ใครเป็นแฟนคลับ  “The Siam Tea Room” ร้านอาหารไทยโมเดิร์นและเบเกอรี่ชื่อดังจากโรงแรมแบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค ต้องปลื้มใจ เพราะตอนนี้ทางร้านได้ขยายสาขาใหม่ไปที่โครงการ Asiatique The Riverfront บ้านสีขาวสไตล์เฮอริเทจหลังงามติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในโอ่อ่าด้วยผนังสีขาวและกระจกใส ชั้นสองเป็นห้องรับรองที่มีทั้งพื้นที่จัดงานเลี้ยง ห้องไพรเวทส่วนตัว และโต๊ะนั่งริมระเบียงที่มองเห็นวิวปังๆ ทั้งสวนสวยร่มรื่นและแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาว ในส่วนของอาหาร The Siam Tea Room สาขา เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์ ได้ เชฟอ้น - อนุกูล พูลพิพัฒน์ หัวหน้าเชฟแผนกอาหารไทยประจำโรงแรมฯ ที่มีประสบการณ์ทำอาหารไทยมากว่า 10 ปี มานำทีมความอร่อย โดยเชฟจะใช้วัตดุดิบท้องถิ่นของไทย บวกกับสูตรอาหารประจำบ้านของตัวเอง ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย ดัดแปลงเป็นสไตล์ของเชฟอ้อน จนกลายเป็นอาหารไทยโมเดิร์นรสอร่อยและหน้าตาดีในที่สุด เรียกน้ำย่อยด้วยของกินเล่นขายดีอย่าง เปาะเปี๊ยะทอดสอดไส้กุ้ง ทอดร้อนจี๋ ได้รสชาติความหวานของกุ้งตัวอวบ บวกกับแป้งปอเปี๊ยะกรุบกรอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มบ๊วยรสหวาน หมูสะเต๊ะ ของว่างสไตล์ไทยที่ใครๆ ต่างก็หลงรัก หมูเนื้อนุ่มหอมกลิ่นขมิ้นอ่อนๆ กินกับน้ำจิ้มอาจาด และขนมปังปิ้ง ต่อด้วย ยำส้มฉุนปลาสลิดฟู ยำส้มฉุนสูตรคุณยายรสเปรี้ยวอมหวาน เสิร์ฟเคียงปลาสลิดฟูกรุบกรอบ ไม่อมน้ำมันแต่อย่างใด และหมูหวานรสกลมกล่อม ต้มยำปลากะพงน้ำใส ก็เข้าที่ ปลากะพงเนื้อสดแน่น อยู่ในน้ำซุปต้มยำรสเปรี้ยวเผ็ด เสิร์ฟมาในห้อไฟร้อนฉ่า ข้าวซอยปูนิ่ม หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้าน เส้นสดเหนียวนุ่ม เข้ากันดีกับน้ำแกงข้าวซอยรสเข้มข้น ได้ความหอมมันจากหัวกะทิชั้นดี ท็อปด้วยเนื้อปูชิ้นใหญ่ และปูนิ่มกรอบนอกนุ่มใน ตัดเลี่ยนด้วยเครื่องเคียงแสนอร่อย ซี่โครงหมูอบข้าวคั่วน้ำจิ้มแจ่ว ซี่โครงหมูชิ้นโตๆ เนื้อนุ่มร่อนเพราะผ่านการอบอย่างดี ทาด้วยซอสสูตรเฉพาะรสเค็มเผ็ดเล็กๆ จิ้มน้ำจิ้มแจ่วมะขาวรสจัดจ้านพอดี ของหวานเราสั่ง ขนมปังสังขยาใบเตย ขนมปังหนานุ่มปิ้งให้หอม ราดสังขยาใบเตยสูตรเฉพาะของทางร้าน รสหวานมันแบบจุใจ ตกแต่งด้วยเนื้อมะพร้าวอ่อน และ กล้วยไข่ไอศกรีมชาไทย กล้วยไข่ชุบแป้งทอด ไปด้วยกันได้ดีกับไอศกรีมชาไทยรสสดชื่น และซอสคาราเมล ไว้คราวหน้าจะมาลองเมนูใหม่ๆ อีกแน่นอน

'กิ๋น-ก่อ' ไม่ได้เป็นแค่ชื่อร้าน แต่เป็นคำเชิญชวนด้วยใจที่อยากให้เพื่อนๆ ทุกคนได้รับประทานอาหารเหนือฝีมือคุณแม่ของเจ้าของร้าน รังสรรค์จากวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างประณีตก่อนส่งตรงเข้ามายังเมืองกรุง ในซอยสวนหลวง 1 หรือ ซอยจุฬา 12 กลิ่นอายของภาคเหนือไม่ได้ถูกถ่ายทอดผ่านเมนูอาหารเท่านั้น เพราะบรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติ เน้นเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อมอบความอบอุ่นให้แก่แขกของลูกชาย(เจ้าของร้าน) ให้สัมผัสได้ถึงความเป็นอยู่ภายใต้ความสงบและเป็นกันเอง เหมือนได้ไปเที่ยวที่บ้านเพื่อนชาวเหนือ ส่วนรายการอาหารล้วนเป็นเมนูพื้นบ้านสูตรเฉพาะของครอบครัว ทุกจานเสิร์ฟพอชชันใหญ่ ให้รสชาติเข้มข้น และอัดแน่นไปด้วยเครื่องแบบไม่มีกั๊ก เพราะทางร้านถือคติที่ว่า 'ทุกคนที่เข้ามากินข้าวในบ้านเรา จะต้องอิ่มท้องกลับไป' แนะนำ ขนมจีนน้ำเงี้ยว มีความหอมเป็นเอกลักษณ์จากเครื่องเทศ ให้รสชาติเค็ม เผ็ด และเปรี้ยว เสิร์ฟมาพร้อมท็อปปิงแบบไม่ยั้ง ข้าวซอยไก่เส้นอุด้ง น้ำแกงสีเหลืองสวยจากพริกแกงเหลือง ให้เนื้อสัมผัสเนียนละเอียดแต่มีรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นกะทิอบอวลในปาก กินคู่น่องไก่ชิ้นใหญ่และเส้นอุด้งเหนียวนุ่ม และ ข้าวซอยผัดแห้งเนื้อวากิว เส้นชาโคลราดน้ำข้าวซอยพอขลุกขลิก ท็อปด้วยเนื้อวากิวและไข่กุ้ง ได้ความหอมมันจากโฟมกะทิ และเพิ่มเท็กซ์เจอร์ด้วยบะหมี่กรอบให้เคี้ยวเพลินๆ ตัดเลี่ยนด้วย น้ำลิ้นจี่โซดา และ ยูซุโซดา มีความหอม หวาน และเปรี้ยว เติมความสดชื่นได้ดีมาก บอกเลยว่ามื้อนี้ลำขนาด!

ถือเป็นข่าวดีของคนรักอาหารเหนือเมื่อ ‘ฮ้านถึงเจียงใหม่’ ร้านอาหารเหนือพื้นเมืองที่ได้รับรางวัล “บิบ กรูมองต์” จากคู่มือมิชลินไกด์ ประจำประเทศไทย 4 ปีซ้อน มาเปิดสาขาล่าสุดในกรุงเทพย่านอารีย์ โดยมาพร้อมกับร้านขนาดกะทัดรัดให้กลิ่นอายความน่ารักอบอุ่น ยกทัพเมนูอร่อยที่รังสรรค์ขึ้นด้วยวัตถุดิบส่งตรงจากสาขาต้นตำรับมาให้ได้ลิ้มลองแบบไม่ต้องไปแอ่วเหนือกันเลย เริ่มด้วย ออร์เดิฟเมือง (299.-) จัดเต็มทั้งน้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง แกงฮังเล รสกลมกล่อมเคียงมาด้วยเครื่องเคราอย่าง ผักต้ม ไข่ต้ม และแคปหมู เลือกกินเลือกจิ้มได้อย่างสนุกสนาน ต่อด้วย ข้าวซอยไก่ (79.-) โดดเด่นด้วยน้ำซุปหอมมันกะทิซึมเข้าเส้นข้าวซอยนุ่มหนึบ และน่องไก่ชิ้นโต เสิร์ฟมาแบบน้ำคลุกขลิกเข้มข้น พร้อมเครื่องเคียงอย่างผักกาดดอง หอมแดง พริก และมะนาว ที่สามารถปรุงรสได้ตามชอบ สายเนื้อห้ามพลาด จิ้นนึ่งพริกข่า (99.-) เนื้อน่องลายตุ๋นเตาถ่านจนเปื่อยนุ่ม กินพร้อมน้ำพริกข่าเผ็ดร้อนสูตรเด็ดของร้าน ต่อด้วยอีกหนึ่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้านที่ห้ามพลาด ปูอ่อง (79.-) มันปูนาผสมกับไข่แดงและแป้งเล็กน้อย ก่อนจะนึ่งให้สุกหอม จิ้มกินกับข้าวเหนียวหุงสุก บอกเลยคำนี้ลำแต้แต้ ปิดท้ายด้วย คั่วเห็ดลม (89.-) อาหารพื้นบ้านจากเห็ดป่าที่นำไปคั่วพริกกระเทียมจนหอมกรุ่น สัมผัสหนึบหนับเคี้ยวเพลิน

