ยินดีต้อนรับสู่ “Oh My GodMother” ร้านอาหารนานาชาติน้องใหม่เครือ Iberry Group ที่มาในคอนเซ็ปต์ Patisserie & Pasta มีจุดเริ่มต้นจากการท่องเที่ยวประเทศเวียดนามของคุณปลา อัจฉรา บุรารักษ์ ผู้เป็นเจ้าของ เธอได้ลิ้มลองเค้กชิฟฟอนแบรนด์ Godmother ที่รังสรรค์โดย Narae Kim เชฟชาวเกาหลีที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ทำขนมหวานกว่า 20 ปี ก่อนจะชวนเจ้าของร้านและเชฟมาร่วมสร้างแบรนด์ Oh My GodMother ขึ้นมา ความโดดเด่นของ Oh My GodMother นอกจากจะเป็นเรื่องของหวานแล้วยังมีอาหารนานาชาติสัญชาติต่างๆ อย่าง ฝรั่งเศส เกาหลี อิตาเลียน (พาสต้าเส้นสดก็มา) เอาไว้เอาใจสายฟู้ดเต็มพิกัด ตัวร้านจะตกแต่งด้วยโทนสีพีชนุ่มนวลสไตล์เกาหลีมาแต่ไกล ใครอยากลิ้มลองขอเชิญที่ห้างฯ ใหม่ในกลางกรุงฯ ‘Emsphere’ (BTS พร้อมพงษ์) ได้เลย เริ่มต้นด้วย Grilled Caesar ผักคอสกรุบกรอบ ย่างอย่างดีจนส่งกลิ่นหอม เข้ากันกับน้ำสลัดครีมรสหอมมัน โรยหน้าด้วยเบคอนทอดที่คุ้นเคย และชีสพาเมซาน ตัดรสด้วยปลาแอนโชวี่ชั้นดี ตามด้วยคอมฟอร์ตฟู้ดของเด็กๆ อย่าง Hash Brown Fries มันฝรั่งบดทอดกรอบ เนื้อในยังให้สัมผัสเนียนนุ่ม ผสานกับความกรอบของผิวด้านนอก เสิร์ฟพร้อมซอสมะเขือเทศเข้ากัน เมนูขายดีต้องนี่ Prawn Chicken Ham Mac & Cheese มักกะโรนีอบชีสในแบบฉบับโฮมเมดแท้ๆ ให้คุณเพลิดเพลินกับเส้นมักกะโรนีกินง่าย เคล้ากุ้งเนื้อหวาน แฮมที่เรารัก และชีสครีมมีเยิ่มๆ คนรักพาสตาต้องไม่พลาด Rigatoni Lemon Butter รีกาโตนีเส้นอวบอ้วนน่าอร่อย ผัดพร้อมหอยแมลงภู่ตัวใหญ่ หอยตลับเนื้อสด กุ้งตัวโต และซอสครีมกระเทียมรสนุ่มนวล เพิ่มกลิ่นหอมๆ ด้วยผิวเลมอน   ของหวานเราแนะนำ Sea Salt Caramel เค้กเนื้อชิฟฟอนนุ่มฟู ที่ถูกปกคลุมด้วยครีมสดรสคาราเมลหอมหวาน ด้านในยังมีไวต์ช็อกโกแลตป็อปลูกเล็กๆ ไว้ให้เคี้ยวเพลินๆ (ฟินมากมาย) ตบท้ายด้วยชาเย็นๆ หรือกาแฟร้อนๆ สักแก้วก็ไม่เลวนะ

ปักหมุดจุดแฮงก์เอาต์ใหม่ย่านสาทร Mimosa Mediterranean Restaurant ที่จะพาเราไปสัมผัสกับความเฟรชของเมนูอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนด้วยวัตถุดิบคุณภาพดีสดใหม่ ซึ่งผ่านการปรุงโดยเทคนิคแบบ อิตาลี ฝรั่งเศสและสเปน จากฝีมือของเชฟชาวอังกฤษผู้มีประสบการณ์กว่า 20 ปี มาพร้อมกับบาร์เครื่องดื่มแบบครบครันที่รังสรรค์เมนูค็อกเทลสุดพิเศษให้ได้อิ่มเอมกันตลอดคืน ในเรื่องของการตกแต่งทางร้านเน้นชูความสดใสมีชีวิตชีวาได้บรรยากาศยุโรปผสมผสานความเป็นเมดิเตอร์เรเนียน โดดเด่นด้วยโต๊ะลายกระเบื้องสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับโทนสีอ่อนของเก้าอี้ไม้และโซฟากำมะหยี่เรียบหรู รวมถึงการที่มีเคาน์เตอร์บาร์สุดโออ่าตั้งอยู่กลางร้าน ยิ่งช่วยเสริมมู้ดให้ที่นี่ดูสนุกขึ้นอีกเท่าตัว เริ่มด้วยเมนูเรียกน้ำย่อย Burrata and Tomato Salad สลัดมะเขือเทศหลากสีกินพร้อมกับชีสบูราตานัวหอมมัน เพิ่มเท็กเจอร์กรุบกรอบด้วยขนมปังกรอบเข้ากันอย่างลงตัว Goat's Cheese Souffle ซูเฟล่ชีสที่อบมากับซอสครีม ท็อปมาด้วยซัมเมอร์ทรัฟเฟิลส่งกลิ่นหอมลอยมาแต่ไกล สัมผัสนัวละมุนลิ้น ไปต่อที่ Mussels & Chorizo หอยแมลงภู่และไส้กรอกโซรีโซผัดคลุกเคล้ามากับซอสรสเข้มข้น กินคู่กับขนมปังซาวโดวจ์ กลมกล่อมกินเพลิน เมนูที่ขาดไปไม่ได้ Cheesus Christ Pizza พิซซ่าแป้งบางกรอบทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ได้ความหอมมันจากชีส เนย และกระเทียม โรยด้วยเกล็ดขนมปังกรุบกรอบ ถัดไปเป็น Tender Valley Striploin เนื้อส่วนสตริปลอยด์ย่างมาได้สุกกำลังดี จิ้มกับซอส Mojo Rojo ตัดเลี่ยนได้ดี ขนมหวานของร้านก็เด็ดไม่แพ้กัน Rum Baba! Rum! บาบา โอ รัม ขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศส ตัวขนมปังฉ่ำด้วยน้ำเชื่อมที่มีส่วนผสมของเหล้ารัม กินพร้อมวิปครีมและสัปปะรดย่าง   สำหรับเมนูเครื่องดื่มเราแนะนำ House Mediterranean Gin & Tonic ได้ความสดชื่นจากส้มและความหอมของเบซิล Sangria Roja ค็อกเทลสีสวยจากเรดไวน์ ลิเคียวร์ หอมหวานสตรอว์เบอร์รี และ Fiesta Mimosa ที่มีส่วนผสมของสปาร์กลิ้งไวน์ น้ำแตงโม ดื่มแล้วฟีลกู้ดสุดๆ

เชื่อว่าเพื่อนๆ คงเคยได้ยินชื่อของ The Classic Chair โชว์รูมขายเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังกันมาบ้างพอสมควร ซึ่งตอนนี้เขาได้เปิดตัวร้านใหม่อย่าง Classic Room Cafe and Dining ร้านอาหารไทยโมเดิร์น ในบรรยากาศสุดคลาสสิก บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ Classic Room เป็นหนึ่งในร้านที่โดดเด่นเรื่องอาหารไทยฟิวชัน โดยการนำวัตถุดิบท้องถิ่นของไทยมาผสมผสานกับวัตถุดิบนานาชาติ เกิดเป็นเมนูใหม่ที่มีทั้งหน้าตาทันสมัยบวกกับรสชาติแสนอร่อยอันเป็นเอกลักษณ์ เหมาะแก่การมาฝากท้องยามหิวกับครอบครัวและผองเพื่อน นอกจากเมนูอาหารที่น่าสนใจแล้ว งานอินทีเรียก็เรียบหรูดูพรีเมียมไม่แพ้กัน ด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ The Classic Chair บวกกับการตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นโคโลเนียล ช่วยทำให้บรรยากาศยิ่งโดดเด่นไม่ซ้ำใคร โดยมื้อนี้เสิร์ฟเป็นเมนูขายดี ที่ต้องลิ้มลอง อาทิ Herbal Rice Thai Southern Style ข้าวยำสมุนไพรสูตรสงขลา ประกอบด้วย มะม่วงดิบ ส้มโอ มะนาว แตงกวา ข้าวคั่ว ปลาป่น ข้าวตัง ถั่วงอก ตะไคร้ พริกป่น กะหล่ำม่วง แครอต ถั่วฝักยาว ใบมะกูดและไข่ต้ม เสิร์ฟคู่น้ำบูดูที่เคี่ยวจนได้ที่ ได้กลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ของข่า ตะไคร้และใบมะกูด มีรสเค็มหวาน คลุกเคล้าให้เข้ากันก่อนรับประทาน อร่อยกลมกล่อม ต่อมาคือ Duck Confit เป็นน่องเป็ดทอด เคียงมาด้วยหมี่กรอบสูตรโบราณที่มีกลิ่นหอมของส้มซ่า ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้จานนี้ได้เป็นอย่างดี Penne Truffle Cream Sauce with Big River Prawn เพนเนสุกกำลังดี ราดครีมซอสทรัฟเฟิล รสละมุน หอมกลิ่นทรัฟเฟิล ท็อปหน้าด้วยกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ชวนกิน และ Spicy Tamarind Pork Ribs ซี่โครงหมูย่างเนื้อนุ่มละมุน ราดซอสมะขามรสเด็ด มีความเปรี้ยว หวานหอมของน้ำตาลโตนด เคียงมาด้วยเฟรนช์ฟรายส์ มันบด ผักย่าง แตงกวาดอง และมัสตาร์ด ในส่วนของเครื่องดื่มแนะนำให้สั่ง Chinoseries น้ำบ๊วยโซดา สีสันสดใส และ Yuzu Blood Orange น้ำส้มยูซุผสมโซดา เป็น 2 เมนูซิกเนเจอร์ ที่มีรสเปรี้ยว หวาน หอมกลิ่นผลไม้ ดื่มแล้วชื่นใจ อย่ามัวกินเพลิน จนลืมเดินไปดูเฟอร์นิเจอร์นะ

