เพียงไม่กี่ก้าวจาก BTS ทองหล่อ เป็นที่ตั้งของร้าน Shokupan ร้านสีน้ำเงินไซส์มินิที่แค่เห็นชื่อก็รู้ทันทีว่าร้านนี้มีโชกุปังเป็นพระเอก ซึ่งเป็นสูตรที่เจ้าของร้านเรียนกับร้านโชกุปังชื่อดังของญี่ปุ่น ก่อนจะมาเปิดร้านของตัวเองในช่วงที่โชกุปังยังไม่เป็นที่รู้จักในบ้านเรามากนัก เลยนำชื่อขนมปังมาตั้งเป็นชื่อร้านเสียเลย ส่วนผสมหลักๆ ของโชกุปังที่ร้านคือแป้งญี่ปุ่น นม น้ำตาล ซึ่งกว่าจะได้โชกุปัง 1 โลฟใช้เวลาในการทำราว 4 ชั่วโมง เราอยากให้ทุกคนได้ลอง Shokupan Original เนื้อเหนียวนุ่มและมีความฟูยืดจากวัตถุดิบนำเข้า บวกกับอุณหภูมิน้ำ อุณหภูมิห้อง และอุณหภูมิของเตาที่พอเหมาะพอดี กินเปล่าๆ ก็อร่อย หรือจะเพิ่มรสชาติด้วยแยมผลไม้โฮมเมดของทางร้านก็เข้ากันดี อีกรสที่เราชอบมากคือ Choco & Banana ที่มีเนื้อกล้วยหอมจากฟาร์มออร์แกนิกของไทยที่ส่งออกไปต่างประเทศ หั่นเป็นชิ้นๆ ให้ได้เคี้ยว รสหอมหวานตามธรรมชาติ ผสมกับช็อกโกแลตรสเข้มข้น  ส่วนคนที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพแนะนำ Whole Wheat ที่ใช้จากแป้งโฮลวีตนำเข้าเช่นกัน กินง่ายไม่ฝืดคอ แถมยังใส่ธัญพืช 6 ชนิด มีประโยชน์แล้วยังเคี้ยวเพลินอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีโชกุปังรส Cranberry & Mix Seeds, Butter & Snowman, Truffle รวมถึงไส้พิเศษอย่าง Ham & Olive ที่มีขายทุกวันศุกร์ กระซิบอีกนิดว่าที่ร้านยังมีขนมปังสไตล์ญี่ปุ่นให้เลือกอีกหลายแบบ  อาทิ ขนมปังไส้แกงกะหรี่ ที่ใช้การอบแทนการทอด ขนมปังไส้ครีม ขนมปังไส้ช็อกโกแลต ขนมปังไส้มันม่วง และ เมลอนปัง ก่อนกลับอย่าลืมซื้อแยมผลไม้โฮมเมดติดไม้ติดมือไปด้วยนะ

เมื่อ “BEARHOUSE” ร้านขนมและชานม “ไข่มุกโมจิ” เจ้าแรกของเมืองไทย ได้ฤกษ์เปิดสาขาที่ไอคอนสยาม (บริเวณชั้น 5) สายหวานตัวจริงอย่างเราจะพลาดไปเยือนได้อย่างไร ฟินกับชาคุณภาพกับไข่มุกโมจิข้าวไทย ความภาคภูมิใจของคุณชาน-คุณกานต์ เจ้าของร้าน ที่มีจุดเด่นตรงทำสดใหม่วันต่อวัน ปราศจากสารกันบูด และให้สัมผัสหนับหนับที่ทำเอาสาวกชานมไข่มุกติดใจกันทุกราย เริ่มชิมจาก โมจิโรลนมฮอกไกโด โรลโมจิข้าวไทยเหนียวนุ่ม เคล้าครีมสดรสนมฮอกไกโก รสหวานมันกินอร่อย แต่สำหรับใครที่เป็นช็อกโกแลตเลิฟเวอร์ต้องนี่ โมจิโรลช็อกโกแลต เปลี่ยนจากรสนมหอมมันมาเป็นรสช็อกโกแลตรสเข้มก็ฟินได้ไม่แพ้กัน จิบคู่เครื่องดื่มชื่นใจที่คราวนี้เราสั่ง ‘Fruit Tea Series’ ซีรีส์ชาผลไม้ เมนูใหม่แกะกล่องจากทางร้าน แก้วแรกเป็น ชาเนื้อส้มนุ่มชีส ชาส้มยูซุหอมๆ รสเปรี้ยวอมหวาน เข้ากันดีกับชีสรสครีมมี มีความหวานเล็กๆ ไม่เลี่ยนแต่อย่างใด ต่อด้วย ชาเสาวรสมะม่วงนุ่มชีส ได้ความเปรี้ยวสดชื่นของเสาวรส ผสมความหวานฉ่ำของผลไม้ฤดูร้อนอย่าง มะม่วง ท็อปด้วยชีสเนื้อเนียนสุดฟิน ชาพีชลิ้นจี่นุ่มชีส ก็เข้าที ชาพีชรสหอมหวาน ไปด้วยกันได้ดีกับชีสเนื้อละมุนหอมมัน จิบเพลินๆ ยังมี ชาหอมนุ่มชีส ชาเขียวไลท์ๆ สดชื่น มิ๊กซ์กับความมันนัวของชีสที่เรารัก สุดท้ายเป็น ชาดำนุ่มชีส เมนูคลาสสิกที่ได้ใจสายหวานตลอดกาล ได้รสเข้มพอเหมาะจากชาดำชั้นดี ตัดกับรสหวานมันของชาชีสนุ่มๆ