เลขที่ 37 ถนนเฟื่องนคร เป็นที่ตั้งบ้านหลังใหม่ของ ร้านบ้านนวล ร้านอาหารไทยพื้นบ้านเล็กๆ ที่ชื่อเสียงไม่เล็ก เปิดให้จองเมื่อไหร่ก็คิวยาวข้าม (หลาย) เดือน แต่เดิมร้านบ้านนวลตั้งอยู่ชั้นใต้ถุนของบ้านไทยโบราณที่รองรับได้เพียง 1-2 โต๊ะ แต่ก็มิได้เป็นอุปสรรคแก่ผู้ที่อยากลิ้มรสความอร่อยของร้านแห่งนี้จนทำให้ชื่อเสียงเลื่องลือ วันนี้บ้านนวลเดินทางมาถึงปีที่ 7 แล้ว สองพี่น้องเจ้าของร้าน คุณยุและคุณทอมมี จึงรีเฟรชทุกอย่างให้สวยงามสมความตั้งใจของทั้งคู่ยิ่งขึ้น แต่แน่นอนว่าต้องคงเอกลักษณ์ความเป็นบ้านนวลไว้ โดยแขกที่มาเยือนจะได้พบกับ 2 หัวใจหลักของร้านคือ คุณยุผู้พี่ คอยรับผิดชอบอาหารและงานในครัว และคุณทอมมี ผู้ดูแลการตกแต่งร้านและต้อนรับแขกอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง ที่ตั้งใหม่ของร้าน คุณยุเผยว่าเลือกจากโลเกชั่นที่ติดตลาดเป็นสำคัญเพราะเธอจ่ายตลาดเองทุกวัน โชคดีว่าวันหนึ่งพบห้องที่ติดป้ายให้เช่านี้พอดี ด้านดีไซน์ร้านได้คุณทอมมีที่เชี่ยวชาญด้านสไตลิ่งเป็นคนออกแบบ บรรยากาศโดยรวมในโทนน้ำเงินเรียบหรูดูสนุกสนานขึ้นด้วยลายเพนต์ผนัง โคมไฟ และของประดับต่างๆ ซึ่งคุณทอมมีเลือกสรรมา เฟอร์นิเจอร์ไม้ให้ความอบอุ่นเหมือนบ้าน ติดแอร์เย็นฉ่ำนั่งสบาย ตัวเอกคือครัวหลังใหญ่กลางร้านซึ่งเปิดให้เราได้เห็นคุณยุลงมือทำอาหารแต่ละจาน พลางพูดคุยซักถามเพิ่มอรรถรสในมื้ออาหารได้ยิ่งกว่าเดิม เมนูในร้านยังยกขบวนจานเด็ดที่กินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ อาทิ ข้าวผัดกากหมู ก้านคะน้าผัดปลาเค็ม ลาบทอด ซึ่ง G&C เคยรีวิวไว้แล้วที่ [ https://www.gourmetandcuisine.com/going_out_eating/detail/864 ] และครั้งนี้เราก็ยังมีเมนูเด็ดฝีมือคุณยุที่ไม่ควรพลาดมาแนะนำเพิ่มเติม ได้แก่ กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ จานซิกเนเจอร์ที่เราอยากให้ทุกโต๊ะสั่ง คุณยุเลือกใช้กุ้งแม่น้ำจากร้านประจำที่ตลาดสามย่าน คัดน้ำหนัก 4 ตัวโล หรือ 5 ตัวโลเท่านั้น (ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ) นำมาทอดโดยไม่แกะเปลือกเพื่อที่เนื้อจะได้ไม่กระด้าง ทอดให้มันกุ้งออกมาในน้ำมันและราดด้วยกระเทียมสูตรพิเศษแบบล้นๆ ทั้งน้ำมันและกระเทียมนำมาราดข้าวกินกับเนื้อกุ้งสดใหม่ที่ทอดได้นุ่มเด้งราดมันกุ้งเยิ้มๆ ตามด้วยน้ำยำ ชวนฟินในทุกคำ ข้าวขยำปู อีกหนึ่งเมนูข้าวของทางร้านที่เด็ดมาก ใช้ปูคัดไซส์ใหญ่พิเศษสดจากตลาด หลักสำคัญคือน้ำจิ้มซีฟู้ดต้องตำด้วยมือเท่านั้น และไม่ใช่แค่คลุกแต่ต้องขยำจนเข้ากันโดยมีหอมแดงไทยเป็นตัวตัดรส นี่แหละเคล็ดลับความอร่อย หมูทอดลูกผักชี จานนี้นับเป็นเมนูหายากเพราะร้านอาหารส่วนมากมักหวงลูกผักชี แต่ทางคุณยุใส่เต็มที่เพื่อจัดเต็มทั้งกลิ่นหอมและรสชาติความอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์ บอกเลยว่าต่างจากหมูกระเทียมทั่วไปชนิดคนละเรื่อง ต้มจืดไชโป๊วหวาน จานนี้ใครได้ซดเป็นต้องฟินกับความกลมกล่อมหวานละมุนของน้ำซุป มีที่มาจากเมนูที่บ้านคุณปู่ซึ่งเป็นรสชาติที่อยู่ในความทรงจำของคุณทอมมี่ ต่างจากต้มจืดทั่วไปที่ใช้หัวไชเท้า สูตรนี้ใช้ไชโป๊วหวานเป็นหลักจึงให้รสหวานเป็นธรรมชาติ คุณยุเสริมว่าเมื่อก่อนที่บ้านจะมีกากหมูติดบ้านตลอดจึงโรยลงไปเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบ อร่อยไปอีกขั้น คอหมูทอดน้ำปลา ปรับสูตรมาจากสามชั้นทอดน้ำปลาเพื่อให้ต่างจากร้านอื่นๆ แต่เมนูนี้มีความยากคือเวลาทอดไฟต้องอ่อนมากๆ จึงใช้เวลาทอดนาน และต้องชุบแป้งให้บางที่สุดเพื่อสัมผัสกรอบชวนกิน ปิดท้ายด้วยเมนูที่มีความฟิวชั่นอย่าง สปาเกตตี้ผัดซอสมันกุ้ง เป็นเมนูที่ต่อยอดมาจากจานเด็ดอีกจาน กุ้งผัดมันกุ้ง ที่ตัวซอสมีความครีมมีกลมกล่อมจนต้องตักราดข้าว จานนี้เลยนำซอสที่ว่ามาคลุกเคล้ากับเส้นสปาเกตตี้แบบอัลดันเตซึ่งให้ความอร่อยเพลินไปอีกแบบที่ไม่แพ้กันเลย แถมยังแกะเปลือกกุ้งเพื่อให้กินง่ายขึ้นอีกด้วย อีกหนึ่งข้อดีจากการย้ายร้านมาที่ใหม่ก็คือ บนถนนเฟื่องนครเริ่มมีคอมมูนิตีของคนชอบอาหารการกิน มีร้านอาหารและร้านกาแฟร่วมสมัยเป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงมากมาย แม้ทางร้านจะไม่มีเมนูของหวานบริการ นักกินก็สามารถฮอปปิ้งไปกินของหวานขึ้นชื่อที่แพร่งภูธร หรือไปกินของอร่อยที่ย่านประตูผีได้ การเดินทางมาร้านบ้านนวล จอดรถได้ที่ J Park (มีค่าจอดรายชั่วโมง) ทางร้านไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์แต่หากแขกจะนำมาเองก็ไม่มีค่าเปิดขวดแต่อย่างใด ที่สำคัญคุณยุฝากบอกว่าตอนนี้จองโต๊ะร้านบ้านนวลได้ช่องทางเดียวเท่านั้นคือ Instagram : @baannual37 โดยจะประกาศให้จองโต๊ะล่วงหน้าผ่านฟีดอินสตาแกรม ถ้าไม่อยากพลาดก็กดติดตามกันไว้ให้ดี

“บ้านนอกเข้ากรุง” ร้านอาหารไทย-อีสาน น้องใหม่เครือ NARA Thai Cuisine เจ้าของคือคุณจอม - ภูมิพันธ์ เอี่ยมปรเมศวร์ อดีตหัวหน้าบัตเลอร์ประสบการณ์กว่า 10 ปีของโรงแรมเซนต์รีจิส นิวยอร์ก แทกทีมกับเพื่อนรักอย่างคุณยูกิ - นราวดี ศรีกาญจนา ร่วมกันสร้างร้านอาหารไทยตำรับบ้านสีจานแห่งจังหวัดโคราช ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณประจวบ (คุณแม่ของคุณจอม) เติบโต และสั่งสมประสบการณ์การทำอาหารมานานกว่า 70 ปี เอ็นจอยกับอาหารสูตรประจำบ้าน ที่เปี่ยมด้วยรสชาติมือแม่ในบรรยากาศสถานีรถไฟจำลอง ซึ่งเป็นสถานที่พบรักของคุณพ่อ-แม่ของคุณจอม พื้นไม้สีน้ำตาลเข้ากันกับผนังสีขาวและสีฟ้าน้ำทะเล เฟอร์นิเจอร์ไม้เครื่องสานสื่อถึงกลิ่นอายของภาคอีสาน  ด้านหลังมีชั้นวางสัมภาระที่เรียงร้านด้วยกระเป๋าใบโต ราวกับเรานั่งอยู่บนรถไฟอย่างไรอย่างนั้น ต้อนรับด้วย ตำหลวงพระบางสูตรแอร์โฮสเตส สูตรพี่สาวสุดที่รักของคุณจอม แผ่นมะละกอกรุบกรอบ คลุกเคล้าเครื่องเคราส้มตำ ใส่กะปิชั้นดี และปลาร้าโฮมเมดจนได้รสเค็มกลมกล่อม กินเพลินอย่าบอกใคร ตามด้วย ออร์เดิร์ฟบ้านนอก อาหารเรียกน้ำย่อยหอมฉุย ที่ให้คุณอร่อยกับปีกไก่ทอดน้ำปลาชิ้นโตๆ ไส้กรอกโคราชบ้านเองเนื้อแน่น ปอเปี๊ยะโคราชสอดไส้วุ้นเส้นและหมูสับ เสิร์ฟคู่ปลาร้าบองรสเค็มนัว และซอสสูตรเฉพาะรสหวาน น้ำพริกขี้กาผักต้ม เมนูโบราณหารับประทานยาก พริกเขียวตำหยาบๆ กับเนื้อปลาทูหอมๆ ได้รสเค็มเผ็ดจัดจ้าน กินคู่กับผักพื้นบ้านชนิดต่างๆ ลวกกำลังกิน และไข่ต้มยางมะตูมเยิ้ม ต่อด้วย พะโล้ยายสำเรียง พะโล้สูตรเด็ดของคุณยายเจ้าของร้าน ไข่อิ่มเอมและหมูสามชั้นนุ่มแทบละลายในปาก อยู่ในน้ำแกงรสหวานกลมกล่อม หอมกลิ่นสามเกลอ โรยหน้าด้วยข่า หมี่โคราชกุ้งแม่น้ำ เส้นหมี่เหนียวนุ่มผัดพร้อมซอสสูตรลับที่มีส่วนผสมของเต้าเจี้ยว ท็อปด้วยกุ้งแม่น้ำตัวโตเนื้อหวาน แกงอ่อมปลาย่างซี่โครงหมู น้ำแกงรสเค็มเผ็ด หอมกลิ่นปลาย่างและสมุนไพร อย่าลืมกินซี่โครงหมูเนื้อสู้ฟันด้วยนะ ของหวานเราแนะนำ วุ้นกาแฟโบราณ รสหวานเข้มกำลังดี สัมผัสกรอบเด้ง เข้ากันกับวิปครีมตีสด ฟักทองเชื่อมน้ำตาลคาราเมล ฟักทองหวานมันชิ้นใหญ่ๆ เชื่อมน้ำตาลคาราเมลรสหวานฉ่ำ กินคู่วิปครีมกะทิเค็มมัน หรือใครชอบ กล้วยน้ำว้าเชื่อมน้ำตาลคาราเมล ก็เข้าที กล้วยน้ำว้าสวนเคลือบน้ำตาลคาราเมล ตัดด้วยรสเค็มจากวิปครีมกะทิ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มเร้าใจอย่าง เสียงกระซิบของข้าวคั่ว ที่ได้รสเปรี้ยวอมหวานจากน้ำแอปเปิ้ลเขียว น้ำมะนาวและน้ำส้มยูสุ ท็อปด้วยจิงเจอร์เอลและข้าวคั่ว ต่อด้วย Tam-Me-Lean ค็อกเทลที่มีส่วนผสมของน้ำกูสเบอร์รีรสเปรี้ยวสดชื่น น้ำมะขามแช่อิ่ม และเติมดีกรีร้อนแรงด้วยเหล้าสปิริต ใครอยากลิ้มลองแวะมาชั้น 2 ของโครงการ Vivre Langsuan ได้เลย