บ้านสวยที่ซ่อนอยู่ในซอยประดิพัทธ์ อดีตคือเรือนพำนักเก่าของจอมพลอากาศฟื้น รณนภากาศ ฤทธาคนี อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศและรองนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้สถาปนาโรงเรียนนายเรืออากาศ ได้รับการตกแต่งใหม่โดยยังคงโครงสร้างและรูปแบบลักษณะไทยโคโลเนียลดั้งเดิม รวมถึงรายละเอียดอันประณีตงดงามอย่างพื้นปาเกต์ไม้สัก พื้นหินอ่อน กรอบและบานประตูหน้าต่าง เคาน์เตอร์บาร์ที่ยังคงถนอมรักษาไว้อย่างดี และเพิ่มเติมเส้นสายสีทองเพื่อความสง่างามสไตล์อาร์ตเดโค ที่นี่จึงไม่เพียงเป็นจุดหมายของการฝากท้อง แต่ยังเหมาะเป็นจุดนัดพบ นั่งชิล หรือจัดเลี้ยงในหลากหลายรูปแบบ ไม่ต้องกังวลว่าร้านจะแออัดเพราะมีอาณาเขตกว้างขวาง ชั้นล่างจัดวางที่นั่งอย่างเป็นระเบียบ และทิ้งระยะห่างพอสมควร จึงรื่นรมย์กับเมนูอาหารได้อย่างเพลิดเพลินสบายอารมณ์ แต่หากต้องการความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้นพื้นที่ชั้น 2 ของบ้านจะเหมาะมาก โดดเด่นด้วยโต๊ะเก้าอี้ที่มีดีไซน์ไม่ซ้ำไว้หลากหลายมุม ให้ความรู้สึกเหมือนแวะมานั่งเล่นบ้านเพื่อน แต่ก่อนอื่นห้ามพลาดมุมถ่ายรูปมหาชนตรงบันไดพรมแดงด้วยล่ะ หรืออยากนั่งชิลรับลมก็มีโซนคอร์ทยาร์ดใต้ต้นไม้ รวมถึงโซนบัลโคนีบนชั้น 2 ของบ้านที่สามารถจัดปาร์ตี้ย่อมๆ ได้อีกด้วย ทางร้านบริการอาหารนานาชาติ ทั้งคาวและหวาน รวมถึงกาแฟ เครื่องดื่มปั่น ไวน์ เบียร์สด และค็อกเทลต่างๆ เริ่มต้นด้วยซุปทรัฟเฟิล ซุปข้นครีมมี่ หอมกลิ่นทรัฟเฟิลอบอวล เหมาะอุ่นท้องก่อนจานหลัก ต่อด้วย ผัดไทกุ้งแม่น้ำ เส้นจันท์ผัดซอสสูตรลับ ท็อปด้วยกุ้งแม่น้ำขนาดล้นฝ่ามือ เท่านั้นยังไม่พอเพราะเชฟอยากให้กินได้จุใจจึงนำกุ้งมาหั่นเต๋าผัดรวมไปด้วย จะเอาช้อนตักตรงไหนก็ไม่ผิดหวัง ซิกเนเจอร์ห้ามพลาด ขาหมูเยอรมัน ขาหมูไซส์ใหญ่ หนังกรอบเนื้อชุ่มฉ่ำไม่แห้ง เสิร์ฟพร้อมมันบดโฮมเมด แตงดอง และมัสตาร์ด จะชูรสแบบจี๊ดๆ ก็มีน้ำจิ้มซีฟู้ดมาให้ด้วย จบของคาวแล้วต่อด้วยของหวาน อาทิ คาราเมลชีสเค้ก ถ้าคุณคือชีสเลิฟเวอร์ถือว่ามาถูกที่ เพราะดีกรีชีสเข้มข้น รสหวานอมเปรี้ยว กินล้างปากได้แบบสดชื่น ช็อคกาแลตมูส มูสช็อคเนื้อเข้มข้นที่เชฟคิดค้นสูตรโกโก้เบลนด์จนได้บาลานซ์ลงตัว ไม่หวานไปและไม่ขมไป ตัดเลี่ยนด้วยผลสตรอว์เบอร์รี่ลูกโต เรดเวลเวท เมนูที่หลายคนหลงรัก เนื้อเค้กนุ่มเนียนดุจกำมะหยี่ ตกแต่งด้วยบลูเบอร์รี่สลับวิปครีมก้อนกลม ยืนหนึ่งขายดีมายาวนานคือ เค้กมะพร้าว เนื้อเค้กนุ่มเบา มีกลิ่นหอมของน้ำมะพร้าว แซมด้วยกลิ่นใบเตยที่นำมาประดับหน้าเค้ก รสหวานละมุนลงตัวไปหมด เบล 47 ตั้งชื่อตามเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ที่สร้างขึ้นในปี 1946 ด้วยรูปทรงกลมมนคล้ายกับแก้ว เบล47 เป็นส่วนผสมของช็อตกาแฟกับดอกไม้นานาชนิด ได้แก่ เอลเดอร์ฟลาวเวอร์ ฮิบิคัส และมะลิ จึงเป็นกาแฟที่มีความฟรุ้งฟริ้ง หอมเบาๆ เข้มข้นจากกาแฟลาวโบลีเวียนเบลนด์ ต่อกันที่ ลาเต้ เครื่องดื่มสุดฮอตกันบ้าง ในกระบวนการสกัดกาแฟ ขั้นตอนที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยก็ส่งผลต่อรสชาติกาแฟที่ต่างกัน แก้วนี้ใช้ช็อตเอสเพรสโซ่ที่สกัดโดยเครื่องชงกาแฟ Flair ซึ่งบาริสต้าสามารถใส่รายละเอียดในขั้นตอนการสกัด และควบคุมอัตราของแรงดันตามความเหมาะสมของเมล็ดกาแฟในแต่ละวัน ทำให้ได้ลาเต้ที่มีมิติของรสชาติ ลองครั้งแรกก็ตกหลุมรักแล้ว กาแฟดริป นอกจากกาแฟจากเครื่องชงเอสเพรสโซ่และเครื่องแฟลร์ ยังมีกาแฟดริปให้ลูกค้าได้เลือกเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ดีจากโรงคั่วที่มีชื่อเสียงระดับท็อป ชงด้วยวิธีดริปจากอุปกรณ์ที่เหมาะกับเมล็ดกาแฟนั้นๆ เป็นเมนูที่เหมาะสั่งมาจิบเพลินๆ ได้ทั้งวัน สตรอว์เบอร์รี่ลาเต้ หรือนมสตรอว์เบอร์รี่ เมนูลับของร้านซึ่งเผิน ๆ อาจดูธรรมดา แต่บาริสต้าเป็นผู้พัฒนาสูตรเอง รสชาติหอมหวาน เปรี้ยวปลายลิ้น และยังได้สนุกกับเท็กซ์เจอร์ของเนื้อสตรอว์เบอร์รี่ข้นๆ ด้านล่าง โยเกิร์ตบลูเบอร์รี่ โยเกิร์ตสมูธตี้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ได้รับความนิยม เนื่องจากทางร้านใช้โยเกิร์ตโฮมเมดจากผู้ผลิตที่ใส่ใจในวัตถุดิบและคุณภาพ ไม่มีสารกันเสีย รสอร่อย ดื่มแล้วสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ยกให้เป็นจุดหมายของสายกินที่ต้องแวะมาเช็คอินสักครั้ง!

