บินลัดฟ้ามาให้คนไทยลิ้มลองถึงที่เลยสำหรับ Sabio” ร้านอาหารสเปนชื่อดังจากเกาะสิงคโปร์ ที่เสิร์ฟความอร่อยมาตั้งแต่ 2011 ครั้งนี้เลือกมาปักหมุดที่ Emsphere โซน EM Wonder บริเวณชั้น 5 บรรยากาศครึกครื้นด้วยการใช้สีแดงตกแต่งเป็นหลัก มาพร้อมกับพื้นที่กว้างๆ ที่รองรับได้กว่า 80 ที่นั่ง เสริมความยิ่งใหญ่ไม่เหมือนใครด้วยรูปปั้นม้าลายตัวยักษ์สูง 2 เมตร และม้าทองคำกำลังเก็บแอปเปิ้ล งานปั้นที่แปลกใหม่น่าจดจำจนอดใจไม่ไหวที่จะหยิบมือถือมาแชะรูปรัวๆ ส่วนโซนกลางจะเป็นครัวเปิดที่คุณสามารถมองเชฟทำงานได้อย่างเพลินตา สร้างความคึกคักชวนให้ท้องร้องไปในตัว ในส่วนของเรื่องอาหาร Sabio  โดดเด่นด้วยทาปาสสไตล์ทวิสต์จากเมนูต้นตำรับที่รังสรรค์จากวัตถุดิบไทย และนานาชาติ เรียกได้ว่ารสชาติดีที่แตกต่างก็ย่อมได้ เปิดต่อมรับรสด้วย Pan con Tomate y Jamón ขนมปังโฮมเมดปิ้งเกรียมๆ กรอกนอกนุ่มใน ท็อปด้วยหมูดำชั้นเยี่ยมรสเค็มกลมกล่อม ของดีแห่งประเทศสเปน ตามด้วย Croquetas de Jamón ครอแก็ตลูกอวบๆ สีเหลืองทองร้อนจี๋ สอดไส้หมูดำที่เรารัก จานนี้ขาดไม่ได้ Padrón Peppers พริกปาดรอน หนึ่งในพริกพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงแห่งแคว้นกาลิเซีย อบด้วยความสุกพอดี ก่อนโรยเหลือเล็กน้อย กินเพลินอย่าบอกใคร Grilled Cauliflower Steak ก็น่าสนใจ ดอกกะหล่ำกินง่าย คลุกอย่างดีก่อนราดซอสสูตรเด็ดที่มีรสเปรี้ยวละมุนของมะเขือเทศ หลายคนเลิฟ El Pulpo ปลาหมึกยักษ์เนื้อนุ่มหนึบ กินพร้อมมันม่วงเนื้อเนียนรสหวานธรรมชาติ เติมรสเปรี้ยวด้วยเลมอนซีก ที่สุดแห่งความครีมมีขอยกให้ Scallops de Azafran หอยเชลล์ตัวใหญ่เนื้อนุ่มหวาน คลุกเคล้ากับซอสครีมสูตรพิเศษรสหอมมัน เด็กอ้วนเลิฟ Spanish Pork Jowl คอหมูย่างเนื้อนุ่มฉ่ำ โดนใจสายฟู้ดเป็นที่สุด ยังมี Razor Clams หอยไม้ไผ่เนื้อหนึบๆ กินอร่อย เสิร์ฟมาบนกระทะร้อนฉ่า ส่งกลิ่นหอมมาแต่ไกล อย่าลืมสั่ง Paella el Sabio ข้าวอบสเปนที่เต็มไปด้วยกลิ่นอบอวนของน้ำสต็อกซีฟู้ด เข้ากันกับอาหารทะเลนานาชนิดอย่าง กุ้งเนื้อเด้ง ปลาหมึกชิ้นใหญ่ และหอยแมลงภู่ ขวัญใจนักชิม Marisco Provençal ซุปขึ้นชื่อจากแคว้นโพรวองซ์ ได้รสครีมมีจากซอสสูตรลับ ร่วมกับซีฟู้ดสดเด้งที่กินแล้วไม่มีเบื่อ ของหวานแน่นอนต้องเป็น Churros ทอดร้อนๆ น่าอร่อยเป็นที่สุด เสิร์ฟพร้อมซอสช็อกโกแลตรสเข้มข้น เป็นอีกหนึ่งร้านที่ดีงามมากมาย

รับไม้ต่อจาก El Tapeo และ Paella House & Wine Bar by El Tapeo ได้อย่างสวยงามจริงๆ สำหรับ “D'Tapas by El Tapeo” ร้านอาหารสเปนไฟน์ไดน์นิ่งเปิดใหม่ (เอี่ยมอ่อง) ของเชฟ Alberto Izard ที่ครั้งนี้เลือกมาปักหมุดที่ 953 Community Mall แห่งซอยทองหล่อ 9 ตัวร้านตกแต่งด้วยสีขาวนวลสบายตา เข้ากันกับพื้นและเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ให้มู้ดแอนด์โทนแห่งความอบอุ่น ตอกย้ำบรรยากาศแห่งความโมเดิร์น – ลักชูรี่ด้วยผนังบิ้วอินสีขาวลวดลายเทพปกรณัมกรีก แซมด้วยเครื่องเงินเงาวับจากประเทศสเปน ถัดไปจะเป็นห้องเก็บไวน์สเปนกว่า 90 รายการ เคียงคู่ไปกับจานอร่อยสไตล์สเปนรสดั้งเดิม เพิ่มเติมคือหน้าตาที่ทันสมัยสวยงาม (น่าแชะรูปมากมาย) แน่นอนว่าผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยคือ Alberto Izard เชฟเจ้าของร้านชาวสเปนสุดปังที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำอาหารมานานกว่า 35 ปี ทั้งจากร้านมิชลินอย่าง El Cenador de Salvador, Coque ,Sant Celoni และ Melia Madrid Princesa โรงแรมชั้นนำในกรุงมาดริดอีกด้วย เรียกย้ำย่อยรอไปพรางๆ ก่อนกับ Chicken Liver Pate ตับบดโฮมเมดสูตรเด็ดของเชฟ ให้รสเค็มมันกินอร่อย เสิร์ฟคู่ขนมปังปิ้งเกรียมๆ ก่อนจัดเต็มกับคาราวานซิกเนเจอร์อย่าง Stuffed Artichoke อาติโช้คกินง่าย สอดไส้ล็อบสเตอร์เนื้อหวาน เฟรมเบ้ด้วยบรั่นดี เดอ เฆเรซ บรั่นดีชั้นเลิศจากประเทศสเปนที่ละมุนไปด้วยกลิ่นเชอร์รี อบพร้อมมันฝรั่งและชีส เข้ากันดีกับซุปล็อบสเตอร์รสเข้มข้น Smoked Duck Mille- Feuille มิลล์เฟยอกเป็ดที่ใครชิมต่างก็หลงรัก แป้งพายโฮมเมดกรุบกรอบ หอมกลิ่นเนยสดแท้ละมุน สลับชั้นกับอกเป็ดรมควันเนื้อแน่นรสเค็มกลมกล่อม สโมกด้วยกลิ่นหอมกรุ่นของผลไม้ตระกูลส้ม ก่อนราดด้วยซอสไวน์แดงเชอร์รีรสหวานหอม ห้ามพลาดกับ Rum- Infused “Carabinero” กุ้งแดงตัวใหญ่เบิ้มเนื้อสดเด้ง ที่ส่งตรงมาจากประเทศสเปน วางบนเกลือสีชมพูและโรสแมรี่ ก่อนเฟรมเบ้ไฟลุกโชนด้วยเหล้ารัมสัญชาติสเปนที่มีอายุกว่า 18 ปี กินคู่กับขนมปังฝรั่งเศสโฮมเมด “Joselito” Iberian Pork Tenderloin หมูดำไอเบอริโกส่วนสันในให้สัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ หมักกับไวน์แดงและเกลือ เติมรสเค็มอีกนิดด้วยหมูดำสเปนเบคอนทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมซอสพริกหวานโฮมเมดเนื้อเนียน ให้รสกลมกล่อมกินอร่อย ท็อปด้วยแผ่นทองเลอค่าและคาเวียร์ที่เรารัก ต่อกันเลยกับ Black Paella ข้าวอบสเปนโฮมเมดเลื่องชื่อที่ทำจากข้าวบอมบาแห่งบาเลนเซีย ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของเมนูข้าวปาเอย่า มิ๊กซ์กับน้ำสต็อกซีฟู้ดรสหวานและหมึกดำ ท็อปด้วยปลาหมึกยักษ์เนื้อหนึบ และซอสกระเทียมสไตล์ฝรั่งเศสครีมมี ของหวานเป็น Cheesecake and Pistachio Tart ฐานล่างเป็นครัมเบิ้ลถั่วพิสตาชิโอกรุบกรอบ ไปด้วยกันได้ดีกับชีสเค้กเนื้อนุ่ม ได้รสหวานละมุนของครีมชีสสัญชาติสเปนและถั่วพิสตาชิโอหอมมัน ก่อนเสิร์ฟเชฟรมควันด้วยไม้เชอร์รีฟินๆ จิบพร้อม น้ำแอปเปิ้ล รสหวานฉ่ำ หรือ น้ำสับปะรด ก็ชื่นใจ