จากร้านข้าวแกงขวัญใจชาวจตุจักรมานานกว่า 30 ปี บัดนี้ “พริกหยวก” ร้านอาหารไทยสไตล์ครอบครัว ย้ายโลเคชั่นมาอยู่ย่านประดิพัทธ์เป็นที่เรียบร้อย เจ้าของคือคุณแอน-ดารารัตน์ วิสัยจร หญิงสาวชาวชุมพรที่ได้เคล็ดลับความอร่อยมาจากคุณแม่ อิ่มเอมกับอาหารไทยคอมฟอร์ตฟู้ดกลิ่นอายอาหารใต้ ที่คงคอนเซ็ปต์ ‘ไม่ใส่ผงชูรส และน้ำมันหอย’ เสิร์ฟพร้อมบรรยากาศกว้างๆ และสวนร่มรื่นในแบบฉบับโรงเรียนเรวดี ที่แม้จะมีอายุกว่า 70 ปีแต่เมื่อผ่านการรีโนเวทก็ยังสวยงามเช่นเคย เอ็นจอยกับโซนต่างๆ ที่เต็มไปด้วยมู้ดแห่งความอบอุ่น ทั้ง Kitchen Bar คาเฟ่ของคุณออม - กาศิก พัจนโรจน์ ลูกชายเจ้าของร้าน Cuisine Club ลานกว้างนั่งเล่นสำหรับลูกค้า เมื่อตกเย็นจะเป็นบาร์แจ๊สฟังเพลิน และร้านขายของแฮนด์เมด ที่เต็มไปด้วยเครื่องใช้จักรสานน่าสะสม จานแรกเราสั่ง เซ็ตขนมจีน ที่ประกอบด้วยขนมจีนเส้นเล็กเหนียวนุ่ม กินคู่น้ำยาสูตรโบราณรสเค็มเผ็ดเข้มข้น และน้ำพริกรสหวานไม่เลี่ยน เข้ากันดีกับผักสดต่างๆ ไข่ต้มยางมะตูม และผักบุ้งทอดกรุบกรอบ ตามด้วย เซ็ตขนมจีนซาวน้ำ ให้คุณเพลิดเพลินกับซาวน้ำรสหวานอมเปรี้ยว  ที่ทำมาจากกุ้งแห้งป่น กระเทียม ขิง สับปะรด และพริกสด ผสานความหอมมันจากกะทิชั้นดี เพิ่มความฟินด้วยลูกชิ้นปลาโฮมเมด ลูกใหญ่เนื้อแน่น ของหวานเราสั่งเป็น กล้วยไข่เชื่อมราดกะทิ กล้วยไข่ที่ได้รสหวานฉ่ำจากน้ำเชื่อม ตัดกับน้ำกะทิรสเค็มนิดๆ เครื่องดื่มเราแนะ น้ำส้มเขียวหวาน คั้นสดๆ ไม่ผสมน้ำตาล รสเปรี้ยวอมหวานชื่นใจ มีอีกหลายเมนูเลยที่อยากลอง

“CRAZE MAMA” ร้านอาหารไทยเปิดใหม่ในไอคอนสยาม ที่นำ ‘มาม่า’ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขวัญใจสายฟู้ดตลอดกาล มารังสรรค์เป็นจานอร่อยรสแซ่บ ในบรรยากาศโรงงานมาม่าขนาดใหญ่ ทั้งสีแดงอมส้มร้อนแรงเสมือนน้ำซุปของมาม่าต้มยำ โคมไฟถ้วยมาม่าเก่ไก๋ส่องสว่าง และหมอนอิงมาม่ารสสุดป็อปต่างๆ ที่ฟู้ดดี้เห็นแล้วต้องร้องคิวท์! เรียกน้ำย่อยกันก่อนกับ กะหล่ำปลีผัดน้ำปลา สัมผัสกรุบกรอบคลุกเคล้ากับน้ำปลาหอมๆ ได้รสเค็มกลมกล่อม ตามด้วยเมนูขายดี แตงโมน้ำตก แตงโมรสหวานฉ่ำ ราดซอสน้ำตกรสเข้มข้น ได้กลิ่นหอมๆ ของข้าวคั่วเต็มเปา กุ้งฟุต นี่เป็นเมนูเหมาะสำหรับคนรักกุ้งโดยแท้ ตัวเนื้อหวานเสียบไม้ ย่างให้หอมจนได้เนื้อฉ่ำใน ราดซอสสูตรเฉพาะรสหวานได้ที่ มาม่าซอตหอยแมลงภู่ มาม่าต้มยำที่เรารัก ผัดพร้อมเครื่องเคราผัดฉ่ารสเด็ดดวง มีพระเอกของจานคือหอยแมลงภู่ตัวอวบอ้วน พลาดไม่ได้กับ ต้มยำทะเลหม้อไฟ ซีฟู้ดสดเด้งละลานตาเสมือนขนทะเลขึ้นบก อาทิ ปลาหมึกหนึบหนับ กุ้งตัวอวบ หอยแมลงภู่เนื้อหวาน อยู่ในน้ำซุปต้มยำรสเผ็ดกำลังดี พร้อมสาวเส้นมาม่าเหนียวนุ่มเพลินๆ ไจแอ้น ทะเลถัง เครื่องเคราทะเลต่างๆ อย่าง กุ้งตัวโต  มิ๊กซ์กับซอสสไปซี่รสเค็มเผ็ดกำลังดี เครื่องดื่มแนะนำ แตงโมปั่น สีสวย รสหวานชื่นใจ และ อัญชันมะนาว รสเปรี้ยวอมหวาน ดับร้อนได้ดี ตอนเย็นทางร้านมีเสิร์ฟค็อกเทลด้วยนะ

หลังจากที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มโพเรียม (The Emporium) ปรับโฉมใหม่อย่างไฉไล พร้อมเป็นเดสติเนชั่นชั้นนำด้านไลฟ์สไตล์ระดับโลก นอกจากช็อปสินค้าแบรนด์เนมสุดหรูที่กำลังทยอยเปิดตัวกันอย่างต่อเนื่องแล้ว หากช้อปปิ้งมาเหนื่อยๆ ที่นี่ก็มี Sava Modern THAI Flavour (ซาว่า โมเดิร์น ไทย เฟลเวอร์) ร้านอาหารไทยโมเดิร์นของแฟชั่นดีไซเนอร์แถวหน้าของเมืองไทย คุณหมู - พลพัฒน์ อัศวะประภา แห่ง ASAVA Group และหุ้นส่วน ซึ่งเป็นดั่งส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสายฟูดดี้และสายแฟชั่น ให้เหล่านักช้อปวางใจแวะมาฝากท้องได้ทุกเมื่อ และเพื่อให้ตอบรับนักช้อปได้ทุกเวลาตั้งแต่ห้างเปิดจนห้างปิด ทางร้านจึงเปิดตัว Supreme Dinner Menu รวมเมนูสุดอลังการในคอนเซ็ปต์ “Surf & Turf” ที่ชูความสดใหม่ของวัตถุดิบสุดพรีเมียมทั้งซีฟู้ดและเนื้อสัตว์แบบเน้นๆ มาในพอร์ชั่นใหญ่ที่เหมาะสำหรับให้แชร์กันได้อย่างเพลิดเพลิน คุณดวง - นีรนาท เผ่าสวัสดิ์ หนึ่งใน 4 หุ้นส่วนของร้าน Sava เล่าให้เราฟังถึงที่มาของเมนูดินเนอร์ชุดใหม่นี้ว่าเป็นการคิดออกแบบเมนูใหม่ขึ้นทั้งหมด เนื่องจากทางร้านเริ่มมีฐานลูกค้าที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะที่เป็นชาวต่างชาติก็เติบโตขึ้นมาก จึงคิดทำดินเนอร์เมนูซึ่งตอบโจทย์เทรนด์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่นิยมกินอาหารที่มีสัดส่วนของโปรตีนที่มากขึ้นและลดคาร์บให้น้อยลง ด้านวัตถุดิบสำหรับดินเนอร์เมนูก็จะมีความพรีเมียมมากขึ้น ให้เหมาะกับช่วงเวลาเย็นที่ลูกค้าไม่ต้องเร่งรีบและสามารถผ่อนคลายอารมณ์ไปกับมื้ออาหารดีๆ ในรสชาติความเป็นไทยดั้งเดิมที่อร่อยถูกปากได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ลืมที่จะยกระดับในการนำเสนอให้ละเมียดละไมยิ่งขึ้นในแบบของ Sava Supreme Dinner Menu ได้รับการตอบรับอย่างดีตั้งแต่เปิดตัวมา ด้วยรสชาติที่ถึงเครื่องแบบอาหารไทยต้นตำรับ ผนวกกับภาพลักษณ์ที่ดูทันสมัยและน่ากิน อาทิ สเต็กเนื้อริบอายซอสพะแนง หรือ ซี่โครงแกะซอสพะแนง ไม่ว่าจะสั่งเนื้อหรือแกะก็จะได้เนื้อชิ้นใหญ่ เราแนะนำให้เลือกสั่งแบบแรร์ เมื่อเสิร์ฟมาบนจานร้อนที่จุดไฟเพื่อรักษาอุณหภูมิของอาหารแล้วจะสุกขึ้นมาอีกนิดหน่อย จานนี้เป็นเมนูยอดนิยมทั้งกับลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ ตอบรับกระแสของ “พะแนง” ที่กำลังมาแรงเพราะเพิ่งได้รับการจัดอันดับเป็นสตูที่ดีที่สุดในโลกโดยเว็บไซต์อาหาร TasteAtlas ในปี 2566 นี้ อีกหนึ่งจานยอดนิยมสำหรับคนที่ไม่กินเนื้อแดงต้อง แซลมอนครีมซอสกระเทียม ซึ่งเสิร์ฟมาบนจานอุ่นร้อนเช่นกัน แซลมอนชิ้นหนาสวย ด้านนอกสุกกรอบกำลังดีส่วนด้านในห่อหุ้มเนื้อที่นุ่มชุ่มฉ่ำเอาไว้ เข้ากันกับครีมซอสเค็มๆ มันๆ เป็นจานที่ถูกปากทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยทีเดียว ตามด้วยอีกจานไฮไลต์ที่แค่เห็นไซส์ก็อลังการแล้ว ปาเอญ่ากุ้งแม่น้ำ เสิร์ฟมาบนถาดขนาดใหญ่ (เมนูนี้มีขนาดให้เลือก 2 ไซส์) เป็นจานที่มีแรงบันดาลใจมากจากเมนูขึ้นชื่อของสเปนแต่นำมาสอดแทรกรสชาติแบบไทยลงไป ตัวข้าวอบผสมผสานเนื้อกุ้งและหมึกชิ้นโต เพิ่มรสชาติด้วยมันกุ้งนำลงไปผัดเคลือบข้าวจนมันอร่อยในทุกคำ และพริกเพิ่มความเผ็ดร้อน ทอปด้วยกุ้งแม่น้ำอบตัวโตที่ไม่ได้ผ่านการแช่แข็ง มันกุ้งจึงฉ่ำเยิ้มชวนกิน ก่อนกินให้ตักมันกุ้งมาคลุกเคล้ากับข้าวอีกครั้ง ตามด้วยบีบน้ำเลมอนดึงรสสดชื่น ราดด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด เป็นจานที่อร่อยชวนฟินมาก หากยังไม่อิ่ม ต้องตบท้ายด้วยเมนูที่เรียกว่าเป็นจานอร่อยสามัญประจำทุกโต๊ะ ไข่เจียวปู ฟูๆ หนาๆ ทอปด้วยกรรเชียงปูเน้นๆ กินกับซอสพริก หรือ กุ้งแม่น้ำทอดเกลือ ที่ใช้กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่สดใหม่เนื้อแน่น เสิร์ฟแบบเน้นทั้งปริมาณและคุณภาพเลยทีเดียว Supreme Dinner menu พร้อมให้บริการทุกวัน ในวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 17:00น. เป็นต้นไป และวันเสาร์-อาทิตย์ ตลอดทั้งวัน นอกจากเมนูมื้อเย็นที่จัดมาอย่างเต็มอิ่มแล้ว ในช่วงบ่ายทางร้านยังให้บริการชุดน้ำชายามบ่ายสุดพิเศษ SAVA Afternoon Tea with Noritake ที่ร่วมกับแบรนด์เครื่องพอร์ซเลนชั้นนำจากญี่ปุ่น เสิร์ฟอาหารว่างคาวและของหวานรสชาติไทยในชุดภาชนะคอลเล็คชั่นใหม่ “Carnivale” ที่สวยสดใสในโทนสีพาสเทลอีกด้วย ขอกระซิบว่าของหวานจานปิดท้ายชุดน้ำชาอย่าง โทสต์บริยอชราดซอสชาไทย และ มะพร้าวสาคูเมลอนพาร์เฟต์ เป็นทีเด็ดที่ไม่ควรพลาด (ราคา 1,250++ สำหรับ 2 ท่าน) ชุดน้ำชายามบ่ายให้บริการตั้งแต่เวลา 14:00-17:00น. อิ่มอร่อยเอาใจสายฟู้ดแล้ว ต้องพูดถึงดีไซน์ร้านที่น่าจะถูกใจสายแฟชั่นกันบ้าง กับการตกแต่งร้านในโทนสีขาวและน้ำเงินดึงดูดสายตา ผสานกับลวดลาย Chinoiserie (ชินัวเซอรี) ออกแบบโดยอิลลัสเตรเตอร์ชื่อดัง คุณโอ-ธีรวัฒน์ เฑียรฆประสิทธิ์ ที่ซ่อนกิมมิกเป็นเหล่าสัตว์ในปีนักษัตรของหุ้นส่วนทั้ง 4 เอาไว้ ภายในร้านยังแบ่งพื้นที่เป็นโซนที่นั่งด้านในที่ให้ความสงบเป็นส่วนตัว กับโซนด้านนอกที่ให้บรรยากาศมีชีวิตชีวาในแบบคาเฟ่ ตอบโจทย์ความเป็น all-day dining ให้ลูกค้าแวะเวียนมาได้ตลอดทั้งวัน