ตอนนี้กระแสร้านอาหารที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง มาแรงไม่มีตก อย่างถูกและดี ร้านอาหารที่เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ มีให้เลือกทั้งเมนูไทย จีน และฝรั่ง สามารถสั่งได้ตามความชอบ ไม่ว่าคุณจะมากับเพื่อนหรือครอบครัว ก็สามารถร่วมรับประทานอาหารด้วยกันได้อย่างพร้อมหน้า ภายในร้านออกแบบในลักษณะครัวเปิดโล่ง แสดงให้เห็นทุกขั้นตอนในการเตรียมอาหาร ร้านใช้วัตถุดิบคุณภาพจากฟู้ดแลนด์ รับรองความสดใหม่ และด้วยบริการที่รวดเร็วเพียงไม่ถึงอึดใจ อาหารก็พร้อมออกจากเตาร้อนๆ แล้ว เริ่มที่เมนูโปรดของใครหลายคนอย่าง ข้าวผัดอเมริกัน เมนูซิกเนเจอร์ข้าวผัดซอสมะเขือเทศแสนอร่อย ที่อัดแน่นด้วยแฮม น่องไก่ ไส้กรอก และไข่ดาว เมนูเด็ดของที่นี่ยกให้ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าปลาเต้าซี่ เส้นใหญ่เหนียวนุ่มผัดกับเห็ด แครอต และปลาทอดกรอบชิ้นโต อร่อยกลมกล่อมสุดๆ  ถัดมาเป็น แกงกะหรี่ หอมกลิ่นเครื่องเทศกำลังดีเลย รสนุ่มละมุน และอีกหนึ่งเมนูคือ แกงเผ็ดเป็ดย่าง เครื่องเทศหอม รสชาติจัดจ้านและออกเปรี้ยวจากผลไม้ เป็ดเนื้อนุ่มกำลังดี มาถึงของหวาน กล้วยทอดไอศกรีม หวานกำลังดี กล้วยกรอบมากกินคู่ไอศกรีมให้รสชาติเข้ากันสุดๆ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มอย่าง ชามะนาวถูกและดี ที่แยกก้อนน้ำแข็งซึ่งทำจากชา เสิร์ฟพร้อมชาเย็นแก้วใหญ่ น้ำเชื่อม น้ำมะนาว และนมสด จะเลือกดื่มเป็นชามะนาวรสชาติเปรี้ยวสดชื่น หรือถ้าใครหลายใจสามารถเทนมลงไปให้กลายเป็นชานมได้อีกด้วย ดื่ม 2 เมนูได้อย่างฟิน “ถูกและดี” สมชื่อ ถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่เหมาะสำหรับทุกช่วงเวลาจริงๆ.

“House of Kin Restaurant” ร้านบุฟเฟต์นานาชาติที่เสิร์ฟความอร่อยตลอดวันประจำโรงแรมเซ็นทารา โคราช โรงแรมสไตล์ไทย – อีสานเปิดใหม่แกะกล่องที่มีความหมายว่า “บ้านของเครือญาติ” โดยคำว่า ‘Kin’ ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ญาติ จึงเป็นแนวคิดของร้านที่เน้นกลุ่มครอบครัว และเพิ่มความโดดเด่นด้วยอาหารที่หลากหลายจานอร่อยสไตล์ตะวันตก ไทย ญี่ปุ่น อีกทั้งยังมีอาหารทะเลเอาใจคนรักซีฟู้ดด้วย เริ่มด้วยเมนูสุขภาพอย่าง สลัดมะเขือเทศสไตล์อิตาเลียน มะเขือเทศหั่นแว่นรสเปรี้ยวหวาน โรยด้วยชีสครีมมี ขนมปังกรอบ และน้ำมันมะกอก ยำสาหร่าย ยำสาหร่ายญี่ปุ่น รสสดชื่นเหมาะจะเรียกน้ำย่อย ซาซิมิ มีทั้งแซลมอนเนื้อสด ปูอัดเนื้อแน่น จิ้มวาซิบิรสเผ็ดซ่า และโชยุเข้ากัน ตามด้วย กริลล์ชีสแซนด์วิช ขนมปังโฮลวีตปิ้งหอมๆ ประกบแฮมและชีสน่าอร่อย เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอด เห็ดรวมผัดเนยซอสเทอริยากิ ก็รสชาติดี เห็ดนานาชนิดผัดพร้อมเนยและซอสเทอริยากิรสหวานพอดี เอาใจคนรักหอยด้วย ซีฟู้ดหอยรวม ฟินไปกับหอยตัวอวบอ้วนต่างๆ อาทิ หอยหวาน หอมแมลงภู่ หอยตลับ เข้ากันดีกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว มาถึงเมนูของชาววีแกนกันบ้างกับ เต้าหู้ญี่ปุ่น ราดซอสงา เต้าหู้ญี่ปุ่นนุ่มนิ่ม ราดซอสงาหอมๆ รสเค็มหวาน กินอร่อย ยังไม่อิ่มสั่ง สเต๊กหมูย่างซอสพริกไทยอ่อน สเต๊กหมูชิ้นใหญ่ๆ ย่างความสุกพอดีกิน เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟคู่ซอสพริกไทยดำรสเค็มพอเหมาะ และผักย่าง ยังมี สปาเกตตีผัดกระเทียมเบคอน สาวเส้นยาวๆ กันเพลินๆ เส้นสปาเกตเหนียวนุ่ม คลุกเคล้ากับกระเทียม เบคอนรสเค็มมัน และพริกแห้ง ข้าวกะเพราปลาสลิดแดดเดียว ปลาสลิดแดดเดียวรสเค็มกลมกล่อม ผัดพร้อมซอสกะเพรารสเข้มข้น ผสานกับความเผ็ดร้อนลงตัว

ไม่ได้แวะเวียนมาหลายปีพอมีโอกาสเหมาะๆ เลยลองแวะไปชิม “The Café” ห้องอาหารนานาชาติเสิร์ฟความอร่อย 24 ชั่วโมง ที่ตั้งอยู่บริเวณชั้น 2 ของโรงแรมมณเฑียร ริเวอร์ไซด์ สักหน่อย บรรยากาศไทยคลาสสิกที่เต็มไปด้วยความหรูหราเรียบง่าย ตัวร้านติดกระจกใสทำให้มองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาทอดยาว ดื่มด่ำกับวิวดีๆ แล้วยังมีอาหารนานาชาติให้ลิ้มลอง ทั้งบุฟเฟ่ต์อิ่มเอม และเมนูอะลาคาร์ตน่าสนใจ ขอเปิดด้วยเมนูในตำนานอย่าง ข้าวมันไก่มณเฑียร ไก่ตอนเนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นน้ำมันงา กินพร้อมข้าวมันหุงอย่างดี และน้ำจิ้มที่มีให้คุณเลือกฟินถึง 4 สไตล์ อาทิ น้ำจิ้มดั้งเดิม รสเผ็ดร้อน น้ำจิ้มเต้าเจี้ยว รสเปรี้ยวพอเหมาะ น้ำจิ้มขิง รสเผ็ดซ่า และน้ำจิ้มหวาน เอาใจคุณหนูๆ ก่อนซดน้ำแกงฟักร้อนๆ รสกลมกล่อมเพลินๆ ขนมผักกาด ก็เป็นหนึ่งในจานขายดีไม่มีตกเช่นกัน ขนมผักกาดเนื้อแน่น รสเค็มพอดี ผัดพร้อมกุ้งตัวโต และเครื่องเคราต่างๆ ตามด้วย ข้าวขาหมู ที่มาเต็มทั้งเนื้อและหนัง ให้เนื้อสัมผัสที่นุ่มแทบละลายในปาก รสหวานพอเหมาะ ยังไม่อิ่มสั่ง แกงเผ็ดเป็ดย่าง เนื้อเป็ดที่เรารัก อยู่ในน้ำแกงเผ็ดรสเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องแกง เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยอิ่มเอม

ยังไม่กลับจากพักผ่อนที่โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน เลยไม่พลาดที่จะลิ้มลอง “You & Mee Poolside Restaurant” ห้องอาหารริมสระน้ำเย็นฉ่ำ ที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่เขียวขจี ได้เอ็นจอยกับบรรยากาศดีๆแล้ว ทางร้านยังมีอาหารนานาชาติ (เน้นที่อาหารเอเชียและตะวันตก) สดใหม่ให้สายฟู้ดชิมไม่ขาดปาก หรือใครอยากมาจิบค็อกเทลกรุบกริบข้างสระน้ำเก๋ไก๋ก็ไม่ว่ากัน เริ่มจานแรกด้วย Compressed Watermelon & Feta Salad สลัดแตงโมขวัญใจชาววีแกน ประกอบไปด้วยผัก-ผลไม้สดต่างๆ อย่าง แตงโม แตงกวา หอมแดง มะเขือเทศ ถั่วพิตาชิโอ้ ราดน้ำส้มสายชูสไตล์อิตาเลียน ตามมาด้วย Avocado Guacamole อาหารเรียกน้ำย่อยยอดนิยมแห่งประเทศสเปน แป้งตอร์ติญาชิปกรุบกรอบ จิ้มอะโวคาโดบดผสมน้ำยำสไตล์เม็กซิโก ชามนี้คือทีเด็ด You & Mee Khao Soi Goong ข้าวซอยกุ้งสูตรเฉพาะของทางร้าน บะหมี่เส้นสดเหนียวนุ่ม กินพร้อมน้ำซุปข้าวซอยรสจัดจ้าน มีกุ้งตัวโตเนื้อหวานมาให้ฟิน ท็อปด้วยหมี่กรอบ บีบมะนาวซีกเล็กน้อยอร่อยเลย มาลิ้มลองอาหารไทยโบราณอย่าง Pineapple Fried Rice กันบ้าง ข้าวผัดสับปะรดหอมกรุ่น ข้าวสวยเรียงเม็ด ผัดพร้อมสับปะรดหวานฉ่ำ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ลูกเกด กุ้งตัวโต โรยหน้าด้วยหมูหยอง ยังมี Fish & Chips อาหารคอมฟอร์ทฟู้ดที่เรารัก ปลาคุณภาพชุบแป้งทอดหอมกรุ่น เสิร์ฟคู่มันฝรั่งทอดโฮมเมด ซอสครีมสูตรลับ และซอสมะเขือเทศ เครื่องดื่มเราสั่งเป็น มัตฉะลาเต้ร้อน ผงมัตฉะจากดินแดนอาทิตย์อุทัย มิ๊กซ์ไปกับนมสดหอมมัน รสหวานพอดี