ลึกไปจากปากซอยปรีดี พนมยงค์ 31 ไปไม่เท่าไร อาคารพาณิชย์แถวหนึ่งเก่าริมถนนที่คึกครื้นตลอดทั้งวันได้กลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ในย่าน ถ.สุขุมวิท 71 ที่ต้องยอมรับจริง ๆ ว่ากำลังเป็นย่านที่เติบโตและมีสีสันขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยร้านอาหารและคาเฟ่มากหน้าหลายตา ซึ่ง No Tuesday in Pridi ก็นับว่าเป็นหนึ่งในนั้น No Tuesday in Pridi เป็นชื่อที่ชัดเจนราวกับตะโกนออกมาเลยว่าร้านนี้ ไม่เปิดในวันอังคาร เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากจะแวะเวียนมา ก็อย่าลืมเช็กวันเวลากันให้ดี ๆ ภายใต้ชายคาของอาคารเก่า ร่องรอยแห่งวันวานนั้นอบอวลไปทุก ๆ มุม ไม่ว่าจะเป็นพื้นหินขัด ราวระเบียงเหล็กดัด และโครงสร้างดั้งเดิมของเพดานสูงและชั้นลอย แต่ในขณะเดียวกันก็สอดแทรกไปด้วยกลิ่นอายของความร่วมสมัย จากบาร์เครื่องดื่มและเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะหรือเก้าอี้ มีบรรยากาศสบาย ๆ เหมือนนั่งดื่มกาแฟที่บ้าน อาหารและเครื่องดื่มของ No Tuesday in Pridi นั้นเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความแปลกใหม่ กินมื้อเช้าก็ได้หรือมื้อสายก็ดีอย่างเช่น French Toast โชคุปังเนื้อนุ่มเคลือบไข่และน้ำตาลทรายแดงโทสต์จนผิวนอกกรอบ ราดเมเปิ้ลไซรัป ท็อปด้วยครีมชีส แต่ถ้าอยากได้ความอิ่มท้องกว่านี้ ก็มี Before Lunch ที่ใช้โชคุปังแบบเดียวกัน มาพร้อมครีมชีสและเมเปิ้ลไซรัปเหมือนกัน แต่ที่แถมมาคือ เบคอน ที่ทำให้จานนี้กลายเป็นของคาวที่กินรองท้องก่อนมื้อกลางวันได้อย่างดีเยี่ยม เครื่องดื่มของร้านที่แปลกใหม่ไม่แพ้กัน ล้วนได้แรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่หุ้นส่วนร้านชื่นชอบ จับโน่นผสมนี่จนกลายเป็นซิกเนเจอร์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น Cinnoffee กาแฟลาเต้เบลนด์โคลอมเบียที่มาพร้อมกับเทสต์โน๊ตของแอลกออล์และกล้วย เมื่อนำมาจับคู่กับซินนามอนหรืออบเชย พอดื่มแล้วจะให้รสชาติคล้ายกับกินบานอฟฟี่ มีความครีมมี่เล็ก ๆ Maprow Dirty กาแฟเดอร์ตี้ที่ไม่ธรรมดา เพราะเพิ่มความพิเศษมาด้วยไซรัปมะพร้าว ทำให้ตัวนมที่เย็นและเข้มข้นอยู่แล้วมีความานัวเพิ่มเข้าไปอีกเหมือนได้รสชาติของกะทิ อีกแก้วหนึ่งคือ Thai Tea ชาไทยที่ร้านตั้งใจเบลนด์ตัวชาให้มีรสชาติเข้มข้น ไม่หวานมาก แล้วท็อปด้วยครีมเพื่อให้มีความหอมมัน หรือถ้าใครอยากได้เครื่องดื่มซ่า ๆ มาเบรก ที่ร้านก็มี Lamon Fizzy น้ำมะนาวโซดาเย็นสดชื่นเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ไม่ควรพลาดด้วยเช่นกัน แม้ว่าจะ No Tuesday in Pridi แต่มาแล้ว Happy Everyday (ที่เปิด) แน่นอน

KanVale (กานเวลา) คราฟต์ช็อกโกแลตแบรนด์ไทยแท้จากเชียงใหม่ เดินทางมาเปิดสาขาแรกในกรุงเทพฯ ที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ ไม่ต้องรอไปกินที่เชียงใหม่แล้ว! ภายในสาขาใหม่ของกานเวลานี้ มาพร้อมกับซอฟต์เสิร์ฟ ที่รังสรรค์จากดาร์กช็อกโกแลต 70% ไม่เข้มเกินไปและไม่หวานจนเกินไป เป็นเมนูพิเศษสร้างสรรค์เพื่อคนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ ที่พลาดไม่ได้เลยก็คือเมนูเครื่องดื่มช็อกโกแลต ที่มีตัวเลือกของช็อกโกแลตทั้งร้อน-เย็น ให้เลือกถึง 3 ตัวกันคือ "Thailand Origin" การผสมผสานระหว่างโกโก้จากเชียงใหม่และประจวบคีรีขันธ์ ผ่านการหมัก 6 วันจนได้รสชาติของอัลมอนด์และองุ่นแห้ง "Chiang Mai Origin" ทำจากเมล็ดโกโก้ที่ปลูกใน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ให้รสชาติของผลไม้เมืองร้อน สอดแทรกด้วยรสเปรี้ยว และ "Klong Loi Origin" จากต้นโกโก้ในหมู่บ้านคลองลอย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีกลิ่นอายของซินนามอน คาราเมล มะพร้าวคั่ว และผลไม้สีแดงโดดเด่น นอกจากนี้ยังมีเครื่องดื่มจากชาโกโก้ มาเพิ่มความสดชื่นด้วยอีกหลากหลายเมนู และแน่นอนว่ารอบ ๆ ร้าน ก็มีผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตมาอวดโฉมกันอย่างละลานตา รวมทั้งช็อกโกแลตบาร์ที่เพิ่งได้รับรางวัลการันตีในระดับนานาชาติมาสด ๆ ร้อน ๆ อย่าง "กึ๊ดเติง" ช็อกโกแลตนมรสแกงฮังเล "แอ่วดอย" ซีตรัสช็อกโกแลตนมผสมของสมุนไพรท้องถิ่นภาคเหนือ และ "Honey Milk Chocolate with Riceberry cracker" ช็อกโกแลตที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมจากน้ำผึ้ง คนรักช็อกโกแลตไม่ผิดหวังแน่นอน            

‘Big Mark Burger’ ร้านเบอร์เกอร์น้องใหม่ในเครือเดียวกับ “กะเพราเผ็ดมาร์ค” อันโด่งดัง ที่เปิดขายในรูปแบบเดลิเวอรี่และงานอีเวนต์มาสักพักใหญ่ จนได้เวลาเปิดหน้าร้านให้ตามไปเช็คอินกันที่ซอยสุขุมวิท 28 จุดเด่นคือตัวร้านขนาดใหญ่ 2 ชั้นสีแดงขาวที่มีมาสคอตรูปน้องเบอร์เกอร์สุดเก๋ ชวนให้อยากเดินเข้าไปสัมผัสความน่ารักสดใสด้านในเลยล่ะ โดยตัวเบอร์เกอร์ของทางร้านจะมาพร้อมความเข้มข้นของเนื้อที่ผ่านการหมักและปรุงรสอย่างพิถีพิถันจนได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ กินคู่กับขนมปังโฮมเมดและซอสพริกศรีราชามะเขือเทศสูตรเด็ดของร้าน เราเลือกเป็น BigMark Burger Beef Set (319.-) เซ็ตเบอร์เกอร์เนื้อวัวแบล็กแองกัสนำเข้าจากออสเตรเลีย ที่หมักด้วยซอสรสเข้มข้นก่อนนำไปดรายเอจไว้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ ตัวเนื้อย่างมาสุกฉ่ำกำลังดี พร้อมด้วยเบคอนกรอบ ผักกาด มะเขือเทศ และชีส เข้ากับขนมปังกรอบนอกด้านในนุ่ม โดยสามารถเลือกจับคู่เฟรนช์ฟรายส์หรือแฮชบราวน์ได้ตามความชอบ มาพร้อมเครื่องดื่มรีฟีลที่เติมได้ไม่อั้น อิ่มอร่อยคุ้มราคาแน่นอน