ปล่อยหัวใจให้เต้นระรัวพร้อมเพลิดเพลินกับอาหารสเปนรสจัดจ้านที่ “Albricias (อัลบริเซียส์)” ร้านอาหารสเปนรุ่นเก๋าเจ้าของรางวัล ‘ร้านอาหารของสเปน ปี 2022’ ตั้งอยู่ใน Chatrium Residence Sathon Bangkok ที่ครั้งนี้ได้ เชฟเดวิด อพาริชิโอ (David Aparicio) เชฟหนุ่มชาวสเปนขี้เล่นฝีมือดีมาเป็น Executive Chef ใหม่ ด้วยประสบการ์การทำอาหารกว่า 22 ปีในร้านอาหารมิชลินแห่งประเทศสเปน และในฐานะลูกศิษย์คนเก่งของเชฟมาร์ติน เบราซาเตกี เชฟมิชลินในตำนานเจ้าของดาวกว่า 12 ดวง ที่ร้าน Albricias คุณจะได้ลิ้มลองอาหารสเปนรสดั้งเดิมในแบบฉบับแคว้นบาสก์บ้านเกิดของเชฟเดวิด ร่วมกับรสชาติเข้มข้นจัดจ้านที่คนไทยชื่นชอบ พร้อมเอ็นจอยกับบรรยากาศหรูหราทันสมัย โซฟาหนานุ่มโทนสีเทาเข้ากันกับโต๊ะไม้สีน้ำตาลแก่แข็งแกร่ง มีแสงธรรมชาติที่สาดส่องมาจากผนังกระจกใส นอกจากจะทำให้ร้านดูโปร่งโล่งแล้ว ยังให้คุณเห็นวิวริมสระน้ำเย็นฉ่ำและสวนเขียวขจีร่มรื่น เพิ่มมู้ดความอบอุ่นด้วยแสงไฟสีส้มพอดีกัน เรียกน้ำย่อยกันก่อนกับ Our “Iberic Fish” ปลาฮามาจิสโมกหอมๆ ให้รสเค็มกลมกล่อม เพิ่มความเผ็ดด้วยซอสสไปซี่เมนไทโกะ ผสมรสเปรี้ยวพอเหมาะของมะเขือเทศทาร์ทาร์ ท็อปด้วยโฟมวาซาบิ ตามด้วย Bocado de Joselito ขนมปังโฮมเมดผิวเกรียมแต่เนื้อในยังคงนุ่มนิ่ม กินกับแฮมไอเบอริโก้ชั้นดี วัตถุดิบดาวเด่นแห่งประเทศสเปน และซอสมะเขือเทศสูตรเฉพาะรสเปรี้ยวกลมกล่อม Ensaladilla De Txangurro สลัดปูรสนุ่มนวลที่ทำมาจากปูเนื้อหวาน มูสอะโวคาโดครีมมี ตัดเลี่ยนด้วยพริกดองสไตล์สเปน กินสนุกควบคู่กรวยกรุบกรอบ หลายคนชอบ Pimientos de Padrón พริกปาโดรง จากจังหวัดอาโกรุญญา แคว้นกาลิเซียของประเทศสเปน อบให้สุกกำลังดีให้รสเผ็ดพอเหมาะ โรยเกลือทะเลให้ทั่ว กินเพลินมากมาย ไปต่อกับ Croquettas Selection โครเกตต์ร้อนจี๋ที่มีให้คุณเลือกชิมถึง 3 แบบ ได้แก่ หน้าแฮมหมูดำสเปน รสเค็มได้ที่ หน้าซอสหมึกดำ รสนุ่มนวล และหน้ากุ้งแดง ที่ได้รสจัดจ้านของซอสพริกโฮมเมดเต็มเปา Nuestras Bravas มิลเฟยมันฝรั่งเนื้อแน่น จับคู่ซอสชิโปตเลรสจัดจ้าน ที่ทำจากพริกฆาลาเปญโญรมควัน เพิ่มความหอมมันด้วยซอสอัลยอลี จานหลักเป็น Seafood Fideuà ของชอบสายฟู้ดหลายคน ข้าวอบสเปนที่เปลี่ยนจากข้าวบอมบาเป็นเส้นแองเจิ้ลแฮร์เหนียวนุ่ม (มีความกรอบเล็กๆ ) เคล้าน้ำสต็อกซีฟู้ดรสกลมกล่อม ท็อปด้วยคาราวานอาหารทะเลที่เรารัก ได้แก่ หอยเชลล์โฮตาเตะเนื้อหวาน ปลาหมึกตัวใหญ่ๆ และกุ้งแดงเนื้อสดจากทะเลเมิดิเตอร์เรเนียน  ตบท้ายด้วยของหวาน Creamy Cocoa, Cinnamon and Orange มูสโกโก้รสเข้มผสมครีมมี เสิร์ฟเคียงซอสไวต์ช็อกโกแลตรสหวานมัน หอมกลิ่นซินนามอนอ่อนๆ แครกเกอร์อัลมอนด์เคี้ยวเพลิน และซอร์เบทรสส้มโฮมเมดรสเปรี้ยวสดชื่น เครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลายอย่าง

Vaso Spanish Tapas Bar รังสรรค์เมนูโดยเชฟ Álvaro Ramos ผู้เติบโตมากับอาหารฝีมือคุณยายและคุณแม่ แต่ละเมนูของเขาสืบทอดตำรับอาหารสเปนมาจากครอบครัว ผนวกเข้ากับแรงบันดาลใจที่ได้จากการเดินทางสำรวจความเป็นไปในวัฒนธรรมอาหารของหลายประเทศแทบจะทั่วทั้งโลก และเมื่อได้มาอยู่ที่เมืองไทย เขาจึงตัดสินใจเลือกเปิดร้านอาหารสเปนกลางกรุงที่ผสมผสานความเป็นอาหารเอเชียเข้าด้วยกัน เน้นการใช้วัตถุดิบซีฟู้ดคัดสรรเกรดพรีเมียมจากเมดิเตอร์เรเนียน รวมถึงใช้เนื้ออย่างดี ลงมือปรุงด้วยเทคนิคและประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีให้ทุกคนได้ลิ้มรสความเป็นอาหารสเปนได้แค่อยู่ในกรุงเทพฯ เมนูแนะนำต้องไม่พลาด El Arroz De Carpaccio De Gambas ข้าวปาเอญ่าเมนูซิกเนเจอร์ของร้าน เสิร์ฟบนกระทะร้อน มีทั้งซีฟู้เดและชีส สีสันสวยงาม รสชาติเข้มข้น Las Gambas Al Ajillo กุ้งกระเทียมราดด้วยน้ำมันมะกอก ความสดของกุ้งทำให้เนื้อสัมผัสกรุบกรอบ โรยกระเทียมและพริก ไม่มีกลิ่นคาว Torreznos de Madriz หมูกรอบที่หนังกรอบสมชื่อ อาจจะรู้สึกถึงความเค็มเล็กน้อยเพราะโรยด้วยเกลือช่วยตัดเลี่ยนแบบ Madrid Style สลับมากินขนมปังหน้ามะเขือเทศ El Pan Con Tomate ที่ทาน้ำมันมะกอกและเกลือก็เพลินดี ของกินเล่นหลายคนน่าจะชอบ Los Churros Con Chocolate แป้งนุ่ม เมื่อดิปกับช็อกโกแลตเข้มๆ สักหน่อยก็เพลินสุดๆ Jamón Ibérico Joselito แฮมไอเบอริโกของสเปนที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกก็มาอยู่ในมื้อนี้ด้วย ตัดภาพมาที่ชีสเค้กเนื้อแน่นหนึบ La Tarta De Queso หรือ Traditional Basque Cheesecake ชีสเค้กเคลือบหน้าด้วยคาราเมลไหม้จากการเผาด้วยอุณหภูมิสูง นอกจากนี้ยังมี El Vaso De Erizo De Mar อูนิบนขนมปังกรอบคำโตๆ กินคู่กับไวน์ขาว หรือจะเลือกคู่นี้ El Vaso Trufado โทสต์ทรัฟเฟิลกับแซงเกรียก็ตามความชอบเลย ไม่ใช่แค่อาหารและบรรยากาศที่ดูสนุก แต่เชฟ Álvaro Ramos ก็เป็นกันเองมาก ไม่ได้มีมาดขรึมเหมือนภาพลักษณ์แต่อย่างใด แถมเจ้าตัวยังชอบพูดคุยกับผู้คนตามสโลแกนที่เชฟบอกว่า...    “I love food, I love customers, I love taking care everyone.”