“McFarland House” ร้านอาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์นประจำ Hyatt Regency Hua Hin โรงแรมขวัญใจนักท่องเที่ยวตลอดกาลแห่งอำเภอหัวหิน บ้านไม้คลาสสิกในศตวรรษที่ 19 ซึ่งได้รับการรีโนเวทให้แข็งแรงแต่ยังคงไว้ซึ่งความงดงามแบบดั้งเดิม ตัวร้านมี 2 ชั้นให้คุณเลือกนั่งได้ตามใจ ถึงแม้จะไร้เครื่องปรับอากาศแต่ยังเย็นสบายเพราะตัวบ้านอยู่ไม่ห่างจากชายหาดทรายนุ่มๆ มากนัก รับลมทะเลชิลๆ พร้อมอิ่มอร่อยไปกับอาหารยุโรปสไตล์โมเดิร์น อาหารคอมฟอร์ทฟู้ดกินง่ายและค็อกเทลสีสวย นอกจากนั้นที่ร้านยังเสิร์ฟชุดน้ำชายามบ่าย (Afternoon Tea) สไตล์โฮมเมดที่เปลี่ยนรูปแบบไปตามฤดูกาล เอาใจสายหวานไม่ให้เบื่ออีกด้วย จานแรกเราขอประเดิมก่อนเลยกับ Salt and Pepper Squid ปลาหมึกทอดร้อนจี๋ ภายนอกกรอบ เนื้อด้านในหนึบหนับ โรยด้วยผงปาปริการสเผ็ดเล็กๆ จิ้มกับซอสครีมสูตรเฉพาะ หรือน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด Spanish Premium Octopus, Char Roasted หนวดปลาหมึกยักษ์ตุ๋นอย่างดีจนเนื้อนิ่ม กินคู่กับไส้กรอกโชริโซโฮมเมดเนื้อแน่น และซอสครีมมันฝรั่งผสานกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะเขือเทศ หอมกลิ่นสมุนไพรอ่อนๆ ต่อด้วยซิกเนเจอร์ประจำร้านอย่าง Organic Bird อกไก่ชิ้นโตๆ เนื้อแน่นนุ่ม เสิร์ฟพร้อมผักย่าง เบคอนผัดเห็ด มันบดและน้ำเกรวี่รสเค็มนุ่มนวล Hua Hin Sand and Surf จานนี้ที่คนรักอาหารทะเลรอคอย ซีฟู้ดต่างๆ ย่างอย่างดี อาทิ กุ้งลายเสือตัวโตเนื้อเด้ง ปลากะพงเนื้อแน่นจากชาวเล และหอยเชลล์ฮอกไกโดที่เรารัก จิ้มซอสต่างๆ ได้แก่ น้ำจิ้มซีฟู้ดรสเผ็ดเปรี้ยว ซอสครีมหอมมัน และซอสเนย ของหวานต้องสั่ง Our Mango Sticky Rice พานาคอตต้ารสมะพร้าว กินพร้อมเจลลี่มะม่วงสุกหวานฉ่ำ ข้าวเหนียวมูนทำเอง ครัมเบิล พีนัทและซอร์เบมะพร้าวชื่นใจ Coconut Crème Brûlée แครมบรูเลรสหวานนุ่มนวล หอมกลิ่นน้ำตาลไหม้ กินคู่กับไอศกรีมมะพร้าวทำเอง และมะพร้าวคั่วเคี้ยวอร่อย จิบคู่กับ CoCo-Palm ม็อกเทลดาวเด่นประจำร้าน รสหวานมันลงตัวนี้เกิดขึ้นด้วยการรวมตัวกันของน้ำมะพร้าวหวานฉ่ำ น้ำตาลสด และน้ำตาลทรายแดง ชิลกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว  

แฟนคลับเบอร์เกอร์เคยไป Michetta รึยังเอ่ย ร้านเบอร์เกอร์สไตล์โฮมเมดที่ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 22 (Bts พร้อมพงษ์) บรรยากาศสนุกๆ แนวสตรีท ผนังสีดำเพนต์รูปกราฟฟิตี้ มีไฟนีออนสีชมพูเขียน ‘Feed me Burger & Tell Me I’m Pretty’ เก๋ๆ จนอดที่จะแชะรูปโพสต์ลงโซเชียลไม่ได้  พร้อมให้คุณอิ่มเอมไปกับฟาสฟู้ดรสอร่อยที่รังสรรค์จากวัตถุดิบพรีเมียม       ครีเอทโดยเชฟจอนนี่ - นาวิน จอนนาธาน บันเซล เชฟหนุ่มลูกครี่งเชียงใหม่ – อิตาเลียนฝีมือดีที่รักในการทำอาหารตั้งแต่วัยเยาว์ เขาได้ร่ำเรียนมาจากครอบครัวและสถาบันสอนทำอาหาร Le Cordon Bleu ณ เมืองแอดิเลด ประเทศออสเตรเลีย แถมเชฟยังมีประสบการณ์ทำงานในร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง ของเชฟกากั้น อนันต์ ก่อนจะมามุ่งสู่หนทางของตนเองนั่นก็คือการเปิดร้านมีเก็ตต้าขึ้นมานั่นเอง     ความโดดเด่นของ Michetta นอกจากจะเน้นเรื่องวัตถุดิบแล้ว เชฟยังรังสรรค์เบอร์เกอร์ทุกชิ้นให้มีรสชาติซับซ้อน (แต่อร่อย) เปรียบเสมือนตัวต่อเลโก้ แต่ละองค์ประกอบปรุงรสอย่างเข้มข้น แต่เมื่อกินด้วยกันกลับเป็นอะไรที่ลงตัว นอกจากนั้นทางร้านยังเน้นกรรมวิธีในแบบฉบับโฮมเมด ไม่ว่าจะเป็นซอส มัสตาร์ด และบัลซามิก     เริ่มต้นกันที่ของกินเล่นอย่าง Hot Wings (185 บาท) ปีกไก่ทอดกรอบ แต่ภายในจะคงเป็นเนื้อเด้งกินอร่อย คลุกเคล้ากับผงซอสพริกศรีราชาทำเอง ที่ผ่านกรรมวิธีที่พิถีพิถัน รสเผ็ดร้อน จิ้มซอสสูตรลับรสหอมมัน หอมกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ     Signature Burger (340 บาท) ที่เปลี่ยนจากเนื้อเป็นเนื้อแกะแน่นๆ ได้คุณภาพ หอมกลิ่นเครื่องเทศเข้าเนื้อ กัดพร้อมขนมปังบันบริยอชสไตล์โฮมเมด เนื้อนุ่มฟู ที่ทำมาจากนมฮอกไกโด ซิกเนเจอร์ซอส เชดดาร์ชีสครีมมี เบคอนทอดกรอบ หัวหอมคาราเมลรสหวาน และแตงดอง     ตามด้วย Southern Fried Chicken Burger (265 บาท) ขนมปังบริยอชฮอกไกโดทำเอง ให้สัมผัสนุ่มนิ่ม ประกบกับไก่ทอดชิ้นโตๆ สูตรพิเศษของทางร้าน กรอบนอกนุ่มใน ไม่อมน้ำมัน เข้ากันดีกับกะหล่ำปลีสีม่วงดอง ซอสมะเขือเทศโฮมเมด ตัดเลี่ยนด้วยแตงดองกรุบกรอบ     Jerk Chicken & Mushroom Wrap (200 บาท) แป้งตอร์ติยาในแบบฉบับโฮมเมด เนื้อเหนียวนุ่ม กินอร่อย (มาก) เคล้าไปกับไก่ย่างจาไมก้า รสเผ็ดพอดี ชิ้นพอเหมาะ และอะโวคาโดบดรสหอมมัน     ปิดท้ายอย่างสวยงามด้วยเครื่องดื่มที่เรารัก Strawberry Milkshake (200 บาท) นมสดหอมมัน ผสานไปกับไอศกรีมสตรอว์เบอร์รี ท็อปด้วยวิปครีมที่เรารัก รสหวานอมเปรี้ยว ละมุนที่สุด     อร่อยไม่เบานะเอาจริง