Inka” ร้านอาหารไทย (Creative Thai Food) ในเครือนารา ไทย คูซีน ตั้งอยู่ใน Central Embassy (BTS เพลินจิต) ที่มาในคอนเซ็ปต์ Progressive - Ethnic – Bangkokian เสิร์ฟอาหารไทยรสต้นตำรับสูตรอร่อยของนารากว่า 18 ปีในแบบฉบับคนกรุงฯ ที่ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมให้คุณเอ็นจอยกับบรรยากาศบีชคลับสุดชิล ละม้ายคล้ายอยู่ในรีสอร์ทริมทะเลสวย เฟอร์นิเจอร์ไม้เข้ากันกับเครื่องสานผลงานของศิลปินไทย บวกกับต้นไม้กระถางสีเขียวยิ่งเสริมบรรยากาศให้มีชีวิตชีวามากขึ้น ต้อนรับด้วย Amuse Bouche ชวนชิมแล้วเริ่มสั่งอาหารกันเลย จานแรกของเราคือ ยำเนื้อเทนเดอร์ลอยน์ เนื้อสันในเคี้ยวเพลิน ย่างในระดับความสุกมีเดียมแรร์ฉ่ำลิ้น เสิร์ฟพร้อมน้ำยำสไตล์ไทยรสจัดจ้าน ตามด้วย ปอเปี๊ยะสดดอกไม้และคอหมูย่าง แป้งปอเปี๊ยะบางกริบ ห่อดอกไม้กินได้นานาพันธุ์ เข้ากันดีกับน้ำจิ้มสูตรเฉพาะรสหอมมัน ต่อด้วย สลัดกะหล่ำดาวคอหมูย่าง หนึ่งในเมนูเด็ดดวงของทางร้าน กะหล่ำดาวหอมกลิ่นกระทะ คลุกเคล้ากับน้ำยำครบรส และคอหมูย่างเนื้อนุ่มสู้ฟัน โรยข้าวคั่วหอมๆ ซี่โครงหมูกอและ ซี่โครงหมูชิ้นโตๆ น่าอร่อย หมักซอสกอและในแบบฉบับของทางใต้รสเข้มข้น ก่อนนำไปซูวีนานถึง 1 วันจนได้เนื้อนุ่มร่อน เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอดร้อน  และน้ำยำรสเด็ด ซดน้ำซุปร้อนๆ กับ ต้มยำมะพร้าวเผาและกุ้งแม่น้ำ กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ๆ เนื้อหวาน อยู่ในน้ำแกงต้มยำรสเปรี้ยวละมุน ได้ความหอมของน้ำมะพร้าวเตะจมูก ผัดไทกุ้งแม่น้ำ เส้นจันท์เหนียวนุ่ม ผัดพร้อมน้ำมะขามเปียกรสกลมกล่อม ห่อไข่น่าอร่อยเป็นที่สุด เสิร์ฟเคียงกุ้งแม่น้ำย่างร้อนจี๋เนื้อสดเด้ง ของหวานเราลองสั่ง ฝรั่งเเช่บ๊วยกรานิต้า น้ำแข็งใสสไตล์อิตาเลียนรสฝรั่งแช่บ๊วยรสหวานเค็ม กินคู่พริกเกลือบ๊วยรสเปรี้ยวอมหวานเข้ากัน และ กล้วยปิ้งคาราเมลซีซอลท์โรยครัมเบิ้ลและวิปครีม กล้วยปิ้งที่เรารัก ราดซอสคาลาเมลรสเค็มหวาน เข้ากันกับวิปครีมเนื้อนุ่มปุกปุย เครื่องดื่มเราแนะนำ The Happy Cloud น้ำตาลสดรสหวานละมุน ผสมกะทิชั้นดี ไซรัปอัญชันสีฟ้าสวย และน้ำมะนาว ตกแต่งด้วยสายไหมฟูๆ สุดน่ารัก ปิดท้ายด้วย The Glitter Sea Breeze น้ำมะม่วงเบารสเปรี้ยวสดชื่น และน้ำขิงเผ็ดซ่า มิ๊กซ์ผงกลิตเตอร์ฟู้ดเกรดวิบวับ อลังการจนไม่กล้าลิ้มลอง