ย่านทองหล่อที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์จนกลายเป็นจุดแฮงเอาต์ยอดนิยม เช่นเดียวกับร้าน el Willy Happy Spanish Kitchen ร้านอาหารสเปนสไตล์ทาปาสที่นำเสนออาหารสเปนร่วมสมัยซึ่งมีสาขาแรกอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนมานานกว่า 14 ปี และสาขา 2 ในซอยสุขุมวิท 51 ของบ้านเรา ร้านนี้มาพร้อมกับความเซ็กซี่ ฝีมือทำอาหารโดย Chef Willy Trullàs ผู้มีเอเนอร์จีแบบเต็มเปี่ยม พร้อมลีลาการพูดคุยและการทำอาหารที่ดูสนุกสนานและอารมณ์ขันไปพร้อมกัน จนได้ฉายาว่า “Sexy Chef!” ร้านอยู่บนชั้น 2 ในตึกที่อยู่กลางซอยซึ่งถือว่าเป็นทำเลทองเพราะมองดูคล้ายกับไทม์สแควร์ในมหานครนิวยอร์ก โดดเด่นตั้งแต่ทางขึ้นที่ต้อนรับเราด้วยทางแถบสีแดงที่บ่งบอกถึงความสนุก บรรยากาศภายในร้านแต่งสไตล์ย้อนยุค เรียงรายด้วยโต๊ะและเก้าอี้ไม้ที่แฝงด้วยเสน่ห์ของยุค 80-90 มีกลิ่นอายความสนุกสนานและเซ็กซี่ซ่อนอยู่ ครึกครื้นขึ้นอีกจากโซนเคาน์เตอร์บาร์ติดกับครัวที่เชฟกำลังปรุงอาหารอย่างตื่นตาตื่นใจ เมนูเริ่มด้วย EXPLOTION De SALMON Y TRUFA สโมกเเซลมอนวางบนแผ่นแป้งทอดสอดไส้กรีกโยเกิร์ต ท็อปด้วยทรัฟเฟิลผสมน้ำผึ้ง ทางร้านแนะนำว่าต้องกินทั้งคำเพื่อระเบิดความสดชื่นให้อยู่ทั่วทั้งปาก ต่อมา BIKINI IBÉRICO แป้งขนมปังกรอบนอก สอดไส้แฮมไอเบอริโก ชีสมอซซาเรลลา และชีสกามองแบร์ยืดๆ ผสมกับซอสทรัฟเฟิลรสเข้มข้น จานหลักรสชาติก็สนุกไม่แพ้กัน ARROS NEGRO ข้าวปาเอลยาหมึกดำผัดกับเนื้อปลาหมึก กลิ่นหอม รสชาติเข้มข้น ท็อปด้วยหอยแมลงภู่ ปลากรูปเปอร์นำเข้าจากสเปน และกุ้งไทย อีกเมนูห้ามพลาด TOSTADA D ATÚN เนื้อทูน่าดิบหมักกับซอสเสิร์ฟบนเเป้งตอร์ติญาทอดกินคู่กับซอสชิลิสโมก ก่อนกินบีบมะนาวเพื่อเพิ่มความสดชื่น ระหว่างมื้ออย่าลืมสั่ง Sangria ไวน์แดงหรือไวน์ขาวมาช่วยเติมเต็มสีสันให้สนุกยิ่งขึ้น

Hola! Thailand ประเทศสเปนที่เต็มอิ่มไปด้วยความสนุกและครื้นเครง เช่นเดียวกับรสชาติของอาหารสเปนที่ Sopa (โสภา) ร้านอาหารสเปนสไตล์ไฟน์ไดนิงแนวผสมผสานทั้งฝรั่งเศส ไทย และสเปน รังสรรค์โดยเชฟผู้มากฝีมือเชฟเเคปเปอร์-วัชโรบล โสภา ตัวร้านตั้งตระหง่านติดอยู่บริเวณริมถนนสิรินธร โดดเด่นด้วยประตูทางเข้ารูปโค้ง ด้านในบรรยากาศสวยหรู พร้อมด้วยดีไซน์ห้องอาหารและห้องครัวได้อย่างโดดเด่นด้วยพื้นหินอ่อนตัดกับบันไดวนสีทองแดง เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้น 2 จะพบกับเคาน์เตอร์บาร์ที่มีเครื่องดื่มเรียงรายให้เลือกนั่งจิบชิลๆ มองดูครัวเปิดที่เห็นเชฟกำลังปรุงเมนูอย่างพิถีพิถัน ที่นี่นำเสนออาหารสเปนิชแนวผสมผสาน โดยนำเมนูดั้งเดิมตั้งเเต่เหนือจรดใต้ของสเปนมาเล่าผ่านกรรมวิธีสมัยใหม่ในฉบับของเชฟแคปเปอร์ จนกลายเป็นคอร์สสุดพิเศษทั้งหมด 8 คอร์ส เริ่มด้วยตะกร้าปิกนิก ได้แรงบันดาลใจจากการปิกนิกของคนสเปน พร้อมทาปาสทั้งหมด 5 คำในรสชาติอาหารสเปนแท้ ต่อด้วย Cantabria Passion เส้นที่ทำจากปลาหมึก เนื้อสัมผัสหนึบ ราดซอสปลาที่เคี่ยวจากกระดูกปลากว่า 20 ชนิด Iberico Pork Andalucia Style เนื้อสันในหมูดำสเปนหมักกับเกลือและสมุนไพรจีนก่อนนำมาเซียร์ เชฟตั้งใจเสิร์ฟแบบมีเดียมเเรร์ราด Romesco Sauce รสเข้มข้น ได้รสเผ็ดอ่อนๆ สำหรับแฟนๆ ที่ชื่นชอบของดิบต้องลอง Citric Fruits Marmitako de Bonito เนื้อปลาโอไทยที่เชฟนำไปหมัก (Cure) ด้วยเกลือจนเนื้อเเน่น ราดซอสที่เคี่ยวจากกระดูกปลาผสมกับผลไม้ กลิ่นหอมละมุนและเข้มข้น กินคู่กับผลไม้สด จานนี้ให้ความรู้สึกสดชื่น เป็นการผสมผสานวัตถุดิบที่เชฟดึงรสชาติออกมาได้อย่างลงตัว ตอนนี้เชฟเปลี่ยนเซ็ตเมนูใหม่ ที่อร่อยและหน้าตาสวยงามดั่ง “โสภา” อย่าลืมตามไปลิ้มลองกันนะ

เสียงเพลงอันครึกครื้นและความสนุกสนานที่ถือเป็นเสน่ห์ของร้านทาปาส เช่นเดียวกับร้าน Shoken Tapas Bar ร้านสเปนิชทาปาส ซึ่งตั้งอยู่ในโครงการมาร์เชทองหล่อ นำเสนออาหารสเปนแนวผสมผสาน โดยร้านนี้เป็นร้านในเครือเดียวกับ Kenshō Omakase ร้านโอมากาเสะกึ่งแกลเลอรีอาร์ตที่เราได้ไปลิ้มลองมา ความพิเศษเริ่มตั้งแต่ชื่อ Shoken ซึ่งเจ้าของตั้งใจคิดสลับกันให้ดูเก๋ๆ เพื่อจะให้เป็นที่จดจำ โดยยังคงจุดเด่นเรื่องบรรยากาศสวยหรูภายในร้านเอาไว้เช่นเดิม เริ่มตั้งแต่ทางเข้าที่ต้อนรับเราด้วยกระเป๋าแบรนด์ Louis Vuitton วางเรียงเป็นชั้นสูง ภายในดีไซน์เรียบหรูด้วยสีครีมและเหล็กสีโรสโกลด์ ให้ความรู้สึกลักซ์ชัวรีได้กลิ่นอายความสนุกสนานที่รอคอยเราอยู่จากบาร์ใหญ่ใจกลางร้าน ซึ่งจะได้เพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มและสีสันยามค่ำคืนแบบเต็มอิ่ม Shoken มาพร้อมคอนเซ็ปต์ Spain x Japanese Tapas ซึ่งแตกต่างจากร้านทาปาสทั่วไป เพราะผสมผสานวัตถุดิบอันขึ้นชื่อของสเปนและญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน อัดแน่นด้วยคุณภาพเกรดพรีเมียมอย่างปาร์มาแฮมเอจจิง 72 เดือนที่มีในประเทศเพียงแค่ 3 ขาเท่านั้น และไข่หอยเม่นหรืออุนิเนื้อแน่นเกรดเดียวกับร้านโอมากาเสะ เริ่มด้วยเมนูไฮไลต์ Akami Tataki เนื้อทูน่าดิบหั่นเต๋าท็อปด้วยคาเวียร์แบรนด์ Kaivari แบบเน้นๆ ราดด้วยซอสทรัฟเฟิล เคี่ยวจนได้รสเข้มข้น และ Uni Bun เมนูสเปเชียล ขนมปังโทสต์เนื้อนุ่มท็อปด้วยอุนิเกรดพีเมียม เนื้อนุ่มฟูแบบพูนๆ ต่อด้วย Potato Pave มันฝรั่งสไลซ์อบ หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมแล้วนำไปทอดจนเหลืองกรอบ ท็อปด้วยเนื้อปลาทูน่าที่ปรุงมาได้รสชาติเข้มข้น ได้สัมผัสนุ่มและกรอบในคำเดียว ตกแต่งด้วยดอกไม้กินได้ดูสวยงาม สำหรับจานหลักก็จัดเต็มไม่แพ้กัน Arroz Negro Paella ปาเอลยาผัดกับหมึกดำ หอมกลิ่นหมึก ได้รสเผ็ดอ่อนๆ ปรุงรสมาได้อย่างเข้มข้นเป็นอีกจานถ้ามาแล้วห้ามพลาด! สำหรับสายซีฟู้ดเลิฟเวอร์คงต้องได้จัด Gambas al Ajillo กุ้งกระเทียมสไตล์สเปนิช กุ้งเนื้อแน่น หอมกลิ่นน้ำมันมะกอกและกระเทียม รสชาติเข้มข้น กินคู่กับเครื่องดื่มเปรี้ยวซ่าสักแก้วบอกเลยว่าฟิน อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ที่มาแล้วต้องลอง Seared Foie Gras & Hotate จานที่จัดเต็มความพรีเมียม ตับห่านย่างกินคู่กับโฮตาเตะและไวต์ครีมซอสรสครีมมี่เข้ากันอย่างลงตัว ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่ม จากบาร์ใหญ่ใจกลางร้าน ที่บอกว่าหน้าตาสุดน่ารักเพราะเราสามารถคัสตอมได้เองอีกด้วย