กระแสพาสตาเส้นสดกำลังมาแรง หนึ่งในร้านที่เป็นผู้นำปลุกกระแสนี้ก็คือ Nam Nam ที่อ่านว่า ยัมยัม หมายถึงอร่อยในภาษาสเปน เป็นร้านเล็ก ๆ สไตล์โฮมมี่ที่ซ่อนตัวอยู่ใน ซ.ศูนย์วิจัย ถ.เพชรบุรี       เชฟน้ำ ปุณฑริก พงษ์พานิช หยิบจำเอาทุกอย่างที่เธอชื่นชอบมาทำเป็นร้านอาหารร้านนี้ จึงไม่ต้องแปลกใจจะมีเมนูหลากหลายสัญชาติ หลากหลายสไตล์อยู่ในร้าน ทั้งพาสตาจากอิตาลี ทาปาสจากสเปน ไปจนถึงการฟิวชั่นพาสตากับอาหารสัญชาติอื่น เช่น กิมจิจากเกาหลี     พาสต้าเส้นสดของ Nam Nam มี 2 แบบด้วยกัน แบบแรกใช้แป้งเซโมลินาในการทำ ด้วยเนื้อแป้งที่มีความหยาบเล็กน้อย เส้นสดที่ได้จะมีสัมผัสเด้งดึ๋ง ส่วนอีกแบบใช้แป้งดับเบิ้ลโอผสมไข่ หน้าตาคล้ายบะหมี่ ด้วยเนื้อแป้งที่ละเอียดกว่าแบบแรกทำให้เส้นแบบนี้มีความนุ่มกว่า         เริ่มต้นด้วยของกินเรียกน้ำย่อย Chorizo in red wine ไส้กรอกโชรีโซจากสเปนได้ทั้งรสชาติครบเครื่องตามแบบฉบับดั้งเดิมจับคู่กับซอสไวน์แดงได้อย่างลงตัว กินคู่กับขนมปังซาวร์โดวจ์พอกระตุ้นความอยากให้กับอาหารจานต่อไป     เริ่มต้นด้วย Pesto คอมฟอร์ทฟู้ดจานเด็ดประจำร้าน เลือกใช้เส้น Reginette ที่มีลักษณะเป็นเส้นยาวมีความหงิกงอ ด้วยสูตรของทางร้านที่เน้นทำซอสตามแบบฉบับต้นตำรับแท้ ๆ ถ้าใครอยากจะลิ้มลองรสชาติพาสตาคลาสสิกก็ต้องเป็นจานนี้เลย     จานต่อมาคือเมนูทวิสต์ที่ใช้พาสตากับกิมจิ ใช้น้ำจากกิมจิมาเป็นซอสผัดจนแห้งจนซึมเข้าไปในตัวเส้น จึงได้รสชาติที่มีความเอเชีย เปรี้ยว เผ็ดอย่างลงตัว     Beef Stroganoff เป็นจานไฮไลต์ที่มีเฉพาะในสาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซีเท่านั้น โดดเด่นด้วยเส้น พัพพาร์เดลเล (pappardelle) ใช้เนื้อส่วนสันนอกมาจี่ทำเหมือนสเต็ก ราดซอสที่เบสด้วยสต็อกเนื้อ ซาวร์ครีมและคัสตาร์ด ได้ทั้งรสชาติและกลิ่นหอมจากเนื้อคำโตเข้ากันอย่างดี     ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ร้าน Nam Nam มีบริการ Delivery และ Take away ผ่านทางไลน์ออฟฟิเชียล @namnampasta (สาขาซอยศูนย์วิจัย) และ @namnam.at.embassy (สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี) ติดต่อผ่านเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม หรือสั่งผ่านแอปพลิเคชั่น Line man หรือ Grab ก็ได้เช่นกัน

โรงเสบียง (Rong Sabiang) ร้านหัวใจสีเขียวที่ซ่อนตัวอยู่ในโครงการ Sansiri Backyard @ T77 Community ในซอยสุขุมวิท 77 ที่มีเพื่อนพ้องรักษ์โลกอย่าง ไร่กำนันจุล ปฐม และตลาดต้นไม้ปองโยอยู่ในโครงการนี้ด้วย       ด้วยคอนเซ็ปต์ Farm to table ทำให้โรงเสบียงเหมาะกับโครงการสีเขียวนี้ที่สุด วัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารในร้าน สดจากไร่ออแกนิคของกำนันจุล และจากแปลงผักหลังร้านของโครงการ Sansiri Backyard อีกด้วย     ภายในร้านตกแต่งได้อย่างน่านั่ง ใช้สีเขียวสบายตาสดชื่น มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่เผยรับแสงธรรมชาติ มองเห็นสวนเล็กๆ ส่วนพื้นที่หน้าร้านก็ฮอตไม่แพ้กันเพราะถูกจับจองจนเต็มทุกเย็น       อาหารเป็นสไตล์ออลเดย์ไดนิ่งทั้งอาหารไทยและยุโรป รวมทั้งอาหารกลางวันจานด่วน และมื้อสายในวันหยุด เป็นเมนูที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น ปลาแห้งแตงโมสิงห์บุรี (220 บาท) เมนูโบราณที่ใช้แตงโมสดหวานสีแดงฉ่ำน้ำ หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ โรยด้วยปลาแห้งจาก จ.สิงห์บุรี ที่ตำและป่นมาจนเนื้อฟู ปรุงรสเค็มๆ หวานๆ กินแล้วสดชื่นคลายร้อน     ข้าวยำโรงเสบียง (290 บาท) เมนูประจำร้านใช้ผักสดคุณภาพดี ปลอดสารพิษ ประกอบไปด้วยผักสวนครัวอย่าง ตะไคร้ ใบมะกรูด ถั่วฝักยาว ส้มโอ แครอต ถั่วงอก แตงกวา เสิร์ฟพร้อมข้าวสีฟ้าอมม่วงสวยจากดอกอัญชัน เคล้ากับน้ำข้าวยำรสเค็มหวานกลมกลม เป็นเพื่อสุขภาพที่กินแล้วอิ่มเบาสบายท้อง     แกงเหลืองปลากะพงมะละกอสวน (260 บาท) แกงเหลืองน้ำแกงเข้มข้นที่ใช้พริกแกงทำเอง มีกลิ่นหอมของสมุนไพรในเครื่องแกง กับเนื้อปลากะพงสดจากทะเล เนื้อแน่น รสหวาน ใส่มะละกอดิบจากสวน ทำให้แกงชามนี้อร่อยครบรส     ริบอายนิวซีแลนด์ & เกรวี (380 บาท) เนื้อส่วนริบอายจากนิวซีแลนด์ หมักและย่างจนมีกลิ่นหอม เสิร์ฟพร้อมซอสเกรวีที่เคี่ยวกว่า 4 วัน จนมีรสนุ่ม และมันบดโฮมเมดหอมกลิ่นเนย เนื้อแน่นเนียน     นอกจากอาหารอร่อยแล้ว ยังมีเครื่องดื่มอย่างกาแฟ คราฟต์ค็อกเทล และชาพิเศษที่ทำจากพืชผักและดอกไม้ในสวน ให้จิบพร้อมรับบรรยากาศธรรมชาติอย่างเต็มเปี่ยม  

Samsen Villa Life สาขา The River ร้านอาหารบรรยากาศสุดโรแมนติกริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เน้นปรับลุคให้เข้ากับยุคสมัย โดยชูไลฟ์สไตล์เรียบง่ายที่เข้าถึงได้ทุกเจเนอเรชัน ไม่เพียงตกแต่งสไตล์โมเดิร์นลอฟท์ชวนนั่ง ทิวทัศน์ของลำน้ำเจ้าพระยายังเป็นไฮไลต์ที่ใครก็ไม่อยากพลาด         อีกทั้งชื่อ “สามเสนวิลล่า” ยังการันตีเรื่องของรสชาติได้เป็นอย่างดีเพราะถือเป็นตำนานของสายกิน-ดื่มรุ่นเก๋ามายาวนานกว่า 40 ปี โดยเฉพาะเมนูคู่ร้านอย่างหมูสะเต๊ะสูตรต้นตำรับที่ยังคงอร่อยนุ่มลิ้นไม่ต่างจากวันแรกที่เปิดร้าน ยิ่งกินแกล้มกับเบียร์วุ้นแก้วแช่ที่จับเข้าคู่กันเมื่อไหร่ ก็อร่อยถึงใจเมื่อนั้น           นอกจากหมูสะเต๊ะรสเด็ดเรายังเทใจให้ซิกเนเจอร์ที่ขายดีตีคู่กันมาอย่างขาหมูเยอรมัน ขาหมูไซส์พิเศษ เนื้อนุ่มหนังกรอบและมีมันน้อย ชูรสด้วยน้ำจิ้มซีอิ๊วหวานหรือจะเลือกแตะน้ำจิ้มซีฟู้ดก็เป็นทางเลือกที่เพิ่มความสดชื่นจี๊ดจ๊าด ทำให้กินได้เรื่อย ๆ ไม่รู้สึกว่าเลี่ยนเลย       อีกเมนูรสเลิศยกให้ซี่โครงหมูย่างซอสบาร์บีคิว ทางร้านเสิร์ฟซี่โครงหมูยกแผงใหญ่ให้อร่อยได้จุใจแบบไม่ต้องแย่งกัน กลิ่นหอม ๆ เคลือบซอสฉ่ำ ๆ รสชาติเข้มข้นสไตล์อเมริกัน ผสานระดับความนุ่มฟินเกินร้อยแค่ใช้มีดกดเบาๆ เนื้อก็หลุดล่อนจากกระดูก เคี้ยวเพลินหมดจานไม่รู้ตัว       ปิดท้ายกับยำสามเสนไลฟ์ ส้มโอเนื้อเปรี้ยวอมหวานกำลังดี คลุกเคล้ากับเครื่องเคราและน้ำยำ 3 รส จบด้วยกุ้งสดลวกพอสุก กินเคียงกับเกี๊ยวกรอบไร้มัน วันไหนรู้สึกอ่อนล้ากับการทำงานกินแล้วจะรู้สึกเหมือนได้ชาร์ตพลัง ไม่แน่ว่าไอเดียดี ๆ อาจเกิดขึ้นตรงนี้ก็ได้     แถมราคายังย่อมเยาสบายกระเป๋า ไม่ต้องรอให้ถึงโอกาสพิเศษก็แวะมาชิลได้ทุกเวลา

