ไฟจากป้ายชื่อร้านจะส่องสว่างออกมาเตะตาทุกคนที่เดินผ่านแน่นอน เมนูแรก Banana Crème Brûlée (245.-) แครมบรูว์เลเบิร์นไฟจนเหลืองกรอบ ด้านในเป็นกล้วย ครีมวานิลลา พายครัสต์ และซอสคาราเมล ไฮไลต์คือไอศกรีมเนสวีต้าซึ่งทางร้านจะนำมาเสิร์ฟบนหน้าน้ำตาลไหม้ ที่กดลงไปจนไส้เยิ้มทะลักออกมา เมนูนี้ถ่ายรูปสนุกมาก Samosorn Sundae (325.-) เมนูที่เหมาะจะแชร์ริ่งกันเป็นกรุ๊ปใหญ่ สามารถเลือกรสชาติไอศกรีมได้ถึง 6 รสชาติ ท็อปด้วยวิปครีมพูนๆ ฟินกันทั้งแก็งค์ Orange Soda Ice Cream (85.-) ไอศกรีมในรูปแบบเครื่องดื่ม แก้วนี้เราจะได้ความสดชื่นจากไอศกรีมรสส้มที่นำไปปั่นจนละเอียด พร้อมเติมความซ่าด้วยน้ำโซดา หรือจะเลือกเป็น Milo Milkshake (95.-) หวานละมุนจากไอศกรีมนมโรยมาด้วยผงไมโลดิบแน่นๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน

อยู่กรุงเทพฯ แต่ฟิลเหมือนคาเฟ่เชียงใหม่ Thaiwan คาเฟ่เปิดใหม่ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยปรีดีฯ 26ภายในเนรมิตบรรยากาศสงบร่มรื่นด้วยต้นไม้ มีพื้นที่ให้เลือกนั่งเอนกายสบายๆ หลายมุม รวมถึงบนบ้านต้นไม้ที่มีสกายวอล์กให้เดินชิลเล่น เข้าถึงธรรมชาติแบบสุดๆ เมนูของร้านเน้นความเรียบง่าย มีขนม ของว่าง และเครื่องดื่มสไตล์ไต้หวัน โดยเฉพาะ Iced Brown Sugar Milk Tea Original ชานมไต้หวันฉบับออริจินอลที่เจ้าของร้านชาวไต้หวันคัดสรรมาด้วยตัวเอง รสชาติหวานน้อย สั่งมากินคู่กับ Chiffon Cake Original เค้กไข่ไต้หวัน เนื้อนุ่มเบาแทบละลายในปากแล้วเข้ากันที่สุด หรือจะเลือกเป็น Iced Milk Longan & Ginger ชานมไต้หวันที่มีส่วนผสมของน้ำลำไยและขิง หอมสดชื่น ดื่มแล้วคล่องคอ สั่งคู่ Chiffon Coconut Cake ชิฟฟ่อนมะพร้าวนุ่มๆ ที่มีเนื้อมะพร้าวใส่มาให้เคี้ยวเล่นเพลินๆ รวมถึงของว่างอย่าง Combo Set ชุดรวมนักเก็ตและเฟรนช์ฟราย จุ่มซอสมะเขือเทศ หน้าตาธรรมดาแต่ทอดร้อนๆ ก็ว้าวนะ ความพิเศษของร้านนี้ยังอยู่ที่มีนกยูงขาวสายเอนฯ ที่พร้อมเข้ามาบริการทุกโต๊ะอย่างใกล้ชิด น้องน่ารักและเชื่องมาก มีคำเตือนนิดเดียวว่าห้ามจับเพราะน้องจะตกใจแล้วจิกเอาได้ อ้อ...ระวังขนมของคุณด้วยล่ะ! นอกจากนี้ ภายในร้านยังมีกิจกรรมให้ทำสนุกๆ หลายอย่าง อาทิ ระบายสี ทำโปสการ์ด รวมถึงยังมีสินค้าน่ารักจากไต้หวันให้เลือกซื้อกลับบ้านอีกด้วย จดไว้ในลิสต์เซฟโซนดีต่อใจ แถมใกล้บีทีเอสพระโขนงอีกด้วย!

หน้าหนาวใกล้เข้ามา เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจรีบตีตั๋วไปรับอากาศหนาวที่เชียงใหม่ เราอยากแนะนำร้าน The Haus 224 ให้ทุกคนได้ไปกินอาหารอร่อยพร้อมเก็บภาพสวยๆ กลับบ้าน ด้วยตัวร้านที่ยังคงโครงสร้างเดิมไว้ในแนวโคโลเนียล พร้อมตกแต่งสไตล์ Mid-Century Modern ที่เลือกหยิบเฟอร์นิเจอร์หลากสีสันมาจัดวางได้อย่างเหมาะเจาะในทุกมุม ทำให้ The Haus 224 โดดเด่นและแปลกตากว่าคาเฟ่อื่นในเชียงใหม่ แต่ไฮไลต์ที่ทำให้เราจดร้านนี้ลงลิสต์คงหนีไม่พ้นรสชาติอาหารที่ถูกปาก ต่างชาติกินได้ คนไทยกินอร่อย กับอาหารไทยโฮมคุกที่ทางร้านพิถีพิถันตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบไปจนถึงขั้นตอนการรังสรรค์อาหารที่ทำเองทั้งหมด อย่าพลาด ข้าวซอยผัดเเห้งไก่กรอบ ไก่ซูวีดที่นำไปทอดจนหนังกรอบส่วนเนื้อข้างในยังนุ่มชุ่มฉ่ำวางมาบนเส้นข้าวซอยเหนียวนุ่ม อย่าลืมนำเครื่องเคราที่เคียงมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน ก่อนกินให้ราดน้ำข้าวซอยรสเข้มข้นลงไปด้วย เพื่อเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอมๆ ของเครื่องแกง ใบเหลียงผัดไข่ใส่กากหมู ได้รสเค็มตัดด้วยรสหวานเล็กน้อย มีเท็กซ์เจอร์กรอบๆ ของกากหมูให้เคี้ยวเพลิน อร่อยกลมกล่อมจนต้องขอเติมข้าว หมูกรอบคั่วพริกเกลือ หมูสามชั้นคั่วพริกและกระเทียมจนแห้งได้ที่ ปรุงรสจัดจ้านทั้งเค็ม เผ็ด และหวานเล็กน้อยอย่างพอดี คอหมูย่างซูวีด เนื้อชิ้นใหญ่ย่างจนหอมกลิ่นสโมก ให้สัมผัสนุ่ม ไม่เหนียว ได้รสเข้มข้นที่หมักจนเข้าเนื้อ กินกับน้ำจิ้มแจ่วยิ่งแซ่บจนอยากจะได้ข้าวเหนียวสักกระติบ เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ห้ามพลาด ได้แก่ The Haus 224 ได้รสเปรี้ยวๆ หวานๆ มีความมันนัวจากโฟมไข่ขาว ด้านบนแต่งหน้าด้วยรังผึ้งและทองคำเปลว และ Smoothie ? เป็นสมูตตีสตรอว์เบอร์รีโซดา ทางร้านนำน้ำสตรอว์เบอร์รีโยเกิร์ตไปกรอง 6 ชั่วโมง จนน้ำออกมาเป็นสีชมพูนวลๆ และใสกิ๊ง ให้รสหวานอมเปรี้ยวและสดชื่นจากโซดา