ใครอยากเที่ยวต่างประเทศทุกวัน ขอแนะนำเที่ยวทางลัดผ่านร้านอาหารแต่ละสัญชาติ ที่เปิดโอกาสให้เหล่านักเดินทางได้สัมผัสประสบการณ์ความสนุก(และอร่อย)ได้แบบไม่ซ้ำ ไม่ว่าจะญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ แต่ถ้าอยากเที่ยวเมืองกระทิงดุ แนะนำ Alegria Spanish Tapas Bar ร้านอาหารสเปนสไตล์ไฟน์ไดนิงน้องใหม่ที่คว้าตัวเชฟชาวสเปน David  Aparicio ผู้คร่ำหวอดจากร้านอาหารชื่อดังรวมถึงยังมีประสบการณ์จากร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์มาประจำการที่ร้าน เชฟเดวิดจะเน้นอาหารประเภททาปาสที่จับคู่กับไวน์หรือค็อกเทลแล้วจะยิ่งชูรสชาติให้อาหารโดดเด่นยิ่งขึ้น โดยหยิบเอาเมนูไฮไลท์ในแต่ละภูมิภาคมานำเสนอ ร่วมด้วยเทคนิคอันแพรวพราวจนเกิดเป็นจานพิเศษที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว นอกจากนี้ยังสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องอาหารกับเชฟได้อย่างออกรส ผ่านครัวเปิดที่ตั้งอยู่ใจกลางร้าน เริ่มต้นด้วยฟิงเกอร์ฟู้ด Crab Salad with Avocado Mousse and Pickles Chili Sauce กรวยกรุบกรอบที่ด้านในคือส่วนผสมของเนื้อปู มูสอะโวคาโด และซอสเข้มข้น เวลากินยังได้ฟินกับกลิ่นหอมๆ ของผิวเลมอนที่ช่วยกระตุ้นต่อมรับรสให้พร้อมสำหรับอาหารจานต่อไป Clam with Green Sauce หอยตลับกับซอสครีมเข้มข้นที่มีส่วนผสมของไวน์ขาว กระเทียม เคี่ยวในน้ำสต๊อกก้างปลาที่อุดมด้วยคอลลาเจน เชฟแอบเรียกซอสนี้ว่าเมจิกซอส เพราะใครได้ลองจะเหมือนต้องมนต์สะกดทุกคน Sea Bass Wrapped with Bacon ปลากระพงขาวพันด้วยสโมคเบคอน เนื้อปลานุ่มฉ่ำเค็มปลายลิ้น ชูรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้นด้วยซอสสูตรลับอีก 2 ชนิด Tenderloin with Spinach Sauce and Spices Sauce on top with Jamon Sliced เทนเดอร์ลอยด์ชิ้นหนา กริลล์ระดับมีเดียมแรร์อวดสีชมพูสวย จุดเด่นคือซอสผักโขมรสกลมกล่อมกับซอสเผ็ดที่ตัดรสชาติได้อย่างสดชื่น ปิดท้ายด้วย Cheese Cake with Berries Sauce ชีสเค้กเนื้อเนียน เพิ่มรสเปรี้ยวด้วยซอสเบอร์รี่โฮมเมด ส่วนเครื่องดื่มมีทั้งนำเข้าและครีเอทโดยมิกโซโลจิสต์ประจำร้านที่พร้อมให้คำแนะนำแก้วพิเศษที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละท่าน มุมแฮงก์เอาท์สไตล์ไฟน์ไดนิงที่เข้าถึงง่ายแบบนี้ ต้องรีบจับจองพื้นที่แล้วล่ะ

“Taburete” ร้านอาหารสเปนสไตล์โฮมคุกย่านศาลาแดง ที่เสิร์ฟความอร่อยมาแล้วกว่า 10 ปี ของคุณกุ้ง-กรรณิการ์ กองแก้ว นักเรียนนอกจากบาร์เซโลนาคนเก่ง ที่มีประสบการณ์การทำอาหารสเปนหลายปี โดยเธอเรียนจบจากสถาบันสอนทำอาหารและขนมหวานอย่าง Barcelona Culinary School (ESHOB) และ Hofmann Culinary School ก่อนบินกลับมาสานฝันเปิดร้านสเปนอย่างที่ตั้งใจ Taburete (ทาบูเรเต้) คำนี้ในภาษาสเปนหมายถึง เก้าอี้ทรงสูงไร้พนักพิง อันเป็นที่นิยมใช้ในประเทศสเปน ถูกเลือกให้เป็นชื่อร้านเพราะไม่เหมือนใคร เข้ากับบรรยากาศคลาสสิกของตัวร้านที่จำลองเป็นบ้านชนบทเมืองบาร์เซโลนาในแคว้นบาเซโรน่า ตัวผนังเป็นอิฐเก่าสีส้มวินเทจ ที่แซมด้วยโคมไฟติดผนังสไตล์ Antique แสงสีส้มอบอุ่น เข้ากันดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ เสมือนได้นั่งกินจานอร่อยในยุคสเปนโบราณอย่างไรอย่างนั้น ทางร้านจะเสิร์ฟ Country Bread มาให้ชิมก่อน ขนมปังโฮมเมดสูตรลับของทางร้าน ตัวผิวจะมีความกรอบมากเป็นพิเศษ แต่เนื้อข้างในจะนุ่มฟู กินคู่ซอสมะเขือเทศทำเอง หรือน้ำมันมะกอกก็ดีงาม สั่งจานเรียกน้ำย่อยมาก่อน Jamon Con Queso แฮมขาหมูดำพรีเมี่ยมสัญชาติสเปน ที่ผ่านการหมักบ่มอย่างดีถึง 48 เดือน จนได้รสเค็มกลมกล่อม เสิร์ฟเคียงชีสมันเชโก หรือเนยแข็งลามันชา ที่ทำจากนมแกะสายพันธุ์มันเชกานั่นเอง ต่อด้วย Croqueta De Sepia โครเก็ตลูกใหญ่ๆ เนื้อกรอบนอกนุ่มในที่ทำจากหมึกดำ ผสานกับเนื้อหนึบหนับของปลาหมึกกระดอง ออนท็อปด้วยยำมะเขือเทศสไตล์สเปน และมายองเนสโฮมเมด La Bomba มันบดเนื้อเนียนชุบแป้งทอด สอดไส้ซอสสูตรเฉพาะรสชาติเข้มข้น ได้สัมผัสเคี้ยวเพลินของแก้มวัวชั้นดีสัญชาติออสเตรเลีย เคล้าซอสมะเขือเทศโฮมเมดรสเปรี้ยวละมุน และมายองเนสสไตล์ฝรั่งเศส Picadillo De Tomate แครกเกอร์โฮมเมดกรุบกรอบ เสิร์ฟพร้อมสลัดสูตรเฉพาะที่ทำมาจากมะเขือเทศ หัวหอม ลูกมะกอก พริกและพาสลีย์หอมๆ ให้รสสดชื่น จานหลักเป็น Fideuà ปาเอลยาที่เปลี่ยนจากข้าวบาสมาตีเป็นเส้นพาสตานุ่มหนึบ เคล้าน้ำสต๊อกซีฟู้ดรสกลมกล่อม ท็อปด้วยหอยเชลล์ตัวอวบอ้วน กุ้งเนื้อหวาน ปลาหมึกเนื้อหนึบ กินคู่มายองเนสสไตล์ฝรั่งเศสโฮมเมดรสเปรี้ยวครีมมี ห้ามพลาดกับ Arroz Meloso ข้าวอบสเปนที่โดดเด่นด้วยรสเค็มพอดีของน้ำสต๊อกอาหารทะเล และสัมผัสนิ่มๆ ผสานความกรุบเล็กๆ ของข้าวบอมบา ตกแต่งด้วยซีฟู้ดตัวบิ๊กเบิ้ม ก่อนกินบีบเลมอนซีกเล็กน้อย ของหวานเราสั่ง Cañas De Crema ขนมอบจากแคว้นกาลิเซีย ผิวด้านดอกคลุกด้วยน้ำตาลและผงซินนามอน สอดไส้ครีมวานิลลารสหวานมันพอเหมาะ หอมกลิ่นเลมอน เครื่องดื่มเราแนะนำ Yuzu Sparkle ค็อกเทลที่มีความเปรี้ยวอมหวานของน้ำยูซุ มิ๊กซ์กับเหล้ารัมและสปาร์กกลิ้งไวน์ ปิดท้ายด้วย Sangria ไวน์พันช์สัญชาติสเปน ที่โดนใจนักดื่มทั่วโลก