จากคาเฟ่ที่เป็นเหมือนบ้านพักตากอากาศย่านเอกชัย สู่ร้านบรันช์สุดอบอุ่นสาขาใหม่บนถนนพหลโยธิน OIKOS Brunch & Bar ที่พร้อมเสิร์ฟอาหารมื้อสายแสนอร่อย รวมถึงเครื่องดื่มรสชาติดีหลากหลายเมนู ให้ได้มาเอ็นจอยกันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ โดยยังคงคอนเซ็ปต์การตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นผสมสแกนดิเนเวีย ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตาเช่นเดียวกับสาขาแรก เริ่มกันที่ Oikos Signature Brunch (380.-) อาหารเช้าจานใหญ่สารอาหารครบถ้วนทั้ง ไข่กวน เบคอน ปารีสแฮม ไส้กรอก เห็ด และสลัดผัก เสิร์ฟพร้อมทิมเบอร์ริง หรือครัวซองค์โฮมเมดกรอบนอกนุ่มในสูตรเฉพาะของร้าน ต่อด้วย Ham and Cheese Panini with Fries (320.-) แซนด์วิชขนมปังซาวโดวจ์ สอดไส้ปารีสแฮมที่เสริมรสชาติด้วยแตงกวาดอง หอมแดงและชีส เค็มมันกลมกล่อม มาพร้อมเฟรนช์ฟรายส์อร่อยลงตัว ในส่วนของเมนูโทสต์แนะนำ Crab Toast (340.-) โชคุปังโฮมเมดเนื้อนุ่มไปด้วยกันได้ดีกับซอสครีมสลัด ท็อปด้วยเนื้อปูชิ้นโต อะโวคาโดและสาหร่าย หอมมันกลมกล่อมและ Vanilla Toast (320.-) โทสต์ของหวานสุดลงตัวจากขนมปังโชคุปัง ราดด้วยซอสวานิลลาหอมๆ กินพร้อมผลไม้สด และบานาน่าบลูเล่ หวานกรอบน้ำตาลไหม้ สุดท้ายเครื่องดื่ม Lychee Oulong Tea ชาอูหลงผสานมากับน้ำลิ้นจี่ หอมเบาดื่มง่าย กินแล้วสดชื่นเป็นที่สุด

สิ้นสุดการรอคอย เมื่อ ‘Jérôme Cheesecake’ แบรนด์ Basque Cheesecake ชีสเค้กหน้าไหม้ชื่อดังจาก Ginza โตเกียว มาปักหมุดนอกประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกในบ้านเราแล้วที่ร้าน Mont Blanc สาขาทองหล่อ 13 ซึ่งเป็นการ Collab กันระหว่างเชฟเดช คิ้วคชา รองกรรมการผู้จัดการและเชฟใหญ่ บริษัท คชา บราเธอร์ส จำกัด และเชฟ Jérôme Quilbeuf อดีต Head Chef จาก ‘Sant Pau’ ร้าน 3 ดาวมิชลิน ประเทศสเปน และเป็นเจ้าของแบรนด์ ‘Jérôme Cheesecake’ อันโด่งดังนั่นเอง ความพิเศษของ Jérôme Cheesecake อยู่ที่วัตถุดิบระดับพรีเมียม ไม่ว่าจะเป็นนมจากฮอกไกโด และชีสจากแคว้นบาสก์ ประเทศสเปน บวกกับสูตรการทำเฉพาะตัวของเชฟ Jérôme ชีสเค้กจึงเต็มไปด้วยความเข้มข้น กลิ่นหอมนวล เนื้อเบา ส่วนตรงกลางจะเยิ้ม นุ่มละลายในปาก และด้วยความพิเศษนี้เองทำให้ Jérôme Cheesecake ได้ไปร่วมงานกับแบรนด์ดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Blue bottle Coffee , Nespresso Japan รวมถึง Godiva นอกจากจะได้นั่งละเลียด Jérôme Cheesecake’ กันแบบเพลินๆ แล้ว ที่ร้าน Mont Blanc ทองหล่อ 13 ยังเป็นร้าน Stand Alone ใหม่แกะกล่อง โดยเชฟเดชมาพร้อมเมนูมองบลังก์มาเอาใจคนรักขนมหวานหลายเมนูด้วยกัน อาทิ Matcha Mont Blanc เมื่อตักแล้วจะเจอกับความอร่อยหลายเลเยอร์ ทั้ง Honey Cake , Yuzu Kantan , Warabi Mochi, ไอศกรีมรสยูซุเปรี้ยวสดชื่น ,Sea Salt แล้วท็อปด้วย Matcha Mont Blanc เนื้อเนียนนุ่ม หอมกลิ่นมัตฉะ   ส่วน Kuri Mont Blanc ก็ดีงามไม่แพ้กัน ด้านในเป็นไอศกรีมนมแบบชูการ์ฟรี แล้วท็อปด้วย Chestnut Mont Blanc ที่หอมมัน ด้านบนตกแต่งด้วยแมคคาดาเมียและถั่วคุโระมาเมะ นอกจากนี้ยังมีเมนูเครื่องดื่มอย่าง Marron Shake ความลงตัวของนมสด เกาลัดและตองก้าบีน รวมถึงเมนูมัตฉะอื่นๆ ก็โดดเด่นไม่แพ้กันเลย

รายล้อมไปด้วยความเรียบง่ายของอาคารแถวเก่าแก่ภายในตลาดทรัพย์สินฯ แปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา ณ มุมนึงที่เกือบติดกับแม่น้ำบางปะกงนั้นโดดเด่นสะดุดตาด้วยหน้าร้านที่แตกต่างไปจากอาคารแถวห้องอื่น ๆ จากกลิ่นอายของความคลาสสิคแบบตะวันตก อบอุ่นด้วยโทนสีเขียวเข้มและสีน้ำตาลจากไม้ พร้อมด้วยกระรอกตัวสีทอง ที่เป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เรารู้ว่าได้มาถึง Beurre & Boulanger (เบิร์ค แอนด์ บูลองเช่) ร้านครัวซองต์เจ้าดังของแปดริ้วแล้ว ไม่ใช่แค่หน้าร้านเท่านั้นที่ต้อนรับด้วยโอบกอดที่แสนอบอุ่น เมื่อเข้ามาภายในแล้วก็จะได้รับอีกสัมผัสด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของครัวซองต์อบใหม่ที่ชวนอุ่นไปทั้งใจพร้อม ๆ กับชวนน้ำลายสอในเวลาเดียวกัน และตรงกันข้ามกับตู้โชว์กระจกใจที่เรียงรายไปด้วยครัวซองต์มากหน้าหลายตานั้นคือห้องอบขนมที่เปิดให้ทุกคนได้เห็นกรรมวิธีการอบขนมกันสด ๆ การันตีว่าขนมของที่นี่โฮมเมดทุกชิ้นแน่นอน   Beurre & Boulanger มอบประสบการณ์การกินครัวซองต์ในแบบที่ต้องตาโตร้องว้าว เพราะเพียงแค่รสชาติ Plain นั้นก็มีให้ลองถึง 2 แบบด้วยกันคือ Butter Croissant A1 ครัวซองต์เนยฝรั่งเศสที่ให้กลิ่นหอมเนยเข้มข้น และ Butter Croissant A2 ครัวซองต์ที่ให้กลิ่นเนยฝรั่งเศสที่หอมนุ่มนวล โดยตัว A1 นั้นจะเป็นสูตรที่ทางร้านนำมาใช้กับครัวซองต์รสชาติซิกเนเจอร์อื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Crème Brûlée Croissant ครัวซองต์รสเครมบรูเล่ ที่ได้ทั้งความหอมเนยจากตัวแป้งและความนุ่มนวลจากเครมบรูเล่มาผสานกันอย่างลงตัว เสริมรสชาติด้วยผลไม้รสเปรี้ยวอย่างบลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ และส้ม Strawberry Matcha Croissant ก็เป็นอีกหนึ่งรสชาติยอดนิยมของร้าน เพราะการผสมผสานที่แตกต่างแต่ลงตัวของมัทฉะเข้มข้นแทรกรสชาติหวานนิด ๆ จากญี่ปุ่นกับรสชาติหวานอมเปรี้ยวของสตรอว์เบอร์รี่ บวกกับหน้าตาสุดอลังการและสีเขียวและแดงราวกับเทศกาลคริสต์มาส จึงเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ขึ้นกล้องสุด ๆ ส่วนของคาวที่ฮอตฮิตไม่แพ้กันต้องยกให้กับ Salmon Spinach Croissant ครัวซองต์เนื้อกรอบนอกนุ่มในโปะมาด้วยแซลมอนรวมควันชิ้นใหญ่ ผักโขม และชีส ที่ต้องเซอร์ไพรส์กับไส้ที่สอดมาแน่นๆ สามารถกินเป็นหนึ่งมื้อเบา ๆ ได้อยู่ท้องกำลังดี นอกจากครัวซองต์ที่นี่ก็มีเมนูเครื่องดื่มกาแฟ ช็อกโกแลต และชา ให้จิบคู่กันด้วย โดยมีเมนู Dark Chocolate เป็นตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้าม เพราะในแก้วนี้ใช้ช็อกโลแลตตัวเดียวกับที่ใช้ทำครัวซองต์ดาร์กช็อกโกแลตของร้านด้วย ไม่ใช่แค่ครัวซองต์เท่านั้นที่เป็นทีเด็ด ถ้าอยากลิ้มลองหลาย ๆ เมนู ที่นี่ก็ยังมีทั้งสโคนและฮันนี่โทสต์พร้อมเสิร์ฟด้วยเช่นกัน