นอกจากกาแฟอร่อยๆ แล้วที่ Marimekko Kafé ยังโดดเด่นเรื่องความอร่อยของหลากเมนูคอมฟอร์ตฟู้ดที่ให้กลิ่นอายความเป็นไทยผสานฟินนิชอย่างลงตัว ท่ามกลางบรรยากาศแสนโฮมมีที่ไม่ว่าจะมองไปมุมไหนก็ได้รับพลักบวกจากลวดลายดอกไม้หลากสีสันซึ่งเป็นลายไอคอนิกจาก Home Collection ของ Marimekko ผ่านภาชนะและข้าวของเครื่องใช้ภายในคาเฟ่ ทำให้แค่ได้ไปนั่งก็รู้สึกใจฟูขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว และใจจะเต้นแรงมากขึ้นเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เพราะด้วยภาชนะที่ร้านใช้เป็นคอลเล็กชันที่วางอยู่บนชั้นของ Marimekko ยิ่งชวนให้มื้อนี้เจริญอาหารมากขึ้นเป็นกอง ส่วนใครเกิดอาการปิ้งปั๊งจานชามหรือเครื่องใช้ชิ้นไหนก็สามารถเดินผ่านทางเชื่อมไปเลือกน้องๆ แล้วพากลับบ้านได้ที่ช็อปข้างคาเฟ่ได้เลย ส่วนเมนูไฮไลต์ของปีนี้เรายกให้ Quesadillas Spinach พิซซาสไตล์เม็กซิกัน ด้านในเป็นไส้ผักโขมอบชีสมอสซาเรลลา เคียงด้วยมิกซ์สลัดราดซอสบัลซามิก มีซอสชิปโปเลมาช่วยเสริมรสให้กับพิซซาด้วย Burrata Salad ชีสบูร์ราตาสดท็อปมาบนสลัด เพิ่มรสชาติด้วยอิตาเลียนเดรสซิง สดชื่นมาก Spaghettie Bolognese เนื้อวากิวออสเตรเลียนสับผัดกับซอสมะเขือเทศ ปรุงรสแบบสูตรลับเฉพาะของร้าน ด้านบนมีพาเมซานชีสเล็กน้อยเพิ่มความเค็มมัน Pavlova Strawberry เมอแรงก์เนื้อปุยแต่งหน้าด้วยวิปครีมรสละมุน มีความเปรี้ยวอมหวานจากซอสสตรอว์เบอร์รี กินกับไอศกรีมโยเกิร์ต อร่อยจนอยากสั่งเพิ่มอีกจาน เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ห้ามพลาด ได้แก่ Matcha Orange น้ำส้มโชกุนท็อปด้วยมัตฉะพรีเมียม มีความเปรี้ยวอมหวานของน้ำส้มตัดรสได้ดีกับมัตฉะสุดเข้มข้น และ Yuzu Americano Fizz มีความสดชื่นจากน้ำยูซุผสมโซดา ด้านบนเป็นช็อตกาแฟอาราบิการสเข้มข้น ช่วยเติมพลังให้วันนี้ได้ดี

ขยายความฟินมาถึงชาวศาลายาสักทีสำหรับ “Mother Cows” ร้านนมตุ๋นชื่อดังของหาดใหญ่ ที่ล่าสุดเลือกมาปักหมุดที่ซอยตั้งสินแห่งย่านศาลายา ตัวร้านจะตกแต่งเหมือนสาขาอื่นๆ ที่ใช้โทนสีขาวสะอาดซึ่งเป็นสีของนมวัวเป็นหลัก มีแม่วัวนมตัวอ้วนที่เห็นมาแต่ไกลมารอต้อนรับนักชิมทุกคน ลิ้มลองนมตุ๋น เมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน นมสดๆ จากฟาร์มคุณภาพ ผ่านการตุ๋นอย่างพิถีพิถันจนกลายเป็น ‘หัวนม’ รสเข้มข้น กินคู่กับขนมปังโฮมเมดปิ้งเกรียมๆ เข้ากันสุดๆ เริ่มต้นที่ ขนมปังปิ้งราดวิปนมสด ตัวขนมปังโฮมเมดให้สัมผัสเนื้อนุ่มฟู ทาเนยปิ้งหอมๆ ราดซอสนมสดโฮมเมดรสหวานมันแบบพอดิบพอดี เพิ่มความฟินด้วยรสเปรี้ยวอมหวานของซอสสตรอว์เบอร์รีโฮมเมด และไอศกรีมรสนมรสครีมมี ต่อกันที่ ขนมปังปิ้งราดซอสช็อกโกแลต ความเข้มของซอสช็อกโกแลตไปด้วยกันได้ดีกับเนื้อฟูๆ ของขนมปังปิ้งหอมเนย ท้อปด้วยไอศกรีมรสฟักทองโฮมเมดที่ทั้งหวานและมัน โดนใจคนรักของหวานอย่าบอกใคร พลาดไม่ได้กับ ขนมปังปิ้งชาไทย รวมความอร่อยของซอสชาไทยทำเองรสหอมหวาน ผสานกับขนมปังปิ้งนุ่มๆ กินคู่ นมตุ๋นออริจินอล นมตุ๋นรสเข้มข้นที่ได้จากหัวนมสดตุ๋นเป็นเวลานาน ให้รสครีมมีเข้มข้น นมตุ๋นรสเกาลัด ก็ขายดีไม่แพ้กัน ความหอมมันของนมตุ๋นเข้มข้น ผสมกับเกาลัดปั่นเนื้อเนียน สุดท้ายเป็น นมตุ๋นรสช็อกโกแลต ช็อกโกแลตอย่างดี มิ๊กซ์กับนมตุ๋นจากฟาร์มคุณภาพ เป็นความฟินที่สายหวานเลิฟอย่างยิ่ง