River Wine ร้านสวยสะดุดตาริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ดีกรีความเท่นั้นเกินร้อย ด้วยการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นลอฟต์ เน้นคอนกรีตเสริมเหล็กสีดำและปูนเปลือย ก่อนเบรกความดิบด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่และสระน้ำใสๆ ให้พักสายตา       นอกจากดีไซน์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร พื้นที่อันกว้างใหญ่ยังช่วยให้จัดสรรมุมชิคๆ คูลๆ ได้อย่างหลากหลาย ลูกค้าเลือกนั่งได้สบายแบบไม่รบกวนกัน แต่ถ้าอยากได้มุมมหาชนอย่างโซนที่นั่งปูนเปลือยกลางสระน้ำที่ระดับน้ำสูงจนเกือบถึงไหล่ก็อาจต้องกริ๊งกร๊างจับจองกันล่วงหน้าเพื่อไม่ให้พลาดมุมไฮไลต์นี้ อีกโซนขายดีคือบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีวิวสวยๆ ให้นั่งชมแบบพาโนรามา ผ่อนคลายจนไม่อยากลุกไปไหน           ส่วนเมนูอาหารเล่มโตบรรจุรายการอาหารไว้นับร้อยทั้งอาหารไทยและนานาชาติ เริ่มที่จานเด็ดอย่างพาสตาปลาเค็ม ลูกผสม 2 สัญชาติที่ทำได้อย่างกลมกล่อมลงตัว เส้นพาสตาเหนียวนุ่มเคลือบด้วยรสเค็มๆ มันๆ ผสานกลิ่นหอมละมุนไม่ฉุนแรงของปลาเค็ม เรายังชอบที่มีเนื้อปลาเค็มชิ้นเล็กๆ ใส่มาให้เคี้ยวเล่นด้วย        ต่อด้วยหมี่กระเฉด ผัดหมี่สูตรโบราณใส่กุ้ง หมึกสด หมึกกรอบ ทีเด็ดอยู่ที่หมี่ขาวเส้นนุ่มหอมกลิ่นพริก กระเทียม และหอมแดง ตามด้วยผักกระเฉดคัดเฉพาะยอดอ่อน ไม่เหนียวแต่เคี้ยวกรุบ ปรุงรสกลมกล่อมเจือเผ็ดเล็กน้อยที่ปลายลิ้น ทั้งยังผัดได้ค่อนข้างแห้ง ไม่มีน้ำมันส่วนเกิน กินแล้วถูกปากจนอยากสั่งเพิ่ม       อีกเมนูที่นิยมสั่งกันทุกโต๊ะคือทอดมันกุ้ง ทอดมันชิ้นกลมโตแอบมีรูตรงกลางเหมือนโดนัท ทางร้านทอดได้กรอบนอกนุ่มใน เคี้ยวสู้ฟันด้วยเนื้อสัมผัสของกุ้งสับเน้นๆ ชูรสชาติด้วยน้ำจิ้มบ๊วยรสเปรี้ยวนำหวานตาม นอกจากเป็นร้านอาหารสำหรับทุกคนในครอบครัวแล้ว River Wine ยังเป็นไวน์บาร์ชื่อดังในย่านนี้ เพราะรวบรวมไวน์ดีจากทั่วโลกมาไว้ในที่เดียว รวมถึงเครื่องดื่มอย่างสปิริต เบียร์ ค็อกเทล หรือม็อกเทลก็มีไว้รองรับ (นักดื่ม) ทุกคน     จุดหมายของสายกิน(ดื่ม)ครั้งต่อไป ต้องมีชื่อร้านนี้ในใจแล้วล่ะ

ใครเป็นแฟนประจำร้านอร่อยแห่งนาจอมเทียน พัทยาอย่าง The Glass House Pattaya อย่าลืมแวะมาลองความอร่อยในบรรยากาศสไตล์ยุโรปสุดเก๋ของ The Glass House Silver” สาขาใหม่ใจกลางพัทยาเหนือ ที่มาพร้อมความโดดเด่นทั้งการตกแต่งที่สวยงาม มุมถ่ายรูปสุดชิคทั้งภายใน ภายนอก และบริเวณริมหาดวงศ์อมาตย์ ไปจนถึงเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลายทั้งไทย ญี่ปุ่น อิตาเลียน และซีฟู้ดครบครัน           นอกจากเมนูยอดนิยมอย่างปลากะพงทอดราดน้ำปลาตัวโต กรอบนอกนุ่มในกำลังดี โรยเส้นหมี่ทอดกรอบ เสิร์ฟพร้อมน้ำปลาและน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้ว ลองสั่งปลาอินทรีล่องใต้ ปลาอินทรีทอดคลุกเคล้าเครื่องแกงรสเข้มข้น ใส่ใบชะพลูทอด       หรือปูนิ่มผัดพริกเกลือ มากินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยเพลิน หรือถ้าอยากได้เมนูเบาๆ เอาใจสายแซ่บ เราแนะนำยำส้มโอกุ้งและพล่ากุ้งหมูสับรสจัดจ้าน         สำหรับสายอาหารฝรั่งต้องลอง Owner’s Salad เมนูสลัดซิกเนเจอร์ที่มีทั้งอโวคาโด มะเขือเทศ ทูน่า แอปเปิล ส้ม และวอลนัต ราดน้ำสลัดบัลซามิกรสเปรี้ยว และ Fettuccine Tom Yum เส้นเฟตตูชินีเหนียวนุ่มไปกันได้ดีกับซอสครีมต้มยำรสกลมกล่อม       ส่วนคนรักของหวานอย่าลืมเก็บท้องไว้ชิม Crispy Roti White Choc Cream โรตีกรอบ (ที่ทำออกมาได้บางและกรอบมากๆ) ดิปกับซอสครีมที่ผสมไวต์ช็อกโกแลตหวานหอมละมุนลิ้น และ Crepe Banana Nutella เครปช็อกโกแลตทำสด สอดใส้กล้วยหอมหั่นชิ้นอัดแน่น โรยถั่วพีแคน ราดซอสช็อกโกแลตนูเทลลาหอมหวาน (เมนูนี้อาจต้องเผื่อเวลารอสักนิด เพราะใช้เวลาในการทำประมาณ 10 – 15 นาที)    