อิ่มท้องพร้อมสุขใจแบบไม่โรยราที่ มิรู้โรย Eatery ร้านอาหารไทยฟิวชันรสเลิศ ที่เหมาะกับทุกโอกาสแห่งความสุข ไม่ว่าคุณจะมากับเพื่อน คนรัก หรือครอบครัวที่มีเด็กและผู้ใหญ่ ก็สามารถเอนจอยด้วยกันได้อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เพราะที่นี่มีหลากเมนูอร่อยจากสูตรของครอบครัวเจ้าของร้านที่ร่วมคิดร่วมทำ พร้อมตกผลึกดึงไอเดียด้านการนำเสนออาหารจากประสบการณ์ที่แต่ละคนในครอบครัวเคยไปลิ้มลอง ก่อนนำมาพลิกแพลงรังสรรค์ให้เป็นเอกลักษณ์ประจำร้าน เน้นเสิร์ฟพอชชันใหญ่สไตล์ Home Cooking ให้แชริงกันได้อย่างทั่วถึง ภายใต้บรรยากาศอบอุ่นเหมือนนั่งรับประทานอาหารที่บ้านของญาติสนิท โดยตัวร้านตั้งอยู่บนถนนอยู่เย็น สะดุดตาตั้งแต่ประตูทางเข้าด้วยอิฐสีส้มฉลุลายดอกไม้ ส่วนภายในยังคงเก็บโครงสร้างเดิมของบ้านหลังเก่าเอาไว้ และเพิ่มความน่าสนใจด้วยงานดีไซน์กึ่งวินเทจ เน้นใช้วัสดุธรรมชาติ ทั้งโคมไฟหวายห้อยระย้าและเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่เข้าชุดกัน นอกจากนี้ยังมีมุมสุดเก๋ให้ถ่ายรูปชิคๆ ได้ไม่ซ้ำอีกด้วย สำหรับมื้อนี้เป็นเมนูอาหารไทยฟิวชัน แต่รับรองว่าอร่อยครบรสทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็ม และหวาน เริ่มกันที่ สลัดทะเลทอด เสิร์ฟพร้อมผักสด เสริมรสชาติด้วยน้ำสลัดครีมซีฟู้ดสุดแซ่บและน้ำสลัดครีมแจ่วข้าวคั่วรสเด็ด ต่อด้วย ยำมิรู้โรย เมนูที่เห็นก็ทำเอาน้ำลายสอ เสิร์ฟพร้อมกุ้งตัวโตราดด้วยน้ำยำรสจัดจ้าน หอมกลิ่นตะไคร้ กินคู่เส้นขนมจีนทอดกรอบสีม่วงสวย ตามด้วย ต้มยำซีฟู้ดลิ้นจี่ ซดร้อนๆ หอมกลิ่นสมุนไพรผนวกกับความหวานหอมของลิ้นจี่ ได้รสชาติที่ต่างไปจากน้ำต้มยำธรรมดา วุ้นเส้นผัดชะอมกระเทียมดอง เมนูขายดี มีกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ ให้รสชาติที่ร้อนแรง เป็นเมนูที่ได้ไอเดียมาจากผัดสามเหม็น แต่สูตรของมิรู้โรยจะไม่ใส่สะตอ แหนมผัดไข่แป้งญวน อร่อยครบรสทั้งเปรี้ยว เค็ม และหวานเล็กน้อย เพิ่มความกรอบด้วยแป้งญวนทอด กินแกล้มเข้ากันได้ดี ถัดมาคือ ชุดเมี่ยงตามใจ หมูทอดชิ้นพอดีคำ เคียงด้วยผักสลัด สมุนไพรไทย และหมี่ลวกคลุกกระเทียมเจียว ห่อเป็นคำๆ พร้อมราดน้ำจิ้มถั่วรสเปรี้ยวหวาน หรือจะซีฟู้ดแซ่บๆ ก็อร่อยไม่แพ้กัน ข้าวแมวแซลมอน ได้แรงบันดาลใจมาจากข้าวขยำปลาทู พลิกแพลงเปลี่ยนจากปลาทูเป็นแซลมอนหั่นเต๋าทอดกรอบ กินพร้อมข้าวผัดที่ร้านปรุงรสมาให้อย่างเบามือ อย่าลืมตักเครื่องสมุนไพร และบีบมะนาวเพิ่มความลงตัว สุดท้ายคือ สปาเกตตีไส้อั่ว เส้นสุกกำลังดี ได้รสเผ็ดนิดเค็มหน่อย และหอมกลิ่นพริกแห้ง กินคู่ไส้อั่วรสชาติเข้มข้นจัดจ้าน อย่าพลาดเครื่องดื่มแนะนำอย่าง Summer Surf Tea ชาดำผสมผลไม้นานาชนิด มอบความสดชื่นยามบ่ายวันนี้ได้ดีทีเดียว ใครขาดกาเฟอีนไม่ได้ต้องลอง Coco Latte น้ำมะพร้าวปั่นกับนมสดราดด้วยช็อตกาแฟ ให้รสเข้มข้นที่อบอวลไปด้วยความหอมมันของมะพร้าวน้ำหอม ปิดท้ายด้วย สับปะรดพริกเกลือ น้ำสับปะรดสมูทตีรสชาติออกเปรี้ยว เผ็ด และเค็มเล็กน้อย หรือใครชอบขนมหวานทางร้านก็มีให้เลือกเต็มตู้ อร่อยแบบมิรู้ลืม

ตำนานบทใหม่ได้เริ่มขึ้นกับร้านอาหารสัญชาติไทยอย่าง TAAHRA (ธารา) ที่มาจุดเตาสร้างความครึกครื้นบนย่านถนนเจริญกรุงกับคอนเซ็ปต์ Thai Charcoal Grill หรือใช้ “เตาถ่าน” ในการปรุงอาหาร ทำให้แต่ละเมนูมีรสชาติอันโดดเด่น หอมกลิ่นฟืนและถ่าน โดยเชฟ-อั้น หัวหน้าเชฟจะเป็นผู้มาสร้างตำนานและรังสรรค์ความอร่อยในทุกจาน แน่นอนว่าบรรยากาศการตกแต่งต้องเข้มข้นและดุดัน ตอกย้ำคอนเซ็ปต์ของร้านกับดีไซน์ผนังสีดำเรียบหรู พร้อมโซนเคาน์เตอร์บาร์ได้ใกล้ชิดกับสเตชันปรุง เพิ่มอรรถรสด้วยการนั่งชมเชฟปรุงอาหารพร้อมลีลาในการเล่นกับไฟอย่างเร้าร้อนได้อย่างสนุกสนาน  จานสุดประทับใจเมื่อได้ลิ้มลองเริ่มจากจานเรียกน้ำย่อย Nut (ถั่ว) ที่เชฟได้แรงบันดาลใจจากถั่วต้มน้ำเต้าหู้ ทำเป็นมูสรสครีมมี่ ท็อปด้วยรากบัว เม็ดบัว และหอมแดงดอง เพิ่มความกรุบกรอบด้วยแผ่นเต้าหู้ทอด ต่อมา Oyster จานนี้บอกเลยว่ารัก หอยนางรมผัดกับน้ำพริกเผาสูตรเฉพาะของร้านที่ได้จากผัดกับปลาช่อนทะเลตากแห้ง ผัดด้วยไฟแรงจนหอยสุกกำลังดี วางเสิร์ฟในฝาหอย ซอสหอมกลิ่นสมุนไพรครบเครื่อง เพิ่มความเค็มนวลจากซอสไข่เค็ม Squid ปลาหมึกผัดน้ำดำ หมึกกล้วยย่างจนเนื้อเด้งชุ่มฉ่ำ ราดด้วยซอสหมึกดำที่เคี่ยวกับจนหอมกลิ่นสมุนไพร เชฟปรุงรสได้อย่างเข้มข้น จัดจานออกมาดูมินิมอลและเท่สะท้อนถึงสไตล์ร้าน Cobia เมนูปลาช่อนทะเลขนมจีนซาวน้ำ จานนี้พิถีพิถันตั้งแต่การปรุงไปถึงจัดจาน เนื้อปลาช่อนนำไปรมควันแล้วย่างจนหอมกลิ่นสโมก ล้อมรอบด้วยเครื่องเคียงขนมจีนซาวน้ำให้รู้สึกสดชื่น ราดด้วยซอสปลาช่อนทะเลรสครีมมี่ คลุกเข้าด้วยกันหอมอร่อยอย่างลงตัว Beef ที่เชฟได้งแรงบันดาลใจจาก “เกาเหลาเนื้อ” เนื้อวัวย่างจนสุกกำลังดี มีความชุ่มฉ่ำหอมกลิ่นสโมก ราดด้วยซอสเบสคล้ากกับน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเคี่ยวออกมาจนกลายเป็นซอส เสิร์ฟคู่กับผักย่าง เรียกได้ว่าเป็นการสร้างสรรค์ทั้งหน้าตาของอาหารและรสชาติได้อย่างลงตัว สำหรับของหวานนั้นไม่เป็นสองรองใคร ปิดมื้อนี้แบบไทยโมเดิร์น Ginger บัวลอยน้ำขิงที่เชฟบรรจงรังสรรค์ได้อย่างแปลกตาแต่ครบรส ไม่เหมือนบัวลอยน้ำขิงที่เคยกินมา และสุดท้าย Pumpkin Custard สังขยาฟักทองแบบดีคอนสตรักต์ (Deconstruct) ด้านล่างเป็นไอศกรีม ท็อปด้วยมูสกะทิรสเค็มนวลๆ และเมอแรงก์ ใครชอบอาหารไทยรสเข้มข้นและยังใช้ “เตาถ่าน” ในการปรุงต้องไม่พลาด

บนชั้น 7 ของเซ็นทรัลเวิลด์เป็นที่ตั้งของร้านหม้อไฟสไตล์ไทย (Thai Spicy Hot Pot) ชื่อ “CO GO ROUND” หนึ่งในร้านอาหารเครือ Nara Thai Cuisine ที่แท็กทีมกับดีไซน์เนอร์เปี่ยมพรสรรค์ คุณหมู ASAVA ให้ฟู้ดดี้เอ็นจอยกับสายพานที่หอบวัตถุดิบไทยกว่า 100 ชนิดมาไว้ในที่เดียว เมนูดาวเด่นคือเนื้อชนิดต่างๆ อย่าง เนื้อสันนอกโคขุนจากจังหวัดสกลนคร เนื้อวากิวจากจังหวัดสุรินทร์ เนื้อส่วนสันไหล่ เนื้อเสือร้องไห้ เนื้อสันคอวากิวออสเตรเลีย เนื้อเซอร์ลอยน์ออสเตรเลีย เรียกว่าที่นี่เป็น Beef Specialty สวรรค์ของคนรักเนื้อจริงๆ กินกับน้ำจิ้มรสแซ่บต่างๆ ทั้งแจ่วนัวปลาร้า น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ พริกผัดซีฟู้ด และแจ่วโคคนกรุง หรือจะเป็นน้ำจิ้มสูตรเด็ดของคุณ ก็สามารถปรุงได้อย่างตามใจ พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศตลาดน้ำจำลองแสนคึกคัก ที่ตกแต่งด้วยสีสันสดใสดูแล้วครึกครื้น ต้อนรับด้วย ยำขนมจีน จานใหญ่ที่ประกอบด้วยขนมจีนเหนียวนุ่ม หมูกรอบ แหนม หมูยอ แคปหมู ปลากรอบ ไข่ต้ม และผักสดต่างๆ ราดน้ำจิ้มสูตรลับและปลาร้าโฮมเมดรสนัว ต่อด้วย ยำปูดอง ปูนาตัวใหญ่ดองอย่างดีจนได้รสเค็มกลมกล่อม และไข่แดงครีมมี คลุกเคล้าน้ำยำรสจัดจ้านถึงใจ คอหมูทอดหอมเจียว ร้อนจี๋ ได้รสเค็มและเผ็ดจากพริกแห้งร้อนแรง ข้าวผัดสามเกลอกากหมู ข้าวสวยเรียงเม็ดหอมกลิ่นสามเกลอ มิ๊กซ์กับพริกสด หอมแดง กากหมูกรุบกรอบ ก่อนกินบีบมะนาวซีกเพื่อเพิ่มความเปรี้ยวเล็กน้อย อย่าลืมสั่ง ข้าวกระเพราเนื้อนุ่ม ไข่ดาวกรอบ เนื้อคุณภาพฉ่ำลิ้น หั่นชิ้นพอเหมาะ ผัดพร้อมเครื่องกระเพราหอมๆ รสเด็ดดวง ท็อปด้วยไข่ดาวกรอบเยิ้มๆ น่าอร่อย ผัดมาม่าไข่ข้นหนังไก่กรอบ มาม่าผัดร้อนฉ่า เส้นสุกกำลังดี กินกับไข่ข้นครีมมี และหนังไก่กรอบฟิน ตามด้วยหม้อไฟสไตล์ไทยร้อนๆ ที่ครั้งนี้เราเลือกลิ้มลอง น้ำซุปแจ่วฮ้อน หนึ่งในซิกเนเจอร์ของทางร้าน รสเผ็ดได้ที่ กับ น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเรือแซ่บ รสเข้มข้นจนหลายคนติดใจ กินกับ Co Single – Beef Set เซ็ตเนื้อชั้นดีที่ให้คุณอร่อยกับเนื้อใบพายสัญชาติออสเตรเลีย  เสิร์ฟพร้อมเซ็ตผักสดและไข่ไก่ ส่วนใครไม่ใช่สายเนื้อต้องนี่เลย Co Single – Pork Set ชุดเนื้อหมูพรีเมี่ยมที่มีทั้งสันคอหมูคุโรบุตะนุ่มๆ หมูสามชั้นที่เรารัก และชุดผักรวมกับไข่ไก่เช่นเคย ยังไม่จุใจสายกินก็หยิบจากสายพาน หรือสั่งในคิวอาร์โค้ตได้ตามใจ เราออเดอร์ซีฟู้ดสดใหม่อย่าง กุ้งแม่น้ำ ตัวโตๆ เนื้อหวาน จุ่มในหม้อไฟร้อนๆ กุ้งขาวสุราษฎร์ ที่ทางร้านผ่าหลังมาให้อย่างดี ปลากะพง เนื้อสด ชิ้นพอดีคำ ยังมี หมูตอกไข่ หมูหมักนุ่ม เคล้าไข่แดงครีมมี โรยต้นหอมซอย ปิดท้ายด้วย เกล็ดหิมะไมโล น้ำแข็งใสเนื้อนุ่มสไตล์ DIY ที่ให้คุณเติมเครื่องเคราได้อย่างตามต้องการ สมแล้วที่เป็นขนมขายดี