ขึ้นชื่อว่า Café Kantary ย่อมการันตีได้ว่าไม่ว่าจะไปสาขาไหนก็เปี่ยมด้วยรสชาติที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว รวมถึงความหลากหลายของเมนูที่ครีเอทมาให้เลือกจุใจ ครบครันทั้งเค้ก เบเกอร์รี่ และเครื่องดื่ม หากมาเที่ยวเชียงใหม่ ร้านนี้จะอยู่ในโครงการ Kantary Terrace บรรยากาศคล้ายห้องนั่งเล่น ตกแต่งสไตล์โคซี่ที่สามารถนั่งชมวิวผ่านกระจกใส ส่วนด้านในมีโซฟานุ่มๆ ให้เลือกหลายมุม ถ้ายังไม่มีแพลนไปไหนก็นั่งชิลได้ยาวๆ เมนูครองใจสวีทเลิฟเวอร์ ได้แก่ Pear Marron Roll โรลเค้กลูกแพร์และเกาลัด ไส้ครีมนุ่มเนียนลิ้น รสชาติหวาน มัน นัว กินได้เรื่อยๆ ไม่รู้สึกเลี่ยน ถัดมาเป็น Fresh Fruit Tart ทาร์ตผลไม้ ไส้ครีมวานิลลาหอมๆ ท็อปด้วยผลไม้สดหลากชนิด กินพร้อมแป้งทาร์ตกรอบๆ ออกเค็มมัน ช่วยตัดรสเปรี้ยวอมหวานของผลไม้ได้อย่างลงตัว Thai Tea Toast โทสต์อบสดใหม่ กรอบนอกฉ่ำเนย กินคู่ไอศกรีมชาไทย วิปครีม และอัลมอนด์สไลด์ เพิ่มความเข้มข้นแบบดับเบิ้ลด้วยซอสชาไทยที่มีกลิ่นหอมขึ้นจมูก ส่วนเครื่องดื่มต้องสั่ง Iced Kantary Coffee กาแฟนมปั่นจนเนียนละเอียด ท็อปด้วยวิปครีมลูกโต ต้องการหวานระดับไหนบอกพนักงานได้ตามชอบ แต่ถ้าอยากได้ความสดชื่น Mango Paradise คือตัวเลือกที่ดีที่สุด น้ำมะม่วงปั่นไม่ใส่ไซรัป แต่รับประกันความหวานชื่นที่มาจากธรรมชาติล้วนๆ หรือจะเลือกเป็น Mixed Berry Yogurt โยเกิร์ตปั่นกับผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เปรี้ยวนิด หวานหน่อย มีเทกเจอร์ของเนื้อผลไม้ให้เคี้ยวเล่นเพลินๆ   ใครกำลังมองหาคาเฟ่นั่งชิลที่เชียงใหม่ ปักหมุดร้านนี้ไม่ผิดหวัง

คนรักของหวานต้องเป็นปลื้ม (โดยเฉพาะชาวฝั่งธนฯ) เพราะ Jerome Cheesecake ร้านชีสเค้กหน้าไหม้ No.1 ของกรุงโตเกียว ได้ขยายความอร่อยมาสู่ ‘ไอคอนสยาม’ เป็นที่เรียบร้อย ชิมชีสเค้กหน้าไหม้พรีเมี่ยมฝีมือเชฟ Jérôme Quilbeuf คนเก่ง อดีตหัวหน้าเชฟใหญ่จาก Sant Pau ร้านอาหารที่ครองรางวัลมิชลิน 3 ดาว มานานกว่า 15 ปีแห่งประเทศสเปน มาพร้อมกับความพิเศษเฉพาะสาขาไอคอนสยาม เพราะเป็นถึง Flagship Store แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่นที่ครบครันที่สุดในเมืองไทย พบกับเมนูที่เป็นไฮไลต์ที่เสิร์ฟเฉพาะสาขานี้เท่านั้น อย่าง ‘Fresh Truffle Basque Cheesecake’ ชีสเค้กหน้าไหม้รสแบล็กทรัฟเฟิลสดสัญชาติฝรั่งเศสเลอค่า และเปิดตัวครั้งแรกกับ ‘Thai Tea Basque Cheesecake’ ชีสเค้กหน้าไหม้รสชาไทย เมนู Exclusive ที่หากินได้ในประเทศไทยที่เดียว นอกจากนี้ยังมีเมนูใหม่ Signature ‘4 in 1’ Basque Cheesecake 4 หน้า ในกล่องเดียว ได้แก่ รสดั้งเดิม รสมัตฉะ รสทุเรียน และรสชาไทย เรียกว่าคุ้มค่าสุดๆ เริ่มต้นที่เมนู Exclusive กันก่อน Fresh Truffle Basque Cheesecake ชีสเค้กหน้าไหม้ที่ทำจากนมฮอกไกโด ผสมชีสจากแคว้นบาสก์แห่งประเทศสเปน และนางเอกประจำเมนู อย่าง ทรัฟเฟิลสีดำจากประเทศฝรั่งเศส ก่อนเสิร์ฟเชฟจะฝนแบล็กทรัฟเฟิลให้อีกที รับรองฟินติดใจ ตามมาด้วย Thai Tea Basque Cheesecake ชีสเค้กหน้าไหม้รสชาไทย ที่เป็นการรวมตัวกันของนมสดฮอกไกโด ชีสจากแคว้นบาสก์ และชาไทยออร์แกนิกรสเข้มข้น กลิ่นหอมฟุ้ง ปิดท้ายด้วยเมนูขายดีตลอดกาล Jérôme Burnt Basque Cheesecake ชีสเค้กหน้าไหม้ต้นตำรับรสหวานพอดี กินได้เพลินๆ สมแล้วที่เป็น No.1 จากดินแดนอาทิตย์อุทัย สายหวานก็ฟินๆ กันไป

ไม่บ่อยนักที่จะมีคาเฟ่ที่ติดตรึงใจจนอยากกลับไปซ้ำอย่าง Ayatana Café คาเฟ่ริมทางแถวอ่างศิลา จังหวัดชลบุรี ที่ตอนนี้มาเปิดสาขา 2 บริเวณปากซอยเจริญกรุง13 ใกล้บ้านขนาดนี้มีหรือเราจะยอมพลาด ร้านยังคงคอนเซ็ปต์ Sense of Balance ที่มาแล้วอิ่มครบทั้งตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ซึ่งเป็นที่มาของชื่ออายตนะ โดยพลิกโฉมอาคารซิงเสียนเยอะเป้าที่เก่าแก่กว่าร้อยปี กลางย่านโอลด์ทาวน์ แยก S.A.B. และเวิ้งนาครเขษม สเกลเล็กกว่าสาขาแรกแต่มู้ดแอนด์โทนโคลนนิ่งมาแทบทุกอณู จุดเด่นที่ดึงดูดสายตาคือประติมากรรมรูปมือขนาดใหญ่กำลังปล่อยลูกโป่ง ท่ามกลางบรรยากาศทุ่งดอกไม้ และกลิ่นหอมอันแสนสงบจาก Le Labo ปลดปล่อยความอ่อนล้า แทนที่ด้วยความรู้สึกผ่อนคลายและอุ่นใจ ล่าสุดเปิดตัว "Organic Matcha Single Origin" จากเมืองอูจิ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกันถึง 6 สายพันธุ์ ให้คนรักมัตฉะได้สัมผัสประสบการณ์แห่งรสชาติ อาทิ  Matcha Cocao Tart ทาร์ตโกโก้เข้มข้นที่แทรกด้วยครีมมัทฉะเนื้อเนียน รสชาติกลมกล่อม เข้ากันอย่างลงตัว Matcha Fresh Orange น้ำส้มแท้กับมัตฉะเข้มข้น ดื่มสดชื่นหอมกลิ่นมัตฉะและส้มขึ้นจมูก Malten Chocolate Cake ช็อกโกแลตลาวา โรยผงโกโก้หอมๆ หวานละมุน ละลายในปาก และ 2 เมนูไฮไลท์ที่ครองใจชาวชลบุรีมายาวนาน ได้แก่ Khaolam Affogato ซิกเนเจอร์ที่จับคู่ไอศกรีมมะพร้าวกับช็อตกาแฟเฮาส์เบลนด์ ลาว-บราซิล ด้านล่างเป็นข้าวหลามเหนียวนุ่มที่มีถั่วดำเพิ่มเทกเจอร์ เป็นการหยิบเมนูอร่อยของท้องถิ่นมานำเสนอในรูปแบบที่แปลกใหม่และชวนกินยิ่งขึ้น และ Sense of Smooth ความกลมกล่อมของกาแฟนม แทรกด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของซินนามอน เป็นเมนูที่ชวนผ่อนคลายท่ามกลางบรรยากาศที่เรียบง่ายชวนรื่นรมย์ ทุกออเดอร์ยังมีส่วน sharing ให้กับมูลนิธิที่เกี่ยวกับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ   อิ่มท้องปุ๊บ อิ่มใจปั๊บเลย