เสิร์ฟความอร่อยที่เอกมัยมาสักพักแล้ว ก็ได้เวลาขยายโลเคชั่นใหม่สำหรับ El Tapeo ร้านอาหารสเปนสไตล์มาดริด ที่ส่งต่อความอร่อยมายัง Paella House & Wine Bar by El Tapeo” ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 26 (ตรงข้าม The Four Wings Hotel Bangkok) ฟินกับเมนูซิกเนเจอร์อย่าง ‘ข้าวอบสเปน’ ที่มีให้คุณเลือกชิมกว่า 20 ชนิด พร้อมด้วยจานสเปนสไตล์มาดริดใหม่ๆ ที่มีให้ลองแค่สาขานี้เท่านั้น แน่นอนว่าทุกจานเป็นฝีมือของ Alberto Izard พ่อครัวชาวสเปนมากฝีมือ ที่มีประสบการณ์ทำอาหารในร้านมิชลินสตาร์ อย่าง El Cenador de Salvador และ Sant Celoni อีกเช่นเคย เพลิดเพลินกับบรรยากาศคึกคักในแบบฉบับสเปนทางตอนใต้ เฉกเช่นเดียวกับสาขาเอกมัย แต่แตกต่างที่สาขานี้มีพื้นที่ให้คุณเลือกนั่งถึง 3 ชั้น ทั้งหน้าบาร์กว้างๆ ชั้นสองบรรยากาศโปร่งสบาย หรือชั้นบนสุดที่เป็นไวน์บาร์นานาชาติ ต้อนรับด้วย Cocktail de Gambas y Cangrejo ค็อกเทลกุ้งสไตล์สเปน ที่ให้คุณเพลิดเพลินกับกุ้งตัวอวบเนื้อหวาน จิ้มสลัดผักและผลไม้ ราดซอสครีมสีชมพูรสครีมมีสดชื่น ตามด้วย Fuet Catalan เมนูเรียกน้ำย่อยสไตล์คาตาลัน หมูดำอิเบริโกนำเข้ารสเค็มกลมกล่อม กินพร้อมขนมปังกรอบ และซอสสูตรเฉพาะที่โดดเด่นด้วยรสเปรี้ยวของมะเขือเทศ และความหอมของน้ำมันมะกอก สายเนื้อต้องนี่เลย Biquini de ternera con salsa de Trufa y cebolla caramelizada แซนด์วิชเนื้อชิ้นโตๆ น่าอร่อย ขนมปังเนื้อนุ่มผิวนอกกรอบ ประกบเนื้อย่างฉ่ำลิ้น ซอสมาโยทรัฟเฟิลโฮมเมดรสหอมมัน และหัวหอมคาราเมลที่หลายคนชอบ Almejas salteadas con vino Albarino หอยตลับเนื้อสดเด้ง ในซอสไวน์ขาวชั้นดี ได้รสเปรี้ยวจากน้ำเลมอน จานหลักมี Chuletas de cordero al Romero con crema de Calabaza ซี่โครงแกะที่เรารัก หมักสมุนไพรอย่างดีจนไร้กลิ่นสาบ ย่างจนได้ความสุกพอเหมาะ เสิร์ฟเคียงครีมฟักทอง และซอสโรสแมรี ในที่สุดก็ได้เวลาของเมนูดาวเด่นประจำร้าน ครั้งนี้เราเลือกสั่ง De Montaña ข้าวอบสเปนที่มีสัมผัสกรอบเล็กๆ ได้รสเค็มพอดีจากไส้กรอกโชริโซ เนื้อแน่นๆ  ปันเช็ตต้า (หมูสามชั้นสไตล์อิตาเลียนเนื้อนุ่ม) และไส้กรอกหมูบูติฟาร์ร่า ไส้กรอกพริกไทยดำสไตล์สเปนจากแคว้นคากาตาลุญญา Con Pluma de Cerdo y piquillos ข้าวอบสเปนที่แตกต่างด้วยสัมผัสนุ่มนิ่ม (คล้ายข้าวต้มแห้งของไทย) เพลิดเพลินกับข้าวบาสมาติเนื้อนิ่ม เคล้าเนื้อหมูส่วนไหล่หั่นชิ้นพอดีคำ และพริกปิกิโย พริกสัญชาติสเปนที่มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ของหวานเราแนะนำ Bomba de café con licor 43 โดนัทบอมโบโลนีโฮมเมดเนื้อเหนียวนุ่ม สอดไส้ครีมกาแฟรสเข้มหอมมันกลมกล่อม  ราดเหล้าดีกรีร้อนแรงกลิ่นหอมฟุ้ง อย่างไรซะก็ต้องแวะมาเยือนอีก

ภายในซอยทองหล่อ 13 เป็นโลเคชั่นของ “Thaipas” บาร์ทาปาสสไตล์ไทยที่มีจุดเด่นในการใช้ซีฟู้ดสดเด้งจากชาวเลจังหวัดระยอง มาครีเอทเป็นอาหารสเปนรสดั้งเดิม ผู้รังสรรค์คือ เชฟเจมส์ พ่อครัวใหญ่ที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์จากร้านอาหารสเปนชื่อดังมากมาย พร้อมเอ็นจอยกับบรรยากาศหรูหราฟีลดี ที่ตกแต่งด้วยกระเบื้องสีฟ้าอมเขียว เปรียบเสมือนสีของน้ำทะเล ด้านหน้ามีรูปปั้นนางผีเสื้อสมุทร ประดับไว้ตระการตา ประติมากรรมซิกเนเจอร์ของชาวระยอง ที่นักท่องเที่ยวเห็นแล้วต้องรู้กัน        เริ่มมื้อนี้ด้วย Cured Fjord Trout with Gravlax on Toast ปลาฟยอร์ดเทราต์ที่ส่งตรงจากประเทศนิวซีแลนด์ หมักอย่างดีกับสมุนไพรอย่างผักชีลาว และจูนิเปอร์ จนได้เนื้อสัมผัสนุ่มนวล เสิร์ฟคู่ขนมปังกรอบโฮมเมด ราดซอสไอโอลีทำเองรสครีมมี กับซอสผักชีลาวหอมฟุ้ง ต่อด้วย Thai Seabass & Fresh Prawn Ceviche จานนี้ได้ใจฟู้ดดี้หลายคน เพราะโดดเด่นด้วยปลากระพงเนื้อขาวที่ทางร้านนำไป Dry Aged เป็นเวลากว่า 14 วัน คลุกเคล้ากับกุ้งเนื้อหวานหั่นชิ้นพอดีคำ และน้ำซอสผลไม้ตระกูลซิตรัต ที่ให้รสเปรี้ยวสดชื่น เรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี ขาดเมนูนี้ไปไม่ได้เลย Gambas al Ajillo กุ้งกระเทียมในแบบฉบับอาหารสเปน ให้คุณอร่อยกับกุ้งตัวโตๆ จากทะเลแปซิฟิก อบพร้อมกระเทียมและน้ำมันมะกอกชั้นดี เพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกแห้ง Pan-Seared Rayong's Baby Squids with Fried Eggs หมึกกระตอยจากชาวเลแห่งจังหวัดระยอง ผัดกับน้ำมันมะกอกและกระเทียม กินพร้อมไข่ดาวอิ่มเอม ชาววีแกนถูกสิ่งนี้ Escalivada จานวีแกนหนึ่งเดียวในร้าน ที่เชฟได้แรงบันดาลใจมากจากแคว้นคาตาลุนญ่า โดยการนำผักนานาชนิดอย่าง มะเขือยาว พริกหวาน มะเขือเทศ หัวหอม นำไปย่างไฟร้อนๆ ท็อปด้วยซอสโรเมสโก (Romesco) รสเข้มข้นที่ทำมาจากมะเขือเทศ กระเทียม และอัลมอนด์ อย่าลืมสั่ง Paella de Marisco ข้าวอบสเปนที่หุงด้วยน้ำซีฟู้ดรสกลมกล่อม ที่เชฟใช้เวลาเคี่ยวกว่า 8 ชั่วโมง พร้อมตกแต่งด้วยซีฟู้ดสดเด้งจากทะเลไทยอย่าง กุ้งตัวอ้วบ ปลาเนื้อแน่น หมึกกล้วยหนึบๆ และหอยตลับ ก่อนเสิร์ฟเชฟราดน้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตราเวอร์จิน และบีบเลมอนเพิ่มรสเปรี้ยวลงตัว ปิดท้ายด้วยของหวานคลาสสิกอย่าง Caramel Flan คาราเมลคัสตาร์ดเนื้อนุ่มเด้ง ได้รสหวานมันจากครีมสด ครีมชีส และนมคุณภาพ ตัดรสด้วยความเค็มจากเกลือทะเลมาล์ดอนเล็กน้อย จิบคู่ไวน์ดีๆ สักแก้วนี่แหละเหมาะ  