ลิ้มรสความเป็นไทยสุดพรีเมียมมาพร้อมรสชาติที่ขับเน้นเพื่อคนไทย Nawa Thai Cuisine (นว) ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิงแห่งใหม่ของ เชฟโจ-ณพล จันทรเกตุ และ เชฟซากิ โฮชิโน (Executive Chef) จากร้านสามล้อ จับมือกับ เชฟเซ็ฟ-จิรพัทธ์ ประพจนาภณ์ (Head Chef) ร้านอั้งโล่ บาย ย่างแรก ที่มาร่วมสร้างความประทับใจด้วยชุดสำรับไทยไฟน์ไดนิง เสน่ห์ของความหลากหลายแห่งรสชาติแบบไทยๆ ที่สามารถแพริงกันได้อย่างลงตัว Nawa (นะ-วะ) หมายถึง ‘ความใหม่’ ที่เชฟต้องการนำเสนออาหารไทยภาคกลางในยุคปัจจุบันให้มีหน้าตาที่ทันสมัยในสไตล์นว โดยแต่ละจานได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารทั่วภูมิภาคของไทย รังสรรค์ด้วยเทคนิคแนวใหม่ แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติแบบไทยแท้ๆ อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ตามคอนเซ็ปต์ "Preserving Thai Taste x Modern Techniques" เมนูอาหารของนวจึงเลือกเสิร์ฟเป็น 16 Tasting Menu และจะปรับเปลี่ยนทุก 4 เดือน เพื่อหยอกล้อไปกับวัตถุดิบใหม่ๆ ตามฤดูกาลนั้น ส่วนบรรยากาศภายในร้านแน่นอนว่าต้องสื่อถึงความเป็นไทยแต่ออกแบบให้โมเดิร์นขึ้น โดยเฉพาะกำแพงที่ได้ไอเดียมาจากฐานของเจดีย์ สถาปัตยกรรมไทยที่เราคุ้นเคยกันดีถูกปรับเปลี่ยนให้อยู่ในแนวตั้ง ใช้โทนสีอิฐมอญแล้วเพิ่มความน่าสนใจให้ผนังห้องด้วยไฟสีส้มสลัวตัวแทนแสงอาทิตย์อัสดง ทำให้เกิดมิติของแสงและเงา เสริมลูกเล่นด้วยแสงหิ่งห้อยนับร้อยติดบนเพดาน และครัวเปิดเพื่อให้ผู้มาเยือนได้ดูการแสดงบรรเลงอาหารจานเด็ดในค่ำคืนนี้ ได้เวลาเสิร์ฟสำรับแรกกับสแน็ก 3 คำ เริ่มต้นที่ Ma-Hor ม้าฮ่อเป็นเมนูที่จะบ่งบอกฤดูกาลของร้าน วันนี้เป็นลิ้นจี่ผลไม้ประจำฤดูร้อน ให้รสหวานหอมมีหลากเท็กซ์เจอร์ในคำเดียว ต่อด้วย Beef Tartare ลาบเนื้อดิบเสิร์ฟบนขนมรังผึ้งที่ทำจากกะทิ ด้านในเป็นเห็ดพื้นบ้านหลากชนิดผัดกับพริกลาบเหนือ ท็อปด้วยคาเวียร์สโมกกับไม้ลำไย ได้รสหวานเค็ม มีความหอมมัน และเผ็ดปลายเล็กน้อย คำสุดท้าย Phetchaburi's Oyster พล่าหอยนางรมเพชรบุรีราดน้ำลิ้นจี่ป่า ท็อปด้วยชะคราม ผักเบี้ย และสาหร่ายพวงองุ่น มีรสเปรี้ยวเผ็ดจากน้ำยำสุดแซ่บ มาถึงอาหารจานหลักเป็น Duck Skewer & Gor Lae เชฟนำอกเป็ดไปสโมกกับข้าวอังคัก และส่วนขาเชฟทำเป็นสึกุเนะ ปรุงรสชาติคล้ายเป็ดย่างกอและ รสเค็มๆ มันๆ กินกับ ข้าวหอมมะลิหุงหัวกะทิ หอมหวานละมุน เสริมรสชาติด้วย Scallop & clam relish หอยดองปรุง เครื่องจิ้มรสจัดจ้าน มีสมุนไพรไทยอย่างตะไคร้ ใบมะกูด และมะม่วง ท็อปมาบนตัวหอยเชลล์จากฮอกไกโดหมักน้ำปลา หากรู้สึกเผ็ดเกินไปแนะนำให้กินผักแนมเคียงคู่ไปด้วย อีกหนึ่งเมนูพลาดไม่ได้ Flower yum ยำดอกไม้กับปลาหมึก เชฟนำเนื้อปลาหมึกไปสับแล้วคลุกกับน้ำพริกเผา ก่อนยัดกลับเข้าไปในมูสปลาหมึกที่ปั่นรวมกับไข่ขาว แล้วจัดทรงให้กลับมาเป็นปลาหมึกเหมือนเดิม ราดด้วยน้ำยำรสเปรี้ยวหวาน หอมกลิ่นสมุนไพร จากนั้นโรยด้วยดอกไม้ออร์แกนิกจากเกษตรกรพื้นบ้าน ที่แช่ในไนโตรเจนเหลว (Liquid Nitrogen) สีสันสวยงามชวนกินไม่น้อย ปิดมื้อนี้ด้วยขนมหวานที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Khanom Jak โดยล่างสุดเป็นมาร์ชแมลโลว์ข้าวคั่ว กินคู่ไอศกรีมกะทิอินฟิวส์กับใบตองย่าง ได้รสหวานละมุนของน้ำตาลจาก หอมกลิ่นใบตองชัดเจน มีข้าวเม่าช่วยเพิ่มเท็กซ์เจอร์กรุบกรอบ ด้านบนเป็นทองม้วนรสเค็มนิดๆ จากโคจิ หรือเชื้อราดีที่ร้านเลี้ยงเอง เมื่อกินรวมกันทุกองค์ประกอบจะได้กลิ่นและรสชาติของขนมจากเต็มคำ ตราตรึงใจกับทุกเมนูที่ร้อยเรียงมาเลย

“BIB – Break in Box” ร้านอาหารไทยร่วมสมัย (Thai Contemporary) น้องใหม่ที่ตั้งอยู่ใน Trinity Mall แห่งซอยสีลม 3 นำทีมความอร่อยโดยคุณวิน-นวิน ฌนาภัทรศิริ เชฟชาวเหนือที่อยู่ประเทศอังกฤษมานานกว่า 10 ปี จนตัดสินใจสานฝันเปิดร้านของตัวเอง จากแรงบันดาลใจอันแรงกล้าที่อยากจะยกระดับอาหารเหนือให้ทันสมัยมากขึ้น เมนูที่ร้านจึงแบ่งเป็น 2 คอนเซ็ปต์ คือ  มื้อกลางวันจะเน้นเป็นอาหารจานเดียวหรืออาหารชุด ตอบโจทย์ชาวออฟฟิตย่านสีลมอย่างเต็มพิกัด ส่วนยามเย็นทางร้านจะเสิร์ฟเมนูอิซากายะฟิวชั่นในแบบฉบับอาหารเหนือ กินคู่เบียร์เย็นเฉียบหรือไวน์รสชาติดีในบรรยากาศเรียบง่ายแต่อบอุ่นสไตล์เจแปนนิส-นอดิค  ตกแต่งด้วยฉากไม้ซี่สีน้ำตาลในแบบฉบับญี่ปุ่นติดชื่อร้านที่มีความหมายว่า ‘ผ้ากันเปื้อนเด็ก’ (BIB) สื่อถึงการกินอาหารอย่างมีความสุขโดยไม่ต้องกังวลจะเลอะเทอะ ไปด้วยกันได้ดีกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ โซฟาหนานุ่มสีน้ำเงินและสีเขียวอ่อน คุมโทนโคซี่ด้วยแสงไฟสีส้มนวล เรียกน้ำย่อยกันก่อนกับ แกงฮังเลทอด แกงฮังเลในรูปแบบของโครเก็ตลูกบิ๊กเบิ้ม ภายในสอดไส้มันฝรั่งและเนื้อหมูผัดซอสสูตรเฉพาะ ออนท็อปด้วยซอสแกงฮังเล และกระเทียมโทนโฮมเมด ตามด้วย ปีกไก่ยัดไส้ข้าวหมก ปีกไก่เนื้อสีเหลืองทอง ยัดไส้ข้าวหมกหอมๆ อิ่มเอม กินกับผักดองโฮมเมด และน้ำจิ้มไก่ผสมโยเกิร์ตรสเปรี้ยวอมหวาน จานนี้อร่อยมาก สะโพกหมูย่างเสิร์ฟพร้อมแจ่วเจลลี่และผักย่าง สะโพกหมูย่างบนเตาถ่าน หั่นชิ้นพอดีคำ เสิร์ฟเคียงเจลลี่แจ่วเนื้อสัมผัสเด้ง ให้รสเปรี้ยวเผ็ดกำลังดี และผักย่างนานาชนิด ต่อด้วย ไก่ย่างมะแขว่น เสิร์ฟแป้งตอร์ติญ่ากรอบ และซัลซ่า ไก่ย่างมะแขว่นเสียบไม้รสจัดจ้าน เนื้อฉ่ำในไม่ด้าน กินพร้อมแป้งตอร์ติย่าโฮมเมดกรุบกรอบ ราดซอสซัลซ่าส้มรสหวานอมเปรี้ยว และมายองเนสสไตล์ไทย คนรักเนื้อต้องสั่ง ลิ้นโคขุนย่าง โคนลิ้นเนื้อโคขุนย่างสู้ฟัน โรยด้วยไข่แดงขูดฝอยรสครีมมี จิ้มเกลือทะเลจากจังหวัดสมุทรสาคร และพริกป่นรสเผ็ดแซ่บ จานหลักต้องนี่เลย สปาเกตตีแองเจิ้ลแฮร์ น้ำยาใต้แซลมอน และซีฟู้ดทอด เส้นแองเจิ้ลแฮร์เล็กๆ นุ่มเหนียว คลุกเคล้ากับน้ำยาแกงใต้ที่ทำมาจากเนื้อแซลมอน ให้รสจัดจ้านพอเหมาะ กินกับซีฟู้ดสดเด้งสดในสไตล์อิตาเลียนร้อนฉ่า ที่หนึ่งในใจต้อง ข้าวผัดพริกลาบเชียงใหม่หมูสับ ข้าวเรียงเม็ดสวย ผัดพร้อมพริกลาบโฮมเมดสูตรเด็ดรสเข้มข้น และหมูสับ เข้ากันดีกับมะเขือเทศดองน้ำปลา และแคบหมูชิ้นอวบอ้วนที่ส่งตรงมาจากทางบ้านของเชฟวิน ของหวานเราแนะนำ ไอศกรีมแตงโมซัมเมอร์ปลาแห้ง เปลี่ยนจากเมนูโบราณที่หลายคนชอบอย่าง แตงโมปลาแห้ง เป็นไอศกรีมซอร์เบต์แตงโมรสหวานฉ่ำ โรยด้วยปลาแห้งเข้ากัน และ ไอศกรีมเฮลซ์บลูบอย โยเกิร์ต สตอว์เบอร์รี ไอศกรีมทำเองเนื้อละเอียดรสหวาน ที่ทำจากน้ำหวานแดงกลิ่นสละ ตักกินพร้อมโยเกิร์ตครีมมีรสเปรี้ยว เพิ่มสัมผัสสนุกๆ ด้วยสตรอว์เบอร์รีครัมเบิ้ล จิบพร้อม มะนาวโซดา รสเปรี้ยวซ่า และบ๊วยโซดา ชื่นใจ ว่าจะไปกินอีกสักรอบ