ขึ้นชื่อเรื่องความคิดสร้างสรรค์อยู่แล้วสำหรับ Guss Damn Good ร้านคราฟต์ไอศกรีมสไตล์บอสตัน (เน้นรสหวานมันเอาใจเด็กอ้วน) ที่ครั้งนี้มากับไอเดียแจ่มใจอย่าง ไอศกรีมไท้ยไทย ซึ่งเป็นการรวมความฟินระหว่าง ไอศกรีมโฮมเมดของร้าน และขนมไทยที่หลายคนชื่นชอบให้ออกมาเป็นไอศกรีมรสชาติแปลกใหม่ ถูกใจคนรักของหวานกันเป็นแถว ป.ล ครั้งนี้เราแวะมาชิมที่สาขา เซ็นทรัลเวิลด์ (ชั้น 3) นะ ตัวแรกขอลองเป็น มรกตโอชา หรือรสเปียกปูนกะทิสด เบสเป็นไอศกรีมมะพร้าวกะทิจากจังหวัดราชบุรี และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้รสหอมมันแซมด้วยความเค็มเล็กๆ กับเนื้อสัมผัสที่นุ่ม เนียนหนึบ ไปด้วยกันได้ดีกับเปียกปูนใบเตยโฮมเมด ที่ทางร้านใส่งาขาวคั่วเองหอมๆ ลงไปด้วย ต่อกับ ร่องริ้วบุษบา หรือถ้าจะให้จำง่ายๆ คือรสกลีบลำดวนของลูกข่าง ที่ใช้ขนมกลีบลำดวนโฮมเมดของคุณลูกข่าง (เพื่อนเจ้าของร้าน) ที่มีความโดดเด่นตรงการใช้แป้งไม่ขัดสี ร่วมน้ำมันรำข้าว อบควันเทียนด้วยวิธีดั้งเดิม จนได้เป็นขนมกลีบลำดวลรสหวานละมุน หอมกรุ่นดีต่อใจ นำมาผสมกับไอศกรีมสไตล์คราฟต์บอสตันของ Guss Damn Good ใครชอบรสเปรี้ยวแบบไลท์ๆ เราแนะนำ ชื่นชิวหา หรือน้ำอ้อยมะปี๊ด ที่แค่ฟังชื่อก็จี๊ดเข้าไปถึงหัวใจ ไอศกรีมรสหวานอมเปรี้ยวที่ทำจากน้ำอ้อยหวานฉ่ำของสวนคุณภาพประจำจังหวัดราชบุรี มิ๊กซ์กับน้ำมะปิ๊ดจากเมืองจันทร์ เพิ่มสัมผัสเคี้ยวเพลินด้วยเนื้อมะพร้าวชิ้นเล็กๆ สุดท้ายเป็น หิรัญคันธรส (ขนมไข่ เนยเค็ม) ไอศกรีมตัวดังที่ได้ขนมไข่โฮมเมดตำรับสงขลาของร้าน HAAB (หาบ) มาปั่นจนกลายมาเป็นไอศกรีมรสเนยเค็ม ผสมกับความหอมของเนยสัญชาติฝรั่งเศส และเนื้อขนมไข่จากร้านหาบ ที่ทาง Guss Damn Good เหยาะกลิ่นนมเนยโบราณเข้าไปด้วย เพิ่มความคลาสสิกเข้าไปอีกขั้น เปิดประสบการณ์ของสายหวานได้อย่างเหลือเชื่อ

ในยุคที่ใครก็ต่างหันมาสนใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ไม่แปลกที่จะมีร้านอาหารและขนมหวานเพื่อสุขภาพ แคลน้อยแต่อร่อยเกิดขึ้นให้ตามไปชิมกันแบบไม่ซ้ำ ล่าสุดกับร้านที่พลาดไม่ได้อย่าง Soft Spot อาซาอิในรูปแบบซอร์ฟเสิร์ฟของสองสาวพี่น้อง คุณไหม – พิชชา กิจเจริญวงศ์ และ คุณแคท – นัชชา กิจเเจริญวงศ์ ที่รักการกินอาซาอิเป็นชีวิตจิตใจ จนเริ่มคิดสูตรการทำที่ไม่เหมือนใครและเปิดร้านเป็นของตัวเอง ทางร้านมาในคอนเซ็ปต์ ‘Pure Acai Soft Serve’ เสิร์ฟอาซาอิที่ไม่ผสมน้ำตาลและผลไม้อื่นๆ ให้ทุกคนได้ตักชิมอย่างชื่นใจโดยไม่ต้องกลัวอ้วน ท่ามกลางร้านโทนสีอิฐบรรยากาศน่ารัก ที่สามารถแวะมานั่งชิลเติมความสดชื่นได้ทุกวัน ที่นี่มีให้เลือกตั้งแต่ไซซ์ S-L โดยสามารถแอดออนท็อปปิ้ง ซอสโฮมเมด ได้ตามชอบอาทิ Pure Acai อาซาอิหวานน้อยเนื้อหนึบที่เติมท็อปปิ้งเป็น กีวี่ กล้วยหอมและกราโนล่า ราดด้วยซอสน้ำผึ้งฉ่ำๆ ไม่ผิดวัง Cacao Acai อาซาอิที่กินแล้วจะได้กลิ่นของโกโก้เบาๆ แนะนำให้กินพร้อมกราโนล่าช็อกโกแลต และแอดท็อปปิ้งเป็นช็อกโกแลตชิป เบาม์คูเคินและครัมเบิ้ล อร่อยลงตัว Biscoff Greek Yoghurt เมนู Seasonal l ที่ผสานความนัวของกรีกโยเกิร์ตมากับขนมบิสกิตยอดฮิตอย่าบิสคอฟมาด้วยกัน เมนูจะไม่ใช่เมนูที่เฮลท์ตี้ที่สุดแต่กินง่าย และถูกใจสายของหวานแน่นอน