คงไม่บ่อยครั้งที่เราจะได้ดินเนอร์พร้อมชมวิวริมระเบียงเฉียดฟ้าในจุดที่สูงที่สุดของกรุงเทพฯ แบบไม่มีสิ่งใดปิดกั้น แค่คิดก็สนุกแล้วเพราะฉะนั้นอย่ารอช้าเราอยากชวนทุกคนมาที่ Bangkok Balcony ชั้น 81 โซน Sky Box มุมดินเนอร์สุดอเมซซิ่งที่ควรมีสักครั้งในชีวิต           ก่อนดื่มด่ำกับมื้อค่ำสุดพิเศษ อย่าพลาดโมเมนต์สุดชิลคือการขึ้นไปชมวิวบนชั้น 77 และดาดฟ้าพื้นหมุนบนชั้น 84 ในมุมมอง 360 องศากว้างไกลสุดสายตาเพื่อเก็บภาพดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าได้อย่างเต็มที่ แต่เดี๋ยวก่อน...อย่าลืมเหลือเมมโมรี่ไว้เก็บภาพสวยๆ ระหว่างมื้ออาหารกันด้วยล่ะ               ความดีงามของโซน Sky Box นอกจากมุมมองแบบ Bird Eye View สุดอลังการแล้วก็คืออาหารจานเด็ดที่ยกขบวนมาให้ลิ้มลองอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยเซ็ตเมนูสุดพรีเมียมไม่ว่าจะเป็นฟัวกราส์, ซุปล็อบสเตอร์, ซูชิวากิว, ซีฟู้ดย่าง, นาเบะเนื้อวากิวสไลด์, ติ่มซำ               สเต๊กเนื้อชั้นดีก็มีให้เลือกอย่างเต็มที่ อาทิ สเต๊กเนื้อสันในออสเตรเลีย, สเต๊กซี่โครงแกะออสเตรเลีย, สเต๊กลิ้นวัว, สเต๊กแซลมอน หรือสะโพกนางฟ้า รวมถึงอีกหลายเมนูที่เสิร์ฟให้กินแบบจุใจ โดยเฉพาะไวน์ชั้นดีให้คุณละเลียดพร้อมกับชมวิวอย่างเพลิดเพลิน             หรือถ้ายังไม่จุใจก็สามารถเลือกฟินไปกับเมนูบุฟเฟต์โซนด้านในได้อีกไม่อั้นอีกด้วย ยกให้เป็นดินเนอร์สุดอเมซซิ่งแห่งปี ที่มีแต่คำว่าประทับใจจริงๆ  

ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น Portobello & Désiré ร้านในสวนสวยสไตล์อังกฤษที่เริ่มต้นจากการทำแบรนด์เฟอร์นิเจอร์มาก่อน  ที่นี่จึงเต็มไปด้วยโต๊ะและเก้าอี้แบบวินเทจตามความชอบของเจ้าของร้าน ด้านนอกร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่ ส่วนด้านในตกแต่งได้อย่างน่ามอง ไม่ว่าจะเป็นโทนสีที่ใช้ ภาพถ่ายบนผนัง โคมไฟ ชุดน้ำชา รวมถึงดอกไม้สวยๆ มองมุมไหนก็มีชีวิตชีวา           เริ่มต้นมื้อนี้ด้วย Greek Salad กรีกสลัดที่กินแล้วได้ความสดชื่นจากมะเขือเทศ มะกอกดำ พริกหวาน หอม แตงกวา และเฟต้าชีส ราดด้วยเดรซซิงรสชาติเปรี้ยวหวาน     ตามด้วย Spaghetti Seafood สปาเกตตีซีฟู้ก ใส่ทั้งกุ้ง ปลาหมึก หอยเชลล์ และหอยแมลงภู่ ผัดกับกระเทียมและพริกแห้ง กลิ่นหอมและรสชาติจัดจ้าน อีกเมนูห้ามพลาด Roasted Chicken ไก่ส่วนสะโพกที่นำไปซูวีดก่อนแล้วนำมาอบอีกครั้ง เสิร์ฟพร้อมมันบดทำเองเนื้อเนียน ซอสเกรวี่ และสลัดผัก       อิ่มคาวแล้วต่อด้วยของหวาน Caramel Apple (เมนูนี้ไม่มีในสมุดเมนู) แอปเปิลเขียวทั้งลูกเคลือบด้วยคาราเมล โรยด้วยอัลมอนด์สไลซ์ ได้ทั้งความกรอบและรสเปรี้ยวสดชื่นของแอปเปิล ตัดด้วยรสหวานจากคาราเมลที่เคลือบอยู่ด้านนอก     Fruit Tart  ทาร์ตผลไม้ 6 ชิ้นเสิร์ฟอย่างน่ารัก ทั้งส้ม พีช และสตรอว์เบอร์รี่ ไปด้วยกันได้ดีกับครีมคัสตาร์ตรสนุ่มนวลหวานน้อยที่ทางร้านทำเอง แล้วปิดท้ายด้วย Panna Cotta โดดเด่นด้วยซอสเบอร์รี่โฮมเมดรสเปรี้ยวอมหวานและผลสตรอว์เบอร์รี่สดที่ทำให้เมนูนี้น่ากินเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว    

ไม่เพียงเป็นที่พักที่พร้อมให้เรา “หลับสบาย” อย่างแท้จริงเท่านั้น แต่ “OZO North Pattaya” โรงแรมน้องใหม่บนถนนเลียบชายหาดพัทยายังตอบโจทย์สายกินอย่างเต็มอิ่ม เพราะที่นี่มีEat Restaurant” ห้องอาหารคอนเซ็ปต์ All Day Dining พื้นที่กว้างขวางนั่งสบายที่พร้อมให้เราอร่อยกับหลากหลายเมนูเด็ดกันได้ทั้งมื้อเช้า กลางวัน และเย็น           ที่นี่พร้อมเสิร์ฟเมนูอร่อยทั้งไทย อาเซียน และนานาชาติ ฝีมือเชฟมากประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นเมนูเบาๆ อาทิ Prawn & Mango ยํามะม่วงสุกใส่กุ้ง รสเปรี้ยวหวานสดชื่น และ Chicken Satay ไก่สะเต๊ะกินเพลิน รวมทั้งเมนูจานหลักอย่าง Beef Massaman มัสมั่นเนื้อวัวรสกลมกล่อม         ส่วนใครมองหาเมนูอาหารจานเดียว เราแนะนำ Prawn Padthai ผัดไทยกุ้งสดเส้นเหนียวนุ่ม ผัดเสิร์ฟร้อนๆ จานใหญ่จัดเต็ม อย่าลืมเก็บท้องไว้ชิม Mango Sticky Rice ข้าวเหนียวมะม่วงสูตรเด็ด และ Red Velvet Tiramisu เค้กเรดเวลเวต ด้านบนเป็นทิรามิสุหอมหวาน         และหากช่วงเย็นใครอยากมานั่งชิลๆ โซนด้านนอกของห้องอาหารยังเป็นบาร์ริมสระว่ายน้ำที่มีทั้งคอกเทล มอกเทล และเครื่องดื่มหลากหลายให้จิบเคล้าเมนูกินเล่นอย่าง Bruschetta ขนมปังปิ้งหน้าชีสบรูสเกตตา Buffalo Chicken Wings ปีกไก่ย่างหมักซอสบาร์บีคิวรสเข้มข้น และ Mango Tango Salad สลัดมะม่วงมาพร้อมกุ้งสดตัวโต           แต่ถ้ายังไม่อิ่ม เราแนะนำ OZO Cajun ซิกเนเจอร์เบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ยักษ์ที่ให้เราเลือกได้เนื้อวัว หมู ไก่ และมังสวิรัติ เรียกว่าอิ่มประทับใจไปตลอดคืนกันเลยทีเดียว  

ณ ชั้น 6 ของห้างสรรพสินค้าใหญ่ยักษ์อย่าง ICONSIAM มีร้านที่ชื่อว่า “HOBS” เป็นบาร์วิวดี ที่มีโลเคชั่นติดอยู่กับร้าน Fallabella River Front ให้คุณได้สัมผัสลมเย็นๆ ที่มากระทบใบหน้า ช่วยผ่อนคลายความร้อนและความอบอ้าว มองไปเบื้องหน้าจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาผืนกว้าง ตึกสูงน้อยใหญ่ที่ทำให้เมืองกรุงฯ กลายเป็นป่าคอนกรีต ถึงแม้ว่าจะดูวุ่นวายแต่ก็งดงามอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน       นอกจากจะตกแต่งสถานที่ให้คุณดื่มด่ำกับวิวสวยๆ แล้ว ฮอบส์ยังให้คุณผ่อนคลายไปกับดนตรีสดแสนไพเราะ เคล้าอาหารโฮมเมดนานาชาติอันหลากหลาย ให้เหล่าฟู้ดดี้ได้ลิ้มลองและสร้างความประทับใจ โดยเฉพาะสายดื่มที่เพลินไปกับการจิบค็อกเทลรสเลิศ หรือเบียร์ประเภทต่างๆ ซึ่งขอบอกเลยว่ามีให้คุณเลือกได้อย่างละลานตา ใครกำลังมองหาที่แฮงเอาท์ก็เตรียมปักหมุดแล้วหาวันหยุดมานั่งสังสรรค์ที่นี่ได้เลย       เรียกน้ำย่อยด้วยอาหารเม็กซิกันอย่าง  Beef Nachos​ แผ่นข้าวโพดทอดกรุบกรอบ รสเค็มกลมกล่อม ด้านบนมีซอสเนื้อและชีสมอซซาเรลลาเยิ้มๆ จิ้มกับซอสซัลซ่ามะเขือเทศรสเปรี้ยวสดชื่น และซาวครีมหอมมัน     ตามด้วยเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Truffle Cheese Bomb เบอร์เกอร์ชิ้นบิ๊กเบิ้ม ขนมปังบันนุ่มๆ ประกบเนื้อทอดหอมฟุ้งสีเหลืองทองน่ากิน ที่ด้านในซ่อนชีสครีมมีเยิ้มๆ เอาไว้ กัดกินพร้อมกันสร้างความเซอร์ไพรส์ให้เราไม่น้อยเลย เสิร์ฟคู่กับมันฝรั่งทอด ข้าวโพดย่าง และมันบดเนื้อเนียน     Pork​ Knuckle หรืออีกชื่อที่คนไทยคุ้นหูกันว่า “ขาหมูเยอรมัน” ชิ้นโตๆ ทอดจนหอมกรุ่น หนังกร๊อบกรอบ เนื้อนุ่ม ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเปรี้ยวนิดเผ็ดหน่อย ตัดเลี่ยนด้วยผักดอง     ยังมี Sausage Platter ไส้กรอกเยอรมันสูตรลับฉบับของทางร้าน มีมาให้คุณได้เลือกอร่อยถึง 4 แบบ อาทิ ไส้กรอกเนื้อวัวผสมเนื้อหมู ไส้กรอกเนื้อหมูผสมไก่ ไส้กรอกเนื้อหมูล้วน และไส้กรอกเนื้อหมูผสมชีส กินพร้อมกับมันบดราดน้ำเกรวีรสเค็มละมุน สุดเข้ากัน     มาถึงจานขายดีอย่าง Mussels​ Leffe หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวอ้วน คลุกเคล้าไปกับซอสสูตรโฮมเมดที่ทำมาจากเบียร์ ให้กลิ่นหอมๆ และรสเปรี้ยวอมหวาน     จิบคู่กับม็อกเทลแก้วเด็ดดวงอย่าง Lost in the Forest รสชาติเปรี้ยวแกมหวานนี้ได้มาจากการผสมผสานระหว่างซอสสตรอว์เบอร์รี ซอสราสป์เบอร์รี น้ำแครนเบอร์รี และตะไคร้     Hidden Gem in the Garden จิบแล้วชื่นใจดี เสาวรส ชาหญ้าหวาน น้ำผึ้ง และใบเบซิล รวมกันเป็นรสชาติที่ลงตัว     ปีใหม่ใครยังไม่มีที่เค้าท์ดาวน์เราแนะนำที่นี่เลย