คำว่า ‘Vaso’ ในภาษาสเปนหมายถึง ‘แก้ว’ สื่อความถึงอาหารประเภททาปาสที่มักเสิร์ฟคู่กับไวน์ชั้นดีสักแก้ว คำนี้ถูกหยิบยกให้เป็นชื่อทาปาสบาร์ที่ฮอตที่สุดในเมืองกรุงฯ อย่าง “Vaso - Spanish Tapas Bar” ที่ตั้งอยู่ในโครงการ Velaa Sindhorn Village ย่านหลังสวน (BTS ราชดำริ) ตัวร้านตกแต่งในแบบฉบับอาคารแถบเมดิเตอร์เรเนียน เน้นความโค้งมนของประตู-หน้าต่าง ดูแล้วเพลินตา กลางร้านจะเป็นเคาน์เตอร์บาร์หินอ่อนลายสวยล้อมครัวเปิด ที่คุณสามารถมองดูทีมเชฟทำงานได้อย่างถนัดตา หรือใครมาแฮงก์เอาต์กับกลุ่มเพื่อน และครอบครัวก็สามารถเลือกนั่งโต๊ะริมหน้าต่างเห็นวิวถนนหลังสวนได้สบายๆ ส่วนลูกค้าที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวทางร้านก็มีโซนไพรเวทเช่นกัน ในด้านอาหารทุกเมนูครีเอทโดยหัวหน้าเชฟ Alvaro Ramos เชฟหนุ่มชาวสเปนรูปหล่อฝีมือดี ที่สืบทอดสูตรลับมาจากคุณยาย บวกกับประสบการณ์ที่เคยทำงานกับร้านมิชลินสตาร์หลายแห่ง อีกทั้งยังแท็กทีมกับ Bryan D Ceron Serrano เชฟผู้ช่วยดาวรุ่งคนเก่ง พวกเขาช่วยกันรังสรรค์จานอร่อยสไตล์ Contemporary Spanish Cuisine ที่ปรุงจากวัตถุดิบคุณภาพ ผสานกับเทคนิคต่างๆ จนได้รสชาติดั้งเดิมที่เรียบง่าย แต่ก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ต้อนรับด้วย El Plato De Joselito หมูดำอิเบริโกชั้นดีรสเค็มกลมกล่อม เชฟใช้ส่วนขาหน้าที่ผ่านการหมักบ่มอย่างพิถีพิถันถึง 24 เดือน จนเนื้อหมูได้รสสัมผัสเหนียวนุ่มพอดิบพอดี กินคู่กับขนมปังโฮมเมด ต่อด้วยเมนูเด็ดอย่าง Trufado ขนมปังโฮมเมดหนานุ่มปิ้งให้หอม เคล้ากับซอสครีมทรัฟเฟิลสูตรเฉพาะของร้าน รสครีมมีหอมฟุ้ง ท็อปด้วยทรัฟเฟิลสดมหาศาล และเหยาะน้ำมันทรัฟเฟิลคุณภาพลงไปด้วย ขาดไม่ได้กับเมนูพิเศษอย่าง Rubia Gallega Tartar & Waffle Salado De Patata ทาร์ทาร์เนื้อรสเข้มข้น กินพร้อมวัฟเฟิลมันฝรั่งเนื้อแน่น เข้ากันดี Quail Lollipops Teriyaki Glaze & Iberian น่องนกพิราบเนื้อเด้งกินอร่อย เคลือบซอสเทอริยากิรสหวานปนเค็มฟินๆ พันด้วยหมูดำอิเบริโกน่ากิน ต่อด้วย Paella De Carpaccio De Gambas เป็นจานหลักในวันนี้ ข้าวบาสมาติหุงด้วยน้ำสต๊อกจากซีฟู้ดสดเด้ง รสกลมกล่อม เข้ากันดีกับแรปสีขาวแผ่นบางที่รังสรรค์มาจากกุ้งบดเนื้อหวาน ถึงเวลาของหวานกันแล้ว แนะนำให้สั่ง La tarta  de queso ชีสเค้กหน้าไหม้ ขนมคลาสสิกของประเทศสเปน ได้รสหอมมันจากครีมชีสคุณภาพ ชีสกาม็องแบร์ และบลูชีสรสเข้มข้น ราดซอสพริกโฮมเมด ที่ทำมาจากพริกสัญชาติสเปน และ El bollycao ของหวานดั้งเดิมของชาวสเปน ขนมปังนุ่มฟูทำสดใหม่ สอดไส้ช็อกโกแลตรสเข้ม ขวัญใจช็อกโกแลตชิมแล้วร้องว้าวเลย ดึกๆ ร้านนี้คึกคักมากบอกเลย