เป็นร้านที่คนรักชาต้องมาลองสักครั้งจริงๆ สำหรับ “Naixue” ร้านชาผลไม้พรีเมี่ยมแห่งดินแดนมังกร ที่ครองใจสายหวานมาตั้งแต่ปี 2015 (เปิดมาแล้วกว่า 1,400 แห่ง) ซึ่งครั้งนี้ขยายความอร่อยมาเปิด Flagship Store ครั้งแรกสุดยิ่งใหญ่ใน CentralWorld โดดเด่นด้วยพื้นที่กว้างๆ แสนสบายตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เข้าถึงง่ายให้ไวบ์แห่งความอบอุ่น เสิร์ฟพร้อมขนมอบโฮมเมดที่มีทั้ง เค้ก ครัวซองต์ โรล และทาร์ตไข่ตัวดัง จิบคู่กับชาหลากสไตล์กว่า 48 เมนู ที่ทำจากวัตถุดิบเลอค่า อาทิ ใบชาชั้นเลิศ นม และผลไม้สด โดยที่ Naixue (ไนซือ) จะใช้แต่ผลไม้สดเท่านั้น พลาดไม่ได้เลยคือ ชานมมะลิ และชานมไข่มุกและพุดดิ้งต้าหงเผา นอกจากนี้ที่สาขา CentralWorld ยังมีมุม Tea Tasting ดูแลโดยทีมาสเตอร์มือฉมัง ที่จะมาให้ความรู้เรื่องชา พร้อมคำแนะนำในการชงอีกด้วย ใครที่อยากซื้อใบชาติดมือกลับบ้านต้องแวะมาที่โซนนี้เลย ขอเปิดด้วยเบเกอรี่เมนูใหม่ป้ายแดงอย่าง ขนมปังทุเรียนครีมชีส ขนมปังเนื้อนุ่มนิ่ม สอดไส้ซอสทุเรียนหมอนทองหอมหวาน ผสมกับครีมชีสครีมมี เข้ากันลงตัว ตามด้วย เค้กหมูหยอง แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร (แต่อร่อยนะ) เค้กเนื้อฟูๆ ปกคลุมด้วยหมูหยองรสหวาน โรยหน้าด้วยสาหร่ายกรุบกรอบ เครื่องดื่มต้องนี่เลย Orange Jasmin Tea เป็นชามะลิพรีเมี่ยมของที่ร้าน มิ๊กซ์กับน้ำส้มสดรสเปรี้ยวอมหวาน เติมความเปรี้ยวจี๊ดจ๊าดอีกนิดด้วยมะนาวฝาน จิบกี่คราก็ชื่นใจ ปิดท้ายด้วยเมนูซิกเนเจอร์ขวัญใจทีเลิฟเวอร์  Cheese Cream Grape Jin Mu Dan Tea ชาอู่หลงจินกวนรสนุ่ม ผสานกับน้ำองุ่นสดรสหวานฉ่ำ ความพิเศษของแก้วนี้ยังมีเนื้อองุ่นเคี้ยวเพลินๆ และครีมชีสเนื้อเนียนฟินๆ ได้ใจสายหวานไปเต็มๆ

เจริญสังขยา ร้านขนมปังสังขยาน้องใหม่ของบ้าน KARUN Thai Tea เสิร์ฟสังขยาเนื้อเนียนมาพร้อมความหอมหวานละมุนจากดิป 8 รสชาติ กินกับขนมปังสูตรพิเศษที่มีให้เลือกถึง 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ขนมปังอบ ทอด และปังปิ้งเนย โดยทางแบรนด์มีเซ็ตให้เลือก 3 ขนาด เราสั่งเป็น Couple Set เซ็ดขนาดกลางที่สามารถคัสตอมขนมปังลงเซ็ตได้เอง 4 ชิ้น เราเลือกขนมปังอบ 2 ชิ้น ขนมปังแบบทอด 1 ชิ้น และขนมปังปิ้งเนย 1 ชิ้น จับคู่กับสังขยา 4 รสชาติ ไฮไลต์อยู่ที่เนื้อสังขยาสูตรคุณแม่ รังสรรค์มาให้ลองกว่า 8 รสชาติ แนะนำ สังขยาชาไทยการัน มีความหอม ให้รสเข้มข้นตามแบบฉบับชาไทยการันชัดเจน ต่อด้วย อัญชันมะพร้าวอ่อน สังขยาสีฟ้าสดใส ให้รสหวานนวล หอมกลิ่นมะพร้าวเบาๆ กาแฟโบราณ ได้รสกาแฟเข้มๆ และหวานมันตัดกับความนุ่มของขนมปังได้ดีมาก และ สวนดอกไม้ รสซิกเนเจอร์ที่ให้ความหอมละมุนอบอวลในปาก นอกจากนี้ยังมีท็อปปิงที่สามารถสั่งมากินคู่ไปกับขนมปังสังขยาได้อย่าง ไอศกรีมกะทิ รสหวานกำลังดี มีความหอมของกะทิ กินควบคู่กันไปเพิ่มความสดชื่นได้ดีทีเดียว

PAR•RIS (พาริส) คาเฟ่บรรยากาศอบอุ่นที่เต็มไปด้วยเบเกิลของคุณเค้กและคุณบาส ที่เดินทางไปชิมเบเกิลทั้งร้านเล็กร้านใหญ่มาแล้วหลายประเทศ เมื่อเปิดร้านของตัวเองจึงคิดสูตรเบเกิลแบบที่ชอบเป็นพิเศษนั่นคือเบเกิลมีความนุ่มหนึบแบบเอเชีย แต่ก็ยังคงเนื้อสัมผัสแบบเบเกิลเอาไว้ ฟังชื่อร้านหลายคนอาจคิดว่าหมายถึงปารีส แต่จริงๆ แล้วมาจากชื่อจริงของทั้งคู่คือ ปริญา และ คีริศวร์ อีกทั้งยังเป็นชื่อของลูกสาว ‘พาริสสาร์’ ส่วนการตกแต่งด้านในเป็นสไตล์ยุโรปที่ให้อารมณ์วินเทจนิดๆ จากของสะสมส่วนตัว มีแสงธรรมชาติส่องผ่านทั่วทั้งร้าน นั่งตรงไหนก็ถ่ายรูปสวย เบเกิลของที่ร้านปั้นลวดลายได้น่ารัก Plain Bagel เสิร์ฟกับครีมชีสโฮมเมดที่เลือกได้ 6 รสชาติ เราชอบ Fig & Honey Cream Cheese ที่มีลูกฟิกสดท็อปด้านบน หอมนวล เปรี้ยวเล็กน้อย และหวานอ่อนๆ ส่วน Pistachio Cream Cheese เด่นที่ความหอมมันจากพิสตาชิโอ อีกรสที่น่าสนใจคือ Earl Grey Milk Cream Cheese ใช้เวลาเคี่ยวชา 1 วันเต็ม หอมกลิ่นชาชัดเจน ต่อกันด้วย Breakfast Plate อาหารเช้าที่เสิร์ฟตลอดวัน ในจานมี Sesame Bagel ไข่ซูเฟลฟูฟ่อง อิตาเลียนซอสเสจ สลัดร็อกเก็ตราดด้วยน้ำสลัดพอนซึยูซุโฮมเมด และ Smoked Ham Strawberry เบเกิลกึ่งคาว มาพร้อมพรีเมียมสโมคแฮม บรีชีส และหัวหอมคาราเมลไรซ์ ตัดรสด้วยสตรอว์เบอร์รี่สดลูกโต ไม่ใช่แค่เบเกิลดี แต่เครื่องดื่มก็น่าสนใจ โดยเฉพาะ Pistachio Cream Coffee ช็อตเอสเปรซโซ นมพิสตาชิโอ ท็อปด้วยครีมพิสตาชิโอหอมมัน เป็นกาแฟที่ขอใช้คำว่าดื่มสนุก ส่วนใครชอบความสดชื่น Pink Lemonade ก็เป็นตัวเลือกที่ดี สีสวยจากเกรปฟรุตไซรัป หอมเลมอนคั้นสด เร็วๆ นี้เราจะได้เห็นเบเกิลและครีมชีสรสชาติใหม่กันด้วย คนรักเบเกิลรอลุ้นได้เลย