ส่งตรงความเท่จากแดนอาทิตย์อุทัยมาถึงกรุงเทพฯ แล้วที่สยามสแควร์วัน สำหรับ niko and... แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่นิยามตัวเองว่าเป็น “style editorial brand” นอกจากจะมีเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ ของใช้ไลฟ์สไตล์ รวมถึงโปรดักต์ที่ร่วมคอลแลบกับศิลปินชื่อดังแล้ว ที่นี่ยังมี niko and ... COFFEE คาเฟ่บนชั้น 3 ที่พร้อมเสิร์ฟเมนูซิกเนเจอร์ของที่ร้านอย่าง นิโกะปัง (niko pan) ให้ได้ชิมกันด้วย สำหรับจุดเด่นของนิโกะปังคือขนมปังนุ่มๆ อบใหม่ทุกวัน เลือกได้ทั้งไส้คาวและไส้หวาน (สำหรับสาขาที่ไทยพิเศษตรงที่บนขนมปังจะมีตรา niko and... ปั๊มอยู่ด้วย) ไส้คาวฮอตฮิตแน่นอนว่าเป็น Egg Salad สลัดไข่อันโด่งดัง Tuna Salad สลัดทูน่า รวมถึง Hot Dog ฮอตด็อกชิ้นโตกับมัสตาร์ดและซอสพริก ตัดรสด้วยแตงกวาดองที่เหมาะกับเป็นมื้อสาย อีกทั้งขยันทำรสชาติใหม่ออกมาให้ตื่นเต้นกัน (ล่าสุดทำไส้หมูสะเต๊ะกินคู่กับอาจาด ครีเอตสุดๆ) ส่วนไส้หวานอย่าพลาด Fruits & Cream รสหวานสดชื่นของผลไม้เข้ากันดีกับครีมนุ่มๆ จับคู่กับเครื่องดื่มอย่าง Choco Berry Smoothie ที่ได้ทั้งรสเข้มข้นและหอมหวานในแก้วเดียว ส่วนคอกาแฟก็ไม่ผิดหวังเพราะที่นี่มีเมล็ดกาแฟจากหลายแห่งให้เลือกสั่ง อิ่มแล้วจะเดินกลับไปช้อปปิ้งอีกรอบก็ไม่ผิดกติกา

ชวนไปเอ็นจอยกับมัตฉะคุณภาพเยี่ยมในคาเฟ่น้องใหม่ไซส์กะทัดรัดย่านแบริ่ง ‘ Yume Matcha ’ ที่ตกแต่งร้านมาในบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นแบบสตรีท สามารถแวะเช็คอินถ่ายรูปเก๋ๆ กันได้ทุกมุม ทางร้านแบ่งเป็นโซนเอาต์ดอร์ที่ต้องสะดุดตากับเสาแดงโทริอิและถนนทางม้าลาย ซึ่งมีการจัดโซนที่นั่ง ไว้อย่างเป็นสัดส่วน ส่วนภายในตกแต่งมาแบบเรียบง่าย โดยมีเคาน์เตอร์บาร์อยู่กลางร้านให้เราสามารถมองเห็นทุกขั้นตอนการชงกันแบบสดใหม่แก้วต่อแก้ว ที่นี่เน้นเสิร์ฟเป็นมัตฉะเกรดพิธีการคู่กับขนมโฮมเมดที่ใครได้ลองเป็นต้องติดใจอย่าง Kagayame Matcha (160.-) มัตฉะเบลนด์สูตรพิเศษของร้าน ชงจาก Samidori และ Okumidori ให้รสชาติอูมามิมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ต่อด้วย Matcha Coconut  (140.-) แก้วนี้สดชื่นด้วยน้ำมะพร้าวสดผสานมากับ Kagayame Matcha หอมหวานดื่มง่าย หรือจะเลือกเป็น Matcha Dirty (120.-) โดยทางร้านเลือกใช้เป็นมัตฉะสายพันธุ์ คุเอ็นโนะ ที่แบ่งเลเยอร์กับนมสดมาอย่างสวยงาม รสชาตินุ่มนวลกลมกล่อม สำหรับขนมโฮมเมดแนะนำ Matcha Banoffee (150.-) ตัวฐานทำจากแครกเกอร์โอริโอ้บดไปด้วยกันได้ดีกับ ซอสมัตฉะจากมัตฉะเมืองอูจิ ตัดความเข้มข้นด้วยกล้วยหอมรสหวานละมุนและครีมสด ท็อปด้วยผงมัตฉะแบบไม่หวง รสหวานน้อย เข้ากันอย่างลงตัว Warabi Mochi (95.-) วาราบิโมจิกวนสด เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบกำลังดี คลุกมากับผงถั่วคินาโกะนำเข้าจากญี่ปุ่น ราดด้วยคุโรมิตซึกินเพลินสุดๆ

จากกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดของ Rintaro ร้านไอศกรีมเจ้าดังสัญชาติญี่ปุ่น ที่เปิดสาขาแรกย่านพระโขนงในโครงการ  W District และสาขา 2 ที่ซอยอารีย์ (พหลโยธิน 8) ล่าสุดได้ขยายความอร่อยมายังเจริญกรุงกับสาขาที่ 3 ใน โรงแรม เดอะ สลิล ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ สำหรับสาขานี้ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ริมสระน้ำของโรงแรม เป็นคาเฟ่ขนาดกะทัดรัด ใช้คู่สีน้ำเงิน-เหลือง ดูน่ารัก แถมยังมีมุมถ่ายรูปหลากหลายทั้งริมสระและวิวสวยริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สามารถเดินถือไอศกรีมรสโปรดไปคลายร้อนได้อย่างหนำใจ แต่สิ่งที่ทำให้รินทาโรกลายเป็นหนึ่งในหวานใจของร้านไอศกรีมแสนโปรดคือไอศกรีมที่ทำสดใหม่ทุกวันจากวัตถุดิบคุณภาพ ปราศจากการใส่สีและสารเคมี อีกทั้งยังใช้น้ำผึ้งเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ทำให้รสชาติและรสสัมผัสที่ได้มาจากธรรมชาติแท้ๆ ซึ่งทุกรสชาติรังสรรค์โดยคุณชิน-ชินทาโร นากาจิมะ เจ้าของร้านรินทาโร ที่นำจุดเด่นของผลไม้แต่ละชนิดและวัตถุดิบคุณภาพมาสร้างสรรค์เป็นรสชาติของไอศกรีม โดยวัตถุดิบที่เป็นตัวชูโรงเหล่านั้นมาจากเกษตรกรไทยในภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เกลือน่าน เสาวรสเชียงราย โกโก้ชุมพร สับปะรดสายพันธุ์ภูเก็ต ชาไทยโมจิ มังคุดนครราชสีมา และมะม่วงจากแหล่งที่ดีที่สุดในไทยมาครีเอตเป็นเมนูพิเศษที่เสิร์ฟเฉพาะสาขาเดอะสลิลเท่านั้น โดยคุณชินทาโรได้ขนไอศกรีมมาให้ลิ้มรสกว่า 20 รสชาติ สามารถเลือกชิมทุกรสได้ในราคาคำละ 5 บาท หรือใครที่มีรสในใจอยู่แล้ว จะสั่งเป็นถ้วยหรือโคนรสเมเปิลและรสช็อกโกแล็ตก็อร่อยได้ไม่ซ้ำใคร ในราคา 130 บาท (เลือกได้ 2 รสชาติ) เราเลือก Japanese Sweet Potato ไอศกรีมรสมันหวานญี่ปุ่น เนื้อเนียนละเอียด ได้รสหวานเล็กน้อย จับคู่กับ Camembert & Mixed Nuts Pralines กามองแบร์ชีสนำเข้าจากประเทศฝรั่งเศส มีส่วนผสมของอัลมอนด์ และวอลนัต รสหอมหวานละมุนลิ้น และ Chumphon Cacao หรือ โกโก้ชุมพร เข้ากันได้ดีกับ Cassis Orange คาสซิส ออเรนจ์ ได้ความเข้มข้นของโกโก้ตัดกับรสเปรี้ยวหวานสดชื่น อร่อยลงตัวมากๆ แต่นอกจากไอศกรีมที่ทำจากวัตถุดิบของไทยแล้ว ทางร้านยังมีไอศกรีมที่ทำจากวัตถุดิบของญี่ปุ่นมาเสริมทัพอีกด้วย เช่น มันหวานญี่ปุ่น งาดำโมจิ โฮจิฉะโมจิ ชาวเขียว และยูซุ อร่อยทุกรสชาติเลย

คาเฟ่ริมถนนข้าวหลามที่มีจุดขายเป็นครัวซองต์เกือบ 100 รายการจากเชฟฝีมือดีศิษย์เก่าเลอ กอร์ดอง เบลอ ที่หลงใหลในขนมสไตล์ฝรั่งเศส ครัวซองต์ผิวกรอบนุ่มใน ฉ่ำลิ้นด้วยเนยอย่างดีซึ่งเป็นหนึ่งในวัตถุดิบสำคัญที่ช่วยชูรสชาติความอร่อยและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว กลืนลงคอก็ยังอบอวลในปากและไม่ทิ้งคราบมันให้รำคาญใจ เช่นเดียวกับวัตถุดิบอื่นๆ ที่เชฟตั้งใจคัดสรรที่ดีที่สุด แม้ต้นทุนจะสูงแต่สวนทางกับราคาขาย เพราะเป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกเปิดร้านที่อยากให้คนรักครัวซองต์ได้กินขนมอร่อยแบบมีความสุขได้ทุกวัน บรรยากาศยังเหมาะเป็นจุดพักเช็คอินและถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก โซนห้องแอร์คุมโทนด้วยสีเขียวตัดด้วยลายเส้นสีทองหรูหราให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในคาเฟ่กลางกรุงปารีส ส่วนด้านนอกตกแต่งด้วยสัญลักษณ์และสถานที่ไฮไลท์ของฝรั่งเศสเช่นหอไอเฟล และลาเมซองโรส เป็นต้น สำหรับเมนูทั้งหมดอบร้อนๆ พร้อมเสิร์ฟวันต่อวัน วางเรียงรายในตู้ให้เลือกสั่งได้ตามชอบ แนะนำเริ่มที่ Pain Au Chocolate ครัวซองต์สอดไส้ดาร์กช็อคโกแลต 70% ไม่หวานมาก ชิ้นนี้จับคู่กับเครื่องดื่มแก้วไหนก็เข้ากัน  Truffle Croissant ครัวซองต์ไส้เห็ดทรัฟเฟิลชีส เชฟใช้ Parmesan Cheese และ Mozzarella Cheese ผสมกับ Truffles Paste และ Truffle Oil ครัวซองต์ชิ้นนี้จึงหอมเนยเป็นพิเศษและยังเต็มไปด้วยรสสัมผัสของทรัฟเฟิลแบบเต็มปากเต็มคำ นอกจากไลน์ครัวซองต์ยังมีขนมอบที่ขายดีไม่เป็นรองคือ Garlic Cream Cheese ทำจากแป้งขนมปังสูตรฝรั่งเศสที่เนื้อสัมผัสหนึบแน่นกว่าทั่วไป ด้านในอัดแน่นด้วยครีมชีส เคลือบเนยกระเทียม อบจนฟูหอมขึ้นสีสวย รสชาติเค็มๆ มันๆ ไม่รู้สึกเลี่ยนแม้แต่น้อย หรือจะเป็น Pain Suisse แป้งกรอบหอมนุ่ม สอดไส้ครีมหวานมันด้านใน อีกชิ้นที่ขายดีมีเท่าไหร่ก็หมดคือ Almond Croissant เด่นที่อัลมอนด์สไลซ์ท็อปหน้าแน่นๆ ชิ้นนี้รสมีหวานนิดๆ ผสานความกรุบมัน เคี้ยวเล่นได้เพลินๆ หมดชิ้นไม่รู้ตัว อยากให้ลอง Apple Pie เชฟเปลี่ยนจากแป้งพัฟมาใช้แป้งครัวซองค์ สอดไส้ทำจากแอปเปิ้ลเขียวและแดงหั่นเต๋า ผัดกับเนยและเหล้ารัมจนนุ่มนวลแต่ยังมีเทกเจอร์สู้ลิ้นนิดๆ เป็นชิ้นที่ลองครั้งแรกแล้วอยากกินซ้ำ ในตู้ยังมีขนมอบอร่อยๆ วางอวดโฉมให้เราสนุกกับการเลือกซื้อ แต่คงต้องรีบไปแต่หัววัน เพราะหลายชิ้นไม่ทันบ่ายก็ขายหมดแล้ว    หากนั่งกินที่ร้านแล้วติดใจอยากซื้อกลับบ้านก็ไม่ต้องกังวล เพราะสามารถใส่ตู้เย็นไว้อยากกินเมื่อไหร่ก็หยิบมาอุ่นร้อนๆ ระดับความกรอบ หอม ฉ่ำลิ้นเหมือนนั่งกินที่ร้านไม่มีผิด