เบื้องหลังรั้วไม้เตี้ยซึ่งปกคลุมไปด้วยไม้เลื้อยสีเขียวชอุ่ม ด้านในนั้นคือตัวบ้านเก่าแก่ขนาด 2 ชั้น ที่ผ่านการแปลงโฉมจากที่อยู่อาศัยให้กลายเป็นร้านอาหารแห่งใหม่นามว่า Lamu:n (ละมูล) ที่แสนอบอุ่นและเต็มไปด้วยมนตร์ขลัง ‘ละมูล’ คือชื่อคุณย่าสุดที่รักของเชฟไก่-ธนัญญา ไข่แก้ว ผู้มีชื่อเสียงจากรายการ Iron Chef Thailand เจ้าของร้าน Brioche from Heaven ในย่านช่องนนทรี และร้าน Souffle and Me ที่รั้วติดกันกับ ‘Lamu:n (ละมูล)’ ร้านอาหารแห่งใหม่ที่นำเสนอเมนูอาหารไทยโบราณรสมือคุณย่าที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเชฟไก่จวบจนทุกวันนี้ จากอาหารในความทรงจำ เชฟไก่ได้นำเทคนิคการทำอาหารฝรั่งเศสที่ตนเองได้ศึกษาเรียนรู้มาปรับใช้ในการทำอาหารไทยโบราณ พร้อมกับนำเสนอหน้าตาออกมาให้แปลกใหม่ทันสมัย เช่น ยำใหญ่ไก่กรอบ ซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นยำโบราณใส่เนื้อไก่ต้มแล้วฉีกเป็นฝอย แต่เชฟไข่เลือกใช้เนื้อไก่ส่วนน่องและสะโพกนำมากงฟีในอุณหภูมิต่ำประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนนำมาทอด คลุกเคล้าน้ำยำสูตรพิเศษและเบรกความจัดจ้านด้วยไข่ต้ม เสิร์ฟพร้อมผักตามฤดูกาลนานาชนิด ปูจ๋าย่าละมูล จานนี้แปลงโฉมจากปูจ๋าเดิมที่มักจะอัดส่วนผสมทุกอย่างไว้ในกระดองปู โดยเชฟนำเนื้อออกมาจัดเป็นขนาดพอดีคำ เหมือนกับโครเกตต์ (Croquette) ของฝรั่งเศส ท็อปด้วยไข่ทอดฟูและไข่ปลา จิ้มกับน้ำจิ้มบ๊วยที่แปลกใหม่ด้วยความเผ็ดจัดจ้านจากพริกชี้ฟ้าสับ หมึกสามเกลอต้มซุป เป็นเมนูปลาหมึกยัดไส้หมูสับและสามเกลอ (รากผักชี กระเทียม และพริกไทย) นำมาต้มในน้ำซุป ปรุงด้วยผักชี ต้นหอม ซดได้เพลิน ๆ หลนปลากุเลาแดดเดียว เมนูนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหลนปลาอินทรี  โดยเชฟไก่ได้เปลี่ยนมาใช้ปลากุเลาแดดเดียว ที่ให้รสชาตินวลกว่าปลาอินทรี ทำให้สามารถเพิ่มเนื้อปลาลงไปได้มากขึ้นโดยไม่ต้องกลัวว่ารสชาติจะเค็มโดด มาพร้อมกับผักตามฤดูกาล ขนมจีนน้ำพริกถั่วทอง จานนี้ทำให้ลืมรสชาติของขนมจีนน้ำพริกในปัจจุบันที่มักจะมีรสชาติหวานนำไปเลย ด้วยสูตรเฉพาะที่คุณย่าละมูลทำให้ครอบครัวกิน จึงออกมาได้รสชาติหวานจากน้ำตาลโตนดและความเปรี้ยวจากมะขามที่เสมอกัน จานนี้เสิร์ฟเคียงมากับใบผักบุ้งทอด และแกล้มด้วยถั่วพม่าทอดแพเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบเวลากิน ส่วนของขนมหวานนั้นสร้างความตื่นเต้นได้ไม่น้อยกับ หม้อแกงเกาลัด ไอศกรีมกะทิสด ที่ใช้เทคนิคการทำเครมบูเล่ของฝรั่งเศสมารังสรรค์จนได้เนื้อหม้อแกงเนื้อเนียนนุ่มละมุน กินคู่กับไอศกรีมกะทิสดรสชาติหวานมันที่ทางร้านทำเอง ภายในบรรยากาศที่แสนอบอุ่น สบายตา ลองมาลิ้มรสอาหารไทยโบราณหน้าตาทันสมัย แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติแห่งวันวานในแบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น

‘เชิดชูหมูกระทะไทยให้ก้องกังวาลไปทั่วหล้า’ แนวคิดเจ๋งๆ ของ “ชิ้น โบ แดง” ร้านหมูกระทะมาสเตอร์พีซ น้องใหม่เครือ Iberry Group ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 6 ใน The EmQuartier (BTS พร้อมพงษ์) จุดเด่นคือ กระทะดีไซน์พิเศษที่ทำจากทองแดง 100% ที่มีช่องกระจายความร้อนเท่ากันทุกรู ทำให้เนื้อสุกได้อย่างง่ายดาย ยังมีช่องใส่น้ำซุปขนาดใหญ่พอดีช้อน นอกจากนี้ที่ร้านยังใช้ถ่านกากมะพร้าวหอมๆ ทำให้อาหารน่ากินเป็นเท่าตัว แถมยังไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นควันติดเสื้อผ้า เนื่องจากทางร้านมีเตาดูดควันอย่างดีที่ทำมาเป็นพิเศษ พร้อมให้คุณอร่อยกับวัตถุดิบคุณภาพ และน้ำจิ้มซิกเนเจอร์ของทางร้าน อย่าง แซ่บโบราณ ที่โดดเด่นด้วยรสเผ็ดพอเหมาะของพริกเหลือง ลาวนวล มีรสเค็มนัวของปลาร้า และหอมเต้าหู้ยี้ ที่คุ้นเคย เสิร์ฟมาในบรรยากาศหรูหราที่ตกแต่งด้วยสีแดงเลือดหมูและสีน้ำตาลเข้ม สั่งของเรียกน้ำย่อยกันก่อนดีกว่า สุดทางซั่ว ตำซั่วรสจัดจ้านกำลังดี มีเส้นเล็กเหนียวนุ่มให้ซู้ดเพลินๆ ได้รสเค็มนัวของปลาร้า กุ้งออนเดอะร็อค หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ กุ้งแช่น้ำปลา กุ้งเย็นๆ เนื้อสดเด้งราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ ตามด้วย ยำผลไม้พริกเกลือ โดดเด่นด้วยรสเปรี้ยวอมหวานของสับปะรดและสตรอว์เบอร์รี ผสานพริกเกลือเข้ากันดี มาม่าไข่กุ้ง เส้นเหนียวนุ่ม รสเค็มพอเหมาะ หอมกลิ่นกระทะ เคล้าไข่กุ้งกรึบๆ ไข่หมึก ชิ้นโตๆ ย่างเตาถ่านหอมฟุ้ง เนื้อนุ่มหนึบๆ เคี้ยวมัน ปูอัดกรอบ ไม่อมน้ำมัน  ข้าวผัดเกลือ ข้าวสวยคลุกเคล้ากับกากหมู พริดสด หอมแดง บีบมะนาวซีก จากนั้นก็มาถึง ชุดหมู + เนื้อ เอาใจทั้งสายเนื้อและหมูด้วย หมูหมักนุ่ม คุโรบุตะสไลซ์ หมูสามชั้น ที่เรารัก ตับหมู ไม่มีกลิ่นสาบ คอหมู เนื้อเด้ง เนื้อโคขุนหมักนุ่ม เสือร้องไห้ออสเตรเลีย และลิ้นวัวโคขุน ฉ่ำลิ้น ชุดทะเลรวมมิตร ที่เต็มไปด้วยปลาอินทรี เนื้อสด ปลาเก๋าหยก กินอร่อย เอ็นหอยจอบ สู้ฟัน หมึกกล้วย ตัวใหญ่ และหมึกสาย แถมเรายังสั่ง สามชั้นขย้ำน้ำปลา ชิ้นหนากำลังดี ได้รสเค็มกลมกล่อม มาเพิ่มอีกด้วย ล้างปากด้วย บิงซูแตงโม รสหวาน ภายในสอดไส้ฟรุ๊ตสลัดชื่นใจ และ ไอศกรีมมะพร้าวอ่อน โฮมเมดรสหวานฉ่ำ