ขอเปิดโลกสายหวานด้วยการพาไปเช็คอิน “Table of Contents” ร้านขนมไทยโมเดิร์นกิ๊บเก๋แห่งย่านบรรทัดทอง ที่โดดเด่นตั้งแต่ชื่อร้าน (แปลว่า สารบัญ) อันสื่อถึงโลเคชั่นที่รวมหลายๆ อย่างทั้ง ขนมแสนอร่อย กาแฟคุณภาพ และบรรยากาศเก๋ไก๋ เติมเต็มจนกลายเป็นคอนเทนต์ในสารบัญที่สมบูรณ์ พบเจอคุณดรีม– ปาลิตา บวรวาณิชย์ หนึ่งในหุ้นส่วนของร้านที่อยากยกระดับขนมไทยให้มีมูลค่าเหมือนในร้าน Fine Dining จึงชวนเพื่อนๆ มาครีเอทร้านแห่งนี้ร่วมกัน ซิกเนเจอร์ของที่ Table of Contents คือ DoughKo (โดโกะ) ขนมที่ทำจากแป้งปาท่องโก๋ผสมโดนัท ให้สัมผัสนุ่มๆ ฟูๆ ทอดร้อนจี๋แล้วคลุกเคล้ากับน้ำตาล ก่อนบีบซอสขนมไทยต่างๆ อย่าง ขนมเบื้อง ขนมครกต้นหอม นอกจากนี้ยังมีขนมไทยฟิวชั่น ได้แก่ คาเนเล่ข้าวเหนียวดำ ชีสเค้กฝอยทองไข่เค็ม จิบพร้อมกาแฟเบลนด์เอธิโอเปีย-อินโด-กัวเตมาลาและบราซิล หรือจะเป็น Wheels of Fortune โทนฟรุ๊ตตี้ก็ย่อมได้ เอ็นจอยพร้อมบรรยากาศดีๆ ที่ตกแต่งด้วยโทนสีขาวสบายดี แซมกับเฟอร์นิเจอร์สีสันสดใสอย่าง ส้ม น้ำเงิน เหลือง มีบันไดวนที่เป็นลูกเล่นและจุดแชะรูปให้เดินขึ้นไปบนชั้น 2 มองลงมาแล้วจะเห็นหมากรุกราชินีตัวใหญ่ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ที่สื่อถึงหุ้นส่วนของร้านที่ส่วนมากเป็นผู้หญิงนั่นเอง ต้อนรับด้วย บ้าบิ่น แป้งโดโกะโฮมเมดที่มีทั้งความนุ่มและฟู กินพร้อมซอสบ้าบิ่นรสหวานพอเหมาะ มิ๊กซ์กับเนื้อมะพร้าวอ่อนเคี้ยวเพลิน ท็อปด้วยมะพร้าวอบกรอบอีกที ตามด้วย มะขามพริกเกลือ โดโกะเนื้อนิ่มสอดไส้ซอสมะขามรสเปรี้ยวกลมกล่อม ตัดด้วยรสหวานเมอแรงก์เบิร์นไฟ ก่อนโรยหน้าด้วยพริกเกลือ หลายคนชอบ เปียกปูน ขนมเปียกปูนใบเตยที่เราคุ้นเคย ไปด้วยกันได้ดีกับเนื้อแป้งโดโกะที่มีทั้งความนุ่มและฟู เติมรสเค็มเล็กน้อยด้วยซอสกะทิ แปลกตาและน่าลิ้มลองต้องยกให้ ขนมใส่ไส้ รสหวานหอม ที่มาในรูปแบบของดังโกะ ซิกเนเจอร์ประจำร้าน ขายดีต้องนี่ ขนมครกข้าวโพด ที่ได้รสหวานมันเต็มพิกัดของกะทิครีมมี ท็อปด้วยข้าวโพดหวานเบิร์นไฟแบบจุใจ เราชอบ เค้กกล้วยปิ้ง เค้กเนื้อแน่นที่ทำมาจากกล้วยน้ำว้าล้วนๆ ให้รสหวานธรรมชาติ เข้ากันดีกับซอสกล้วยปิ้งฉ่ำๆ ด้านบนมีกล้วยน้ำว้าเอาใจคนรักกล้วยอีกที ชีสเค้กขนมหม้อแกง ถือเป็นเมนูที่เปิดประสบการณ์นักกินอย่างยิ่ง ชีสเค้กหน้าไหม้ที่ได้รสหวานมาจากเผือกและไข่ ไปด้วยกันได้ดีกับหอมเจียว เลิฟที่สุดคือ ปาท่องโก๋ ปาท่องโก๋โฮมเมดกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อม 3 ซอสดิปฟินๆ อย่าง ซอสน้ำตาลโตนด หวานหอมเป็นที่สุด ซอสใบเตย หอมฟุ้ง และซอสชาไทย รสเข้มข้น จิบพร้อม Hot Chocolate ช็อกโกแลตร้อนรสเข้ม ทำจากช็อกโกแลตแห่งเมืองเชียงใหม่ เข้าคู่มาร์ชแมลโลว์นุ่มนิ่ม เบิร์นไฟร้อนฉ่า ม็อกเทลปังๆ ก็มีนะ เราชี้เป้า Pina Content เมนูใหม่แกะกล่อง ที่ได้รสเปรี้ยวอมหวานของน้ำสับปะรด มิ๊กซ์กับรสหอมมันของวิปชีสโยเกิร์ต Roselle Lemon Cream น้ำเลมอนสีชมพูสวย รสหวานอมเปรี้ยวชื่นใจ จิบพร้อมวิปชีสเนื้อนุ่มปุกปุยเพลินๆ หรือใครชอบดื่มกาแฟ Table of Contents ก็มีหลายแก้วให้เลือกชิมนะ เช็คอินที่นี่แล้วได้คอนเทนต์แน่นอน

เช้านี้กินอะไรดี? ถ้ายังนึกไม่ออกแนะนำให้ไปที่ อรุณสวัสดิ์ คาเฟ่อาหารเช้าในบ้านไม้สุดคลาสสิกใจกลางเมืองเชียงใหม่ ใครที่อยู่เชียงใหม่แล้วกำลังมองหาคาเฟ่น่ารักๆ ไวบ์ดีมีมุมถ่ายรูปชิคๆ ในแนวเรโทรย้อนยุคอย่าพลาดที่นี่เลย เพราะด้วยบรรยากาศแสนอบอุ่นเหมือนได้ไปพักใจที่บ้านคุณย่า แถมยังมีอาหารเช้าเสิร์ฟให้อีก อะไรจะสุขใจเท่านี้ มาต่อกันที่เมนูของร้าน ส่วนมากจะเป็นอาหารเช้า สาย และบ่าย ในสไตล์โฮมคุก แนะนำ อรุณสวัสดิ์ Set เมนูขายดี ถ่านรูปเก๋มีทั้งชาที่สามารถเลือกรสได้ เราสั่งเป็นชาไทยร้อนเคียงด้วยขนมปังกรอบจิ้มกับซอสสังขยา ตัดเลี่ยนด้วยชามะลิร้อนดื่มแล้วคล่องคอ ขนมจีบหมู ขนมจีบหมูโฮมเมด ไส้อัดแน่นแบบไม่หวง ถัดมาคือ ไข่กระทะ ให้ไข่ 2 ฟองท็อปหน้าแน่นๆ ด้วยหมูยอ หมูสับ และไส้กรอก จะกินกับซอสมะเขือเทศ ซอสพริก หรือซีอิ๊ว ก็เข้ากันสุดๆ ABF Set 2 จานบรันช์เครื่องเยอะ ประกอบด้วยออมเล็ตเนื้อนุ่มกินกับแฮมและเบคอนอร่อยลงตัว ปิดท้ายด้วยของหวานอย่าง โยเกิร์ตกราโนลา ท็อปด้วยผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไม่เบื่อแน่นอน อัญชันมะนาว เครื่องดื่มดับร้อนให้รสเปรี้ยวๆ หวานๆ สดชื่นมาก หรือจะเป็น อเมริกาโนส้ม กาแฟรสเข้มข้นท็อปบนน้ำส้มรสเปรี้ยวอมหวานตัดกันได้ดี นี่แหละความสุขที่สร้างเองได้