หนึ่งในร้านเก่าแก่ย่านบางแคที่ฟู้ดดี้มองข้ามไม่ได้ อย่างไรเสียต้องมีชื่อ “สิงห์ทองเบเกอรี” ร้านเบเกอร์รีในตำนานที่ขายมานานกว่า 60 ปีร่วมด้วย เมนูตัวตึงที่พลาดไม่ได้เลยคือ ‘ท๊อฟฟี่เค้ก’ หน้าแน่นๆ แป้งนุ่ม เรียกได้ว่าใครที่อยากลิ้มลองต้องรีบมาจับจองกันตั้งแต่ร้านเปิด ส่วนขนมอื่นๆ ก็ได้คะแนนความนิยมไปไม่น้อยเหมือนกัน ด้วยความที่รสชาติคุ้นลิ้นและราคาที่น่ารัก (มากมาย) ครั้งนี้เราแวะมาชิมที่สาขาท่ารถเมล์ ใกล้ๆ MRT บางแค (ทางออกที่ 3) เริ่มต้นจากเมนูในตำนานอย่าง ท๊อฟฟี่เค้ก ตัวแป้งเค้กแน่นนุ่มกำลังดี ท็อปด้วยเม็ดมะม่วงหิมพานต์กรุบกรอบ เคล้าคาราเมลรสเค็มหวาน ตามด้วย โรลวานิลลา ทำสดใหม่วันต่อวัน แป้งนุ่มฟู หอมกลิ่นวานิลลาเล็กๆ กินพร้อมครีมรสหอมมัน หรือใครชอบ โรลกาแฟ ที่นี่ก็มีนะ ตัวแป้งยังคงนิ่มเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกลิ่นกาแฟรสเข้มพอเหมาะ ขนมปังเนยสด ชิ้นใหญ่จุใจ ตัวเนื้อแป้งเหนียวนุ่ม ท็อปด้วยเนยสดและน้ำตาลทราย ขนมปังไส้ไก่ ก็มี ชิ้นมินิน่ารัก ได้รสชาติไก่เต็มคำ พายข้าวโพด ก็ขายดี ได้ความกรุบกรอบจากแป้งพายอย่างเต็มพิกัด เข้ากันดีกับซอสข้าวโพดรสหวานมัน ต่อด้วย เนยแท่ง สำหรับใครที่ชอบความหวานมันเป็นพิเศษ ยังมี ครีมฮอร์น ที่เนื้อแป้งเหนียวนุ่ม สอดไส้ครีมรสหวานมันไว้อย่างมหาศาล จบด้วย เค้กกาแฟ รสหวานพอดี ตัวครีมหอมมันเคล้าเนื้อเค้กกาแฟฟูๆ นุ่มนิ่ม ตกแต่งหน้าด้วยลูกกวาดหลากสีสัน

“Manita Café” คาเฟ่บรรยากาศโฮมมี่ที่เสิร์ฟเค้กโฮมเมดหน้าตาดี มาแล้วกว่า 10 ปี ตัวร้านโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านหน้าของหมู่บ้านศุภาลัยการ์เด้นวิว จังหวัดระยอง ห้องกระจกใสที่ล้อมรอบด้วยสวนสวยเขียวขจีร่มรื่น ด้านในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีฟ้าน้ำทะเลสดใส เข้ากันดีกับผนังสีขาวเพนต์ลายการ์ตูนน่ารักรูปหม่ามี้จูงมือลูกสาว ซึ่งเปรียบเสมือนตัวเจ้าของร้านและ ‘น้องนิต้า’ ลูกสาวของเธอนั่นเอง จึงไม่แปลกที่เมนูใน Manita Café จะเน้นเสิร์ฟเป็นจานอร่อยที่น้องนิต้าชอบ ไม่ว่าเป็นแซนด์วิช ขนมเค้กโฮมเมด และเครื่องดื่มสดชื่น ที่ตกแต่งมาอย่างจัดเต็ม น่าตื่นตาตื่นใจสำหรับน้องๆ หนูๆ นั่งเอง ตัวแรกเราสั่ง Ham Cheese Sandwich หอมกรุ่นมาแต่ไกล ขนมปังปิ้งชิ้นโตๆ ผิวนอกเกรียมนิดๆ ประกบชีสเยิ้มครีมมีและแฮมรสเค็มที่เรารัก ต่อด้วย Double Chocolate Fudge ชิ้นนี้สำหรับสาวกช็อกโกแลตโดยเฉพาะ เค้กช็อกโกแลตสไตล์โฮมเมดรสเข้มข้น ตัวแป้งให้สัมผัสนุ่มฟู สลับชั้นกับพุดดิ้งช็อกโกแลตรสหวานกำลังดี ตกแต่งด้วยวิปครีมและทองคำเปลวหรูหรา Coconut Malibu Cake หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ประจำร้าน เค้กมะพร้าวรสหวานมันเต็มพิกัดที่ได้จากกะทิสด เนื้อสัมผัสนุ่มแน่นกินเพลินๆ จิบคู่ Strawberry Shakerato Lemonade กาแฟเย็นสไตล์อิตาเลียนรสเข้มพอเหมาะ เคล้าน้ำสตรอว์เบอร์รีรสเปรี้ยวอมหวาน และน้ำเลมอน สดชื่น เอาใจคนรักกาแฟต่อเนื่องด้วย Manita Coffee Frappe กาแฟสูตรเฉพาะของทางร้าน ที่อัดแน่นไปด้วยรสชาติจากเอสเปรสโซ่ช็อต  คาราเมล หอมหวาน ถั่วเฮเซลนัท ซินนามอน และเจลลี่ เนื้อนุ่มเด้ง จิบคลายร้อนชื่นใจ