นักชิมตัวจริงทราบแล้วเปลี่ยน! โรงแรม พาร์ค ไฮแอท กรุงเทพฯ สุดหรูได้เนรมิตห้องอาหารใหม่ชื่อว่า Embassy Room Catalan Cuisine” เรียบร้อยแล้ว ร้านอาหารสเปนสไตล์คาตาลัน (แคว้นคาตาลูญญาแห่งประเทศสเปน) ซึ่งเป็นบ้านเกิดของหัวหน้าเชฟ Ferran Tadeo ผู้หลงใหลอาหารสเปนและเมดิเตอร์เรเนียนทั้งแบบดั้งเดิมและร่วมสมัย เขาเคยร่วมงานกับร้านอาหารมิชลินสตาร์ระดับโลก ได้แก่ El Bulli ร้านอาหารสเปนมิชลิน 3 ดาว และ Minibar by José Andrés ร้านอาหารชื่อดัง 2 ดาวมิชลินแห่งเมืองวอชิงตัน Embassy Room Catalan Cuisine เสิร์ฟอาหารสเปนสไตล์คาตาลันต้นตำรับ (Authentic Catalan Cuisine) ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากจานอร่อยในวัยเด็กของเชฟ Ferran Tadeo เขาเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีจากท้องทะเลเมดิเตอร์เรเนียนร่วมไปกับวัตถุดิบฤดูกาล รังสรรค์ออกมาเป็นเมนูแปลกใหม่ รสชาติเรียบง่ายแต่ซับซ้อน แพร์ริ่งกับไวน์และเบียร์สเปนคุณภาพมายมาย พร้อมเอ็นจอยกับบรรยากาศหรูหราปะปนไปกับความสบายสไตล์ The Living Room (บริเวณชั้น 9) ประจำ Park Hyatt Bangkok นั่นเอง เปิดด้วยเวลคัมดริ้งก์อย่าง Negroni with Olive Oil เนโกรนีแก้วโปรดของสายดื่ม ซึ่งเป็นการรวมตัวกันระหว่างเหล้าจิน เวอร์มุตและรอสโซ เหยาะน้ำมันมะกอกชั้นดี เอกลักษณ์ประจำร้าน ตามด้วย Josalito Ibérico Ham แฮมรสเค็มกลมกล่อม ที่ทำมาจากหมูดำคุณภาพสัญชาติสเปน เสิร์ฟพร้อมมะกอกดองทำเอง และ Coca Bread ขนมปังสไตล์โฮมเมดประจำแคว้นคาตาลูญญา เนื้อเหนียวนุ่ม จิ้มน้ำมันมะกอกออร์แกนิก อย่าง Extra Virgin Olive Oil Castillo de Canena Picual และ Extra Virgin Olive Oil Castillo de Canena Arbequina Scallop & Sweet Pea Tartlet, Kaviari Krystal ทาร์ตกรุบกรอบชิ้นพอดีคำ ท็อปด้วยหอยเชลล์เนื้อสด ถั่วหวาน และคาเวียร์รสเค็มนุ่มนวล หลายคนชอบ Mackerel, Pepper, Eggplant, Filo ปลาแมคเคอเรลดองน้ำมันพริกอย่างดี หั่นเป็นชิ้นพอเหมาะ ให้รสเค็มนุ่มนวลแฝงด้วยความเปรี้ยวอ่อนๆ เข้ากันดีกับแป้งฟิโลทำเอง ที่เชฟใส่น้ำผึ้งหอมหวานลงไป ก่อนสเปรดด้วยมะเขือม่วงบดรสหวานธรรมชาติ และพริกหวาน Mussels, Razor Clams, Vermouth ชามนี้เอาใจคนรักหอยโดยเฉพาะ เพราะเป็นการรวมตัวกันระหว่างหอยไม้ไผ่ หอยแมลงภู่และหอยหลอด ราดด้วยเหล้าเวอร์มุตทำให้ได้รสเปรี้ยวกลมกล่อม  คนรักซีฟู้ดต้องเลิฟ Octopus, Sofrito, Picada ปลาหมึกยักษ์ที่ปรุงมาอย่างดีจนเนื้อนุ่มกินอร่อย มิ๊กซ์ไปกับซอสพิคาต้าในสไตล์คาตาลัน ซึ่งมีส่วนผสมของสมุนไพรต่างๆ ร่วมไปกับความหอมมันของอัลมอนด์ Kaviari Krystal Caviar, Souffle Potato, Egg Espuma ฟองเอสพูม่านุ่มฟูสีส้มนี้ทำจากไข่แดง ไปด้วยกันได้ดีกับมันฝรั่งทอดทำเอง และคาเวียร์รสเค็มละมุน เดินทางมาถึงเมนูหลักกันแล้ว Lobster, Duxelles, Puff Pastry, Hollandaise เวลลิงตันล็อบสเตอร์หอมกรุ่น ตัวแป้งกรอบนอกนุ่มในสุกกำลังกิน หอมกลิ่นเนยเบาๆ เคล้าไปกับดุสเซลเห็ดทรัฟเฟิลรสเค็ม และล็อบสเตอร์เนื้อแน่น กินคู่กับซอสหัวล็อบสเตอร์และซอสฮอลลันเดซ รสครีมมีและเปรี้ยว หอมกลิ่นส้มเบาๆ Pigeon, Langoustine นกพิราบจากประเทศฝรั่งเศสเนื้อนุ่มฉ่ำลิ้น เพราะเชฟกงฟีอย่างดี ราดด้วยซุปข้นสูตรเฉพาะที่ทำจากรากผักชี ได้รสเค็มหอมลงตัว เสิร์ฟพร้อมล็อบสเตอร์สัญชาตินอร์เวย์เนื้อเด้ง และขนมปังโฮมเมดท็อปตับบด ปิดท้ายอย่างสวยงามด้วยของหวานฟินๆ Vanilla Ice Cream, Matcha Sponge Cake, Cherry Caramel เค้กฟองน้ำรสมัตฉะ สัมผัสนุ่มฟูร่วมไปกับซอสเชอร์รีคาราเมล และไอศกรีมวานิลลาทำเองชื่นใจ และ Strawberries, Cream, Modena Balsamic ขนมหวานสูตรลับของคุณแม่เชฟเฟอร์ราน สตรอว์เบอร์รีลูกโตๆ รสเปรี้ยวอมหวานตุ๋นพร้อมวินิการ์ (น้ำส้มสายชูอิตาเลียนหมักกับไวน์องุ่น) ตัดด้วยความหอมมันของครีมสดรสวานิลลาสุดละมุน เป็นมื้อเหนือระดับที่น่าจดจำเสียนี่กระไร

El Tapeo (เอล ทาเปโญ่) ร้านอาหารสเปนรสดั้งเดิมตั้งอยู่ใจกลางเมืองย่านทองหล่อ ซอยสุขุมวิท 55 ภายในร้านมี 3 ชั้นซึ่งให้ฟิลที่แตกต่างกันออกไป ชั้นแรกมีบาร์ขนาดใหญ่ คึกครื้น เหมาะสำหรับใครที่อยากมานั่งจิบเพลินๆ เดินขึ้นไปชั้นสองจะพบกับโซนรับประทานอาหารชิลๆ ผนังตกแต่งด้วยจานอันดาลูเชียนซึ่งมีลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์จากทางใต้ของสเปน       ส่วนชั้นบนสุดเป็นโซนรับแสงที่ดีที่สุดของร้าน หน้าต่างกระจกบานใหญ่มองเห็นทิศทัศน์ด้านนอก ช่วยให้คุณผ่อนคลายมากขึ้น ผนังอิฐสีขาวถูกแซมด้วยภาพสถานที่สำคัญต่างๆ ในกรุงมาดริดที่ยิ่งมองก็ยิ่งน่าหลงใหล       เริ่มต้นความอร่อยด้วย Torreznos Con Mojo Canario หมูสามชั้นทอดกรอบเคี้ยวเพลินราดด้วยซอสรสเผ็ดสูตรทางใต้ของประเทศสเปน     ตามด้วยเมนูขายดี Gambas Al Ajillo Arlic Prawns กุ้งผัดกับน้ำมันมะกอก กระเทียม ปาปริก้าและพาร์สลีย์ รสเค็มพอดีซ่อนความเผ็ดเล็กๆ กินคู่กับขนมปังอุ่นๆ อร่อยสุดๆ     หรือจะลอง Albondlgas Da Cerdo Caseras มีทบอลราดซอสมะเขือเทศ รสเปรี้ยวนิดๆ หอมกลิ่นของกระเทียมและพาร์สลีย์ เสิร์ฟพร้อมขนมปังหอมกรุ่นเช่นเคย     ฟินไปกับแซนด์วิชหน้าเปิด 2 สไตล์ในจานเดียว ทั้ง Brie con cebolla confitada หน้าหัวหอมผัดคาราเมลผสานกับบรีชีสหอมมัน เข้ากันได้อย่างดี Jamón Ibérico Con Tomate Y aceite De Olive หน้าแฮมหมูดำหนึบหนับบวกกับรสเปรี้ยวจากซอสมะเขือเทศสด ดีงามไม่แพ้กัน     พลาดไม่ได้กับ Arroz Negro ข้าวบาสมาตีหุงพร้อมหมึกดำ ผักต่างๆ และปลาหมึก เสิร์ฟบนกระทะร้อนที่ด้านบนเรียงรายด้วยหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์และกุ้งเนื้อหวาน หอมฟุ้งมาแต่ไกล ชูรสชาติด้วยมายองเนสรสกระเทียม กลมกล่อม จานนี้ได้ใจเราเต็มๆ     เอาใจสวีตเลิฟเวอร์ด้วย Coulant De Chocolate Al Turron เค้กช็อกโกแลตลาวารสเข้ม มาพร้อมไอศกรีมวานิลลาหวานหอม ถูกใจใช่เลย และ Churros Con Chocolate ปาท่องโก๋สเปนกรอบนอกนุ่มใน จิ้มกับช็อกโกแลตร้อนเข้มข้น       จบมื้อนี้ด้วย Sangria ค็อกเทลสีแดงแรงฤทธิ์ที่มีส่วนผสมของไวน์แดง น้ำมะนาว สไปรท์ และแอปเปิ้ลสดหั่นเต๋า รสเปรี้ยวซ่า ดื่มแล้วสดชื่น       ชิมแล้วประทับใจ อร่อยจนลืมไม่ลง!