จะเรียก Basket - coffee and croissant ว่าอยู่ในสวนลับก็คงไม่เกินไปนัก เพราะคาเฟ่ซ่อนตัวในสวนสไตล์อิงลิชคอตเทจของ Inwood Garden ถนนหทัยราษฎร์ คลองสามวา เมื่อมองจากด้านนอกเดาไม่ออกแน่นอนว่า ด้านในมีร้านที่เต็มไปด้วยครัวซองต์อบใหม่รออยู่ ที่ร่มรื่นขนาดนี้ เพราะเดิมทีเคยเป็นร้านขายไม้ล้อมมาก่อน ส่วนด้านในก็เต็มไปด้วยของสะสมแนววินเทจของเจ้าของร้าน เหมาะกับการมานั่งพักใจ กาแฟของที่ร้านเป็น Specialty Coffee (แถมยังเปิดโรงคั่วกาแฟเองอยู่ด้านหลัง) นอกจากเมนูคลาสสิก ยังมีซิกเนเจอร์อย่าง Basket Coffee ความพิเศษอยู่ที่นำน้ำผึ้งมาหมักกับเลมอนและขิงจนได้ที่ แล้วนำมาผสมกับช็อตเอสเปรซโซและโซดา เป็นกาแฟที่มีกลิ่นรสสดชื่น หรือจะนั่งจิบกาแฟที่สโลว์บาร์ แนะนำ Strawberry Dream เวลาจิบแล้วจะมีกลิ่นของสตรอว์เบอร์รี่ลอยขึ้นมา อีกเมนูน่าลองคือ Matcha Coconut มัทฉะจากอูจิและกลิ่นหอมจากน้ำมะพร้าวสด ส่วนครัวซองต์ของที่ร้านใช้เวลาในการทำทั้งหมด 3 วันด้วยกัน กรอบนอก เนื้อในนุ่มหนึบ หอมกลิ่นเนยซึ่งทางร้านใช้เนย  A.O.P.จากฝรั่งเศส นอกจาก Plain Croissant แล้ว อยากให้ลอง Almond Croissant สอดไส้ครีมอัลมอนด์รสละมุน ด้านบนมีอัลมอนด์สไลซ์กรอบๆ ด้วย กระซิบอีกนิดว่าไอศกรีมของที่ร้านก็ทำเอง เราสั่งเป็นเมนู Affogato ไอศกรีมวานิลลารสนุ่มนวลตัดกับความเข้มขมของเอสเปรซโซได้ดีเชียว

คอกาแฟคงคุ้นเคยกับโลโก้สี่เหลี่ยมสีแดงและตัวหนังสือ illy สัญลักษณ์ของ illy Caffè แบรนด์กาแฟระดับพรีเมียมที่มีต้นกำเนิดจากประเทศอิตาลี ซึ่งล่าสุดเพิ่งเปิดตัว illy Caffe Erawan แห่งแรกของประเทศไทยอย่างเป็นทางการที่ อาคารเอราวัณ แบงค็อก (Erawan Bangkok) ชั้น LG โดดเด่นด้วยบาร์กาแฟสไตล์อิตาเลียนสีแดงที่พร้อมพรั่งด้วยเครื่องชงกาแฟระดับไฮเอนด์ เพื่อรังสรรค์เมนูกาแฟสูตรเฉพาะของ illy ให้คอกาแฟได้ลิ้มลอง รวมทั้งเมนูอาหารที่ให้บริการทั้งมื้อเช้า มื้อกลางวัน มื้อค่ำ และจานกินเล่นสำหรับสังสรรค์ยามค่ำคืน ด้วยทำเลใจกลางเมืองแยกราชประสงค์ คาเฟ่แห่งนี้จึงเหมาะเป็นจุดแวะพักจิบกาแฟและเติมพลังงานกับมื้ออร่อยได้ทุกช่วงเวลา พร้อมปล่อยใจไปกับบรรยากาศแบบอิตาเลียนแบบร่วมสมัย มีทั้งโซนที่นั่งด้านในอาคารและเอาต์ดอร์รับลมในวันอากาศดี เมนูกาแฟมีให้เลือกสั่งแบบไม่มีเบื่อทั้งร้อนและเย็นกว่า 32 รายการ ใครที่อยากลิ้มรสชาติอันเป็นต้นตำรับขนานแท้ต้องสั่ง Espresso ช็อตเอสเพรสโซ่สไตล์อิตาเลียนที่มีกลิ่นและรสเข้มข้น illycrema นวัตกรรมกาแฟรูปแบบใหม่ที่ผสาน illy espresso เข้มข้นเข้ากับไมโครคริสตัลน้ำแข็งเนื้อละเอียดจนได้สัมผัสละมุนเหมือนเนื้อไอศกรีม และ Cold Brew กาแฟสกัดเย็นจากเมล็ดกาแฟอาราบิกาแท้ 100% จะสั่งมาจิบคู่กับเบเกอรีและขนมหวานก็ได้ แต่เราแนะนำว่าไม่ควรพลาดฝากท้องไว้กับอาหารอิตาเลียนจานอร่อยที่รังสรรค์โดย เชฟน้ำ - ดาบทอง สุขนิพันธ์ เฮดเชฟประจำร้าน เพราะจัดว่าเด็ดและมีให้เลือกหลากหลาย อาทิ Mortadella e pistacchi แซนด์วิชขนมปังอิตาเลียนหน้าเปิดทอปด้วยแฮมมอร์ตาเดลลาและซอสเพสโตพิสตาชิโอ จานด่วนที่จะอร่อยยิ่งขึ้นเมื่อกินคู่กับกาแฟ Bresaola e rucola แซนด์วิชเนื้อเบรซาโอลารสเข้มข้นและผักร็อกเก็ต ชิ้นใหญ่จุกๆ และยังสามารถเอร็ดอร่อยไปกับอาหารเช้าที่ให้บริการตลอดทั้งวัน อาทิ Croissants with Scrambled Eggs and Parmesan ตามด้วย Insalata di farro สลัดข้าวสาลีใส่ผักและผลไม้เพื่อสุขภาพ Bucatini all’ Amatriciana พาสตาเส้นยาวอวบอ้วนผัดกับซอสมะเขือเทศและกวนชาเล และ Spaghetti Carbonara คาร์โบนาราตำรับโรมันที่ใส่เพียงไข่ ชีสเปโกริโน กวนชาเล และพริกไทยดำ ตามด้วยจานหลัก Pollo con caponata e riduzione di balsamico เนื้อไก่ซูวีสไตล์ซิซิเลียนราดซอสบัลซามิกรีดักชั่น ปิดท้ายด้วยของหวานสไตล์อิตาเลียนอย่าง Coffee bean เค้กกาแฟรูปเมล็ดกาแฟสุดน่ารัก และ Tiramisu ที่ผสานความอร่อยของกาแฟและครีมชีสมาสคาร์โปเนอย่างลงตัว และเมื่อค่ำคืนย่างกรายมาก็ยังมีจานกินเล่นให้จับคู่กับค็อกเทลกาแฟแบบจอยๆ เรียกว่านั่งได้ตั้งเช้าจรดดึกเลยทีเดียว illy Caffè มีสาขามากกว่า 160 แห่งในเมืองใหญ่ของกว่า 34 ประเทศทั่วโลก และยังเป็นบริษัทสัญชาติอิตาเลียนแห่งเดียวที่ติดหนึ่งในองค์กรระดับโลกที่มีมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรมที่ดีเยี่ยมโดยสถาบัน Ethisphere ตั้งแต่ปี 2013 จนปัจจุบัน   illy Caffè Erawan เปิดให้บริการแล้วอย่างเต็มรูปแบบ ร่างกายต้องการคาเฟอีนเมื่อไหร่ก็มาเจอกันนะ