ใครเป็นแฟนคลับร้านชีสบอร์ดเจ้าดังในโลกออนไลน์ อย่าง ‘Nokky's Charcuterie’ อย่าลืมตามไปเช็คอินความอร่อยกันที่ DATE by Nokky's Charcuterie ซึ่งเริ่มเปิดหน้าร้านในรูปแบบคาเฟ่และไวน์บาร์ได้ไม่นานนี้ พร้อมต้อนรับให้ทุกคนมาเอ็นจอยกับสารพัดเมนูชีสเกรดพรีเมียม ภายในร้านสุดน่ารักขนาดกะทัดรัดที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความอบอุ่น ตัวร้านด้านนอกตกแต่งออกมาได้สดใสจากโทนสีส้มชวนสะดุดตา ด้านในแบ่งออกเป็นชั้นลอยที่จัดวางเฟอร์นิเจอร์ไว้ได้อย่างเป็นสัดส่วน  ส่วนชั้นล่างเป็นโต๊ะไม้ยาวตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่อยากนั่งแฮงค์เอาต์ จิบไวน์ชิลๆ พูดคุยกันได้สะดวกเลยล่ะ มาแล้วห้ามพลาด Charcuterie Set เราเลือกเป็น Original Set ไซส์ S ประกอบด้วยชีส 3 ชนิด คือ เชดดาร์ชีส บรีชีส และสโมกกูวดาชีส มาพร้อมตัวโคลด์คัตอย่างซาลามีและโชริโซ รวมถึงองุ่น แครนเบอร์รี อัลมอนด์ วอลนัต น้ำผึ้ง และแครกเกอร์ ต่อด้วย Signature Baked Brie (350.-) ชีสบรีอบร้อนชิ้นโต มีเนื้อสัมผัสคล้ายครีมราดมาด้วยซอสราส์ปเบอร์รีสูตรของร้าน กินคู่กับแครกเกอร์โรสแมรี่เข้ากันได้อยากลงตัว เครื่องดื่มแนะนำ Apple date (109.-) น้ำแอปเปิลหอมหวานที่นำไปต้มกับเครื่องเทศ 5 ชนิดเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติ ดื่มแล้วได้ความสดชื่นตัดเลี่ยนได้เป็นอย่างดี

สัมผัสความน่ารักอบอุ่นละมุนใจที่ Daisie May's Home Cafe ในซอยเอกมัย 22 ที่คุณแยม ธัญญกัญญ์ เจ้าของร้าน ได้เนรมิตพื้นที่ชั้นล่างของบ้านให้กลายเป็นคาเฟ่บรรยากาศสบายๆ เรียบง่ายเป็นกันเอง พร้อมเสิร์ฟเมนู  All day breakfast สไตล์โฮมเมด ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้ทานอาหารจากฝีมือคนในครอบครัว ภายในตกแต่งมาด้วยโทนสีเหลืองครีมชวนให้รู้สึกสดใสสบายตา เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อนที่วางประดับไว้อยู่ทั่วทุกมุมร้าน โดยมีกิมมิกน่ารักๆ อย่างโซนเอาท์ดอร์หลังบ้าน ที่ทางร้านจัดเป็นสวนสไตล์อังกฤษ ซึ่งมาพร้อมกับน้ำพุ ชิงช้า และกระบะทรายสนามเด็กเล่นขนาดย่อม ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวใหญ่ ที่อยากพาน้องๆหนูๆ มานั่งชิล เล่นผ่อนคลายได้ตลอดวัน เมนูแรก Egg Benedict Easter Ham (245.-) ไข่เบเนดิกต์และแฮมชิ้นโตท็อปมาบนขนมปังซาวโดวจ์ ที่นำไปกริลล์และปรุงรสตามสูตรของร้าน ราดด้วยซอสฮอลันเดสโฮมเมด รสเข้มข้นกลมกล่อม ต่อด้วย Fried Seabass Soft Taco (250.-) แป้งทาโก้นิ่มอัดแน่นมาด้วยปลากระพงทะเลชุปแป้งทอดกรอบ ผักกะหล่ำม่วงซอย ผักชี และมะเขือเทศ เสิร์ฟพร้อมซอสดิปสไปซี่มาโย และครีมมีอะโวคาโดโฮมเมด Creamy Lemon Fettucine (295.-) เส้นพาสต้าเหนียวนุ่มคลุกเคล้ามากับซอสครีมเลมอนรสเปรี้ยวนิด เค็มหน่อย ท็อปด้วยแซลมอนชิ้นโตที่กริลล์มาได้สุกกำลังกิน แนะนำให้บีบมะนาวลงไปก่อนรับประทานเพื่อเพิ่มความสดชื่น ปิดท้ายด้วยเมนูของหวาน Apple Pie (250.-) แป้งพายเนื้อร่วนสอดไส้แอปเปิลพายหอมกลิ่นชินนามอนมาแบบฉ่ำๆ กินพร้อมไอศกรีมวานิลลา รสเปรี้ยวหวานตัดกันได้อย่างลงตัว

งานนี้เอาใจคนรักของหวานอย่างเต็มพิกัด เพราะเราจะพาไปชิมขนมโฮมเมดที่ The Lobby Lounge ในโรงแรม Hyatt Regency Bangkok Sukhumvit ลิ้มลองของหวานต่างๆ ทั้งซิกเนเจอร์และเมนูฤดูกาล ที่เพียบพร้อมไปด้วยรสชาติฟินๆ และดีไซน์สวยเก๋ เหมาะแก่การซื้อเป็นของขวัญให้คนพิเศษ พร้อมเสพบรรยากาศฟิลดีโฮมมี่ปนหรูหราในแบบฉบับล็อบบี้เลาจ์ ชิ้นแรกเราสั่ง Blueberry Cheese Mousse Cake ตัวฐานเป็นครัมเบิ้ลกรุบกรอบที่เราคุ้นเคย ตามด้วยมูสบลูเบอร์รีเนื้อนุ่ม รสหวานหอม แซมด้วยรสเปรี้ยวของบลูเบอร์รีนิดๆ ท็อปด้วยบลูเบอร์รีสดมหาศาล ต่อด้วย Strawberry Tart ทาร์ตสตรอว์เบอร์รีในดวงใจสายหวาน ได้รสหอมมันจากครีมสูตรเฉพาะ ผสานกับผลสตรอว์เบอร์รีลูกโตฉ่ำ เข้ากันดีกับเนื้อทาร์ตกรุบกรอบที่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นเนย Green Tea Cake เค้กรูปโดมสีเขียวน่าลิ้มลองนี้คือ เค้กชาเขียวสไตล์โฮมเมดที่หลายคนเลิฟ เนื้อเค้กนุ่มฟู เข้ากันดีกับครีมมัตฉะรสหวานพอดี และถั่วแดงกวนเนื้อเนียน จิบพร้อม Mango Milli มิลเชกมะม่วงสายพันธุ์น้ำดอกไม้ รสหวานฉ่ำกำลังดี ท็อปด้วยวิปครีมพูนๆ Matcha Cookies เครื่องดื่มที่ครีเอทจากคุกกี้มัตฉะ หนึ่งในขนมอบประจำโรงแรม ปั่นพร้อมนมสดคุณภาพ และ Unicorn Bubble Gum ที่ล่อใจเราด้วยสีสันสดใส โดดเด่นด้วยรสหวานหอมของไอศกรีมเรนโบว์ ดูดพร้อมวิปครีมปุกปุยและมาร์ชแมลโล ก่อนกลับอย่างลืมซื้อคุกกี้ไว้ไปจิบกับชาที่บ้านด้วย