ขอให้คำจำกัดความว่า “เปรี้ยวเข็ดฟัน” ที่สุด ณ ขณะนี้ สำหรับ Flamenco Bangkok สกายบาร์บนชั้น 9 ฝั่ง The Helix ดิ เอ็มควอเทียร์ แหล่งแฮงก์เอาต์ใหม่ที่แค่ก้าวผ่านบานประตูที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ก็เหมือนได้เดินเข้าไปสู่โลกแห่งสีนีออน ดนตรีละติน อาหารสเปน และเครื่องดื่มสุดเก๋     ชื่อร้าน ‘ฟลาเมงโก’ สื่อถึงดนตรี เพลง และการเต้นรำอันพลิ้วไหว ทุกตารางเมตรของที่นี่จึงถูกดีไซน์ออกมาให้สนุกสุดเหวี่ยง ให้ความรู้สึกลึกลับนิดๆ เซ็กซี่หน่อยๆ ตั้งแต่การเลือกใช้สีฉูดฉาดตัดกับเฟอร์นิเจอร์แอนทีค ภาพเพ้นต์บนผนัง โคมไฟแชนเดอเรียคริสตัล (ชุดของพนักงานก็สีสวย กระโปรงพลิ้วมาก) ส่วนพื้นที่ตรงกลางเป็นไสฟ์สเตจเพิ่มดีกรีความสนุกด้วยดนตรีจังหวะละติน รุมบ้า และแซมบ้า มีเลาจน์ชั้นลอยสำหรับใครที่ต้องการความเป็นส่วนตัว รวมถึงพื้นที่ด้านนอกให้จิบเครื่องดื่มดีๆ พร้อมชมวิวยามค่ำคืนของกรุงเทพฯ แบบ 180 องศา         อาหารของที่นี่เป็นอาหารสเปนล้อไปกับธีมร้าน อุ่นเครื่องด้วย Jalapeno Poppers หน้าตาเรียบร้อยแต่ข้างในแซ่บนัก พริกจาราปิโน่สอดไส้ด้วยครีมชีส และโชริโซ่ นำไปทอด ส่วนด้านนอกเป็นครัมเบิ้ลกรอบๆ กินแล้วกระตุ้นต่อมรับรสได้ดี หรือจะลอง Tuna Tartare Sopes ทาโก้กรอบๆ ท็อปด้วยอโวคาโดบดและทูน่าหั่นเต๋าคลุกเคล้าซอส เคียงด้วยซาวครีม กัวคาโมเล่ และซัลซ่าแบบเมกซิกันก็เริ่มต้นมื้อได้ดี ส่วนสาวๆ ที่ปลื้มสลัดเป็นพิเศษ แนะนำ Goat Cheese Salad ราดด้วยฮันนีเลมอนเดรซซิง สดชื่นดี         จานไฮไลต์ Seafood Paella ข้าวอบสเปนเสิร์ฟบนกระทะร้อนที่หอมกรุ่นมาแต่ไกล ข้าวปรุงรสด้วยแซฟฟรอนและปาปริก้า ท็อปด้านบนด้วยกุ้ง ปลาหมึก หอยแมลงภู่ และโชริโซรสจัด เราชอบความกรอบเล็กๆ ของข้าวที่ขอบกระทะ ตักเข้าปากแล้วได้รสชาติของซีฟู้ดแบบเต็มคำ     ปิดท้ายด้วยค็อกเทลซิกเนเจอร์ Reposado Fashion และ Stars in my eyes จิบแล้วไปแดนซ์ได้อีกยาวๆ    

Islero วัวกระทิงที่โด่งดังหลังเอาชนะมาทาดอร์แห่งยุคของสเปนได้ กลุ่มหุ้นส่วนร้านจึงนำมาใช้เป็นชื่อของร้านอาหารสแปนิชสมัยใหม่แห่งนี้ นอกจากคงรสชาติดั้งเดิมไว้แล้ว ยังนำเทคนิคของอาหารสมัยใหม่มานำเสนอในอาหารสแปนิชในมุมที่แตกต่าง     อิสเลโร่ได้เชฟเอ็ดดวร์ด บอช (Eduard Bosch) หนึ่งในทีมเชฟของเอลบูยี (elBulli) ร้านอาหารมิชลินสตาร์ชื่อดังมาเป็นที่ปรึกษาเรื่องอาหาร ทำให้อาหารของร้านน่าสนใจ เพราะเชฟไม่ได้นำเอาโมเลกุลาร์ในแบบเอลบูยีมาใช้ แต่อาศัยเทคนิคสมัยใหม่มาช่วยในการปรุงอาหาร โดยเฉพาะการใช้เตาโจสเปอร์ (Josper) ที่เป็นทั้งเตาอบและเตาย่างในเครื่องเดียวกัน โดยมีเชฟเปโดร โรดริเกวซ (Pedro Rodriguez) เป็นเชฟประจำร้าน ซึ่งเชฟเอ็ดดวร์ดจะกลับมาทุก 3 เดือนเพื่อช่วยปรับเปลี่ยนเมนู     ก่อนมื้ออาหารแนะนำให้ชิมทาปาสจาก Cava ทาปาสบาร์ที่เด่นเรื่องสปาร์กลิงไวน์ รวมถึงไวน์นำเข้าจากสเปน เริ่มที่วัฒนธรรมอาหารกระป๋องของสเปน Homemade Canned Set หอยแมลงภู่ซูสวิดกับซีฟู้ดสต๊อกปรุงรสด้วยปาปริกาและโฟมรสเกลือ หอยหลอดซูสวิดกับน้ำมันมะกอก น้ำสต๊อก และผิวมะนาวกับโฟมรสเกลือ และกุ้งกับน้ำมันมะกอก น้ำสต๊อกกุ้ง และโฟมรสเกลือ เสิร์ฟมาในกระป๋อง ให้รสชาติของทะเลเต็มคำ     ส่วนจานนี้เราไม่อยากให้พลาด Rostit Meat Cannelloni with Black Truffles เส้นพาสตาคานเนลโลนียัดไส้เนื้อหมูและเนื้อวัวที่ตุ๋นจนเปื่อย ราดซอสชีสมาเชโก้ที่มีเดมิกลาซผสมอยู่ โรยด้วยทรัฟเฟิล รสชาติจัดด้วยชีสเข้มๆ และเดมิกลาซ     ส่วนอาหารจานหลักเลือกตามความชอบระหว่างเนื้อปลากับเนื้อแกะ Baked Red Snapper ปลากะพงอบกับมันฝรั่ง น้ำสต๊อกซีฟู้ด หอมเจียว และมะเขือเทศเชอร์รี ให้รสหวานของเนื้อปลากับรสหวานจากน้ำสต๊อก     ส่วนอีกจาน Marinated Lamb Rack ซี่โครงแกะหมักเครื่องเทศย่างในโจสเปอร์ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งกงฟีและมะเขือเทศย่างกับวานิลลา เนื้อแกะนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นเครื่องเทศสมุนไพร    

หากนึกถึงอาหารสเปนในบ้านเรา เราจะนึกถึงชื่อของ วิคเตอร์ บรูโกส (Victor Burgos) เชฟชาวสเปนที่มักจะปรากฎตัวทุกครั้งในอีเวนท์ที่เกี่ยวกับสเปน ปัจจุบันหันมาเปิดร้านอาหารของตัวเองในชื่อ Arroz : Spanish Rice House ชื่อนี้มีความหมายว่า ข้าว เชฟวิคเตอร์บอกว่า ครึ่งหนึ่งจะเป็นเมนูข้าวตำรับสเปนและอีกครึ่งหนึ่งคือวัตถุดิบชั้นดีที่เชฟวิคเตอร์เป็นคนติดต่อให้ส่งตรงมาจากสเปน       บรรยากาศของที่นี่ตกแต่งให้ดูเรียบง่าย แต่รายละเอียดต่างๆ มีความสแปนิชมาก วัตถุดิบชั้นดีที่ใช้ก็มีทั้งโคลด์คัต ไวน์ เบียร์ รวมถึงอาหารกระป๋องจากวัตถุดิบชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นผักดอง หรือหอยกาบแช่น้ำทะเล ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการกินอาหารแบบทาปาส       ไฮไลท์ของที่นี่คือปาเอลญ่า ที่ทำออกมาทั้งหมด 2 แบบ สำหรับ 1 คน และ 2-4 คน อาศัยข้าวจากสแปนและน้ำสต๊อกหลากหลายชนิดของเนื้อสัตว์หรืออาหารทะเลที่ใส่มาด้วย สำหรับ 1 คน เรียกว่า Rice เชฟเสิร์ฟแบบฉ่ำๆ ด้วยน้ำมันมะกอกในจานดินเผา ส่วนสำหรับ 2-4 คน เรียกว่า Paella ปรุงในกระทะแล้วอบก่อนเสิร์ฟ     ส่วนจานเด่นของที่นี่คือ Paella Black Ink, Octopus & Clams ข้าวจากสเปนหุงกับน้ำสต๊อกปลาหมึกและหอยกาบ หมึกดำ กระเทียม และเนื้อปลาหมึก ใส่หน้าแบบเต็มๆ ด้วยหนวดปลาหมึก และหอยกาบ บีบมะนาวใส่กาลิคมายองเนสนิดหน่อย อีกจานเป็น Baby Lamb Chops from Castilla y Leon เนื้อลูกแกะที่ยังไม่หย่านมทำให้มีรสชาติที่ดี ไม่มีกลิ่นสาบ ละมุนและนุ่มลิ้น กินคู่กับมันอบ พริกแดงสอดไส้ชีสโรสแมรี่และพริกเขียวผัดกับเกลือ ราดด้วยเกรวี่ที่ทั้งข้นและหอม       นอกจากนี้ยังอยากแนะนำให้เลือกไวน์จากไวน์ลิสต์มาดื่มสักขวดคู่กัน รับรองว่าจะยิ่งเพิ่มความน่าตื่นเต้นให้กับอาหารมื้อนี้ยิ่งขึ้นไปอีกเพราะไวน์ในร้านนี้เกือบทั้งหมดเป็นไวน์ที่นำเข้ามาจากสเปน