ไม่ว่าจะเปิดไปกี่สาขา JIAN CHA Tea (เจี้ยนชา) ก็ยังคิวยาวเหมือนเช่นเคย ด้วยความหอมอร่อยของชาพรีเมียมสูตรราชวงศ์จีนชั้นสูงทำให้ครองใจใครหลายคนได้อย่างง่ายดาย  ล่าสุดทางแบรนด์ได้ขยายความอร่อยเปิดสาขาใหม่ย่านบรรทัดทอง บนชั้น 2 ของ Dragon Town กลายเป็นพิกัดใหม่ของสายชาผลไม้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับแฟนคลับของ JIAN CHA ด้วยพื้นที่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับการพักผ่อนแบบเรียบง่ายและเป็นส่วนตัว แฝงไปด้วยการตกแต่งสไตล์จีนเบาๆ มีมุมให้นั่งเล่นรับลมบนระเบียง หรือมุมให้ถ่ายรูปคู่กับบาร์สีขาวสุดชิค นอกจากบรรยากาศจะดีแล้ว ทางร้านยังมีเมนูชาให้เลือกมากมาย แนะนำสำหรับคนที่ชอบดื่มชาผลไม้กลิ่นหอมนวล อย่าพลาด Guihua Milk Tea ชานมหอมหมื่นลี้เสิร์ฟมาในแก้วสีดำดีไซน์ใหม่ ได้กลิ่นหอมจากดอกกุ้ยฮวา อบอวลในปาก Mulberry Yogurt Tea ชามัลเบอร์รีชงสดให้รสหวานอมเปรี้ยว ล่างสุดเป็นเนื้อส้มฉ่ำๆ มีเจลลีบุกให้เคี้ยวตัดรสด้วยความเปรี้ยวจากโยเกิร์ต แก้วนี้ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ Grape Tea Smoothie ชาองุ่นปั่นที่ได้ใจใครหลายคนมานักต่อนัก เป็นชามะลิผสมน้ำองุ่นให้กลิ่นหอมหวาน ด้านล่างมีเนื้อองุ่นสดและบุกให้เคี้ยวเพลิน Kiwi Tea Smoothie ทางร้านใช้กีวี่สดที่มีความหวานซ่อนเปรี้ยว โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมชัดเจน ช่วยให้รู้สึกสดชื่นได้ตลอดวัน

Golden Goose แบรนด์เสื้อผ้าจากประเทศอิตาลีที่นำเสนอเสื้อผ้าแนวสตรีทและรองเท้าสนีกเกอร์ ซึ่งมีดีไซน์เป็นเอกลักษณ์ด้วยความเลอะและเปรอะ โดยเป็นความตั้งใจของดีไซเนอร์ เหมือนบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของแบรนด์นี้  ถ้าหากพูดถึงวัฒนธรรมการดื่มกาเเฟและการกินทีรามิสุก็ต้องนึกถึงประเทศอิตาลี ทางแบรนด์ Golden Goose จึงเลือกเปิดคู่กับคาเฟ่ Younique ที่ไทยเป็นสาขาเเรกของโลก สำหรับดีไซน์ของคาเฟ่และช็อปเสื้อผ้ามีความเป็นสตรีท เน้นสีวัสดุทำจากอะลูมิเนียมให้ดูมีความเท่ แข็งเเรง และพรีเมียม เราจึงเห็นเคาน์เตอร์บาร์ที่เน้นเสิร์ฟสไตล์อิตาเลียน เมื่อเดินเข้ามาสั่งแล้วก็จะยืนจิบกาแฟพูดคุยกัน ส่วนด้านข้างตกแต่งด้วยต้นกาเเฟเล่าถึงเส้นทางการเพาะปลูกและการผลิตต่างๆ และชนิดของกาแฟที่คาเฟ่นี้เลือกใช้ สำหรับเมนูไฮไลต์ของที่นี่ Triple Shot Espresso ที่เรียกความฮือฮาให้กับโลกโซเชียลอย่างมาก เหมาะสำหรับคอกาแฟ เพราะเป็นเอสเปรสโซโคลอมเบียทั้ง 3 ช็อต (เหมาะกับการแชร์กับเพื่อน เพราะถ้าดื่ม คนเดียวน่าจะไม่ได้นอน) อีกทั้งในแก้วยังมีตัวหนังสือเป็นกิมมิกให้อ่านอีกด้วย นอกจากกาแฟเเล้วยังมีเจลาโตเนื้อแน่นที่นำไปเสิร์ฟเป็นเมนู Golden Affogato ช็อตเอสเปรสโซเสิร์ฟพร้อมเจลาโตมาสคาร์โปเนเนื้อเนียน รสครีมมี่ และ Golden Touch เมนูทีรามิสุราคา 1,200 บาท ที่นอกจากจะมีเจลาโตมาสคาร์โปเนและคอฟฟี่ช็อตเเล้ว ด้านล่างเป็นแป้งพัฟอบกรอบที่ส่งตรงมาจากอิตาลี ใส่แทนเลดี้ฟิงเกอร์ ท็อปด้วยแผ่นทองบริสุทธิ์เพิ่มความหรูหรามากยิ่งขึ้น ก่อนกลับลองสั่ง Dirty Matcha เข้มข้นทั้งกาแฟและชาเขียว เสิร์ฟในแก้วสีทองพร้อมกระดาษสวมแก้วที่เราสามารถเลือกอารมณ์ในเเต่ละวันได้ แล้วพรินเตอร์จะสุ่มคำคมออกมา ซึ่งครั้งนี้เราได้ “RUNNING LATE IS MY CARDIO” แบบสวยๆ สำหรับใครที่ไปแล้วอย่าลืมสั่ง Gelato Parmigiano เหมือนกับกินชีสพาร์เมซานเนื้อนุ่ม รสเค็มนวล แปลกแต่อร่อย