คาเฟ่ฮอปเปอร์คนไหนมีโอกาสมาเที่ยวจังหวัดระยองต้องลองแวะ “Luscious Garden Café” คาเฟ่สไตล์อังกฤษร่มรื่นที่เย้ายวนคุณด้วยอาหารโฮมคุกสูตรคุณแม่ และขนมอบร้อนๆ จากเตา มาพร้อมบรรยากาศเย็นสบายจากสวนสวยสไตล์อังกฤษ แวดล้อมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เขียวขจี ที่คุณสามารถพาน้องหมาและแมวมาวิ่งเล่นได้อย่างสบาย (Pet Friendly)  ส่วนด้านในเป็นโซนห้องแอร์เย็นฉ่ำที่เน้นการตกแต่งด้วยสีขาวนวลเป็นหลัก ทั้งผนังอิฐแข็งแรง เฟอร์นิเจอร์ และเคาน์เตอร์บาร์รับออเดอร์ เรียกน้ำย่อยกันก่อนกับ สลัด Luscious เมนูดาวเด่นที่ใครมาก็ต้องสั่ง หมูย่างเนื้อนุ่มหอม กินกับไข่ต้มอิ่มเอม และผักสลัดกรุบกรอบ ราดน้ำสลัดสูตรเฉพาะที่ได้รสชาติหวานมันจากถั่ว มีเค็มปลายเล็กๆ ผสานกับความหอมของงาขาว ต่อด้วย ซุปเนื้อน่องลาย เนื้อคุณภาพตุ๋นได้ที่จนเนื้อสัมผัสนุ่ม อยู่ในน้ำซุปรสนุ่มนวลซดง่าย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสเผ็ดแซ่บ มาทางฝั่งของหวานกับบ้างดีกว่า เค้กครีมสดผลไม้ ที่เราเทใจให้เลย เค้กวานิลลาเนื้อนุ่มฟู สลับชั้นกับครีมสดครีมมี ท็อปด้วยผลไม้สดต่างๆ เช่น ส้มแมนดาริน องุ่นแดง เบอร์รีและสตรอว์เบอร์รี ก่อนกินราดนมสดเข้มข้นลงไปฟินสุดๆ เค้กมะพร้าวใบเตย โดดเด่นด้วยความหวานมันจากครีมสดที่ทำจากน้ำมะพร้าวหวานฉ่ำ เค้กเนื้อฟู หอมกลิ่นหอมใบเตย จิบพร้อม Big Red Sun Milk Tea ชานมเคนยาหอมฟุ้งรสหวานมัน มีไข่มุกบุกให้คุณดูดเพลินๆ ท็อปด้วยครีมชีสสูตรเด็ดที่ทางร้านภูมิใจนำเสนอ ก่อนกลับจิบชาร้อนล้างปากสบายใจ

1 Degrees North Cafe & Eatery” คาเฟ่แสนสวยยืนหนึ่งในปั้ม PT 1 องศา อเวนิวของ 2 พี่น้องคาเฟ่ฮอปเปอร์อย่างคุณแก้มและคุณกิฟ ตัวร้านเป็นบ้านโมเดิร์นสีขาวโพนตัดด้วยสีน้ำตาลไม้ กระจกใสแผ่นใหญ่หลายบานทำให้เรามองเห็นด้านในที่ตกแต่งเป็นสไตล์มินิมอล เรียบง่ายแต่น่านั่ง เฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลอ่อน เข้ากันดีกับผนังสีขาวสะอาดตา เติมความมีชีวิตชีวาด้วยต้นไม้กระถางน่าชม เมนูแรกเราสั่งเป็น Cotta Series ชาไทยรสหวานมันที่เพิ่มความเข้มข้นอย่างเต็มพิกัดด้วยนมสดคุณภาพ และฟองนมตีสดที่ให้สัมผัสละมุนลิ้น ตามด้วย Butter Beer ที่เป็นการรวมตัวกันของน้ำโซดาซาบซ่าสดชื่น ไซรัปบัตเตอร์สกอตช์รสหวานหอม และครีมชีสครีมมีที่ให้รสเปรี้ยวเล็กๆ ตบท้ายด้วย Double Dalgona Coffee กาแฟรสเข้มพอดี ผสานกับความหวานละมุนของทัลโกนา และนมสดหอมมัน ด้านบนตกแต่งด้วยฮันนีคอมบ์กรุบกรอบ ยังมีเครื่องดื่มหลายตัวเลยที่น่าจิบ

สายฟู้ดคนไหนแวะเวียนมาที่อำเภอบ้านฉางแห่งจังหวัดระยองอย่าลืมปักหมุด “MISAHOUSE” คาเฟ่สไตล์ญี่ปุ่นของคุณนุ้ย – ณัชชา สุขสุภกิจ บิวตี้บล็อกเกอร์คนเก่งผู้ซึ่งรักการทำขนม (โดยเฉพาะขนมญี่ปุ่น) เป็นชีวิตจิตใจ เธอศึกษาการทำขนมจนเชี่ยวชาญก่อนกลับมาสานต่อกิจการร้านนี้ของครอบครัว และพัฒนาคอนเซ็ปต์และการตกแต่งให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่า มิสะเฮาส์นั้นเน้นเสิร์ฟ ‘ขนมญี่ปุ่น’ ทำเองควบคู่กับเครื่องดื่มรสสดชื่นที่คุณนุ้ยมักคิดสูตรใหม่ๆ อยู่เสมอ เสิร์ฟในบรรยากาศที่ภายนอกเป็นสวนสวยร่มรื่น ส่วนภายในร้านให้คุณสบายตาไปกับโทนสีขาวครีมในแบบฉบับมินิมอล เมื่อถึงเวลายามเย็น ทางร้านจะเปลี่ยนเป็นบาร์นั่งชิลเอาใจสายดื่มโดยเฉพาะ และนอกจากคาเฟ่แล้ว ภายในพื้นที่นี้ยังมีโฮสเทลราคาดีที่เป็นอีกหนึ่งกิจการของคุณนุ้ยเช่นกัน ต้อนรับด้วย วาราบิ สไตล์โฮมเมดทำสดใหม่ทุกเช้า เนื้อนิ่มนุ่มรสหวานเล็กๆ คลุกเคล้าผงถั่วคินาโกะหวานมัน ก่อนกินราดน้ำตาลทรายแดงเคี่ยวคุโรบิซึลงไป ต่อด้วยขนมหวานที่หลายคนเลิฟ โมจิหยดน้ำ เนื้อนุ่มเด้ง กินเพลินๆ เสิร์ฟเคียงผงถั่วคินาโกะรสหวาน ซอสคุโรบิซึที่คุ้นเคย ตัดเลี่ยนด้วยชาร้อนรสนุ่ม สาวกขนมญี่ปุ่นอย่าลืมสั่ง บุรามันเจะ พุดดิ้งนมถั่วเหลืองนิ่มๆ ครีมมี่ ตัดด้วยรสหวานของผงถั่วคินาโกะ และน้ำตาลเคี่ยวโรบิซึ ตามมาติดๆ กับ โมจิซากุระ แป้งโดเมียวจิสุชมพูอ่อนหวาน สอดไส้ถั่วแดงกวนเนื้อเนียน ห่อด้วยใบซากุระหอมฟุ้ง ยังมีเบเกอรีน่าสนใจอย่าง ชีสเค้กเลมอน ครัมเบิ้ลกรุบกรอบเป็นฐานล่าง ตามด้วยครีมชีสรสเปรี้ยวนิดๆ และเลมอนเคิร์ดรสเปรี้ยวอมหวาน เครื่องดื่มแนะนำ Rosy Float ชาผลไม้หอมๆ ได้ความหวานจากไซรัปกุหลาบผสมกับน้ำโซดาซาบซ่า ท็อปด้วยไอศกรีมวานิลลาชื่นใจ ส่วนใครคอกาแฟจะสั่ง Americano รสเข้มมาจิบช่วยกระตุ้นตอนเช้าก็ไม่ว่ากัน