อยู่ดี ๆ ริมท่าเรือ ASIATIQUE The Riverfront  ก็มีเรือลำใหญ่มาจอดเทียบท่า “สิริมหรรณพ” คือชื่อของเรือลำนี้ที่มาพร้อมกับเสากระโดงขนาดใหญ่ 3 เสา โดดเด่นเป็นสง่า และดาดฟ้าเรือที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา คอยอ้าแขนต้อนรับนักเดินทางทุกคนให้ขึ้นมากินลมชมวิวท่ามกลางบรรยากาศสุดหรูหราและคลาสสิค       สิริมหรรณพ เป็นเรือที่มีต้นแบบมาจากเรือสำเภาสามเสาของราชนาวีไทย หรือ “เรือทูลกระหม่อม”  ซึ่งเป็นเรือพาณิชย์ที่นำสินค้าจากสยามไปค้าขายยังต่างประเทศในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีทั้งหมด 2 ชั้น ชั้นแรกคือดาดฟ้าเรือ (Upper deck) มีบาร์เครื่องดื่มพร้อมกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยา มีห้องวีไอพี ชื่อว่า เดอะ บริดจ์ (The Bridge) ที่รองรับได้สูงสุด 6 ท่าน มาพร้อมกับประตูและบันไดลับลงไปสู่บาร์รัมที่ซุกซ่อนอยู่อยู่ใต้ท้องเรือลำนี้     ส่วนชั้นล่างนั้นอยู่ใต้ท้องเรือ (Lower Deck) ก็จะได้อีกบรรยากาศที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัวด้วยห้อง Secret Cabins และตามฝาผนังยังเรียงรายไปด้ายภาพเก่าและหน้าจอสัมผัสบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของเรือลำนี้       สิริมหรรณพยังเป็นเสมือนไทม์แมชชีน เล่าย้อนเวลากลับไปเมื่อราว ๆ ร้อยกว่าปีที่แล้ว ถึงการค้าขายระหว่างสยามกับประเทศตะวันตกผ่านทางเรือ อาหารบนเรือลำนี้จึงมีคอนเซปต์ว่า East meets West สอดแทรกเรื่องราวการเดินทางของเหล่าลูกเรือ และแสดงให้เห็นถึงวัฒนธรรมการกินของผู้คนในแต่ละดินแดนที่เรือแล่นผ่าน       Smoky Eggplant ยำมะเขือยาวจานนี้หยิบจับเอาวัฒนธรรมการรมควันของชาวตะวันตกมาใช้กับมะเขือยาว เลยทำให้จานนี้มีทั้งกลิ่นอายไทยและเทศ บวกกับน้ำสลัดที่รสชาติจัดจ้านและความกรุบกรอบของหอมเจียวและกระเทียมเจียว ยิ่งทำให้รสชาติเข้ากันอย่างน่าประหลาดใจ     จานต่อมายังเป็นแนวสลัดเช่นกัน มีชื่อว่า Fresh Asian Baby Green แต่จะพิเศษกว่าสลัดทั่วไปเพราะใช้น้ำมะขามแทนมะนาว (ได้แรงบันดาลใจจากเหล่าลูกเรือสมัยก่อน ที่มักจะพกมะขามขึ้นเรือไปทดแทนการใช้มะนาวที่เน่าเสียง่าย) นำไปราดบนผักสลัดแนวตะวันตกและยังเสริมสมุนไพรไทยอย่างสะระแหน่ ผักชี และโหระพา ให้รสและกลิ่นที่สดชื่นแตกต่างจากสลัด     Slow-cooked Chicken Thigh เมนูนี้ประกอบไปด้วยเครื่องเทศที่สดใหม่เพราะเรือสิริมหรรณพเทียบท่าอยู่ไม่ไกลจากเจริญกรุงและเยาวราช ซึ่งเป็นแหล่งซื้อขายเครื่องเทศสำคัญของกรุงเทพมหานคร และยังหยิบจับผักดอง (Pickle) ที่เป็นอาหารตะวันตกมาตัดกับรสชาติของน้ำซอสถั่วลิสงรสชาติหวานมัน เข้ากับเนื้อไก่นุ่ม ๆ กินกับข้าวตังเพิ่มสัมผัสกรุบกรอบ     หรือถ้าอยากได้เมนูเคี้ยวสนุกเคี้ยวได้เรื่อย ๆ ตกยกให้กับ Green Papaya Fries มะละกอชุบแป้งทอด มาพร้องซอสเบงกอล แน่นด้วยรสชาติผงกะหรี่สไตล์อินเดีย     Crunchy Fish Sliders เบอร์เกอร์นี้เลือกใช้ปลาคอดจากสแกนดิเนเวีย เพราะเนื้อปลาชนิดนี้หากนำไปแช่แข็งแล้วจะมีสัมผัสเหมือนฟองน้ำ เมนูนี้จึงยืนยันเรื่องความสดใหม่ของวัตถุดิบได้เป็นอย่างดี เมื่อนำไปชุบแป้งทอดแล้วก็จับคู่กับซอส Danish Remoulade ได้กลิ่นอายของผักดองสไตล์เดนมาร์ก     จบที่ Oyster หอยนางรมสด ๆ เหล่านี้คัดเลือกมาจากทุกแหล่งทั่วทุกมุมโลก เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้านสไตล์ไทยแท้ และ Pineapple Vinegar ที่ให้รสเปรี้ยวตัดกับรสของหอยนางรมได้ดี ได้อีกรสชาติที่แตกต่าง     เครื่องดื่มหลากหลายเมนูเป็นเสมือนจุดเด่นของเรือลำนี้ เมื่อไปยืนหน้าบาร์แล้วให้มองหากล่องไม้แล้วลองเปิดดู จะพบกับเมนูค็อกเทลซิกเนเจอร์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผลไม้เมืองร้อนทั้งหมด   ค็อกเทลแก้วแรกที่ได้รับความนิยมมาก ๆ คือ I am Farang  มีเบสของจินนำไปอินฟิวส์กับชาเอิร์ลเกรย์ จึงไม่ต้องแปลกใจที่แก้วนี้จะเสิร์ฟมาในกล่องชาลวดลายวิจิตร และแน่นอนว่าต้องมีส่วนผสมของน้ำฝรั่งอยู่ในแก้วนี้ด้วยให้สมกับชื่อ     Lychee  แก้วนี้ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กันเพราะดื่มง่าย ได้รสหวานอบเปรี้ยวของลิ้นจี่ ซีตรัส องุ่นเขียว เบสด้วยวอดก้า ได้รสชาติซ่าบซ่า     ราชินีแห่งผลไม้ก็มีให้ลิ้มลองเหมือนกันในแก้วที่มีชื่อว่า Rambutan  เบสด้วยวอดก้า รัม ผสมผสานกับรสชาติของเงาะ เชอร์รี่ และน้ำใบเตย แก้วนี้เลยมีความหวานละมุนดื่มง่าย     สำหรับค่ำคืนสุดพิเศษ ลองมาเยือนสิริมหรรณพสักครั้งเพื่อสัมผัสความหรูหราและกลิ่นอายของการเดินทาง ในราคาที่ไม่แพงอย่างที่คิด