ฝากรสมือไว้ยาวนานกว่า 70 ปีแล้วสำหรับ “ข้าวแกงคุณย่า” ร้านข้าวแกงในตำนานแห่งวัดไตรมิตรฯ กับรสชาติที่ผู้คนละแวกนี้คุ้นเคยเป็นอย่างดี จนถึงตอนนี้ร้านข้าวแกงคุณย่าส่งต่อสูตรลับมาถึงรุ่นที่ 3 แล้ว ย้อนไปหลายสิบปีก่อนหน้านี้ ข้าวแกงคุณย่าเริ่มต้นจากการที่คุณย่าเป็นคนฝีมือดี ทำอาหารอร่อย และมีโอกาสได้ทำถวายให้ทางวัดในช่วงงานสำคัญอยู่บ่อยครั้ง จากนั้นเข้ามาเปิดร้านในศูนย์อาหารในโรงเรียนวัดไตรมิตร จนที่สุดย้ายมาปักหลักใกล้กับอุโบสถจนถึงปัจจุบัน ส่วนชื่อร้านก็มาจากที่เด็กๆ ในวัดพากันเรียกจนติดปากนั่นเอง สูตรกับข้าวของที่ร้านเป็นสูตรดั้งเดิมที่ทำกินในครอบครัว เน้นใช้ของดี ทำได้ถึงเครื่อง ขายราคายอมเยาว์ (เริ่มต้นข้าวราดแกง 1 อย่าง แค่ 35 บาทเท่านั้น) โดยเฉพาะพวกแกงที่ใครได้ลองชิมก็ติดใจ เมนูสร้างชื่อคือ แกงเขียวหวาน รสชาติเข้มข้นจากพริกแกงสูตรคุณย่าและความหอมมันจากกะทิ ค่อยๆ เคี่ยวอย่างใจเย็นจนหอมฟุ้ง มีทั้ง แกงเขียวหวานเนื้อ แกงเขียวหวานไก่ และ แกงเขียวหวานปลากราย ตักราดข้าวสวยร้อนๆ แล้วโรยด้วยน้ำปลาพริกอีกนิดชวนให้เจริญอาหาร ส่วนเมนูขายดีไม่แพ้กันคือ ไข่พะโล้ รสชาติกลมกล่อม หมูทอดกลม ขวัญใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ใช้หมูสับผสมกับมันหมู ใส่กระเทียมและพริกไทย ปั้นเป็นแผ่นกลมไว้กินตัดรสเผ็ดของแกง นอกจากนี้ยังมี ปลาทูผัดหวาน เมนูหากินยาก เนื้อปลาทูทอดแล้วคลุกเคล้ากับน้ำตาล ใส่พริกนิดหน่อย โรยด้วยหอมเจียว และเมนูอื่นๆ รออยู่อีกเพียบ ไม่ใช่แค่ของคาวเท่านั้นที่มัดใจคนกิน ยังมีขนมไทยที่หมุนเวียนกันไปแต่ละวัน อาทิ ฟักทองแกงบวด ข้าวต้มมัด สาคูถั่วดำ ครองแครง บัวลอย กล้วยบวชชี ไว้ล้างปากท้ายมื้อ ใครมาฝากท้องที่นี่แล้วติดใจ ทางร้านรับทำข้าวกล่อง รวมถึงรับออกงานนอกสถานที่ ไม่ว่าจะงานเลี้ยง งานบุญ หรืองานสำคัญ   อร่อยเหมือนมากินที่ร้านเลยล่ะ

มีเรื่องให้สายฟู้ดชาวฝั่งธนฯ ได้ดีอกดีใจกันอีกแล้ว เพราะคราวนี้ “After Yum” ร้านยำในตำนานประจำเมืองพัทยาได้มาบุกโลเคชั่นใหม่ที่ ‘The Sense’ ศูนย์การค้าชื่อดังแห่งย่านปิ่นเกล้าเรียบร้อย ตัวร้านทั้งการตกแต่งและเมนู ยกคอนเซ็ปมาจากสาขาดั้งเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งการใช้สีแดงสดที่เปรียบเสมือนความเผ็ดร้อนของยำ และจานอร่อยซิกเนเจอร์ที่คุณสามารถเลือกระดับความเผ็ดได้ เรียกน้ำย่อยกันด้วย สามชั้นทอด ของกินเล่นสุดป็อปที่ขายดีตั้งแต่สาขาแรก ตัวสามชั้นกรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน หอมกลิ่นกระเทียมฟุ้ง กินกับข้าวเหนียวอิ่มเอม ต่อด้วย ยำหมูยอไข่แดง หนึ่งในเมนูดาวเด่นประจำร้าน หมูยอคุณภาพเนื้อแน่น หอมกลิ่นพริกไทยอ่อนๆ คลุกเคล้ากับไข่แดงครีมมี และน้ำยำรสจัดจ้านกำลังดี ยำแซลมอน ที่หลายคนเลิฟ แซลมอนเนื้อแน่น แล่ชิ้นบางพอดี มิ๊กซ์น้ำยำรสเปรี้ยวเผ็ด ที่ผสานความนัวของน้ำปลาร้าชั้นดีเอาไว้ ปิดท้ายด้วย กุ้งแก้วแช่น้ำปลา เมนูใหม่ไฟแรงที่สายฟู้ดสั่งกันรัวๆ กุ้งแก้วตัวโตๆ แช่น้ำปลาจนเนื้อสดกรอบเด้ง เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ กระเทียมดอง และใบโหระพา สาขานี้ไม่ต้องต่อคิวยาวเลย

Jim’s Terrace คาเฟ่สไตล์ไทยปาทาสแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพ ที่แปลงโฉมริมระเบียงใน Jim Thompson Heritage Quarter ให้กลายเป็นคาเฟ่แบบเปิดโล่ง มองเห็นวิวร่มรื่นในรั้วบ้านเรือนไทยหลังงามที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ เมนูของทางร้านเป็นเมนูเบาๆ สไตล์ไทยทาปาสเหมาะสำหรับจับคู่กับเครื่องดื่มในวันที่อากาศไม่ร้อนแรงเกินไปนัก เชฟคัดสรรวัตถุดิบท้องถิ่นจากหลายแห่งเพื่อสนับสนุนเกษตรกรไทย อีกส่วนหนึ่งส่งตรงจากโครงการหลวง แล้วนำมาทำเป็นเมนูได้อย่างน่าสนใจ อาทิ Crispy Mushroom Chips from the Royal Project น้ำตกกุ้งและเห็ดรสชาติจัดจ้านแบบไทย วางบนข้าวเกรียบเห็ดทอดกรอบจากโครงการหลวง เพิ่มรสเปรี้ยวด้วยเจลมะนาว โรยหอมเจียวและกระเทียมเจียว วางใบสะระแหน่ปิดท้าย Thai Eggplant Salad ยำมะเขือม่วงที่มาพร้อมกลิ่นหอมจากการย่างด้วยเตาถ่าน ราดด้วยน้ำยำรสจี๊ดจ๊าด ใส่เนื้อหมูและเนื้อกุ้งสับ แล้วตัดรสเผ็ดด้วยไข่นกกระทาออร์แกนิกแบบยางมะตูม Thai Fried Squid เชฟนำปลาหมึกมาชุบกับข้าวเกรียบกุ้งบดและไข่แล้วนำไปทอดจนกรอบ กลายเป็นปลาหมึกชุบแป้งทอดแบบไทย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มมาโยซีฟู้ดที่เข้ากันดี พลาดไม่ได้กับ Isan Style Beef Tongue ลิ้นวัวย่างสไตล์อีสาน ลิ้นวัวที่นำไปซูวีดแล้วย่างจนหอม โรยเกลือจากจังหวัดเพชรบุรีเพื่อดึงรสชาติ โรยด้วยหอมเจียว กระเทียมเจียว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด ปิดท้ายด้วย Jim’s Nachos นาโชส์แกงเผ็ดหมูสูตรบ้านจิมที่มาพร้อมจาร์ติซานชีส ชีสไทยจากเชียงใหม่ และแตงกวาดองแบบโฮมเมด กินเพลินแบบหยุดยากจริงๆ 

ใครคิดถึง ทิพหอยทอดภูเขาไฟ ร้านหอยทอดเล็กๆ ข้างโรบินสันบางรักที่ปิดตัวไปแล้วไม่ต้องเสียใจ เพราะเฮียฐนณัท ผู้เป็นน้องชายได้นำหอยทอดระดับรางวัลการันตีมาที่เจริญนคร 34/2 ให้หายคิดถึงกันแล้ว แม้จะตั้งอยู่ที่ทำเลใหม่ แต่เมนูดั้งเดิมยังอยู่ครบ แถมยังลงมือทอดเองจานต่อจาน ไม่ว่าจะเป็น หอยทับหอย ที่เราคิดถึง เพราะใน 1 จานเราได้กินทั้งหอยทอดที่ใช้หอยแมลงภู่ทอดให้แป้งกรอบนอกนุ่มใน ราดด้วยออส่วนหอยนางรมแบบตูมๆ ที่ทางร้านบอกว่าต้องใช้หอยนางรมไทยตัวเล็กหน่อยแต่สดอร่อย กินกับน้ำจิ้มรสออกหวานนิดๆ เข้ากันดี ส่วนใครอยากกินหอยนางรมล้วนก็สั่งเลย หอยทอดหอยนางรม นอกจากไม่หวงหอยแล้ว แป้งยังกรอบนอกนุ่มใน (วางไว้นานก็ยังกรอบ) แถมน้ำมันไม่เยิ้ม ปิดท้ายด้วยเมนูพิเศษ เส้นจันท์ผัดไทยกุ้งสดใส่มันกุ้ง ความใส่ใจคือใช้น้ำมันมะกอกสำหรับทำน้ำซอสผัดไทย ใส่ดอกเกลือแทนเกลือและน้ำปลา ได้รสหวานจากน้ำตาลมะพร้าว ใช้มะขามเปียกจากราชบุรีที่มีรสเปรี้ยวพอเหมาะ แถมยังใช้ไชโป๊อบน้ำผึ้งแท้หั่นเต๋าให้เคี้ยวเพลินๆ เป็นจานที่เราได้ชิมแล้วชอบมาก รสชาติกลมกล่อมแบบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่มเลย